Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 1 : ระบบคอมพิวเตอร์

บทที่ 1 : ระบบคอมพิวเตอร์

Published by nuttakit pamuad, 2019-08-29 23:41:41

Description: คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทที่สำคัญยิ่งต่อสังคมของมนุษย์เราในปัจจุบัน แทบทุกวงการล้วนนำคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการใช้งาน จนกล่าวได้ว่าคอมพิวเตอร์เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตและการทำงานในชีวิตประจำวัน

Search

Read the Text Version

บทที่ 1 : ระบบคอมพิวเตอร์ นายณัฐกติ ต์ิ พาหมวด แผนกวิชาคอมพิวเตอรธ์ ุรกิจ วทิ ยาลัยการอาชพี เวียงเชยี งรุ้ง [วันท่ี]

คอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ 1 บทท่ี 1 : ระบบคอมพวิ เตอร์ คอมพวิ เตอร์เข้ามามบี ทบาททส่ี าคัญย่งิ ต่อสังคมของมนุษยเ์ ราในปัจจบุ ัน แทบทกุ วงการลว้ นนาคอมพิวเตอร์ เขา้ ไปเก่ยี วข้องกับการใช้งาน จนกล่าวได้วา่ คอมพิวเตอร์เปน็ ปจั จัยทส่ี าคัญอยา่ งย่ิงต่อการดาเนินชวี ิตและการทางาน ในชวี ติ ประจาวนั ฉะนน้ั การเรยี นรเู้ พอ่ื ทาความรูจ้ กั กับคอมพวิ เตอร์จึงถือเป็นสงิ่ ทีม่ คี วามจาเปน็ เปน็ อย่างยง่ิ เพือ่ ทจ่ี ะ ทราบวา่ คอมพิวเตอร์คอื อะไร ทางานอย่างไร และมีความสาคัญต่อมนษุ ย์อยา่ งไร เราจงึ ควรทาการศึกษาในหัวข้อ ตอ่ ไปนี้ 1.1 ความหมายและลกั ษณะการทางานของคอมพิวเตอร์ 1.1.1 ความหมายของคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอรม์ าจากภาษาละตนิ ว่า Computare ซง่ึ หมายถึง การนบั หรอื การคานวณพจนานกุ รม ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถานพ.ศ.2525 ให้ความหมายของคอมพวิ เตอร์ไว้ว่า\"เครื่องอิเลก็ ทรอนกิ ส์ แบบอตั โนมตั ิ ทาหนา้ ทีเ่ หมือน สมองกล ใช้สาหรับแกป้ ัญหาตา่ งๆ ทง่ี า่ ยและซบั ซอ้ นโดยวธิ ีทางคณติ ศาสตร์ \" คอมพวิ เตอร์จงึ เป็นเครื่องจกั รอิเลก็ ทรอนิกส์ที่ถูกสรา้ งขน้ึ เพ่ือใชท้ างานแทนมนษุ ย์ ในด้านการ คดิ คานวณและสามารถจาขอ้ มลู ทงั้ ตวั เลขและตัวอักษรได้เพอื่ การเรียกใชง้ านในครง้ั ต่อไป นอกจากน้ี ยังสามารถ จัดการกับสัญลกั ษณไ์ ดด้ ว้ ยความเรว็ สงู โดยปฏบิ ตั ิตามขน้ั ตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอรย์ ังมีความสามารถในด้าน ต่างๆ อกี มาก อาทเิ ชน่ การเปรยี บเทียบทางตรรกศาสตร์ การรบั ส่งข้อมูล การจดั เกบ็ ข้อมูลในตวั เครอ่ื งและสามารถ ประมวลผลจากขอ้ มลู ตา่ งๆ ได้ 1.1.2 ลกั ษณะการทางานของคอมพวิ เตอร์ คอมพวิ เตอร์ไม่ว่าจะเปน็ ประเภทใดก็ตาม จะมลี กั ษณะการทางานของสว่ นตา่ งๆ ทม่ี ีความสมั พันธก์ นั เป็นกระบวนการ โดยมอี งคป์ ระกอบพ้นื ฐานหลกั คือ Input Process และ output ซึ่งมขี ั้นตอนการทางานดังภาพ ภาพที่ 1 ข้นั ตอนการทางานของคอมพิวเตอร์ ขัน้ ตอนที่ 1 : รบั ขอ้ มูลเข้า (Input) เริม่ ตน้ ดว้ ยการนาข้อมลู เขา้ เคร่อื งคอมพิวเตอร์ ซ่ึงสามารถผ่านทางอุปกรณช์ นิดตา่ งๆ แล้วแตช่ นดิ ของ ขอ้ มูลทีจ่ ะป้อนเข้าไป เชน่ ถ้าเป็นการพิมพข์ ้อมลู จะใชแ้ ผงแป้นพมิ พ์ (Keyboard) เพ่ือพิมพ์ข้อความหรือโปรแกรม เข้าเคร่อื ง ถา้ เป็นการเขียนภาพจะใชเ้ ครอ่ื งอา่ นพกิ ดั ภาพกราฟิก (Graphics Tablet) โดยมีปากกาชนิดพิเศษ สาหรบั เขียนภาพ หรอื ถ้าเปน็ การเล่นเกมก็จะมกี ้านควบคมุ (Joystick) สาหรับเคลอื่ นตาแหนง่ ของการเลน่ บน จอภาพ เป็นต้น ขั้นตอนที่ 2 : ประมวลผลขอ้ มูล (Process เมอ่ื นาข้อมูลเขา้ มาแลว้ เครื่องจะดาเนนิ การกบั ขอ้ มูลตามคาสั่งทีไ่ ด้รบั มาเพอื่ ให้ไดผ้ ลลพั ธต์ ามที่ตอ้ งการ การ ประมวลผลอาจจะมไี ดห้ ลายอยา่ ง เชน่ นาขอ้ มูลมาหาผลรวม นาข้อมูลมาจดั กลุ่มนาขอ้ มลู มาหาค่ามากทีส่ ดุ หรอื นอ้ ยทส่ี ดุ เปน็ ต้น

ระบบคอมพวิ เตอร์ 2 ขน้ั ตอนท่ี 3 : แสดงผลลพั ธ์ (Output) เปน็ การนาผลลพั ธ์จากการประมวลผลมาแสดงใหท้ ราบทางอปุ กรณ์ทกี่ าหนดไว้ โดยทว่ั ไปจะ แสดงผ่านทางจอภาพ หรอื เรียกกนั โดยท่ัวไปวา่ \"จอมอนเิ ตอร์\" (Monitor) หรือจะพมิ พ์ขอ้ มลู ออกทางกระดาษโดยใช้ เครื่องพมิ พก์ ็ได้ 1.1.3 ลกั ษณะเด่นของคอมพิวเตอร์ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ถูกสร้างข้นึ มาเพอ่ื ใหม้ ีจุดเดน่ 4 ประการ เพือ่ ทดแทนข้อจากัดของมนุษย์ เรยี กว่า 4 S special ดงั นี้ 1. หน่วยเก็บ (Storage) หมายถึง ความสามารถในการเกบ็ ขอ้ มลู จานวนมากและเปน็ เวลานาน นบั เปน็ จดุ เดน่ ทางโครงสร้างและเปน็ หัวใจของการทางานแบบอตั โนมตั ขิ องเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ ทงั้ เป็นตวั บง่ ชป้ี ระสทิ ธภิ าพ ของคอมพิวเตอร์แตล่ ะเคร่ืองดว้ ย 2. ความเร็ว (Speed) หมายถงึ ความสามารถในการประมวลผลขอ้ มลู (Processing Speed) โดยใชเ้ วลา น้อย เปน็ จดุ เดน่ ทางโครงสร้างที่ผ้ใู ชท้ ่วั ไปมสี ว่ นเกย่ี วข้องนอ้ ยทีส่ ดุ เป็นตวั บง่ ชีป้ ระสทิ ธภิ าพของเคร่ืองคอมพิวเตอรท์ ่ี สาคัญส่วนหน่งึ เชน่ กัน 3. ความเปน็ อตั โนมตั ิ (Self Acting) หมายถงึ ความสามารถในการประมวลผลข้อมลู ตามลาดบั ขัน้ ตอนไดอ้ ย่างถูกต้องและตอ่ เนื่องอย่างอตั โนมตั ิ โดยมนษุ ย์มสี ว่ นเก่ียวข้องเฉพาะในข้นั ตอนการกาหนดโปรแกรม คาสั่งและข้อมลู กอ่ นการประมวลผลเทา่ น้นั 4. ความนา่ เช่อื ถอื (Sure) หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลให้เกิดผลลัพธท์ ถี่ ูกต้อง ความ น่าเชือ่ ถือนบั เปน็ ส่ิงสาคญั ทส่ี ดุ ในการทางานของเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ ความสามารถนีเ้ ก่ยี วข้องกับโปรแกรมคาส่งั และ ข้อมูลทมี่ นษุ ย์กาหนดใหก้ บั เครอื่ งคอมพิวเตอรโ์ ดยตรง กลา่ วคือ หากมนษุ ยป์ ้อนขอ้ มลู ทีไ่ ม่ถกู ตอ้ งใหก้ ับเคร่ือง คอมพิวเตอร์ก็ย่อมไดผ้ ลลัพธท์ ไ่ี ม่ถูกตอ้ งดว้ ยเชน่ กนั 1.1.4 ประโยชน์ของคอมพวิ เตอร์ จากการท่ีคอมพิวเตอรม์ ลี ักษณะเดน่ หลายประการ ทาให้ถกู นามาใชป้ ระโยชนต์ ่อการดาเนนิ ชีวิตประจาวนั ในสงั คมเปน็ อยา่ งมาก ทพ่ี บเหน็ ไดบ้ อ่ ยทสี่ ุดกค็ อื การใชใ้ นการพิมพเ์ อกสารต่างๆ เชน่ พมิ พ์จดหมาย รายงาน เอกสารต่างๆ ซงึ่ เรียกว่างานประมวลผล ( word processing ) นอกจากน้ียงั มกี ารประยุกตใ์ ช้คอมพวิ เตอร์ ในดา้ นตา่ งๆ อกี หลายดา้ น ดังตอ่ ไปนี้ 1. งานธรุ กจิ เชน่ บรษิ ัท รา้ นค้า หา้ งสรรพสนิ คา้ ตลอดจนโรงงานตา่ งๆ ใช้คอมพวิ เตอร์ในการทา บัญชี งานประมวลคา และติดตอ่ กับหน่วยงานภายนอกผา่ นระบบโทรคมนาคม นอกจากน้ีงานอตุ สาหกรรม สว่ นใหญ่ กใ็ ชค้ อมพิวเตอรม์ าชว่ ยในการควบคมุ การผลิต และการประกอบชน้ิ ส่วนของอุปกรณต์ า่ งๆ เช่น โรงงานประกอบ รถยนต์ ซ่ึงทาใหก้ ารผลติ มีคุณภาพดีขน้ึ บริษทั ยังสามารถรบั หรอื งานธนาคาร ทใี่ หบ้ ริการถอนเงินผา่ นตฝู้ ากถอนเงิน อัตโนมตั ิ ( ATM ) และใชค้ อมพวิ เตอร์คดิ ดอกเบ้ยี ใหก้ บั ผูฝ้ ากเงิน และการโอนเงินระหว่างบญั ชี เชอื่ มโยงกนั เปน็ ระบบเครอื ขา่ ย 2. งานวทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข สามารถนาคอมพิวเตอรม์ าใช้ในนามาใชใ้ นสว่ น ของการคานวณที่ค่อนข้างซบั ซอ้ น เช่น งานศึกษาโมเลกลุ สารเคมี วถิ ีการโคจรของการส่งจรวดไปสู่อวกาศ หรอื งาน ทะเบียน การเงนิ สถิติ และเป็นอปุ กรณส์ าหรับการตรวจรกั ษาโรคได้ ซึง่ จะให้ผลทแ่ี มน่ ยากวา่ การตรวจด้วยวธิ ีเคมี แบบเดมิ และใหก้ ารรักษาไดร้ วดเร็วข้ึน 3. งานคมนาคมและสอ่ื สาร ในสว่ นทีเ่ ก่ียวกบั การเดินทาง จะใช้คอมพิวเตอร์ในการจองวันเวลา ท่นี ่ัง ซ่งึ มีการเช่ือมโยงไปยงั ทกุ สถานหี รอื ทุกสายการบินได้ ทาใหส้ ะดวกตอ่ ผู้เดินทางท่ีไม่ตอ้ งเสียเวลารอ อีกท้ังยงั ใชใ้ นการ ควบคมุ ระบบการจราจร เช่น ไฟสัญญาณจราจร และ การจราจรทางอากาศ หรอื ในการสอ่ื สารกใ็ ช้ควบคมุ วงโคจร ของดาวเทยี มเพ่ือให้อยู่ในวงโคจร ซึง่ จะช่วยส่งผลต่อการส่งสญั ญาณใหร้ ะบบการสอ่ื สารมีความชดั เจน 4. งานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม สถาปนกิ และวศิ วกรสามารถใชค้ อมพวิ เตอรใ์ นการออกแบบ หรอื จาลองสภาวการณ์ ตา่ งๆ เชน่ การรับแรงสน่ั สะเทือนของอาคารเมื่อเกดิ แผน่ ดินไหว โดยคอมพวิ เตอรจ์ ะคานวณและ

คอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ 3 แสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียงความจริง รวมทั้งการใชค้ วบคมุ และติดตามความกา้ วหนา้ ของโครงการตา่ งๆ เชน่ คนงาน เครอ่ื งมอื ผลการทางาน 5. งานราชการ เป็นหนว่ ยงานทมี่ กี ารใชค้ อมพวิ เตอรม์ ากทส่ี ุด โดยมีการใชห้ ลายรปู แบบ ทง้ั นีข้ นึ้ อยูก่ ับ บทบาทและหนา้ ทขี่ องหนว่ ยงานนั้นๆ เชน่ กระทรวงศึกษาธกิ าร มกี ารใช้ระบบประชมุ ทางไกลผ่านคอมพวิ เตอร์ , กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไดจ้ ัดระบบเครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ตเพือ่ เช่อื มโยงไปยงั สถาบนั ตา่ งๆ , กรมสรรพากร ใช้จดั ในการจดั เก็บภาษี บนั ทึกการเสียภาษี เปน็ ตน้ 6. การศกึ ษา ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอรท์ างดา้ นการเรยี นการสอน ซง่ึ มีการนาคอมพิวเตอร์มาชว่ ยการ สอนในลักษณะบทเรียน CAI หรอื งานด้านทะเบยี น ซงึ่ ทาใหส้ ะดวกตอ่ การค้นหาขอ้ มลู นกั เรียน การเกบ็ ข้อมูลยืมและ การส่งคนื หนงั สือหอ้ งสมดุ 1.2 ประวตั ิความเปน็ มาและยุคของคอมพิวเตอร์ พัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีในช่วง 100 ปที ี่ผ่านมาได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงเทคโนโลยี ทางดา้ น คอมพวิ เตอร์ เมื่อ 50 ปีท่ีแลว้ มา มีคอมพิวเตอรข์ ้ึนใชง้ าน ตอ่ มาเกดิ ระบบส่ือสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ เกิดข้ึนมากมาย และมแี นวโนม้ การพฒั นาอย่างตอ่ เนื่อง เราสามารถแบ่งพฒั นาการคอมพิวเตอรจ์ ากอดีตสปู่ ัจจุบนั สามารถแบ่งเปน็ ยคุ กอ่ นการใชไ้ ฟฟา้ อิเล็กทรอนคิ ส์ และยุคท่เี คร่อื งคอมพวิ เตอรเ์ ป็นอปุ กรณไ์ ฟฟ้าอเิ ล็กทรอนิคส์ 1.2.1 เคร่ืองคานวณในยุคประวัติศาสตร์ ในยคุ เริ่มแรก ได้แก่ เครอ่ื งจักรกลหรือส่งิ ประดษิ ฐ์ขึ้นเพือ่ ชว่ ยในการ คานวณ โดยทย่ี ังไมม่ กี าร นาวงจรอเิ ล็กทรอนกิ ส์ เขา้ มาใชป้ ระโยชน์ร่วมดว้ ย ลาดบั เครื่องมอื ขนึ้ มามีดังนี้  ในระยะ 5,000 ปีท่ีผ่านมา มนษุ ยเ์ ริม่ รจู้ ักการใชน้ วิ้ มือและน้ิวเท้าของตนเพอ่ื ชว่ ยในการคานวณ และพัฒนา มาใชอ้ ุปกรณอ์ ่ืน ๆ เช่น ลกู หนิ ใช้เชอื กรอ้ ยลูกหินคล้ายลูกคดิ ตอ่ มาประมาณ 2,600 ปีกอ่ นคริสตกาล ชาวจนี ไดป้ ระดษิ ฐ์เครอ่ื งมือเพื่อใชใ้ นการ คานวณขน้ึ มา ชนดิ หน่ึง เรยี กวา่ ลูกคดิ ซง่ึ ถือได้วา่ เป็นอปุ กรณ์ใชช้ ่วยการคานวณทเี่ กา่ แก่ท่ีสุดในโลกและคงยงั ใชง้ านมาจนถงึ ปจั จุบนั เครอ่ื งคานวณเครอ่ื งแรกของโลก ได้แก่ ลกู คิด มีการใชล้ กู คิดในหมู่ ชาวจนี มากกวา่ 7000 ปี และใชใ้ นอียิปตโ์ บราณมากกวา่ 2500 ปี ลูกคดิ ของชาวจนี ประกอบด้วยลกู ปดั ร้อยอย่ใู นราวเปน็ แถวตามแนวตัง้ โดยแต่ ละแถวแบ่งเปน็ ครง่ึ บนและล่าง คร่งึ บนมลี กู ปดั 2 ลูก คร่ึงลา่ งมีลกู ปดั 5 ลูก แตล่ ะแถวแทนหลักของตัวเลข  พ.ศ. 2158 นักคณิตศาสตร์ชาวสกอ็ ตแลนดช์ อื่ John Napier ได้ประดษิ ฐอ์ ปุ กรณ์ใช้ ชว่ ยการ คานวณขนึ้ มา เรียกวา่ Napier's Bones เปน็ อปุ กรณท์ ี่ลักษณะคล้ายกับตารางสูตรคูณในปจั จบุ ัน เคร่ืองมือชนดิ นชี้ ว่ ย ให้ สามารถ ทาการคูณและหาร ได้งา่ ยเหมือนกบั ทาการบวก หรอื ลบโดยตรง  พ.ศ. 2185 นกั คณิตศาสตร์ชาวฝร่ังเศสชอ่ื Blaise Pascal ซงึ่ ในขณะนน้ั มอี ายุเพียง 19 ปี ได้ ออกแบบ เคร่ืองมือในการคานวณโดย ใชห้ ลกั การหมุนของฟนั เฟอื งหน่งึ อันถกู หมุนครบ 1 รอบ ฟันเฟอื งอกี อนั หนึง่ ซึ่งอยู่ ทางดา้ นซา้ ยจะถูกหมุนไปด้วยในเศษ 1 สว่ น 10 รอบ เคร่อื งมือของปาสคาลนี้ถูกเผยแพร่ออกสสู่ าธารณะชน เม่อื พ.ศ. 2188 แตไ่ ม่ประสบความสาเรจ็ เท่าที่ควรเนื่องจากราคาแพง และเม่อื ใชง้ านจรงิ จะเกิดเหตุการณ์ทฟ่ี ันเฟือง ติดขัดบ่อยๆ ทาใหผ้ ลลัพธท์ ไ่ี ด้ไม่ค่อยถกู ต้องตรงความเปน็ จริง  พ.ศ. 2373 Chales Babbage ถอื กาเนิดท่ปี ระเทศองั กฤษ เมือ่ พ.ศ. 2334 จบการศึกษาทางดา้ น คณติ ศาสตร์ จากมหาวทิ ยาลัยแคมบริดจ์ และได้รบั ตาแหนง่ Lucasian Professor ซ่งึ เป็นตาแหนง่ ที่ Isaac Newton เคยได้รับมาก่อน ในขณะที่กาลงั ศึกษาอยนู่ น้ั Babbage ได้สรา้ งเครื่อง หาผลตา่ ง (Difference Engine) ซ่ึงเปน็ เครอื่ ง ที่ใช้คานวณ และพมิ พต์ ารางทางคณติ ศาสตรอ์ ย่างอตั โนมัติ จนกระท่งั ปี พ.ศ. 2373 เขาได้รบั ความช่วยเหลอื จาก รัฐบาลองั กฤษเพอ่ื สร้างเคร่อื ง Difference Engine ขึน้ มาจรงิ ๆ

ระบบคอมพิวเตอร์ 4 แตใ่ นขณะท่ี Babbage ทาการสรา้ งเครื่อง Difference Engine อยู่นั้น ได้พฒั นาความคิดไปถงึ เครื่องมอื ในการคานวณท่มี ีความสามารถ สงู กว่านี้ ซ่งึ ก็คือเครอ่ื งทเี่ รียกว่าเครื่องวเิ คราะห์ (Analytical Engine) และได้ยกเลกิ โครงการสรา้ งเครอื่ ง Difference Engine ลงแลว้ เรมิ่ ต้น งานใหม่ คอื งานสรา้ งเครอ่ื งวิเคราะห์ ในความคิดของเขา โดยทเี่ คร่อื ง ดงั กล่าวประกอบไปดว้ ยชนิ้ สว่ นที่สาคัญ 4 สว่ น คือ 1. สว่ นเก็บข้อมูล เปน็ ส่วนท่ีใช้ในการเกบ็ ข้อมูลนาเข้าและผลลพั ธ์ ท่ไี ด้จากการคานวณ 2. ส่วนประมวลผล เป็นส่วนทใี่ ช้ในการประมวลผลทาง คณิตศาสตร์ 3. ส่วนควบคมุ เปน็ ส่วนท่ีใชใ้ นการเคลอ่ื นย้ายขอ้ มูลระหว่างสว่ นเกบ็ ข้อมูล และสว่ นประมวลผล 4. สว่ นรบั ข้อมลู เขา้ และแสดงผลลพั ธ์ เป็นส่วนที่ใช้รบั ทราบขอ้ มูลจากภายนอกเครือ่ งเข้าสสู่ ว่ นเก็บ และแสดง ผลลัพธท์ ่ีไดจ้ ากการคานวณใหผ้ ูใ้ ช้ไดร้ บั ทราบ เปน็ ท่ีนา่ สงั เกตวา่ สว่ นประกอบตา่ งๆ ของเครอื่ ง Analytical Engine มลี ักษณะใกลเ้ คยี งกับส่วนประกอบ ของระบบคอมพวิ เตอร์ ในปัจจบุ นั แตน่ ่าเสยี ดายทีเ่ ครอื่ ง Analytical Engine ของ Babbage นั้นไมส่ ามารถ สรา้ งให้ สาเรจ็ ข้นึ มาได้ ทงั้ น้เี นอ่ื งจากเทคโนโลยี สมัยนั้นไมส่ ามารถสร้างส่วนประกอบตา่ งๆ ดงั กลา่ ว และอีกประการหน่ึงก็ คือ สมยั นนั้ ไมม่ คี วามจาเป็น ตอ้ งใชเ้ คร่ืองทม่ี คี วามสามารถสงู ขนาดนน้ั ดังนน้ั รฐั บาล อังกฤษจงึ หยดุ ให้ความ สนับสนนุ โครงการของ Babbage ในปี พ.ศ. 2385 ทาใหไ้ มม่ ที นุ ท่ีจะทาการวิจัยตอ่ ไป สบื เน่อื งจากมาจาก แนวความคดิ ของ Analytical Engine เช่นน้จี งึ ทาให้ Charles Babbage ไดร้ บั การยกย่อง ให้เป็น บดิ าของเครอ่ื ง คอมพวิ เตอร์  พ.ศ. 2385 ชาวองั กฤษ ชอื่ Lady Auqusta Ada Byron ได้ทาการแปลเรอื่ งราวเกยี่ วกับเคร่อื ง Analytical Engine จากภาษาฝรั่งเศสเปน็ ภาษาองั กฤษ ในระหว่างการแปลทาให้ Lady Ada เข้าใจถึงหลกั การ ทางาน ของเครื่อง Analytical Engine และไดเ้ ขียนรายละเอียดขัน้ ตอนของคาส่ังให้เครอ่ื งนีท้ าการคานวณทย่ี ุ่งยาก ซบั ซ้อนไวใ้ นหนงั สอื ทางคณติ ศาสตร์เลม่ หนงึ่ ซ่ึงถอื วา่ เป็นโปรแกรมคอมพวิ เตอรโ์ ปรแกรมแรกของโลก และจากจดุ นี้ จงึ ถือว่า Lady Ada เปน็ โปรแกรมเมอรค์ นแรกของโลก (มีภาษาทีใ่ ช้เขียนโปรแกรมทเ่ี กแ่ ก่ อยู่หน่ึงภาษาคือภาษา Ada มาจาก ชอ่ื ของ Lady Ada) นอกจากน้ี Lady Ada ยงั ค้นพบอีกวา่ ชดุ บัตรเจาะรู ทบี่ รรจคุ าสง่ั ไว้สามารถนา กลบั มาทางานซา้ ไดถ้ ้าต้องการ นัน่ คือหลกั ของการทางานวนซา้ หรอื เรยี กว่า Loop เครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการคานวณที่ถูก พัฒนาขึ้นในศตวรรษที่ 19 น้นั ทางานกับเลขฐานสบิ (Decimal Number) แตเ่ มอ่ื เร่ิมตน้ ของศตวรรษที่ 20 ระบบ คอมพวิ เตอร์ได้ถูกพฒั นาข้นึ จงึ ทาใหม้ ีการเปล่ยี นแปลงมาใช้ เลขฐานสอง (Binary Number) กับระบบคอมพวิ เตอร์ ทีเ่ ป็นผลสืบเน่อื งมาจากหลักของพชี คณติ 1.2.2 การกาเนดิ ของเครือ่ งคอมพวิ เตอรอ์ ิเลก็ ทรอนกิ ส์ เครอ่ื งมือทงั้ หลายที่ถูกประดษิ ฐ์ข้ึนมาในยคุ กอ่ นนน้ั สว่ นมากประกอบดว้ ยฟนั เฟือง รอก คาน ซึง่ เปน็ วสั ดุ ทม่ี ขี นาดใหญ่ และมนี า้ หนกั มากทาให้การทางานลา่ ชา้ และผดิ พลาดอยู่เสมอ ดงั นนั้ ในยคุ ต่อมาจึงพยายาม พัฒนา เครอ่ื งมอื ให้มขี นาดเลก็ ลง แต่มีประสทิ ธภิ าพสงู ขนึ้ ดงั นี้  พ.ศ. 2480 ศาสตราจารย์ Howard Aiken แห่งมหาลยั วทิ ยาลยั ฮาวารด์ ไดพ้ ัฒนาเครื่องคานวณ ตามแนวคดิ ของ Babbage ร่วมกับวิศวกรของบรษิ ทั IBM สรา้ งเครื่องคานวณตามความคดิ ของ Babbage ได้ สาเรจ็ โดยเคร่อื งดังกลา่ วทางานแบบเคร่ืองจกั รกลปนไฟฟา้ และใชบ้ ตั รเจาะรเู ปน็ สือ่ ในการนาเข้าขอ้ มลู สู่ เครอ่ื งเพ่ือทาการประมวลผล

คอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ 5 การพัฒนาดงั กลา่ วมาเสรจ็ สนิ้ ในปี พ.ศ. 2487 โดยเครือ่ งมอื น้มี ชี ื่อวา่ MARK 1 และเน่ืองจากเคร่อื งนส้ี าเรจ็ ไดจ้ าก การสนบั สนนุ ดา้ นการเงินและบคุ ลากรจากบรษิ ัท IBM ดังน้ันจึงมีอกี ชือ่ หนึ่งวา่ IBM Automatic Sequence Controlled Calculator และนบั เปน็ เครอ่ื งคานวณแบบอตั โนมตั เิ คร่ืองแรกของโลก 1.2.3 ยุคของคอมพิวเตอร์ ยุคของคอมพวิ เตอร์สามารถจัดแบง่ คอมพิวเตอร์ออกได้ เป็น 5 ยุค ยุคท่ีหนึง่ ( First Generation Computer) พ.ศ. 2489- 2501 เป็นการประดษิ ฐเ์ ครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ี่มิใช่เครอ่ื งคานวณ โดยเมาชล์ ีและเอก็ เคอรต์ (Mauchly and Eckert) ได้นาแนวความคดิ นนั้ มา ประดษิ ฐเ์ ปน็ เครอื่ งคอมพวิ เตอรท์ ี่มีประสทิ ธิภาพมากเคร่ืองหนึ่งเรียกว่า ENIAC (Electronic Numerical Integrator and Calculator) ซึ่งต่อมาไดท้ าการปรับปรงุ การทางานของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพดียง่ิ ขึ้น และได้ ประดิษฐ์เครื่อง UNIVAC (Universal Automatic Computer) ขน้ึ เพ่อื ใชใ้ นการสารวจสามะโนประชากร ประจาปี จึงนบั ไดว้ า่ UNIVAC เป็นเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์เครื่องแรกของโลกทถ่ี ูกใช้งานในเชงิ ธรุ กิจ ซงึ่ นับเปน็ การเริม่ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ในยคุ แรกอย่างแท้จรงิ เคร่อื งคอมพวิ เตอรใ์ นยุคน้ีใช้หลอดสุญญากาศในการควบคมุ การทางาน ของเคร่ือง ซึ่งทางานได้อย่างรวดเร็ว แตม่ ขี นาดใหญม่ ากและราคาแพง ยุคแรกของคอมพวิ เตอรส์ ้ินสุดเมอ่ื มีผูป้ ระดษิ ฐ์ ทรานซสิ เตอร์มาใช้แทนหลอดสญุ ญากาศ ลักษณะเฉพาะของเครอ่ื งคอมพิวเตอรย์ คุ ท่ี 1  ใชอ้ ุปกรณ์ หลอดสุญญากาศ (Vacuum Tube) เป็นสว่ นประกอบหลกั ทาให้ตัวเคร่ืองมีขนาดใหญ่ ใช้ พลังงานไฟฟ้ามาก และเกดิ ความร้อนสงู  ทางานดว้ ยภาษาเคร่ือง (Machine Language) เท่านัน้  เรม่ิ มีการพัฒนาภาษาสญั ลักษณ์ (Assembly / Symbolic Language) ข้ึนใช้งาน ยุคที่สอง ( Second Generation Computer) พ.ศ. 2501-2506) มีการนาทรานซสิ เตอร์ มาใชใ้ นเครอ่ื งคอมพวิ เตอรจ์ งึ ทาให้ ทา เครอ่ื งมีขนาดเลก็ ลง และสามารถเพิ่มประสทิ ธภิ าพในการทางานใหม้ ี ความรวดเร็วและแมน่ ยามากยิ่งขึน้ นอกจากนี้ ในยุคน้ยี งั ได้มกี ารคดิ ภาษาเพอ่ื ใช้กับเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์เช่น ภาษาฟอรแ์ ทน (FORTRAN) จงึ ใหง้ ่ายตอ่ การเขียนโปรแกรมสาหรบั ใช้กบั เครอื่ ง ลักษณะเฉพาะของเครอ่ื งคอมพวิ เตอรย์ ุคท่ี 2  ใชอ้ ุปกรณ์ ทรานซสิ เตอร์ (Transistor) ซ่ึงสรา้ งจากสารก่ึงตัวนา (Semi-Conductor) เปน็ อปุ กรณ์หลัก แทนหลอดสุญญากาศ เน่อื งจากทรานซสิ เตอร์เพยี งตวั เดียว มี ประสิทธภิ าพในการทางานเทยี บเท่าหลอดสญุ ญากาศไดน้ บั รอ้ ยหลอด ทาให้เครื่อง คอมพวิ เตอรใ์ นยุคนม้ี ีขนาดเล็ก ใชพ้ ลงั งานไฟฟ้านอ้ ย ความร้อนตา่ ทางานเรว็ และ ไดร้ บั ความน่าเชอื่ ถือมากยงิ่ ข้ึน  เกบ็ ข้อมูลได้ โดยใชส้ ว่ นความจาวงแหวนแมเ่ หล็ก (Magnetic Core)

ระบบคอมพวิ เตอร์ 6  มีความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งคาสงั่ ประมาณหนึง่ ในพนั ของวินาที (Millisecond : mS)  ส่งั งานไดส้ ะดวกมากข้ึน เน่อื งจากทางานดว้ ยภาษาสัญลักษณ์ (Assembly Language)  เรม่ิ พัฒนาภาษาระดบั สูง (High Level Language) ขน้ึ ใชง้ านในยุคน้ี ยคุ ที่สาม ( Third Generation Computer) พ.ศ. 2507-2512) คอมพิวเตอรใ์ นยคุ นี้เริ่มต้นภายหลงั จากการใช้ทรานซิสเตอรไ์ ดเ้ พียง 5 ปี เนอ่ื งจากไดม้ ีการประดษิ ฐ์ คิดคน้ เก่ยี วกบั วงจรรวม (Integrated-Circuit) หรือเรยี กกนั ยอ่ ๆ ว่า \"ไอซ\"ี (IC) ซึ่งไอซนี ้ีทาใหส้ ว่ นประกอบและวงจร ตา่ งๆ สามารถวางลงไดบ้ นแผน่ ชิป (chip) เล็กๆ เพียงแผ่นเดยี ว จงึ มีการนาเอาแผน่ ชปิ มาใช้แทนทรานซสิ เตอร์ทาให้ ประหยัดเน้ือท่ีไดม้ าก นอกจากนีย้ งั เริ่มมกี ารใชง้ านระบบจัดการฐานข้อมูล (Data Base Management Systems : DBMS) และมกี ารพฒั นาเครือ่ งคอมพิวเตอร์ให้สามารถทางานร่วมกนั ไดห้ ลายๆ งานในเวลาเดยี วกนั และมรี ะบบท่ีผใู้ ช้ สามารถโต้ตอบกับเคร่ืองได้หลายๆ คน พร้อมๆ กนั (Time Sharing) ลกั ษณะเฉพาะของเคร่ืองคอมพิวเตอรย์ คุ ท่ี 3  ใชอ้ ปุ กรณ์ วงจรรวม (Integrated Circuit : IC) หรอื ไอซี และวงจรรวม สเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) เป็นอุปกรณห์ ลกั  ความเรว็ ในการประมวลผลในหนึง่ คาสงั่ ประมาณหน่ึงในล้านของวินาที (Microsecond : MS) (สูงกวา่ เครื่องคอมพวิ เตอร์ในยคุ ที่ 1 ประมาณ 1,000 เทา่ )  ทางานได้ดว้ ยภาษาระดบั สูงทั่วไป ยุคที่ส่ี ( Fourth Generation Computer) พ.ศ. 2513-2532) เป็นยคุ ทนี่ าสารกึ่งตัวนามาสร้างเป็นวงจรรวมความจสุ ูงมาก (Very Large Scale Integrated : VLSI) ซง่ึ สามารถยอ่ สว่ นไอซีธรรมดาหลายๆ วงจรเขา้ มาในวงจรเดียวกนั และมกี ารประดิษฐ์ ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) ขนึ้ ทาใหเ้ ครื่องมขี นาดเล็ก ราคาถูกลง และมีความสามารถในการทางานสงู และรวดเร็วมาก จึง ทาใหม้ คี อมพวิ เตอร์สว่ นบุคคล (Personal Computer) ถือกาเนิดขนึ้ มาในยุคน้ี ลักษณะเฉพาะของเคร่อื งคอมพิวเตอรย์ คุ ท่ี 4  ใช้อุปกรณ์ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ )Large Scale Integration : LSI) และ วงจรรวมสเกลขนาดใหญม่ าก(Very Large Scale Integration : VLSI) เปน็ อุปกรณห์ ลัก  มีความเร็วในการประมวลผลแตล่ ะคาสง่ั ประมาณหนึง่ ในพนั ล้านวินาที(Nanosecond : nS) และพฒั นา ตอ่ มาจนมีความเร็วในการประมวลผลแตล่ ะคาส่งั ประมาณหนงึ่ ในลา้ นลา้ นของวินาที (Picoseconds : pS) ยคุ ทห่ี ้า ( Fifth Generation Computer) พ.ศ. 2533 จนถงึ ปจั จบุ ัน) ในยคุ นี้ ได้มงุ่ เน้นการพฒั นา ความสามารถในการทางานของระบบคอมพวิ เตอรแ์ ละความ สะดวกสบายในการใช้งานเคร่ืองคอมพิวเตอร์ อย่างชัดเจน มกี ารพัฒนาสรา้ งเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็ก ขนาดเล็ก (Portable Computer) ขน้ึ ใช้งานในยคุ น้ี โครงการพฒั นาอุปกรณ์ VLSI ให้ใช้งานงา่ ย และมคี วามสามารถสูงขนึ้ รวมทง้ั โครงการวิจัยและพัฒนา เก่ียวกบั ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เปน็ หัวใจของการพฒั นาระบบคอมพวิ เตอร์ในยุคนี้ โดยหวงั ใหร้ ะบบคอมพวิ เตอรม์ ีความรู้ สามารถวิเคราะหป์ ัญหาดว้ ยเหตผุ ล องค์ประกอบของระบบปญั ญาประดษิ ฐ์ ประกอบด้วย 4 หวั ขอ้ ไดแ้ ก่

คอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ 7 1. ระบบหุ่นยนต์ หรือแขนกล (Robotics or Robotarm System) คอื หุ่นจาลองรา่ งกายมนษุ ยท์ ค่ี วบคุมการทางานดว้ ยเครอื่ ง คอมพวิ เตอร์ มจี ุดประสงค์เพื่อใหท้ างานแทนมนุษย์ในงานทีต่ อ้ งการ ความเร็ว หรือเสี่ยงอนั ตราย เช่น แขนกลในโรงงานอุตสาหกรรม หรอื หนุ่ ยนต์กรู้ ะเบิด เปน็ ตน้ 2. ระบบประมวลภาษาพดู (Natural Language Processing System) คือ การพฒั นาให้ระบบคอมพวิ เตอรส์ ามารถสงั เคราะหเ์ สยี งท่มี อี ยู่ ในธรรมชาติ (Synthesize) เพื่อสื่อความหมายกับมนษุ ย์ เชน่ เครือ่ งคิดเลขพดู ได้ (Talking Calculator) หรอื นาฬิกาปลกุ พดู ได้ (Talking Clock) เปน็ ตน้ 3. การรจู้ าเสียงพดู (Speech Recognition System) คอื การพฒั นาให้ระบบคอมพิวเตอร์เข้าใจภาษา มนุษย์ และสามารถจดจาคาพูดของมนษุ ยไ์ ดอ้ ยา่ งตอ่ เนื่อง กลา่ วคือเป็นการพัฒนาใหเ้ ครือ่ งคอมพิวเตอร์ทางานได้ ด้วยภาษาพดู เชน่ งานระบบรกั ษาความปลอดภัย งานพมิ พ์เอกสารสาหรับผู้พิการ เป็นตน้ 4. ระบบผเู้ ชี่ยวชาญ (Expert System) คอื การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอรม์ คี วามรู้ รู้จกั ใชเ้ หตุผล ในการวเิ คราะห์ปญั หา โดยใชค้ วามรทู้ ่ีมี หรือจากประสบการณใ์ นการแก้ปัญหาหนงึ่ ไปแก้ไขปัญหาอื่นอย่างมเี หตผุ ล ระบบนีจ้ าเปน็ ต้องอาศยั ฐานข้อมูล (Database) ซึ่งมนุษยผ์ ู้มคี วามรูค้ วามสามารถเปน็ ผกู้ าหนดองค์ความร้ไู ว้ใน ฐานขอ้ มูลดังกลา่ ว เพอ่ื ให้ระบบคอมพวิ เตอรส์ ามารถวเิ คราะห์ปญั หาตา่ งๆ ไดจ้ ากฐานความร้นู น้ั เช่น เครอื่ ง คอมพิวเตอร์วิเคราะหโ์ รค หรือเคร่อื งคอมพิวเตอรท์ านายโชคชะตา เปน็ ต้น 1.3 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ จากประวตั ิความเปน็ มาของคอมพวิ เตอร์ จะเหน็ ได้วา่ เทคโนโลยที างดา้ นคอมพิวเตอรม์ กี าร พัฒนาเปลย่ี นแปลงไปอยา่ งรวดเรว็ มาก ทาให้ปจั จบุ นั มีเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ใหเ้ ลอื กใช้มากมายหลายรปู แบบตามความ ตอ้ งการของผูใ้ ช้ การแบ่งประเภทของคอมพวิ เตอรน์ นั้ สามารถจาแนกออกได้เปน็ 3 กลุ่มหลกั ดงั นี้ 1.3.1 ประเภทของคอมพิวเตอร์ตามวิธีการทางานภายในเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ วิธีการทางานภายในของเคร่ืองคอมพิวเตอรท์ าสามารถจาแนกคอมพิวเตอรไ์ ด้ 3 แบบ คือ  คอมพิวเตอร์แบบแออนาล็อก (Analog Computer) หมายถึง เคร่ืองมือประมวลผลขอ้ มูลที่ อาศัยหลกั การวดั (Measuring Principle) ทางานโดยใชข้ ้อมลู ทม่ี ีการเปลีย่ นแปลงแบบต่อเน่อื ง (Continuous Data) แสดงออกมาในลกั ษณะสญั ญาณทีเ่ รยี กวา่ Analog Signal เคร่ืองคอมพวิ เตอรป์ ระเภทน้ีมักแสดงผลดว้ ยสเกลหนา้ ปดั และเข็มชี้ เช่น การวดั ค่าความยาว โดยเปรียบเทียบกับสเกลบนไมบ้ รรทดั การวัดคา่ ความรอ้ นจากการขยายตัวของ ปรอทเปรยี บเทยี บกับสเกลข้างหลอดแก้ว นอกจากนยี้ งั มตี ัวอยา่ งของ Analog Computer ทใี่ ช้การประมวลผลแบบเป็นขน้ั ตอน เชน่ เครอื่ งวดั ปริมาณการใชน้ ้าดว้ ยมาตรวดั นา้ ท่ีเปล่ียนการไหลของนา้ ใหเ้ ป็นตวั เลขแสดงปริมาณ อุปกรณ์วดั ความเรว็ ของรถยนต์ ในลักษณะเข็มชี้ หรอื เครือ่ งตรวจคล่ืนสมองท่ีแสดงผลเปน็ รปู กราฟ เป็นตน้  คอมพิวเตอร์แบบดิจิตัล (Digital Computer) ซง่ึ กค็ ือคอมพวิ เตอรท์ ีใ่ ชใ้ นการทางานทัว่ ๆไป น่ันเอง เปน็ เครอื่ งมือประมวลผลข้อมูลท่ีอาศัยหลกั การนบั ทางานกบั ข้อมูลท่มี ลี ักษณะการเปลย่ี นแปลงแบบไม่ ตอ่ เน่อื ง (Discrete Data) ในลกั ษณะของสญั ญาณไฟฟา้ หรือ Digital Signal อาศยั การนบั สญั ญาณขอ้ มูลที่เป็น จังหวะด้วยตวั นบั (Counter) ภายใตร้ ะบบฐานเวลา (Clock Time) มาตรฐาน ทาใหผ้ ลลพั ธเ์ ปน็ ทนี่ า่ เช่อื ถอื ท้ัง สามารถนบั ข้อมูลให้ค่าความละเอียดสูง เชน่ แสดงผลลพั ธ์เป็นทศนิยมไดห้ ลายตาแหนง่ เป็นตน้ เนือ่ งจาก Digital Computer ตอ้ งอาศยั ขอ้ มลู ทเ่ี ปน็ สญั ญาณไฟฟ้า (มนุษย์สมั ผสั ไมไ่ ด)้ ทาใหไ้ ม่

ระบบคอมพวิ เตอร์ 8 สามารถรบั ขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมลู ตน้ ทางไดโ้ ดยตรง จึงจาเปน็ ตอ้ งเปลยี่ นข้อมลู ตน้ ทางทีร่ บั เข้า (Analog Signal) เปน็ สัญญาณไฟฟา้ (Digital Signal) เสียกอ่ น เมือ่ ประมวลผลเรยี บร้อยแลว้ จึงเปล่ยี นสัญญาณไฟฟ้ากลับไปเปน็ Analog Signal เพ่ือสอ่ื ความหมายกบั มนุษย์ตอ่ ไป โดยส่วนประกอบสาคญั ทเ่ี รียกวา่ ตัวเปล่ียนสัญญาณข้อมลู (Converter) คอยทาหนา้ ท่ีในการเปลย่ี น รปู แบบของสัญญาณข้อมูล ระหว่าง Digital Signal กบั Analog Signal  คอมพวิ เตอร์แบบลูกผสม (Hybrid Computer) เครอ่ื งประมวลผลขอ้ มูลทอ่ี าศยั เทคนคิ การ ทางานแบบผสมผสาน ระหวา่ ง Analog Computer และ Digital Computer โดยท่ัวไปมักใชใ้ นงานเฉพาะกิจ โดย เฉพาะงานด้านวิทยาศาสตร์ เชน่ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ในยานอวกาศ ทีใ่ ช้ Analog Computer ควบคุมการหมนุ ของตวั ยาน และใช้ Digital Computer ในการคานวณระยะทาง เป็นตน้ การทางานแบบผสมผสานของคอมพิวเตอรช์ นิดนี้ ยงั คงจาเปน็ ต้องอาศยั ตัวเปลย่ี นสญั ญาณ (Converter) เช่นเดมิ 1.3.2 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ตามวัตถปุ ระสงค์ของการใชง้ าน จาแนกไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คอื  เครอ่ื งคอมพิวเตอรเ์ พื่องานเฉพาะกิจ (Special Purpose Computer) หมายถงึ เครอ่ื งประมวลผลข้อมลู ทถี่ กู ออกแบบตวั เครือ่ งและโปรแกรมควบคุม ใหท้ างานอยา่ งใดอย่างหน่ึงเปน็ การเฉพาะ (Inflexible) โดยท่วั ไปมักใชใ้ นงานควบคุม หรอื งานอตุ สาหกรรมทเี่ นน้ การประมวลผลแบบรวดเร็ว เช่นเคร่ือง คอมพวิ เตอรค์ วบคุมสญั ญาณไฟจราจร คอมพิวเตอรค์ วบคุมลิฟท์ หรือคอมพวิ เตอรค์ วบคุมระบบอัตโนมัตใิ นรถยนต์ เปน็ ต้น  เครื่องคอมพวิ เตอร์เพอ่ื งานอเนกประสงค์ (General Purpose Computer) หมายถึง เคร่ืองประมวลผลข้อมูลทมี่ ีความยืดหยุน่ ในการทางาน (Flexible) โดยไดร้ บั การออกแบบใหส้ ามารถประยุกตใ์ ชใ้ น งานประเภทตา่ งๆ ไดโ้ ดยสะดวก โดยระบบจะทางานตามคาสง่ั ในโปรแกรมทีเ่ ขยี นขึน้ มา และเมื่อผใู้ ชต้ อ้ งการให้ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ทางานอะไร กเ็ พยี งแต่ออกคาสั่งเรียกโปรแกรมทเี่ หมาะสมเข้ามาใช้งาน โดยเราสามารถเกบ็ โปรแกรมไวห้ ลายโปรแกรมในเคร่ืองเดยี วกนั ได้ เชน่ ในขณะหน่ึงเราอาจใชเ้ ครอ่ื งนใ้ี นงานประมวลผลเก่ยี วกบั ระบบ บัญชี และในขณะหนงึ่ ก็สามารถใชใ้ นการออกเชค็ เงนิ เดือนได้ เป็นต้น 1.3.3 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ตามหลักการประมวลผล จาแนกออกได้เปน็ 4 ชนดิ โดยพจิ ารณาจาก ความสามารถในการเกบ็ ขอ้ มูล และ ความเรว็ ในการประมวลผล เปน็ หลกั ดงั นี้  ซปุ เปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer) หมายถึง เครื่องประมวลผลขอ้ มลู ทม่ี ีความ สามารถในการประมวลผลสงู ทสี่ ดุ โดยท่วั ไปสร้างขนึ้ เป็นการเฉพาะเพ่อื งานดา้ นวทิ ยาศาสตร์ทตี่ อ้ งการการ ประมวลผลซบั ซอ้ น และตอ้ งการความเร็วสงู เช่น งานวจิ ยั ขปี นาวธุ งานโครงการอวกาศสหรัฐ (NASA) งานส่ือสาร ดาวเทียม หรืองานพยากรณ์อากาศ เปน็ ตน้  เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ (Mainframe Computer) หมายถงึ เคร่ืองประมวลผลข้อมูลที่มสี ่วน ความจาและความเรว็ น้อยลง สามารถใช้ขอ้ มลู และคาส่งั ของเครอ่ื งร่นุ อื่นในตระกลู (Family) เดยี วกันได้ โดยไม่ต้อง ดัดแปลงแก้ไขใดๆ นอกจากนนั้ ยงั สามารถทางานในระบบเครอื ข่าย (Network) ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี โดยสามารถเชื่อมตอ่ ไป ยังอุปกรณท์ เี่ รยี กว่า เครอ่ื งปลายทาง (Terminal) จานวนมากได้ สามารถทางานไดพ้ รอ้ มกนั หลายงาน (Multi Tasking) และใช้งานไดพ้ รอ้ มกันหลายคน (Multi User) ปกตเิ คร่ืองชนดิ น้นี ิยมใช้ในธุรกิจขนาดใหญ่ มรี าคาตง้ั แต่สบิ ล้านบาทไปจนถงึ หลายรอ้ ยลา้ นบาท ตวั อย่างของเครอื่ งเมนเฟรมทใี่ ช้กนั แพร่หลายก็คือ คอมพวิ เตอร์ของธนาคารที่ เชอ่ื มตอ่ ไปยงั ตู้ ATM และสาขาของธนาคารทัว่ ประเทศนน่ั เอง  มนิ ิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) ธรุ กจิ และหนว่ ยงานทม่ี ีขนาดเล็กไมจ่ าเปน็ ต้องใช้ คอมพวิ เตอร์ขนาดเมนเฟรมซงึ่ มรี าคาแพง ผผู้ ลติ คอมพิวเตอรจ์ งึ พัฒนาคอมพวิ เตอรใ์ หม้ ขี นาดเลก็ และมรี าคาถูกลง เรยี กว่า เครอ่ื งมนิ คิ อมพิวเตอร์ โดยมีลกั ษณะพิเศษในการทางานร่วมกับอุปกรณ์ประกอบรอบขา้ งทม่ี คี วามเร็วสงู ได้ มี การใช้แผ่นจานแม่เหลก็ ความจสุ ูงชนิดแข็ง (Hard disk) ในการเก็บรักษาขอ้ มูล สามารถอา่ นเขียนขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ ง

คอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ 9 รวดเร็ว หน่วยงานและบรษิ ทั ท่ใี ชค้ อมพวิ เตอร์ขนาดน้ี ไดแ้ ก่ กรม กอง มหาวทิ ยาลยั ห้างสรรพสนิ คา้ โรงแรม โรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ  ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computer) หมายถึง เครอ่ื งประมวลผลขอ้ มลู ขนาดเลก็ มสี ว่ นของ หนว่ ยความจาและความเร็วในการประมวลผลนอ้ ยท่สี ุด สามารถใช้งานได้ดว้ ย คนเดยี ว จงึ มกั ถูกเรียกว่า คอมพวิ เตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer : PC) เคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์ จาแนกออกไดเ้ ป็น 2 ประเภทใหญๆ่ คือ 1. แบบติดตง้ั ใชง้ านอย่กู ับทบ่ี นโตะ๊ ทางาน (Desktop Computer) 2. แบบเคลื่อนย้ายได้ (Portable Computer) สามารถพกพาติดตวั อาศัยพลังงานไฟฟา้ จากแบตเตอร่จี ากภายนอก สว่ นใหญ่มักเรียกตามลกั ษณะของการใชง้ านวา่ Laptop Computer หรือ Notebook Computer PDAs - Personal Digital Assistants Palmtop Computer


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook