หน่หวยนก่วายรกเราียรนเรรียู้ทนี่ ร5ู้ทค่ี ว3าสมมภกาาครภเชูมิงใิ เจสใ้นนตคัววแามปเรปเ็ดนยี ไวทย แแผผนนกกาารรจจดั ดั กกาารรเรเรียียนนรรู้ทู้ท่ี 1่ี 2 เร่ือเรง่ือปงระแโหยลค่งภวาฒั ษนาแธลระรปมรในะโชยุมคชสนัญ:ล1กั ษณ์ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชีว้ ดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใชน้ ิพจน์ สมการ และอสมการ อธิบายความสัมพนั ธ์หรือช่วยแกป้ ัญหาท่ีกาหนดให้ ตวั ชี้วัด ค 1.3 ม.1/1 เขา้ ใจและใชส้ มบตั ิของการเท่ากนั และสมบตั ิของจานวน เพอื่ วิเคราะห์ และแกป้ ัญหาโดยใชส้ มการเชิงเสน้ ตวั แปรเดียว จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความสมั พนั ธ์ของประโยคภาษาและประโยคสัญลกั ษณ์ (K) 2. เขียนประโยคสัญลกั ษณ์แทนประโยคภาษาท่ีกาหนดให้ (P) 3. มีความกระตือรือร้น สนใจและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ในช้นั เรียน (A) สาระสาคญั การเขียนประโยคสญั ลกั ษณ์แทนประโยคภาษา สามารถนาตวั แปรมาเขียนแทนจานวนที่ไม่ทราบคา่ และสมการเป็นประโยคสัญลกั ษณ์ท่ีกล่าวถึงความเท่ากนั ของจานวนสองจานวน
สาระการเรียนรู้ ประโยคภาษาและประโยคสัญลกั ษณ์ สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด - การจาแนก การใหเ้ หตุผล การสรุปความรู้ การปฏิบตั ิ/การสาธิต 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมน่ั ในการทางาน คาถามสาคัญ ถา้ ตอ้ งการหาคาตอบจากประโยคภาษาทางคณิตศาสตร์จะทาอยา่ งไร
การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข•้ันส•ัง•เก•ต •รว•บร•ว•มข•้อ•มูล• (•G•ath•e•rin•g)• 1. นกั เรียนร่วมกนั ทบทวนความรู้เดิม และตอบคาถามกระตนุ้ ความคิด ดงั น้ี • ในการแกป้ ัญหาโจทยค์ ณิตศาสตร์ ถา้ มีจานวนที่ไมท่ ราบคา่ จะทาอยา่ งไร (กาหนดตวั แปร) • ตวั แปรท่ีใชใ้ นปัจจุบนั มีอะไรบา้ ง (ตวั อยา่ งคาตอบ a, b, c, x, y, z) 2. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยใชค้ าถามกระตนุ้ ความคดิ ดงั น้ี • ถา้ ตอ้ งการหาคาตอบจากประโยคภาษาทางคณิตศาสตร์จะทาอยา่ งไร 3. นกั เรียนศึกษา รวบรวมขอ้ มูลเก่ียวกบั ประโยคภาษาและประโยคสัญลกั ษณ์ จากแหล่งการเรียนรู้ ท่ีหลากหลาย เช่น การสังเกต การร่วมกนั สนทนากบั เพื่อนในช้นั เรียน จากหนงั สือเรียนหรือจากอินเทอร์เนต็ •ข้นั• ค•ิด•วิเค•ร•าะ•ห์แ•ละ•ส•รุป•ค•วาม•ร•ู้ (•Pr•oc•ess•in•g) • 4. นกั เรียนพจิ ารณาตวั อยา่ งประโยคภาษาบนกระดาน แลว้ ตอบคาถามกระตุน้ ความคิด ดงั น้ี พิจารณาประโยคภาษาต่อไปน้ี 1) จานวนจานวนหน่ึงบวกดว้ ยหกเท่ากบั เกา้ 2) ส่ีนอ้ ยกวา่ หา้ 3) จานวนจานวนหน่ึงบวกดว้ ยหกนอ้ ยกวา่ เกา้ 4) จานวนจานวนหน่ึงคูณดว้ ยเกา้ มากกวา่ เจ็ดสิบสอง 5) จานวนจานวนหน่ึงหารดว้ ยสิบสองมากกวา่ เจ็ด • จากตวั อยา่ งขอ้ 1)-5) เขียนเป็นประโยคสัญลกั ษณ์ไดอ้ ย่างไร (1) x + 6 = 9 2) 4 < 5 3) x + 6 < 9 4) x 9 > 72 5) x ÷ 12 > 7) • จากตวั อยา่ งขอ้ 1)-5) ประโยคสญั ลกั ษณ์ใดบา้ งท่ีมีตวั แปร (ขอ้ 1), 3), 4) และ 5)) • ประโยคสญั ลกั ษณ์ในขอ้ ใดบา้ งที่ไมม่ ีตวั แปร (ขอ้ 2))
5. นกั เรียนพิจารณาตวั อยา่ งประโยคภาษาบนกระดาน แลว้ ตอบคาถามกระตุน้ ความคิด ดงั น้ี พจิ ารณาประโยคภาษาต่อไปน้ี 1) จานวนจานวนหน่ึงบวกดว้ ยหกเท่ากบั เกา้ 2) จานวนจานวนหน่ึงลบดว้ ยเกา้ เทา่ กบั สิบแปด 3) สองเทา่ ของจานวนหน่ึงเท่ากบั ส่ีสิบสอง 4) จานวนจานวนหน่ึงหารดว้ ยเจ็ดเท่ากบั สิบสาม • จากตวั อยา่ งขอ้ 1)-4) เขียนประโยคสัญลกั ษณ์ไดอ้ ยา่ งไร (1) x + 6 = 9 2) x – 9 = 18 3) 2x = 42 4) x ÷ 7 = 13) • ประโยคสญั ลกั ษณ์ขอ้ ใดบา้ งท่ีเรียกวา่ สมการ (ขอ้ 1)-4)) • ประโยคสัญลกั ษณ์ท่ีเรียกวา่ สมการมีสัญลกั ษณ์เป็นอยา่ งไร (เป็นประโยคสัญลกั ษณ์ที่ กลา่ วถึงความสมั พนั ธข์ องจานวนสองจานวน โดยมีสัญลกั ษณ์ “ = ” บอกความสัมพนั ธ์ระหวา่ งจานวน ท้งั สองน้นั ) 6. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายสรุปเกี่ยวกบั เร่ือง ประโยคภาษาและประโยคสัญลกั ษณ์ โดยพิจารณา จากตวั อยา่ งคาตอบ จากคาถามกระตุน้ ความคิดของนกั เรียนและกิจกรรมขา้ งตน้ ดงั น้ี การเขียนประโยคสญั ลกั ษณ์ท่ีเขียนแทนประโยคภาษา สามารถนาตวั แปรเขยี นแทนจานวน ที่ไมท่ ราบค่า สมการ เป็นประโยคสัญลกั ษณ์ท่ีกล่าวถึงความสัมพนั ธ์ของจานวนสองจานวน โดยมีสัญลกั ษณ์ “ = ” บอกความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งจานวนท้งั สองจานวน ซ่ึงอาจมีตวั แปรหรือไมม่ ีตวั แปรกไ็ ด้ 7. นกั เรียนตอบคาถามกระตุน้ ความคดิ ดงั น้ี • ประโยคสญั ลกั ษณ์ที่เขยี นแทนประโยคภาษา จาเป็นตอ้ งมีตวั แปรหรือไม่ (มีตวั แปร หรือไม่มีตวั แปรกไ็ ด)้ • ประโยคสญั ลกั ษณ์ สัญลกั ษณ์ที่เรียกวา่ สมการ จะมีสัญลกั ษณ์ใดบอกความสมั พนั ธข์ อง จานวนสองจานวน (สญั ลกั ษณ์ “ = ”)
ข•้ัน•ปฏ• บิ •ัต•แิ ล•ะ•สร•ุป•คว•าม•ร•ู้หล•งั •กา•รป•ฏ•บิ •ัติ•(A•p•ply•in•g•an•d•C•on•st•ru•ct•in•g t•he• K• n•ow•le•dg•e)• •8. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน ร่วมกนั เขียนประโยคสญั ลกั ษณ์แทนประโยคภาษา กลมุ่ ละ 5 ประโยค จากน้นั สลบั ผลงานกบั กลุ่มอื่น ๆ เพอื่ ร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง กิจกรรมน้ีสร้างเสริมทกั ษะศตวรรษท่ี 21 ดา้ นการร่วมมือทางานเป็นทีม 9. นกั เรียนยกตวั อย่างประโยคภาษามาคนละ 5 ประโยค พร้อมท้งั เขียนเป็นประโยคสัญลกั ษณ์ ลงบนกระดาษเปล่า จากน้นั สลบั ผลงานกบั เพ่อื น เพ่อื ร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 10. นกั เรียนร่วมกนั สรุปส่ิงที่เขา้ ใจเป็นความรู้ร่วมกนั ดงั น้ี การเขยี นประโยคสัญลกั ษณ์แทนประโยคภาษา สามารถนาตวั แปรมาเขียนแทนจานวนที่ ไมท่ ราบค่าและสมการเป็นประโยคสัญลกั ษณ์ที่กล่าวถึงความเทา่ กนั ของจานวนสองจานวน •ข้นั• ส•ื่อส•า•รแ•ละ•น•าเส•น•อ •(A•pp•ly•ing• t•he•C•om• m• u•nic•at•io•n S•k•ill•) 11. นกั เรียนออกมานาเสนอผลงานเกี่ยวกบั ประโยคภาษาและประโยคสญั ลกั ษณ์หนา้ ช้นั เรียน โดยมีนกั เรียนและครูร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 12. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายสรุปเก่ียวกบั วิธีการทางานใหเ้ ห็นการคดิ เชิงระบบและวธิ ีการทางาน ท่ีมีแบบแผน
•ข้นั• ป•ระ•เม•ิน•เพ•่ือเ•พม่ิ• ค•ุณ•ค่า•บร•ิก•าร•สัง•คม•แ•ละ•จ•ติ ส•าธ•าร•ณะ• (•Se•lf-•Re•gu•lat•in•g) • 13. นกั เรียนนาความรู้ไปช่วยสอนเพ่ือน ๆ ที่ยงั ไม่เขา้ ใจเกี่ยวกบั ประโยคภาษาและประโยคสัญลกั ษณ์ ใหเ้ กิดความเขา้ ใจยง่ิ ข้ึน 14. นกั เรียนประเมินตนเอง โดยเขยี นแสดงความรู้สึกหลงั การเรียนและหลงั การทากิจกรรม ในประเด็นต่อไปน้ี • ส่ิงที่นกั เรียนไดเ้ รียนรู้ในวนั น้ีคอื อะไร • นกั เรียนมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลมุ่ มากนอ้ ยเพยี งใด • เพ่ือนนกั เรียนในกล่มุ มีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพยี งใด • นกั เรียนพงึ พอใจกบั การเรียนในวนั น้ีหรือไม่ เพยี งใด • นกั เรียนจะนาความรู้ท่ีไดน้ ้ีไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมทว่ั ไป ไดอ้ ยา่ งไร จากน้นั แลกเปลี่ยนตรวจสอบข้นั ตอนการทางานทกุ ข้นั ตอนวา่ จะเพิ่มคุณค่าไปสู่สังคม เกิดประโยชนต์ ่อสังคมใหม้ ากข้นึ กวา่ เดิมในข้นั ตอนใดบา้ ง สาหรับการทางานในคร้ังต่อไป ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน คณิตศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 เลม่ 1 ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) 2. แผน่ ประโยคภาษา 3. แหลง่ การเรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน การประเมนิ การเรียนรู้ 1. ประเมินความรู้ เรื่อง ประโยคภาษาและประโยคสัญลกั ษณ์ (K) ดว้ ยแบบทดสอบ 2. ประเมินกระบวนการทางานกลุม่ (P) ดว้ ยแบบประเมิน 3. ประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มน่ั ในการทางาน (A) ดว้ ยแบบประเมิน
แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics) แบบประเมินกระบวนการทางานกล่มุ รายการการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ กระบวนการ 4 32 1 ทางานกลุ่ม มีการกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท ไม่มีการกาหนด สมาชิกชดั เจน และ บทบาทสมาชิก มีการช้ีแจงเป้าหมาย สมาชิกชดั เจน เฉพาะหวั หนา้ และไม่มีการช้ีแจง การทางาน มีการ เป้าหมาย สมาชิก ปฏิบตั ิงานร่วมกนั มีการช้ีแจงเป้าหมาย ไม่มีการช้ีแจงเป้าหมาย ต่างคนต่างทางาน อยา่ งร่วมมือร่วมใจ พร้อมกบั การประเมิน อยา่ งชดั เจนและ อยา่ งชดั เจน เป็นระยะ ๆ ปฏิบตั ิงานร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั แตไ่ มม่ ีการประเมิน ไม่ครบทกุ คน เป็นระยะ ๆ
ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศึกษา ลงช่ือ ) ( ) ตาแหน่ง บันทกึ หลงั การสอน ผลการจดั การเรียนการสอน ปัญหา/อุปสรรค แนวทางแกไ้ ข ครูผสู้ อน ( วนั ที่บนั ทึก
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สมการเชิงเส้นตวั แปรเดยี ว แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ประโยคภาษาและประโยคสัญลกั ษณ์
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: