ปจจัยสาํ คญั 6 ประการของการเชอื่ มไฟฟา 1. การเลือกลวดเชื่อม (Correct Electrode) 2. ทา เชื่อม (Welding Position) 3. การเลอื กและปรับแตงกระแสไฟ(Correct Current) 4. ระยะอารคหรือแรงเคลื่อน(Correct Arc Length or Voltage) 5. มมุ ลวดเชอ่ื ม (Correct Electrode Angle) 6. ความเรว็ ในการเดินลวดเชือ่ ม (CorrectTravel Speed) การเลอื กขนาด1ล.วกดเาชรื่อเมลเพือื่อกใชลกวับดงาเนชตือ่องมพจิ (าCรณoาrสreิ่งตcอtไEปนleี้ ctrode >> การออกแบบรอยตอ >> ความหนาของวัสดุ => ตอ งใชลวดเช่อื มใหญข ้ึนสาํ หรบั วสั ดหุ นาขน้ึ >> ความหนาของช้นั รอยเชอ่ื ม => ในทาราบโลหะจะพอกไดมากกวาทา แนวตั้งและทา เหนือศรี ษะ >> ทา เชอ่ื ม => ทาเชื่อมแนวราบและแนวนอนควรใช ลวดเชือ่ มทใี่ หญ กวาทาแนวตั้งและทาเหนอื ศรี ษะ >> ปรมิ าณกระแส => ย่ิงปริมาณกระแสมาก ขนาดของลวดเชื่อม ก็ตอ งใหญขึ้น >> ความชํานาญของผูเชือ่ ม >> คณุ สมบัตทิ างกลและสวนผสมของชิ้นงาน 51
>> โลหะทเี่ หมาะสม โลหะทเ่ี หมาะสมกับการเชื่อมไฟฟา โลหะท่เี หมาะกับการเช่ือมไฟฟา โลหะออน – >> โลหะประเภทเหลก็ กลา คารบอน เชน สังกะสี ตะกวั่ ดบี ุก – >> เหล็กกลา อัลลอยดต่าํ ซึง่ มีอณุ หภูมิหลอมเหลวตา่ํ – >> เหลก็ กลาไรสนมิ ไมคอยใชกระบวนการน้ี – >> เหลก็ ตานทานความรอน หมายเหตุ : เหล็กกลาชนิดตานทานแรงสูงก็สามารถเช่ือมไดดวยวิธีน้ีโดยการใหค วามรอนกอน (Preheating) ตารางแสดงลักษณะเฉพาะตวั ของโลหะเชือ่ มของลวดเชอื่ มแบบตาง ๆ โลหะเชื่อมของลวด โลหะเชือ่ มของลวด โลหะชน้ิ งาน เช่ือมแบบแทง เช่ือมแบบมีวสั ดเุ คลือบ 55 – 70,000 ความเคน สูงสดุ (psi) 50 – 60,000 60 – 75,000 30 – 32,000 30.0 – 40.0 จดุ ลา (psi) 38 – 45,000 45 – 60,000 … ระยะยดื (% ใน 2 นิ้ว) 5.0 – 10.0 20.0 – 40.0 60.0 – 70.0 ระยะยืดดดั อสิ ระ (%) 10.0 – 20.0 35.0 – 60.0 7.85 พื้นทลี่ ดลง (%) 8.0 – 20.0 35.0 – 65.0 26 – 30,000 ความหนาแนน 7.5 – 7.7 7.80 – 7.85 50 - 80 (gm/cm3) 12 – 18,000 26 – 30,000 ขดี จํากดั ของความ 5-15 40-70 คงทน (psi) การกระทบ ft./ib 52
การบอกประเภทของลวดเช่อื ม ขน้ึ ตน ดว ย E นาํ หนา และประกอบดว ยตัวเลข 4 หรือ 5 ตัว โดย E XX X X ชนิดกระแส / ชนิดของวสั ดุเคลอื บ ทาเช่อื ม เลข 1 เชอื่ มไดท ุกทา เลข 2 เช่อื มไดเ พียงทา ราบและทา แนวนอน เลข 3 เชอื่ มไดเฉพาะทาแนวราบ แสดงถึงตวั ตานทานแรงดงึ ทีน่ อยท่สี ดุ แตต องคูณดวย 100 มี หนว ยเปน psi (เลข 2 ตวั แรก หรอื 3 ตวั แรก กรณีมเี ลข 5 ตวั ) E หมายถึง ลวดเชอื่ มท่ีใชสาํ หรบั การเชือ่ มไฟฟา ตารางแสดง ความหมายของตวั เลขตัวสุดทายในระบบการแบงประเภทของลวดเชอื่ ม AWS ระบุชือ่ กระแส ชนิดของการปกคลุม E 6010 DCRP เทานน้ั สารอนิ ทรยี E 6011 DCRP หรือ a.c. สารอนิ ทรยี E 6012 DCSP หรือ a.c. รทั ไทล E 6013 DCSP, DCRP หรอื a.c. รัทไทล E 7014 DCSP, DCRP หรอื a.c. รัทไทล ผงเหลก็ (30%) E 7015 DCRP เทา นน้ั ไฮโดรเจนตา่ํ E 7016 DCRP หรอื a.c. E 7018 DCRP หรือ a.c. ไฮโดรเจนต่ํา ไฮโดรเจนตํา่ E 7020 DCSP,DCRP หรอื a.c. ผลเหลก็ (25%) เหลก็ ออกไซคส งู E 7024 DCSP,DCRP หรอื a.c. E 6027 DCSP,DCRP หรอื a.c. รัทไทล / ผงเหล็ก 50% E 7028 DCRP หรอื a.c. แร / ผงเหล็ก (50%) ไฮโดรเจนตํา่ / ผงเหลก็ (50%) 53
ตัวอยาง E 6010 E หมายถึง ลวดเช่ือมอารคไฟฟา 60 หมายถึง 60,000 psi 1 หมายถึง เชอ่ื มไดท ุกทา 0 หมายถึง กระแส DCRP เทาน้ัน ใช สารอินทรยี เปน วัสดเุ คลอื บ 2. ทาเชอ่ื ม (Welding Position) >> ทา เช่อื มเปนตัวพจิ ารณาในการเลือก ลวดเชอื่ มที่สาํ คัญ >> ลวดเชอื่ มหลายชนิดใชก ับทา แนวราบเพยี งอยา งเดียว >> ชนิดทา เชอื่ มมผี ลตอ ราคาการเชอ่ื ม >> ทา เชอื่ มท่ปี ระหยัดทส่ี ุดคอื ทาแนวราบ => ทาแนวนอน=> แนวตง้ั และทาเหนือศรี ษะประหยดั นอ ยทีส่ ดุ 54
ตารางการแบงลกั ษณะลวดเชือ่ มทเี่ หมาะสมกบั ทา เชอื่ มตา ง ๆ ลาํ ดบั ลวดเชอื่ ม ลกั ษณะทา เชื่อม หมายเหตุ 1 E XX20, E XX24, ทาแนวราบ E XX27, E XX28 2 E XX15, E XX16, ทา แนวราบ E 6012 ใชก บั กระแสตรง ข้ัวกลับหรือสลักก็ได มัก E XX18, E XX12, ใชกบั งานประดิษฐเหล็กกลา ชนิดตา ง ๆ จะมีความ E XX13, E XX20, ทาแนวนอน เสถียรภาพ รอยเชื่อมท่ีไดมกั เกิดการซมึ ลึก E XX24, E XX27, E XX28 3 E XX10(ใชดีทีส่ ดุ ) ทา แนวตง้ั E 6010 มักใชไดด ีกบั งานโครงสรา ง E XX11, E XX16, E XX18 ทาเหนอื ศีรษะ E 6011 ใชเหมอื นกบั E 6010 แตใ ชกบั กระแสสลับ 4 E XX12, E XX13, ทาแนวตงั้ ทศิ ลง (จะใชเชื่อมไดง า ย ทีส่ ุด) 3. การเลือกและปรบั แตง กระแสไฟ (Correct Current) การปรบั กระแสสงู -ตํา่ ข้นึ อยูกับ >> ขนาดของช้นิ งาน >> ลกั ษณะงาน >> ชนิดของลวดเชอ่ื ม การเปรยี บเทยี บความแตกตา งของแนวเชอ่ื ม เม่อื กระแสไฟตางกัน 55
การปรับกระแสไฟสูงเกินไป ลักษณะการเกดิ Undercut จะทาํ ใหบ อ หลอมละลายกวา ง ไมสมํ่าเสมอ ควบคมุ ยาก No Overlap เปน เหตใุ หเกดิ รอยแหวง ท่ี ขอบแนวเช่อื ม เรยี กวา Undercut Overlap การหลอมละลายลึก การปรับกระแสตา่ํ เกินไป จะเกิดรอยนนู ขนึ้ คอื โลหะลวดเชื่อม ไมห ลอมละลายเปน เน้อื เดยี วกันกับชิ้นงาน จะเกดิ ในบริเวณขอบของแนวเชอ่ื ม เชน กัน เรียกวา Overlap ตารางแสดงคากระแสตาง ๆ ท่แี ปรตามชนดิ และขนาดของลวดเช่อื ม (สาํ หรับปรับทเี่ ครอ่ื งเชอื่ ม) เสน ผาศูนย E6012 E6013 ชว งกระแส (แอมแปร) E7015, E7018 E7024,E กลางของ ชนิดของลวดเชื่อม E7016 7028 ลวดเช่อื ม E6010, 20-40 - 25-60 E6020 E6027 E7014 - - - E6011DC+ 45-90 - 70-100 - 65-110 100-145* 1/16 - 20-40 80-130 --- 115-165 105-180 --- 100-150 150-220 140-190 5/64 - 25-60 150-230 - - 80-125 140-200 200-275 180-250 3/32 40 - 80 35-85 180-255 230-305 210-300 260-340 1/8 75–125 80-140 250-350 100-150 125-185 110-160 240-320 315-400 275-365 320-430 130-190 160-240 150-210 300-390 375-470 335-430 5/32 110–170 110-190 175-250 210-300 200-275 375-475 400-525* 3/16 140-215 140-240 7/32 170-250 200-300 225-310 250-350 260-340 275-375 300-420 330-415 1/4 210-320 250-400 340-450 375-475 390-500 5/16 275-425 300-500 56
4. ระยะอารค หรือแรงเคลอื่ น(Correct Arc Length or Voltage) แรงเคลอ่ื นจะขน้ึ อยกู ับระยะอารค >> ถา ระยะอารค ยาวหรอื หางเพ่มิ ขึ้น แรงเคลือ่ นกจ็ ะเพม่ิ ขึ้นตาม >> ถาระยะอารค สัน้ ลง แรงเคล่อื นกจ็ ะลดลงดวย ระยะหา งของการอารค >> ถามากเกินไป จะทาํ ใหแ นวเชือ่ มกวาง ไมเรยี บรอ ยและมเี ม็ดโลหะกระเดน็ การซมึ ลกึ นอย >> ถาส้ันเกินไป จะทําใหแนวเชอ่ื มไมส มํา่ เสมอ ไมเ รยี บรอ ย ปลายลวดเชอ่ื มติดชน้ิ งานงา ย การซมึ ลึกนอ ย รอยเชอ่ื มแคบและนูน (มักเหมาะกับตําแหนงทาเชื่อม ตงั้ และทา เหนอื ศรี ษะ เพราะนํา้ โลหะไมย อย) ลดผลของการ อารค โบลว (Arc blow) หมายเหตุ : Arc Blow คอื การโคงออกไปจากเสนทางการอารคเนื่องจากแรงสนามแมเหล็ก รปู หนาตัดและรูปแนวราบของรอยเช่ือมภายใตส ภาวะตาง ๆ 57
5. มุมลวดเชอ่ื ม (Correct Electrode Angle) ถา มุมลวดเช่อื มไมถกู แนวเชื่อมที่ออกมาก็จะไมด ี >> ถา ทํามุมกบั แผนงานนอยเกินไป => แนวเชอื่ มแบน กวา ง การซมึ ลึกไมดี >> ถาทํามุมกบั แผนงานมากเกนิ ไป => แนวเชื่อมจะเลก็ เชอื่ มไดยาก การซึมลกึ ไมดี แนวเชอ่ื มแบบฟล เลท ลักษณะของมุมลวดเชอ่ื มขึน้ อยูกับลักษณะรอยตอ และตําแหนงทาเชือ่ มของชน้ิ งาน 6. ความเรว็ ในการเดินลวดเชือ่ ม (CorrectTravel Speed) >> ถา เดนิ เร็วเกินไปจะไดแ นวเช่ือมทเ่ี ล็กเกินไป การซึมนอ ย ความแขง็ แรงท่ี ไดจากการเชอ่ื มนอย >> ถา เดินลวดเชื่อมชาเกนิ ไป จะไดแนวเชือ่ มใหญ โลหะเชื่อมไปกองอยูมาก / สน้ิ เปลอื งและเสยี เวลา 58
การปฏบิ ตั กิ ารเชื่อมไฟฟา • ขน้ั ตอนการเช่ือมไฟฟาที่ถกู ตอ ง เร่ิมเอาลวดเชื่อม ความรอนจะหลอม เม็ดน้ําโลหะที่ฟอรมตัว ไปสัมผัสกบั ชิน้ งาน ลวดเช่อื มและผิวหนา อยบู นปลายของลวด เช่ือมจะถกู สงผา นเขา ไป โลหะงาน ที่บอหลอม การสง ผา นโลหะจะสง บอ หลอมเกดิ ข้นึ บน ผานโดยแรงโนม ถว ง ผิวหนาของช้นิ งาน แรงดึงดูดโมเลกลุ / แรงตงึ ผวิ การปฏบิ ตั กิ ารเชือ่ มไฟฟา 1) เตรยี มแผน โลหะ 2) เตรยี มชน้ิ งาน 3) ทําเครอ่ื งหมายดวยเหล็กนําศูนย 4) เตรียมลวดเชอ่ื ม 5) จดั ชน้ิ งานและทาเชอ่ื มตามความเหมาะสม 6) ปฏิบตั กิ ารเชอื่ ม 7) เคาะสแลคออก เอาแปรงขัด และตรวจสอบ 59
การปฏบิ ัตกิ ารเชื่อมไฟฟา เทคนคิ การเชอ่ื ม : เรมิ่ ตน การอารค >> การอารคเกดิ ข้นึ โดยการแตแ ผนโลหะเบา ๆ ดวยลวดเช่อื ม >> ทาํ การยกลวดเช่อื มข้ึน (ถา ดึงลวดเช่ือมออกไมเร็วพอ จะตดิ กับ แผน โลหะ แสดงวิธอี ารค 2 วิธี ถาติดกับแผน โลหะ สามารถทําใหห ลดุ ไดโดยการสะบัดขอ มอื เทคนิคการเชื่อม : วธิ กี ารเดนิ แนวเชอื่ มแบบทา ราบ >> จับลวดทํามุม 90 0 กับแผน โลหะ แลว เอียงไปทางทิศการเชอ่ื ม 100 – 200 >> ปรับกระแสอยา งใหม ากเกนิ ไปจนเกิด Arc blow >> ระยะอารคตอ งคงที่ >> ความเรว็ คงท่ี ถาเรว็ เกนิ ไปจะทาํ ใหร อยเชอื่ มแคบ ความลกึ ของบอ จะชีใ้ หเ หน็ ถึงการซึมลกึ (บรเิ วณปลายของ แนวเชอื่ ม) ตาํ แหนง ของลวดเชอื่ ม สาํ หรับการเชื่อมทาราบ 60
เทคนิคการเชอื่ ม : การเรมิ่ ตนอารค หลงั จากการหยุดเชือ่ ม >> ถา การอารค หยดุ ลง จะตองทําการอารคใหมท างดานหนาของบอ >> เคล่อื นลวดเชื่อมขา มบอ ไปทข่ี อบดา นหนาของแนวเช่ือม >> ถาเคลอื่ นกลับมากเกินไปจะทาํ ใหโลหะเช่ือมซอ นกันเปน ชน้ั หนา เรม่ิ ตน เช่ือมใหมหลงั จากหยุดเชอ่ื ม ลกั ษณะการอารคของลวดเชอ่ื ม ตําแหนง A สารเคลือบถูกใชไปในอัตราทน่ี อ ยกวา แกนลวด ดังน้ันมันจึงหุมแกนลวดไวเพอื่ ปอ งกนั ลวด และอารคและควบคมุ ทศิ ทางการอารค ตําแหนง B แกส ทปี่ กคลมุ เกิดขน้ึ โดยการเผาไหมของสารเคลอื บ ตําแหนง C สแลคที่เกดิ ขึน้ เหนือรอยเช่อื ม 61
อธิบายหนา 590 รปู แสดง ลกั ษณะของแนวเชอ่ื ม เทคนคิ การเชอ่ื ม : การเชอ่ื มชิน้ งานแบบตอ เกยทา ราบ >> ระยะอารคคอ นขางสั้น >> ลวดเช่ือม ควรจะชไี้ ปทโี่ คนของรอยตอและผวิ ระนาบ >> เคล่ือนท่กี ลับไปกลับมาไปตามแนวเสน แนวเชือ่ ม >> ถา ชา มากเกินไป จะทําใหโลหะเชอื่ มพอก เกิดความเคน หนาแนน ตาํ แหนงลวดเชื่อมสําหรบั แนวเชือ่ มรปู คล่นื 62
ตําแหนงลวดเชื่อม สําหรบั รอยตอเกยทาราบ แนวเชือ่ มตอ เกยเชือ่ มดว ยลวดเชอ่ื ม DCSP หรอื A,C, ชน้ิ ทดสอบรอยตอ เกย การทดสอบแบบทาํ ลาย คอื การใชล่ิมตอก เพื่อดูผิวหนาของรอยแตก เชน รอยเชื่อมไมเปน รู การซึมลกึ ทีโ่ คน รอยเชอ่ื มไมกระเทาะลอก 63
เทคนิคการเชอ่ื ม : การเชอ่ื มทา ตั้งแบบเคลอื่ นท่ลี ง >> เอยี งลวดเชอื่ ม 900 กับผวิ แผนโลหะ >> เอยี งลวดเช่ือม 300 ในทศิ การเคลื่อนท่ี >> คงระยะอารค ใหสน้ั มาก ๆ เพ่อื สแลคจะไม วง่ิ นาํ หนา รอยเชื่อมพอก >> จะไมส า ยลวดเชอ่ื ม ตาํ แหนงลวดเชอื่ มเมื่อเชือ่ ม แนวเชอื่ มเสนขนานบนแผนเรยี บทา ต้ัง แนวเชื่อมเสนขนานทาตงั้ เคล่ือนลง เคลอื่ นลงดวยการอารค ลวดเชือ่ ม DCRP หรอื A.C. • เทคนิคการเชือ่ ม : การเชอ่ื มตอเกยแนวตง้ั เคลอ่ื นทีล่ ง • >> ปรบั กระแสใหส ูง • >> เอียงลวดเชอื่ ม 300 ลงไปตามทศิ ทางการเคลอ่ื นที่ • >> ระยะอารคควรสนั้ และเคลื่อนท่ีลวดเชอื่ มคอ นขางสมา่ํ เสมอ • >> จะไมสา ยลวดเชือ่ ม / เคล่อื นที่คอ นขา งเปน วงกลม ตาํ แหนง ลวดเชือ่ มเช่อื มรอยตอ เกยแนวตั้งเคล่อื นลง 64
• เทคนคิ การเช่อื ม : การเชอื่ มแนวตง้ั ทา เหนือศรี ษะ • >> ปรบั กระแสใหพอเหมาะ (d.c. ที่ 120 -170 แอมแปร หรือ a.c. ท่ี 130 – 190 แอมแปร) • >> เอียงลวดเชอื่ ม 900 กบั แผน โลหะ เมอื่ มองจากดานขาง และเอยี ง ทาํ มุม 50 -150 ในทศิ การเชอ่ื ม • >> เคลอื่ นลวดเชือ่ มในลกั ษณะสา ย ตําแหนง ลวดเช่ือมเมอ่ื เช่อื มแนวเสนขนานทา เหนือศีรษะ พืน้ ฐานการเคลื่อนทเี่ ม่ือเช่อื มทา เหนอื ศรี ษะ 65
แนวเช่ือมเสนขนานทา เหนอื ศรี ษะดว ย DCRP หรอื A.C. ตาํ แหนงของลวดเชอื่ ม และคีมจบั เม่อื ทาํ การเชอ่ื มทา เหนือศีรษะ >> อยาใหบอหลอมหลอมมากเกินไป >> ถา บอหลอมโลหะรอนเกนิ ไป ใหเคลื่อนลวดเชอ่ื มออกไปขา งหนาอยางรวดเร็ว • เทคนคิ การเชอ่ื ม : การเชอ่ื มรอยเชอื่ มตอ ชนบากรอ ง V ทาระดบั • >> ปรับกระแสใหส งู • >> จับลวดเชอ่ื มมุม 900 รอยตอ แลวเอียงไป 100 – 200 • >> สายแนวเชื่อมเลก็ นอ ย ตําแหนง ลวดเช่ือมเมอ่ื เช่ือมตอ ชนบากรองตัว V ทา ราบ 66
แสดงแนวเชื่อมตอ ชนบากรอ งตวั V ทา ราบดว ยลวดเช่อื ม DCRP หรอื A.C. การเชือ่ มใตน าํ้ (Underwater welding) >> มกี ารใชวงจรเชน เดียวกบั การเช่อื มไฟฟา ทว่ั ไป >> หลักการเชอ่ื มเชน เดยี วกับการเช่อื มไฟฟา >> มีการเคลอื บดวยดว ยฟลักซช นิดพเิ ศษ ทีล่ วดเชือ่ มขณะเชอ่ื มจะแปรสภาพ เปนกา ซเพ่ือปกคลมุ แนวเชื่อม (ปอ งกนั นํ้าสแู นวเช่อื ม) >> การเชอ่ื มก็จะเชอื่ มในชอ ง/โพรงทม่ี ีกาซ ปกคลุม 67
ลกั ษณะของการเช่ือมใตน้ํา -เคลอื บดว ยฟลักซชนดิ พิเศษ 68
มี 3 เทคนคิ ทใ่ี ชในเชื่อมใตน าํ้ 1. Drag or self-consuming technique 2. Oscillation technique 3. Step-back technique Drag or self-consuming technique Oscillation technique >> เปนการเดินแนวเชอ่ื มท่ีมลี กั ษณะเดินไปที ละนอย >> ใชอเิ ล็กโทรดที่มหี นาผวิ สัมผัสขนาดเล็ก >> เหมาะสําหรับการเดินแนวเชือ่ มสาํ หรบั เชอื่ มจุด/รอยตอ Step-back technique >> มีลักษณะเดนิ กลบั ไป- กลบั มา (มรี ะยะ การเคลอื่ นทีต่ อครงั้ 2-3 มลิ ลเิ มตร) >> ใชเดินแนวเชือ่ มที่ตองการความหนาพเิ ศษ 69
ลักษณะมมุ ของการเดิน -การเอยี งทํามุมกบั แนวเช่ือม 15o – 45o สําหรับการเชือ่ มแบบ self-consuming Technique หลักดานความปลอดภัย ขอควรระวงั ในการทํางานทั่วไปในโรงงาน (General Shop Precautions) 1. การแตงกายตอ งเรียบรอยไมรุมราม 2. สวมแวนตานิรภยั เมือ่ ตองการเจียร, การเชื่อม, การสกัด, หรือ ทาํ งานในลักษณะที่งานอยูเหนอื ศรี ษะ 3.ควรระมดั ระวังเมอื่ ตองใชเ ครอื่ งมอื ท่ีมคี มหรอื ยาว ซึ่งอาจเปน เหตุ ใหเ กดิ อันตรายได 4. อยาทํางานเชอื่ มหรอื อยใู กลเตาไป ถา มีสง่ิ ของที่ติดไฟไดพกติด ตวั อยู 70
5. ถา จะทาํ การแกไ ขอปุ กรณไ ฟฟา จะตองถอดปล๊กั หรือปดสวิทช ไฟฟากอ นทกุ ครง้ั 6. กอนจะหยบิ หรอื จบั ชนิ้ งาน ตอ งแนใจวา ชน้ิ งานนัน้ ไมรอน ควรทํา เครื่องหมายไวบ นชิ้นงานทย่ี งั รอนอยูเ มอื่ นําออกมาจากหอ งเชอ่ื ม หรือบริเวณท่ีทํางานเชื่อม 7.ใชค ีมหรอื อุปกรณจับชน้ิ งานในการจบั หรือเคลอ่ื นยายชน้ิ งานทรี่ อน ไมใ ชถุงมือหนงั หยิบจับเพราะอาจไหมได 8. ปรับเครอื่ งมือ – อปุ กรณตาง ๆ ใหอยูในสภาพพรอมใชง าน เชน เดมิ หลงั จากทํางานเสร็จแลวทุกคร้ัง 9. ควรทราบถงึ หนาท่ี วธิ กี ารใชอุปกรณ เคร่อื งมือ และเคร่อื งจักร ตาง ๆ เปนอยางดีกอนจะใชงาน ความปลอดภัยในการเช่ือมไฟฟา (Safety in Arc Welding) 1. อนั ตรายจากกระแสไฟฟา >> ผปู ฏบิ ตั งิ านมโี อกาสท่ีจะถูกกระแสไฟฟา ไหลผานรางกายได ถาอุปกรณ ในการเช่ือมเกิดการชํารุด >> ขณะท่ีผปู ฏิบัตงิ านเชอ่ื มเปนสอ่ื ทด่ี ีของไฟฟา เชน ทําการเชื่อมในทช่ี ืน้ แฉะ หรอื ตัวผูป ฏิบัตงิ านเปยกช้นื เปนตน 71
2. อันตรายจากรังสีหรอื แสงสวา งจาจากการอารค การอารค ดวยไฟฟา ขณะทําการเช่ือม จะทําใหเกดิ แสงสวางจา และ ประกอบดวยรงั สที มี่ ีอันตรายอยู 2 ชนดิ คอื 2.1 รังสอี ลุ ตราไวโอเลท (Ultra-Violet Radiation) เปน รังสีท่มี คี วามเขม ของแสงมากเกินกวา จะสามารถมองดว ยตาเปลา ไดในระยะใกล >> เมือ่ ตาของผูปฏบิ ตั ิงานหรือผูอ่ืนท่ีอยูใกลเ คยี งบริเวณทาํ การเชื่อมไดรบั รงั สี นโี้ ดยท่ีไมมอี ุปกรณป อ งกันรังสี กจ็ ะทาํ ใหเ กดิ อาการเจบ็ ตา ตาอกั เสบ บวม แดง น้าํ ตาไหล อาการเหลา น้เี รียกวา “ Arc eye ” >> อาการจะเรม่ิ ปรากฏเม่ือไดร บั รังสไี ปแลวประมาณ 6 ชัว่ โมง และอาการน้จี ะ หายไปเองภายใน 12-24 ชัว่ โมง แลวแตค วามมากนอยของรงั สีที่ไดรบั >> รังสนี ยี้ ังทําอนั ตรายตอผวิ หนังทําใหผิวหนังบริเวณที่ไดรับรังสคี ล้ํา หรือผวิ ไหม 2.2 รังสีอินฟราเรด (Infrared Radiation) เปน รงั สีท่เี ชื่อกนั วา เปน ผลทําใหเ กิดตอกระจกได >> ปองกันโดยใชกระจกกรองแสง (Filter lens) ลดความเขมของ แสงสามารถาทาํ ใหมองเหน็ การอารค และนัยนตาไมไ ดรบั อนั ตรายจากรังสนี ัน้ ๆ >> สวนผวิ หนงั กใ็ ชอ ปุ กรณปกปด เชน ถงึ มอื หนงั , เส้อื หนงั , ปลอกแขนหนงั , เปน ตน 72
3. อันตรายจากควัน >> การอารความรอ น ทําใหล วดเชือ่ มหลอมละลายและเผาไหมฟลกั ซ >> เกดิ ควนั ซง่ึ มีพษิ ตอรา งกายสาํ หรับผูที่สูดควัน >> บริเวณนี้ถอื วามปี รมิ าณของออกซเิ จนท่ีนอยมาก อาจเปน อนั ตรายได >> ดงั น้ันในการเชอ่ื มบรเิ วณทีแ่ คบ ๆ หรือถูกปด กินการถา ยเทของอากาศ กจ็ ะทาํ ใหเ กิดอันตรายตอ ผูปฏิบตั งิ านเชอื่ มอยางมากทีเดยี ว วิธีการ ปองกันอันตรายจากควันพิษ นิยมใชพ ัดลมดดู ระบายอากาศ หรอื ชุดทอ ลมดดู ระบายอากาศ ขอปฏิบตั ใิ หเ กดิ ความปลอดภยั ในงานเชอ่ื มไฟฟา 1. ตรวจสอบช้นิ สวน อุปกรณเ พ่ือใหแ นใ จวา ทุกชนิ้ สว นอยูใ น สภาพดไี มม ีไฟฟาร่ัว 2. ปดเคร่อื งเช่ือมทกุ คร้งั เม่ือทาํ งานเสรจ็ หรือจะทําการ เคลอื่ นยา ยเครือ่ งเชอ่ื ม 3. สวมหนา กากเชอ่ื มทุกคร้งั เมือ่ ทําการเช่ือม และใชกระจกกรองแสง (filter lens) เบอรทเ่ี หมาะสมกับความเขม ของแสง 4. ตรวจระบบเคร่อื งมอื อุปกรณ ในการทาํ งานเช่อื มใหพรอม เชน ฉนวนหุมสายไฟฟา จุดตอ ของเครื่องกบั สายเชื่อม สายดิน เปน ตน 73
5. อยามองการเชอ่ื มดวยตาเปลา 6. สวมอปุ กรณป อ งกนั ในการเชอื่ มไฟฟา เชน ถุงมอื หนงั ปลอกแขน หนงั เสอื้ หนัง เปนตน 7. ควรมฉี ากปองกนั แสงจากการอารค เพื่อมิใหรบกวนผอู ื่น 8. ควรเปลย่ี นหรอื ซอ มหวั จับลวดเชือ่ มเมือ่ ชํารุดหรอื ไหมไ ฟ 9. เม่ือทําการเชอ่ื มเสรจ็ แลว ใหเอาลวดเช่ือมออกจากหัวจบั ลวดเชอื่ ม และแขวนหวั จบั ลวดเช่ือมใหพ น จากสายดิน 10. บริเวณทาํ งานไมควรเปย กชนื้ เพราะเปน สาเหตใุ หไ ฟฟา ดูดได 11. บรเิ วณทาํ งานไมค วรมีสง่ิ ของอ่นื เกะกะ รวมทั้งวัสดไุ วไฟ และ วัสดุทตี่ ดิ ไฟไดงาย เชน นํ้ามนั กระดาษ เชือ่ เพลงิ ชนดิ ตาง ๆ เปน ตน ขอ ดีของกระบวนการเชอ่ื มไฟฟา • มีตนทนุ / ราคานอยกวาขบวนการเช่ือมอารค อยางอน่ื • การเชอื่ มนสี้ ามารถทาํ ไดท ้ังในและนอกสถานท่ี • การทํางานมเี สียงดงั นอ ย 74
อุปกรณตา งๆที่ใชใ นการเช่อื ม การใช Jig & Figture ในการจับยดึ ชิน้ งานพอรอเช่อื ม 75
Jig & Figture อยางงายๆ ทีท่ าํ จากเหล็กฉาก เชื่อมจดุ เพอ่ื ยดึ ชน้ิ งานกอ นการ เชอ่ื มวนตอ เนือ่ ง 76
วดั ความยาวช้ินงาน ใหพอดกี บั แบบท่ีคํานวณไว ลองตอชิน้ งานกอเชื่อมจุดยดึ ติดกัน 77
เตรยี มเชอื่ ม เช่อื มช้ินงาน 78
วดั ฉาก ดานลาง 79
ดานบนตองขนานกับ เหล็กฉาก ทา เช่ือมแบบตา งๆ 80
ดแู นวเชอื่ ม เชือ่ มช้นิ งานจนวน ครบรอบ 81
แนวเชอื่ มแบบ เกล็ดปลา (หมนุ วน ซอนกัน) สวยงาม แนวเชื่อมดา นนอก 82
แนวเชื่อมกอ นขดั เงา แนวเช่อื มหลังขัดเงา 83
Q&A การเช่ือมมิกจ (Metal Inert Gas Welding : MIG) • เปนขบวนการเช่ือมที่ไดรับความรอนจากอารคระหวางลวด เชื่อมกับชน้ิ งาน • ลวดเชื่อมที่ใชเปนลวดเช่ือมเปลือยท่ีสงปอนอยางตอเนื่อง ไปยังบริเวณอารค • ทาํ หนาทเ่ี ปนโลหะเตมิ ลงยังบอหลอมละลาย 84
การเชอื่ มมกิ จ (ตอ) ลักษณะการเช่อื มมิกจ การเชอื่ มมกิ จ (ตอ ) • บริเวณบอหลอมละลายปกคลุมไวดวยแกสเฉ่ือย เพ่ือไมให เกดิ การรวมตวั กับอากาศ • เชื่อมไดทั้งโลหะและอโลหะตั้งแตงานหนามากๆ จนถึง โลหะแผนบางๆ • ไมม ีสแลก 85
การเชือ่ มมิกจ (ตอ) ลกั ษณะเครื่องเช่อื มมิกจ การเช่อื มมกิ จ (ตอ) หวั เชื่อมมิกจและอุปกรณ 86
การเช่อื มมกิ จ (ตอ ) การเดินหัวเชอ่ื มและมุมเชื่อม การเลอื กชนดิ ลวดเช่อื ม • การเลือกชนดิ ลวดเชอ่ื ม ควรพิจารณาปจ จยั ดงั นี้ 1. วัสดุงานเชื่อม มีสวนผสมทางเคมี และคุณสมบัติทางกล อยา งไร >> วศิ วกรรมวัสดุ, โลหะวทิ ยา 2. ความหนาและการออกแบบรอยตอ >> เขียนแบบวิศวกรรม 3. สภาพผิวงาน ขรขุ ระ มสี นมิ 4. ขอกําหนดมาตรฐานตางๆ เชน DIN JIS มอก. เปนตน 87
มาตรฐานของลวดเชือ่ ม • ตามมาตรฐาน AWS5.18 และ AWS5.28 ER XX S X สว นผสมทางเคมี ลวดตนั ความตานแรงดงึ ตํา่ สุด x 1,000 psi ลวดเชื่อมอารคและลวดเชื่อมเติม มาตรฐานของลวดเช่อื ม (ตอ) ตัวอยาง ER 70S – 6 Mild Steel Electrodes • ER = เปน ลวดเช่ือมอารค และลวดเช่ือมเติมรอยตอพรอ มกัน • 70 = กาํ ลังดงึ ตาํ่ สุด 70,000 psi • S = ลวดตัน • 6 = ตัวเลขแสดงสว นผลมทางเคมี 88
มาตรฐานของลวดเชื่อม (ตอ ) ตัวอยา ง ER 80S – B2L Low Alloy Steel Electrodes • ER = เปนลวดเช่ือมอารคและลวดเชอ่ื มเติมรอยตอ พรอมกนั • 80 = กําลังดึงตาํ่ สุด 80,000 psi • S = ลวดตนั • B2 = สวนผสมทางเคมี • L = คารบอนเจือตา่ํ มาตรฐานของลวดเช่อื ม (ตอ) ตัวอยาง ER316 – L Stainless Steel Electrodes • ER = เปน ลวดเชอื่ มอารค และลวดเชอื่ มเตมิ รอยตอพรอมกัน • 316 = เกรดเหลก็ กลา ไรสนมิ • L = คารบ อนเจือตา่ํ 89
การเลือกกระบวนการถา ยโอนโลหะกบั วสั ดชุ นดิ ตางๆ วัสดงุ านเชอ่ื ม ลักษณะการถายโอนโลหะ พลั ส ลัดวงจร ละออง หยดขนาดใหญ ใช อลมู ิเนียม ไมใ ช ใช ไมใ ช ใช บรอนซ ไมใช ใช ไมใช ใช ทองแดง ไมใช ใช ไมใช ใช ทองแดงนกิ เกิล ไมใช ใช ไมใช - เหล็กหลอ ใช แมกนเี ซียม ใช ไมใ ช ไมใ ช ไมใช ใช ไมใ ช การเลอื กกระบวนการถา ยโอนโลหะกบั วสั ดุชนดิ วสั ดงุ านเชื่อม ตางๆ (ตอ) ลกั ษณะการถายโอนโลหะ ลัดวงจร ละออง หยดขนาดใหญ พัลส อนิ โดเนล ไมใช ใช ไมใ ช ใช นิกเกิล ไมใช ใช ไมใช ใช เหลก็ กลา คารบอนต่าํ ใช ใช ใช - เหล็กกลาเจอื ต่ํา ใช ใช ใช - เหล็กกลา คารบอนปานกลาง ใช ใช ใช - เหลก็ กลา ไรส นิม ใช ใช ไมใ ช - ไทเทเนียม ไมใ ช ใช ไมใ ช - 90
ความหนาวสั ดุงานเชอื่ ม ตัวประกอบ ความหนา (มม.) การเชือ่ ม 0.13 0.4 1.6 3.2 4.8 6.4 10 12.7 19 25 เชื่อมเทย่ี วเดียว ไมต องเตรียมรอยตอ แบบลดั วงจร เชอ่ื มเท่ยี วเดียว เตรียมรอยตอ เช่อื มหลายเดียว แบบหยด ขนาดใหญ ความสามารถในการเชื่อม • นยิ มใชทั้งการเชอ่ื มกงึ่ อตั โนมัตแิ ละอตั โนมัติ • นําไปใชก บ้ั อตุ สาหกรรมการผลติ ทีม่ ปี ริมาณงานเชื่อมมากๆ เชน โรงงานผลิตรถยนต • กระบวนการเชื่อมนี้สามารถทาํ งานไดทุกตําแหนง แนวเช่อื ม 91
ตัวแปรของการเช่อื ม ตวั แปรของการเช่อื ม • ชนิดลวดเชอ่ื ม • ชนิดกาซคลมุ • ขนาดลวดเชื่อม • อตั ราการไหลของกา ซคลุม • กระแสเชือ่ ม ตวั แปรของการเชือ่ ม (ตอ ) • แรงดันอารค • อัตราเรว็ การเคลื่อนท่หี ัวเช่ือม • มุมหัวเชอ่ื ม • อัตราเรว็ ปอ นลวด 92
ข้ันตอนการเชอื่ มมกิ จโ ดยสังเขป 1. เตรียมลวดเชอื่ ม • ตัดปลายลวดเช่ือมออก เพื่อใหปลายลวดเชื่อม เรียบ • รอยลวดเชื่อมเขาเครื่อง เชื่อม • ปรับแรงดึงใหเหมาะสม ข้ันตอนการเชื่อมมิกจโดยสังเขป (ตอ ) 2. ปรบั ลวดเชื่อม • รอยลวดเช่ือมเกินหัว เช่อื มมาเล็กนอย • หมุนตัวเก็บลวดเช่ือม เพ่ือใหลวดเชื่อมพอดีกับ หวั เช่อื ม 93
ข้นั ตอนการเชื่อมมกิ จโดยสังเขป (ตอ ) 3. ปรับคาตางๆ • กระแสไฟฟา • อตั ราการปอ นลวดเช่ือม • ฯลฯ ขัน้ ตอนการเช่ือมมิกจโ ดยสังเขป (ตอ ) 4. สวมใสอุปกรณปองกัน ความปลอดภยั สว นบคุ คล • แวนตา/หนากาก • รองเทา • ถงุ มอื • ชดุ ปฏบิ ัติการณ 94
ขัน้ ตอนการเชอ่ื มมกิ จโดยสังเขป (ตอ ) 5. ลงมอื เชอื่ ม • กะระยะแนวเชื่อมบน ชิ้นงาน • เช่ือมตามแนวเช่ือมท่ีกะ ไว • ทาํ ความสะอาดแนวเชื่อม ขอดีของการเชอื่ มมิกจ • หวั เชอ่ื มเคลือ่ นทดี่ วยอัตราความเรว็ สูง • ปริมาณความรอนทีเ่ ขา สรู อยเชือ่ มตํ่า • การเปล่ยี นเกรนของชน้ิ งานไมม าก • เชอ่ื มตอเน่ืองนานกวา เพราะไมต องเปล่ียนลวดเชือ่ มบอยๆ • ใหค ุณสมบัตติ อ การซมึ ลึกดี เชอ่ื มบากมมุ แคบๆ ไดดี 95
ขอ ดีของการเชอ่ื มมกิ จ (ตอ ) • ไมตอ งทาํ ความสะอาดสแลก • ประกายโลหะกระเด็นไมมาก • ประหยดั คาใชจ า ยในการทําความสะอาด • เปลวอารค และบอ หลอมสามารถมองไดช ดั เจน • เชอ่ื มไดเ ร็วก วา การเช่อื มแกส 60% • ใชกระแสไฟเชื่อมนอ ยกวา ขอดีของการเชอื่ มมิกจ (ตอ ) • ลดคาแรงไดถ งึ 85% เมอ่ื เทยี บกบั การเชอ่ื มอนื่ ๆ ดว ยมือ • สามารถใชมือเดยี วเช่ือมได • สามารถเช่อื มไดทุกตําแหนงแนวเชื่อม • ลดควนั รมชา งเช่ือมขณะปฏิบัติงาน • ตะเขบ็ เช่อื มสวยงาม • ไมตองใชท กั ษะในการเชื่อมสงู มากนัก • สามารถออกแบบใหเปน การเชอ่ื มอัตโนมัติได 96
ขอเสยี ของการเชื่อมมกิ จ ขอเสยี ของการเช่อื มมกิ จ • เครอ่ื งเชื่อมมรี าคาแพงกวา เคร่อื งธรรมดาท่วั ไป • รอยตอที่อยใู นสวนคับแคบเชอื่ มยากไมส ะดวกในการบังคับ หัวเชือ่ มยากในงานเชอื่ มบางจุด • สายเช่อื มมรี ะยะจาํ กัด • บริเวณลมแรงตองจัดหาท่ีปองกันไมใหลมเปากาซคลุมหนี จากบริเวณอารค ตัวอยา งงานเชื่อมมิกจ ลักษณะงานเชอื่ มทดี่ ี 97
ตัวอยา งงานเชอ่ื มมิกจ (ตอ ) ลกั ษณะงานเชอ่ื มทด่ี ี ตวั อยางงานเช่ือมมกิ จ (ตอ) ลกั ษณะงานเชอื่ มท่ผี ูเชอื่ มขาดทกั ษะ 98
ตวั อยางงานเชอ่ื มมิกจ (ตอ ) งานเชือ่ มที่ปรับคา ตา งๆ ไมเหมาะสม งานเช่อื มจะโกง งอ Q&A 99
การเชอ่ื มโลหะ (Welding) (3/4) ผูชว ยศาสตราจารย วันชัย ลลี ากววี งศ ภาควิชาวิศวกรรมอตุ สาหการและการจดั การ คณะวศิ วกรรมศาสตรแ ละเทคโนโลยอี ุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร วิทยาเขตพระราชวงั สนามจันทร หัวขอที่จะบรรยายวันน้ี • การเชอ่ื มตกิ จ (Tungsten Inert Gas Welding : TIG) • การเช่ือมพลาสมา (Plasma Arc Welding : PAW) • การเชื่อมจุด (Spot Welding/Resistance Welding) • การเชือ่ มตะเขบ็ (Resistance Seam Welding) • การเช่ือมดว ยหุนยนต (Robotic Welding) 100
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128