Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปน้ำสมุนไพร

สรุปน้ำสมุนไพร

Published by Piathip Sangseebarng, 2021-09-29 03:46:34

Description: สรุปน้ำสมุนไพร

Search

Read the Text Version

-ก- คานา การสรุปผลการจัดกจิ กรรมหลักสูตรรูปแบบวิชาชพี กลุ่มสนใจ การทานา้ สมุนไพรเพ่ือสุขภาพ เป็น การจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลการอบรม เพื่อส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ต่อประชาชนผู้สนใจซึ่งเป็นการ ตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนในพื้นที่เพ่ือให้มีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน ในกระบวนการเรียนรู้จะแตกต่าง ออกไปตามพ้ืนท่ีในแต่ละพ้ืนท่ี กลุ่มเปูาหมาย วิถีการดาเนินชีวิตที่ดีข้ึน สภาพแวดล้อมล้วนแต่ส่งผลต่อการ เรยี นรูท้ ั้งส้ิน กระบวนการเรยี นรู้จะประกอบด้วยภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพือ่ เป็นการฝกึ ทกั ษะเรียนรู้ให้แก่ ประชาชนกลุ่มเปูาหมายใหส้ ามารถนาความรแู้ ละประสบการณท์ ีไ่ ดไ้ ปปรับประยกุ ต์ใชใ้ นการดาเนินชวี ติ ตอ่ ไป สรุปผลการจัดกิจกรรมเล่มนี้ ได้เรียบเรียงผลการจัดกิจกรรมหลักสูตรรูปแบบวิชาชีพกลุ่มสนใจ การทาน้าสมุนไพรเพ่ือสุขภาพ ผู้จดั ทาหวงั เป็นอย่างย่ิงว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยต่อผู้ท่ีพบเห็น หากมี ข้อผิดพลาดหรือมีข้อเสนอแนะที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ กรุณาแจ้งผู้จัดทาทราบ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการ ปรับปรุง แก้ไขข้อมลู ในครัง้ ต่อไป และขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสน้ี นางสาวเปยี ทพิ ย์ แสงสีบาง กศน.ตาบลทา่ สะแก

-ข- หน้า ก สารบญั ข ๑ คานา สารบัญ ๒ บทที่ ๑ รายงานผลการจัดกิจกรรมหลกั สูตร การทาน้าสมนุ ไพรเพ่ือสุขภาพ ๕ ความเป็นมา ๑๑ สถานที่ วัน/ระยะเวลาที่จดั กิจกรรม ๑๕ วิทยากร ผู้รับผดิ ชอบ บทที่ ๒ หลักสตู รและเอกสารท่ีเกย่ี วข้อง บทที่ ๓ การดาเนินกิจกรรมการเรียนการสอน การดาเนินการจดั กิจกรรม ผ้เู ขา้ ร่วมกจิ กรรม เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ในการจัดกิจกรรม การเก็บรวบรวมข้อมูล การวเิ คราะหข์ อ้ มูล ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน บทท่ี ๔ สรปุ อภปิ ราย และขอ้ เสนอแนะ การดาเนนิ การจัดกิจกรรม สรุปผลการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน อภปิ รายผล ข้อเสนอแนะในการดาเนนิ การกลุ่มครง้ั ต่อไป จดุ เด่นของกลุม่ ภาคผนวก ภาพกิจกรรม เอกสารทเี่ ก่ยี วขอ้ ง คณะผู้จดั ทา

บทที่ 1 รายงานผลการจดั กจิ กรรม หลักสูตรวิชาชีพกลมุ่ สนใจการทานา้ สมนุ ไพรเพ่ือสขุ ภาพ ความเป็นมา หลักสูตรวิชาชีพกลุ่มสนใจการทาน้าสมุนไพรเพ่ือสุขภาพได้จัดทาข้ึน ในปีงบประมาณ 2564 โดยเน้อื หาหลักสตู รมาจากการสารวจความตอ้ งการในดา้ นอาชพี ของประชาชน ในหมู่ 4 บ้านท่าสะแก ตาบลท่าสะแก อาเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณโุ ลก ซงึ่ มีความต้องการให้มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ในวิชาดังกล่าว เพื่อเป็นการพัฒนาตนเองในครอบครัว การเสริมสร้างอาชีพและพัฒนาต่อยอดเป็นอาชีพใน ชุมชน การสรุปรายงานการจัดกิจกรรมหลักสูตรวิชาชีพกลุ่มสนใจการทาน้าสมุนไพรเพื่อสุขภาพ เป็นสว่ นหนง่ึ ที่สามารถนาไปใชใ้ นการจัดการศกึ ษานอกโรงเรียน ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันฐานพุทธศักราช 2551 ทม่ี หี ลักการ ศึกษาทม่ี ุ่งให้ผเู้ รยี นคิดเป็น แก้ปญั หาเป็น เน้นการเรียนร้แู บบบรู ณาการ และการปฏิบัติ จรงิ สอดคล้องกับวิถชี ีวิต นาไปประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิตและการประกอบอาชีพได้ทันที สามารถพัฒนา ศักยภาพของผูเ้ รียนใหเ้ ห็นคณุ ค่า มคี วามเชื่อมน่ั ในตนเอง สามารถพง่ึ พาตนเองได้ ตลอดจนแสวงหาความรู้ใน การพฒั นาตนเองและสงั คมอยา่ งต่อเน่ืองตลอดชีวิต โดยใช้วิธีการเรียนอย่างเหมาะสม ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ใน การค้นหาคาตอบได้ด้วยตนเอง การจะหาคาตอบได้ด้วยตนเองนั้น ผู้เรียนต้องมีทักษะ กระบวนการคิด วิเคราะห์ และลงมอื ฝกึ ปฏบิ ัติลองผดิ ลองถูกจนคน้ พบวิธีท่เี หมาะสมที่สุด แนวทางสาคัญในการดาเนนิ การต้อง เรมิ่ จากตวั ผู้เรยี น ใหผ้ ู้เรียนมีโอกาสได้เลือกเรียน เพื่อความเหมาะสมกับตัวของผู้เรียนเอง โดยการนาข้อมูล ของผู้เรียนแต่ละคนมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งรายบุคคลและเป็นกลุ่ม เพ่ือเช่ือมโยงกับหลักสูตร และชมุ ชน การสรปุ รายงานผลการจัดกจิ กรรมหลกั สูตรวิชาชพี กล่มุ สนใจการทาน้าสมุนไพรเพ่ือสุขภาพ เป็นการสะท้อนผลการดาเนนิ งาน อุปสรรคปญั หาท่ีเกิดขน้ึ จากการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน เพือ่ ปรับปรุง หลกั สตู รวชิ าชีพกล่มุ สนใจการแปรรูปกลว้ ยเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวติ ศักยภาพของผเู้ รยี นให้มีประสิทธิภาพ ตอ่ ไป สถานที่ บา้ นเลขท่ี 116 หมู่ 4 บ้านทา่ สะแก ตาบลท่าสะแก อาเภอชาตติ ระการ จังหวัดพิษณุโลก วัน / ระยะเวลาทจ่ี ัดกิจกรรม - ระหวา่ งวนั ท่ี 19 - 21 กันยายน 2564 - ระหว่างเวลา 09.00 – 15.00 น. - หลักสตู ร 15 ชัว่ โมง - วันละ 5 ชั่วโมง วทิ ยากร นางมณวี รรณ แสงสิงห์ ผรู้ ับผิดชอบ น.ส.เปยี ทิพย์ แสงสบี าง ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบลท่าสะแก

บทที่ 2 หลกั สูตรและเอกสารทเี่ กยี่ วข้อง การส่งเสรมิ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ในพระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ ได้กาหนด บทบาทในการส่งเสรมิ การเรียนร้ขู องรัฐ และสถานศึกษาต่าง ๆ ดังน้ี 1. รัฐตอ้ งส่งเสรมิ การดาเนินงาน และการจดั ตงั้ แหลง่ การเรยี นรู้ตลอดชีวติ ทุกรูปแบบ ไดแ้ ก่ หอ้ งสมดุ ประชาชน พพิ ิธภัณฑ์ หอศลิ ป์ สวนสตั ว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อทุ ยาน วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ศูนย์การกฬี าและนันทนาการ แหลง่ ข้อมลู และแหลง่ การเรยี นรู้ อย่างเพียงพอ และมีประสทิ ธภิ าพ 2. ให้คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน กาหนดหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐานเพอ่ื ความเปน็ ไทย ความเปน็ พลเมอื งดีของชาติ การดารงชีวิตและการประกอบอาชีพ ตลอดจนเพื่อ การศึกษาตอ่ 3. ใหส้ ถานศึกษาข้นั พน้ื ฐาน มีหนา้ ท่จี ัดทาสาระของหลักสูตรในสว่ นท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั สภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เพอ่ื เป็นสมาชิกที่ดีของ ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ 4. หลกั สูตรการศกึ ษาระดับต่าง ๆ ต้องมลี ักษณะหลากหลายเหมาะสมกบั แต่ละระดบั โดยมุง่ พัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคล สาระของหลักสูตร ทงั้ ทเ่ี ปน็ วิชาการ วชิ าชีพ ตอ้ งมุง่ พฒั นาคนให้มีความ สมดลุ ทัง้ ดา้ นความรู้ ความคิด ความสามารถ ความดีงาม และความรับผิดชอบตอ่ สังคม 5. ใหส้ ถานศึกษาร่วมกบั บคุ คล ครอบครวั ชุมชน องค์กรชมุ ชน องคก์ รปกครองสว่ น ท้องถน่ิ เอกชน องคก์ รเอกชน องค์กรวชิ าชพี สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอ่ืน สง่ เสริมความเข้มแขง็ ของชุมชน โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ภายในชุมชน เพ่อื ใหช้ ุมชนมีการจัดการศึกษา อบรม มกี ารแสวงหาความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร และรูจ้ กั เลอื กสรรภูมิปญั ญา และวิทยาการตา่ ง ๆ เพือ่ พัฒนา ชมุ ชนในสอดคล้องกบั สภาพปัญหาและความต้องการ รวมท้งั หาวธิ ีการสนบั สนุนให้มีการเปลยี่ นแปลง ประสบการณ์การพัฒนาระหวา่ งชมุ ชน 6. ให้สถานศึกษาพฒั นากระบวนการเรยี นการสอนท่ีมปี ระสิทธิภาพ รวมทงั้ การ สง่ เสรมิ ให้ผู้สอนสามารถวจิ ยั เพอื่ พฒั นากระบวนการเรยี นรทู้ เี่ หมาะสมกับผเู้ รียนในแต่ละระดบั การศึกษา การศึกษาประกอบด้วยองค์ประกอบตา่ ง ๆ ทีม่ สี ่วนชว่ ยเหลอื เออ้ื ต่อการจัดกิจกรรมการ เรยี นการสอน แนวทางในการจดั กระบวนการเรียนรูเ้ พยี งอยา่ งเดียวไมส่ ามารถทาใหก้ ารจดั การศึกษาดาเนนิ ไปได้อย่างราบร่นื ต้องอาศยั การสง่ เสริมการจัดกระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบตา่ ง ๆ ดว้ ย การจัดการศกึ ษาท่ี เกยี่ วข้องกบั ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ต้องสอดคล้องกบั สภาพปัญหา และความตอ้ งการของแต่ละท้องถ่นิ ด้วย แนวคดิ ของการศกึ ษาตลอดชวี ิต เปน็ การศึกษาท่ีมคี วามจาเป็นสาหรบั บุคคลในทุกช่วงชวี ิต ตง้ั แต่เกดิ จนตาย บุคคลมคี วามสามารถทีจ่ ะเรียนรไู้ ด้ตลอดชวี ิต การศึกษา มไิ ด้ส้ินสุดเม่อื บุคคลจบจาก โรงเรียนหรือสถาบันการศกึ ษาการศกึ ษาตลอดชีวิตเนน้ ความเสมอภาคความเทา่ เทยี มกันในโอกาสทาง การศกึ ษาการศึกษาตลอดชีวิตควรมคี วามยดื หยุ่นหลากหลายรูปแบบ และวิธีการเพ่ือเปดิ โอกาสให้ทุกคน เรียนรสู้ ามารถเลือกวิธีเรยี นท่ีเหมาะสมกบั ความสามารถของตนการศึกษาตลอดชวี ิตมงุ่ ใหบ้ ุคคลได้พฒั นา อยา่ งเตม็ ศักยภาพพฒั นาคุณภาพชีวติ และพึ่งตนเองได้ สง่ิ ท่ีใหบ้ คุ คลเรยี นรู้ควรสมั พนั ธเ์ กี่ยวขอ้ งกับวิถชี วี ิต ซึ่งบคุ คลควรไดร้ บั ความร้แู ละทกั ษะท่ีจาเป็นในการดาเนินชีวติ และการประกอบอาชพี รวมท้ังทักษะในการ แสวงหาความรู้ หรอื มีเครอื่ งมอื ในการแสวงหาความร้ตู อ่ ไป การศกึ ษาตลอดชวี ติ เป็นภาพรวมของการศกึ ษา ทง้ั หมดครอบคลุมการศกึ ษาทกุ ประเภท ทุกระดับทีเ่ กิดจากการผสมผสานระหว่างระบบการศึกษาท่ีจัด สัดสว่ นของการศึกษาไว้ 3 ประเภท คอื

1. การศกึ ษาในระบบ เป็นการศกึ ษาทกี่ าหนดจุดม่งุ หมาย วธิ กี ารศึกษา หลกั สูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวดั และการประเมินผล ซึง่ เป็นเงอ่ื นไขสาคญั ของการสาเรจ็ การศึกษาทีแ่ นน่ อน 2. การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาทมี่ ีความยดื หยุ่นในการกาหนดจุดมุ่งหมาย รปู แบบ วธิ กี ารจดั การศกึ ษา ระยะเวลาของการศกึ ษา การวัดและการประเมินผล ซึ่งเปน็ เงอื่ นไขสาคญั ของการสาเร็จ การศกึ ษา โดยเนือ้ หาและหลกั สตู รจะตอ้ งมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความตอ้ งการของ บคุ คลแต่ละกลุม่ ตวั อย่าง เช่น การจดั กลุ่มเรียนตามความสนใจของผเู้ รยี น การเรียนหรอื การฝกึ อบรม หลักสตู รระยะสน้ั เป็นต้น 3. การศกึ ษาตามอธั ยาศยั เป็นการศกึ ษาทใ่ี ห้ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรู้ดว้ ยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ ความพรอ้ ม และโอกาส โดยศกึ ษาจากบคุ คล ประสบการณ์ สงั คม ส่ิงแวดล้อม สือ่ หรอื แหลง่ ความรู้อ่นื ๆ เช่น การฝกึ ฝนและปฏิบตั ิงานกับพอ่ แม่ หรอื สถานประกอบการ การศึกษาดว้ ยตนเองจาก หนงั สอื และสอ่ื ตา่ ง ๆ เป็นต้น ปจั จุบนั ภารกจิ ของการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยได้ขยายออกไปอยา่ ง กว้างขวาง สามารถแบง่ ภารกิจหลกั ได้ 3 ประเภท คอื 1. สง่ เสริมการศกึ ษาในระบบโรงเรียน โดยจัดกจิ กรรมเพอ่ื สง่ เสรมิ การเรียนการสอนใน ระบบโรงเรียนในรูปแบบของการใช้สือ่ เทคโนโลยีการศึกษา ส่ือรายการวทิ ยุ โทรทัศนเ์ พอื่ การศึกษา สื่อการศกึ ษาทางไกลผ่านดาวเทียม และการจดั นิทรรศการวิทยาศาสตรเ์ พ่ือการศกึ ษา 2. จัดการศึกษานอกโรงเรยี น โดยมุ่งจดั การศกึ ษาใหก้ ับประชาชนและผู้ดอ้ ยโอกาสทอี่ ยู่ นอกระบบโรงเรยี นใหไ้ ดร้ บั การศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน อา่ นออก เขยี นได้ รวมท้งั การจัดการศกึ ษาสายสามัญ และ สายอาชีพในรปู แบบตา่ ง ๆ เพื่อยกระดบั การศกึ ษาและพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตใหก้ ับกลมุ่ เปูาหมาย 3. ส่งเสริมการศกึ ษาตามอัธยาศยั โดยจดั กิจกรรมการเรยี นร้สู อดคลอ้ งกบั วถิ ีชวี ติ อย่าง ตอ่ เน่อื ง เพือ่ ให้ประชาชนไดร้ บั ข้อมูลข่าวสารท่ีจาเป็นและทันสมัย รเู้ ท่าทันการเปลย่ี นแปลงของสังคมโลกท่ี เป็นไปอย่างรวดเรว็ ในยคุ โลกาภวิ ฒั น์ สามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองอย่างตอ่ เนอ่ื งตลอดชวี ติ จากแหลง่ ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ห้องสมดุ ประชาชน ที่อา่ นหนังสือประจาหมู่บา้ น ศนู ยก์ ารเรยี นชุมชน ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตรเ์ พ่ือ การศึกษา และรายการวิทยุโทรทศั น์ เปน็ ตน้ โดยสรปุ ภารกิจทง้ั หมดดงั กลา่ ว ก็เพอื่ จัดการศึกษาตลอดชวี ติ ให้แกป่ ระชาชนทีอ่ ยู่ทง้ั ในและนอกระบบโรงเรยี นใหม้ โี อกาสได้รบั การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน ทกั ษะอาชีพ และ ขา่ วสารขอ้ มูลทท่ี ันสมัยในทกุ ช่วงเวลาที่ต้องการ ในรปู แบบของการศึกษาตลอดชวี ิต จดั การศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาอาชพี เปน็ การศกึ ษาเพือ่ พัฒนาความรูค้ วามสามารถและทักษะใน การประกอบอาชีพของบคุ คลและกล่มุ บุคคล ซง่ึ มจี ดุ มงุ่ หมายในชวี ิตที่ตา่ งกนั โดยมีสาระดงั น้ี 1. การเรียนรู้อาชพี แบบองคร์ วมทีป่ ระชาชน ครู กศน.และผู้เกีย่ วขอ้ งรว่ มกนั จัดกิจกรรม การเรยี นรู้ เพือ่ ฟนื้ ฟเู ศรษฐกิจชมุ ชน 2. การออกแบบการเรียนร้งู านอาชีพตามลกั ษณะของการจดั การศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชพี ใน รูปแบบการฝกึ ทกั ษะอาชีพ การเขา้ สอู่ าชีพ การพฒั นาอาชพี และการพฒั นาอาชพี ด้วยเทคโนโลยี 3. การเรยี นรู้จากการปฏบิ ตั จิ รงิ ทบี่ รู ณาการกับวิถีชีวิต โดยใช้วงจรกระบวนการคิด ทา จา แกป้ ัญหาและพัฒนา 4. การจัดการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาอาชีพทพ่ี ฒั นาศกั ยภาพของบคุ คลและชมุ ชนที่สอดคล้องกบั วิถีชีวิต โดยส่งเสริมการรวมกล่มุ อาชีพ สรา้ งเครือข่ายอาชีพ มรี ะบบการแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ ความรู้และ ประสบการณ์ การทาอาชีพภายใตว้ ฒั นธรรมของชุมชน มีกลยุทธเ์ พื่อการแข่งขนั ของชมุ ชน เป็นชุมชนทีใ่ ช้ เทคโนโลยีในการบรหิ ารจดั การและพฒั นาอาชพี

กศน.อาเภอชาติตระการ ไดด้ าเนินการจัดกิจกรรมตามรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอนมีการบูรณาการการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เหมาะสมกับผู้เรียน แสดงถึงภาพสาเร็จในการพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียน กิจกรรมการเรียนรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นส่วนหน่ึงในการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน ในการ จดั การเรยี นการสอนท่เี นน้ ผู้เรยี นเป็นสาคญั การเรียนการสอนมุ่งเน้นประโยชน์ของผู้เรียนเป็นสาคัญ จึงต้อง จัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกปฏิบัติให้ทาได้ คิดเป็น มีนิสัยรักการเรียนรู้ และเกิดการใฝุ เรยี นอยา่ งต่อเนื่องตามแนวคิดของการศึกษาตลอดชวี ติ

บทที่ 3 การดาเนินการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน ผูด้ าเนนิ การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนกลมุ่ หลกั สตู รวิชาชีพกลุ่มสนใจการทาน้าสมุนไพร เพอ่ื สขุ ภาพ ได้ดาเนินการในการอบรม เก็บรวบรวมขอ้ มูล และการวิเคราะหข์ ้อมูลดังน้ี 3.1 การดาเนนิ การจดั กิจกรรม 1. เตรยี มการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน - ประชุมวางแผนรปู แบบการจัดกิจกรรม - เลอื กหลกั สูตรวชิ าชีพทจ่ี ะจัดกิจกรรมการเรียนการสอน - มอบหมายงานใหบ้ ุคลากรที่เกีย่ วข้อง - ติดต่อประสางานในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน 2. วิธกี ารดาเนินงาน - เขียนขออนญุ าตจัดตัง้ กลุ่มวิชาชีพสนใจ - เสนอขออนญุ าตจัดตัง้ กลุม่ วชิ าชีพสนใจ - เตรียมการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน 1. เตรียมการก่อนการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน - การจดั เตรียมเอกสารการเรยี นการสอน - ตดิ ต่อสถานท่ี - ตดิ ตอ่ วทิ ยากร - อ่นื ๆ 2. ตดิ ตอ่ ประสานงานเครอื ขา่ ย - จัดการอบรมกล่มุ ช้นั เรียนวชิ าชพี ตามแผนที่วางไว้ 1. ลงทะเบยี นผเู้ ขา้ รว่ มการกิจกรรมการเรยี นการสอน 2. วิทยากรใหค้ วามรู้ เร่อื งการทาน้าสมุนไพรเพ่ือสขุ ภาพ 3. จดั กจิ กรรมกลุม่ ย่อย 4. สรปุ กจิ กรรมยอ่ ย 5. ปดิ การอบรม - สรปุ รายงานผลการจัดกิจกรรมกลมุ่ หลักสตู รวชิ าชีพกลุ่มสนใจการทานา้ สมนุ ไพรเพอ่ื สขุ ภาพเป็นรปู เล่ม - รายงานผลการจัดกิจกรรมกลุ่มหลักสตู รวชิ าชีพกลุ่มสนใจการทาน้าสมุนไพรเพอื่ สขุ ภาพใหผ้ ู้ท่ีเกี่ยวข้อง รับทราบ 3.2 ผูเ้ ข้าร่วมกิจกรรม ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ หลักสูตรวชิ าชีพกลุ่มสนใจการทาน้าสมนุ ไพรเพ่อื สขุ ภาพ จานวน 8 คน - เพศชาย จานวน - คน - เพศหญิง จานวน 8 คน ผู้จดั กิจกรรมจานวน 1 คน 3.3 เครือ่ งมือทีใ่ ช้ในการจัดกจิ กรรม - ขอ้ มลู ปฐมภมู ิ ได้จากการกรอกแบบสอบถามของผู้เข้ารว่ มกิจกรรม - ขอ้ มลู ทุติยภมู ิ ศึกษาจากเอกสาร ขอ้ มูลตา่ ง ๆ ที่เกย่ี วข้อง

3.4 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู วเิ คราะห์แบบสอบถามในแต่ละส่วน ดงั น้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลสว่ นบคุ คล ตอนท่ี 2 ประเมินความพึงพอใจในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ตอนที่ 3 สรปุ ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะ สรุปเป็นประเด็นท่สี าคญั สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมลู คือ ค่าเฉลี่ย โดยใช้สตู รดงั นี้ 3.4.1 ค่าร้อยละ (%) P =  100 เมื่อ p แทน ร้อยละ F แทน จานวนผตู้ อบแบบสอบถาม n แทน จานวนทง้ั หมด 3.4.2 ค่าเฉล่ีย ( x ) = เมือ่ x แทน ค่าเฉล่ยี  x แทน จานวนผู้ตอบแบบสอบถาม n แทน จานวนท้ังหมด 3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล 0.00 – ๑.49 หมายถงึ มีความพงึ พอใจน้อยท่สี ุด มีความพึงพอใจนอ้ ย ๑.50 – 2.๔9 หมายถึง มคี วามพึงพอใจปานกลาง มคี วามพึงพอใจมาก ๒.๕0 – ๓.๔๙ หมายถึง มคี วามพึงพอใจมากทส่ี ุด 3.๕๐ – 4.49 หมายถึง 4.50 – 5.00 หมายถงึ

ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน จากการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนกลุ่มหลกั สตู รวิชาชีพกลมุ่ สนใจการทานา้ สมนุ ไพรเพอื่ สุขภาพ ได้มีการสารวจความพึงพอใจของผ้เู ข้าร่วมกิจกรรมทมี่ ีตอ่ รปู แบบการจดั กิจกรรม จานวน 8 คน โดย วิธีการตอบแบบสอบถาม จึงไดม้ กี ารนาเสนอข้อมูลในรูปตารางประกอบคาบรรยาย โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ไดแ้ ก่ ตอนท่ี 1 ข้อมลู ส่วนบุคคล ตอนที่ 2 ประเมินความพงึ พอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (กจิ กรรมการเรียนการสอน) ตอนท่ี 3 สรุปขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะ สรปุ เป็นประเด็นที่สาคัญ 3.1 ตอนที่ 1 การวิเคราะหข์ อ้ มูลทวั่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตารางท่ี 1 แสดงจานวน ร้อยละจานวนตามเพศ เพศ จานวน ( n = 8 ) รอ้ ยละ ชาย - - หญงิ 8 ๑๐๐ รวม 8 ๑๐๐ จากตารางท่ี 1 ผลการศกึ ษาพบว่า ผู้เขา้ รว่ มอบรมทงั้ หมดเป็นเพศหญิงคดิ เป็นร้อยละ 100 ตารางท่ี 2 แสดงจานวน ร้อยละจานวนตามอายุ อายุ จานวน ( n = 8 ) รอ้ ยละ ตา่ กวา่ 15 ปี - - 15 – 39 ปี 3 37.50 40 – 59 ปี 3 37.50 60 ปขี ึ้นไป 2 25.00 รวม 8 100 จากตารางที่ 2 ผลการศึกษาพบว่า ผู้เขา้ ร่วมส่วนใหญ่มีอายุระหวา่ ง 15 -39 ปี และอายรุ ะหวา่ ง 40 - 5๙ ปี คิดเป็นร้อยละ 37.50 รองลงมาคือ อายุ 60 ปีขนึ้ ไป คิดเป็นร้อยละ 25.00 ตารางที่ 3 แสดงจานวน ร้อยละจานวนตามระดบั การศกึ ษาสูงสุด ระดบั การศกึ ษาสูงสุด จานวน ( n = 8 ) ร้อยละ ต่ากว่าประถมศึกษา 3 37.50 ประถมศึกษา - - มัธยมศึกษาตอนต้น - - มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 2 25.00 ปริญญาตรี 3 37.50 อื่นๆ - - รวม 8 100 จากตารางท่ี 3 ผลการศึกษาพบว่า ผู้เข้าร่วมอบรมสว่ นใหญม่ ีระดบั การศึกษาสูงสดุ คอื ระดบั ตา่ กว่า ประถมศกึ ษา และระดับปรญิ ญาตรี คิดเปน็ ร้อยละ 37.50 รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คิดเป็น รอ้ ยละ 25.00

ตารางที่ 4 แสดงจานวน ร้อยละจานวนตามอาชีพ อาชพี จานวน ( n = 8 ) รอ้ ยละ เกษตรกร 3 37.50 รบั จา้ ง - คา้ ขาย 2 - นักเรยี น/นกั ศึกษา - 25.00 อื่นๆ.. ลูกจ้างของรัฐ และข้าราชการ 3 8 - รวม 37.50 100 จากตารางท่ี 4 ผลการศกึ ษาพบวา่ ผู้เขา้ รว่ มอบรมสว่ นใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรและอาชีพอื่น เชน่ ลกู จ้างของรัฐ และข้าราชการ คิดเปน็ รอ้ ยละ 37.50 รองลงมาคือ ประกอบอาชีพคา้ ขาย คิดเป็นรอ้ ยละ 25.00 ตารางท่ี 5 แสดงจานวน ร้อยละจานวนตามรายไดต้ อ่ เดือน รายไดต้ ่อเดือน จานวน ( n = 8 ) รอ้ ยละ ต่ากวา่ 5,000 บาท 2 25.00 5,001 – 10,000 บาท 2 25.00 10,001 – 20,000 บาท 3 37.50 มากกวา่ 20,000 บาท 1 12.50 8 100 รวม จากตารางที่ 5 ผลการศึกษาพบว่าผูเ้ ข้าร่วมอบรมมีรายไดต้ ่อเดือน 10,001 – 20,000 บาท คิดเป็นร้อย ละ 37.50 รองลงมามรี ายมีรายได้ตอ่ เดือน 5,001 – 10,000 บาท และตา่ กว่า 5,000 บาท คิดเป็นรอ้ ยละ 25.00 และรายได้ต่อเดือนมากกว่า 20,000 คิดเปน็ ร้อยละ 12.50

3.2 ตอนท่ี 2 การวิเคราะห์ขอ้ มูลเกย่ี วกับความพึงพอใจในการจดั กจิ กรรม ตารางท่ี 6 แสดงจานวน รอ้ ยละ และค่าเฉลี่ยของความพงึ พอใจของผู้เข้าร่วมอบรมท่มี ีตอ่ การจัดกจิ กรรม การเรยี นการสอน ระดบั ความพงึ พอใจ/ความรคู้ วามเข้าใจ/การนาความรู้ไปใช้ ประเด็นความคิดเห็น มากทส่ี ดุ มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สดุ คา่ เฉลยี่ อยูใ่ น 5 4 3 2 1 ระดับ ตอนที่ 1 ความพงึ พอใจด้านเนอ้ื หา = 4.75 1.1 เนือ้ หาตรงตามความ 5 3 - - - 4.63 มาก (62.50%) (37.50%) ต้องการ ท่ีสุด 1.2 เน้ือหาเพียงพอต่อความ 6 2 - - - 4.75 มาก ต้องการ (75.00%) (25.00%) - ทส่ี ุด - 1.3 เน้ือหาปัจจุบนั ทันสมัย 6 2 - - 4.75 มาก (75.00%) (25.00%) ที่สุด 1.4 เนือ้ หามีประโยชนต์ ่อการ นาไปใช้ในการพัฒนาคณุ ภาพชีวติ 7 1 - - 4.88 มาก (87.50%) (12.50%) ที่สดุ ตอนท่ี 2 ความพงึ พอใจด้านกระบวนการจดั กจิ กรรมการอบรม = 4.68 - - 4.50 มาก 2.1 การเตรยี มความพรอ้ มกอ่ น 4 4 - - - - 4.63 มาก อบรม (50.00%) (50.00%) ทสี่ ุด 2.2 การออกแบบกิจกรรม 53 เหมาะสมกับวตั ถุประสงค์ (62.50%) (37.50%) 2.3 การจัดกิจกรรมเหมาะสม 6 2 - - - 4.75 มาก ทีส่ ดุ กับเวลา (75.00%) (25.00%) 2.4 การจัดกิจกรรมเหมาะสม 7 1 - - - 4.88 มาก ที่สดุ กับกลมุ่ เปูาหมาย (87.50%) (12.50%) 2.5 วิธกี ารวัดผล/ประเมนิ ผล 5 3 - - - 4.63 มาก ทส่ี ดุ เหมาะสมกับวัตถปุ ระสงค์ (62.50%) (37.50%) ตอนท่ี 3 ความพงึ พอใจตอ่ วิทยากร = 4.75 3.1 วิทยากรมคี วามรู้ 62 - - - 4.75 มาก ที่สดุ ความสามารถในเรื่องทถ่ี า่ ยทอด (75.00%) (25.00%) 3.2 วทิ ยากรมเี ทคนคิ การ 53 - - - 4.63 มาก ถา่ ยทอดใช้สื่อเหมาะสม (62.50%) (37.50%) ที่สดุ 3.3 วทิ ยากรเปิดโอกาสให้มี 71 - - - 4.88 มาก สว่ นร่วมและซักถาม (87.50%) (12.50%) ทส่ี ุด

ระดับความพึงพอใจ/ความรคู้ วามเข้าใจ/การนาความรู้ไปใช้ ประเด็นความคิดเห็น มากที่สดุ มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สดุ คา่ เฉล่ยี อย่ใู น 5 4 3 2 1 ระดับ 4. ความถึงพอใจดา้ นการอานวยความสะดวก = 4.63 4.1 สถานท่ี วัสดุ อปุ กรณแ์ ละ 5 3 - - - 4.63 มาก สิ่งอานวยความสะดวก (62.50%) (37.50%) ทส่ี ดุ 4.2 การส่ือสาร การสร้าง 53 - - - 4.63 มาก บรรยากาศเพ่ือใหเ้ กิดการเรยี นรู้ (62.50%) (37.50%) ท่ีสุด 4.3 การบรกิ าร การช่วยเหลอื 5 3 - - - 4.63 มาก และการแก้ปัญหา (62.50%) (37.50%) ที่สดุ 5. ความพงึ พอใจด้านการนาความรูไ้ ปใช้ = 4.79 5.1 สามารถนาความรู้ท่ีรับไป 6 2 - - - 4.75 มาก ประยกุ ต์ใชใ้ นการปฏบิ ตั งิ านได้ (75.00%) (25.00%) ทส่ี ุด 5.2 สามารถนาความรู้ไป 6 2 - - - 4.75 มาก เผยแพร่/ถา่ ยทอดแก่ชมุ ชนได้ (75.00%) (25.00%) ท่ีสุด 5.3 มีความม่ันใจและสามารถ 7 1 - - - 4.88 มาก นาความรู้ทไี่ ด้รับไปใช้ได้ (77.78%) (22.22%) ท่สี ดุ รวมทงั้ ส้ิน 103 41 - - - 4.72 มาก (71.53%) (28.47%) ที่สุด คา่ เฉลย่ี ถว่ งนา้ หนัก 4.72 ระดบั ความคิดเหน็ มากทส่ี ุด จากตารางท่ี 6 จากการศกึ ษาพบวา่ ผเู้ ข้าร่วมกิจกรรมมีความพึงพอใจ 1. ด้านเนอ้ื หา อย่ใู นระดับ มากที่สดุ ( x = ๔.75) 2. ดา้ นกระบวนการจดั กจิ กรรมการอบรม อยู่ในระดบั มากที่สุด ( x = 4.68 ) 3. ดา้ นวิทยากร อยใู่ นระดบั มากที่สดุ ( x = 4.75 ) 4. ดา้ นการอานวยความสะดวก อยใู่ นระดับ มากที่สุด ( x = ๔.63 ) 5. ด้านการนาความรู้ไปใช้ อยใู่ นระดบั มากท่ีสุด ( x = ๔.79 ) จากกจิ กรรมการฝึกอาชีพ พบว่าผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรมมคี วามพึงพอใจอยใู่ นระดับ มากทีส่ ุด ( x = 4.72) ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ พบวา่ ผู้เขา้ ร่วมการอบรมมคี วามคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะ ดังนี้ 1. ผู้เขา้ ร่วมอบรมมสี ว่ นรว่ มเปน็ อยา่ งมาก มรี ูปแบบการอบรมทดี่ มี าก 2. ให้ความเป็นกนั เอง ทาใหผ้ ู้รว่ มการสัมมนา กลา้ ซักถาม แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ 3. อยากใหม้ วี ัสดุอุปกรณม์ ากกว่านี้ หมายเหตุ คิดคะแนนเฉพาะที่ความพงึ พอใจอยูใ่ นระดับมากขนึ้ ไป

บทท่ี 4 สรุป อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนกลมุ่ หลกั สตู รวชิ าชพี กล่มุ สนใจการทาน้าสมนุ ไพรเพอื่ สขุ ภาพ มีจุดประสงค์ในการจดั กิจกรรมดงั น้ี 1. เพื่อให้ผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมเกิดความรคู้ วามเข้าใจ เกี่ยวกบั การทาน้าสมุนไพรเพื่อสุขภาพ 2. เพ่ือใหผ้ เู้ ข้ารว่ มกิจกรรมมกี ารแลกเปลยี่ นแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกบั แนวทางการ จัดกิจกรรมการทานา้ สมุนไพรเพ่ือสุขภาพของตนเอง 3. เพ่ือเป็นการลดรายจ่ายในครอบครัว และเปน็ การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของผูเ้ ขา้ รว่ ม กิจกรรมให้ดยี ่งิ ขน้ึ 4. เพ่ือสง่ เสริมความร่วมมือและการจัดกิจกรรมการเรียนรกู้ ารศึกษาอาชพี ของผ้เู รียน ผู้รับบรกิ ารกับสถานศึกษา 5. เพื่อร่วมวิเคราะห์ และสงั เคราะห์รูปแบบ กระบวนการจดั และผลสาเรจ็ ท่ีเกดิ ขนึ้ จาก โครงการตามตัวชว้ี ัดที่กาหนดเปน็ ตัวช้ีวัดความสาเรจ็ ตามกลุ่มเปูาหมายจากการประเมินเบื้องตน้ 6. เพื่อศึกษาผลการดาเนินงาน ประสิทธภิ าพ และประสทิ ธผิ ลในการจัดการศึกษาอาชีพ การดาเนินการจดั กิจกรรม 4.1 ผ้เู ขา้ รว่ มกจิ กรรม ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมหลักสูตรวิชาชพี กลุ่มสนใจการทาน้าสมนุ ไพรเพื่อสุขภาพ จานวน 8 คน - เพศชายจานวน - คน - เพศหญิงจานวน 8 คน ผู้จดั กจิ กรรมจานวน 1 คน 4.2 เครือ่ งมือทใี่ ชใ้ นการอบรม - ข้อมลู ปฐมภมู ิ ไดจ้ ากการกรอกแบบสอบถามของผเู้ ขา้ ร่วมกจิ กรรม - ข้อมูลทุตยิ ภมู ิ ศกึ ษาจากเอกสาร ขอ้ มูลตา่ ง ๆ ที่เกีย่ วข้อง 4.3 การเก็บรวบรวมขอ้ มูล วเิ คราะห์แบบสอบถามในแต่ละส่วน ดังนี้ ตอนที่ 1 ขอ้ มูลส่วนบุคคล ตอนท่ี 2 ประเมินความพงึ พอใจในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ สรปุ เปน็ ประเด็นท่ีสาคญั 4.4 วธิ กี ารวเิ คราะหข์ ้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้จดั ไดด้ าเนินการ 2 ลักษณะ คือ 4.4.1 การสังเคราะห์เชิงคุณลกั ษณะ ผ้จู ัดกจิ กรรมทาการสังเคราะหโ์ ดยใช้วธิ ีการวเิ คราะห์ สังเคราะห์ 3 ด้าน คือ ข้อมลู ทั่วไป ขอ้ มูล ความพึงพอใจในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน และขอ้ เสนอแนะ 4.4.2 การสังเคราะหก์ ารอบรมเชิงปริมาณ ในการสังเคราะห์การจัดกิจกรรมเชิงปรมิ าณ ผู้จัดกจิ กรรมแยกออกเป็นคณุ ลกั ษณะต่าง ๆ ในการ สังเคราะห์ข้อมูลดงั น้ี 1. ขอ้ มลู เกีย่ วกบั เพศ / อายุ 2. ขอ้ มลู ระดับความพึงพอใจในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน 3. ข้อเสนอแนะ

โดยเปรียบเทียบจานวนคนคิดเปน็ ร้อยละในแต่ละสว่ นของข้อมูลการอบรมพรอ้ มการบรรยายประกอบ สรุปผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหลกั สตู รวชิ าชพี กลมุ่ สนใจการทานา้ สมุนไพรเพอ่ื สขุ ภาพ โดยใช้วธิ กี ารวเิ คราะห์ สงั เคราะห์จากแบบประเมนิ ความพงึ พอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และรูปแบบการจัดกิจกรรม สามารถสรุปไดด้ งั นี้ ๑. การสงั เคราะหข์ ้อมูลท่ัวไของผ้ตู อบแบบสอบถามผู้เขา้ ร่วมกิจกรรมเพศหญงิ 8 คน เนื่องจากเปน็ ช่วงหยุดจากการทาการเกษตรหลักคือการทานา จึงทาให้มเี วลาวา่ งและต้องการต่อยอดอาชีพ และพัฒนาอาชพี เพ่อื เป็นการเพิ่มรายได้ใหก้ ับครอบครัวอกี ทางหน่ึง ๒. ผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรมส่วนใหญเ่ ป็นมีอายุอย่รู ะหว่าง ๔๐-๔๙ ปี เนือ่ งมาจากเปน็ ช่วงอายทุ ี่ อย่ใู นวยั ทางาน และต้องรับผิดชอบเรื่องการทางานบ้าน จึงมีผลทาใหก้ ารหาค่ารอ้ ยละในช่วงนส้ี ูงกว่าช่วงอนื่ ๆ ผลการสงั เคราะห์ทางจานวนของผ้เู ข้าร่วมกิจกรรม จานวนผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ วิชาชพี มี อยู่จากัด เน่ืองจากเป็นกลุ่มวิชาชีพสนใจตอ้ งมผี ้เู รียนอย่างน้อยจานวน 6 คนขนึ้ ไป สว่ นใหญ่ผเู้ รียนจะมา เรียนมากกวา่ ที่กาหนด ผลการคานวณอาจมีความคาดเคลอื่ นได้ และงบประมาณการฝึกอบรมกม็ อี ย่อู ยา่ ง จากัด ๓. การวิเคราะห์ข้อมูลเก่ยี วกับความพึงพอใจในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนจาก การศึกษาพบวา่ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความพึงพอใจ 1. ด้านเน้ือหา อยใู่ นระดับ มากที่สุด ( x = ๔.75) 2. ดา้ นกระบวนการจัดกจิ กรรมการอบรม อยใู่ นระดบั มากที่สดุ ( x = 4.68 ) 3. ด้านวทิ ยากร อยู่ในระดับ มากที่สดุ ( x = 4.75 ) 4. ด้านการอานวยความสะดวก อยู่ในระดบั มากท่ีสุด ( x = ๔.63 ) 5. ดา้ นการนาความรู้ไปใช้ อยใู่ นระดบั มากที่สุด ( x = ๔.79 ) จากกจิ กรรมการฝึกอาชีพ พบวา่ ผเู้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมมคี วามพงึ พอใจอย่ใู นระดบั มากที่สดุ ( x = 4.72) จากการดาเนินการกลุม่ วชิ าชีพพบประเด็นสาคญั ทสี่ ามารถนามาอภิปรายผลได้ดังน้ี 1. ด้านกลุ่มเปาู หมาย 1.1 กลุม่ เปาู หมายส่วนใหญ่ตอ้ งการนาความร้ทู ่ีได้รบั จากการอบรมไปใช้ใน ชีวิตประจาวันและนาไปใชเ้ ป็นอาชีพเสริม เพอ่ื เป็นการลดรายจ่ายในครัวเรอื นและเพ่ิมรายได้ใหก้ บั ตนเอง 1.2 จากการดาเนินการพบวา่ กลมุ่ เปูาหมายเปน็ เพศหญิง เนอ่ื งมาจากเป็นการ เรียนในสิง่ ทีม่ ีอยใู่ กล้ตัวและมใี ช้อย่ใู นชีวติ ประจาวันรวมถงึ เป็นส่ิงท่ไี ม่ยาก และเปน็ การฝึกฝนการคิดหรอื การ วางแผนในด้านการทาการตลาดด้วย 2. ด้านงบประมาณ - จากการดาเนนิ งานพบว่าวัสดุ อุปกรณ์ไม่เพยี งพอตอ่ ความต้องการของกลุ่ม เนื่องจากมีผเู้ ข้ารบั การอบรมมากกว่าเปูาทกี่ าหนด 3. ดา้ นกิจกรรมการเรยี นการสอน - จากการดาเนนิ งานพบวา่ กจิ กรรมต้องยืดหยุน่ ตามสภาพกลุ่มเปูาหมาย เนือ่ งมาจากสภาพชีวิตความเป็นอยูข่ องกลุ่มเปาู หมายมีส่วนสาคัญต่อการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

4. ดา้ นสถานที่ 4.1 การดาเนนิ การอบรม ดา้ นสถานที่สามารถมีการเปล่ยี นแปลงไปไดต้ ามความ ต้องการ และความเหมาะสมของผเู้ ข้ารว่ มการอบรม 4.2 ควรมกี ารใชส้ ถานทขี่ องส่วนรวม เพื่อให้เกิดความเชือ่ มโยง สมั พันธ์กนั ระหวา่ ง กศน. และชุมชน ข้อเสนอแนะในการดาเนนิ การกลุ่มวิชาชีพคร้ังต่อไป 1. ควรทาการศกึ ษาปัญหาความต้องการของกลมุ่ เปูาหมาย โดยใช้เคร่อื งมอื ทห่ี ลากหลาย รปู แบบ เพ่อื ใหไ้ ด้ข้อมูลที่ถูกตอ้ ง ตรงตามความต้องการของผูเ้ รียนมากที่สดุ 2. ควรศึกษาความต้องการของกลมุ่ เปูาหมายในด้านต่างๆ ทตี่ อ้ งการรบั บรกิ ารจาก กศน. เพอื่ ให้ทราบและสามารถจดั กจิ กรรมตามหลกั สูตรให้สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของทอ้ งถ่นิ ได้ 3. ควรศกึ ษาผลกระทบจาการดาเนนิ การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน โดยการศกึ ษาจาก กลุ่มเปาู หมาย และชมุ ชน 4. ควรเกบ็ ข้อมูลของผูเ้ ข้ารบั การอบรมหลงั การอบรมดว้ ยทุกคร้งั ข้อมูลความตระหนกั ในการจัดกจิ กรรมการศึกษาเพอ่ื พฒั นาอาชีพหลกั สตู รวชิ าชีพกลมุ่ สนใจการทาน้าสมนุ ไพร เพ่ือสขุ ภาพ ของสถานศึกษามุ่งใหเ้ กดิ ความสอดคลอ้ งกับความต้องการของผู้เรยี น/ผู้รับบริการเป็นสาคัญ โดย ม่งุ เน้นความต้องการของผู้เรียน/ผ้รู ับบรกิ ารเปน็ แนวทางในการดาเนนิ งาน และไดม้ ีการสง่ เสรมิ สนบั สนุนให้ บคุ ลากรในสถานศึกษาเห็นความสาคญั ของการจดั หลกั สูตรวชิ าชพี แต่ละหลักสูตร และปฏิบัตงิ านอย่างเปน็ ระบบอยา่ งมีประสิทธิภาพ เพอ่ื ใหเ้ กิดคุณภาพในการทางาน ข้อมูลการปฏิบตั ิ (ความพยายาม) เมอ่ื บุคลากรไดร้ ับแนวทาง และนโยบายทางการศึกษาเพือ่ พฒั นาอาชพี แล้ว ได้ดาเนินการ สารวจหาความตอ้ งการของกล่มุ เปาู หมายทีแ่ ทจ้ ริงโดยการร่วมทาประชาคมหรอื รว่ มประชุมกับกล่มุ ผ้นู า เพื่อให้ได้รับขอ้ มูลความตอ้ งการท่แี ท้จริงของชุมชน และนามาจดั การเรยี นการสอนดา้ นอาชีพ จุดเดน่ ของกลมุ่ 1. มคี วามต้องการ เหมือนกนั 2. กลุ่มเปาู หมายมีความสนใจในกจิ กรรมการเรียนการสอนเป็นอย่างดี 3. กลุ่มเปาู หมายมีความสามัคคี ช่วยงานกนั ดีพอสมควร 4. กลมุ่ เปาู หมายมีความรบั ผิดชอบ 5. กลุม่ เปาู หมายรจู้ ักนาวัสดุ อปุ กรณ์ และวตั ถุดบิ ทีม่ ีในท้องถ่นิ มาใช้ จุดควรพัฒนา (จุดด้อย) 1. การรวมกลมุ่ เป็นกลุ่มอาชีพ 2. ผู้เขา้ รับการอบรมมาชา้ กว่าจะรวมกลุม่ กันได้ใชเ้ วลานาน

แนวทางการพัฒนา 1. ควรพฒั นาการใชว้ ัตถดุ ิบทม่ี อี ยู่ในทอ้ งถิน่ ในกจิ กรรมการเรียนการสอนใหม้ ากกว่านี้ 2. ควรจดั หางบประมาณเพ่มิ เติม หรอื การขอความสนับสนุนจากแหลง่ ตา่ ง ๆ ในเรอื่ งการ จัดหาวัตถุในการเรยี นรู้ วธิ กี ารพฒั นา 1. สร้างความเข้าใจทดี่ ีในการใช้วตั ถุดิบท่ีมีอยู่ในทอ้ งถนิ่ ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการ สอน ใหผ้ ู้เรยี น/ผรู้ บั บรกิ ารเหน็ ความสาคัญ 2. ปรับวธิ ีการจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับผู้เรยี น/ผู้รบั บริการ ให้มคี วามยืดหยนุ่ โดยไม่เน้น หน่วยการเรียนรตู้ ามหลกั สูตร แต่ให้ยดึ ตัวผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ แล้วจงึ นาผลการดาเนินงานมาปรบั ปรุงหลักสูตร วชิ าชพี การทาแหนมหมู ในครัง้ ต่อไป

ภาคผนวก

ภาพประกอบกิจกรรม หลักสูตร กลุ่มสนใจ การทานา้ สมนุ ไพรเพอ่ื สขุ ภาพ ระหวา่ งวันที่ 19 – 21 กนั ยายน 2564 ณ บ้านเลขท่ี 116 หมู่ 4 บ้านทา่ สะแก ตาบลทา่ สะแก อาเภอชาติตระการ จังหวดั พิษณโุ ลก

ภาพประกอบกิจกรรม หลักสูตร กลุ่มสนใจ การทานา้ สมนุ ไพรเพอ่ื สขุ ภาพ ระหวา่ งวันที่ 19 – 21 กนั ยายน 2564 ณ บ้านเลขท่ี 116 หมู่ 4 บ้านทา่ สะแก ตาบลทา่ สะแก อาเภอชาติตระการ จังหวดั พิษณโุ ลก

ภาพประกอบกิจกรรม หลักสูตร กลุ่มสนใจ การทานา้ สมนุ ไพรเพอ่ื สขุ ภาพ ระหวา่ งวันที่ 19 – 21 กนั ยายน 2564 ณ บ้านเลขท่ี 116 หมู่ 4 บ้านทา่ สะแก ตาบลทา่ สะแก อาเภอชาติตระการ จังหวดั พิษณโุ ลก

คณะผู้จัดทา ท่ปี รกึ ษา นางพรสวรรค์ กนั ตง ผอู้ านวยการ .กศน.อาเภอชาติตระการ นายร้งุ ภธู ร ภาศรี ครูชานาญการ นางสาวชมพูนชุ ล้วนมงคล ครผู ชู้ ว่ ย ผสู้ ่งเสรมิ สนับสนนุ การจดั กจิ กรรม บุญประกอบ ครอู าสาสมัครฯ นางสาวประยรู ผรู้ บั ผดิ ชอบ/ผเู้ รยี บเรียง/จัดพิมพ์รปู เล่ม/ออกแบบปก ครู กศน.ตาบลท่าสะแก นางสาวเปยี ทิพย์ แสงสบี าง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook