1
2 คำนำ ก เอกสารเลม่ น้ี ห้องสมุดประชาชนจังหวดั ชลบรุ ี ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศยั อำเภอเมืองชลบรุ ี สำนักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั ชลบรุ ี จดั ทำข้ึนเพือ่ รายงานผลการดำเนินงานโครงการวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 เพือ่ เผยแพรป่ ระชาสัมพันธ์ การจดั ใหบ้ รกิ ารแก่เดก็ และเยาวชนและประชาชนทว่ั ไปในพ้นื ที่อำเภอเมืองชลบุรี ซ่ึงสอดคลอ้ งกับยุทธศาสตร์ และจุดเน้นการดำเนนิ งาน สำนักงาน กศน. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และเพ่อื ประโยชนใ์ นการศกึ ษา ในการจัดกิจกรรมสำหรับผทู้ ส่ี นใจ เนื้อหาในเอกสารเลม่ น้ี ไดก้ ลา่ วถึงวิธดี ำเนินงาน การวิเคราะหข์ ้อมูล และสรุปผลการดำเนินงานโครงการวนั เด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 อน่ึงขอขอบพระคณุ ภาคเี ครอื ขา่ ย และผู้ทีเ่ ก่ียวข้องทุกท่าน ที่ใหค้ วามร่วมมือช่วยเหลอื จน ทำให้การดำเนินงานสำเร็จลลุ ่วงไปไดด้ ว้ ยดี คณะทำงานหวังเป็นอย่างยง่ิ วา่ เอกสารเล่มน้ี จะเป็นประโยชน์ แก่ผสู้ นใจทว่ั ไป หอ้ งสมุดประชาชนจงั หวดั ชลบรุ ี
3 สารบญั ข บทท่ี หนา้ คำนำ ก สารบญั ข สารบญั ตาราง ง สารบญั ภาพ จ 1 บทนำ ........................................................................................................................................... 1 ความสำคัญ ............................................................................................................................... 1 วตั ถุประสงค์.............................................................................................................................. 2 เป้าหมาย................................................................................................................................... 2 วธิ ีการดำเนินงาน ...................................................................................................................... 2 ลักษณะการจดั ........................................................................................................................... 2 2. เอกสารการศึกษาและรายงานที่เก่ียวขอ้ ง................................................................................. 5 ยทุ ธศาสตร์และจดุ เน้นการดำเนินงาน สำนักงาน กศน.ประจำปีงบประมาณ 2562................. 5 แนวทาง/กลยุทธก์ ารดำเนินงานการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ของ กศน.อำเภอเมอื งชลบรุ ี.............................................................................................................. 12 เอกสาร/งานท่ีเกี่ยวขอ้ ง .......................................................................................................... 27 3. วิธีดำเนนิ งาน.............................................................................................................................. 39 ประชุมบคุ ลากรกรรมการสถานศึกษา....................................................................................... 39 จัดตงั้ คณะทำงาน ...................................................................................................................... 39 ประสานงานกับหนว่ ยงานและบุคคลท่ีเกย่ี วข้อง ....................................................................... 40
4 ค ค สารบัญ(ต่อ) หน้า ดำเนนิ การตามแผน .................................................................................................................. 40 สรปุ ผลและรายงาน................................................................................................................... 40 4. ผลการดำเนินงานและการวเิ คราะห์ข้อมูล .................................................................................... 42 ตอนท่ี 1 ข้อมูลส่วนตวั ผแู้ บบสอบถามของผู้เข้ารว่ มโครงการ.................................................... 42 ตอนท่ี 2 ข้อมูลเกี่ยวกับความคิดเหน็ ที่มตี ่อโครงการ....................................……........................ 45 บทท่ี 5 สรุปผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ ................................................................................... 47 บรรณานุกรม.......................................................................................................................................... 50 ภาคผนวก............................................................................................................................................... 51 คณะผู้จดั ทำ
5 สารบญั ตาราง ง ตารางท่ี หนา้ 1 แสดงคา่ ร้อยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามเพศ .............42 2 แสดงค่ารอ้ ยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอายุ ........... 43 3 แสดงคา่ ร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอาชพี ..........43 4 แสดงค่าร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามโดยจำแนกตามการศึกษา......44 5 ขอ้ มลู แสดงความคดิ เห็นผู้เข้าร่วมโครงการ…………………………..……… 45
6 สารบญั ภาพ จ รปู ภาพ หน้า 1 การแสดงนิทรรศการเกย่ี วกับการอา่ น ................................................................... 27 2 สถิตเิ กย่ี วกับการอา่ นของไทยอายุ 6 ปีข้ึนไป ........................................................ 28 3 สถิติเกี่ยวกบั การอา่ นของไทยอายุ 6 ปขี ้ึนไป จำแนกตามภูมภิ าค ......................... 28 4 สถิติเกย่ี วกบั การอา่ นคนไทยอายุ 6 ปขี ึน้ ไปจำแนกตามส่ือ ……………………………..... 30 5 สถิติเก่ียวกบั การอ่านของไทยอายุ 6 ปีขึ้นไป จำแนกตามสถานทีก่ ารอ่าน ............31 6 สถิติเกยี่ วกับการอา่ นคนไทยอายุ 6 ปขี นึ้ ไปจำแนกตามสาเหตุทำไมไม่อา่ นหนังสอื ...32 7 สถติ เิ กี่ยวกบั การอ่านคนไทยอายุ 15-24 ปีข้ึนไป ……………………………………….…..…32 8 นทิ รรศการเกีย่ วกบั การอา่ นคนไทย ……………………………………………………...….…… 33 9 เดก็ อา่ นหนังสือ …………………………………………………………………………………….…… 34 10 เดก็ อา่ นหนังสอื …………………………………………………………………………………..….… 35 11 หนังสอื เดก็ และเยาวชน…………………………………………………………….………….…..… 36
1 สว่ นที่ 1 บทนำ ความสำคัญ ด้วยวนั เสาร์ที่สองของเดอื นมกราคมของทุกปี รฐั บาลกำหนดใหเ้ ปน็ วันเด็กแห่งชาติ ซึ่ง หน่วยงานต่างๆ ทัง้ ภาครัฐและเอกชนได้จัดกจิ กรรมสำหรับเดก็ เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคญั ของเดก็ ซึ่งถอื ว่าเปน็ ทรัพยากรบุคคลทีส่ ำคญั ยิ่งตอ่ ประเทศชาติ ที่จะเป็นกำลงั สำคัญในการพัฒนาชาติบา้ นเมืองให้ เจริญกา้ วหนา้ และม่ันคงสืบไป เดก็ จงึ ควรเตรยี มตัวท่ีจะเป็นกำลังของชาตดิ ้วยการขยันหม่นั ศกึ ษาหาความรู้ และใช้เวลาให้เปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งเตม็ ที่ ประพฤติปฏบิ ตั ิตนอยูใ่ นระเบียบวินัย มคี วามขยนั หมั่นเพียรต้งั ใจ ทำงานด้วยความรบั ผิดชอบยึดมนั่ ในความซอ่ื สัตย์ สุจรติ ตลอดจนมคี วามเมตตากรณุ าชว่ ยเหลอื เอ้ือเฟือ้ ผ้อู ื่น เสยี สละและบำเพ็ญประโยชน์เพ่อื ส่วนรวม ชว่ ยกนั รักษาความสะอาดและอนรุ ักษท์ รัพยากร ตลอดถึงสา ธารณสมบตั ิสว่ นรวมของชาติ หากเด็กทุกคนได้ตระหนักถึงอนาคตของตนและของประเทศชาติ โดยพยายาม ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตนให้เหมาะสมกบั วยั แล้วกจ็ ะไดช้ ื่อว่าเปน็ “เดก็ ด”ี ชาติบ้านเมืองกจ็ ะเจรญิ มีความผาสุก ร่มเยน็ ตลอดไป ดั่งพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ฯ พระราชทาน เนอื่ งในโอกาสวนั เดก็ แห่งชาติ ต้ังแตว่ ันที่ 5 ธันวาคม พุทธศกั ราช 2534 ณ พระตำหนกั จิตรลดารโหฐาน มีความว่า “ คนทุกคนมี หนา้ ทีต่ อ้ งทำ แม้เป็นเด็กก็มหี นา้ ที่อยา่ งเด็ก คอื ศึกษาเลา่ เรยี น หมายความว่า จะตอ้ งเรยี นให้รวู้ ชิ า ฝกึ หัดทำ การงานต่างๆให้เปน็ อบรมขดั เกลา ความประพฤตแิ ละความคิดจิตใจใหป้ ระณตี ให้สุจรติ แจ่มใส และเฉลยี ว ฉลาด มีเหตุผล เพอ่ื จกั ได้เติบโตขึน้ เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถและมีประโยชนต์ ่อชาติบา้ นเมือง” เดก็ และเยาวชนเป็นอกี กลุ่มเป้าหมายท่มี ีความสำคัญ ควรส่งเสริมให้เกดิ การเรียนรู้และ พัฒนาการในการแสดงออก ซง่ึ ความรู้ ความสามารถในด้านตา่ ง ๆ โดยจดั ให้มกี ิจกรรมในเชิงสร้างสรรค์ที่ หลากหลาย ทั้งนี้วันเดก็ แหง่ ชาตเิ ปน็ วนั สำคญั อีกวันหนงึ่ ทห่ี อ้ งสมดุ ประชาชนจังหวดั ชลบรุ ี จะจัดใหม้ ี กิจกรรมตา่ ง ๆ ทห่ี ลากหลายภายใต้ความร่วมมือของทกุ ฝ่าย ทกุ แหลง่ ความรูแ้ ละของประชาชนในชุมชน วตั ถุประสงค์
2 1. เพ่อื ส่งเสริมให้เดก็ เยาวชน ไดแ้ สดงออก กล้าคิด กล้าทำ ในทางสร้างสรรคแ์ ละเปน็ ประโยชน์และ สว่ นร่วมในการทำกิจกรรมตามความสามารถและความสนใจ 2. เพอื่ สง่ เสริมและสนบั สนุนใหเ้ ดก็ เยาวชน ได้ยึดมน่ั ในสถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริย์ใน ระบอบประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล 3. เพอ่ื ส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน มีสุขภาพทัง้ รา่ งกาย จติ ใจ สติปัญญา อารมณ์ และมจี ติ สำนึกทด่ี ตี ่ สงั คมและประเทศชาติ ตลอดจนมคี วามคดิ ริเร่ิมสรา้ งสรรค์ มีการพัฒนาตนเองและสงั คมให้กา้ วหนา้ สืบไป เปา้ หมาย เชงิ ปรมิ าณ - เด็ก เยาวชน ผปู้ กครอง และประชาชนทั่วไป จำนวน 500 คน เชิงคณุ ภาพ - เดก็ และเยาวชนได้แสดงออกในเชิงสรา้ งสรรคร์ วมท้งั ไดร้ ับความรู้ และความบนั เทงิ จากการสรา้ งบรรยากาศแห่งการเรยี นรู้ และส่งเสรมิ การแสดงออกโดยวิธีการและ กจิ กรรมทหี่ ลากหลาย วธิ กี ารดำเนนิ งาน กจิ กรรมหลัก วัตถุประสงค์ พื้นที่ ระยะเวลา งบ กลุม่ เปา้ หมาย เปา้ หมาย ดำเนนิ การ ประมาณ 1.ประชมุ ปรกึ ษารปู แบบ 1. เพอ่ื สง่ เสริมให้เด็ก - เด็ก 500 คน - บรเิ วณ -วนั เสาร์ที่ 4,980.-บาท กจิ กรรม เยาวชน ไดแ้ สดงออก เยาวชน สนามหน้า 11 (งบบรหิ าร 2. ตั้งคณะทำงาน กลา้ คิด กล้าทำ ในทาง นักเรยี น ศาลากลาง มกราคม ห้องสมดุ 3. ประสานหนว่ ยงาน สรา้ งสรรคแ์ ละเป็น นกั ศึกษา กศน. จงั หวดั 2563 ประชาชน สถานประกอบการ ประโยชนแ์ ละมสี ว่ นร่วม อำเภอเมือง ชลบุรี ผลผลติ ที่ 5 เครอื ขา่ ยและประชาชนใน ในการทำกจิ กรรมตาม ชลบุรี และ ผู้รับบรกิ าร ชมุ ชนทีเ่ กย่ี วข้อง เพอื่ ขอรบั ความสามารถและความ ประชาชน ตามอธั ยาศยั ) การสนบั สนนุ ของขวัญ สนใจ ทัว่ ไป 4. ประชาสมั พนั ธ์ 2. เพือ่ สง่ เสรมิ และ 5. ดำเนนิ การจดั กิจกรรม สนบั สนนุ ให้เดก็ ฐานท่ี 1 กิจกรรมรถโมบาย เยาวชน ได้ยดึ มัน่ ใน (ห้องสมดุ เคลอื่ นท)่ี สถาบนั ชาติ ศาสนา - หนังสอื /สื่อ และพระมหากษตั ริย์ - คอมพิวเตอร์ และการปกครองใน
3 - ฉายภาพยนตร์สารคดี ระบอบประชาธปิ ไตย ฐานที่ 2 กจิ กรรมสง่ เสรมิ อันมีพระมหากษัตรยิ ์ การอา่ น ทรงเปน็ ประมุข และ - กจิ กรรมบงิ โกราชาศัพท์ เปน็ ไปตามนโยบายของ - กจิ กรรมจิ๊กซอว์ รฐั บาล - กิจกรรมระบายสีหรรษา 3. เพื่อส่งเสรมิ ใหเ้ ด็ก - กจิ กรรมตลาดนัดหนงั สือ เยาวชน มสี ขุ ภาพท้ัง 6. ประเมินผลโครงการ ร่างกาย จิตใจ 7. สรปุ ผลการดำเนนิ งาน สตปิ ญั ญา อารมณ์ และ มจี ิตสำนึกทด่ี ตี ่อสงั คม และประเทศชาติ ตลอดจนมคี วามคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ มีการพัฒนา ตนเองและสงั คมให้ กา้ วหนา้ สืบไป ระยะเวลา - วนั เสารท์ ่ี 11 มกราคม 2563 งบประมาณโครงการ - 4,980 (สีพ่ ันเก้ารอ้ ยแปดสิบบาทถ้วน) ผู้รบั ผิดชอบโครงการ - ห้องสมดุ ประชาชนจังหวดั ชลบรุ ี เครือขา่ ย - จังหวัดชลบุรี - สำนักงาน กศน. จงั หวดั ชลบรุ ี - กศน.ตำบลในสังกัด กศน.อำเภอเมืองชลบรุ ที ุกแหง่ - สถานประกอบการ
ผลลัพธ์ 4 - เด็ก เยาวชน นกั เรยี น นักศกึ ษา กศน.อำเภอเมืองชลบุรี และประชาชนทว่ั ไป ได้รับความสะดวกและพงึ พอใจในกจิ กรรมของห้องสมุด - สง่ เสรมิ และประชาสัมพนั ธห์ อ้ งสมดุ ประชาชนจงั หวดั ชลบรุ ี - ผ้เู ขา้ รว่ มกิจกรรมไดร้ บั ความรู้ ความสนุกสนานเพลดิ เพลนิ จากการจดั กิจกรรมของห้องสมุด ประชาชนจังหวัดชลบุรี
5 ส่วนที่ 2 เอกสารการศึกษาและรายงานที่เก่ยี วขอ้ ง 1. ยุทธศาสตรแ์ ละจดุ เน้นการดำเนินงาน สำนกั งาน กศน. ประจำปีงบประมาณ 2563 วสิ ยั ทัศน์ คนไทยไดร้ บั โอกาสการศึกษาและการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ อย่างมคี ุณภาพ สามารถดำรงชีวิตทีเ่ หมาะสมกับ ชว่ งวัย สอดคล้องกบั หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมีทักษะทจ่ี ำเป็นในโลกศตวรรษที่ 21 บทบาทหน้าที่ สำนกั งาน กศน. มีบทบาทหนา้ ทต่ี ามบทบญั ญตั แิ หง่ พระราชบญั ญัติส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 1. เปน็ หน่วยงานกลางในการดำเนินการ สง่ เสริม สนับสนุน และประสานงานการศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั และรับผดิ ชอบงานธรุ การของคณะกรรมการ 2. จัดทำข้อเสนอแนะ นโยบาย ยุทธศาสตร์ แผน และมาตรฐานการศกึ ษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศยั ต่อคณะกรรมการส่งเสรมิ สนับสนนุ และประสานความร่วมมือการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั 3. ส่งเสริม สนบั สนนุ และดำเนินการพัฒนาคุณภาพทางวิชาการ การวจิ ัยการพัฒนาหลกั สูตรและ นวตั กรรมทางการศึกษา บคุ ลากร และระบบข้อมูลสารสนเทศทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศัย 4. สง่ เสรมิ สนับสนุน และดำเนินการเทียบโอนผลการเรยี น การเทยี บโอนความรแู้ ละประสบการณ์ และการเทยี บระดบั การศกึ ษา 5. ส่งเสริม สนับสนนุ และประสานงานใหบ้ ุคคล ครอบครวั ชุมชน องค์กรชุมชน องคก์ รปกครองส่วน ทอ้ งถิน่ องค์กรเอกชน องคก์ รวิชาชีพ สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ และองค์กรอ่นื รวมตวั กนั เปน็ ภาคี เครอื ขา่ ยเพ่ือเสรมิ สรา้ งความเข้มแขง็ ในการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 6. จดั ทำขอ้ เสนอแนะเกี่ยวกบั การใช้ประโยชนเ์ ครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร สถานี วิทยุโทรทศั นเ์ พื่อการศกึ ษา วิทยชุ มุ ชน ศูนย์วทิ ยาศาสตร์เพือ่ การศึกษา หอ้ งสมุดประชาชน พพิ ธิ ภณั ฑศ์ ูนย์ การเรียนชุมชนและแหล่งการเรียนรู้อ่ืน เพื่อส่งเสริมการเรียนรแู้ ละการพฒั นาคุณภาพชีวติ อย่างต่อเน่ืองของ ประชาชน 7. ดำเนนิ การเก่ยี วกบั การติดตาม ตรวจสอบ และประเมนิ ผลการดำเนินงานการศกึ ษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศัย 8. ปฏบิ ตั งิ านอ่ืนใดตามพระราชบัญญตั ินห้ี รอื กฎหมายอ่นื ทบี่ ญั ญัติใหเ้ ปน็ อำนาจหน้าที่ของสำนกั งาน หรือตามทร่ี ัฐมนตรีมอบหมาย เป้าประสงค์
6 1.ประชาชนผู้ดอ้ ย พลาด และขาดโอกาสทางการศกึ ษา รวมทง้ั ประชาชนทวั่ ไปไดร้ บั โอกาสทาง การศึกษาในรูปแบบการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศกึ ษาต่อเนื่องและการศึกษาตาม อธั ยาศัยท่มี ีคุณภาพ อย่างเท่าเทียมและทว่ั ถงึ เป็นไปตามสภาพ ปัญหา และความต้องการของแตล่ ะ กลุ่มเป้าหมาย 2. ประชาชนไดร้ บั การยกระดับการศกึ ษา สร้างเสริมและปลกู ฝงั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และความเปน็ พลเมอื งอนั นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชวี ติ และเสรมิ สร้างความเข้มแขง็ ให้ชุมชนเพ่อื พัฒนาไปสู่ความม่นั คง และยั่งยืนทางด้านเศรษฐกจิ สงั คม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสิ่งแวดลอ้ ม 3. ประชาชนได้รบั โอกาสในการเรียนรูแ้ ละมีเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยที เ่ี หมาะสมสามารถ คดิ วเิ คราะห์ และประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจำวัน รวมทง้ั แกป้ ัญหาและพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ 4. ประชาชนได้รบั การสรา้ งและส่งเสรมิ ให้มีนสิ ัยรักการอ่านเพ่อื การแสวงหาความร้ดู ้วยตนเอง 5. ชมุ ชนและภาคเี ครือข่ายทุกภาคสว่ น ร่วมจัด สง่ เสรมิ และสนบั สนุนการดำเนนิ งานการศกึ ษานอก ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั รวมท้งั การขบั เคลื่อนกจิ กรรมการเรียนรขู้ องชุมชน 6. หน่วยงานและสถานศึกษาพัฒนา เทคโนโลยีทางการศึกษา เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการยกระดับ คุณภาพในการจัดการเรียนรู้และเพิ่มโอกาสการเรยี นร้ใู หก้ ับประชาชน 7. หนว่ ยงานและสถานศกึ ษาพัฒนาสอื่ และการจดั กระบวนการเรียนรู้เพ่อื แก้ปญั หาและพฒั นาคณุ ภาพ ชีวติ ที่ตอบสนองกับการเปล่ยี นแปลงบริบทด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมอื ง วัฒนธรรม ประวัตศิ าสตร์ และ ส่งิ แวดลอ้ ม รวมทงั้ ตามความตอ้ งการของประชาชน และชมุ ชนในรปู แบบทหี่ ลากหลาย 8. บคุ ลากรของหน่วยงานและสถานศึกษาได้รบั การพฒั นาเพอ่ื เพมิ่ สมรรถนะในการปฏบิ ัตงิ านการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 9. หน่วยงานและสถานศกึ ษามีระบบการบริหารจดั การตามหลักธรรมาภบิ าล นโยบายและจดุ เนน้ การดำเนนิ งาน สำนกั งาน กศน 1.ยทุ ธศาสตรด์ า้ นความมนั่ คง 1.1 ส่งเสริมการจัดการเรียนรูท้ ปี่ ลกู ฝงั คุณธรรม สร้างวินยั การมจี ติ อาสา และอดุ มการณค์ วาม ยึดมัน่ ในสถาบันหลกั ของชาติ 1) เสริมสรา้ งความร้คู วามเข้าใจที่ถูกต้องในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหา กษัตริยท์ รงเปน็ ประมขุ มคี วามเปน็ พลเมืองดี เคารพความคิดของผอู้ ่ืน ยอมรับความแตกตา่ งและหลากหลาย ทางความคิดและอดุ มการณ์ รวมทง้ั สังคมพหวุ ัฒนธรรม 2) ส่งเสริมการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ทีป่ ลูกฝังคุณธรรม สร้างวนิ ยั จิตสาธารณะ และอดุ มการณ์ ความยึดมน่ั ในสถาบันหลกั ของชาติ รวมทงั้ การมีจิตอาสา ผา่ นกจิ กรรมลูกเสอื กศน. และกิจกรรมอื่นๆ ตลอดจนสนับสนนุ ใหม้ กี ารจดั กจิ กรรมเพ่อื ปลูกฝังคณุ ธรรม จริยธรรมใหก้ ับบุคลากรในองคก์ ร 1.2 ร่วมขบั เคล่ือนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน โดยบรู ณาการขบั เคลอื่ นการ ทำงานตามแนวทางประชารัฐ ดำเนินโครงการ/กจิ กรรมในพนื้ ที่ทงั้ ในระดบั ตำบล หมบู่ ้าน โดยใช้ทีมขบั เคลอื่ น การพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนยิ ม ยงั่ ยนื ระดับตำบลเปน็ แกนหลกั และสนับสนนุ กลไกการขบั เคลอ่ื น ในพนื้ ท่ที ุกระดับต้งั แตจ่ ังหวัด อำเภอ ตำบล และหม่บู า้ น 1.3 พฒั นาการจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยในเขตพฒั นาพิเศษเฉพาะกจิ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ และพน้ื ทชี่ ายแดน
7 1) พัฒนารปู แบบการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยให้มีความสอดคลอ้ งกับ บรบิ ทของสงั คม วัฒนธรรม และพื้นท่ี เพ่ือสนบั สนุนการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพนื้ ท่ี 2) เรง่ จดั ทำแผนและมาตรการด้านความปลอดภัยท่ชี ัดเจนสำหรบั หน่วยงานและสถานศึกษา รวมทงั้ บคุ ลากรทีป่ ฏบิ ัติงานในพน้ื ทเี่ ขตพัฒนาพเิ ศษเฉพาะกจิ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ โดยบูรณาการแผนและ ปฏบิ ัตงิ านรว่ มกบั หนว่ ยงานความม่ันคงในพน้ื ท่ี 3) สง่ เสรมิ และสนับสนนุ การจัดกระบวนการเรยี นรใู้ นสถาบันศึกษาปอเนาะ ในรปู แบบต่างๆท่ี หลากหลายตรงกับความตอ้ งการของผเู้ รียน อาทิ การเพิม่ พนู ประสบการณ์ การเปดิ โลกทัศน์ การยึดมั่นใน หลักคณุ ธรรมและสถาบันหลกั ของชาติ 4) สนับสนนุ ให้มีการพัฒนาบุคลากรทกุ ระดับทุกประเภทให้มสี มรรถนะที่สูงขนึ้ เพือ่ ให้สามารถ ปฏิบัตงิ านไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ 1.4 สง่ เสริมการจัดกระบวนการเรียนรทู้ ี่ตอบสนองกบั การเปลยี่ นแปลงบริบทดา้ นสังคม การเมอื ง รวมท้งั ความตอ้ งการของประชาชน และชุมชนในรูปแบบทหี่ ลากหลาย ให้ประชาชนคิดเปน็ วเิ คราะห์ไดต้ ดั สินใจภายใต้ขอ้ มลู ท่ีถูกตอ้ ง เช่น ความรู้เรอื่ งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มี พระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ /การเลือกตัง้ 2. ยทุ ธศาสตรด์ ้านการพัฒนากำลังคนการวจิ ัยและนวตั กรรมเพือ่ สรา้ งขีดความสามารถในการ แข่งขนั ของประเทศ 2.1 ขบั เคล่อื นการดำเนนิ งานภายใต้แผนพฒั นาการศึกษาระดับภาค 1) สรา้ งความรคู้ วามเข้าใจให้กบั บคุ ลากรของสำนักงาน กศน. เก่ยี วกบั การดำเนินงานภายใต้ แผนพัฒนาการศกึ ษาระดบั ภาค เพือ่ รว่ มขับเคลอ่ื นยุทธศาสตร์การพฒั นาภาค 2) เร่งจัดทำยุทธศาสตรแ์ ละแผนพัฒนาการศึกษาระดบั ภาค ของสำนกั งาน กศน. ให้ สอดคล้องกบั แผนพฒั นาการศกึ ษาระดับภาค 2.2 พฒั นากำลงั คนให้มที ักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยดี จิ ทิ ัล (Digital Literacy) 1) พัฒนาความรูแ้ ละทกั ษะเทคโนโลยีดิจิทัลของครูและบุคลากรทางการศกึ ษา เพ่ือให้ สามารถ ใช้Social Media และ Application ต่างๆ ในการพฒั นารูปแบบการจดั การเรยี นการสอน 2) ส่งเสริมการจัดการเรยี นร้ดู า้ นเทคโนโลยดี ิจทิ ลั เพอื่ ใหป้ ระชาชนมที กั ษะความเข้าใจและ ใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ิทัล ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวนั รวมทั้งสรา้ งรายได้ให้กบั ตนเองได้ 3) พัฒนาทกั ษะและส่งเสริมให้ประชาชนประกอบธุรกจิ การค้าออนไลน์ (พาณชิ ย์ อเิ ลก็ ทรอนิกส)์ มีการใช้ความคิดสรา้ งสรรค์เชิงนวตั กรรมในการประกอบอาชีพ สร้างทกั ษะอาชีพที่สงู ขึน้ ให้กบั ประชาชนเพ่ือรว่ มขบั เคลอื่ นเศรษฐกจิ ดิจิทัล 2.3 พฒั นาทักษะภาษาองั กฤษเพอ่ื การสอ่ื สารใหก้ บั ประชาชนเพือ่ รองรบั การพฒั นาประเทศ 1) พัฒนาทกั ษะภาษาอังกฤษเพ่อื การสือ่ สารของประชาชนในรูปแบบต่างๆ อยา่ งเป็น รปู ธรรมโดยเนน้ ทักษะภาษาเพ่ืออาชีพ ทงั้ ในภาคธุรกจิ การบรกิ าร และการท่องเทยี่ ว 2) พัฒนาความรู้และทกั ษะเทคโนโลยีดิจิทัล การใช้ Social Media และ Application ตา่ งๆ เพื่อพฒั นารูปแบบการจัดการเรยี นการสอนภาษาอังกฤษ ของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา 3) พัฒนาสือ่ การเรยี นการสอนภาษาองั กฤษ เพ่ือสง่ เสริมการใชภ้ าษาเพอื่ การส่อื สารและการ พัฒนาอาชีพ 3. ยุทธศาสตรด์ า้ นการพฒั นาและเสรมิ สรา้ งศักยภาพคนใหม้ คี ณุ ภาพ
8 3.1 เร่งรัดดำเนินการจดั การศกึ ษาอาชีพเพอื่ ยกระดับทักษะอาชพี ของประชาชนสฝู่ มี ือแรงงาน 1) จัดการศึกษาอาชีพเพือ่ การมงี านทำท่ีสอดคล้องกบั ศักยภาพของชุมชน และความ ตอ้ งการของตลาด ใหป้ ระชาชนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้จรงิ โดยให้เนน้ หลักสูตรการศึกษาอาชพี ช่าง พืน้ ฐาน โดยประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยีในการจดั การเรียนการสอนด้านอาชีพ เชน่ การเรียนผ่าน Youtube การ เรยี นผ่านFacebook Live ระบบการเรียนรูใ้ นระบบเปิดสำหรบั มหาชน (Massive Open Online Courses : MOOCs)คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction : CAI) เป็นตน้ รวมถึงสนบั สนุนให้เกิด ระบบการผลติ ท่ีครบวงจร และเปิดพ้ืนท่ีสว่ นราชการเปน็ ท่ีแสดงสนิ ค้าของชมุ ชนเพื่อเปน็ การสร้างรายไดใ้ หก้ ับ ชมุ ชน 2) บรู ณาการความร่วมมือในการพฒั นาฝีมอื แรงงานกับสำนกั งานคณะกรรมการการ อาชีวศึกษาผา่ นศูนย์ประสานงานการผลติ และพัฒนากำลังคนอาชวี ศึกษาภาคท่ัวประเทศ เพอ่ื มุ่งพัฒนาทักษะ ของประชาชนโดยใช้ประโยชนจ์ ากศักยภาพและภูมสิ งั คมเฉพาะของพ้นื ที่ และดำเนินการเชงิ รุกเพอื่ เสรมิ จุดเด่นในระดบั ภาคในการเป็นฐานการผลิตและการบริการทีส่ ำคัญ รวมถงึ มงุ่ เนน้ สร้างโอกาสในการสรา้ ง รายได้ เพ่ือตอบสนองต่อความตอ้ งการของตลาดแรงงานทั้งภาคอตุ สาหกรรมและการบริการ 3) พฒั นากลุ่มอาชพี พื้นฐานทร่ี องรบั พืน้ ทีร่ ะเบยี งเศรษฐกจิ พิเศษภาคตะวันออก (EEC) ท่ี สามารถพฒั นาศกั ยภาพไปสรู่ ะดบั ฝีมือแรงงาน โดยศึกษาต่อในสถาบนั การอาชีวศกึ ษา 3.2 ส่งเสริมใหป้ ระชาชนใชเ้ ทคโนโลยใี นการสร้างมลู ค่าเพ่มิ ให้กบั สินคา้ การทำชอ่ งทางเผยแพร่ และจำหนา่ ยผลติ ภัณฑ์ของวิสาหกจิ ชมุ ชนให้เป็นระบบครบวงจร และสนับสนุนการจำหนา่ ยสนิ ค้าและ ผลิตภัณฑ์ผ่านศนู ย์จำหน่ายสนิ ค้าและผลิตภณั ฑ์ออนไลน์ กศน. (ONIE Online Commerce Center : OOCC) เพอื่ จำหน่ายสินค้าออนไลนร์ ะดบั ตำบล 3.3 ส่งเสรมิ การพฒั นาสขุ ภาวะของประชาชนทุกวยั โดยการสรา้ งความรู้ความเข้าใจ การ สนับสนนุ กิจกรรมสขุ ภาวะ และสร้างเครือขา่ ยภาคประชาชน ในการเฝ้าระวัง ปอ้ งกนั และควบคมุ โรค ให้กับ ประชาชนทกุ ช่วงวัย โดยเฉพาะในพน้ื ที่ห่างไกล พน้ื ท่ชี ายแดน และชายแดนภาคใต้ โดยประสานงานร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพตำบล และเจา้ หนา้ ท่ี อสม. ในการให้ความรเู้ ก่ยี วกับการดแู ลสุขภาวะอนามัยใหก้ บั ประชาชน รวมท้ังผลิตชุดความรู้เกี่ยวกบั สขุ ภาวะ สขุ อนามัย เพอ่ื ใช้ประกอบการเรยี นรู้ในหลักสูตรการศกึ ษา ของ กศน. 3.4 เพม่ิ อัตราการอา่ นของประชาชน โดยการจัดกิจกรรมส่งเสรมิ การอา่ นในรปู แบบตา่ งๆ เชน่ อาสาสมัครสง่ เสริมการอา่ น ห้องสมุดประชาชน บ้านหนงั สอื ชมุ ชน ห้องสมดุ เคล่อื นท่ี ผลกั ดนั ให้เกดิ หอ้ งสมดุ สู่ การเปน็ ห้องสมุดเสมือนจริงตน้ แบบ เพือ่ พฒั นาใหป้ ระชาชนมคี วามสามารถในระดับอา่ นคล่อง เข้าใจ ความคิดวิเคราะหพ์ ้ืนฐาน และสามารถรับรู้ขอ้ มูลขา่ วสารท่ีถกู ต้องและทนั เหตุการณ์ รวมทง้ั นำความรทู้ ่ไี ดร้ บั ไปใชป้ ฏบิ ัติจรงิ ในชวี ิตประจำวัน 3.5 เตรียมความพรอ้ มการเขา้ สู่สงั คมผสู้ งู อายทุ ่เี หมาะสมและมีคณุ ภาพ 1) สง่ เสรมิ การจัดกิจกรรมให้กับประชาชนเพอื่ สรา้ งความตระหนกั ถงึ การเตรยี มพร้อมเข้าสูส่ งั คม ผู้สงู อายุ (Aging Society) มีความเข้าใจในพฒั นาการของชว่ งวัย รวมทั้งเรียนรแู้ ละมสี ว่ นร่วมในการดแู ล รับผิดชอบผ้สู งู อายใุ นครอบครัวและชมุ ชน 2) พัฒนาการจดั บรกิ ารการศึกษาและการเรียนรู้สำหรบั ประชาชนในการเตรยี มความพรอ้ มเข้าสวู่ ัย สงู อายุทีเ่ หมาะสมและมคี ณุ ภาพ 3) จัดการศึกษาเพือ่ พัฒนาคุณภาพชีวติ สำหรบั ผู้สูงอายภุ ายใตแ้ นวคิด “Active Aging”การศึกษา เพื่อพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต และพฒั นาทักษะชวี ิต ให้สามารถดแู ลตนเองท้งั สขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ และร้จู กั ใช้ ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยี
9 4) สร้างความตระหนกั ถึงคณุ ค่าและศกั ด์ิศรขี องผู้สงู อายุ เปิดโอกาสให้มีการเผยแพรภ่ ูมิปญั ญาของ ผู้สงู อายุ และใหม้ ีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมดา้ นตา่ งๆ ในชมุ ชน เชน่ ดา้ นอาชพี กีฬา ศาสนาและวฒั นธรรม 5) จัดการศกึ ษาอาชีพเพอื่ รองรบั สงั คมผู้สูงอายุ โดยบรู ณาการความร่วมมอื กับหน่วยงานทเ่ี กย่ี วข้อง ในทุกระดับ 3.6 พัฒนาหลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน โดยใช้กระบวนการ“สะเตม็ ศึกษา” (STEM Education) 4. ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการสรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางการศกึ ษา 4.1 ส่งเสริมการรู้ภาษาไทย เพ่มิ อตั ราการรหู้ นงั สือ และยกระดับการร้หู นังสือของประชาชน 1) ส่งเสริมการรู้ภาษาไทยให้กับประชาชนในรูปแบบตา่ งๆ โดยเฉพาะประชาชนใน เขตพัฒนาพเิ ศษเฉพาะกจิ จังหวดั ชายแดนภาคใต้ ให้สามารถฟงั พูด อา่ น และเขยี นภาษาไทย เพอ่ื ประโยชน์ ในการใชช้ วี ิตประจำวันได้ 2) เร่งจัดการศึกษาเพือ่ เพม่ิ อัตราการรู้หนังสือ และคงสภาพการรู้หนงั สือ ให้ ประชาชนสามารถอ่านออก เขยี นได้ และคดิ เลขเปน็ โดยมกี ารวดั ระดับการร้หู นังสอื การใชส้ อ่ื กระบวนการ และกจิ กรรมพัฒนาทกั ษะในรูปแบบต่างๆ ท่เี หมาะสม และสอดคลอ้ งกบั สภาพพ้นื ท่แี ละกล่มุ เป้าหมาย 3) ยกระดบั การร้หู นงั สือของประชาชน โดยจัดกิจกรรมพฒั นาทักษะการรหู้ นังสือใน รูปแบบตา่ งๆรวมทัง้ พัฒนาให้ประชาชนมีทกั ษะทีจ่ ำเปน็ ในศตวรรษที่ 21 เพอื่ เป็นเครือ่ งมือในการเรยี นรู้ตลอด ชีวิตของประชาชน 4.2 เพ่ิมโอกาสทางการศกึ ษาใหก้ บั ประชากรวัยเรียนท่อี ยู่นอกระบบการศึกษา 1) เรง่ ดำเนนิ การหาตัวตนของประชากรวยั เรยี นทีอ่ ยู่นอกระบบการศึกษา ใหก้ ลับเข้าสู่ ระบบการศกึ ษา โดยใชก้ ลวิธี “เคาะประตบู ้าน รุกถึงท่ี ลยุ ถึงถ่ิน” โดยประสานกบั สำนกั งานศึกษาธิการ จังหวัด เพือ่ ดำเนนิ การตรวจสอบขอ้ มูลทะเบียนราษฎร์เทียบกับข้อมูลการลงทะเบยี นเรยี นของทกุ หนว่ ยงาน ค้นหาผ้ทู ี่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาเป็นรายบุคคล และรวบรวมจดั ทำเป็นฐานขอ้ มูล และลงพื้นท่ตี ดิ ตามหา ตัวตนของกลมุ่ เปา้ หมายหาสาเหตุของการไมเ่ ขา้ เรียน และสอบถามความตอ้ งการในการศกึ ษาตอ่ พร้อมทง้ั จำแนกขอ้ มูลตามประเภทของสาเหตุ และประเภทความต้องการในการศกึ ษาต่อ และส่งตอ่ กล่มุ เป้าหมาย เพ่อื ให้รบั การศกึ ษาตอ่ ตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 2) ติดตามผลของกลมุ่ เป้าหมายประชากรวยั เรียนที่อยนู่ อกระบบการศกึ ษาทไี่ ดร้ บั การ จัดหาท่ีเรียน และท้งั จัดทำฐานข้อมูลผู้สำเรจ็ การศกึ ษาของกล่มุ เปา้ หมาย รวมทง้ั พฒั นาระบบเพือ่ การตดิ ตาม กลมุ่ เป้าหมายที่ได้รบั การชว่ ยเหลอื ให้กลับเข้าสูร่ ะบบการศึกษาแบบครบวงจร โดยติดตามต้งั แต่การเขา้ ศึกษา ตอ่ จนจบการศกึ ษา 4.3 สง่ เสริม และพัฒนาระบบการสะสมและเทยี บโอนหน่วยการเรยี น (Credit Bank System) ของสถานศึกษา ใหม้ ีคุณภาพ มาตรฐาน และสามารถตอบสนองความต้องการของกลมุ่ เป้าหมาย เพอื่ ประโยชนใ์ นการดำเนนิ การเทียบโอนความร้แู ละประสบการณ์ได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 4.4 ส่งเสริมและสนับสนนุ ใหเ้ กิดต้นแบบเมืองแหง่ การเรียนรูเ้ พอื่ สง่ เสรมิ การเรยี นรอู้ ย่าง ต่อเนื่องใหก้ ับประชาชนในชุมชน โดยกำหนดพ้นื ทน่ี ำรอ่ งท่ผี ่านมาตรฐานเทยี บวัด (Benchmark) ของ สำนักงาน กศน. 4.5 พฒั นาหลักสตู รการจัดการศกึ ษาอาชีพระยะสั้น ให้มคี วามหลากหลาย ทนั สมยั เหมาะสมกบั บริบทของพื้นท่ี และตอบสนองความต้องการของประชาชนผู้รับบริการ
10 4.6 พฒั นารูปแบบการจัดการศึกษาทางไกล ให้มีความทันสมัย มหี ลักสูตรและสาระการ เรียนรู้ทห่ี ลากหลาย และสถานศกึ ษา กศน. สามารถนำไปใช้ในการจดั การเรยี นรใู้ ห้กบั กลุ่มเปา้ หมายไดอ้ ย่าง เหมาะสม 4.7 สรา้ งกระบวนการเรยี นรู้ในรปู แบบ E-learning ท่ใี ช้ระบบเทคโนโลยีเขา้ มาบรหิ าร จดั การเรยี นรู้ เพอื่ เปน็ การสรา้ งและขยายโอกาสในการเรยี นรใู้ หก้ บั กลมุ่ เป้าหมายได้สะดวก รวดเร็ว ตรงตาม ความตอ้ งการของประชาชนผู้รบั บรกิ าร เช่น ระบบการเรียนรใู้ นระบบเปดิ สำหรบั มหาชน (Massive Open Online Courses :MOOCs) คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน (Computer Assisted Instruction : CAI) 4.8 ยกระดับการศกึ ษาใหก้ บั กลมุ่ เปา้ หมายทหารกองประจำการ รวมทงั้ กลมุ่ เป้าหมายพเิ ศษ อื่นๆเช่น ผ้ตู อ้ งขงั คนพกิ าร เด็กออกกลางคัน ให้จบการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สามารถ นำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาตนเองได้อย่างตอ่ เน่ือง 5. ยทุ ธศาสตร์ดา้ นสง่ เสริมและจดั การศึกษาเพ่ือเสริมสรา้ งคุณภาพชีวิตทเ่ี ปน็ มิตรกับ สิง่ แวดลอ้ ม 5.1. ส่งเสริมให้มีการให้ความรกู้ ับประชาชน เก่ียวกับการปอ้ งกันผลกระทบและปรับตวั ต่อการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพบิ ตั ิธรรมชาติ 5.2. สรา้ งความตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสงั คมสีเขียว การกำจัดขยะและมลพิษใน เขตชุมชน 5.3. ส่งเสริมใหห้ นว่ ยงานและสถานศึกษาใชพ้ ลงั งานทเี่ ป็นมิตรกับส่ิงแวดลอ้ มรวมทั้งลดการใช้ ทรพั ยากรที่สง่ ผลกระทบต่อสงิ่ แวดล้อม 6. ยุทธศาสตรด์ ้านการพฒั นาประสทิ ธภิ าพระบบบริหารจัดการ 6.1 พฒั นาระบบฐานข้อมลู สารสนเทศดานการศึกษาเพ่ือการบริหารจดั การอย่างเปน็ ระบบ และเชือ่ มโยงกบั ระบบฐานขอ้ มลู กลางของกระทรวงศึกษาธิการ 6.2 ส่งเสริมการพัฒนาบคุ ลากรทุกระดับอยา่ งตอ่ เนื่อง ให้มคี วามร้แู ละทักษะตามมาตรฐานตำแหน่ง ให้ตรงกับสายงาน ความชำนาญ และความต้องการของบุคลากร 6.3 ส่งเสรมิ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารใหข้ า้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการ ศึกษา ตำแหนง่ ครู มีวทิ ยฐานะและเล่อื นวิทยฐานะ (ว21/2560) 2. แนวทาง/กลยทุ ธก์ ารดำเนนิ งานการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยของ กศน. อำเภอเมอื งชลบรุ ี ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอเมอื งชลบุรี ไดก้ ำหนดทิศทางการ ดำเนนิ งาน ตามแผนพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา และแผนปฏิบตั ิการประจำปี โดยมีรายละเอียด ดงั น้ี ทศิ ทางการดำเนินงานของสถานศกึ ษา ✍ปรัชญา “คดิ เปน็ ทำเป็น เนน้ ICT”
11 ✍วิสัยทศั น์ “จัดการศกึ ษาตลอดชีวติ ผกู มติ รกบั เครอื ขา่ ย กระจายความรสู้ ู่ชุมชน ทกุ ที่ทุกเวลาด้วย ICT มี อาชพี และแข่งขันในประชาคมอาเซียนอยา่ งยง่ั ยนื ” ✍อัตลกั ษณ์ “ก้าวไปในยุคดจิ ทิ ัล” ✍เอกลักษณ์ “องค์กรออนไลน์” ✍พนั ธกิจ 1. จดั และสง่ เสรมิ ให้ผูเ้ รียน มีความรูก้ ารศึกษาขน้ั พ้ืนฐานอย่างมคี ณุ ภาพ 2. จัดการศึกษาอาชีพให้ผเู้ รียนมอี าชพี ทำได้ ขายเปน็ และมที ักษะชีวิตทเี่ หมาะสมทุกช่วงวยั 3. จดั และสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนนำเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลเพ่อื พัฒนาตนเองและสร้างช่องทางการจำหน่าย สนิ คา้ 4. จัดและสง่ เสริมการศึกษาตามอัธยาศยั ทีม่ ุ่งให้ผูร้ บั บริการมีนสิ ัยรักการอา่ น และพัฒนาแหลง่ เรียนรู้ ในชมุ ชน 5. จดั และส่งเสรมิ สนับสนนุ พัฒนาแหลง่ เรียนรู้ สือ่ และภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ 6. จดั และสง่ เสรมิ การศกึ ษาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เพอ่ื พฒั นาสงั คมและชุมชนใหม้ ี ความเข้มแข็งอย่างย่งั ยนื 7. จดั และสง่ เสริมประชาชนให้เป็นพลเมอื งดีตามวิถีประชาธปิ ไตย 8. ส่งเสรมิ สนบั สนุน ภาคีเครือข่าย ใหม้ สี ่วนร่วมในการจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศยั เพ่ือใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ตลอดชีวติ 9. พัฒนารูปแบบการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ใหส้ อดคลอ้ งกบั พนื้ ที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาค ตะวันออก (EEC) และความตอ้ งการของกลุ่มเปา้ หมาย 10. พฒั นาบคุ ลากรให้มีสมรรถนะในการปฏบิ ัติงานตามบทบาทหน้าท่อี ย่างมปี ระสิทธิภาพและ ตอ่ เนื่องโดยเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใชใ้ นการบรหิ ารจัดการ 11. สถานศึกษามีระบบการบริหารจัดการตามหลักธรรมมาภบิ าล 12. ปฏิบัตงิ านอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมาย ✍เปา้ ประสงค์ และตัวชว้ี ัดความสำเร็จ เปา้ ประสงค์ ตวั ชี้วัดความสำเร็จ ประชาชนได้รบั โอกาสทางการศกึ ษาในรูปแบบของ รอ้ ยละของประชากรกลมุ่ ตา่ งๆ (กลมุ่ ประชากรวัยแรงงาน การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยท่มี ี ปกติท่ัวไป กลมุ่ ประชากรวัยแรงงานทเ่ี ปน็ ผู้ยากไร้ คุณภาพอย่างทัว่ ถึงและเป็นธรรม ผู้ด้อยโอกาส ผพู้ กิ าร และกลุ่มผสู้ งู อายุ) ทไี่ ดร้ บั บริการ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอย่างทัว่ ถึง ครอบคลุมและเป็นธรรม ผู้เรียนทเ่ี ขา้ รับการฝึกอาชพี มสี มรรถนะในการ รอ้ ยละของผู้เรยี นทเ่ี ข้ารับการศกึ ษาอาชีพเพ่อื การมงี านทำทมี่ ี ประกอบอาชีพ สามารถประกอบอาชพี ท่สี ร้างรายได้ สมรรถนะในการประกอบอาชีพท่ีเพม่ิ ข้ึน ให้กับตนเองและครอบครวั ได้
12 องคก์ รภาคสว่ นต่างๆร่วมเป็นภาคีเครือข่ายในการ จำนวนของภาคเี ครือข่ายในการดำเนนิ งานการศึกษานอก ดำเนนิ งานการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตาม ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเพิม่ มากขนึ้ อัธยาศัยอยา่ งกว้างขวาง สถานศึกษานำเทคโนโลยดี ิจิทัลมาใช้ในการเพ่ิม ร้อยละของของผเู้ รียนทมี่ ีความพึงพอใจต่อการใช้เทคโนโลยี ประสทิ ธภิ าพการจัดการศึกษานอกระบบและ ดิจทิ ลั ของสถานศึกษา การศึกษาตามอัธยาศัยอย่างท่ัวถงึ บุคลากรของสถานศกึ ษาไดร้ บั การพฒั นาเพอื่ เพมิ่ รอ้ ยละของบุคลากรของสถานศกึ ษาท่ีไดร้ ับการพฒั นาเพ่ือเพมิ่ สมรรถนะในการปฏบิ ตั งิ านการศึกษานอกระบบและ สมรรถนะในการปฏบิ ัติงานการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศัยอย่างท่วั ถงึ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั โดยเนน้ การนำเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั มาใชใ้ น การบรหิ ารจัดการ สถานศึกษามีการพัฒนาระบบการบรหิ ารจดั การเพ่อื ร้อยละของสถานศกึ ษามีการพฒั นาระบบการบริหารจดั การ เพิม่ ประสทิ ธิภาพโดยเน้นการนำเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลใน เพอ่ื เพ่มิ ประสิทธภิ าพโดยเน้นการนำเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั ในการ การดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษา ดำเนินงานการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย ตามอธั ยาศยั บุคลากรของหนว่ ยงานปฏิบัติงานตามท่ีไดร้ ับ รอ้ ยละของบุคลากรของสถานศกึ ษาปฏบิ ตั ิงานไดเ้ ตม็ มอบหมายอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ประสิทธิภาพ ✍กลยุทธ์ กลยทุ ธ์ท่ี 1 สง่ เสริม และพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย ใหเ้ ป็นไปตาม นโยบายและมาตรฐานการศกึ ษาอย่างตอ่ เน่ือง กลยุทธ์ท่ี 2 ส่งเสริมให้ผรู้ ับบริการไดร้ ับการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตโดยใช้กระบวนการคิดเป็นตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง กลยทุ ธท์ ี่ 3 สง่ เสริม สนับสนุนให้ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการจดั การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศยั เพอ่ื ใหเ้ กิดการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ กลยุทธ์ท่ี 4 พัฒนาหลักสูตรและรปู แบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ใหส้ อดคล้องกบั พื้นท่เี ขตพฒั นาพิเศษภาค ตะวนั ออก (EEC) และความต้องการของกลมุ่ เป้าหมาย โดยการมีส่วนร่วมของภมู ิปัญญาท้องถน่ิ และแหล่ง เรยี นรู้ทัง้ ภาครฐั และเอกชน กลยทุ ธท์ ี่ 5 สง่ เสริมใหม้ กี ารประชาสัมพันธ์ ในรปู แบบท่หี ลากหลาย กลยุทธ์ท่ี 6 พัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษาโดยใช้กระบวนการมีสว่ นรว่ มจากทุกภาคสว่ น กลยุทธ์ท่ี 7 พัฒนาระบบคุณภาพการศึกษาโดยใช้วงจรการพฒั นาคุณภาพ (PDCA) เป็นหลักในการจัด การศกึ ษา กลยุทธ์ที่ 8 พฒั นาบุคลากรของสถานศกึ ษาใหม้ ีความสามารถใช้เทคโนโลยดี ิจทิ ัลเพอ่ื การจัดกระบวนการ เรียนรู้ การบริหารจัดการ และส่งเสริมการทำงานเปน็ ทีม ✍เข็มมุ่งส่คู วามสำเรจ็ 1. มี กศน.ตำบลเป็นหลักแหล่ง
13 2. มคี อมฯ/อุปกรณค์ รบทุก กศน.ตำบล 3. ให้ทุกคนมีความรู้ ICT 4. มรี ะบบจดั เกบ็ /รายงานผา่ นออนไลน์ 5. ภายใน1-2 ปีต้องเปน็ 1 ใน กศน.จังหวดั 6. ภายใน 3 ปตี ้องเป็น 1-5 ของสำนกั งาน กศน. ✍การบรหิ ารนำ ICT สู่การปฏิบัติ 1.การจดั หาคอมฯ/อุปกรณ์ 2.ขนั้ การพฒั นา 3.การประเมนิ ผล/รายงาน 1. การจดั หาคอมฯ/อปุ กรณ์ 1.1 การเปดิ ตวั กศน.ตำบล โดย 1) เชิญสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร (ส.ส.),สมาชกิ วุฒิสภา (ส.ว.) เปน็ ตน้ 2) นำนักศกึ ษา กศน. หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ปัจจุบนั มที ้ังส้นิ 4,621 คน 3) เชิญภาคีเครือขา่ ย อาทเิ ชน่ โรงเรยี น, อบต., เทศบาล, อบจ. , อำเภอ เป็นต้น 4) เสนอโครงการพัฒนา กศน.ตำบล ให้เป็นแหล่งเรียนรูด้ า้ นดจิ ทิ ัล 1.2เชญิ ส.ส./ส.ว. เข้ารว่ มทุกกิจกรรม 1) โครงการเขา้ ค่ายตา่ ง ๆของนกั ศกึ ษา กศน. 2) โครงการวันวิชาการ ของนักศกึ ษา กศน. 3) โครงการ อื่น ๆ 2. ข้ันการพฒั นา 2.1 พัฒนาระบบ จะพัฒนาระบบการจัดเกบ็ /รายงานตา่ งๆผ่านออนไลน์ 2.2 พัฒนาคน 1) ครู กศน./จนท.ทกุ คน 2) นกั ศกึ ษา กศน.หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551ทัง้ 2 กลุ่มเปา้ หมาย ต้องมีความรู้ ดา้ น ICT และสามารถนำไปประยกุ ต์ใช้ได้ สำหรับในส่วนของนักศึกษา กศน. หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กศน.อำเภอเมอื งชลบรุ ี จะตอ้ งประกาศเปน็ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ พรอ้ มทัง้ ใชง้ บอุดหนุน (กิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรยี น) ในการ ขบั เคลอื่ น โดยจัดโครงการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน ด้าน ICT พร้อมท้งั จดั ทำสรปุ เป็นรูปเลม่ ( 5 บท) 3.การประเมินผล/รายงาน 3.1 รายงานผา่ นออนไลน์ โดยผา่ นทางเครือข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ http://118.172.227.194:7003/choncity/ และจดั ทำ Application รายงานผา่ นทางสมาร์ทโฟน 3.2 รายงานสรปุ ผลเป็นรปู เลม่ (5 บท) จัดทำสรุปผลโครงการ/กจิ กรรม เป็นรูปเลม่ (5บท) เพ่อื รองรับการประเมินคณุ ภาพ โดยตน้ สงั กัด และภายนอก
14 ✍แผนพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา เป้าประสงค์ กลยทุ ธ์ โครงการ/กิจกรรม เปา้ หมาย ตัวชี้วัด เกณฑ์ความสำเร็จ ความสำเร็จ (ร้อยละ) 1. กลุ่มเป้าหมาย กลยุทธ์ที่ 1 1. โครงการยกระดับ 8,000 คน 1. กลมุ่ เปา้ หมาย 1. ร้อยละของ ได้รับโอกาสทาง สง่ เสริม และ จดั การศึกษานอก ได้รับโอกาสทาง กลุ่มเปา้ หมายได้รบั การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พฒั นา ระบบระดับ การศึกษาแตล่ ะ โอกาสทาง การศกึ ษาตอ่ เนอื่ ง คณุ ภาพ การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน ประเภทของ กศน. การศึกษาแตล่ ะ และการศึกษาตาม การศกึ ษานอก ให้มีคณุ ภาพ 2.ผู้จบหลักสตู ร ประเภทของ กศน. อธั ยาศัยท่ีมีคุณภาพ ระบบและ 2. โครงการพฒั นา 8,000 คน การศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน 2. รอ้ ยละของผู้จบ ให้เปน็ ไปตามความ การศกึ ษาตาม คุณภาพผูเ้ รยี น ตอ้ งการและ อัธยาศยั ให้ กศน.ตามหลักสตู ร แตล่ ะระดบั มี หลกั สตู รการศกึ ษา สอดคลอ้ งกบั สภาพ เป็นไปตาม การศึกษานอกระบบ ปญั หาของ นโยบายและ ระดบั การศึกษาขัน้ ผลสัมฤทธ์ทิ างการ ข้ันพื้นฐานแต่ละ กลมุ่ เปา้ หมาย5. มาตรฐาน พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช กลมุ่ เปา้ หมายได้รบั การศกึ ษา 2551 เรยี นเฉลยี่ >2.00 ระดับมีผลสัมฤทธิ์ การสง่ เสรมิ และ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 3.กลมุ่ เปา้ หมายร่วม ทางการเรยี นเฉล่ยี กจิ กรรมพฒั นา > 2.00 คณุ ภาพผูเ้ รยี น 3. ร้อยละของ สนบั สนนุ การพัฒนา 3. โครงการส่งเสริม 4. กลมุ่ เปา้ หมายเขา้ กลมุ่ เป้าหมายรว่ ม คุณภาพชีวิตตาม การรู้หนงั สอื สำหรับ 27 คน รว่ มกิจกรรมสง่ เสริม กจิ กรรมพัฒนา หลกั ปรัชญาของ ประชาชนอำเภอ การรู้หนงั สอื คุณภาพผ้เู รยี น เศรษฐกิจพอเพยี ง เมืองชลบุรี 5. กลมุ่ เป้าหมายทุก 4.ร้อยละของ ประเภทสามารถนำ กลมุ่ เป้าหมายเขา้ เพ่อื พัฒนาสงั คม 4. โครงการจัด ความร้ไู ปใชใ้ นการ ร่วมกจิ กรรมส่งเสริม และชมุ ชนใหม้ ีความ การศึกษาเพ่อื พฒั นา 1,020คน พฒั นาอาชพี หรือ การรู้หนังสือ เขม้ แข็งอย่างยัง่ ยืน คุณภาพชวี ติ ได้ อาชีพ (ศนู ย์ฝกึ 5. รอ้ ยละของ 6. กลมุ่ เป้าหมายมี กล่มุ เปา้ หมายทกุ 3.กลุ่มเป้าหมาย อาชีพชมุ ชน) คณุ ลักษณะทพ่ี ึง ประเภทสามารถนำ ประสงค์ตาม ความร้ไู ปใชใ้ นการ ได้รับการสร้างและ จุดมุ่งหมายของ พัฒนาอาชพี หรอื หลักสตู ร คณุ ภาพชวี ิตได้ สง่ เสรมิ ใหเ้ ป็นผู้รกั การอ่านและใฝ่รู้ใฝ่ เรยี นอย่างตอ่ เนือ่ ง ตลอดชวี ิต เปา้ ประสงค์ กลยุทธ์ โครงการ/กิจกรรม เปา้ หมาย ตัวชวี้ ัดความสำเร็จ เกณฑ์ความสำเรจ็ (รอ้ ยละ)
15 กลยทุ ธ์ท่ี 3 1. โครงการเรียนรู้ 285 คน 7. กลมุ่ เปา้ หมายมี 6. ร้อยละของ ส่งเสรมิ ปรัชญาของ 11,500 คน สนบั สนนุ ให้ เศรษฐกิจพอเพียง ส่วนร่วมในการจัด กลมุ่ เปา้ หมายมี ภาคเี ครือข่าย และเกษตรทฤษฎี มสี ่วนรว่ มใน ใหม่ การศึกษานอกระบบ คณุ ลกั ษณะท่พี งึ การจดั 2.โครงการ การศกึ ษา เสริมสร้างคณุ ภาพ และการจดั ประสงค์ตาม นอกระบบ ชวี ิตทเ่ี ปน็ มติ รกับ และการศกึ ษา สิง่ แวดลอ้ ม การศกึ ษาตาม จดุ มุ่งหมายของ ตามอธั ยาศัย 3.โครงการเกษตรยคุ เพอ่ื ให้เกิด ใหมต่ ามวิถคี วาม อธั ยาศัย หลกั สตู ร การเรยี นรู้ พอเพียง ตลอดชีวิต 4.โครงการอบรมเชงิ 2. มบี ้านหนงั สอื 7. ร้อยละของ ปฏบิ ัติการด้าน ชมุ ชนทเ่ี ปน็ ไปตาม กล่มุ เปา้ หมายมี เศรษฐกจิ พอเพยี ง 5.โครงการปรชั ญา เกณฑค์ รบทกุ ตำบล ความพงึ พอใจตอ่ ของเศรษฐกจิ พอเพยี งนำวถิ ี อย่างนอ้ ยตำบลละ การร่วมกิจกรรม พอเพียงสูช่ มุ ชน 6.โครงการอบรม 1 แหง่ การเรียนร้ทู ุก และเรียนรู้ตามรอย พระยคุ ลบาทดว้ ย 3. มีมมุ หนังสอื เพ่ือ ประเภท หลักปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง ชุมชนอย่างนอ้ ย 1. ร้อยละ 80 ของ 7.โครงการเรียนรู้ เศรษฐกิจพอเพยี ง ตำบลละ 1ความพึง กลุ่มเป้าหมายไดร้ บั และการพัฒนาท่ี ยัง่ ยืน \"วิถไี ทย วิถี พอใจตอ่ การร่วม การสง่ เสรมิ การ พอเพียง\" กจิ กรรมการเรียนรู้ เรยี นรูท้ างด้านหลกั ทุกประเภท ปรัชญาของ 1. กลุ่มเป้าหมาย เศรษฐกจิ พอเพยี ง ไดร้ ับการส่งเสรมิ 2. รอ้ ยละ 80 ของ การเรียนรทู้ างดา้ น กลุม่ เปา้ หมายนำ หลกั ปรชั ญาของ ความร้ไู ปใช้ในการ เศรษฐกิจพอเพยี ง พัฒนาอาชพี และ 2. กลุม่ เป้าหมายนำ พัฒนาคุณภาพชวี ิต ความรไู้ ปใช้ในการ ได้ พัฒนาอาชพี และ 3. ร้อยละ 90 ของ พฒั นาคณุ ภาพชวี ิต กล่มุ เปา้ หมายมี ได้ ความพึงพอใจใน 3. กลุ่มเปา้ หมายมี ระดับดขี ึน้ ไป ความพงึ พอใจใน ระดบั ดีขึน้ ไป เปา้ ประสงค์ กลยุทธ์ โครงการ/กิจกรรม เปา้ หมาย ตวั ช้วี ัด เกณฑ์ความสำเร็จ ความสำเร็จ (ร้อยละ)
16 9.สถานศกึ ษาพฒั นา กลยุทธท์ ่ี 4 1. โครงการสง่ เสรมิ 800 คน 1. กลมุ่ เป้าหมาย 1. รอ้ ยละ 80 ของ สอ่ื แหลง่ เรียนรู้และ พฒั นา การอา่ นเพอ่ื พฒั นา ภาคเี ครือข่ายมีแห่ง เป้าหมายภาคี ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ หลักสูตรและ บ้านหนังสือชุมชน 4กลุ่มเปา้ หมายมี เครือขา่ ยมีสว่ นรว่ ม ด้วยการจัด รูปแบบการ 2. โครงการห้องสมดุ ความพึงพอใจใน ในการจดั การศกึ ษา กระบวนการเรยี นรทู้ ี่ จดั กิจกรรม เคล่ือนทสี่ ำหรบั ชาว ระดบั ดีขน้ึ ไป นอกระบบและการ ตอบสนองกบั การ การเรยี นรู้ ตลาด 1.กลุม่ เปา้ หมาย จดั การศกึ ษาตาม เปล่ยี นแปลงบรบิ ท ให้สอดคลอ้ ง 3. โครงการเมอื งนกั ไดร้ บั การพัฒนาชีวติ อธั ยาศยั ดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม กบั พน้ื ทีเ่ ขต อ่าน 17 ตำบล ใหส้ อดคลอ้ งกบั 2. มีบา้ นหนงั สือ การเมอื ง ในรูปแบบ พฒั นาพิเศษ 4. โครงการอ่าน พนื้ ท่เี ขตพฒั นา ชุมชนทเี่ ปน็ ไปตาม ทห่ี ลากหลาย ภาค สร้างงานผ่าน พเิ ศษภาคตะวันออก เกณฑค์ รบทุกตำบล ตะวนั ออก QRCode (EEC) อย่างน้อยตำบลละ (EEC) และ 4. กลุ่มเปา้ หมายมี 1 แหง่ ความต้องการ ความพึงพอใจใน 3. มีมมุ หนงั สือเพือ่ ของ ระดบั ดีข้ึนไป ชมุ ชนอยา่ ง กลุ่มเป้าหมาย 1. กศน.อำเภอ นอ้ ยตำบลละ 1 โดยการมสี ว่ น และกศน.ตำบลมี แหง่ ร่วมของ การอัพเดทข้อมูล 4. รอ้ ยละ 80 ของ การประชาสมั พันธ์ กลุ่มเปา้ หมายมี กิจกรรมทางเว็บไซด์ ความพึงพอใจใน เป็นประจำทกุ เดือน ระดับดขี ึ้นไป เปา้ ประสงค์ กลยุทธ์ โครงการ/กจิ กรรม เปา้ หมาย ตวั ชี้วัด เกณฑ์ความสำเร็จ ความสำเรจ็ (ร้อยละ)
17 ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ 1. โครงการ English 17 ตำบล 1. สถานศกึ ษามี 1. ร้อยละ 75 ของ คมู่ อื ระบบการนิเทศ กลมุ่ เป้าหมายไดร้ บั และแหลง่ เรยี นรู้ นา่ รู้ คู่ Service ภายใน การพฒั นาชีวิตให้ 2. ผูน้ ิเทศมีการ สอดคล้องกบั พื้นท่ี ทั้งภาครัฐและ โรงแรม นิเทศการจดั เขตพัฒนาพิเศษ กิจกรรมและ ภาคตะวันออก เอกชน 2.โครงการ Smart รายงานผลเป็น (EEC) ประจำทกุ เดือน 2. ร้อยละ 80 ของ กลยุทธท์ ่ี 5 ONIE เพื่อสร้าง กลุ่มเป้าหมายมี สง่ เสรมิ ใหม้ ีการ Smart farmers ความพงึ พอใจใน ประชาสัมพนั ธ์ 3.โครงการ Digtal ระดบั ดีขนึ้ ไป ในรปู แบบที่ teracy (เพ่ือสรา้ ง 1. รอ้ ยละ 100 ของ หลากหลาย สังคมออนไลน์) กศน.อำเภอและ 4.โครงการการคา้ กศน.ตำบลมีการ อพั เดทข้อมูลการ ออนไลน์ สู่สังคม ประชาสัมพนั ธ์ กิจกรรมทางเว็บไซด์ Digital เปน็ ประจำทกุ เดือน 1. รอ้ ยละ 100 ของ 5.โครงการเพมิ่ สถานศกึ ษามีคู่มือ ระบบการนเิ ทศ ประสทิ ธภิ าพการ ภายใน 2. รอ้ ยละ 80 ของผู้ บริหารจดั การขยะ นิเทศมีการนิเทศ การจดั กิจกรรมและ มลู ฝอย รายงานผลเปน็ ประจำทกุ เดอื น 1. โครงการพฒั นา ระบบ ประชาสมั พันธข์ อง 7.ชุมชนและ กลยุทธท์ ่ี 6 สถานศึกษา ภาคเี ครอื ข่าย 1. โครงการพัฒนา รว่ มจดั ส่งเสริม และสนบั สนนุ พฒั นาระบบ บคุ ลากรการนิเทศ การดำเนินงาน การศึกษานอก การนเิ ทศ ภายในสถานศึกษา ระบบและ การศึกษาตาม ภายใน กศน.อำเภอเมือง อัธยาศัย สถานศึกษา ชลบุรี โดยใช้ กระบวนการมี ส่วนรว่ มจากทกุ ภาคสว่ น เป้าประสงค์ กลยุทธ์ โครงการ/กจิ กรรม เป้าหมาย ตัวชว้ี ัด เกณฑค์ วามสำเร็จ ความสำเรจ็ (รอ้ ยละ)
18 10.สถานศกึ ษา กลยุทธท์ ่ี 7 1. โครงการบริหาร 39 คน 1. สถานศึกษามี 1. สถานศึกษามี มรี ะบบการ พฒั นาระบบ ความเส่ียงของ ค่มู อื การบริหาร คูม่ อื การบรหิ าร บริหารจดั การ คณุ ภาพ สถานศึกษา กศน. ความเสี่ยง ความเสยี่ ง ตามหลัก การศึกษาโดยใช้ อำเภอเมืองชลบุรี ธรรมาภิบาล วงจรการพฒั นา 2. โครงการพัฒนา 2. รายงานสถานะ 2. รายงานสถานะ คณุ ภาพ ระบบประกัน ทางการเงนิ เปน็ ทางการเงินเป็น (PDCA) เปน็ คณุ ภาพการศกึ ษา ประจำทุกเดือน ประจำทุกเดอื น หลักในการจัด กศน.อำเภอเมือง การศกึ ษา ชลบุรี 8. บคุ ลากรของ กลยทุ ธท์ ่ี 8 1.โครงการพัฒนา 39 คน 1.บุคลากรของ 1. รอ้ ยละ 80 ของ สถานศึกษาได้รบั พัฒนาบคุ ลากร บคุ ลากรด้าน สถานศึกษาทุกคน บคุ ลากรของ การพฒั นาเพอ่ื ของสถานศึกษา วชิ าการ:Google ได้รบั การพัฒนาเพ่อื สถานศึกษาทุกคน เพมิ่ สมรรถนะใน ใหม้ ี Form เพ่มิ สมรรถนะใน ได้รบั การพัฒนาเพ่ือ การปฏบิ ัติงาน ความสามารถใช้ 2.โครงการพัฒนา การปฏิบัติงานตาม เพม่ิ สมรรถนะใน ตามบทบาท เทคโนโลยดี ิจิทัล บคุ ลากรด้าน บทบาทหน้าทอ่ี ย่าง การปฏบิ ัติงานตาม หน้าที่อย่างมี เพ่ือการจัด วิชาการ:การจดั ทำ มีประสทิ ธิภาพและ บทบาทหน้าที่อย่าง ประสิทธภิ าพและ กระบวนการ สือ่ การเรียนการ ตอ่ เน่ือง มีประสทิ ธิภาพและ ตอ่ เน่อื ง เรียนรู้ การ สอน Clip Video 2.บุคลากรของ ตอ่ เนือ่ ง บริหารจดั การ 3.โครงการบรหิ าร สถานศึกษาสามารถ 2. รอ้ ยละ 80 ของ และส่งเสรมิ การ จดั การขอ้ มลู นำความรู้ไปใชใ้ น บุคลากรของ ทำงานเปน็ ทีม ขา่ วสาร กศน.ฝ่า การพัฒนาการ สถานศึกษาสามารถ กระแส Social ปฏบิ ัติงานตาม นำความรไู้ ปใชใ้ น Network บทบาทหน้าที่อยา่ ง การพฒั นาการ 4.โครงการประชมุ มีประสิทธิภาพ ปฏบิ ัติงานตาม บุคลากรเพ่ือเพ่ิม 3. บคุ ลากรของ บทบาทหนา้ ที่อย่าง ประสทิ ธิภาพในการ สถานศกึ ษามีความ มปี ระสทิ ธิภาพ ปฏบิ ตั งิ าน พึงพอใจในระดบั ดี 3. รอ้ ยละ 90ความ 5.โครงการประชมุ ขน้ึ ไปความ พงึ พอใจในระดบั ดี เชงิ ปฏิบตั กิ ารการ ข้นึ ไป จัดกระบวนการ เรยี นการสอน เป้าประสงค์ กลยทุ ธ์ โครงการ/กจิ กรรม เปา้ หมาย ตวั ชว้ี ดั ความสำเรจ็ เกณฑ์ความสำเรจ็ (ร้อยละ)
19 8. บคุ ลากรของ กลยุทธท์ ่ี 8 1.โครงการพัฒนา 39 คน 1.บุคลากรของ 1. รอ้ ยละ 80 ของ สถานศกึ ษาทุกคน บุคลากรของ สถานศกึ ษา พฒั นาบุคลากร บคุ ลากรด้าน ไดร้ บั การพัฒนาเพ่ือ สถานศึกษาทุกคน เพม่ิ สมรรถนะใน ได้รับการพฒั นาเพ่ือ ไดร้ บั การพัฒนา ของสถานศึกษา วิชาการ:Google การปฏิบัติงานตาม เพ่มิ สมรรถนะใน Form บทบาทหนา้ ที่อย่าง การปฏิบตั งิ านตาม เพ่อื เพ่ิม ให้มี มีประสทิ ธิภาพและ บทบาทหนา้ ที่อย่าง ตอ่ เนือ่ ง มีประสทิ ธภิ าพและ สมรรถนะในการ ความสามารถใช้ 2.โครงการพัฒนา ต่อเนอื่ ง ปฏบิ ตั งิ านตาม เทคโนโลยี บคุ ลากรด้าน 2.บคุ ลากรของ บทบาทหนา้ ท่ี ดิจทิ ลั เพือ่ การ วชิ าการ:การจัดทำ สถานศกึ ษาสามารถ 2. รอ้ ยละ 80 ของ นำความร้ไู ปใช้ใน บคุ ลากรของ อย่างมี จดั กระบวนการ ส่ือการเรยี นการ การพฒั นาการ สถานศกึ ษาสามารถ ปฏิบตั งิ านตาม นำความรู้ไปใช้ใน ประสทิ ธิภาพ เรยี นรู้ การ สอน Clip Video บทบาทหนา้ ที่อยา่ ง การพัฒนาการ มปี ระสทิ ธภิ าพ ปฏิบตั งิ านตาม และตอ่ เนื่อง บรหิ ารจดั การ 3.โครงการบริหาร บทบาทหน้าทอ่ี ยา่ ง และส่งเสรมิ การ จดั การขอ้ มูล 3. บุคลากรของ มปี ระสิทธภิ าพ สถานศึกษามีความ ทำงานเป็นทมี ข่าวสาร กศน.ฝา่ พงึ พอใจในระดบั ดี 3. ร้อยละ 90ความ ขึ้นไปความ พงึ พอใจในระดบั ดี กระแส Social ขึน้ ไป Network 4.โครงการประชุม บุคลากรเพือ่ เพิม่ ประสิทธิภาพในการ ปฏิบตั งิ าน 5.โครงการประชุม เชงิ ปฏิบัติการการ จัดกระบวนการ เรียนการสอน 3. กรอบการจัดกจิ กรรมเพ่ือพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน กรอบการจดั กจิ กรรมพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น ตามนโยบายการจัดการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน สำนักงาน กศน. (เอกสารแนบทา้ ยหนงั สือ สำนักงาน กศน. ด่วนทีส่ ุด ที่ ศธ 0210.04/ว3780 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2561) ----------------------------- 1. หลักการ รฐั บาลไดก้ ำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2560 – 2579) โดยมีวัตถปุ ระสงค์เพอ่ื แก้ไขจดุ อ่อน และเสรมิ จดุ แขง็ ให้เอ้ือตอ่ การพฒั นาประเทศให้บรรลเุ ปา้ หมาย การสรา้ งรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติ ในการที่จะให้ประเทศไทยมีความม่ันคงในทุกดา้ น คนในชาติมีคุณภาพชวี ิตทีด่ แี ละม่ันคง และประเทศสามารถ พฒั นาไปได้อย่างยั่งยนื จำนวน 6 ยทุ ธศาสตร์ได้แก่ (1) ยทุ ธศาสตร์ด้านความมั่นคง (2) ยุทธศาสตร์ดา้ น
20 การสร้างความสามารถในการแข่งขนั (3)ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพทรพั ยากรมนษุ ย์ (4) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม (5) ยทุ ธศาสตรด์ ้านการสรา้ งการเตบิ โตบน คณุ ภาพชวี ิต(6) ยุทธศาสตร์ด้านการปรบั สมดลุ และพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ซึง่ สอดคลอ้ งจดุ เนน้ ในการพัฒนาคุณภาพคนในสังคมไทยทกุ ช่วงวัยให้เปน็ คนดี มีสขุ ภาวะท่ีดี มีคุณ ธรรม จริยธรรม มีระเบียบ วนิ ยั มจี ิตสำนึกท่ีดีต่อสังคมส่วนรวม มที กั ษะความร้แู ละความสามารถปรบั ตัวเท่าทนั กับการเปลี่ยนแปลง รอบตัวทรี่ วดเร็ว แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2560 – 2579 ไดก้ ำหนดวตั ถปุ ระสงคใ์ นการจดั การศึกษา 4 ประการ ไดแ้ ก่ (1) เพื่อพฒั นาระบบและกระบวนการจดั การศึกษาท่มี คี ุณภาพและมปี ระสทิ ธิภาพ (2) เพ่อื พัฒนาคน ไทยใหเ้ ปน็ พลเมอื งดี มคี ุณลักษณะทกั ษะและสมรรถนะท่สี อดคล้องกับบทบญั ญตั ขิ องรัฐธรรมนญู แห่ง ราชอาณาจกั รไทยพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาตแิ ละยุทธศาสตร์ชาติ (3) เพื่อพัฒนาสังคมไทยใหเ้ ป็น สังคมแห่งการเรยี นรู้และมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม รู้รกั สามคั คี และร่วมมือผนึกกำลงั ม่งุ ส่กู ารพฒั นาประเทศอยา่ ง ย่ังยืน ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ (4) เพ่ือนำประเทศไทยก้าวข้ามกบั ดักประเทศที่มีรายได้ ปานกลาง และความเหล่อื มล้ำภายในประเทศลดลง จงึ กำหนดยทุ ธศาสตรใ์ นการพัฒนาการศกึ ษาภายใต้ 6 ยทุ ธศาสตร์หลักท่ีสอดคลอ้ งกับยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพ่ือให้แผนการศึกษาแห่งชาติบรรลุเป้าหมายตาม จดุ มงุ่ หมาย วิสยั ทัศน์ และแนวคิดการจัดการศึกษา ดังนี้ (1) ยุทธศาสตร์การจดั การศกึ ษาเพอ่ื ความม่นั คงของ สงั คมและประเทศชาต(ิ 2) ยุทธศาสตร์การผลติ และพัฒนากำลังคน การวิจยั และนวตั กรรม เพอื่ สร้างขดี ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (3) ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาศกั ยภาพคนทุกชว่ งวัย และการสรา้ งสังคม แหง่ การเรียนรู้ (4) ยุทธศาสตรก์ ารสรา้ งโอกาสความเสมอภาพ และความเท่าเทียมทางการศกึ ษา (5)ยทุ ธศาสตร์การจัดการศึกษาเพื่อสรา้ งเสริมสขุ ภาพชีวติ ที่เปน็ มิตรกบั ส่งิ แวดล้อม (6) ยทุ ธศาสตร์การพัฒนา ประสิทธิภาพของระบบบริหารจดั การศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ทม่ี ุ่งจดั การศึกษาเพือ่ ตอบสนองอุดมการณก์ ารจัดการศึกษาตลอดชีวิตและการสรา้ ง สังคมไทยใหเ้ ป็นสังคมแหง่ การเรยี นรู้ตามปรชั ญา “คดิ เปน็ ” เพ่ือสร้างคุณภาพชวี ติ และสังคม มีการบรู ณาการ อยา่ งสมดุลระหว่างปัญญาธรรม ศีลธรรม และวัฒนธรรม มุง่ สรา้ งพน้ื ฐานการเป็นสมาชกิ ทีด่ ีของครอบครวั ชมุ ชน สงั คม และพัฒนาความสามารถเพ่อื การทำงานท่ีมีคุณภาพ โดยให้ภาคีเครอื ขา่ ยมีส่วนร่วมจัดการศกึ ษา ใหต้ รงตามความตอ้ งการของผู้เรยี น และสามารถตรวจสอบไดว้ า่ การศกึ ษานอกระบบเป็นกระบวนการของ การพัฒนาชีวิตและสงั คม สามารถพึง่ พาตนเองได้ และรเู้ ท่าทันการเปล่ียนแปลง เปน็ หลักสูตรทีม่ ีความ เหมาะสมสอดคลอ้ งกับสภาพปญั หา ความตอ้ งการของบคุ คลที่อยู่นอกระบบโรงเรียน ซึง่ เป็นผ้มู ีความรู้ ประสบการณจ์ ากการท างานและการประกอบอาชพี โดยการกำหนดสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล ให้ความสำคญั กบั การพฒั นากลุ่มเป้าหมายด้านจิตใจ ใหม้ ีคุณธรรม ควบคไู่ ปกบั การพฒั นาการเรียนรู้สร้างภูมคิ มุ้ กนั สามารถจัดการกบั องค์ความรู้ ทัง้ ภมู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ และ เทคโนโลยีเพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นสามารถปรับตวั อยใู่ นสงั คมที่มกี ารเปล่ยี นแปลงตลอดเวลา สร้างภูมิคุ้มกนั ตามแนว ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง รวมทัง้ คำนึงถงึ ธรรมชาตกิ ารเรียนร้ขู องผู้ทอ่ี ยู่นอกระบบ และสอดคล้องกับ สภาพเศรษฐกิจ สงั คม การเมือง การปกครอง ความเจรญิ ก้าวหนา้ ของเทคโนโลยีและการสื่อสาร สำนักงาน กศน. จงึ กำหนดกรอบการจดั กจิ กรรมเพ่อื พฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี นทส่ี อดคล้องกับ จุดมุ่งหมายของหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ซึง่ เปน็ กจิ กรรมที่ ใหส้ ถานศึกษาจัดเพม่ิ เติมจากการเรยี นปกตใิ หก้ บั ผู้เรียน เพือ่ พฒั นาผูเ้ รียนให้มคี ุณธรรม จริยธรรม มีสติปัญญา
21 มีคุณภาพชีวิตทด่ี มี ีศกั ยภาพในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการเรียนรอู้ ย่างต่อเนอ่ื งซงึ่ เปน็ คุณลักษณะอันพงึ ประสงคส์ อดคลอ้ งกับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ตามจุดมงุ่ หมายของ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร แผนการศึกษาแห่งชาติและยุทธศาสตรช์ าติ 20 ปขี ้นึ 2. กรอบการจัดกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น เพ่ือให้สถานศกึ ษาได้จดั กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพผู้เรียน เป็นไปในแนวทางเดยี วกนั อย่างมีประสิทธิภาพ ประสทิ ธผิ ล คุ้มค่า เกดิ ประโยชนส์ ูงสุดตอ่ ผ้เู รียน ดังนี้ 2.1 กจิ กรรมพฒั นาวชิ าการ เป็นการจดั กิจกรรมเพื่อพฒั นาให้ผู้เรยี นมพี นื้ ฐานความร้เู พียงพอกับการศกึ ษาในแตล่ ะระดับ และพัฒนาผเู้ รยี นใหม้ คี วามรู้ความสามารถทางด้านวชิ าการเพมิ่ มากข้ึนในรายวิชาตามหลักสตู รการศึกษานอก ระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ หรือวชิ าอน่ื ๆ ตามความต้องการของนักศึกษา กศน. ซงึ่ วทิ ยากรหรอื ผู้สอนควรเปน็ ผู้ท่ีมคี วามรู้หรอื ประสบการณใ์ นการสอนวชิ าน้ัน ๆ โดยตรง อาจจะเปน็ บุคคลภายนอกหรอื ครู กศน. ได้ตามความเหมาะสม สว่ นจำนวนนักศึกษา กศน. ท่ีร่วมกิจกรรมใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของผู้บริหารสถานศกึ ษา 2.2 กิจกรรมพัฒนาทักษะชวี ติ เป็นการจัดกจิ กรรมเสริมเพิม่ เตมิ จากการเรียนปกตใิ นสาระทักษะการดำเนินชีวติ หลกั สูตร การศกึ ษา นอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 เนอื่ งจากสงั คมปัจจุบันมกี ารเปลี่ยนแปลงอยา่ ง รวดเร็วทงั้ ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม ขา่ วสารข้อมลู และเทคโนโลยี มกี ารแข่งขนั และความขัดแย้งมากขึ้นจึงมีความ จำเปน็ ที่สถานศึกษาตอ้ งจดั กจิ กรรมพัฒนาทกั ษะชีวิตให้กบั ผู้เรยี น เพ่อื ใหม้ คี วามรู้ ความเข้าใจ มีเจตคติ ค่านยิ มที่ถูกตอ้ งและมีทกั ษะหรือความสามารถพื้นฐานท่จี ำเป็นในการเผชิญปญั หาทเี่ กิดขึ้นในชวี ติ อาทิเช่น ปัญหายาเสพติดการตงั้ ครรภไ์ ม่พงึ ประสงค์ เพศสมั พนั ธท์ ะเลาะวิวาท ครอบครวั แตกแยก ความรุนแรง ความเครียด ภยั พบิ ตั ิ เป็นต้น รวมทั้งมีคุณสมบัติท่พี งึ ประสงคใ์ นการอยู่รว่ มกบั ผ้อู นื่ ในสงั คมได้อย่างมี ความสขุ และสามารถนำความรจู้ ากการเขา้ ร่วมกิจกรรมไปปรบั ใช้ในชวี ิตประจำวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม 2.3 กิจกรรมท่ีแสดงออกถงึ ความจงรักภักดีตอ่ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ เป็นการจดั กจิ กรรมเพื่อพัฒนาและส่งเสรมิ สนบั สนนุ ให้ผ้เู รียน มีความรคู้ วามเข้าใจ มีทัศนคติท่ีดี มคี วามรกั และภาคภมู ิใจในชาตไิ ทย และแสดงออกถึงความจงรักภกั ดตี อ่ สถาบนั ชาติ ศาสนา และ พระมหากษตั ริย์ตลอดจนทะนบุ ำรงุ และปฏบิ ตั ิตามหลักธรรมทางศาสนาทน่ี บั ถือ การสง่ เสริมโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดำริ การเทดิ ทูนและปกปอ้ งสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์และพระบรมวงศานุวงศ์ 2.4 กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นการจดั กจิ กรรมเพื่อพัฒนาผูเ้ รียนให้ มีความรู้ ความเข้าใจตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยสามารถนำไปประยุกตใ์ หเ้ กิดผลในทางปฏิบตั ิ ในการดำรงชวี ติ ประจำวนั ทงั้ ตอ่ ตนเอง ครอบครัวชมุ ชน สังคมและประเทศชาติ 2.5 กจิ กรรมลูกเสอื และกจิ กรรมอาสายวุ กาชาด เป็นกจิ กรรมเพื่อพฒั นาและสง่ เสรมิ สนบั สนุนให้ ผู้เรียนเป็นผทู้ ่ีมีระเบียบวินยั มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม มีจติ อาสา มีความเสยี สละในการชว่ ยเหลอื ผอู้ ่ืน บำเพ็ญ ประโยชน์ต่อสงั คมและชมุ ชน โดยดำเนินการจดั กิจกรรม ลกู เสอื กศน. และกจิ กรรมอาสายุวกาชาด หรอื อาจ ดำนินการรว่ มกับสำนักงานลูกเสอื แหง่ ชาติ สำนกั การลกู เสือ ยวุ กาชาดและกิจกรรมนกั เรยี น กระทรวงศกึ ษาธกิ าร สำนักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย เปน็ ต้น 2.6 กิจกรรมกีฬาและส่งเสรมิ สุขภาพ เป็นการจดั กจิ กรรมเพ่ือพฒั นาผูเ้ รียนได้มีโอกาสออกกำลังกาย และเล่นกีฬาเพือ่ สุขภาพ พลานามยั ท่ดี ีสร้างนิสัยความมีน้ำใจเป็นนกั กีฬาและใช้เวลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ เป็นการสรา้ งความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ ให้รจู้ ักรแู้ พ้ รชู้ นะ รู้อภัย และเป็นการสรา้ งสมั พนั ธภาพอนั ดี ระหว่างนกั ศกึ ษากศน .
22 2.7 กจิ กรรมเพ่อื พฒั นาความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) เป็นกจิ กรรมเพ่ือพัฒนา ผ้เู รยี นให้มคี วามรู้และทกั ษะใน ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) เชน่ การจัดอบรมความรใู้ นด้านต่างๆ ท่ี เกยี่ วกบั ICT เปน็ ตน้ 2.8 กจิ กรรมเพื่อพฒั นาความรสู้ ปู่ ระชาคมโลก เปน็ การจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความรใู้ ห้กับผู้เรียน ในด้าน การศกึ ษา เศรษฐกจิ สังคมและวฒั นธรรม ความม่นั คง และการเมอื ง เพอื่ เข้าสู่ประชาคมโลก เช่น การ เปลีย่ นแปลงโครงสรา้ งประชากรไปสู่สงั คมสงู วยั ทกั ษะของประชากรในศตวรรษท่ี 21 ทีท่ ว่ั โลกตา่ งตอ้ งเผชิญ กับความท้าทายและมุ่งพัฒนาประเทศไปสู่การพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมยุค 4.0 เป็นตน้ 2.9 กิจกรรมจติ อาสา กศน. “เราทำความดดี ว้ ยหัวใจ” เปน็ กิจกรรมทห่ี นว่ ยงาน/สถานศึกษาใน สงั กดั ส สำนกั งาน กศน. จดั ขนึ้ หรอื รว่ มกับหน่วยงานอนื่ ๆและร่วมกบั ประชาชนทุกหมูเ่ หล่าทีม่ ีจติ อาสา บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในพน้ื ทตี่ ่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และแกไ้ ขปญั หาใหแ้ ก่ประชาชน ไม่ว่าจะ เปน็ ปญั หาน้ำทว่ มในเขตชุมชน ปัญหาการจราจรและอืน่ ๆเพือ่ สบื สานพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ที่ทรงห่วงใยปัญหาน้ำทว่ มและปัญหาการจราจรในเขตพืน้ ท่ี กรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ และสอดคลอ้ งกับพระบรมราโชบาย ของสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั รชั กาลที่10 เป็นการพัฒนาสภาพแวดล้อมและความเปน็ อยูใ่ นชมุ ชนให้มสี ภาพทด่ี ีข้นึ 2.10 กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และพัฒนาทกั ษะการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมท่สี ง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นมีทกั ษะ การอ่าน การเรียนรู้ เสริมสร้างนิสยั รักการอ่าน และการเรียนรู้เพ่ือนำไปใชใ้ นการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสงั คม อันจะนำไปส่สู งั คมแห่งการเรียนรูต้ ลอดชีวิต 2.11 กิจกรรมส่งเสริมการเรยี นรเู้ พอื่ พฒั นาทกั ษะอาชีพ เป็นกจิ กรรมทส่ี ่งเสรมิ ให้ผู้เรยี นได้ศึกษา เรยี นรูฝ้ กึ ทักษะและฝึกปฏบิ ัติด้านอาชพี ท่ีตนเองสนใจ เพือ่ เปน็ ทางเลอื ก และวางแผนการประกอบอาชีพ และ การศึกษาตอ่ ในอนาคต 2.12 กิจกรรมสง่ เสรมิ คุณธรรม จริยธรรม เปน็ กจิ กรรมท่สี ่งเสริมให้ผู้เรยี นไดเ้ รยี นรู้ ด้วยการปลูกฝัง คุณธรรม จริยธรรม วฒั นธรรมขนบธรรมเนยี มประเพณี และเอกลกั ษณ์ของชาติ ใหเ้ กดิ ความรกั และความ ภาคภูมิใจ สบื สานวฒั นธรรมและประเพณที ้องถิ่นอยรู่ ่วมกนั ในสังคมได้อยา่ งมีความสขุ 2.13 กิจกรรมการเรียนรู้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข และ กฎหมายทีเ่ กยี่ วข้องในชวี ติ ประจำวัน เป็นกจิ กรรมเพ่ือพฒั นาผเู้ รยี น ใหม้ คี วามร้คู วามเข้าใจทีถ่ กู ต้องเกย่ี วกบั การปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ และกฎหมายที่เกย่ี วขอ้ งใน ชีวิตประจำวัน เชน่ กฎหมายรัฐธรรมนญู กฎหมายการเลอื กตง้ั สิทธิหน้าทพ่ี ลเมือง กฎหมายที่เก่ียวข้องกับการ คุม้ ครองผู้บริโภค เป็นต้น 2.14 กิจกรรมเสรมิ สรา้ งความสามารถพิเศษ เปน็ กจิ กรรมเพอ่ื พัฒนาผูเ้ รียนท่มี ีความสามารถพิเศษ หรือ มีพรสวรรค์ในด้านต่าง ๆ ใหม้ โี อกาสและกลา้ แสดงออกถงึ ทักษะ ความรู้ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการ ในแนวทางทถ่ี ูกตอ้ งเหมาะสม และพัฒนาความสามารถพิเศษหรือพรสวรรคไ์ ปใช้ประโยชนต์ ่อ การด ารงชวี ิตของตนเอง เป็นการส่งเสริมสนับสนุนการศกึ ษาตลอดชีวิต โดยการจัดต้ังชมรมตา่ ง ๆ เช่น ชมรม TO BE NUMBER ONE การจัดต้ังศูนยเ์ พือ่ นใจวัยรุน่ เปน็ ต้น 3. รูปแบบของกจิ กรรม 3.1 แบบการจัดค่ายวิชาการ ค่ายกจิ กรรม ทัง้ ไป – กลบั และค้างคนื 3.2 แบบช้นั เรยี น โดยครู กศน. หรือวิทยากรทม่ี ีความรหู้ รอื ประสบการณ์ในการสอนวชิ าน้นั ๆ เปน็ ผู้ จดั กิจกรรมหรอื รว่ มกบั เครอื ขา่ ย
23 3.3 แบบศกึ ษาดูงาน 3.4 อื่น ๆ ตามความเหมาะสม (โดยให้พิจารณารูปแบบของกิจกรรมขอ้ ท่ี 3.1 – 3.3 กอ่ น แล้วจึง ดำเนินการ ในขอ้ 3.4) หมายเหตุ : ในกรณีทีพ่ านกั ศึกษาออกนอกสถานท่ีให้ปฏบิ ัตติ ามระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการ ว่าด้วย การพานักเรียนและนกั ศกึ ษาไปนอกสถานศกึ ษา พ.ศ.๒๕๔๘ 4. งบประมาณ การเบิกจ่ายให้เปน็ ไปตามระเบยี บของทางราชการทเี่ กี่ยวข้อง โดยยึดหลักความถกู ต้อง โปรง่ ใสตรวจสอบได้ 5. เง่ือนไขของการดำเนินงาน 5.1 ผูร้ บั บรกิ ารต้องเปน็ นกั ศกึ ษา กศน. ท่ีลงทะเบียนเรียนในหลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับ การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ในภาคเรียนน้นั ๆ 5.2 สถานศึกษาจัดทำแผนการจดั กจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น ตามกรอบการจัดกิจกรรมเพื่อพฒั นา คณุ ภาพผู้เรียน 5.3 สถานศกึ ษาจัดสง่ แผนการจัดกิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น เพื่อขอความเห็นชอบจากสำนกั งาน กศน.จังหวัด /กทม. 5.4 สถานศึกษาดำเนินการตามแผนการจัดกิจกรรมเพ่อื พฒั นาคุณภาพผเู้ รียน ตรวจสอบ ประเมินผล การจดั กิจกรรม พรอ้ มเบกิ จ่ายเงนิ ตามระเบยี บทีก่ ำหนดให้แล้วเสรจ็ ภายในแต่ละภาคเรยี น และรายงานผลให้ สำนกั งานกศน. จังหวัด/กทม. ทราบ 5.5 สำนกั งาน กศน. จงั หวดั /กทม. นเิ ทศติดตาม การจัดกิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียนของสถานศกึ ษา 5.6 ใหใ้ ช้“กรอบการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน ตามหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบ ระดับการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ส านกั งาน กศน.”ตง้ั แตภ่ าคเรียนท่ี 2/2561 เปน็ ตน้ ไป หมายเหตุ : กจิ กรรมเพ่อื พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นที่ใชเ้ งนิ งบประมาณในการจัดกิจกรรมไม่นบั เป็นชั่วโมงกจิ กรรม พฒั นาคณุ ภาพชวี ิต (กพช.) ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 4. เอกสารงานท่เี กยี่ วข้อง
24 ผลสำรวจการอา่ นกับบางขอ้ เท็จจรงิ ทคี่ ้นพบและน่าตกใจ ขอ้ มูลผลสำรวจการอ่านของประชากร พ.ศ. 2558 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ท่ีนำมาเผยแพรอ่ ย่าง กวา้ งขวางโดยทีเคพารค์ นัน้ ถกู พูดถึงผ่านสอื่ ทุกแขนง และรบั รูท้ ่วั ไปไล่เร่ือยไปจนถึงระดับผนู้ ำประเทศ หากมอง เฉพาะตวั เลขสถิติเพยี งอยา่ งเดียวก็ให้แง่มุมชวนคดิ หลายอย่าง ย่งิ ลองใช้ขอ้ มูลชุดเดยี วกนั แต่คิดลึกลงไปอีกชนั้ ก็ จะยิง่ พบขอ้ เทจ็ จริงอีกหลายประเดน็ ทมี่ ีทั้งความน่าสนใจและน่าตกใจไปพรอ้ มกนั ภาพที่ 1 การแสดงนทิ รรศการเกยี่ วกับการอา่ น ปริมาณการอา่ นลดลง ความเหลอ่ื มล้ำในการอา่ นเพ่ิมขึน้ จากผลการสำรวจพบวา่ ประชากรอายุ 6 ปขี นึ้ ไป มีอตั ราการอ่านร้อยละ 77.7 (48.4 ลา้ นคน) หรือ มีคนอ่านลดลงจากการสำรวจรอบที่แลว้ (พ.ศ. 2556) ประมาณ 2 ล้านคนเศษ และมีผไู้ ม่อา่ นรอ้ ยละ 22.3 (13.9 ลา้ นคน) เพิ่มขึ้นจากการสำรวจรอบทแ่ี ล้วประมาณ 2 ล้านคนเศษเช่นกนั
25 ภาพท่ี 2 สถติ ิเกีย่ วกบั การอ่านคนไทยอายุ 6 ปขี นึ้ ไป สาเหตุของความเปลี่ยนแปลงเช่นน้ีมคี วามเปน็ ไปไดห้ ลายกรณี ที่น่าจะชัดเจนคอื กจิ กรรมการ รณรงค์สาธารณะสง่ ผลโดยตรงต่อปริมาณการอ่าน กล่าวคือ ในการสำรวจเมอื่ ปี 2556 อยู่ในหว้ งเวลาที่ กรงุ เทพมหานครไดร้ ับเลอื กจากองค์การยเู นสโกให้เป็นเมอื งหนงั สอื โลก (World Book Capital) จงึ มขี ่าวคราว กจิ กรรมและการประชาสัมพันธส์ ่งเสริมการอ่านอย่างตอ่ เนือ่ ง ขณะทภ่ี าวะเศรษฐกิจสงั คมการเมอื ง ก็อาจมผี ลตอ่ การอ่านของประชากรอยู่ไมน่ ้อย เนื่องเพราะในปี 2557 ตอ่ เนือ่ งถงึ ตลอดปี 2558 ปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง และบรรยากาศการจำกดั เสรีภาพในการแสดงความ คดิ เหน็ เป็นปรากฏการณ์ที่ล้วนส่งผลทางลบต่อการนำเสนอและการรับรขู้ ่าวสาร ตลอดจนการอ่านและการเขียน ท้ังส้ิน ภาพที่ 3 สถติ ิเก่ยี วกับการอา่ นคนไทยอายุ 6 ปีขึน้ ไปจำแนกตามภูมิภาค ในทางกลับกนั ถงึ แมว้ ่าจำนวนคนอ่านจะลดลง แต่ความเหลื่อมลำ้ ของการอา่ นก็ยงั คงมอี ยู่ และเปน็ ความเหลอ่ื มลำ้ ท่มี ีชอ่ งวา่ งเพิ่มมากขนึ้ พจิ ารณาได้จากอัตราการอา่ นของประชากรท่ีอาศยั อยู่ในเขตเทศบาลเทยี บ กบั นอกเขตเทศบาล เท่ากบั ร้อยละ 82.9 และ 73.4 หรอื ตา่ งกนั 9.5% เปรียบเทียบกบั ขอ้ มูลเมอ่ื สองปีก่อน ความแตกตา่ งน้ีเท่ากับ 8% หมายความวา่ ชอ่ งวา่ งความเหลอ่ื มล้ำระหวา่ งผู้อาศัยอยู่ในเขตเมอื งและนอกเมืองน้ัน ถ่างกว้างขนึ้ แสดงวา่ คนอา่ นคือผ้ทู อี่ ยู่ในพ้ืนทซ่ี งึ่ มีโอกาสเขา้ ถึงโครงสรา้ งพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมได้ มากกว่าสว่ นคนกรุงเทพฯ มอี ัตราการอ่านสงู กวา่ คนในภาคอื่นๆ อยา่ งชัดเจน (คิดเป็น 93.5% ขณะท่ีภาคอนื่ อยู่ ในระดับ 70 กวา่ เปอรเ์ ซ็นต์ - ต่ำสดุ คือภาคอสี าน 73.0% รองลงมาคือภาคเหนือ 74.3%) ตัวเลขท่ีแตกต่างกัน ของแต่ละภาคน้นั อาจมาจากหลายสาเหตุ มิใชเ่ หตุปัจจัยทางด้านเศรษฐกจิ เพยี งเท่าน้นั ซงึ่ ควรมีการศกึ ษาวจิ ัย โดยละเอยี ดต่อไป อาทิ ปญั หาการเขา้ ถงึ หนังสอื และสื่อการอ่าน ปญั หาการเขา้ ถึงแหลง่ การอ่าน ปญั หาคณุ ภาพ หนังสอื หรอื เน้ือหาสาระที่อาจไมส่ อดคลอ้ งกับบริบทเศรษฐกิจสงั คมของพน้ื ที่น้ันๆ และปัญหาเชิงสังคมวัฒนธรรม เชน่ ขอ้ จำกัดดา้ นภาษา ศาสนา ความเชื่อ และชาติพนั ธ์ุ เปน็ ต้น ส่อื ใหมแ่ ละไอทีทำให้คนใช้เวลาอ่านเพ่ิมขนึ้
26 สถิติการอา่ นปี 2558 พบว่าเวลาเฉลย่ี ที่ใช้ในการอ่านเพิ่มสงู ข้นึ เทา่ กับ 66 นาทีตอ่ วัน (เทยี บกบั เมอ่ื สองปีก่อนเท่ากบั 37 นาทีตอ่ วัน) หรือเพม่ิ ขน้ึ กวา่ เท่าตัว เหตผุ ลสำคัญทรี่ ะยะเวลาในการอ่านเพ่มิ ขน้ึ น้นั เปน็ เพราะการสำรวจครง้ั นี้ได้มีการกำหนดขอบเขตนยิ ามคำว่า “การอา่ น” ทก่ี วา้ งขวางครอบคลมุ ไปถึงสอื่ ใหม่ด้วย เช่น สือ่ สังคมออนไลน์/SMS/E-mail มไิ ดจ้ ำกดั เพียงเฉพาะส่ือหนังสือที่เปน็ กระดาษ ดังนน้ั สอ่ื ใหม่ท่สี ามารถ เข้าถึงได้อยา่ งสะดวกสบายมากข้นึ จงึ ส่งผลอยา่ งมีนัยสำคัญต่อพฤติกรรมและปริมาณการอ่าน เหน็ ได้อย่างชดั เจน ในกลมุ่ เยาวชน (อายุ 15-24 ปี) ซง่ึ ใชเ้ วลาอ่านมากทีส่ ดุ ถงึ 94 นาทตี ่อวนั แต่... ความนิยมอ่านหนงั สือรูปแบบกระดาษก็ลดลงไม่มากนกั เพราะมีผู้อา่ นสงู ถึงรอ้ ยละ 96.1 ยงั คงนยิ มอ่านหนงั สือท่เี ปน็ รปู เล่มหรือเอกสาร (ลดลงจากการสำรวจครั้งกอ่ นประมาณ 3%) ขณะท่ีประมาณรอ้ ย ละ 55 อา่ นเน้อื หาจากสื่ออเิ ลก็ ทรอนกิ สห์ ลากหลายเชน่ โซเชยี ลมีเดยี เว็บไซต์ อีบุ๊ค อเี มล ไฟลข์ ้อมูลและซดี ี ผ่านอุปกรณป์ ระเภทตา่ งๆ ทง้ั พีซคี อมพิวเตอร์ โนต้ บุ๊ค สมาร์ทโฟน และแทบ็ เลต็ และคาดว่าความนิยมอ่านสื่อ ใหมผ่ ่านอุปกรณ์ไรส้ าย (mobile devices) น่าจะเพ่ิมสูงขึ้นในการสำรวจคร้งั ตอ่ ๆ ไป จะเหน็ ได้วา่ อุปกรณ์ไอทีส่ง ผลกระทบเชงิ ลบต่อการอา่ นหนังสือทีเ่ ปน็ กระดาษบ้างแตก่ น็ บั ว่าน้อยมาก แตก่ ลบั ทำใหม้ ีแนวโนม้ ที่คนจะอ่าน มากข้ึน (หรือใชเ้ วลาอา่ นนานขนึ้ ) เพราะผ้อู า่ นมชี ่องทางเขา้ ถึงการอา่ นได้หลากหลายและสะดวกมากย่ิงข้ึน ภาพท่ี 4 สถิตเิ กยี่ วกับการอา่ นคนไทยอายุ 6 ปขี ้ึนไปจำแนกตามส่ือ เหนือ-อีสาน อ่านนอ้ ย แต่ใชง้ านห้องสมุดมากกว่าภาคอื่น ว่าด้วยเรอื่ งของห้องสมดุ และแหล่งการอา่ น จากผลสำรวจพบว่าผู้อา่ นอายุ 6 ปีข้นึ ไป มกี ารใชบ้ ริการ ห้องสมุดดว้ ยการยมื หรอื ไปอา่ นที่ห้องสมดุ เพยี งร้อยละ 12.9 (ประมาณ 6.2 ล้านคน) ในจำนวนน้ีใช้หอ้ งสมดุ โรงเรียนหรอื สถานศึกษามากทสี่ ดุ คือประมาณ 4.3 ลา้ นคน ใช้ห้องสมุดประชาชน/ที่อา่ นหนังสอื ชุมชน/แหล่ง เรยี นรู้ในชุมชน ประมาณ 1.7 ล้านคน ทน่ี า่ สนใจคือภูมิภาคที่มีผูอ้ ่านใช้บริการห้องสมดุ มากท่ีสดุ คือภาคเหนือ และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ (เท่ากันทัง้ สองภาคคือรอ้ ยละ 17.7 ซง่ึ สูงกว่าคา่ เฉลี่ยภาพรวมประเทศที่รอ้ ยละ 12.9) ขณะท่ี กทม. และภาคกลาง แม้จะมีอตั ราการอา่ นสูง แต่การใชป้ ระโยชนจ์ ากห้องสมดุ กลบั น้อยมากเพยี ง ร้อยละ 8.5 และ 8.6 ตามลำดับ ตัวเลขนีช้ ัดเจนวา่ ในพืน้ ทซี่ ึ่งมปี รมิ าณการอ่านน้อย จะมีอัตราการเข้าใชห้ อ้ งสมุด
27 มากกวา่ พ้นื ทที่ ่มี ปี รมิ าณการอา่ นมาก ภายใน 6 ปีจะไมม่ ใี ครไปอ่านหนังสือทีห่ อ้ งสมดุ ถา้ ดูตัวเลขผลสำรวจสถานที่ทค่ี นนยิ มอ่าน จะพบวา่ หอ้ งสมดุ สาธารณะกไ็ ม่ใช่แหลง่ ท่ีผู้คนนยิ มใช้ เปน็ สถานที่อ่านเท่าไรนกั คอื มเี พียงรอ้ ยละ 1.2 เมอ่ื เทียบกับ บ้าน ทีท่ ำงาน หรอื สถานศกึ ษา ซึ่งเท่ากับรอ้ ยละ 84.3, 25.2 และ 21.7 ตามลำดับ หรอื มผี ู้ใช้ห้องสมุดเปน็ สถานที่อ่านประมาณ 5.8 แสนคนเท่าน้ัน ซึ่งเปน็ ตวั เลขท่ีลดลงอยา่ งต่อเน่ืองจากประมาณ 1 ล้านคนเมอ่ื ปี 2554 เหลอื 8 แสนคนเศษเมื่อปี 2556 แต่หากรวมเอาที่ อ่านหนงั สือประจำหมู่บ้าน/ชมุ ชน/แหล่งเรียนรู้ในชุมชน อกี รอ้ ยละ 3 เท่ากบั ว่ามผี ู้อ่านใช้ห้องสมุดกับแหล่งท่ี คล้ายห้องสมุดเปน็ สถานทสี่ ำหรับอ่าน รวมกนั เทา่ กับรอ้ ยละ 4.2 หรอื ประมาณ 2 ล้านคน ซ่งึ กย็ งั นบั วา่ น้อยมาก อยดู่ ี ผลสำรวจการอา่ นในประเดน็ นต้ี อกย้ำคำถามโตๆ ว่า ถงึ เวลาหรอื ยังทีห่ ้องสมดุ ของไทยจำเปน็ ต้องปรบั ตวั เพราะ หากตัวเลขจำนวนผใู้ ชห้ ้องสมุดลดลงในอตั ราขา้ งต้นอยา่ งคงท่ี นน่ั หมายความว่าภายใน 6 ปนี ับจากนจ้ี ะไม่มี ผูใ้ ช้บริการไปอา่ นหนงั สือทีห่ อ้ งสมุดเหลืออย่อู ีกเลย การลดลงของปริมาณผู้ใชห้ อ้ งสมุดในฐานะท่ีเป็นแหล่งการ อ่านและการคน้ ควา้ ขอ้ มลู เช่นนี้นบั เปน็ แนวโนม้ ท่ีเกดิ ขนึ้ ท่วั โลก เพราะการแพรห่ ลายของการใช้อินเทอรเ์ นต็ เพือ่ การสบื คน้ แมแ้ ตห่ อ้ งสมุดในหลายประเทศตา่ งก็พยายามปรบั ตัวให้สอดคลอ้ งกบั สง่ิ แวดลอ้ มใหมเ่ พื่อความอยรู่ อด รูปแบบหลักของการปรบั ตวั ของห้องสมุดในตา่ งประเทศ คือการเปล่ียนบทบาทจากสถานที่อา่ นและยืมคืนหนงั สอื เพยี งอย่างเดียว ไปเป็นพืน้ ทเี่ พอ่ื ตอบสนองความต้องการของผูค้ นในการเรียนรู้รปู แบบอน่ื ๆ ทแ่ี ตกตา่ ง หลากหลายนอกเหนือไปจากการอา่ น ภาพที่ 5 สถติ ิเกยี่ วกับการอา่ นคนไทยอายุ 6 ปขี ึ้นไปจำแนกตามสถานทีก่ ารอา่ น เด็กไทย 450,000 คน อา่ นไมอ่ อก-อา่ นไมค่ ล่อง คนไทยอายุ 6 ปขี ึน้ ไปทีไ่ ม่อา่ นหนังสือ ให้เหตุผลที่ไม่อ่านวา่ เปน็ เพราะอา่ นหนังสือไมอ่ อก ร้อยละ 20.6 หรือประมาณ 2.8 ลา้ นคน ลดลงจากการสำรวจครงั้ กอ่ นประมาณ 3 แสนคน แต่ทีน่ า่ สนใจอยู่ท่ีกลุ่มเด็กอายุ
28 6-14 ปี หรอื ผู้ทีก่ ำลงั ศกึ ษาอยใู่ นระดับ ป.1-ม.3 การสำรวจคร้งั นพ้ี บวา่ มผี ู้ระบุวา่ อา่ นไมอ่ อกถงึ รอ้ ยละ 31.7 คิด เป็นจำนวน 2 แสนคนเศษ หากรวมเด็กกล่มุ อายุเดียวกันนท้ี ่ีตอบวา่ ไมอ่ า่ นเพราะ อ่านไมค่ ล่อง/อา่ นไดเ้ พียง เลก็ น้อย อกี รอ้ ยละ 34.7 จำนวนเด็ก ป.1-ม.3 ทีอ่ า่ นไมอ่ อก/อา่ นไมค่ ล่อง/อา่ นได้เพยี งเลก็ น้อย จะสูงถึง 4.5 แสนคน เป็นภารกิจสำคัญทีห่ นว่ ยงานหลักอยา่ งกระทรวงศึกษาธิการ คงตอ้ งเร่งหาแนวทางแกไ้ ข ภาพที่ 6 สถิตเิ ก่ียวกบั การอ่านคนไทยอายุ 6 ปขี นึ้ ไปจำแนกตามสาเหตทุ ำไมไม่อา่ นหนังสอื คนไทยขาดนิสัยรกั การอา่ น 3,400,000 คน อกี เหตผุ ลหนง่ึ ท่ีคนไม่อา่ น คือ ไมช่ อบหรอื ไมส่ นใจอา่ น (อ่านออก แตไ่ มช่ อบอ่าน) มรี อ้ ยละ 24.8 หรอื ประมาณ 3.4 ล้านคน เพิม่ ข้ึนจากการสำรวจครง้ั ก่อนถงึ 1.4 ลา้ นคน น่คี อื กล่มุ ซง่ึ ควรได้รบั การส่งเสริม ปลูกฝังนิสัยรักการอา่ น นอกเหนอื ไปจากกลมุ่ ท่รี ักการอ่านหรืออา่ นหนงั สือจนเป็นนสิ ยั อยู่แล้ว พูดงา่ ยๆ นคี่ อื กลุม่ เป้าหมายของหน่วยงานภาคสี ่งเสริมการอ่าน รวมถึงทเี คพารค์ ดว้ ย
29 ภาพท่ี 7 สถิตเิ กีย่ วกบั การอ่านคนไทยอายุ 15-24 ปีข้นึ ไป หากพจิ ารณาเฉพาะกลมุ่ เยาวชนชว่ งอายุระหวา่ ง 15-24 ปีทไ่ี ม่อ่าน ซ่งึ มีอยูป่ ระมาณ 9.8 แสนคน ใกล้เคยี งกบั ผล การสำรวจครั้งกอ่ น - - เพิ่มข้ึนประมาณ 3 หม่ืนคน ในจำนวนนีร้ ะบวุ า่ ไมช่ อบหรอื ไมส่ นใจอ่าน (ขาดนิสยั รกั การ อา่ น) สูงถงึ 3.6 แสนคน หรือเพ่ิมขึน้ 1.1 แสนคนเมอื่ เทยี บกับการสำรวจครง้ั ทแ่ี ลว้ อาจกล่าวได้วา่ วัยรนุ่ กลุ่มน้ี ควรได้รบั การสง่ เสริมการอ่านท่ีเขม้ ขน้ ย่งิ กวา่ กลุ่มวัยรุ่นท่ชี อบอ่านหนงั สือหรอื เดนิ เขา้ ห้องสมุดเปน็ ประจำเสียอีก คำถามท่ตี อ้ งคน้ หาคำตอบกค็ อื เยาวชนวัยรนุ่ 9.8 แสนคน (หรอื 3.6 แสนคน) นอ้ี ย่ทู ไ่ี หน ? และจะมีวธิ กี าร อย่างไรในการปลกู ฝังนสิ ัยรักการอา่ นหรือดงึ ให้พวกเขาเขา้ ถึง “มหศั จรรย”์ ของหนงั สือ ? ดาวน์โหลด infographic สถิติการอา่ นของคนไทย พ.ศ 2558 ภาพท่ี 8 นิทรรศการเกีย่ วกบั การอา่ นคนไทย
30 บทความ สำรวจการอ่าน คนไทยยุคดิจิทัล ภาพท่ี 9 เด็กอ่านหนงั สอื หลังจากท่ี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรฐั มนตรี ออกมาเปิดเผยวา่ พล.อ.ประยทุ ธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบสถติ กิ ารอ่านของคนไทย จากการแถลงขา่ วนำเสนอผลสำรวจ การอา่ นของประชากรคนไทย พ.ศ. 2558 โดยสำนักงานสถติ ิแห่งชาติ และสำนักงานอุทยานการเรยี นรู้ (ทเี ค ปารค์ ) รสู้ ึกยนิ ดีที่คนไทยให้ความสำคัญกบั การอ่านมากขึ้น โดยมีเวลาการอ่านเฉลยี่ 66 นาท/ี วัน เพ่มิ ขึ้นจากการ สำรวจครัง้ ลา่ สดุ เมื่อปี 2556 ทอ่ี า่ นเพยี ง 37 นาที/วัน นายกรฐั มนตรีของไทยปลม้ื ปร่มิ กบั การแถลงตวั เลขสำรวจการอ่านครั้งนี้มาก เนอ่ื งจากแนวโน้ม การอา่ นของคนไทยเพิ่มขนึ้ อย่างมีนยั สำคญั โดยคนไทยอ่านหนงั สอื มากขึ้นเปน็ 77.7% หรอื ประมาณ 48 ล้านคน อ่านมากข้นึ เปน็ 66 นาที/วนั คนไทยนิยมการอ่านผ่านส่อื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ถึงกว่า 50% แต่ 96% บอกว่ายังชอบจบั หนังสือเปน็ เลม่ และสุดท้ายไมม่ วี ิธรี ณรงค์สง่ เสริมการอา่ นดีทสี่ ุดเทา่ กับรณรงค์ผา่ นครอบครวั แม้ผลการสำรวจ การอ่านของคนไทยในยุคดจิ ทิ ัลมกี ารอา่ นทม่ี ากขนึ้ อยา่ งน่าช่ืนใจ มาดูตวั เลขและความคิดเหน็ เชงิ วเิ คราะหถ์ งึ สถิติ การอา่ นคร้งั นี้กัน สถติ ิการอา่ นของคนไทยปี 2558 สำหรับสถิติการอา่ นของประชากรไทย จัดทำขึ้นโดยสำนักงานสถิตแิ หง่ ชาตทิ ุกรอบ 2 ปี โดยปี 2558 ไดข้ ยายคำนยิ ามการอา่ น ใหร้ วมการอา่ นขอ้ ความในสื่อสังคมออนไลน์/เอสเอม็ เอส/อเี มลด้วย และทำ การสำรวจจากประชากรตวั อย่าง 55,920 ครัวเรือน โดยเก็บรวบรวมข้อมลู เดอื น พ.ค.-ม.ิ ย. 2558 ซึ่งสรุปผล การสำรวจท่ีสำคญั ไดด้ ังนี้ คอื ในการอ่านของเด็กเล็กอายุต่ำกวา่ 6 ปี เดก็ เลก็ ทีอ่ า่ นมีประมาณ 2.7 ล้านคน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 60.2 โดยเดก็ ผ้หู ญิงมีอตั ราการอา่ นสูงกวา่ เด็กผู้ชายเลก็ นอ้ ย คอื รอ้ ยละ 60.9 และร้อยละ 59.5 และมคี วาม แตกต่างกันระหวา่ งเขตการปกครองและภาค โดยในเขตเทศบาลมีอตั ราการอา่ นสูงกวา่ นอกเขตเทศบาล คอื ร้อยละ 63.9 และ 57.4 ตามลำดบั
31 ภาพที่ 10 เดก็ อ่านหนงั สอื สว่ นเดก็ เล็กในกรุงเทพมหานคร มีอัตราการอ่านสงู สดุ คือ รอ้ ยละ 73.8 ขณะทภ่ี าค ตะวันออกเฉียงเหนือ เดก็ เลก็ มีอัตราการอ่านต่ำสุด คือ ร้อยละ 55.9 ในส่วนการอา่ นของประชากรอายตุ ้ังแต่ 6 ปีข้ึนไป พบว่า มีอัตราการอ่านรอ้ ยละ 77.7 ผู้ชายมี อตั ราการอา่ นสูงกวา่ ผหู้ ญิงเลก็ น้อย คอื รอ้ ยละ 78.9 และ 76.5 ตามลำดับ โดยวยั เดก็ และวยั เยาวชนมอี ตั รา การอา่ นสงู ใกล้เคยี งกนั คือ รอ้ ยละ 90.7 และ 89.6 รองลงมาคอื กลุ่มวยั ทำงาน คือ ร้อยละ 79.1 และต่ำสุด คอื กลุ่มวยั สงู อายุ คือ รอ้ ยละ 52.8 ด้านประเภทของหนังสอื ท่อี า่ นหนงั สือพมิ พเ์ ปน็ ประเภทของหนังสือท่มี ผี ้อู ่านสูงสุด คอื รอ้ ยละ 67.3 รองลงมาคอื ข้อความในสื่อสังคมออนไลน/์ เอสเอม็ เอส/อเี มล คอื ร้อยละ 51.6 ซง่ึ เนอื้ หาสาระท่ีผอู้ ่าน ชอบอา่ นมากท่สี ุด คือ ข่าว สารคดี และความรู้ทั่วไป อยูท่ ีร่ ้อยละ 48.5 เท่ากัน โดยเวลาเฉลย่ี ทใ่ี ช้อ่านเฉลยี่ 1 ช่ัวโมง 6 นาท/ี วัน หรอื 66 นาที โดยกลมุ่ เยาวชนใช้เวลาอา่ นมากทส่ี ุด เฉล่ยี 1 ชว่ั โมง 34 นาที/วนั หรอื 94 นาที กลมุ่ วยั เดก็ และวัยทำงานใช้เวลาอ่านเฉลี่ยต่อวนั มากกวา่ 1 ชั่วโมงเลก็ นอ้ ย ส่วนวัยสูงอายใุ ชเ้ วลาอ่าน นอ้ ยที่สดุ เฉล่ีย 44 นาท/ี วัน เมื่อเปรยี บเทยี บกบั ปี 2556 พบวา่ ทกุ วยั ใช้เวลาอ่านเพมิ่ ข้นึ เนอื่ งจากปี 2558 ได้เพ่ิมการอา่ นข้อความในสอ่ื สงั คมออนไลน์/เอสเอม็ เอส/อเี มลดว้ ย โดยกลุม่ วยั เยาวชนใชเ้ วลาอา่ นเพม่ิ ขน้ึ มาก ทสี่ ุดถงึ 44 นาที/วัน และท้ายสุดขอ้ มลู สถิติยังกลา่ วถึงนโยบายการสนบั สนุนการอา่ นวา่ วิธกี ารรณรงคใ์ หค้ นรกั การอา่ นทีด่ ี ท่ีสดุ คือ ปลูกฝังใหร้ กั การอา่ นผ่านพอ่ แม่ และครอบครัว, ใหส้ ถานศกึ ษามีการรณรงคส์ ง่ เสริมการอา่ น, รปู เลม่ และเนอ้ื หาน่าสนใจ หรอื ใชภ้ าษาง่ายๆ ส่งเสรมิ ให้มีห้องสมดุ หอ้ งสมุดเคลือ่ นที่ มุมอา่ นหนงั สอื ใน ชุมชน หรือพนื้ ทสี่ าธารณะ และทำใหห้ นังสือสามารถหาซื้อหรือเขา้ ถึงได้งา่ ย โดยข้อมลู ดงั กลา่ วจากสำนกั งานสถติ ิแหง่ ชาติ สามารถใช้เปน็ เครอ่ื งบง่ ช้ีและเป็นเคร่อื งมอื หาแนวทาง เพือ่ ส่งเสริมการอ่าน ความร้แู ละความเข้าใจของประชากร เพือ่ สนบั สนนุ แนวทางการเรียนรูต้ ลอดชีวติ สร้าง ยุทธศาสตร์ เปา้ หมายการดำเนินงานใหส้ อดคล้องกบั การพฒั นาตามความเป็นจรงิ
32 ภาพที่ 11 หนงั สอื เด็กและเยาวชน เบอื้ งหลังจากสำนักงานสถิตแิ หง่ ชาติ มติคณะรฐั มนตรี (ครม.) เมื่อวนั ที่ 5 ส.ค. 2552 ใหม้ ีการสง่ เสรมิ การอ่านเปน็ วาระแหง่ ชาติ และ วันท่ี 2 เม.ย.ของทุกปี เป็นวันรกั การอา่ น ซงึ่ ตรงกบั วันพระราชสมภพของสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยาม บรมราชกมุ ารี และกำหนดใหต้ ง้ั แต่ปี 2552-2561 เปน็ ทศวรรษแหง่ การอา่ นของประเทศ อกี ทัง้ มกี ารตัง้ คณะกรรมการสง่ เสรมิ การอ่านเพ่ือสร้างสังคมการเรียนรู้ตลอดชวี ิต นอกจากนี้ ในช่วงปี 2556 กรุงเทพมหานคร ไดร้ บั การคดั เลอื กให้เปน็ เมืองหนงั สอื โลก โดยองค์การยเู นสโก ซึ่งในปนี ้นั เราจะสงั เกตไดว้ ่ากรุงเทพมหานครมี โครงการมากมายท่จี ะรณรงค์ส่งเสรมิ การอา่ น ปทั มา อมรสริ สิ มบรู ณ์ ผู้อำนวยการสำนกั สถิติสังคม สำนักงานสถติ ิ แหง่ ชาติ ชวี้ ่าทำให้การสำรวจการอา่ นของประชากรไทยครง้ั ทีแ่ ลว้ มตี วั เลขสูง “เวลาที่จะมาเปรยี บเทียบกับปี 2558 ทไ่ี มม่ ีการรณรงคก์ ารอา่ นมากเหมือนครงั้ นนั้ ผลอาจจะตกลงมา แต่ความเป็นจรงิ กส็ ะท้อนให้เหน็ วา่ การ ทีค่ นรณรงค์แล้วทำให้คนมีจิตสำนึกในเรือ่ งของการรักการอ่านแต่ไม่ไดย้ ง่ั ยนื เพราะการรณรงค์น้นั ไมไ่ ด้ ตอ่ เนอ่ื งจนสร้างนสิ ัยรกั การอ่าน ซง่ึ หน่วยงานต่างๆ ทีเ่ ก่ยี วข้องต้องตระหนกั ถึงผลของการสำรวจท่ีสะทอ้ น ภาพอยา่ งนอ้ี อกมา ปัทมา ขยายความวา่ สำนักงานสถิติแห่งชาตไิ ดส้ ำรวจการอา่ นของประชากรเพอื่ ตอ้ งการให้ประเทศ มีข้อมูลพน้ื ฐานเร่อื งของการอ่าน รวมทัง้ หน่วยงานทีเ่ กย่ี วข้องสามารถนำขอ้ มูลไปใช้ในการวางแผนรณรงค์ สง่ เสรมิ ให้ประชาชนรักการอ่านเพิม่ มากข้ึน สำนกั งานสิถิตแิ หง่ ชาติได้สำรวจการอ่านมาแล้วถงึ 6 ครงั้ “ล่าสดุ ใน ปี 2558 โดยสำรวจทกุ 2 หรอื 3 ปี ครงั้ แรกในปี 2546 มคี วามเขม้ งวดของระเบยี บวิธที างด้านสถิติ นิยามของ การอา่ นคอื การอ่านหนงั สือทุกประเภทท่อี ย่ใู นรปู เลม่ เอกสาร รวมท้ังสื่อที่ผ่านอเิ ลก็ ทรอนิกส์ทง้ั ทผ่ี ่านการ เช่อื มตอ่ และไม่เช่อื มต่ออินเทอร์เนต็ ซงึ่ ปีหลังๆ การอ่านตรงนเ้ี รามองแค่การอา่ นนอกเวลาเรยี นของเดก็ นอก เวลาทำงานของพอ่ แม่ หรือการอ่านที่นอกเวลาการทำภารกิจปกติ ในปี 2558 เราเพิม่ ในส่วนของการอา่ นส่อื สังคมออนไลน์ เฟซบ๊กุ ทวติ เตอร์ อินสตาแกรม เอสเอ็มเอส หรอื อเี มล แตถ่ ้าเปน็ การอ่านโต้ตอบสนทนาหรอื ติดตอ่ ส่อื สารในหน้าท่ีการอา่ นก็ไมน่ ับเปน็ การอา่ นเพราะถือวา่ เปน็ ภารกจิ ท่เี ขาต้องทำเป็นประจำ” ปัทมา บอก ว่า ถ้ามกี ารรณรงค์ให้ประชาชนในประเทศรกั การอ่าน สง่ เสรมิ และปลกู ฝงั คา่ นิยมในการอ่านกจ็ ะมีผลดี โดยเฉพาะเด็กกลุม่ ปฐมวยั จะมีหนว่ ยงานที่ดูแลเร่ืองยทุ ธศาสตร์เดก็ ปฐมวัย “เดก็ ท่ีถูกปลกู ฝงั รกั การอา่ นจะรกั
33 การอา่ นตลอดไปจนเตบิ โตเป็นผ้ใู หญ่ เยาวชนของชาตกิ จ็ ะมีความรู้ มีทกั ษะการดำเนนิ ชีวิตที่ดี เพราะฉะน้นั หนว่ ยงานทง้ั ภาครัฐและเอกชนควรรณรงค์ส่งเสริมใหป้ ระชาชนในประเทศ โดยเฉพาะเด็กปฐมวยั รักการอ่าน” อนาคตของการสง่ เสรมิ การอา่ น สำหรับการสำรวจการอา่ นของประชากรไทยครัง้ นี้ จุดสำคัญทตี่ อ้ งให้ความใส่ใจมากที่สุด คือการ อ่านของเด็กชว่ งวยั ปฐมวัย ซงึ่ ถอื เปน็ อนาคตของชาติ สดุ ใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสรา้ งเสริมวัฒนธรรมการ อ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) บอกวา่ ไปเจรจากับสำนกั งานสถิติแห่งชาติ โดย การนำงานวจิ ยั และเอาข้อมูลทางการแพทย์ไปให้ ทำให้เขายอมที่จะสำรวจและแยกการอา่ นของเดก็ เล็กออกมา “มีเหตผุ ล 2-3 ข้อท่อี ยากให้สำรวจการอา่ นของเดก็ เลก็ ชว่ งเด็กเล็ก 0-6 ปี เป็นชว่ งที่สมองมนษุ ยเ์ จริญเติบโต สงู สุดถงึ 80% ถา้ สมมตวิ า่ เราเอาเรอ่ื งของการอา่ นท่มี ีความละเมยี ดละไมโดยไม่บงั คบั มคี วามรน่ื รมย์นำหนา้ จะ ชว่ ยส่งเสรมิ พฤตกิ รรมในเรอื่ งของการสรา้ งกระบวนการเรยี นรู้ใหก้ ับเดก็ เล็ก ส่งิ ท่ีสำคญั มากท่ีสดุ ในการนำเรื่อง หนังสือและการอ่านใสล่ งไปในเร่ืองของเดก็ เลก็ เพราะจะมพี ัฒนาการในด้านทักษะทางภาษา ทั้งงานวจิ ัยใน ต่างประเทศหรอื แมก้ ระท่งั ในโครงการบ๊กุ สตาร์ท ประเทศไทย ท่เี ก็บขอ้ มลู สำรวจก็พบวา่ ชว่ งวัยนี้เป็นชว่ งท่ี สำคญั มากที่สดุ รวมถงึ เรอื่ งพฒั นาทักษะทางดา้ นสมองหรอื ซง่ึ ตรงน้จี ะสามารถปลกู ฝังไดง้ ่ายท่สี ุด แล้วก็รวดเร็ว มากท่สี ุดก็คือชว่ ง 3-5 ปี สำรวจการอา่ น คนไทยยุคดิจทิ ัล thaihealthถือว่าเป็นช่วงเวลาทองแท้ๆ ของการ พฒั นาศกั ยภาพของมนุษย”์ สุดใจมีความปรารถนาท่ีอยากใหข้ ้อมูลเร่อื งประโยชน์การสง่ เสริมการอ่านใหเ้ ดก็ ปฐมวยั กระจายไป ท่ัวประเทศ ถ้าจะพัฒนาศักยภาพมนษุ ย์ตอ้ งเร่ิมกนั ต้ังแตป่ ฐมวยั เครื่องมือทเ่ี ข้าถงึ ง่ายท่ีสุดและราคาถูกท่สี ุด และ คนื ตน้ ทนุ ให้กับประเทศเรา 7-12 เท่า น่นั คือการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย“มลี กู มหี ลานอายุ 6-7 เดือน กอ็ า่ นหนังสอื ให้ ลกู ฟังได้แล้ว ซึ่งจริงๆ แลว้ อา่ นลึกลงไปต้งั แต่แมต่ ง้ั ครรภ์ดว้ ยซ้ำ ถ้าหนังสอื เล่มน้ันเป็นจงั หวะดนตรหี รอื เปน็ จงั หวะคลอ้ งจอง จรงิ ๆ เป็นบันทกึ ขอ้ ตกลงท่ีประเทศไทยทำกับยูนเิ ซฟ เพราะวา่ เดก็ ปฐมวยั หรอื เดก็ เล็ก ครอบครัวหน่ึงตอ้ งมหี นงั สือเด็กในครอบครวั อยา่ งนอ้ ย 3 เล่ม มีความสำคญั อย่างน้ีคือหนังสือมีปจั จยั ของ สิ่งแวดลอ้ ม การท่ีในบา้ นเด็กมหี นังสอื มกี ารเกบ็ ข้อมูล พบวา่ 80% เดก็ จะมคี วามใฝร่ ูใ้ ฝ่เรยี น รกั การอ่าน แลว้ ก็ ไดร้ บั การพัฒนาอย่างครบถ้วน พอมีหนงั สือก็จะมีกระบวนการของกิจกรรมส่งเสริมการอา่ นในบ้านตามมา” ทฤษฎีหนา้ ต่างแหง่ โอกาส ก็คอื จงั หวะอนั เหมาะสมในการพฒั นาสมองของมนษุ ย์ ซ่ึงสดุ ใจชี้วา่ เป็นสิ่งท่ีจำเปน็ มากๆ โดยเฉพาะการสรา้ งความรักความผูกพัน“แลว้ ตวั หนังสือก็เปน็ ท้งั กลไก เคร่อื งมือ กระบวนการที่สามารถทำ ให้เกิดความรกั ความผกู พนั ในเด็ก เพราะพอ่ แม่ตอ้ งอ่านให้ฟัง การอ่านและสมั ผสั เด็กสามารถสรา้ งกลไกเร่อื ง ความรกั ความผูกพันขนึ้ มา แลว้ จะตดิ ตรึงเป็นหมดุ ตอกความรกั ในเดก็ เด็กท่เี ตบิ โตขึน้ ท่ามกลางบรรยากาศความ รักความอบอุ่นเทา่ น้ันถงึ จะรักในมนษุ ยเ์ ป็น 0-2 ปี หนงั สอื เดก็ ต้องเปน็ ลักษณะของหนังสอื ภาพ พอ 3 ขวบขนึ้ ไป กเ็ รมิ่ มนี ิทาน เลยขน้ึ ไปนดิ กเ็ ปน็ นิทานท่ีเตม็ ไปด้วยจินตนาการ การทเ่ี ด็กได้รู้จกั ถอดรหัสท้งั รหสั ภาพและรหสั คำ” สุดใจ ยำ้ ว่า ถา้ พ่อแม่หรอื ผู้ปกครองสามารถบม่ เพาะปลูกฝังการอ่านไปได้เร่ือยๆ ก่อน 6 ขวบ เด็กจะถอดรหสั และอ่านหนังสอื ออกไดอ้ ย่างอตั โนมตั ิ ไม่ต้องบังคับ ซง่ึ จะทำใหเ้ ด็กแนบเนยี นไปกบั คำสอน หนังสือเด็กเหมือน วรรณกรรมชั้นดที อ่ี ย่ใู กลต้ ัว เดก็ จะเสพหนงั สือดว้ ยความอม่ิ เอมอย่างรื่นรมย์ และมีความลกึ ซึ้งในเร่ืองของ
34 สนุ ทรยี ะ “การอา่ นหนังสือใหเ้ ด็กฟัง พอ 6-7 เดอื น ก็เรม่ิ ไดแ้ ล้ว แตบ่ างทพี ่อแม่หลายคนพอลกู เข้าอนุบาลกห็ ยุด อา่ นให้ลกู ฟัง ซึ่งจะเสียดายมากเลย ต้องอา่ นไปถึงประถมเลยดว้ ยซ้ำ เพ่อื ให้เด็กมรี ากฐานที่แข็งแรง เด็กจะรักการ อา่ นโดยอัตโนมตั ิ กจ็ ะมีการอา่ นเป็นงานอดิเรกหรอื ไม่ก็เขา้ สู่นสิ ยั และพฤตกิ รรมการอา่ น เพราะฉะนน้ั อย่าหยดุ การอ่านหนังสอื ใหล้ กู ฟงั ”
35 ส่วนที่ 3 วิธีการดำเนนิ งาน บทที่ 3 วิธีการดำเนนิ งาน ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอเมอื งชลบุรี ไดเ้ ลง็ เหน็ ความสำคญั ของ งานวันเดก็ แห่งชาติ เพือ่ สง่ เสริมใหเ้ ดก็ เยาวชน ไดแ้ สดงออก กล้าคิด กลา้ ทำ ในทางสรา้ งสรรค์และเปน็ ประโยชนแ์ ละมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมตามความสามารถและความสนใจ จึงไดจ้ ดั โครงการวนั เดก็ แหง่ ชาติปี 2563 โดยมขี น้ั ตอนดังนี้ 1.ประชุมผู้ท่เี กีย่ วขอ้ ง 2.จดั ตัง้ คณะทำงานเพอื่ ดำเนินการจดั โครงการ 3.ประสานงาน/ประชาสมั พนั ธ์ 4.ดำเนินงานตามแผน 5.วดั ผล/ประเมินผล/สรุปผลและรายงาน 1.ประชมุ ผทู้ ่เี กี่ยวขอ้ ง หอ้ งสมุดประชาชนจงั หวัดชลบุรี ไดว้ างแผนประชมุ ผทู้ ่เี กี่ยวข้องเพอื่ หาแนวทางในการดำเนินงาน และกำหนดวัตถปุ ระสงค์ร่วมกัน 2. จัดต้งั คณะทำงานเพอื่ ดำเนินการจดั โครงการ จดั ทำคำสง่ั แต่งตงั้ คณะทำงานโครงการฯ เพ่ือมอบหมายหน้าทใี่ นการทำงานใหช้ ัดเจน อาทิเช่น 2.1 คณะกรรมการทป่ี รกึ ษา/อำนวยการ มหี น้าท่อี ำนวยความสะดวก และให้คำปรกึ ษาแก้ไข ปญั หา ท่ีเกดิ ขึน้ 2.2 คณะกรรมการฝ่ายจดั สถานท่ี มหี นา้ ที่ จัดโต๊ะ เก้าอ้ี ให้เรยี บรอ้ ย รวมทง้ั จัดหาเคร่ืองเสียง อำนวยความสะดวก ตลอดการจัดกิจกรรม 2.3 คณะกรรมการฝ่ายบนั ทกึ ภาพและประชาสัมพนั ธ์ มหี น้าท่ีบันทึกภาพกจิ กรรมตลอด โครงการฯ และประชาสมั พนั ธ์กจิ กรรมให้สาธารณชนได้ทราบ 2.4 คณะกรรมการฝ่ายรับลงทะเบยี นและประเมินผลหนา้ ทจ่ี ัดทำหลกั ฐานการลงทะเบยี น ผูเ้ ขา้ รว่ ม โครงการและรวบรวมการประเมนิ ผล และรายงานผลการดำเนนิ การ 3.ประสานงาน/ประชาสัมพนั ธ์ ประสานงานกับผเู้ รยี น วิทยากร และคณะครู เช่น ประสานเรื่องสถานทใ่ี ชท้ ำกจิ กรรม รูปแบบการ จัดกจิ กรรมโครงการ วัน เวลา สถานที่ รายละเอยี ดการเขา้ ร่วมกิจกรรม พร้อมทัง้ ประชาสัมพันธก์ ารจดั กิจกรรม
36 4.ดำเนินงานตามแผน โครงการวนั เด็กแห่งชาตปิ ี 2563 วันท่ี 11 มกราคม 2563 เวลา 08:00 น.– 16:00 น. ณ สนามหนา้ ศาลากลางจังหวดั ชลบุรี อำเภอเมืองชลบรุ ี จงั หวดั ชลบรุ ี จำนวนผเู้ ขา้ รว่ ม 823 คน 5.วดั ผล/ประเมนิ ผล/สรปุ ผลและรายงาน โครงการวนั เด็กแหง่ ชาตปิ ี 2563 วนั ที่ 11 มกราคม 2563 เวลา 08:00 น. – 16:00 น. ณ สนามหนา้ ศาลากลางจงั หวดั ชลบรุ ี อำเภอเมืองชลบุรี จงั หวัดชลบรุ ี จำนวน 823 คนโดยจดั กิจกรรม โดยใชก้ ารเลน่ เกมนันทนาการ และกจิ กรรมสง่ เสริมการอ่านในรปู แบบต่างๆ จะนำแนวทางไปใชข้ อ้ มลู พิจารณารปู แบบการจัดกจิ กรรมตา่ งๆ เพ่อื ให้ตอบสนองความต้องการของผู้เขา้ รว่ มกิจกรรมความร้คู วามเข้าใจ ในเรอ่ื งวนั เดก็ แห่งชาติ ห้องสมดุ ประชาชนจังหวัดชลบุรี ไดด้ ำเนินการตามขัน้ ตอนและไดร้ วบรวมข้อมลู จากแบบสำรวจ สถติ ทิ ี่ใช้ในการวเิ คราะห์ คือโดยกำหนดค่าลำดับความสำคญั ของการประเมนิ ผลออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้ มากท่สี ดุ ใหค้ ะแนน 5 มาก ให้คะแนน 4 ปานกลาง ใหค้ ะแนน 3 น้อย ให้คะแนน 2 นอ้ ยทีส่ ุด ใหค้ ะแนน 1 ในการแปลผล ผู้จดั ทำได้ใช้เกณฑก์ ารพิจารณาจากคะแนนเฉลีย่ ตามแนวคิดของบญุ ชม ศรี สะอาด และบุญส่ง นวิ แกว้ (2535,หน้า 22-25) 4.51-5.00 หมายความว่า ดมี าก 3.51-4.50 หมายความวา่ ดี 2.51-3.50 หมายความวา่ ปานกลาง 1.51-2.50 หมายความวา่ น้อย 1.00-1.50 หมายความว่า ต้องปรับปรงุ ผ้เู ข้ารว่ มโครงการ จะต้องกรอกขอ้ มลู ตามแบบสอบถาม เพื่อนำไปใช้ในการประเมินผลของการจดั กิจกรรมดังกล่าว และจะได้นำไปเป็นขอ้ มูล ปรบั ปรุง และพัฒนา ตลอดจนใช้ในการจดั ทำแผนการดำเนนิ การ ในปีต่อไป
37 สว่ นที่ 4 การวิเคราะหข์ ้อมูล บทที่ 4 ผลการดำเนินงานและการวเิ คราะห์ข้อมูล ในการจัดโครงการวนั เด็กแหง่ ชาตปิ ี 2563 วนั ที่ 11 มกราคม 2563 เวลา 08:00 น.– 16:00 น. ณ สนามหนา้ ศาลากลางจงั หวดั ชลบรี อำเภอเมอื งชลบุรี จงั หวัดชลบุรี ผเู้ ข้าร่วมโครงการ จำนวน ...823... คน ซึ่งไดส้ รปุ ผลจากแบบสอบถามและนำเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ซ่ึงได้สรุปผลจากแบบสอบถามและนำเสนอ ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล จากผู้เขา้ ร่วมโครงการฯ จำนวน....260...ชดุ (ขนาดของกลุม่ ตวั อย่างท่เี หมาะสม จาก ตารางสำเร็จรูปของเครจซี่และมอรแ์ กน ) ตอนท่ี 1ขอ้ มูลส่วนตวั ผตู้ อบแบบถามของผู้เข้าร่วมโครงการวันเดก็ แหง่ ชาติปี 2563 ได้นำมาจำแนกตามเพศ อายุ และอาชีพ ผู้จัดทำได้นำเสนอจำแนกตามข้อมลู ดังปรากฏตามตารางท่ี 1 ดงั นี้ ตารางที่ 1 แสดงคา่ รอ้ ยละของผูต้ อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามเพศ เพศ ชาย หญงิ ความคิดเห็น จำนวน รอ้ ยละ จำนวน ร้อยละ ผ้เู ขา้ ร่วมกิจกรรมโครงการวันเดก็ แห่งชาติปี ...124...... ....47.69..... ......136....... ....52.30... 2563 จากตารางท่ี 1 แสดงว่า ผตู้ อบแบบสอบถามของผู้เขา้ ร่วมโครงการวนั เด็กแหง่ ชาติปี 2563 เปน็ ชาย...124..... คน คิดเป็นรอ้ ยละ ....47.69...... เปน็ หญิง ........136.....คน...คดิ เปน็ รอ้ ยละ ....52.30...... ตารางท่ี 2 แสดงค่าร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอายุ ตำ่ กว่า 15 ปี 15-29 ปี 30-39 ปี 40-49ปี 50-59ปี 60 ปีข้ึนไป จำ รอ้ ย จำ ร้อย จำ ร้อย จำ รอ้ ย จำ ร้อย จำ ร้อย
38 นวน ละ นวน ละ นวน ละ นวน ละ นวน ละ นวน ละ ผเู้ ข้าร่วมกจิ กรรม 127 48.84 62 23.84 41 15.76 30 11.53 - - - - โครงการวันเดก็ แห่งชาตปิ ี 2563 จากตารางท่ี 2 แสดงวา่ ผ้ตู อบแบบสอบถามของผู้เขา้ รว่ มผเู้ ข้ารว่ มกิจกรรมโครงการวนั เด็ก แห่งชาติปี 2563 ในช่วงอาย.ุ ..ตำ่ กว่า 15 ปี...ปี มีจำนวนสงู สดุ ....127.....คน คิดเป็นร้อยละ ....48.84....... ในชว่ งอายุ......15-29......ปมี จี ำนวน .....62.......คน คิดเป็นร้อยละ ...23.84......ในชว่ งอายุ....30-39....ปี มี จำนวน..41..คน คิดเป็นรอ้ ยละ.....15.76.....ในช่วงอาย.ุ ....40-49.......ปีมีจำนวน ..30..คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.... 11.53..ตามลำดับ ตารางท่ี 3 แสดงค่าร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอาชีพ อาชพี นกั เรยี น/ คา้ ขาย รบั ราชการ เกษตรกรรม อน่ื ๆ นกั ศึกษา ความคิดเห็น จำ รอ้ ย จำ ร้อย จำ รอ้ ย จำ ร้อย จำ ร้อย นวน ละ นวน ละ นวน ละ นวน ละ นวน ละ ผเู้ ข้าร่วมกิจกรรม 162 63.30 24 9.23 38 14.61 6 2.30 30 11.53 โครงการวันเดก็ แห่งชาติ 2563 จากตารางท่ี 3 แสดงวา่ ผูต้ อบแบบสอบถามของผเู้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมโครงการวันเด็กแหง่ ชาติ ปี2563 มอี าชีพ..นกั เรียน/นกั ศึกษา.... จำนวน.....162........คน คิดเป็นรอ้ ยละ ......63.30............อาชีพคา้ ขาย. จำนวน ......24.....คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ...9.23.....อาชีพ...รับราชการ..... จำนวน...38...คน คดิ เป็นร้อยละ ...14.61..... อาชีพ.....เกษตรกรรม..... จำนวน..... 6........คน คดิ เป็นรอ้ ยละ .... 2.30......และอาชีพ......อ่นื ๆ.......... จำนวน ....30......คน คดิ เปน็ ร้อยละ .......11.53.......ตามลำดบั
39 ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามระดบั การศึกษา การศึกษา ประถมฯ ม.ตน้ ม.ปลาย สงู กวา่ ม.ปลาย ความคิดเหน็ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน รอ้ ยละ จำนวน รอ้ ยละ 132 50.76 41 15.76 19 7.30 68 26.15 ผูเ้ ข้าร่วมกิจกรรม โครงการวันเด็ก แหง่ ชาติ ป2ี 563 จากตารางที่ 4 แสดงวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามของผ้เู ขา้ ร่วมกิจกรรมโครงการวนั เด็กแหง่ ชาติ ป2ี 563 มกี ารศกึ ษาระดบั ประถมศึกษา จำนวน.....132........ คน คิดเป็นร้อยละ......50.76..........ระดับม.ต้น จำนวน ......41..... คน คิดเป็นร้อยละ...15.76........ระดบั ม.ปลายจำนวน....19........ คน คิดเปน็ ร้อยละ..7.30........และ ระดับสูงกว่าม.ปลาย จำนวน......68......... คน คิดเปน็ ร้อยละ....26.15..... ตอนที่ 2 ขอ้ มูลเกี่ยวกับความคิดเห็นของผูเ้ ข้าร่วมโครงการวันเดก็ แหง่ ชาติ 2563 ดังปรากฏในตารางที่ 5 ตารางท่ี 5 ผลการประเมนิ ความพึงพอใจในโครงการวนั เด็กแห่งชาติ วนั ท่ี 11 มกราคม 2563 เวลา 08:00 น.– 16:00 น. ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวดั ชลบรี อำเภอเมอื งชลบุรี จังหวัดชลบรุ ี N = ......260........ รายการประเมนิ ความพงึ พอใจ x̄ S.D. อนั ดบั ระดับ ท่ี ผลการ ประเมนิ 1. เน้ือหาตรงตามความตอ้ งการ 4.27 0.77 9 ดี 2.เน้ือหาเพียงพอต่อความตอ้ งการ 4.41 0.53 4 ดี 3. เนอื้ หาปัจจุบนั ทันสมยั 4.36 0.57 6 ดี 4.เนอื้ หามีประโยชนต์ ่อการนำไปใชใ้ นการพฒั นาคุณภาพชีวติ 4.34 0.70 7 ดี 5. การเตรียมความพร้อมก่อนจัดกจิ กรรม 3.52 0.55 16 ดี
40 4.33 0.74 8 ดี 4.19 0.61 12 ดี 6. การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ 4.52 0.61 3 ดมี าก 7. การจัดกิจกรรมเหมาะสมกบั เวลา 4.58 0.52 1 ดมี าก 8. การจดั กจิ กรรมเหมาะสมกับกลุ่มเปา้ หมาย 4.07 0.70 15 ดี 9. วธิ ีการวดั ผล/ประเมนิ ผลเหมาะสมกับวตั ถปุ ระสงค์ 4.12 0.76 14 ดี 10.วิทยากรมคี วามรู้ความสามารถในเรื่องท่ถี ่ายทอด 4.36 0.52 5 ดี 11. วทิ ยากรมีเทคนคิ การถา่ ยทอดใช้สอ่ื เหมาะสม 4.23 0.44 11 ดี 12.วทิ ยากรเปดิ โอกาสให้มสี ่วนรว่ มและซักถาม 4.17 0.73 13 13.สถานท่ี วสั ดุ อุปกรณ์และส่ิงอำนวยความสะดวก 4.26 0.46 10 ดี 14. การส่อื สาร การสร้างบรรยากาศเพ่อื ให้เกิดการเรยี นรู้ 4.55 0.51 2 ดี 15. การบรกิ าร การช่วยเหลือและการแก้ปญั หา 4.27 0.59 ดมี าก 16. ความพงึ พอใจในภาพรวมของผูร้ ับการอบรม ดี คา่ เฉล่ยี จากตาราง 5 พบว่า โดยเฉลี่ยแลว้ ผูเ้ ข้ารับการอบรมในโครงการวันเด็กแห่งชาติ ปี 2563 มคี วาม พึงพอใจในภาพรวมอยใู่ นระดับ.....ด.ี ........(x=̄ ....4.27.......) เมอ่ื วิเคราะห์เป็นรายขอ้ พบว่า ลำดับท่ี 1 ...วธิ ีการ วดั ผล/ประเมินผลเหมาะสมกับวัตถปุ ระสงค์ (x̄ =...4.58....) ลำดบั ท่ี 2...ความพึงพอใจในภาพรวมของผูร้ บั การ อบรม..... (x̄ =...4.55......) ลำดบั ที่ 3....การจดั กิจกรรมเหมาะสมกับกลุม่ เป้าหมาย... (x̄ =...4.52....) ลำดับท่ี 4....เนอื้ หาเพียงพอต่อความต้องการ..... (x̄ =....0.53.....) ลำดับที่ 5..วทิ ยากรเปดิ โอกาสใหม้ ีส่วนร่วม และซกั ถาม..... (x̄ =....0.52.....) ลำดบั ที่ 6...เนื้อหาปจั จบุ ันทนั สมัย.. (x̄ =....4.36....) ลำดับที่ 7...เนื้อหามี ประโยชนต์ อ่ การนำไปใช้ในการพฒั นาคุณภาพชีวติ .. (x̄ =....4.34..... ) ลำดับท่ี 8...การออกแบบกิจกรรม เหมาะสมกับวัตถปุ ระสงค์....(x̄ =....4.33...) ลำดับที่ 9.....เนื้อหาตรงตามความต้องการ.... (x̄ =...4.27......) ลำดบั ท่ี 10 ... การบริการ การช่วยเหลอื และการแกป้ ัญหา........ (x̄ =...4.26...) ลำดบั ท่ี 11.....สถานที่ วัสดุ อปุ กรณ์และสงิ่ อำนวยความสะดวก..... (x̄ =....4.23.....) ลำดับท่ี12 ......การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับเวลา........ (x̄ =....4.19.....) ลำดับท่ี 13........การสือ่ สาร การสร้างบรรยากาศเพือ่ ใหเ้ กิดการเรียนรู้...... (x̄ =...4.17......) ลำดบั ท่ี 14...วทิ ยากรมีเทคนิคการถา่ ยทอดใชส้ ่อื เหมาะสม... (x̄ =....4.12.....) ลำดับท่ี 15....วิทยากรมคี วามรู้ ความสามารถในเรือ่ งทีถ่ า่ ยทอด...... (x̄ =..4.07.......) ลำดับท่ี 16...การเตรยี มความพร้อมก่อนจัดกจิ กรรม.... (x̄ =...3.52....) ตามลำดับ
41 ส่วนที่ 5 สรุป อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ บทท่ี 5 สรปุ อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ โครงการวันเด็กแหง่ ชาติ ป2ี 563 ซ่ึงมวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือสง่ เสริมให้เดก็ เยาวชน ไดแ้ สดงออก กลา้ คิด กล้าทำ ในทางสรา้ งสรรค์และเป็นประโยชน์และมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมตามความสามารถและความ สนใจ สง่ เสริมและสนับสนนุ ใหเ้ ดก็ เยาวชน ได้ยึดมนั่ ในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริย์ และการ ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และเพอ่ื ส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน มสี ขุ ภาพทัง้ ร่างกาย จิตใจ สตปิ ัญญา อารมณ์ มจี ติ สำนึกทด่ี ีต่อสงั คมและ ประเทศชาติ จัดเม่ือวนั ที่ 11 มกราคม 2563 เวลา น.ณ สนามหนา้ ศาลากลางจังหวดั ชลบุรี อำเภอเมอื งชลบุรี จังหวัดชลบรุ ีผู้เข้ารว่ มโครงการ จำนวน ...823.. คน จำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม...260... คน (ขนาดของกลุ่ม ตวั อยา่ งที่เหมาะสม จากตารางสำเร็จรูปของเครจซี่และมอร์แกน ) ทงั้ นีข้ อสรปุ และอภปิ รายผลและ ขอ้ เสนอแนะดังน้ี 1. สรปุ ผล 1.1 ผู้ตอบแบบสอบถามของโครงการ..วันเด็กแห่งชาติ.ป.ี .....2563จำนวนทั้งหมด...260...คน เป็นชาย...124..... คน คิดเป็นร้อยละ ....47.69...เป็นหญิง .....136...คน..คดิ เปน็ รอ้ ยละ ....52.30... ในชว่ งอาย-ุ 15......ในชว่ งอายุ.......48.84.... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ...127....ปี มีจำนวนสูงสดุ ...ปี 15 ตำ่ กวา่ ... ......29ปมี จี ำนวน ...62.....คน คดิ เป็นรอ้ ยละ คน คดิ เปน็ ..41..ปี มีจำนวน....39-30....ในช่วงอายุ......23.84... ตามลำดับ..11.53....คน คิดเปน็ รอ้ ยละ..30.. ปีมีจำนวน.......49-40.....ในช่วงอายุ.....15.76.....รอ้ ยละ และมอี าชพี ..นักเรียน/นักศึกษา.... จำนวน.....162...คน คิดเป็นร้อยละ ......63.30...อาชีพคา้ ขาย..จำนวน... 24...คน คิดเป็นร้อยละ ...9.23.....อาชพี ...รับราชการ... จำนวน...38...คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ...14.61.....อาชพี ..... เกษตรกรรม..จำนวน.. 6...คน คดิ เปน็ ร้อยละ .... 2.30...และอาชีพ..อ่ืนๆ...จำนวน..30...คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ..11.53..ตามลำดับ 1.2 ข้อมลู เกย่ี วกับความคดิ เห็นของผู้เข้ารับการอบรมในโครงการวันเดก็ แหง่ ปี 2563 โดยเฉลี่ยแล้ว ผูเ้ ขา้ รับการอบรมในโครงการวันเดก็ แหง่ ชาติ ปี 2563 มีความพึงพอใจในภาพรวมอยูใ่ นระดับ....ดี.. .(x̄=....4.27...) เมอ่ื วิเคราะหเ์ ป็นรายข้อพบว่า ลำดับที่ 1 ...วธิ กี ารวดั ผล/ประเมนิ ผลเหมาะสมกับวัตถุประสงค์
42 (x̄=...4.58....) ลำดับที่ 2...ความพงึ พอใจในภาพรวมของผู้รับการอบรม..... (x=̄ ...4.55......) ลำดับที่ 3....การจดั กจิ กรรมเหมาะสมกับกล่มุ เป้าหมาย... (x̄=...4.52....) ลำดับที่ 4....เน้ือหาเพยี งพอตอ่ ความต้องการ... (x̄=....0.53.....) ลำดับที่ 5..วิทยากรเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมและซักถาม..... (x̄=....0.52...) ลำดับที่ 6...เน้อื หา ปัจจุบนั ทนั สมัย.. (x=̄ ....4.36....) ลำดับที่ 7...เนื้อหามีประโยชน์ต่อการนำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวติ .. (x=̄ ....4.34..... ) ลำดับที่ 8...การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกับวัตถุประสงค์....(x̄=....4.33...) ลำดับที่ 9..... เน้อื หาตรงตามความต้องการ.... (x̄=...4.27...)ลำดับท่ี 10 ... การบริการ การช่วยเหลือและการแก้ปัญหา..... (x̄=...4.26...) ลำดับที่ 11.....สถานที่ วัสดุ อุปกรณแ์ ละสิง่ อำนวยความสะดวก..... (x=̄ ....4.23.....) ลำดับท1่ี 2 ....การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับเวลา... (x=̄ ....4.19.....) ลำดับที่ 13...การสอ่ื สาร การสร้าง บรรยากาศเพื่อให้เกิดการเรียนร.ู้ ... (x=̄ ...4.17...)ลำดับท่ี 14...วิทยากรมเี ทคนิคการถา่ ยทอดใช้สือ่ เหมาะสม... (x̄=....4.12.....) ลำดับที่ 15....วิทยากรมีความรู้ความสามารถในเรอ่ื งที่ถ่ายทอด... (x=̄ ..4.07....) ลำดบั ที่ 16...การเตรียมความพร้อมกอ่ นจดั กจิ กรรม....(x̄=...3.52....) ตามลำดับ 2. อภิปรายผล จากโครงการวนั เด็กแหง่ ชาติ ปี 2563 ไดด้ ำเนินการเสร็จสิ้นแลว้ ขออภิปลายผลเป็นหวั ขอ้ ดงั น.้ี - 1. ประชุมผูท้ ่ีเกย่ี วข้อง พบวา่ (สภาพปัญหาท่ีพบ) การประชุมผเู้ กยี่ วขอ้ งกบั การเตรยี มงาน.พบวา่ คณะทำงานบางทา่ นไม่ สามารถมาประชุมได้ ซ่ึงหากมีการจดั โครงการฯในลักษณะน้ี ควรดำเนินการ การแจ้งเวลาให้ผูป้ ระชมุ ทราบล่วงหน้า อย่างนอ้ ย 1 สัปดาห์ 2. จดั ตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนนิ การจดั โครงการฯ พบว่า (สภาพปญั หาที่พบ) การจัดตงั้ คณะทำงานเพ่ือดำเนินโครงการเปน็ ไปด้วยความเรียบรอ้ ยพบ ปัญหาเลก็ นอ้ ยดา้ นการติดภาระงานซำ้ ซ้อน ซึง่ หากมีการจดั โครงการฯในลกั ษณะนี้ ควรดำเนินการ เปลีย่ นผู้มีหน้าท่รี บั ผิดชอบ 3.ประสานงาน/ประชาสมั พันธ์ พบวา่ (สภาพปัญหาทีพ่ บ) การประชาสมั พันธง์ านวันเด็กเป็นงานหลกั หน่วยงานส่วนกลางของ จังหวดั ชลบุรี เป็นการประชาสมั พันธ์ภาพรวมของงาน ซึ่งหากมีการจัดโครงการฯในลักษณะน้ี ควรดำเนินการ การใชส้ ่อื ประชาสัมพนั ์ของห้องสมดุ ประชาชนจังหวัด ) ในการประชาสมั พันธง์ านวนั เดก็ ผา่ นสอ่ื ออนไลนต์ ่างๆเช่น Facebook, Line ของ ห้องสมุดประชาชนจงั หวัดชลบรุ ี 4.ดำเนนิ งานตามแผน พบวา่ (สภาพปญั หาทพ่ี บ) ของรางวัลสำหรับงานเด็ก มีจำนวนไม่มากพอกับผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรม ซ่ึงหากมกี ารจดั โครงการฯในลกั ษณะน้ี ควรดำเนินการ การเปดิ รบั บริจาคของขวญั เพม่ิ เติมจากส่วน ต่างๆในหนว่ ยงาน 5. วัดผล/ประเมนิ ผล/สรปุ ผลและรายงาน พบวา่ (สภาพปัญหาทพี่ บ) จากการวัดผล ประเมินผลและสรุปการดำเนนิ งาน พบวา่ ปญั หาในการ เตรียมงานบางอย่างมคี วามบกพรอ่ งเล็กนอ้ ย
43 ซงึ่ หากมกี ารจดั โครงการฯในลกั ษณะน้ี ควรดำเนินการ การเพม่ิ ระยะการเตรียมงาน นำ ข้อบกพรอ่ งที่พบมาดำเนินการป้องกนั และแก้ไขปญั หา 3. ข้อเสนอแนะ (ในภาพรวม) การจัดโครงการวันเดก็ จำเปน็ อยา่ งย่งิ ท่ีต้องอาศัยความรว่ มมือจากทุกๆฝ่าย เพื่อให้ประสบ ผลสำเรจ็ สงู สุดในการดำเนินงาน ไม่วา่ จะเปน็ ด้านกำลงั คน ทรพั ยากร ตลอดปัจจัยต่างๆที่เอือ้ ในการจดั โครงการดงั กลา่ ว .
44 บรรณานุกรม ที เค ปารค์ . (2559) .ผลสำรวจการอา่ นกบั บางขอ้ เทจ็ จริงทีค่ น้ พบและน่าตกใจ. [ออนไลน]์ .เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/phasathaionline/hnwy-kar-reiyn-ru9 ( วันทค่ี ้นขอ้ มูล : 25 มกราคม 2563). บญุ ชม ศรสี ะอาด และบญุ ส่ง นลิ แกว. (2535). “การอา้ งอิงประชากรเมอื ใชเ้ ครอื งมือแบบมาตราส่วน ประมาณค่ากับกลุ่มตัวอย่าง,”่ การวัดผลการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ มหาสารคาม. 3 (1) : 22 - 25. อรพรรณ โสภณธรรมรักษ์. (2559). สำรวจการอา่ น คนไทยยคุ ดจิ ิทลั . [ออนไลน์] .เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://www.thaihealth.or.th/Content/31159. ( วนั ท่ีค้นขอ้ มูล : 25 มกราคม 2563).
Search