Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เส้น มาตรส่วน การกำหนดขนาด

เส้น มาตรส่วน การกำหนดขนาด

Published by pakasit120212, 2020-07-10 00:48:06

Description: เส้น มาตรส่วน การกำหนดขนาด

Search

Read the Text Version

การเขียนแบบเส้น 63 มาตราส่วน และ การกาหนดขนาด ในแบบงาน

1 การเขยี นแบบเส้น มาตราส่วน และการกาหนดขนาดในแบบงาน สาระสาคญั เส้นที่ใช้ในงานเขียนแบบจะแสดงถึงสัญลกั ษณ์และความหมายท่ีแตกต่างกันออกไป ผูเ้ ขียนแบบจาเป็ นตอ้ งแสดงรายละเอียดในแบบงาน ตลอดจนการใชม้ าตราส่วนไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง เหมาะสม และกาหนดขนาดลงในแบบไดต้ ามมาตรฐาน สามารถส่ือความหมายใหผ้ ูอ้ ่านแบบกบั ผผู้ ลิตชิ้นงานไดต้ รงตามวตั ถุประสงคเ์ ดียวกนั เนื้อหา 1.1 การเขียนแบบเส้น 1.2 มาตราส่วน 1.3 การกาหนดขนาดความยาว 1.4 การกาหนดขนาดมุม 1.5 การกาหนดขนาดงานทรงกลมและส่วนโคง้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สามารถเขียนและบอกถึงความหมายของเส้นชนิดตา่ ง ๆ ในแบบงานได้ 2. สามารถอธิบายและเขียนมาตราส่วนในการเขียนแบบได้ 3. สามารถอธิบายและกาหนดขนาดความยาวในแบบงานได้ 4. สามารถอธิบายและกาหนดขนาดของมุมในแบบงานได้ 5. สามารถอธิบายและกาหนดขนาดของรูปทรงกลมกบั ส่วนโคง้ ในแบบงานได้

2 1. การเขยี นแบบเส้น มาตราส่วนและการกาหนดขนาดในแบบงาน 1.1 การเขียนแบบเส้น (Line) เส้นต่าง ๆ ที่ใชเ้ ขียนแสดงรูปร่างของชิ้นงาน คือ สัญลกั ษณ์อยา่ งหน่ึงของงานเขียนแบบ เส้นแต่ละชนิดมีความหมายเฉพาะตวั จะบอกให้รู้ถึงลกั ษณะงานและทาให้การเขียนแบบสมบูรณ์ ซ่ึงมาตรฐานของเส้นที่นามากล่าวถึงในบทเรียนน้ีจะเป็นมาตรฐานสากลหรือ ISO 128-24 (1999-12) ผเู้ ขียนแบบตอ้ งเลือกใชต้ ามขนาดความหนาและลกั ษณะของเส้นให้ถูกตอ้ ง เพ่ือการสื่อความหมาย ใหผ้ อู้ า่ นแบบเขา้ ใจ สามารถนาแบบไปผลิตเป็นชิ้นงานไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ ความหนาของเส้น ท่ีใช้ในการเขียนแบบทางวิศวกรรม นิยมใช้กนั โดยวดั ความหนาเพิ่มข้ึนตามอนุกรมก้าวหน้า เรขาคณิตของ 2 เพ่ือความเหมาะสมสาหรับการเขียนแบบ ตวั อยา่ งเช่น เส้นบางท่ีสุดมีความหนา 0.13 มิลลิเมตร ความหนาของเส้นต่อไปจะเป็ น 0.13 2 หรือประมาณ 0.18 มิลลิเมตร ความหนา ของเส้นที่ใชท้ ว่ั ๆ ไปมีอยู่ 2 ขนาด คือ เส้นหนาและเส้นบาง สัดส่วนระหวา่ งเส้นหนาและเส้นบาง ควรเทา่ กบั 2 : 1 ความหนาของเส้นแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม (ดงั แสดงในตารางท่ี 1.1) ในการเขียนแบบ แนะนาใหใ้ ชก้ ลุ่มเส้น 0.5 มิลลิเมตร โดยใชด้ ินสอเบอร์ HB เขียนเส้นหนา 0.5 มิลลิเมตร เบอร์ H เขียนเส้นหนา 0.25 มิลลิเมตร และเบอร์ 6H เขียนเส้นร่างแบบ ตารางที่ 1.1 แสดงความหนาของเส้นที่สมั พนั ธ์กนั ตามมาตรฐาน ISO 128-24 (1999-12) กลุ่มความหนาของเส้ น เส้นหนา เส้นบาง ขนาดและข้อกาหนดพกิ ดั เผื่อ , สัญลกั ษณ์ภาพ 0.25 0.25 0.13 0.18 0.35 0.35 0.18 0.25 0.5 0.5 0.25 0.35 0.7 0.7 0.35 0.5 1 1 0.5 0.7 1.4 1.4 0.7 1 2.0 2.0 1 1.4 หมายเหตุ ในแบบเดียวกนั ให้ใช้ความหนาของเส้นในกลุ่มเดียวกนั กลุ่มมาตรฐานเส้นท่ีแนะนา ใหใ้ ชเ้ ป็นกลุ่ม 0.5 และ 0.7 มิลลิเมตร

3 รูปท่ี 1.1 แสดงตวั อยา่ งการใชเ้ ส้นของเส้นชนิดตา่ ง ๆ จากรูปที่ 1.1 อธิบายตวั อยา่ งการใชง้ านตามตวั อกั ษรช้ี A ถึง H ในตารางท่ี 1.2 ตารางท่ี 1.2 แสดงชนิดของเส้นและการใชง้ าน ตามมาตรฐาน ISO 128-24 (1999-12) ตวั อกั ษร ชื่อ และรูปแบบของเส้น ตวั อย่างในการเลือกใช้ A เสน้ เตม็ บาง - เสน้ บอกขนาดและช่วยบอกขนาด - เสน้ แสดงรายละเอียดและเสน้ โยง - เสน้ รากเกลียว - เสน้ ลายตดั - ทิศทางของการจดั ระเบียบเรียงช้นั (เช่น แผน่ เหลก็ Transtormer)

4 ตารางท่ี 1.2 แสดงชนิดของเส้นและการใชง้ าน ตามมาตรฐาน ISO 128-24 (1999-12) (ต่อ) ตวั อกั ษร ชื่อ และรูปแบบของเส้น ตวั อย่างในการเลือกใช้ A เสน้ เตม็ บาง - เสน้ รอบรูปของส่วนตดั กลางชิ้นงาน B เสน้ ขีดดว้ ยมือเปลา่ - เสน้ ศูนยก์ ลางส้นั C เสน้ ซิกเซก บาง1) - เสน้ ขอบเงา D - วงกลมเดิม และเสน้ จากดั ขนาด E เสน้ เตม็ หนา - เสน้ ทแยงมมุ แสดงวา่ เป็ นผวิ ราบ - เสน้ รอบรายละเอียดตา่ ง ๆ เสน้ ประ - เสน้ ฉายและเสน้ ตาราง - เสน้ ตดั โคง้ ของชิ้นงานดิบและแสดงส่วนที่ตอ้ งทางาน - เสน้ แสดงรายละเอียดท่ีซอ้ นกนั (เช่น เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางโคน ฟันของเฟื องขบกนั ) - นิยมใชเ้ ป็ นเสน้ แสดงขอบเขตของชิ้นงาน หรือดา้ นท่ีไมเ่ ตม็ และภาพตดั ที่เขียนดว้ ยเคร่ืองเขียนแบบอตั โนมตั ิ เม่ือขอบเขต ไมม่ ีเสน้ สมมาตรหรือเสน้ ศูนยก์ ลาง - นิยมใชเ้ ป็ นเสน้ แสดงขอบเขตของชิ้นงาน หรือดา้ นท่ีไม่เตม็ และภาพตดั ท่ีเขียนดว้ ยเคร่ืองเขียนแบบอตั โนมตั ิ เม่ือขอบเขต ไม่มีเสน้ สมมาตรหรือเสน้ ศูนยก์ ลาง - เสน้ ขอบที่มองเห็นและเสน้ รอบรูป - เสน้ ปลายเกลียว - ระยะสุดเกลียวที่ใชง้ าน - เสน้ ลูกศรแสดงภาพตดั - โครงสร้างของผิวงาน (เช่นข้ึนลาย) - การแสดงหลกั ๆ ในไดอะแกรมขอบของชิ้นงาน และ Flow chart - เสน้ แสดงระบบ (โครงสร้างเหลก็ ) - เสน้ รูปทรงภาพดา้ นตา่ ง ๆ - เสน้ ลกู ศรแสดงภาพตดั - เสน้ ขอบท่ีมองไม่เห็น - เสน้ รอบรูปท่ีมองไม่เห็น

5 ตารางที่ 1.2 แสดงชนิดของเส้นและการใชง้ าน ตามมาตรฐาน ISO 128-24 (1999-12) (ต่อ) ตวั อกั ษร ช่ือ และรูปแบบของเส้น ตวั อย่างในการเลือกใช้ - เสน้ ศูนยก์ ลาง F เสน้ ขีด-จุด (ขดี ยาว) บาง - เสน้ สมมาตร - วงกลมพชิ ตข์ องเฟื องขบกนั - วงกลมพิชตข์ องรูเจาะ G เสน้ ขีด-จุด (ขดี ยาว) หนา - เสน้ แสดงขอบของพ้นื ท่ีชิ้นส่วนท่ีตอ้ งปรับปรุงอยา่ งจากดั เขต ปรับปรุงอยา่ งจากดั เขต (เช่น การปรับปรุงดว้ ยความร้อน) - เสน้ แสดงระนาบตดั - กรอบของชิ้นส่วนติดกนั - ตาแหน่งสุดทา้ ยของชิ้นส่วนเคล่ือนท่ี - เสน้ ศูนยถ์ ่วง เสน้ ขีด-สองจุด (ขีดยาว) บาง - กรอบชิ้นงานข้ึนรูป H - ชิ้นส่วนก่อนถึงระนาบตดั - กรอบชิ้นส่วนท่ีเลือกแบบได้ - กรอบของชิ้นงานสาเร็จในชิ้นงานดิบ - การลอ้ มกรอบขอบเขตหรือพ้ืนที่เป็นพเิ ศษ - เสน้ แสดงส่วนฉายของเขตพกิ ดั เผอื่ หมายเหตุ 1) ใหเ้ ลือกใชเ้ สน้ เขียนดว้ ยมือ (Freehand line) หรือเสน้ ซิกแซกอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงในแบบเดียวกนั ว = 1 มิลลิเมตร ป = 2ว ถึง 4ว ส = 1ว ถึง 3ว ย = 3ว ถึง 10ว 1.2 มาตราส่วน (Scale) ตามมาตรฐาน ISO 5455 (1979-12) การเขียนแบบลงในกระดาษเขียนแบบส่วนใหญ่จะเขียนเท่าขนาดของจริง แต่บางคร้ัง ชิ้นงานมีขนาดใหญ่ไม่สามารถเขียนลงในกระดาษได้ จาเป็ นต้องย่อขนาดลง ในขณะเดียวกัน ถา้ งานมีขนาดเลก็ มาก ในการเขียนแบบเท่าขนาดของจริงจะทาใหก้ ารเขียนและอ่านแบบทาไดย้ าก จาเป็ นต้องเขียนแบบขยาย และไม่ว่าจะเป็ นขนาดจริง มาตราย่อส่วน หรือมาตราขยายส่วน ขนาดของแบบตอ้ งเขียนไปตามสัดส่วนท่ีกาหนด ส่วนตวั เลขที่กาหนดลงในแบบตอ้ งเป็ นขนาดจริง เท่าน้นั (ดงั แสดงในตารางที่ 1.3 และ รูปท่ี 1.2)

6 ตารางที่ 1.3 แสดงการยอ่ และขยายของการเขียนแบบ มาตราส่ วนปกติ มาตราส่ วนลด มาตราส่ วนขยาย 1 : 2 1 : 20 1 : 200 1 : 2000 2 : 1 5 : 1 10 : 1 1 : 1 1 : 5 1 : 50 1 : 500 1 : 5000 20 : 1 50 : 1 1 : 10 1 : 100 1 : 1000 1 : 10000 การใชม้ าตราส่วนขยายหรือลดในกรณีพเิ ศษสามารถคูณหรือหารดว้ ยตวั เลข จานวนเตม็ ของฐาน 10 หลาย ๆ ข้นั ได้ ขนาดงานจริง ขนาดงานจริง ขนาดงานจริง (ก) ขนาดงานจริง 1:1 (ข) มาตราส่วนขยาย 2:1 (ค) มาตรายอ่ ส่วน 1:2 รูปท่ี 1.2 แสดงการเปรียบเทียบมาตราส่วน ตารางที่ 1.4 แสดงการเปรียบเทียบมาตราส่วน มาตราส่ วน 1:1 ขนาดทเี่ ขียนลงในแบบงาน 1:5 ขนาดงานจริง 10 2:1 5:1 1:2 2 10 15 3 15 25 20 50 5 5 25 30 75 7.5 50 125 12.5 1.3 การกาหนดขนาดความยาว ตามมาตรฐาน ISO 128-22 (1999-11) การกาหนดขนาดจะมีความสาคญั เป็ นอย่างย่ิงเพราะเป็ นการเพ่ิมรายละเอียดให้แก่ แบบงาน เพ่ือให้ผูอ้ ่านเข้าใจรายละเอียดได้อย่างชัดเจน ถูกต้อง ตามขนาด รูปร่างของแบบ เพื่อการทางานที่ถูกตอ้ งตลอดจนการผลิตชิ้นงาน จะไดไ้ ม่เกิดการผดิ พลาดและไดข้ นาดของชิ้นงาน ตามตอ้ งการ การกาหนดขนาดที่ถูกตอ้ งในแบบงานควรปฏิบตั ิตามหวั ขอ้ ต่อไปน้ี 1) เส้นบอกขนาดจะเป็นเส้นบางประกอบดว้ ยหวั ลูกศรระบายทึบ เส้นแรกควรอยูห่ ่างจาก ขอบชิ้นงาน 10 มิลลิเมตร (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.3 ตาแหน่งที่ 1)

7 2) เส้นบอกขนาดที่ต้องกาหนดต่อจากเส้นแรก ควรห่างจากเส้นแรกอย่างน้อย 7 มิลลิเมตร (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.3 ตาแหน่งท่ี 2) 3) การกาหนดขนาดจะตอ้ งขนานและมีความยาวเท่ากบั ขนาดของชิ้นงานและถา้ เป็ น ความยาวของส่วนโคง้ ตอ้ งมีสญั ลกั ษณ์เหนือตวั เลขดว้ ย (ดงั แสดงในรูปที่ 1.3 ตาแหน่งท่ี 3) 4) การกาหนดขนาดตอ้ งเขียนเส้นยาวตลอด ตวั เลขบอกขนาดควรอยู่เหนือเส้นบอก ขนาดประมาณ 1 มิลลิเมตร (ดงั แสดงในรูปที่ 1.3 ตาแหน่งที่ 4) รูปที่ 1.3 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ 1 ถึง 4 5) เส้นบอกขนาดสามารถเขียนลงในแบบงานได้ ถา้ เขียนแลว้ ทาให้อ่านแบบไดง้ ่ายและ เหมาะสมกวา่ การกาหนดขนาดภายนอก (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.4 ตาแหน่งที่ 5) 6) ในกรณีการบอกขนาดพ้ืนที่แคบ ๆ อาจเขียนตวั เลขบอกขนาดไวด้ า้ นขา้ งได้ (ดงั แสดง ในรูปที่ 1.4 ตาแหน่งท่ี 6) รูปที่ 1.4 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ 5 ถึง 6

8 7) เส้นบอกขนาดที่ส้ันที่สุดจะตอ้ งอยใู่ กลแ้ บบงานมากที่สุดเพ่อื ป้องกนั การสบั สน (ดงั แสดง ในรูปที่ 1.5 ตาแหน่งที่ 7) 8) เส้นช่วยบอกขนาดควรเขียนเลยจากปลายลูกศรออกไปประมาณ 1 มิลลิเมตร (ดงั แสดง ในรูปที่ 1.5 ตาแหน่งที่ 8) 9) หวั ลูกศรจะตอ้ งเป็นสามเหล่ียมทามุม 15 องศา ตอนทา้ ยปิ ดระบายทึบ ความยาวมีขนาด 3 เทา่ ของความกวา้ งซ่ึง W จะกวา้ งประมาณ 1–1.5 มิลลิเมตร (ดงั แสดงในรูปที่ 1.5 ตาแหน่งที่ 9) รูปท่ี 1.5 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ 7 ถึง 9 10) เส้นผา่ นศูนยก์ ลางไม่ควรนามาใชเ้ ป็ นเส้นบอกขนาดหรือเส้นกาหนดขนาด (ดงั แสดง ในรูปที่ 1.6 ตาแหน่งท่ี 10) 11) เส้นกาหนดขนาดควรเขียนให้ต้งั ฉากกบั เส้นบอกขนาด แต่ในบางกรณีมีความจาเป็ น และต้องการกาหนดขนาดให้เด่นชัดข้ึนก็สามารถทาการกาหนดขนาดได้ โดยทามุม 60 องศา (ดงั แสดงในรูปที่ 1.6 ตาแหน่งท่ี 11) 12) ให้พยายามหลีกเล่ียงการโยงเส้นออกจากแบบไปยงั ตวั เลขบอกขนาด (ดงั แสดงใน รูปท่ี 1.6 ตาแหน่งที่ 12) รูปที่ 1.6 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ 10 ถึง 12

9 13) เส้นบอกขนาดและเส้นกาหนดขนาดไมค่ วรเขียนตดั กนั (ดงั แสดงในรูปที่ 1.7 ตาแหน่ง ที่ 13) 14) เส้นกาหนดขนาดไม่ควรเขียนเลยไปยงั อีกภาพหน่ึง (ดงั แสดงในรูปที่ 1.7 ตาแหน่งท่ี 14) 15) ในกรณีท่ีตอ้ งใชเ้ ส้นผา่ นศูนยก์ ลางเป็ นเส้นกาหนดขนาด ให้เขียนเป็ นเส้นเต็มบางต่อ ออกมานอกรูป (ดงั แสดงในรูปที่ 1.7 ตาแหน่งท่ี 15) รูปที่ 1.7 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ที่ 13 ถึง 15 16) การกาหนดขนาดควรกาหนดในแนวดิ่งและแนวระดบั พยายามหลีกเล่ียงการกาหนด ขนาดในแนวเอียง (ดงั แสดงในรูปที่ 1.8 ตาแหน่งท่ี 16 และ17) 17) เส้นกาหนดขนาดแตล่ ะคูต่ อ้ งขนานกนั (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.8 ตาแหน่งท่ี 17) รูปท่ี 1.8 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ที่ 16 ถึง 17 18) เส้นบอกขนาดจะไมก่ าหนดต่อจากชิ้นของงานโดยตรงเพราะอาจจะทาใหเ้ กิดการเขา้ ใจผดิ กบั เส้นต่าง ๆ ในแบบงานได้ (ดงั แสดงในรูปที่ 1.9 ตาแหน่งที่ 18)

10 19) ตวั เลขบอกขนาด ตอ้ งเป็ นมาตรฐานเดียวกนั มีขนาดเท่ากนั ตลอดท้งั แบบ (ดงั แสดงใน รูปที่ 1.9 ตาแหน่งท่ี 19) รูปท่ี 1.9 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ที่ 18 ถึง 19 20) การบอกขนาดทางเคร่ืองกล ไม่นิยมบอกขนาดเป็นแบบลูกโซ่ (ดงั แสดงในรูปที่ 1.10 ตาแหน่งท่ี 20) 21) ขนาดที่ผสู้ ่งั งานตอ้ งการตรวจสอบเป็ นพเิ ศษใหว้ งรอบเอาไว้ (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.10 ตาแหน่งที่ 21) รูปท่ี 1.10 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ท่ี 20 ถึง 21 22) การบอกขนาดไม่ควรบอกซ้ากนั ควรบอกไวใ้ นตาแหน่งหรือดา้ นท่ีมองเห็นชดั เจน (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.11 ตาแหน่งท่ี 22) 23) ไม่ควรบอกขนาดตรงส่วนท่ีเป็ นเส้นประหรือส่วนที่มองไม่เห็นเป็ นอนั ขาด นอกจาก กรณีที่มีความจาเป็นเท่าน้นั (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.11 ตาแหน่งท่ี 23)

11 รูปท่ี 1.11 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ท่ี 22 ถึง 23 24) เส้นกาหนดขนาดควรกาหนดจากขอบงานเดียวกนั เพ่อื ใหส้ ัมพนั ธ์กบั การปฏิบตั ิงานจริง (ดงั แสดงในรูปที่ 1.12 ตาแหน่งท่ี 24) รูปที่ 1.12 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ท่ี 24 25) เส้นประท่ีขนานกนั และอยใู่ กลก้ นั ให้เขียนสลบั ช่องโดยไม่ให้ระยะเวน้ หรือเส้นตรงกนั (ดงั แสดงในรูปที่ 1.13 ตาแหน่งท่ี 25) รูปที่ 1.13 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ที่ 25

12 26) ตวั เลขบอกขนาด ตอ้ งอ่านไดจ้ ากทางดา้ นล่างและทางดา้ นขวามือของแบบ (ดงั แสดง ในรูปที่ 1.14) ใหห้ ลีกเล่ียงการกาหนดขนาดในข้นั ตอนการสร้างท่ีแสดงเส้นลายไว้ เพราะจะทาให้ อ่านขนาดไม่ไดจ้ ากทางขวามือของแบบ (ดงั แสดงในรูปที่ 1.14 ตาแหน่งที่ 26) รูปที่ 1.14 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ที่ 26 27) ชิ้นงานที่มีรัศมีโตมาก ๆ และอยใู่ นแนวเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง การกาหนดขนาดก็สามารถ ใชก้ ารยน่ ของเส้นกาหนดขนาดเพอื่ บอกตาแหน่งจุดศูนยก์ ลางรัศมีได้ โดยการเขียนหกั ใหเ้ ป็นมุม และยน่ ยอ่ ขนาดรัศมี (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.15 ตาแหน่งท่ี 27) รูปที่ 1.15 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ท่ี 27 28) ถา้ จุดศูนยก์ ลางอยใู่ กลก้ บั แนวเส้นศูนยก์ ลาง กอ็ าจใชก้ ารยน่ ของเส้นกาหนดขนาด เพ่ือบอกตาแหน่งจุดศูนยก์ ลางรัศมีในแบบงานได้ (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.16 ตาแหน่งท่ี 28)

13 รูปที่ 1.16 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ที่ 28 29) ในกรณีที่งานมีขนาดส้นั ๆ หรือร่องแคบ ๆ ติดต่อกนั หลายขนาดก็สามารถใชจ้ ุด (.) แทนหวั ลูกศรได้ เพอื่ สะดวกในการเขียนตวั เลขบอกขนาด (ดงั แสดงในรูปที่ 1.17) รูปที่ 1.17 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ท่ี 29 30) ขนาดที่ยาวหรือโตกวา่ 10 มิลลิเมตรข้ึนไปหวั ลูกศรจะอยดู่ า้ นในและช้ีออกดา้ นนอก (ดงั แสดงในรูปที่ 1.18) รูปท่ี 1.18 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ที่ 30

14 31) ขนาดที่ส้ันหรือเล็กกวา่ 10 มิลลิเมตรลงมา หวั ลูกศรจะอยดู่ า้ นนอกและช้ีเขา้ ใน โดยมี เส้นเช่ือมระหวา่ งหวั ลูกศรท้งั 2 ขา้ ง (ดงั แสดงในรูปที่ 1.19 ) รูปท่ี 1.19 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ท่ี 31 32) ขนาดท่ีเลก็ กวา่ 3 มิลลิเมตร ตวั เลขจะอยดู่ า้ นขวามือของเส้นบอกขนาด (ดงั แสดงใน รูปที่ 1.20) รูปที่ 1.20 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ท่ี 32 33) ตวั เลขที่อยใู่ นพ้ืนท่ีถูกตดั (Section) ใหเ้ วน้ ลายตดั ไวต้ รงบริเวณตวั เลข เพอ่ื ให้ตวั เลข บอกขนาดมีความชดั เจน (ดงั แสดงในรูปที่ 1.21 ตาแหน่งที่ 29) 34) ขนาดที่ไมถ่ ูกตอ้ งตามมาตราส่วนใหข้ ีดเส้นไวใ้ ตต้ วั เลขกาหนดขนาดน้นั (ดงั แสดงใน รูปท่ี 1.21 ตาแหน่งที่ 30) รูปท่ี 1.21 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ท่ี 33 ถึง 34

15 35) ชิ้นงานท่ีมีพ้นื ท่ีนอ้ ย ไม่สามารถเขียนตวั เลขไดใ้ หใ้ ชล้ ูกศรช้ีตรงพ้ืนท่ีท่ีตอ้ งการ กาหนดขนาดและเขียนขนาดตอ่ ทา้ ย (ดงั แสดงในรูปที่ 1.22 ) รูปที่ 1.22 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ที่ 35 36) เส้นบรรทดั ฐาน เป็ นเส้นท่ีกาหนดข้ึนเพ่อื เป็นเส้นหลกั ในการกาหนดขนาด ซ่ึงการ บอกขนาดหลาย ๆ จุดควรใชเ้ ส้นบรรทดั ฐานเป็นเส้นหลกั ในการบอกขนาด เช่น เส้นช่วยกาหนด ขนาดแนวต้งั ดา้ นซา้ ยมือ (ดงั แสดงในรูปที่ 1.23 ตาแหน่งที่ 31) รูปท่ี 1.23 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ที่ 36 37) แบบงานที่เทา่ กนั ท้งั สองขา้ ง (Symmetry) จะตอ้ งเขียนเส้นศูนยก์ ลาง (Center Line) เพ่อื แสดงขนาดของงานท้งั สองขา้ งทีี่เท่ากนั ไวด้ ว้ ย (ดงั แสดงในรูปที่ 1.24 ตาแหน่งที่ 32)

16 38) ดา้ นทุกดา้ นท่ีถูกเส้นศูนยก์ ลางแบ่งจะกาหนดขนาดเพียงคร้ังเดียว โดยขนาดที่ห่างจาก ขอบงานไม่ตอ้ งกาหนดขนาด (ดงั แสดงในรูปที่ 1.24 ตาแหน่งที่ 33 และ 34) รูปที่ 1.24 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ท่ี 37 ถึง 38 39) รอยบากและช่องเจาะทะลุ จะกาหนดความยาว ความกวา้ งและระยะห่างจากดา้ นของ แบบงานท่ีใชเ้ ป็นเส้นบรรทดั ฐาน (ดงั แสดงในรูปที่ 1.25 ตาแหน่งที่ 35) รูปท่ี 1.25 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ท่ี 39 40) ชิ้นงานที่มีพ้ืนท่ีเป็ นรูปทรงส่ีเหลี่ยมจตั ุรัส ให้เขียนสัญลกั ษณ์ “” ไวห้ นา้ ตวั เลข บอกขนาด (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.26 )

17 รูปท่ี 1.26 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ท่ี 40 41) การบอกขนาดสาหรับรัศมีจะใหห้ วั ลูกศรช้ีไปบรรจบส่วนโคง้ ของวงกลมเสมอ (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.27 ) รูปท่ี 1.27 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ที่ 41 42) การกาหนดขนาดของรัศมีโคง้ ในจะใชเ้ ส้นบอกขนาดเขียนจากเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง ไปยงั ส่วนโคง้ เสมอ (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.28 ) รูปท่ี 1.28 แสดงการกาหนดขนาดตามขอ้ ที่ 42 1.4 การกาหนดขนาดมุม ตามมาตรฐาน ISO 128-22 (1999-12) การบอกขนาดงานที่เป็ นมุม จะตอ้ งเป็ นส่วนโคง้ โดยใช้จุดศูนยก์ ลางของส่วนโคง้ อยู่ ที่จุดตดั ของเส้นท้งั สองที่จะกาหนดขนาดมุม และขนาดของมุมจะกาหนดเป็ นองศา ( ° ) และลิปดา ( ' ) เช่น 60° 40' (1 องศา = 60 ลิปดา) การบอกขนาดงานที่เป็นมุมมีหลกั การกาหนดดงั น้ี 1) การกาหนดขนาดมุมมีความคลา้ ยคลึงกบั การกาหนดขนาดงานตามปกติ แต่เส้น กาหนดขนาดจะเขียนเป็นส่วนโคง้ แทนเส้นตรง โดยหลีกเล่ียงการกาหนดขนาดท่ีแสดงพ้ืนท่ีลายไว้

18 เพราะการกาหนดขนาดมุมในลกั ษณะน้ี ตวั เลขจะอ่านไม่ไดจ้ ากทางขวามือของแบบ (ดงั แสดงใน รูปท่ี 1.29 ) รูปที่ 1.29 แสดงการกาหนดขนาดมุมตามขอ้ 1 2) เส้นกาหนดขนาดมุมตอ้ งเป็ นส่วนโคง้ มีจุดศูนยก์ ลางอยทู่ ี่จุดตดั ของมุมน้นั ๆ (ดงั แสดง ในรูปท่ี 1.30) 5๐ รูปท่ี 1.30 แสดงการกาหนดขนาดมุมตามขอ้ ที่ 2 3) ถา้ ขนาดมุมมีความกวา้ งและมีพ้นื ที่มาก เส้นโคง้ บอกขนาดจะเขียนเส้นจากขอบของงาน ไปหาขอบงานอีกขา้ งหน่ึง (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.31 ตาแหน่งท่ี 1) 4) ถา้ มุมมีขนาดของพ้ืนที่นอ้ ยหรือมุมแคบกส็ ามารถเขียนเส้นช่วยกาหนดขนาดต่อออกไป กาหนดขนาดได้ (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.31 ตาแหน่งท่ี 2)

19 รูปท่ี 1.31 แสดงการกาหนดขนาดมุมตามขอ้ ท่ี 3 ถึง 4 5) ถา้ มุมน้นั มีขนาดเท่ากนั ท้งั 2 ขา้ งของเส้นศูนยก์ ลาง จะตอ้ งกาหนดขนาดของมุมน้นั ใหเ้ ป็นมุมเดียวกนั (ดงั แสดงในรูปที่ 1.32) รูปที่ 1.32 แสดงการกาหนดขนาดมุมตามขอ้ ที่ 5 6) การกาหนดขนาดมุม (ดงั แสดงในรูปที่ 1.33 (ก)) เป็ นมุม 45๐ ลึก 2 มิลลิเมตร และ มุม 90๐ ลึก 3 มิลลิเมตร สามารถกาหนดขนาดไดแ้ ต่จะทาใหก้ ารเขียนและอ่านแบบมีความยงุ่ ยาก ผูเ้ ขียนแบบควรจะกาหนดขนาดให้เป็ นแบบ (ดงั แสดงในรูปที่ 1.33 (ข)) เพราะมีความหมาย เช่นเดียวกนั ทาใหแ้ บบดูดีและอา่ นง่ายข้ึน (ก) (ข) รูปท่ี 1.33 แสดงการกาหนดขนาดมุมตามขอ้ ท่ี 6

20 1.5 การกาหนดขนาดงานทรงกลมและส่วนโค้ง ตามมาตรฐาน ISO 128-22 (1999-12) สัญลกั ษณ์เส้นผ่านศูนยก์ ลาง จะใช้แทนด้วยวงกลมมเส้นตรงเอยง 75 องศา เขยนผ่าน วงกลมและมความสูงเท่ากบั ตวั เลขกาหนดขนาด (ดงั แสดงในรูปท่ 1.34) รูปท่ 1.34 แสดงสญั ลกั ษณ์ของเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง การกาหนดขนาดทรงกลมและส่วนโคง้ จะต้องกาหนดให้ได้ตามมาตรฐานสากลเพื่อ การเขยนและอา่ นแบบใหเ้ ป็นในแนวทางเดยวกนั ควรปฏิบตั ิดงั น้ 1) ชิ้นงานท่ีเป็ นทรงกลมเมื่อเขียนแบบเพ่ือกาหนดขนาดตอ้ งเขียนคาว่า “ทรงกลม” ก่อนสัญลกั ษณ์เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง (Ø) และตามดว้ ยตวั เลขบอกขนาด (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.35) รูปที่ 1.35 แสดงการกาหนดขนาดทรงกลม 2) การกาหนดขนาดงานทรงกลม สามารถเขียนเส้นกาหนดขนาดออกมาบอกขนาด ภายนอกทรงกลมได้ (ดงั แสดงในรูปที่ 1.36) รูปที่ 1.36 แสดงการเขียนเส้นกาหนดขนาดออกจากขอบงานวงกลม

21 3) ในกรณีชิ้นงานทรงกลมไม่เตม็ รูป หรือเป็นส่วนของรูปทรงกลมจะตอ้ งเขียนบอก “ทรงกลม” ก่อนสัญลกั ษณ์เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง (Ø) หรือรัศมี (R) (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.37) รูปท่ี 1.37 แสดงการกาหนดขนาดงานทรงกลมไมเ่ ตม็ รูป 4) การกาหนดขนาดของเส้นผา่ นศูนยก์ ลางสามารถเขียนไวภ้ ายในวงกลม ในกรณี ที่วงกลมมีขนาดโตพอท่ีจะกาหนดตวั เลขบอกขนาดไดห้ รือถา้ ขนาดของวงกลมเล็กเกินที่จะกาหนด ขนาดภายในไดก้ ็ทาการเขียนเส้นกาหนดขนาดไวข้ า้ งนอกวงกลมได้ (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.38) รูปท่ี 1.38 แสดงกาหนดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางวงกลม 5) ในกรณีการกาหนดขนาดของเส้นผา่ นศูนยก์ ลางมีความยงุ่ ยากต่อการเขียนแบบ ผูเ้ ขียนสามารถเขียนเส้นกาหนดขนาดออกมาบอกขนาดในลักษณะต่าง ๆ ภายนอกวงกลมได้ (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.39) รูปที่ 1.39 แสดงการกาหนดขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางวงกลมไวภ้ ายนอกวงกลม

22 6) การกาหนดระยะห่างระหว่างวงกลม 2 วง หรือระยะห่างของขอบงานควร กาหนดจากจุดศูนยก์ ลางของวงกลมหน่ึงถึงจุดศูนยก์ ลางของวงกลมหน่ึง (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.40 ของ ระยะความห่างวงกลม 39) 7) ถ้าขนาดงานมีลักษณะเป็ นส่ วนโค้งของวงกลมแต่การบอกขนาดเป็ น เส้นผ่านศูนยก์ ลางสามารถเขียนเส้นช่วยกาหนดขนาดต่อจากส่วนโคง้ ได้ (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.40 ของขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง Ø20) 8) ในกรณีที่ส่วนโคง้ ของวงกลมมีจุดศูนยก์ ลางปรากฏอยูด่ ว้ ย ถา้ ตอ้ งการกาหนด ขนาดเป็ นเส้นผา่ นศูนยก์ ลางใหเ้ ขียนเส้นบอกขนาดเลยจากจุดศูนยก์ ลางออกไปเล็กนอ้ ย (ดงั แสดง ในรูปท่ี 1.40 ของขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง Ø30) 9) การบอกขนาดรัศมีของวงกลมตอ้ งเขียนสัญลกั ษณ์ “R” ไวห้ นา้ ตวั เลขกาหนด ขนาดเสมอ (ดงั แสดงในรูปท่ี 1.40 ขนาดของรัศมี R3) รูปที่ 1.40 แสดงการกาหนดขนาดส่วนโคง้ และระยะห่างของวงกลม

23 สรุป 1. เส้น เป็ นส่วนสาคญั ท่ีใชใ้ นการเขียนแบบ เป็ นสัญลกั ษณ์ท่ีใช้แสดงรูปร่างของชิ้นงาน สื่อความหมายต่าง ๆ ให้ทราบถึงส่วนประกอบในแบบงาน บอกลกั ษณะงานเป็ นรูปแบบใดตอ้ ง ปฏิบตั ิอย่างไรกบั เส้นต่าง ๆ ที่แสดงไว้ เราผูเ้ รียนเขียนแบบจึงตอ้ งรู้ถึงขนาดและความหนาของ เส้นแตล่ ะเส้น สามารถนาไปใชใ้ นงานเขียนแบบไดถ้ ูกตอ้ ง 2. มาตราส่วน มีความสาคญั มากในการเขียนแบบ ขนาดที่ใหญ่กว่ากระดาษเขียนแบบ จาเป็ นต้องใช้มาตราส่วนย่อแบบให้สามารถเขียนไวใ้ นกระดาษเขียนแบบได้อย่างเหมาะสม เช่นเดียวกับขนาดที่เล็กมากก็ใช้มาตราส่วนในการขยายให้แบบมีความสมดุลกับกระดาษและ สามารถอา่ นแบบไดอ้ ยา่ งชดั เจน 3. การกาหนดขนาดท้ังขนาดความยาว ขนาดมุม ขนาดของทรงกลมและส่วนโค้ง เป็นส่วนท่ีจะนาชิ้นงานมาทาการผลิตเป็นรูปร่างใหไ้ ดข้ นาดตามตอ้ งการ ดงั น้นั การกาหนดขนาดจึง ตอ้ งมีความเกี่ยวขอ้ งกบั งานเขียนแบบทุกแบบท่ีเขียน ผูเ้ รียนจะตอ้ งสามารถทาการกาหนดขนาดให้ ไดต้ ามมาตรฐานของงานเขียนแบบ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook