พฒั นาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์ โดยใช้ Google Forms Education ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ และมธั ยมศึกษาตอนปลาย ศรช. กศน.ตำบลด่านเกวยี น อำเภอโชคชัย จงั หวัดนครราชสีมา ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 ผ้วู ิจัย นางสาวอณัญญา คูณเพ่ิมพนู ทอง ครูประจำศูนย์การเรียนชมุ ชน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโชคชัย สำนกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดนครราชสีมา
ประวตั ิผู้วิจยั ชื่อ-สกุล นางสาวอณัญญา คูณเพิ่มพูนทอง วันเดือนปเี กดิ 8 สิงหาคม 2525 อายุ 39 ปี ท่ีอยู่ปจั จบุ นั บา้ นเลขท่ี 127 หมู่ท่ี 8 ตำบลท่าจะหลงุ อำเภอโชคชยั จงั หวัดนครราชสีมา รหัสไปรษณยี ์ 30190 โทร 062-0388-6662 คณุ วุฒิทางการศึกษา วุฒิตำ่ กว่าปรญิ ญาตรี : ประกาศนียบตั รวิชาชพี วชิ าเอก บัญชี จากสถาบันการศึกษา สถาบันวทิ ยาลยั เทคโนโลยชี ่างกลพณิชยการนครราชสมี า วฒุ ิปริญญาตรี : บริหารธุรกจิ บัณฑติ สาขา บญั ชี จากสถาบนั การศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครราชสีมา หลักสตู ร : ประกาศนียบัตรบัณฑติ วชิ าชีพครู สาขาคณะศึกษาศาสตร์ ปรญิ ญา : ประกาศนยี บัตรบัณฑติ ทางการสอน ป.บณั ฑติ (วิชาชีพคร)ู จากสถาบนั การศึกษา มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลติ กุล ตำแหน่ง ครปู ระจำศนู ย์การเรยี นชมุ ชน สถานศกึ ษา ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอโชคชยั จังหวัดนครราชสีมา
ก ช่อื งานวิจัย พัฒนาสื่อการเรียนการสอนออนไลน์ โดยใช้ Google Forms Education ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ และมธั ยมศึกษาตอนปลาย ศรช. กศน.ตำบลดา่ นเกวยี น อำเภอโชคชยั จังหวดั นครราชสมี า ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ผ้ทู ำวจิ ัย นางสาวอณัญญา คูณเพิ่มพูนทอง ตำแหน่ง ครปู ระจำศูนย์การเรียนชุมชน ปกี ารศกึ ษา ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 สังกดั ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอโชคชยั บทคัดยอ่ ผลการวิจัยการพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education มีผลการ ประเมนิ อย่ใู นระดับมาก (X̅=4.06) เนอื่ งจากผู้วจิ ัย จัดกิจกรรมการเรยี นการสอนผา่ นออนไลน์ เพื่อการป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 จึงทำให้เป็นแรงผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีทางการศึกษา มาใช้น้ัน เป็นการดูแลช่วยเหลือนักศึกษา เพ่ือเอ้ือ นักศึกษาและผู้สอนสามารถเรียนรู้ ให้นักศึกษาทำงานจากที่ บ้านของตัวเองและครูผู้สอนสามารถมอบหมายงาน ตรวจงานและสร้างแบบวัดผลและประเมินผลการเรียน สามารถเรียนนักศึกษาได้ทุกที่ทุกเวลา New normal หรือความปกติใหม่นี้ การป้องกันการแพร่ระบาดของ โรคติดเช้ือไวรัสโคโรน่า 2019 ส่งผลให้สถานศึกษาเกิดการปรับตัวและมีการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ท่ีเกิดข้ึนอย่างรวดเร็ว และหาวิธีแก้ปัญหา สำหรับใบงานเป็นรูปแบบสื่อพ้ืนฐานท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอน และสามารถเข้าใจได้ง่าย และปัจจุบันนี้ เป็นสังคมยุคดิจิตอล นักศึกษาทุกคนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ เทา่ เทยี มกัน ดังนน้ั เพ่อื เพ่ิมประสทิ ธิภาพในการเรียนการสอน จงึ นำส่ือ ใบงาน อัพโหลดงานในแอฟ กูเกิล้ ไดรฟ์ นำใบงาน นำเข้าในกลุ่มเฟ๊สบุ๊ค กลุ่มไลน์ เพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับ นักศึกษา และให้นักศึกษา เข้าถึงแหลง่ ความรู้ได้อย่างเทา่ เทยี มกัน จากผลการประเมินความพึงพอใจ ดังกล่าว มีประเด็นที่น่าสนใจนำมาอภิปรายผล ดังน้ี พบว่า ผู้เรียน ได้รบั ประโยชนจ์ ากการเข้าใช้ส่ือผ่านออนไลน์ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (X̅=4.25) ทั้งน้ี นักศึกษา ได้รับ ประโยชนจ์ าการเข้าไปใช้สอื่ ผ่านออนไลน์ ทำให้นักศกึ ษา สามารถเข้าไปเรียน ทำใบงาน และเข้าสอบกลางภาค ใช้งานผ่านสื่อออนไลน์ด้วย Google Forms Education ได้ ทุกท่ี ทุกเวลา ไม่จำกัดสถานที่และไม่จำกัดจำนวน คร้ัง ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้บรรลุผลตามเป้าหมายผู้สอน และเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ ไวรัสโคโรนา่ 2019 ด้วย สง่ ผลให้งานวิจัย บรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์ที่กำหนด
ข กติ ตกิ รรมประกาศ การวิจัยครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยความอนุเคราะห์ช่วยเหลือและคำแนะนำเป็นอย่างดี จาก นางจรี ะภา วัฒนกสิการ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอโชคชัย ทีไ่ ด้จัดอบรมความรู้เรื่องการทำวิจัยในชั้นเรียน และ การจัดทำนวัตกรรมการเรียนรู้ ได้ดำเนินการทำผลงานจนกระทั่งทำงานได้สำเร็จลุลวงไปได้ด้วยดี ขอขอบคุณ นางจีระภา วัฒนกสิการ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอโชคชัย ท่ีได้ให้ความกรุณาดูแล เอาใจใส่ ให้คำแนะนำ ให้ข้อคิดและข้อเสนอแนะท่ีเป็นประโยชน์ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ จนทำให้งานวิจัยน้ีสำเร็จลุล่ วงได้ ด้วยดแี ละมคี วามสมบรู ณย์ ่ิงขนึ้ ผวู้ จิ ัยขอขอบพระคณุ ดว้ ยความเคารพเปน็ อยู่อยา่ งสูง ไว้ ณ โอกาสน้ี ขอกราบขอบพระคณุ ผเู้ ช่ียวชาญทุกทา่ น ที่ได้กรณุ าตรวจสอบ แก้ไขและให้คำแนะนำทเ่ี ป็นประโยชน์ใน การปรับปรุงเคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัย ขอขอบพระคุณผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยอำเภอโชคชัย ท่ีให้ความช่วยเหลือและเป็นกำลังใจตลอดมา ขอขอบใจนักศึกษาที่เป็นกลุ่มตัวอย่างที่ให้ ความร่วมมอื ในการศกึ ษาค้นคว้าคร้งั นี้ นางสาวอณญั ญา คณู เพ่ิมพนู ทอง
สารบญั ค บทคัดยอ่ หนา้ กติ ตกิ รรมประกาศ ก สารบญั ข บทที่ 1 บทนำ ค บทท่ี 2 เอกสารการศึกษาและงานวจิ ยั ท่เี ก่ยี วข้อง 1 บทท่ี 3 วธิ กี ารดำเนนิ การวิจยั 4 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู 11 บทท่ี 5 สรปุ ผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 19 บรรณานกุ รม 24 ภาคผนวก
บทท่ี 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปญั หา จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเช้ือไวรัสโคโรนา 2019(COVID - 19) เม่ือเดือนธันวาคม 2562 ส่งผลกระทบต่อระบบการจัดการเรียนการสอนของไทยในทุกระดับชั้น ซ่ึงรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการได้ ออกประกาศและมีมาตรการเฝ้าระวงั เพื่อป้องกนั การแพรก่ ระจายของเชื้อไวรสั ดงั กล่าว อาทิ กำหนดให้มีการเว้น ระยะห่างทางสังคม(Social Distancing) ห้ามการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุก ประเภท เพ่อื จัดการเรยี นการสอน การสอบ ฝึกอบรมหรือการทำกิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก การ ปิดสถานศึกษาด้วยเหตุพิเศษ การกำหนดให้ใช้วิธีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม่อาทิ การจัดการเรียนรู้ แบบออนไลน์ การจัดการเรียนรู้ผ่านระบบการออกอากาศทางโทรทัศน์ วิทยุ และโซเซียลมีเดีย ต่าง ๆ รวมถึง การส่ือสารแบบทางไกลหรอื ด้วยวิธีอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ในส่วนของสำนักงาน กศน. ได้มีการพัฒนา ปรับรูปแบบ กระบวนการในส่วนของสำนักงาน กศน. ได้มี การพัฒนา ปรับรูปแบบ กระบวนการและวิธีการดำเนินงานในภารกิจต่อเนื่องต่าง ๆ ในสถานการณ์การใช้ ชีวิตประจำวัน และการจัดการเรียนรู้เพื่อรองรับการใช้ชีวิตแบบปกติวิถีใหม่ (New Normal) ซ่ึงกิจกรรมการ เรียนรู้ต่าง ๆ ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) อาทิ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทุกประเภทหากมีความจำเป็นต้องมาพบกลุ่ม หรืออบรม สัมมนา ทางสถานศึกษาต้องมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด มีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ผู้รับบริการต้องใส่หน้ากาก อนามัยหรือหน้ากากผ้า ตอ้ งมีการเวน้ ระยะหา่ งระหว่างบุคคลเน้นการใช้ส่ือดิจิทัลและเทคโนโลยีออนไลน์ในการ จดั การเรียนการสอน จากการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) การป้องกันการแพร่ระบาดอย่าง หนึ่งคือมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) จึงทำให้เป็นแรงผลักดันให้มีการนำ คอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนทศและการสือ่ สารมาใช้ในการจดั การเรยี นการสอนแบบการสอนผา่ นออนไลน์ อย่างท่ัวถึงในทุกสถาบันและสาขาวิชาชีพ เพื่อเอื้อให้ผู้เรียนและผู้สอนสามารถเรียนรู้ได้จากบ้านพักของตัวเอง (บุญทิพย์ สิริธรังศรี, 2563, หน้า2) อีกท้ังธานี สุขโชโตและวรกฤต เถื่อนช้าง (2563, หน้า 147-148) ได้ศึกษา กระบวนการดูแลช่วยเหลือนักเรียนและจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส โคโรน่า 2019 เพ่ือให้นักศึกษาสามารถเรียนได้ในทุก ๆท่ีและการเรียนยังคงต้องดำเนินต่อไปแม้ว่านักเรียนไม่ สามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ การดูแลช่วยเหลือนักเรยี นตลอดจนการจัดการเรียนการสอนโดยมีการสนับสนุน ส่งเสรมิ พัฒนา ป้องกันและแก้ไขปัญหาใหแ้ ก่นักเรยี น เพอื่ ให้นกั เรียนมีคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ มีภูมิคุ้มกนั ทาง จิตใจที่เข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตท่ีดีในสถานการณ์ท่ีมีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระบาดการใช้ส่ือและ เทคโนโลยีทางการศึกษาเป็นการเช่ือมต่อช่องว่างระหว่างครูผู้สอนและนักเรียนในการจัดการเรี ยนโดยเฉพาะ อยา่ งย่ิงในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ซ่ึงมกี ารเวน้ ระยะห่างทาง สังคม การนำเอาและเทคโนโลยีทางการศึกษามาใช้น้ันทำให้นักเรียนของจากท่ีบ้านและครูผู้สอนสามารถ มอบหมายงาน ตรวจงานและสร้างแบบวัดผลและประเมินผลการเรียนสามารถเรียนนักเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา New normal หรือความปกติใหม่น้ีส่งผลให้สถานศึกษาเกิดการปรับตัวและมีการจัดการเรียนการสอนแบบ ออนไลน์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ครูผู้สอน นักเรียนและสถานศึกษาต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนผู้พัฒนาระบบ ทางด้านสารสนทศได้เรง่ พัฒนาเคร่ืองมือท่ชี ่วยในการจดั การศึกษาและการประชมุ ทางไกล จึงเกิดเคร่อื งมอื ที่ชว่ ย 1
ในการจัดการเรียนการสอนและการประชุมทางไกลขึ้นมากมาย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ เช่น Zoom, Google Hangouts, Skype, Line, Facetime, Facebook, Messenger, Microsoft Teams, True Visual World, Google Meet, Vroom, webXx เปน็ ตน้ (กาญจนา บุญภกั ดิ์, 2563, หนา้ 2) จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติอไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ ในประเทศไทย ในช่วงปลายปีพุทธศักราช 2563ซ่ึงช่วงเวลาดังกล่าวประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูหนาวและอากาศท่ีเย็นนั้นส่งผลให้ ไวรัสมีอายุยาวนานข้ึน จากการคาดคะเนพบว่าการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ในไทย อาจจะรนุ แรงกว่าเดิมดังน้ันมาตรการการป้องกนั คือ ให้ประชาชนอยู่บ้านลดการเดนิ ทาง ลด การรวมกลุ่มกัน (สุรชัย โชคครรชิตไชย, 2563, หน้า ง-จ)อีกทังโรงเรียนปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับ คำสั่งให้ปิดสถานศึกษาช่ัวคราวและให้ครูผู้สอนจัดการเรียนการสอนตามตารางปกติ โดยประยุกต์ไปตามความ ถนัดและความสะดวกในการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนและนักเรียน เช่นใชก้ ารจัดการเรยี นออนไลน์ผ่าน แอพลิเคชันต่าง ๆ เช่น Line, Facebook, Zoom, Google Classroom ช่องทางDLTV หรือช่องทางใดก็ได้ แตก่ ารจดั การเรียนอย่างไม่มีกำหนด การเรียนการสอนต้องดำเนนิ ต่อไป สว่ นกิจกรรมตา่ ง ๆ น้ัน เลือ่ นออกไป จากการสำรวจปญั หาและรวบรวมข้อมูลข้างต้นผู้วิจัย ตอ้ งการพฒั นาสื่อการสอนผ่านส่ือออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education เพ่ือดำเนินการในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ท่ีไม่สามารถรวมกลุ่ม พบกลุ่มนักศึกษาไม่ได้ นักศึกษาท่ีไม่มาพบกลุ่ม ได้ติดต่อส่ือสาร โดยไม่พบ ครู แต่สามารถทำใบงานผ่านออนไลน์ ซ่ึงนักศึกษาจะต้องความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม ทั้งท่ี สถานศึกษา และที่บ้าน จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ผู้วิจัยเล็งเห็นประโยชน์ของการนำส่ือการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education มาใช้ในการเรียนการสอน โดยให้นักศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองและนำมาเผยแพร่ให้ เกิดประโยชน์ในการเรียนรู้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และนำองคท์ ่ีไดไ้ ปเปน็ แนวทางในการพฒั นาและประยุกต์ใช้ในการจดั การเรียนการสอนท่ีมีประสทิ ธิภาพต่อไป 1.2 วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั 1.2.1 เพ่ือพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education นักศึกษาระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ของ ศรช. กศน.ตำบลด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัด นครราชสมี า 1.2.2 เพ่ือศกึ ษาความพึงพอใจของนักศึกษากลุ่มตัวอย่าง ในการเรียนการสอนออนไลน์ โดยใช้ Google Forms Education 1.3 ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ ับ 1.3.1 ครูผู้สอนใช้สื่อผ่านออนไลน์ โดยใช้ Google Forms Education กับนักศึกษา ศรช. กศน.ตำบล ดา่ นเกวยี น ได้ 1.3.2 เป็นแนวทางใหค้ รผู สู้ อน นำผลการวิจยั ไปพฒั นาสอื่ การสอนออนไลน์ เรอ่ื งอืน่ ๆ ต่อไป 1.4 ขอบเขตของการวจิ ยั 1.4.1 ประชากร และกลมุ่ ตัวอย่าง ประชากร ได้แก่ นักศึกษา ศรช. กศน.ตำบลดา่ นเกวียน จำนวน 80 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ทีล่ งทะเบยี นเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 โดยวิธีการเฉพาะเจาะจง จำนวน 80 คน 2
1.4.2 ตวั แปรท่ศี กึ ษา ตัวแปรต้น คือ นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ท่ีลงทะเบยี นเรียนในภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 ตัวแปรตาม คือ ความพึงพอใจของการการเรียนการสอนออนไลน์ โดยใช้ Google Forms Education 1.5 นิยามศพั ท์ 1.5.1 บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนผ่านสื่อออนไลน์ หมายถึง การใช้ส่ือบทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน ที่ผู้เรียนสามารถเรียนได้ผ่านออนไลน์ (Social Network) หมายถึง กลุ่มคนที่รวมกันเป็นสังคมมีการทำกิจกรรม รว่ มกนั บนอินเทอรเ์ น็ตในรปู แบบ ไลน์ เฟสบคุ๊ 1.5.2 นักศึกษา หมายถึง นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 80 คน ของ ศรช. กศน.ตำบลด่านเกวยี น อำเภอโชคชัย จงั หวดั นครราชสมี า 3
บทที่ 2 เอกสารการศกึ ษาและงานวิจยั ที่เกีย่ วขอ้ ง ในการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เก่ียวข้อง ในการสร้างส่ือการสอนใช้สื่อผ่านออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ซึง่ สามารถแยกกล่าวเป็นหัวขอ้ ไดด้ ังนี้ 2.1 รปู แบบวิธสี อนทเี่ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคญั 2.2 ความหมายของบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน 2.3 ประโยชน์ของบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน 2.4 ข้อดแี ละข้อจำกดั ของคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน 2.5 งานวจิ ยั ทเ่ี กี่ยวข้อง รปู แบบวธิ สี อนท่ีเน้นผเู้ รียนเป็นสำคญั รูปแบบท่ี 1 วิธีสอนแบบใช้บทบาทสมมุติ : การใช้บทบาทสมมุติ เป็นกิจกรรมท่ีมีการกำหนด สถานการณ์สมมตุ ิ และบทบาทของผู้เรียนในสถานการณ์นั้นแล้วให้ผู้เรียนสวมบทบาทและแสดงบทบาทนน้ั ตาม ความรู้สึก ประสบการณ์ เจตคติท่ีมีต่อบทบาทน้ันวิธีการนี้จะช่วยให้ได้มีโอกาสศึกษา วิเคราะห์ถึงความรู้สึก และพฤติกรรมของตนเองได้อย่างลึกซึ้ง อีกท้ังยังสามารถช่วยให้เข้าใจพฤติกรรม ความรู้สึก อารมณ์ และ เหตุผลของบุคคลท่ีสวมบทบาทนี้ในชีวิตจริงได้ รูปแบบที่ 2 วิธีสอนแบบใช้กระบวนการเผชิญสถานการณ์ : เป็นวิธีการสอนที่มีการเช่ือมโยงการ กระทำกับการคิดวิเคราะห์เข้าด้วยกัน โดยให้ผู้เรียนได้เผชิญสถานการณ์ลักษณะต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหน่ึงของ ประสบการณท์ ่จี ะเกิดขึ้นในชวี ิตจริง ฝกึ ใหผ้ ู้เรียนมีความเชื่อมั่นในคำสอนของผสู้ อน ฝึกนำข้อมูลข่าวสารด้านตา่ ง ๆมาสรปุ ประเด็นเพ่ือประเมนิ ค่าว่าสง่ิ ใดถกู ต้องดีงาม เกดิ ประโยชน์ สิ่งใดบกพรอ่ ง ไมถ่ ูก ไมต่ รงในการตดั สนิ ใจ รูปแบบที่ 3 วิธีสอนแบบใช้บทเรียนสำเร็จรูป : เป็นการลำดับประสบการณ์ท่ีได้วางไว้สำหรับผู้เรียน นำไปสู่ความสามารถโดยอาศัยหลักความสัมพันธ์ของสิ่งเร้ากับการตอบสนอง ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ บทเรียนสำเร็จรูปอยู่บนพื้นฐานจติ วิทยาการศึกษาและจิตวิทยาการเรยี นรู้ โดยมีหลักการและทฤษฎี การเรียนรู้ เข้าม าเกี่ยวข้องได้ แก่ S-RTheory และ Reinforcement ของ Skinner แล ะ Learning Theory ขอ ง Thorndike รูปแบบที่ 4 วิธีการสอนแบบศูนย์การเรียน : เป็นการจัดระบบห้องเรียนเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถ ประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กิจกรรมการเรียนรู้อาศัยเนื้อหาวิชาที่จัดออกเป็นหน่วยๆแต่ ละหน่วยจะมีกิจกรรม สื่อวัสดุอุปกรณ์ และเน้ือหาวิชาที่แตกต่างกัน ผู้เรียนจะเรียนรู้โดยการประกอบกิจกรรม จากหน่วยต่าง ๆ ตามท่ีกำหนดภายใต้การดูแลของผู้สอน ศูนย์การเรียนเป็นกิจกรรมที่อยู่บนพ้ืนฐานหลักการ และทฤษฎีที่เก่ียวข้องกับการใช้ส่ือประสม กระบวนการกลุ่ม กฎแห่งความพร้อม และความแตกต่างระหว่าง บุคคล รปู แบบท่ี 5 วิธีการสอนแบบใช้ชุดการสอน : เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีได้รับการออกแบบและจัดไว้เป็น ระบบอันประกอบด้วยจดุ มุ่งหมาย เนือ้ หาและวัสดอุ ุปกรณ์ โดยกิจกรรมต่างๆดังกล่าวได้รับการรวบรวมไวอ้ ยา่ ง เป็นระบบเปน็ ระเบียบ เพ่อื จดั เตรียมไว้ให้ผ้เู รยี นได้ศกึ ษาจากประสบการณ์ท้งั หมด ชดุ การสอนเปน็ กจิ กรรมท่ี 4
อยู่บนพ้ืนฐานหลักการและทฤษฏีเกี่ยวกับการใช้ส่ือประสม และการใช้วิธีการวิ เคราะห์ระบบ (System Approach) เน้นความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับ กิจกรรม การปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน โดยมีส่วน รว่ มในการสร้างความรู้ดว้ ยตนเอง รูปแบบที่ 6 วิธีการสอนแบบใช้คอมพิวเตอร์ : เป็นการสอนที่เน้นสื่อการสอนที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง นำมาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้มีปฏิสัมพันธร์ ะหวา่ งผเู้ รียนกับคอมพวิ เตอร์ รปู แบบท่ี 7 วิธีการสอนแบบโครงการ : การจดั การเรยี นการสอนแบบโครงการเปน็ การจัดประสบการณ์ ในการปฏิบัติงานให้ผู้เรียนเหมือนกับการทำงานในชีวิตจริง เพื่อให้ผู้เรยี นได้มีประสบการณ์ตรง ผู้เรียนได้เรียนรู้ วิธกี ารแก้ปัญหา วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ผู้เรียนจะได้ทำการทดลอง ไดพ้ ิสจู น์สิ่งต่างๆด้วยตนเอง รู้จกั หาวธิ ีการ ต่างๆมาแก้ปัญหา ผู้เรียนจะทำงานอย่างมีระบบ รู้จักวางแผนในการทำงาน ฝึกการเป็นผู้นำผู้ตาม ฝึกการ วิเคราะห์และการประเมินผลตนเอง รปู แบบที่ 8 วิธีสอนแบบแก้ปัญหา : เป็นวิธีสอนท่ีเน้นให้ผู้เรียนคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นกระบวนการโดย อาศัยแนวคดิ แกป้ ญั หาดว้ ยวิธีการนำเอาวิธีการสอนแบบนิรนยั คือ การสอนจากกฎไปหาความจรงิ ย่อย การรวม กระบวนการคิดทั้ง 2 แบบเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดเป็นรูปแบบวิธีสอนแบบแก้ปัญหา ซ่ึงเร่ิมจากการกำหนดปัญหา วางแผนแก้ปัญหา ตั้งสมมุติฐาน การเก็บรวบรวมข้อมูล การพิสูจน์ การวิเคราะห์ และการสรุปผล ซึ่งเป็น กระบวนการเรยี นการสอนทจี่ ะนำไปสกู่ ารแกป้ ัญหาในชวี ติ ประจำวนั ของผู้เรียนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี รูปแบบท่ี 9 วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม : เป็นการสอนที่เน้นให้ ผู้เรียนได้มีอิสระใน การศึกษาหาความรู้ตามหลักประชาธิปไตย ให้ผู้เรียนรู้จักการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม และการศึกษาหาความรู้ จากแหลง่ ต่าง ๆ รปู แบบที่ 10 วิธีสอนแบบใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ : เป็นกระบวนการข้ันตอนวิธีการหรือพฤติกรรม ต่าง ๆ ที่จะช่วยให้การดำเนินงานเป็นกลุ่มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพคือได้ท้ัง ผลงานที่ดี ได้ท้ังความรู้สึกและ ความสัมพนั ธ์ท่ีดีระหวา่ งผ้รู ว่ มงาน ซงึ่ มลี ักษณะท่ีสำคญั คือ การยึดผู้เรยี นเป็นศูนยก์ ลาง ยึดกลุ่มเปน็ แหล่งความรู้ ท่ีสำคัญ ยึดการค้นพบด้วยตนเอง เน้นกระบวนการควบคู่ไปกับผลงาน เน้นการนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน รู้จกั ใชส้ ทิ ธแิ ละหนา้ ท่ใี นระบอบประชาธปิ ไตยในการทำงาน ยึดมตขิ องกล่มุ และการตัดสนิ ใจรว่ มกัน รูปแบบที่ 11 วิธีสอนแบบความคิดรวบยอด : เป็นการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนได้สร้างความคิดรวบยอด ซึ่งเป็นข้อความแสดงประเภทของสรรพสิ่งตามลักษณะเฉพาะด้วยตนเอง จากการรวบรวมข้อมูล สังเกต จำแนก ประเภท และจดั หมวดหมตู่ วั อยา่ งท่ีผ้สู อนนำเสนอ รูปแบบที่ 12 วธิ ีสอนแบบการเรยี นรู้แบบรว่ มมือ : เป็นการจัดการเรียนทแ่ี บ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มเลก็ ๆ สมาชกิ ในกลุ่มมีความสามารถแตกต่างกัน มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็น มีการช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน และมีความรบั ผิดชอบร่วมกัน ทั้งในสว่ นตัวและสว่ นรวม เพือ่ ให้กลุม่ ไดร้ บั ความสำเรจ็ ตามเป้าหมายท่กี ำหนด การเรยี นรู้แห่งศตวรรษที่ 21 เพอ่ื 7 หลกั การสร้างนักศกึ ษาร้แู หง่ อนาคตใหม่ การเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 เพื่อ 7 หลกั การสร้างนักศึกษารู้แห่งอนาคตใหม่ แรงจูงใจเป็นเร่ืองสำคัญ ย่ิงในการจัดกระบวนการเรียนการสอนให้กับนักศึกษา มีบทบาทสำคัญในการโน้มนำพฤติกรรมของนักศึกษา เพอ่ื ใหม้ คี วามสนใจในการเรียน และเสริมพลงั ของนักศึกษาในการมุ่งสเู่ ป้าหมายในการเรียนแตล่ ะวชิ า 5
กระบวนการเรยี นรูใ้ นยุคการผลติ แหง่ ศตวรรษท่ี 21 การถ่ายทอดเทคโนโลยีหรือการยกระดับทกั ษะของบุคลากรในประเทศไทยจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงนั้น สถาบันการศึกษาที่ผลิตคนเข้าสู่ตลาดแรงงานจะต้องปรับทักษะต่างๆท่ีใส่ลงไปในหลักสูตรให้สอดคล้องกับ สถานการณท์ เี่ กดิ ข้นึ ในโลกศตวรรษท่ี 21 การจัดกระบวนการเรียนรู้(Pedagogy) ในศตวรรษท่ี 21 จะต้องออกแบบกิจกรรมให้ผู้เรียนใช้เป็น เครื่องมือในการสร้างองค์ความรดู้ ้วยตนเอง การอำนวยความสะดวกและการเสนอแนะเพื่อการเข้าถึงองค์ความรู้ ผ่าน Technology ทำให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ได้รวดเร็วและกว้างขวางมากขึ้นโดยลำดับ เราเรียกกระบวนการ เรียนรแู้ บบนว้ี ่า Active Learning ที่ยดึ ผเู้ รยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง (Student-centered) ในศตวรรษที่ 21 สถานการณ์โลกมีความแตกต่างจากศตวรรษที่ 20 และ 19 ระบบการศึกษาจึงต้องมี การพัฒนาเพ่ือให้สอดคล้องกับภาวะความเป็นจริง ในประเทศสหรัฐอเมริกาแนวคิดเร่ือง “ทักษะแห่งอนาคต ใหม่ : การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21” ได้ถูกพัฒนาขึ้น โดยบริษัท แอปเป้ิล บริษัทไมโครซอฟ บริษัทวอล์ดิสนีย์ องคก์ รวชิ าชพี ระดบั ประเทศ และสำนกั งานด้านการศกึ ษาของรัฐ รวมตวั และก่อตัง้ เป็นเครือขา่ ยองค์กรความ ศตวรรษที่ 21 เป็นยุคแห่งการพัฒนาต่อยอดการคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้อำนวยความสะดวกในการพัฒนา คุณภาพชีวิต ถ้าประชาชนไทยเป็นผู้ซอ้ื หรือผู้บริโภคแต่ฝ่ายเดียว เราก็จะเสียดุลการค้าและทส่ี ำคัญคือคนในชาติ จะถูกชักจูงทางความคิดได้งา่ ย สำหรับการจัดกระบวนการเรียนรู้ นักการศึกษาให้ความเห็นว่าต้องเปล่ียนจาก Passive Learning มาเปน็ Active Learning ความหมายของบทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (ComputerAssisted Instruction:CAI) จัดว่าเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ สามารถนำเสนอองค์ความรู้อย่างเป็นระบบและเป็นขั้นตอนตามหลักการเรียนรู้ และตอบสนองการเรียนรู้ ทางดา้ นสตปิ ัญญาของแตล่ ะคนได้อย่างเต็มท่ี และไดม้ ีนกั วิชาการไดใ้ ห้ความหมายของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วย สอนไว้มากมาย ดงั น้ี กระทรวงศึกษาธิการ (2545: 108) กล่าวว่าส่ือคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหมายถึงสื่อเทคโนโลยีท่ีใช้กับ คอมพวิ เตอรแ์ ล้วนำไปใช้สอนแทนครหู รอื สอนเสรมิ จากการสอนในชั้นเรยี นปกติ สุปรีชา สอนสาระ(2558)ให้ความหมายว่า คอมพิวเตอร์ช่วยสอนหมายถึง ส่ือการเรียนการสอนทาง คอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่ง ซ่ึงใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการนำเสนอส่ือประสมอันได้แก่ ข้อความ ภาพนง่ิ กราฟกิ แผนภมู ิ กราฟ วดี ิทัศน์ ภาพเคลอื่ นไหว และเสยี ง เพื่อถา่ ยทอดเนือ้ หาบทเรียน หรือองคค์ วามรู้ ในลักษณะที่ใกลเ้ คียงกับการสอนจริงในห้องเรียนมากทีส่ ุดโดยมเี ป้าหมายทสี่ ำคัญก็คือ สามารถดึงดูดความสนใจ ของผู้เรียน และกระต้นุ ให้เกิดความตอ้ งการที่จะเรียนรู้ คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนเป็นตวั อยา่ งท่ีดีของสอ่ื การศกึ ษาใน ลักษณะตัวต่อตัว ซ่ึงผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์ หรือการโต้ตอบพร้อมทั้งการได้รับผลป้อนกลับ (FEEDBACK) นอกจากน้ียังเป็นสื่อท่ีสามารถตอบสนองความแตกต่างระหว่างผู้เรียนได้เป็นอย่างดี รวมท้ัง สามารถทีจ่ ะประเมิน และตรวจสอบความเข้าใจของผเู้ รียนได้ ตลอดเวลา ณัฐกร สงคราม.(2552: 211) ได้สรุปความหมายของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนว่า หมายถึง การนำ คอมพิวเตอร์มาเป็นเคร่ืองมือสร้างให้เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพ่ือให้ผู้เรียนนำไปเรียนด้วยตนเองและเกิดการ เรียนรู้ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนประกอบด้วย เนื้อหาวิชาแบบฝึกหัดแบบทดสอบลักษณะของการ 6
นำเสนออาจมีทัง้ ตัวหนังสอื ภาพกราฟิกภาพเคลื่อนไหว สีหรือเสียงเพอ่ื ดึงดูดใหผ้ ู้เรยี นเกิดความสนใจมากยิ่งข้ึน รวมทงั้ การแสดงผลการเรียนใหท้ ราบทันทีดว้ ยขอ้ มลู ย้อนกลบั แก่ผู้เรียน ทักษิณา สวนานนท์.(2533 : 206) ได้ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คือ ระบบการเรียนการ สอน ซ่ึงเกิดข้ึนระหว่างนักเรียนกับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยเรียกโปรแกรมสำเร็จรูปที่เตรียมไว้และเก็บไว้ในจาน แม่เหล็ก(Diskette) แสดงผ่านจอภาพเปน็ คำอธิบายบทเรียน รูปภาพ เสียง ประโยชน์ของบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนเป็นสอื่ ที่จะช่วยให้ครจู ัดการเรยี นรู้ไดบ้ รรลุจุดหมายของหลักสตู ร โดยมผี ้กู ล่าวถงึ ประโยชนข์ องคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน ดังนี้ เกียรติพงษ์ ยอดเยี่ยมแกร(ม.ป.ป.) กล่าวถึงประโยชนข์ องบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนดงั น้ี 1) เสนอสง่ิ เร้าให้กับผ้เู รยี นได้แก่ เน้ือหาภาพนง่ิ คำถามภาพเคลอ่ื นไหว 2) ประเมนิ การตอบสนองของผูเ้ รียนไดแ้ ก่การตดั สนิ คำตอบ เป็นต้น 3) ใหข้ ้อมลู ย้อนกลับเพือ่ การเสรมิ แรงไดแ้ ก่การใหร้ างวัลหรือคะแนน 4) ใหผ้ ู้เรียนเลือกส่ิงเรา้ ในลำดับต่อไป 5) ใช้ในงานเพอื่ การสอน 6) การทบทวนบทเรียนเพอ่ื ฝกึ หดั 7) การวัดผลหรือสอบเลือ่ นชั้น 8) ช่วยให้รับรขู้ ่าวสารมากขนึ้ อรพันธุ์ ประสทิ ธริ ตั น์ (2552: 65) ไดก้ ล่าวถึงประโยชนข์ องบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนดงั นี้ 1) ผเู้ รยี นไดเ้ รียนตามความสามารถของตนเองและสามารถเรียนตามลำพังด้วยตนเอง 2) ด้านภาพเสียงและสีสนั เป็นส่ิงดงึ ดดู ความสนใจของผเู้ รยี นให้สนใจในบทเรียน 3) เป็นการเสริมแรงแก่ผู้เรียนได้รวดเร็วในระหว่างท่ีเรียนทำให้ผู้เรียนเกิดความต่ืนเต้นไม่เบ่ือ หน่ายและเม่ือทำผิดพลาดกส็ ามารถแกไ้ ขได้ทนั ที 4) ผู้เรียนได้เรียนตามลำดับขั้นตอนจากง่ายไปยากหรือเลือกท่ีจะเรียนในหัวข้อที่ตนเองสนใจ กอ่ นได้ 5) ผเู้ รยี นสามารถทบทวนเน้อื หาหรือบทเรียนท่ีเคยเรยี นไปแล้วซ้ำได้อีก ตามความต้องการ 6) ผู้สอนใชเ้ วลาในการสอนนอ้ ยลงและมเี วลาในการเตรยี มบทเรียนอ่ืน ๆ ได้มากขึน้ 7) ผสู้ อนมีเวลาในการสรา้ งสรรคแ์ ละพฒั นานวัตกรรมใหมๆ่ 8) ช่วยแกป้ ญั หาการขาดแคลนบุคลากร 9) ชว่ ยฝึกให้ผเู้ รียนคดิ อยา่ งมีเหตุผลเพราะตอ้ งแก้ปัญหาตลอดเวลา รจุ โรจน์ แกว้ อไุ ร(2558: 77) ได้กล่าวถึงประโยชนข์ องบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ดังน้ี 1) สามารถตอบสนองการเรียนรู้สว่ นบุคคลได้ ซึง่ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ตามระดับความสามารถ และอัตราความเรว็ ตามทีต่ อ้ งการ 2) สามารถสรา้ งแรงจูงใจในการเรียนโดยการใช้สี เสียงและภาพ รวมท้งั การออกแบบโปรแกรม ทน่ี ่าสนใจ 3) สามารถคิดคำนวณได้รวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้ผู้เรียนเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ 7
4) ช่วยสอนความคิดรวบยอด (Concept)และทำให้ผเู้ รียนเกดิ การเรยี นรู้ได้เป็นอย่างดี 5) สามารถเรียนได้อยา่ งไม่จำกดั เวลา และทบทวนได้ตามที่ ต้องการ 6) สามารถจดั แผนการสอนได้ดี ดว้ ยการทผ่ี ู้สอนสร้างโปรแกรมที่มีข้ันตอนและระบบที่ดี เชน่ มี จดุ มุ่งหมาย สอนเนอ้ื หา ทดสอบและให้ผลย้อนกลับ และยงั สามารถเกบ็ ขอ้ มูลผู้เรียน วิเคราะห์และเสนอผลการ ประเมินได้ตามที่นักการศึกษากล่าวมาสรุปได้ว่า บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีประโยชน์ทั้งในและนอกเวลา เรยี นและในและนอกสถานศึกษาผูเ้ รียนมคี วามสนุกสนานและสามารถทบทวนบทเรยี นไดต้ ลอดเวลา ข้อดแี ละขอ้ จำกดั ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ข้อดีของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีข้อดีหลายประการเพื่อให้ผู้ใช้สามารถมี ปฏิสมั พันธก์ ับบทเรียนได้โดยตรงซึง่ จะทำให้ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ ซงึ่ มีขอ้ ดดี ังนี้ (มนตช์ ัย,2544 : 7-8) 1) ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นของผเู้ รยี นสูงขน้ึ เมือ่ เรียนดว้ ยบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน 2) เวลาเรยี นของผู้เรียนลดลง เมอ่ื เทียบกบั การเรยี นการสอนปกติ 3) บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนระบบมลั ติมีเดียสามารถจงู ใจให้ผเู้ รยี นมีความสนใจมากขึน้ 4) ผ้เู รยี นมกี ารโตต้ อบกับบทเรียนทำใหเ้ กดิ การเรียนรอู้ ย่างลึกซงึ้ 5) ผู้เรียนเป็นผู้ควบคุมบทเรียนด้วยตนเอง ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการเป็น รายบคุ คลไดเ้ ปน็ อย่างดี 6) บทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน สามารถสับเปลี่ยนโปรแกรมหรือนำเสนอเนือ้ หาได้รวดเร็ว 7) สามารถนำเสนอเนื้อหาในลักษณะที่เป็นองค์ประกอบของมัลติมีเดียไม่ว่าจะเป็น ข้อความ ภาพน่งิ ภาพเคล่อื นไหว เสียง และวีดีทศั น์ 8) ไม่มขี อ้ จำกัดดา้ นเวลาและสถานที่ สามารถเรียนได้สะดวกตามความต้องการ 9) บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนสามารถบันทึกและตรวจสอบความก้าวหนา้ ของผู้เรียนรวมทั้ง การประเมินผลของผูเ้ รยี นได้ตลอดเวลา เบญจมาศ ชัยวรรณคุปต์และคณะ(2547) ได้สรปุ ขอ้ จำกดั ของคอมพิวเตอร์ ชว่ ยสอนดงั นี้ 1) การออกแบบโปรแกรมเป็นงานท่ีใช้เวลาและความสามารถครูผู้สอนรู้เน้ือหาวิชาแต่ไม่ สามารถสร้างบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนได้ดว้ ยตนเอง 2) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ไม่สามารถสอนเน้ือหาในลำดับข้ันสูง ๆ ของ Cognitive Domain ได้ท้ังนย้ี งั ไมร่ วมถงึ Affective Domain และPsychomotor Domain ซ่ึงมขี อ้ จำกัดอยูม่ าก 3) เมื่อเวลาผ่านไปผู้เรียนจะเร่ิมเคยชินกับคอมพิวเตอร์ซ่ึงเกิดขึ้นแล้วในบางสังคมทำให้ความ กระตือรือร้นและแรงจูงใจท่ีจะเรียนด้วยคอมพิวเตอร์ลดลงบางคร้ังให้ผลตรงข้ามผู้เรียนไม่ชอบที่จะเรียน คอมพิวเตอร์ 4) บทเรียนคอมพิวเตอร์ไม่ส่งเสริมพัฒนาการทางสังคมเพราะผู้เรียนจะใช้เวลาและทักษะของ การโต้ตอบกับเครอ่ื งคอมพิวเตอรม์ ากกว่าผู้สอนหรอื เพ่อื นร่วมชั้นเดียวกนั 5) ผู้เรียนบางประเภทโดยเฉพาะบางกลุ่มส่วนใหญ่ไม่ชอบท่ีจะเรียนตามลำดับขั้นหรือเรียนไป ตามขั้นตอนของโปรแกรมซ่ึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนส่วนมากจะมีหลักในการออกแบบให้เรียนเป็น ขนั้ ตอน ซ่งึ เปน็ การบังคับแบบแผนของการเรียนกับผอู้ ่ืน 8
6) คอมพิวเตอร์ช่วยสอนถึงแม้ว่าราคาเคร่ืองคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จะถูกลงแต่ส่ิงแวดล้อม ในการเรียนกับเครื่องคอมพิวเตอร์เช่นห้องเรียนหรือสถานที่และฐานข้อมูลต่าง ๆ ยังมีราคาแพงและจำกัดอยู่ใน เขตตัวเมอื งทม่ี สี ภาพเศรษฐกิจทีเ่ จรญิ แล้ว 7) ในประเทศไทยความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ของบุคลากรทางด้านการศึกษาตลอดจน โปรแกรมที่จะสร้างงานคอมพิวเตอร์ช่วยสอนยังขาดแคลนการพัฒนาโปรแกรมต่าง ๆ มุ่งไปที่ธุรกิจมากกว่า การศกึ ษาสังเกตไดจ้ ากตลาดทวี่ างขายSoftware จะมคี อมพิวเตอร์ช่วยสอนนอ้ ยมาก 8) ผู้เรียนและผู้สอนบางกลุ่มมีความคาดหวังว่าคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะให้ประสิทธิภาพการ เรียนการสอนสูงโดยคาดหวังไว้มากจากคอมพิวเตอร์ท่ีลงทุนไปแต่ผลกลับคืนท่ีได้รับอาจน้อยกว่าที่คาดหวังและ ธรรมชาติของการนำคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมาใช้ประกอบด้วยปัจจัยอ่ืน ๆ ในการลงทุนร่วมด้วยอีกมากถ้าคิด คำนวณการลงทุนเร่ิมต้นก็จะทำให้สัดส่วนของการลงทุนกับผลที่ได้รับไม่เป็นท่ีพอใจของผู้ที่ต้องจ่ายเงินลงทุน ใหก้ ับคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน 9) โปรแกรมที่ออกแบบเพ่อื ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนสว่ นมากไมส่ ง่ เสริมความคิดสร้างสรรค์นอ้ ย มากท่ีโปรแกรมจะสามารถทำให้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ส่วนมากจะถูกจำกัด ความคิดอยู่ในกรอบทผ่ี สู้ ร้างโปรแกรมกำหนดไว้ 10) ปัญหาทางด้านเทคนิคของเคร่ืองคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบการเรียนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอนคุณภาพของสินค้าที่ผลิตออกมาจากแหล่งต่าง ๆ มีคุณภาพไม่เท่าเทียมกันและความรู้ของผู้ใช้ยังไม่เท่า ทันกับการเปลี่ยนแปลงกลไกทางตลาดทำให้ผ้ใู ชไ้ ดส้ นิ ค้าด้อยคุณภาพ ตามท่ีนกั การศึกษากล่าวมาสรุปข้อดีไดว้ ่าคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนเกิดจากความพยายามในการที่จะช่วยให้ ผู้เรียนที่เรียนอ่อนสามารถใช้เวลาในการฝึกฝนทักษะและเพิ่มเติมความรู้ท่ีจะปรับปรุงการเรียนของตน ให้ทันผู้อ่ืนได้ ดังนั้นผู้สอนจึงใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนในการสอนเสริมหรือทบทวนการสอนปกติใน ชั้นเรียนได้ ผู้เรียนสามารถนำคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไปใช้ในการเรียนด้วยตนเองในเวลาและสถานท่ีท่ีสะดวก คอมพิวเตอร์ ชว่ ยสอนสามารถสรา้ งแรงจงู ใจใหผ้ เู้ รียนสนกุ สนานไปกบั การเรียน งานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วิจารณ์ พานิช (2555: 16-21) ได้กล่าวถึงทักษะเพ่ือการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ว่า สาระวิชามีความสำคัญแต่ไม่เพียงพอสำหรับการเรียนรู้ เพ่ือมีชีวิตในโลกยุคศตวรรษที่ 21 ปัจจุบันการเรียนรู้สาระวิชา (content หรือ subject matter) ควรเป็นการ เรยี นจากการค้นควา้ เองของผู้เรียน โดยผสู้ อนจะช่วยแนะนำ และช่วยออกแบบกิจกรรมทช่ี ่วยใหผ้ ู้เรยี นแตล่ ะคน สามารถประเมินความก้าวหนา้ ของการเรียนรูข้ องตนเองได้ ส่วนสาระวิชาหลัก (Core Subjects) ประกอบด้วย ภาษาแม่ และภาษาสำคัญของโลก ศิลปะ คณิตศาสตร์ การปกครองและหนา้ ท่ีพลเมอื ง เศรษฐศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ภมู ิศาสตร์ และประวัตศิ าสตร์ โดยวิชา แกนหลักนี้จะนำมาสู่การกำหนดเป็นกรอบแนวคิดและยุทธศาสตร์สำคัญต่ อการจัดการเรียนรู้ในเนื้อหาเชิ ง วิทยาการ (Interdisciplinary) หรือหัวข้อสำหรบั ศตวรรษท่ี 21 สามารถทำได้ ดงั นี้ 1. ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม จะเป็นตัวกำหนดความพร้อมของผู้เรียนเข้าสู่โลกการ ทำงานที่มีความซับซ้อนมากขน้ึ ในปจั จุบัน ได้แก่ ความริเริ่มสรา้ งสรรค์และนวัตกรรม การคิดอย่างมวี ิจารณญาณ และการแก้ปญั หา และการสอ่ื สารและการรว่ มมอื 9
2. ทักษะด้านสารสนเทศส่ือและเทคโนโลยี เน่ืองด้วยในปัจจุบันมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ผ่านทางสื่อและเทคโนโลยีมากมาย ผู้เรียนจึงต้องมีความสามารถในการแสดงทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และปฏบิ ัติงานไดห้ ลากหลาย โดยอาศัยความรใู้ นหลายด้าน ไดแ้ ก่ ความรู้ด้านสารสนเทศความรู้เกี่ยวกับส่ือและ ความรู้ด้านเทคโนโลยี 3. ทักษะด้านชวี ิตและอาชพี ในการดำรงชีวติ และทำงานในยคุ ปัจจบุ ันให้ประสบความสำเรจ็ ผเู้ รยี นจะต้องพฒั นาทักษะชีวิตที่สำคญั ได้แก่ ความยดื หยุ่นและการปรบั ตัว การริเรม่ิ สรา้ งสรรค์และเปน็ ตัวของ ตวั เอง ทกั ษะสังคมและสังคมขา้ มวฒั นธรรม การเป็นผูส้ ร้างหรือผู้ผลติ (Productivity) และความรบั ผดิ ชอบ เช่ือถอื ได้ (Accountability) ภาวะผู้นำและความรบั ผดิ ชอบ (Responsibility) 10
บทท่ี 3 วธิ ีดำเนนิ การวจิ ยั การวิจัยมีวัตถุประสงค์ การพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education นักศกึ ษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ของ ศรช. กศน.ตำบลด่านเกวยี น อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา และศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษากลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยได้กำหนดระเบียบวิธีวิจัยและ วธิ ีการดำเนนิ การวิจัยไว้ ดังน้ี 1. ประชากร และกลุ่มตวั อยา่ ง ประชากร ได้แก่ นักศึกษา ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น และมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ของ ศรช. กศน.ตำบล ด่านเกวยี น อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสมี า จำนวน 80 คน กลมุ่ ตวั อยา่ ง ไดแ้ ก่ นกั ศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมธั ยมศึกษาตอนปลาย โดยวิธกี าร เฉพาะเจาะจง จำนวน 80 คน ตัวแปรทศ่ี กึ ษา ตวั แปรตน้ คอื นกั ศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ และมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ตัวแปรตาม คอื ผลประเมนิ ความพึงพอใจ การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms Education 2. เครือ่ งมือทีใ่ ช้ในการวิจยั 2.1. สอื่ การสอนออนไลน์ 2.2 แบบประเมนิ ความพงึ พอใจเป็นเครือ่ งมือเพ่ือประเมินค่าสื่อการสอนออนไลน์ 3. ระยะเวลาในการดำเนินวจิ ัย เดอื นกรกฎาคม – สิงหาคม พ.ศ. 2564 4. การเก็บรวบรวมขอ้ มูล มีข้ันตอนดังน้ี 4.1. นำใบความร/ู้ ใบงานทุกวิชาที่ลงทะเบียนเรยี นภาคเรียนท่ี 1/2564 อัฟโหลด สง่ ใน LINE กลมุ่ ให้กับนกั ศกึ ษา จำนวน 80 คน 4.2 นำส่ือการสอนทุกวิชาท่ีลงทะเบียนเรียนภาคเรียนที่ 1/2564 อัฟโหลด ลิงค์ใบงาน ส่งให้นักศึกษา เรียนรทู้ ำใบงานผา่ นสื่อออนไลน์ และครู เข้าไปตรวจสอบ การตอบกลบั ในการตอบคำถามในใบงาน แต่ละคร้งั ท่ี เรยี นรู้ จะไม่กำหนดเวลาและผ้วู ิจยั ควรใหค้ ำปรึกษา หากนกั ศึกษามปี ญั หา 4.3 นำแบบประเมินความพึงพอใจ เป็นเครื่องมือให้นักศึกษาตอบหลังการเรียนด้วยส่ือการสอนผ่าน ออนไลน์วิชาท่ีลงทะเบยี นเรียนภาคเรยี นที่ 1/2564 11
ขนั้ ตอนการพฒั นาส่ือ สรา้ งส่ือการสอนออนไลน์ สำหรบั ใชป้ ระกอบวชิ าท่ีลงทะเบยี นเรียน เข้าไปทหี่ น้าเดสทอ๊ ป ไปท่ี กูเกลิ โครม (Google chrome) เข้าระบบอินเตอร์เน็ต 9 จุด 12
เขา้ ไปทแี่ อฟ กเู กิล ไดรฟ์ (Google Drive ) คือเปน็ บริการ Online Service ประเภท Cloud Technology ที่ให้ผู้ใช้สามารถจดั เก็บข้อมลู ไฟลเ์ อกสาร ไฟลร์ ูปภาพ หรอื ไฟลป์ ระเภทต่างๆ Google Apps Thai หรอื Google Drive คอื โปรแกรมการจัดการเอกสารออนไลน์ของทาง Google หลักการทำงานจะคล้ายกบั โปรแกรมเอกสาร (Google Drive) นำสือ่ การสอนใบงานอัฟโหลดออนไลน์ เพ่ือนำไปใช้กับนักศกึ ษากลมุ่ ตัวอย่าง ขั้นท่ี 1 : ไปที่ drive.google.com ไปที่ drive.google.com ในคอมพวิ เตอร์ คณุ จะเห็น \"ไดรฟข์ องฉนั \" ซง่ึ มี ขอ้ มูลต่อไปนี้ไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ทีค่ ุณอัฟโหลดหรอื ซิงค์ Google เอกสาร, ชีต, สไลด์ และฟอร์มที่สร้างขึ้นมา เรียนรู้วธิ สี ำรองขอ้ มูลและซิงคไ์ ฟล์ drive.google.com Google forms 13
ขั้นท่ี 2 : อัฟโหลดหรอื สร้างไฟล์ การอัฟโหลดไฟลจ์ ากคอมพิวเตอร์หรอื สรา้ งไฟลใ์ น Google ไดรฟ์ อฟั โหลดไฟล์และโฟลเดอร์ไปยัง Google ไดรฟ์ การใชง้ านไฟล์ Office สรา้ ง แก้ไข และฟอร์แมต Google เอกสาร, ชตี และสไลด์ ขัน้ ที่ 3 : แชร์และจัดระเบยี บไฟล์ สามารถแชร์ไฟลห์ รือโฟลเดอร์เพื่อให้คนอื่นดู แก้ไข หรือแสดงความคดิ เห็น • แชร์ไฟลจ์ าก Google ไดรฟ์ • แชรโ์ ฟลเดอรจ์ าก Google ไดรฟ์ กำหนดใหค้ นอ่ืนเป็นเจ้าของไฟล์ เมอ่ื ต้องการดูไฟลท์ ค่ี นอ่ืนแชรก์ บั คุณ ให้ไปที่หวั ข้อ \"แชรก์ บั ฉนั \" 14
15
16
การจัดส่อื ผา่ น Google site 17
สถติ ิวเิ คราะหข์ อ้ มูล ผวู้ ิจยั นำขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการเก็บรวบรวม หาค่าเฉลย่ี (X̅) และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน S.D. (Standard deviation) โดยใช้โปรแกรมคอมพวิ เตอรส์ ำเร็จรปู SPSS การอภิปรายผลจำแนกคะแนน การจำแนกระดับ ผลการประเมินความพึงพอใจ แบบมาตรฐานประมาณค่า (Rating Scale) มี 5 ระดับ ดังนี้ 5 คะแนน คือ ระดบั ผลการประเมนิ มากที่สุด 4 คะแนน คอื ระดับผลการประเมนิ มาก 3 คะแนน คือ ระดบั ผลการประเมนิ ปานกลาง 2 คะแนน คือ ระดับผลการประเมินน้อย 1 คะแนน คือ ระดบั ผลการประเมินน้อยที่สุด N คอื จำนวนผตู้ อบแบบประเมนิ X̅ คือ ระดบั คา่ เฉลีย่ ผลการประเมิน S.D. (Standard deviation) คือ คา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน ค่าเฉล่ียระดับผลการประเมินของผูต้ อบแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ ค่าเฉลี่ย 4.50 – 5.00 คะแนน หมายถงึ มีผลการประเมินอยู่ในระดบั มากท่ีสดุ ค่าเฉลี่ย 3.50 – 4.49 คะแนน หมายถึง มีผลการประเมนิ อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 2.50 – 3.49 คะแนน หมายถึง มผี ลการประเมินอยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉล่ีย 1.50 – 2.49 คะแนน หมายถึง มผี ลการประเมินอยู่ในระดับน้อย ค่าเฉล่ีย1.00 – 1.49 คะแนนหมายถงึ มีผลการประเมนิ อย่ใู นระดบั น้อยที่สุด 18
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ขอ้ มูลคร้ังน้ี มีวัตถุประสงค์ เพอ่ื ประเมินผลการพัฒนาส่ือการเรยี นการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ของ ศรช. กศน. ตำบลด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 80 คน เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบประเมินความพึงพอใจ ได้นำผลการวิเคราะห์ข้อมูล ในแบบตาราง ความถ่ี ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน (Standard deviation) ซึ่งใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS เพ่ือวิเคราะห์ค่าสถิติทั้งหมด ดงั มีรายละเอียดตอ่ ไปน้ีดังน้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลสว่ นตวั ของผตู้ อบแบบประเมนิ ความพงึ พอใจในการใชส้ อ่ื ออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms Education โดยการแจกแจงความถีแ่ ละค่าร้อยละ ของตัวแปร ตอนที่ 2 ผลการประเมนิ ความพึงพอใจการพัฒนาสอ่ื การเรียนการสอนออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms Education นกั ศกึ ษาระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ และระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ของ กศน.ตำบลท่าเยยี่ ม อำเภอโชคชยั จงั หวดั นครราชสมี า โดยการแจกแจงคา่ เฉลย่ี คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน ตอนท่ี 3 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอืน่ ๆ ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลส่วนตวั ของผู้ตอบแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ โดยการแจกแจงความถ่ี และค่าร้อยละของ ตัวแปร ข้อมูลสว่ นตัวของผู้ตอบแบบประเมนิ ความพึงพอใจ ที่เข้าร่วมกจิ กรรมตาม การพัฒนาส่ือการเรียนการ สอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษา ตอนปลาย ของ ศรช. กศน.ตำบลด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา และศึกษาความคิดเห็นของ นักศกึ ษาดว้ ย โดยใชส้ ือ่ ผา่ นออนไลน์ โดยการแจกแจงความถีแ่ ละค่าร้อยละของตวั แปร ดงั ตารางท่ี 1 19
ตารางที่ 1 จำนวน และค่าร้อยละ ของผู้ตอบแบบประเมินความพงึ พอใจ จำแนกตามเพศ อายุ และระดับ การศึกษา (N=80) ขอ้ มูลส่วนตัว จำนวน ร้อยละ 1. เพศ ชาย 42 52.50* หญงิ 38 47.50 รวม 80 100 2. อายุ 15 – 29 ปี 67 83.75* 30 – 49 ปี 13 16.25 50 ปขี ึ้นไป - - 3. ระดับการศึกษา มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 40 มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 40 50 50* รวม 80 100 หมายเหตุ : * หมายถึง ข้อมูลสว่ นใหญ่ จากตาราง ท่ี 1 พบว่า ผ้ตู อบแบบประเมินความพึงพอใจ จำนวน 80 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 42 คน คิดเป็นร้อยละ 52.50 เพศหญิง จำนวน 38 คน คิดเป็นร้อยละ 47.50 ส่วนใหญ่มีอายุ 15-29 ปี จำนวน 67 คน คิดเป็นร้อยละ 83.75 อายุ 30 – 49 ปี จำนวน 13 คน คิดเปน็ ร้อยละ 16.25 นักศึกษาระดับ มธั ยมศึกษาตอนต้น จำนวน 40 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 50 และมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 40 คน คิดเป็น ร้อยละ 50 ตามลำดับ 20
ตอนท่ี 2 วิเคราะหผ์ ลการประเมินความพึงพอใจ ของการพัฒนาสื่อการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education โดยการแจกแจงคา่ เฉล่ีย ค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน ตารางท่ี 2.1 คา่ เฉลี่ย คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดบั ผลการประเมนิ ความพึงพอใจ การพฒั นาสือ่ การสอน ออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms Education ของผู้ตอบแบบประเมินโครงการ ในภาพรวมและรายด้าน รายการ N = 80 ระดับผลการประเมิน X̅ S.D. 1. ดา้ นผูเ้ รียน 4.03 0.08 มาก 2. ด้านเนอ้ื หา ส่อื การสอน มาก 4.09 0.11 มาก รวม 4.06 0.10 จากตารางท่ี 2.1 พบว่า การประเมินความพึงพอใจ การพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ในภาพรวม มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (X̅=4.06) เม่ือพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า มีผลการประเมินความพึงพอใจ ด้านผู้เรียน มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ ในระดับมาก (X̅=4.09) และรองลงมาคือ ด้านเนื้อหา สอื่ การสอน มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับ มาก (X̅=4.03) ตามลำดับ 21
ตารางท่ี 2.2 คา่ เฉลีย่ คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดบั ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจ การพัฒนาส่ือการเรยี น การสอนออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms Education ของผ้ตู อบแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ ด้านเนอื้ หาส่ือ การสอน โดยจำแนกเป็นรายข้อ ดังนี้ รายการ N = 80 ระดบั ผลการ X̅ S.D. ประเมิน ดา้ นเนื้อหาส่อื การสอน 1. กิจกรรมสอดคลอ้ งกบั วัตถุประสงค์ของสื่อนวตั กรรม 4.07 0.56 มาก 3.97 0.69 มาก 2. บทเรียน ใบงาน ใบความรู้ ตรงกับของเนอ้ื หา มเี นือ้ หาครอบคลุมหลกั สตู ร 3.95 0.54 มาก 3. การผลิตส่อื การสอนออนไลน์ สอดคล้องและ เหมาะสม 4.05 0.50 มาก 4. สื่อออนไลน์ชว่ ยกระตุ้นความสนใจให้กบั ผูเ้ รยี น 4.08 0.64 มาก 5. สือ่ ออนไลนส์ ง่ เสริมให้ผเู้ รียน สามารถ คิดเป็น ทำเปน็ แกป้ ัญหาเปน็ 4.02 0.73 มาก รวม จากตารางที่ 2.2 พบว่า การประเมินความพึงพอใจ การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ในด้านเนื้อหา สื่อการสอน มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (X̅=4.02) เมื่อพจิ ารณาเป็นรายข้อ พบวา่ สอ่ื ออนไลน์สง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี น สามารถ คดิ เป็น ทำเป็น แกป้ ัญหาเป็น มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (X̅=4.08) รองลงมาคอื กจิ กรรมสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของส่ือนวัตกรรม มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (X̅=4.07) ส่ือออนไลน์ช่วยกระตุ้นความสนใจให้กับผู้เรียน มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (X̅=4.05) บทเรียน ใบงาน ใบความรู้ ตรงกับของเน้ือหามีเน้ือหาครอบคลุมหลักสูตร มีผลการ ประเมินอยู่ในระดับมาก (X̅=3.97) และการผลิตสื่อการสอนออนไลน์ สอดคล้องและเหมาะสม มีผลการ ประเมินอยู่ในระดบั มาก (X̅=3.95) ตามลำดับ 22
ตารางที่ 2.3 ค่าเฉลี่ย คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน และระดับผลการประเมนิ ความพึงพอใจ การพฒั นาสือ่ การเรียน การสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ของผู้ตอบแบบประเมินความพงึ พอใจ ดา้ นผเู้ รียน โดยจำแนกเป็นรายขอ้ ดงั น้ี รายการ N = 80 ระดับผลการ X̅ S.D. ประเมนิ ด้านผู้เรยี น 6. ผเู้ รียนมีความกระตุ้นใหเ้ รียนร้ดู ว้ ยตนเอง 4.17 0.23 มาก 7. ผู้เรียนมีความพึงพอใจในภาพรวมของส่ือออนไลน์ 3.95 0.26 มาก 8. ผู้เรยี นได้รับประโยชนจ์ ากการเขา้ ใชส้ อ่ื ผ่านออนไลน์ 4.25 0.43 มาก 9. ผเู้ รยี นมกี ารใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ เชิงสร้างสรรค์ 4.00 0.23 มาก 4.09 0.56 มาก รวม ตารางที่ 2.3 พบว่า ผลการประเมินความพึงพอใจ การพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ในด้านผู้เรียน มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (X̅=4.09) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ผู้เรียนได้รับประโยชน์จากการเข้าใช้ส่ือผ่านออนไลน์มีผลการประเมิน อยู่ใน ระดับมาก (X̅=4.25) รองลงมาคือ ผู้เรียนมีความกระตุ้นให้เรียนรู้ด้วยตนเอง มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (X̅=4.17) ผเู้ รยี นมีการใช้อินเทอรเ์ น็ตเชิงสรา้ งสรรค์ มีผลการประเมินอยู่ในระดบั มาก (X̅=4.00) และผู้เรียนมี ความพึงพอใจในภาพรวมของส่อื ออนไลน์ มผี ลการประเมินอยใู่ นระดับมาก (X̅=3.95) ตามลำดับ 23
บทท่ี 5 สรุปผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ จากการวเิ คราะหข์ ้อมูลผลการวจิ ัยการพฒั นาสือ่ การสอนออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms สามารถ สรุปผล อภปิ รายผล และมขี อ้ เสนอแนะ ดังน้ี สรปุ ผล ตอนท่ี 1 วเิ คราะหข์ ้อมูลสว่ นตัวของผ้ตู อบแบบประเมนิ ความพงึ พอใจในภาพรวม ผตู้ อบแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ จำนวน 80 คน ส่วนใหญเ่ ป็นเพศชาย จำนวน 42 คน คิดเปน็ ร้อยละ 52.50 เพศหญิง จำนวน 38 คน คิดเป็นร้อยละ 47.50 ส่วนใหญ่มีอายุ 15-29 ปี จำนวน 67 คน คิดเป็น ร้อยละ 83.75 อายุ 30 – 49 ปี จำนวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 16.25 นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 50 และมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 50 ตามลำดบั ตอนที่ 2 วิเคราะห์ผลการประเมนิ กจิ กรรมแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ พบว่า การประเมินความพึงพอใจ การพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ในภาพรวม มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (X̅=4.06) เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีผลการประเมินความพึงพอใจ ด้านผู้เรียน มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (X̅=4.09) และรองลงมาคือ ด้านเน้ือหา ส่ือการสอน มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (X̅=4.03) ตามลำดบั พบว่า การประเมินความพึงพอใจ การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ในด้านเนื้อหา สือ่ การสอน มผี ลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (X̅=4.02) เม่ือพิจารณา เปน็ รายข้อ พบว่า ส่อื ออนไลนส์ ่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียน สามารถ คิดเป็น ทำเป็น แกป้ ัญหาเป็น มีผลการประเมิน อยูใ่ น ระดบั มาก (X̅=4.08) รองลงมาคือ กิจกรรมสอดคลอ้ งกบั วัตถุประสงค์ของสื่อนวตั กรรม มีผลการประเมนิ อยู่ใน ระดับมาก (X̅=4.07) สื่อออนไลน์ช่วยกระตุ้นความสนใจให้กับผู้เรียน มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (X̅=4.05) บทเรียน ใบงาน ใบความรู้ ตรงกับของเนื้อหามีเน้ือหาครอบคลุมหลักสูตร มีผลการประเมินอยู่ใน ระดับมาก (X̅=3.97) และการผลติ ส่ือการสอนออนไลน์ สอดคล้องและเหมาะสม มีผลการประเมินอยู่ในระดับ มาก (X̅=3.95) ตามลำดบั 24
พบว่า ผลการประเมินความพึงพอใจ การพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ในด้านผู้เรียน มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (X̅=4.09) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ผู้เรียนได้รับประโยชน์จากการเข้าใช้สื่อผ่านออนไลน์มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (X̅=4.25) รองลงมาคือ ผู้เรียนมีความกระตุ้นให้เรียนรู้ด้วยตนเอง มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (X̅=4.17) ผู้เรียนมี การใช้อินเทอร์เน็ตเชิงสร้างสรรค์ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (X̅=4.00) และผู้เรียนมีความพึงพอใจใน ภาพรวมของสอ่ื ออนไลน์ มีผลการประเมนิ อยู่ในระดบั มาก (X̅=3.95) ตามลำดบั อภิปรายผลงานวจิ ยั ผลการวิจัยการพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์ โดยใช้ Google Forms Education มีผลการ ประเมินอยใู่ นระดับมาก (X̅=4.06) เน่ืองจากผู้วิจัย จดั กิจกรรมการเรียนการสอนผ่านออนไลน์ เพ่ือการป้องกัน การแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา่ 2019 จงึ ทำให้เปน็ แรงผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีทางการศึกษามา ใช้น้ัน เปน็ การดูแลช่วยเหลอื นักศึกษา เพ่ือเอ้ือ นักศึกษาและผู้สอนสามารถเรียนรู้ ให้นักศึกษาทำงานจากท่ีบา้ น ของตัวเองและครูผู้สอนสามารถมอบหมายงาน ตรวจงานและสร้างแบบวัดผลและประเมินผลการเรียนสามารถ เรียนนักศึกษาได้ทุกท่ีทุกเวลา New normal หรือความปกติใหม่นี้ การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรน่า 2019 ส่งผลให้สถานศึกษาเกิดการปรับตัวและมีการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ที่เกิดขึ้น อย่างรวดเร็ว และหาวิธีแก้ปัญหา สำหรับใบงานเป็นรูปแบบสื่อพ้ืนฐานท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอน และ สามารถเข้าใจได้ง่าย และปัจจุบันน้ี เป็นสังคมยุคดิจิตอล นักศึกษาทุกคนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ เท่าเทยี มกัน ดงั นนั้ เพือ่ เพ่ิมประสทิ ธภิ าพในการเรียนการสอน จึงนำสื่อ ใบงาน อัพโหลดงานในแอฟ กูเกิล้ ไดรฟ์ นำใบงาน นำเข้าในกลุ่มเฟ๊สบุ๊ค กลุ่มไลน์ เพ่ือเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับ นักศึกษา และให้นักศึกษา เขา้ ถงึ แหล่งความรู้ได้อย่างเท่าเทียมกนั จากผลการประเมินความพึงพอใจ ดังกล่าว มีประเด็นที่น่าสนใจนำมาอภิปรายผล ดังน้ี พบว่า ผู้เรียน ได้รับประโยชนจ์ ากการเข้าใช้สื่อผ่านออนไลน์ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (X̅=4.25) ท้ังน้ี นักศกึ ษา ได้รับ ประโยชน์จาการเข้าไปใช้สื่อผ่านออนไลน์ ทำให้นักศึกษา สามารถเข้าไปเรียน ทำใบงาน แบบทดสอบย่อย และเข้าสอบกลางภาค ใช้งานผ่านสื่อออนไลน์ด้วย Google Forms Education ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่จำกัด สถานท่ีและไม่จำกัดจำนวนครั้ง ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้บรรลุผลตามเป้าหมายผู้สอน และเป็นการป้องกันการ แพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรน่า 2019 ด้วย ส่งผลให้งานวิจยั บรรลุตามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีกำหนดไว้ 25
ปัญหา/อปุ สรรค - การเรยี นการสอนออนไลนน์ ักศึกษาบางกลุ่ม ไม่ได้อัพเดทเวอร์ชั่นลา่ สดุ หน่วยความจำของมือถือไม่ เพียงพอ สำหรับการอัพเดท - ความเสถยี รของระบบสญั ญาณอนิ เตอรเ์ นต็ - นักศึกษาบางส่วนทำงานรับจ้าง และบางคนทำงานหาเล้ียงชีพทำให้ต้องสละเวลาเรียนเพื่อช่วยงาน แบง่ เบาภาระครอบครวั ไม่สามารถเรียนรู้ไดต้ ามเวลาทค่ี รู ONLINE ได้ 26 ข้อเสนอแนะเพือ่ การพัฒนาครงั้ ตอ่ ไป 1. ครู ผู้สอนควรมีการพฒั นาสือ่ การสอนโดยการใชส้ อ่ื ผ่านออนไลน์ ในรายวิชาอ่นื ๆ ใหท้ นั สมยั ใน ยุคดิจิทลั สะดวกต่อการใชง้ านของนักศกึ ษา ตอ่ ไป 2. ครู ควรทำแบบทดสอบ ใบงาน เปน็ ขอ้ สอบ ปรนยั 26
ภาคผนวก
แบบประเมินความพงึ พอใจ การพฒั นาสอ่ื การเรยี นการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ……………………………………………………………………………. คำชี้แจง แบบประเมนิ นี้มีวัตถุประสงค์ เพอื่ ทราบความพึงพอใจในการร่วมกจิ กรรมและนำข้อมลู มาใช้ ประโยชน์ในการพฒั นาการดำเนนิ งาน ส่วนที่ 1 ข้อมูลทัว่ ไป 1.1 เพศ ชาย หญงิ 1.2 อายุ 15– 29 ปี 30–49 ปี 50 ปีขนึ้ ไป 1.3 ระดบั การศึกษา ประถมศึกษา มธั ยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย สว่ นท่ี 2 ดา้ นความพึงพอใจของ นกั ศึกษาระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ของ ศรช. กศน.ตำบลดา่ นเกวยี น สงั กดั ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอโชคชัย คำชแ้ี จง โปรดทำเครื่องหมาย / ลงในช่องทีต่ รงกบั ความคิดเหน็ ของท่านเพยี งชอ่ งเดยี ว ท่ี รายการ ระดบั การประเมนิ /ความรู้ทีไ่ ด้รบั /การนำไปใช้ ด้านเน้อื หาส่ือการสอน มากที่สดุ มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย 1 กิจกรรมสอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงคข์ องส่ือนวัตกรรม กลาง ท่ีสดุ 2 บทเรยี น ใบงาน ใบความรู้ ตรงกับของเนื้อหา มเี นอื้ หาครอบคลุมหลกั สตู รรายวชิ าวิทยาศาสตร์ 3 การผลติ สอื่ การสอนออนไลน์ สอดคลอ้ งและ เหมาะสม 4 ส่อื ออนไลนช์ ่วยกระต้นุ ความสนใจใหก้ ับผเู้ รียน 5 สอ่ื ออนไลนส์ ง่ เสรมิ ให้ผู้เรียน สามารถ คดิ เป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเปน็ ด้านผเู้ รยี น 6 ผูเ้ รยี นมีความกระต้นุ ให้เรยี นรู้ด้วยตนเอง 7 ผู้เรยี นมคี วามพึงพอใจในภาพรวมของสื่อออนไลน์ 8 ผเู้ รยี นไดร้ ับประโยชนจ์ ากการเขา้ ใช้สือ่ ผ่านออนไลน์ 9 ผู้เรยี นมกี ารใช้อินเทอรเ์ นต็ เชิงสรา้ งสรรค์
ตารางวเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยใช้โปรแกรม spss แบบประเมินความพึงพอใจ พัฒนาสือ่ การเรยี นการสอนออนไลน์ โดยใช้ Google Forms Education ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ศรช. กศน.ตำบลดา่ นเกวยี น อำเภอโชคชยั จังหวัดนครราชสมี า ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 เพศ Valid ชาย Frequency Percent Valid Percent Cumulative หญิง 42 52.5 52.5 Percent Total 38 47.5 47.5 52.5 80 100.0 100.0 100.0 อายุ Valid 15-29 ปี Frequency Percent Valid Percent Cumulative 30-49 ปี 67 83.8 83.8 Percent Total 13 16.3 16.3 83.8 80 100.0 100.0 100.0 ระดบั การศกึ ษา Valid มัธยมศกึ ษาตอนต้น Frequency Percent Valid Percent Cumulative มัธยมศึกษาตอนปลาย 40 50.0 50.0 Percent Total 40 50.0 50.0 80 100.0 100.0 50.0 100.0
ขอ้ ท่ี 1 กิจกรรมสอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องส่อื นวัตกรรม Cumulative Frequency Percent Valid Percent Percent Valid ปานกลาง 10 12.5 12.5 12.5 มาก 54 67.5 67.5 80.0 มากทส่ี ุด 16 20.0 20.0 100.0 Total 80 100.0 100.0 ข้อท่ี 2 บทเรยี น ใบงาน ใบความรู้ ตรงกับของเน้ือหา Cumulative Frequency Percent Valid Percent Percent Valid ปานกลาง 20 25.0 25.0 25.0 มาก 42 52.5 52.5 77.5 มากทส่ี ดุ 18 22.5 22.5 100.0 Total 80 100.0 100.0 ขอ้ ท่ี 3 การผลติ สอื่ การสอนออนไลน์ สอดคลอ้ งและเหมาะสม Cumulative Frequency Percent Valid Percent Percent Valid ปานกลาง 14 17.5 17.5 17.5 มาก 56 70.0 70.0 87.5 มากทส่ี ดุ 10 12.5 12.5 100.0 Total 80 100.0 100.0 ขอ้ ท่ี 4 ส่ือออนไลนช์ ว่ ยกระต้นุ ความสนใจให้กับผู้เรยี น Cumulative Frequency Percent Valid Percent Percent Valid ปานกลาง 8 10.0 10.0 10.0 มาก 60 75.0 75.0 85.0 มากที่สุด 12 15.0 15.0 100.0 Total 80 100.0 100.0 ขอ้ ท่ี 5 สอ่ื ออนไลนส์ ่งเสรมิ ให้ผ้เู รยี น สามารถ คิดเป็น ทำเปน็ แก้ปญั หาเปน็ Cumulative Frequency Percent Valid Percent Percent Valid ปานกลาง 13 16.3 16.3 16.3 มาก 47 58.8 58.8 75.0 มากทส่ี ดุ 20 25.0 25.0 100.0 Total 80 100.0 100.0
ขอ้ ที่ 6 ผเู้ รียนมีความกระตนุ้ ให้เรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง Cumulative Frequency Percent Valid Percent Percent Valid ปานกลาง 1 1.3 1.3 1.3 มาก 64 80.0 80.0 81.3 มากทส่ี ดุ 15 18.8 18.8 100.0 Total 80 100.0 100.0 ขอ้ ท่ี 7 ผเู้ รียนมคี วามพงึ พอใจในภาพรวมของสอ่ื ออนไลน์ Cumulative Frequency Percent Valid Percent Percent Valid ปานกลาง 19 23.8 23.8 23.8 มาก 46 57.5 57.5 81.3 มากท่ีสดุ 15 18.8 18.8 100.0 Total 80 100.0 100.0 ขอ้ ท่ี 8 ผู้เรยี นได้รับประโยชน์จากการเข้าใช้ส่ือผา่ นออนไลน์ Cumulative Frequency Percent Valid Percent Percent Valid ปานกลาง 5 6.3 6.3 6.3 มาก 50 62.5 62.5 68.8 มากทสี่ ดุ 25 31.3 31.3 100.0 Total 80 100.0 100.0 ขอ้ ที่ 9 ผู้เรยี นมีการใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ เชิงสร้างสรรค์ Cumulative Frequency Percent Valid Percent Percent Valid ปานกลาง 17 21.3 21.3 21.3 มาก 46 57.5 57.5 78.8 มากที่สุด 17 21.3 21.3 100.0 Total 80 100.0 100.0
Descriptive Statistics N Minimum Maximum Mean Std. Deviation ดา้ นเน้ือหาส่ือการสอน ข้อที่ 1 กจิ กรรมสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์ของส่อื นวัตกรรม 80 3.00 5.00 4.0750 .56870 3.9750 .69309 ข้อที่ 2 บทเรียน ใบงาน ใบความรู้ ตรงกับของเนอื้ หา 80 3.00 5.00 3.9500 .54888 4.0500 .50063 ข้อที่ 3 การผลิตสอ่ื การสอนออนไลน์ สอดคลอ้ งและเหมาะสม 80 3.00 5.00 4.0875 .64029 ขอ้ ท่ี 4 สอ่ื ออนไลน์ช่วยกระตุน้ ความสนใจให้กบั ผู้เรยี น 80 3.00 5.00 ขอ้ ที่ 5 สอ่ื ออนไลนส์ ่งเสริมใหผ้ ูเ้ รยี น สามารถ คิดเป็น ทำเปน็ 80 3.00 5.00 แก้ปัญหาเปน็ รวม 4.03 0.08 ดา้ นผเู้ รียน ขอ้ ที่ 6 ผ้เู รยี นมีความกระตุ้นให้เรียนรู้ดว้ ยตนเอง 80 3.00 5.00 4.1750 .41415 3.9500 .65410 ข้อที่ 7 ผู้เรยี นมคี วามพึงพอใจในภาพรวมของส่อื ออนไลน์ 80 3.00 5.00 4.2500 .56254 4.0000 .65603 ขอ้ ที่ 8 ผเู้ รียนไดร้ ับประโยชน์จากการเข้าใชส้ ือ่ ผา่ นออนไลน์ 80 3.00 5.00 4.09 0.11 ข้อที่ 9 ผูเ้ รียนมีการใช้อนิ เทอรเ์ นต็ เชิงสรา้ งสรรค์ 80 3.00 5.00 รวม Valid N (listwise) 80
บรรณานุกรม คำพี ตรงกลาง. (2551). การศึกษาปัญหาการประพฤติผิดระเบียบ วินัยของนักเรียนระดับ มธั ยมศึกษาตอนต้น. หนังสือทางวิชาการวิจยั , มหาวทิ ยาลยั วงษ์ชวลติ กุล นครราชสีมา. คณะกรรมการกลุ่มผลิตชดุ วชิ าจิตวิทยาและวทิ ยาการการเรียนรู้. (2555). จิตวิทยาและวิทยาการ การเรยี นร้.ู โรงพมิ พ์มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช, กรงุ เทพมหานคร ดำรุง จนั ทวานิช. เลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. 2551. คณุ ธรรม 8 ประการของผูเ้ รยี น เจตคตแิ ละ พฤติกรรม. ห้างห้นุ ส่วนจำกัด ภาพพิมพ์, กรุงเพทมหานคร ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยธุ ยา. พิมพ์คร้ังท่ี 2 (2553). รูปแบบการเรยี นการสอนแบบบูรณาการท่ีจะ นำเดก็ ๆ สู่คุณธรรมนำความรู้. สำนักพมิ พ์อักษรเจริญทัศน์, กรงุ เพทมหานคร ดร.สมบัติ สุวรรณพทิ ักษ.์ (2542). เทคนิคการสอนแนวใหม่. โรงพมิ พส์ หกรณ์การเกษตรแห่งประเทศ ไทย, กรงุ เทพมหานคร วันวิสาข์ เคน แปล. (2556). การเรียนร้แู ห่งศตวรรษที่ 21 เพื่อ 7 หลักการสรา้ งนักเรียนรแู้ ห่งอนาคต ใหม.่ สำนกั พิมพ์ OPENWORLDS, กรงุ เทพมหานคร รองศาสตราจารย์มัณฑรา ธรรมบุศย์ ทฤษฎีการเรียนรู้ของธอร์นไดค์ - จิตวิทยาสำหรับครู(502204) [ออนไลน]์ เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://goo.gl/PTVRSz (วนั ทค่ี ้นข้อมลู วันท่ี 12 มนี าคม 2564). สุคนธ์ สนิ ธพานนท์ และคณะ. (2545). การจัดกระบวนการเรียนรู้: เน้นผู้เรยี นเปน็ สำคัญ. สำนักพิมพ์ อักษรเจริญทัศน์, กรงุ เทพมหานคร. การพัฒนาส่ือการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ของรายวิชาออกแบบเครื่องเรือนและ การประมาณราคา รหัสวิชา 554341 [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://goo.gl/7NH3pe (วันท่ีค้นข้อมูลวันท่ี 16 สงิ หาคม 2564).
คณะผู้จัดทำ ทปี่ รึกษา วัฒนกสกิ าร ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอโชคชัย หาญกลา้ บรรณารักษ์ชำนาญการพเิ ศษ นางจรี ะภา ม่งุ ภกู่ ลาง ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน นางสวุ ิมล เชื่อปัญญา ครอู าสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน นายสมชาย นางจงรกั ษ์ คูณเพิ่มพูนทอง ครู กศน.ตำบล เรียบเรียง/จดั รปู เล่ม นางสาวอณัญญา
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอโชคชัย สำนักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั นครราชสมี า
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: