เชื่อมอาร์กด้วยลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ 2

ลขิ สทิ ธิ์เปนของบริษัท สาํ นกั พมิ พเ อมพนั ธ จาํ กัด วชิ า งานเชอ่ื มโลหะ 2 บทที่ 5 แผนที่ 1 69

1. การบดิ ตวั (Distortion) ในขณะท่ีเกิดอารกจะเกิดความรอนสูงมาก จนทําให ชิ้นงานเกิดการหลอมละลาย ซ่ึงความรอนที่เกิดขึ้นน้ีจะมีผล ทํ าใหชิ้นงานเกิดการขยายตัวหรือหดตัว ทําใหชิ้นงาน เกิดความเคนข้ึน ซึ่งความเคนที่เกิดขึ้นนี้สงผลใหชิ้นงานเกิด การบดิ งอ แสดงการบดิ งอของชน้ิ งาน ลขิ สทิ ธิ์เปนของบริษัท สาํ นกั พมิ พเ อมพนั ธ จาํ กัด วชิ า งานเชอ่ื มโลหะ 2 บทที่ 5 แผนที่ 2 70

สําหรับวิธีการแกไขการบิดงอเมื่อเกิดขึ้นกับงานเช่ือม สามารถทําไดหลายวิธดี ังน้ี ตดั ใหต รงในขณะทช่ี น้ิ งานยงั รอ นอยหู รอื เยน็ แลว กไ็ ด เชื่อมพอกเสริมแนวเชื่อมบางสวน อบชุบชิ้นงานหลังจากการเชื่อม เซาะแนวเชอ่ื มสว นทท่ี ํางานบดิ งอออก และเชอ่ื มใหม ตามขน้ั ตอนทถ่ี กู ตอ ง 2. การเตรยี มรอยตอ เชอ่ื มไมถ กู ตอ ง จะเปนสาเหตุใหเกิดการบิดงอของชิ้นงานได เชน เตรียมรอยตอกวางเกินไป ทําใหตองเช่ือมหลาย ๆ แนว จึงเกิดความรอนกับชิ้นงานมากตามไปดวยเชนกัน แสดงการเตรยี มรอยตอ งานเชอ่ื มทถ่ี กู ตอ ง ลขิ สทิ ธิ์เปนของบริษัท สาํ นกั พมิ พเ อมพนั ธ จาํ กัด วชิ า งานเชอ่ื มโลหะ 2 บทที่ 5 แผนที่ 3 71

3. ขนาดของแนวเชอ่ื มไมถ กู ตอ ง (ก) ขนาดของแนวเชื่อมไมเทากัน (ข) ขาแนวเชื่อมไมเทากัน (ค) แนวเชอ่ื มนนู มากเกนิ ไป 4. รปู รา งและลกั ษณะแนวเชอ่ื มไมถ กู ตอ ง 4.1 การลนแนว เปนลักษณะที่แนวเชื่อมหลอมละลาย ติดกับเน้ือโลหะช้ินงานไมดี และนูนสูงเกินผิวของช้ินงาน มากเกินไป ทาํ ใหเ กดิ ซอกใตแ นวเชอ่ื มเดมิ แสดงลกั ษณะการลน แนว ลขิ สทิ ธิ์เปนของบริษัท สาํ นกั พมิ พเ อมพนั ธ จาํ กัด วชิ า งานเชอ่ื มโลหะ 2 บทที่ 5 แผนที่ 4 72

4.2 การเวาของแนวเช่ือม เปนลักษณะที่แนวเชื่อม ยุบตัวตํา่ ลง เนอ่ื งจากการไหลยอ นของนา้ํ โลหะทห่ี ลอมละลาย แสดงลกั ษณะการเวาของแนวเชื่อม 5. ขนาดของแนวเชอ่ื มไมถ กู ตอ ง ขนาดของแนวเช่ือมเล็กหรือใหญเกินไปจะมีผลตอ คณุ ภาพของแนวเชอ่ื ม แสดงลักษณะขนาดของแนวเชื่อมไมถูกตอง ลขิ สทิ ธิ์เปนของบริษัท สาํ นกั พมิ พเ อมพนั ธ จาํ กัด วชิ า งานเชอ่ื มโลหะ 2 บทที่ 5 แผนที่ 5 73

1. รพู รนุ ตามด (Porosity) เกิดขึ้นจากสนิมของโลหะช้ินงาน ฝุนละอองและ ความช้ืนท่เี กาะอยูตามผิวของช้ินงาน เกิดจากลวดเช่ือมและ แกสปกคลุม หรือบางคร้ังอาจเกิดจากอุปกรณการเชื่อมเอง เชน ระบบการระบายความรอนและลูกกลิ้งในระบบขับดัน ลวดเชื่อม ตามดมลี กั ษณะเปน โพรงแกส ทรงกลม แสดงลกั ษณะของรพู รนุ ลกั ษณะตา ง ๆ ลขิ สทิ ธิ์เปนของบริษัท สาํ นกั พมิ พเ อมพนั ธ จาํ กัด วชิ า งานเชอ่ื มโลหะ 2 บทที่ 5 แผนที่ 6 74

2. สแลกฝงใน หมายถึง ออกไซดหรือโลหะท่ีฝงตัวอยูในแนวเช่ือม หรือระหวางเนื้อของลวดเชื่อมกับโลหะช้ินงานขณะทํ า การเชอ่ื ม แสดงลักษณะสแลกฝงในแนวเช่ือม 3. การหลอมละลายไมสมบูรณ เนื่องจาก ลวดเช่ือมในรอยตอหลอมละลายติดกับ โลหะไมสมบูรณ หรือแนวเชื่อมแตละช้ันหลอมติดกัน ไมสมบูรณ แสดงลกั ษณะการหลอมละลายไมสมบรู ณ ลขิ สทิ ธิ์เปนของบริษัท สาํ นกั พมิ พเ อมพนั ธ จาํ กัด วชิ า งานเชอ่ื มโลหะ 2 บทที่ 5 แผนที่ 7 75

4. ทังสเตนฝงใน ขอบกพรองเกิดเน่ืองจากทังสเตนฝงในแนวเช่ือม จะพบในกระบวนการเชื่อม ซ่ึงตองใชแทงทังสเตนเปน ลวดเชื่อมอารกกับชิ้นงานทํ าใหเ กิ ดความรอน เชน กระบวนการเชื่อมทิก แทงทังสเตนอาจจะสัมผัสกับบอ หลอมละลาย ทําใหป ลายแทง ทงั สเตนหลดุ ลงในบอ 5. รอยกดั ขอบ ร อ ย กั ด ข อ บ ข อ ง แ น ว เ ช่ื อ ม จ ะ มี ลั ก ษ ณ ะ เ กิ ด ก า ร แหวงหาย ขอบของแนวเชื่อม และความหนาของโลหะงาน บริเวณรอยเชื่อมสุดทายลดลง รอยกัดขอบทั้งสองลักษณะ จะมีสาเหตุจากกรรมวิธีการเชื่อมท่ีไมเหมาะสม เชน ระยะ อารกหางเกินไป ใชก ระบวนการเชอ่ื มไมเ หมาะสม แสดงลกั ษณะรอยกดั ขอบของแนวเชอ่ื ม ลขิ สทิ ธิ์เปนของบริษัท สาํ นกั พมิ พเ อมพนั ธ จาํ กัด วชิ า งานเชอ่ื มโลหะ 2 บทที่ 5 แผนที่ 8 76

6. แนวเชอ่ื มซมึ ลกึ นอ ยเกนิ ไป เปนลักษณะการซึมลึกของแนวเชื่อมท่ีไมสมบูรณ ซึ่งอาจเกิดข้ึนเน่ืองจากบริเวณกนรอยเช่ือมรอนไมถึงจุด หลอมละลาย โดยทล่ี วดเชอ่ื มจะหลอมละลายตดิ กบั โลหะงาน สวนนั้นกอน และจะทําใหความรอนไมสามารถหลอมละลาย ช้ินงานสว นลา งสดุ ได แสดงลกั ษณะแนวเชอ่ื มซมึ ลกึ นอ ยเกนิ ไป แสดงการเตรียมเผื่อขนาดของรอยตอที่ไมถูกตอง ลขิ สทิ ธิ์เปนของบริษัท สาํ นกั พมิ พเ อมพนั ธ จาํ กัด วชิ า งานเชอ่ื มโลหะ 2 บทที่ 5 แผนที่ 9 77

7. รอยรา ว ความเคนท่ีเกิดขึ้นภายในของแนวเช่ือมบางแหงจะ สูงกวาความแข็งแรงของโลหะซ่ึงมีผลทําใหเกิดรอยราวของ แนวเชื่อม หรือเมื่อชิ้นงานไดรับแรงดัดหรือแรงดึงบริเวณกน ของแนวเชื่อมท่ีซึมลึกไมดี และหลอมละลายไมสมบูรณ จะแตกราวกอนบริเวณอื่น รอยแตกราวทเ่ี กดิ กบั แนวเชือ่ ม จะมี 3 ลักษณะ ดงั น้ี 7.1 รอยรา วตามแนวขวางแนวเชอ่ื ม 7.2 รอยราวตามแนวยาว 7.3 รอยรา วทป่ี ลายของแนวเชอ่ื ม แสดงลักษณะการแตกราวในแนวเชื่อม ลขิ สทิ ธิ์เปนของบริษัท สาํ นกั พมิ พเ อมพนั ธ จาํ กัด 78วชิ า งานเชอ่ื มโลหะ 2 บทที่ 5 แผนที่ 10

รอยราวชนิดนี้จะเกิดขึ้นตามแนวยาวในบริเวณชิ้นงาน ท่ีไดรับผลกระทบความรอน และมักจะเกิดกับโลหะท่ีอบ ชุบแข็งขึ้น เม่ือโลหะช้ินงานไดร ับความรอนจากการอารก ขณะทํ าการเช่ือมและเย็นตัวลง บริเวณดังกลาวจะมี ความแขง็ แรงทส่ี งู ขน้ึ การปอ งกนั และแกไ ขขอ บกพรอ งโลหะชน้ิ งาน 1. อนุ ชน้ิ งานเพอ่ื ควบคมุ อตั ราการเยน็ ตวั 2. ควบคุมความรอนขณะที่ทําการเช่อื มใหแกช ิ้นงาน 3. เลอื กใชช นดิ ของลวดเชอ่ื มใหเ หมาะสมกบั ชน้ิ งาน 4. ควบคมุ กระบวนการเชอ่ื มใหเ ปน ไปตามขน้ั ตอน ลขิ สทิ ธิ์เปนของบริษัท สาํ นกั พมิ พเ อมพนั ธ จาํ กัด 79วชิ า งานเชอ่ื มโลหะ 2 บทที่ 5 แผนที่ 11

รอยแตกราวของโลหะชิ้นงาน จะมี 2 ลักษณะ 1. รอยแตกรา วตามขวางแนวเชอ่ื ม 2. รอยแตกรา วตามแนวยาวแนวเชอ่ื ม ลขิ สทิ ธิ์เปนของบริษัท สาํ นกั พมิ พเ อมพนั ธ จาํ กัด 80วชิ า งานเชอ่ื มโลหะ 2 บทที่ 5 แผนที่ 12