ชุดกจิ กรรมอิเลก็ ทรอนิกสว์ ิชาวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง พชื น่ารู้ เล่มที่ 8 การตอบสนองต่อสิง่ เร้าของพชื กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 นายเอกรักษ์ ชยั วงค์ ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการ โรงเรยี นเทศบาลสนั ปา่ ยางหลวง สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งลาพนู จังหวัดลาพูน
ชุดกิจกรรมอเิ ลก็ ทรอนิกสว์ ิชาวิทยาศาสตร์ เร่อื งพชื นา่ รู้ ของนกั เรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 โรงเรยี นเทศบาลสนั ป่ายางหลวง เทศบาลเมอื งลาพนู จงั หวดั ลาพูน คาชีแ้ จงในการใชช้ ดุ กิจกรรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เล่มที่ 8 การตอบสนองต่อสิง่ เรา้ ของพชื ชดุ กจิ กรรมอิเลก็ ทรอนิกส์ เล่มที่ 8 การตอบสนองต่อส่ิงเร้าของพืช เป็นชุดกิจกรรม อเิ ลก็ ทรอนิกส์รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว 14101 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 กลมุ่ สาระการ เรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ มีสาระการเรียนรู้ ตามหลกั สูตรการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ใช้ เวลาในการศกึ ษา และปฏิบัตกิ ิจกรรม จานวน 2 ช่วั โมง มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจหน่วยพนื้ ฐานของส่งิ มีชีวิต ความสมั พนั ธข์ องโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของ ระบบตา่ ง ๆ ของสิ่งมีชีวิตท่ีทางานสมั พนั ธก์ นั มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่อื สารสง่ิ ท่ีเรยี นรูแ้ ละนา ความรูไ้ ปใชใ้ นการดารงชีวิตของตนเองและดแู ลส่งิ มีชีวิต ตวั ชวี้ ัด มฐ.ว 1.1 ป.4/2 อธิบาย นา้ แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ แสง และคลอโรฟิลล์ เป็นปัจจยั ท่ีจาเป็นบาง ประการตอ่ การเจรญิ เติบโตและการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกความหมายของสง่ิ เรา้ และการตอบสนองตอ่ สง่ิ เรา้ ของพืชได้ (K) 2. อธิบายการตอบสนองตอ่ แสง เสียง และการสมั ผสั ของพชื ในสถานการณท์ ่ีแตกตา่ งกนั ได้ (K) 3. ออกแบบการทดลองและลงมือทดลองเพ่อื ศกึ ษาการตอบสนองตอ่ แสง เสยี ง และการสมั ผสั ของพชื ได้ (P) 4. เป็นผใู้ ฝ่เรยี นรู้ ช่างสงั เกต ชา่ งคดิ ชา่ งสงสยั และเป็นผทู้ ่ีมีความกระตอื รอื รน้ ในการเสาะแสวงหา ความรู้ (A)
ชดุ กจิ กรรมอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์วชิ าวทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง พชื น่ารู้ โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5Es) ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 มรี ายละเอยี ดดังน้ี 1. ชุดกิจกรรมอิเลก็ ทรอนกิ สว์ ิทยาศาสตรม์ ที ง้ั หมด 8 เล่ม ดงั นี้ เลม่ ที่ 1 เรอ่ื ง โครงสร้างภายนอกของพืช เล่มที่ 2 เรื่อง การดดู น้าของรากพชื เล่มที่ 3 เรอ่ื ง การลาเลยี งของพชื เล่มที่ 4 เร่ือง การคายน้าของพชื เล่มที่ 5 เรอื่ ง ปัจจยั ท่มี ีผลตอ่ การเจรญิ เติบโตของพืช เลม่ ที่ 6 เรื่อง การสร้างอาหารของพชื เล่มที่ 7 เร่ือง ปจั จัยทม่ี ผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื เล่มท่ี 8 เร่อื ง การตอบสนองตอ่ สง่ิ เรา้ ของพชื 2. ชุดกจิ กรรมอิเลก็ ทรอนกิ สว์ ชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ต่ละชุดมสี ่วนประกอบ ดงั น้ี 2.1 คาแนะการใช้ชุดกจิ กรรมสาหรบั ครู 2.2 บทบาทของครู 2.3 บทบาทของนักเรียน 2.4 สาระสาคัญ ผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวงั 2.5 แบบทดสอบก่อนเรยี น 2.6 ใบความรู้ 2.7 ใบกจิ กรรม 2.8 แบบทดสอบหลังเรยี น
ส่วนประกอบของชุดกจิ กรรมอิเล็กทรอนิกส์ มดี งั น้ี 1. คาช้แี จงในการใช้ชดุ กิจกรรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 2. บทบาทครู 3. บทบาทนักเรยี น 4. ขนั้ ตอนการใช้ชดุ กจิ กรรมอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 5. แบบทดสอบกอ่ นเรียน ชุดกจิ กรรมอิเลก็ ทรอนกิ ส์ เลม่ ที่ 4 6. ใบความรู้ท่ี 8.1 การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพชื 7. ใบกิจกรรมที่ 8.1 การตอบสนองต่อสง่ิ เร้าของพชื 8. ใบความรู้ท่ี 8.2 การทดลองเกยี่ วกบั การตอบสนองต่อสง่ิ เร้าของพชื 9. ใบกจิ กรรมที่ 8.2 การทดลองเก่ยี วกับการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพชื 10. แบบทดสอบหลงั เรียน ชุดกจิ กรรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เลม่ ที่ 8 11. เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน ชดุ กิจกรรมอิเลก็ ทรอนิกส์ เลม่ ท่ี 8 12. เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ชุดกจิ กรรมอิเล็กทรอนกิ ส์ เล่มท่ี 8 13. แนวคาตอบใบกิจกรรมที่ 8.1 การตอบสนองต่อสง่ิ เร้าของพชื 14. แนวคาตอบใบกจิ กรรมที่ 8.2 การทดลองเก่ยี วกับการตอบสนองต่อส่งิ เร้าของพืช การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. ประเมนิ ผลดา้ นความรู้ 1.1 ทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรียน 1.2 ตรวจใบกจิ กรรมที่ 8.1 การตอบสนองต่อสง่ิ เร้าของพืช 2. ประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการ 2.1 ตรวจใบกจิ กรรมท่ี 8.2 การทดลองเก่ียวกบั การตอบสนองตอ่ สงิ่ เรา้ ของพชื 2.2 ประเมนิ พฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 3. ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 3.1 ซื่อสตั ย์ สุจรติ 3.2 มีวนิ ยั 3.3 ใฝ่เรยี นรู้ 3.4 มงุ่ มน่ั ในการทางาน 3.5 มจี ติ สาธารณะ
บทบาทครู ชดุ กิจกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เลม่ ที่ 8 การตอบสนองต่อส่ิงเร้าของพชื ใช้เวลาในการศึกษา และปฏบิ ตั กิ จิ กรรม จานวน 2 ชัว่ โมง ส่งิ ทคี่ รูควรปฏิบัติ กอ่ น-หลัง และขณะใชช้ ุดกจิ กรรมอเิ ล็กทรอนิกส์ มีดังนี้ 1. ครูควรศกึ ษา และทาความเข้าใจวิธีการใชช้ ุดกิจกรรมอิเลก็ ทรอนกิ สแ์ ล้วปฏบิ ัตติ ามข้ันตอนในการใช้ชดุ กจิ กรรมอเิ ล็กทรอนิกส์ใหถ้ ูกตอ้ ง ตามลาดับขัน้ ตอนการดาเนนิ กจิ กรรม การใชส้ ือ่ และอปุ กรณ์ รวมถงึ วิธวี ดั และประเมนิ ผลของชุดกจิ กรรมอิเล็กทรอนกิ ส์ใหช้ ดั เจน 2. ครูควรศกึ ษาแผนการจดั การเรยี นรู้ และปฏิบตั กิ ิจกรรมตามแผนการจดั การเรยี นรู้ ใหค้ รบทุกข้นั ตอน 3. ครคู วรเตรยี มการจดั กิจกรรมการเรียนรลู้ ว่ งหนา้ และเตรียมสถานทต่ี ลอดจนส่ือตา่ งๆ ใหพ้ รอ้ มกอ่ นใชช้ ดุ กิจกรรมอิเลก็ ทรอนิกส์ 4. ครคู วรเตรยี มสอ่ื ตา่ งๆ ทใี่ ชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ แต่ละแผนไว้ล่วงหนา้ 5. ครคู วรตรวจสอบวัสดอุ ปุ กรณต์ า่ งๆ ทมี่ อี ยใู่ นชดุ กิจกรรมอิเลก็ ทรอนกิ ส์ใหเ้ รียบร้อยทงั้ ก่อน และหลงั ใช้ชดุ กิจกรรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์ทกุ ครัง้ 6. การจัดช้ันเรยี น จัดนักเรียนนั่งเปน็ กลมุ่ กล่มุ ละ 4-5 คน โดยแตล่ ะกลุ่มใหม้ ีนกั เรียนเกง่ ปานกลาง ออ่ น ตามความเหมาะสมเพอ่ื ฝึกทกั ษะการทางานกลมุ่ ทักษะกระบวนการร่วมกับผู้อืน่ 7. ครูควรช้ีแจงบทบาทของนักเรยี น เวลาท่ใี ช้ในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม แต่ละกจิ กรรมหรอื แตล่ ะแผนการจดั การ เรยี นรใู้ ห้นักเรยี นทราบ 8. ครคู วรแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ใหน้ ักเรียนทราบ 9. ครใู หน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนเป็นรายบุคคล เพือ่ ประเมินความรเู้ ดมิ ของนกั เรยี น ก่อนเร่ิมเรยี นใน แต่ละชุด 10. ครแู จกชดุ กิจกรรมอเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ ห้นักเรียนศึกษา และแนะนาขั้นตอนการใชช้ ดุ กจิ กรรม การเรียนรู้ เพ่อื นกั เรยี นจะไดป้ ฏบิ ตั ไิ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 11. ครดู าเนนิ การสอนตามกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ีกาหนดไว้ในแผนการจดั การเรียนรู้ 12. ครคู วรใหก้ ารดแู ลขณะที่นกั เรียนปฏิบตั กิ จิ กรรมอย่างท่วั ถึง และให้คาแนะนากรณี ท่นี ักเรยี นไมเ่ ขา้ ใจใน กิจกรรมต่างๆ และต้องพยายามกระตุ้นใหน้ กั เรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรมดว้ ยตนเองมากท่สี ุด 13. หากมนี ักเรยี นคนใดเรียนไมท่ ัน ครูอาจมอบหมายงานให้ศึกษาเพมิ่ เตมิ ในเวลาว่าง 14. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียนเป็นรายบคุ คล หลงั จากท่ีนกั เรยี นใช้ ชดุ กิจกรรมอเิ ล็กทรอนกิ ส์ เสรจ็ เรียบรอ้ ย 15. นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ทาใบกจิ กรรม ครคู วรตรวจคาตอบแล้วแจง้ คะแนนใหน้ ักเรียนทราบ ทนั ที และเมอื่ เรียนจบเนือ้ หาให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี น เมื่อครูตรวจคาตอบแลว้ แจง้ คะแนนให้ นกั เรยี นทราบ เพอื่ ดูความกา้ วหน้าของตนเอง หากมนี ักเรียน ไมผ่ ่านเกณฑ์ ครูควรใหน้ กั เรยี นรบั ชุดกิจกรรม อิเล็กทรอนกิ สช์ ุดทีไ่ มผ่ ่านเกณฑไ์ ปศกึ ษาเพม่ิ เติม นอกเวลาเรยี น 16. ครูควรสรปุ ผลการใชช้ ุดกจิ กรรมอิเล็กทรอนิกส์ สภาพปัญหา และข้อเสนอแนะ หลังจากใชช้ ดุ กิจกรรม อิเลก็ ทรอนกิ สแ์ ต่ละครง้ั เพือ่ นาไปปรบั ปรงุ ในการใช้ชุดกจิ กรรมอิเลก็ ทรอนิกสใ์ นครัง้ ต่อไป
บทบาทนกั เรียน ชดุ กิจกรรมอิเลก็ ทรอนกิ ส์ เลม่ ที่ 8 การตอบสนองต่อส่งิ เรา้ ของพืช ใช้เวลาในการศึกษา และปฏบิ ัตกิ ิจกรรม จานวน 2 ชั่วโมง โดยนกั เรียนปฏบิ ัติดงั ต่อไปนี้ 1. นกั เรยี นอา่ นคาชแ้ี จงการใช้ชดุ กจิ กรรมอิเล็กทรอนกิ ส์บทบาทของนักเรียนให้เขา้ ใจกอ่ น ศึกษาชดุ กิจกรรม อิเลก็ ทรอนิกส์ 2. นกั เรยี นอา่ นขน้ั ตอนการใชช้ ดุ กจิ กรรม 3. นกั เรยี นศึกษาชุดกิจกรรมอิเลก็ ทรอนกิ สด์ ้วยตนเอง โดยปฏบิ ัติตามขั้นตอนท่รี ะบุไว้ในขัน้ ตอนการใช้ชดุ กจิ กรรม 4. นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น และแบบทดสอบหลังเรยี นเปน็ รายบคุ คลสว่ นการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมในชุด กจิ กรรมอเิ ล็กทรอนกิ ส์ให้นกั เรียนทาเป็นกลมุ่ 5. การทากิจกรรมตามชุดกิจกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทุกชดุ ขอใหน้ ักเรียนทาด้วยความตั้งใจ และใหค้ วามรว่ มมอื มคี วามซือ่ สตั ยต์ ่อตนเองและผอู้ ่ืนไม่เปิดดูเฉลยกอ่ นเป็นอนั ขาด เพราะจะทาให้นกั เรียนไม่ไดใ้ ชท้ ักษะในการคิด วเิ คราะห์ 6. การทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ทาแบบบนั ทกึ กิจกรรมนักเรียนควรให้ครตู รวจคาตอบแลว้ รอผลคะแนนสอบ ทันที และเม่อื เรยี นจบเน้อื หาให้นกั เรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี น เมอื่ ครตู รวจคาตอบแล้วใหน้ ักเรียนรอผล คะแนนสอบ เพ่อื ดูความก้าวหน้าของตนเอง หากนักเรียนไมผ่ ่านเกณฑ์ ใหน้ ักเรยี นรบั ชดุ กิจกรรม อเิ ล็กทรอนกิ สช์ ดุ ทไี่ มผ่ ่านเกณฑไ์ ปศกึ ษาเองเพ่ิมเตมิ นอกเวลาเรียน เพ่อื ทบทวนความรู้แล้วจงึ ทาแบบทดสอบ ใหม่อีกครง้ั 7. หลังจากทากจิ กรรมเสร็จเรียบรอ้ ยแล้ว ใหน้ กั เรียนเก็บวสั ดอุ ุปกรณใ์ หเ้ รยี บร้อย 8. หากนักเรียนคนใดเรยี นไมท่ นั หรือเรยี นไมเ่ ขา้ ใจ ให้รบั ชุดกิจกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไปศกึ ษาเพิม่ เตมิ นอกเวลา เรียน เพ่ือให้เขา้ ใจมากยิ่งขึ้น
ในกรณีที่ไมม่ ีการแบ่งกลมุ่ 1. นกั เรยี นทกุ คนปฏบิ ตั กิ จิ กรรมดว้ ยความตง้ั ใจ และไม่ชวนเพื่อนคุยหรือเลน่ กนั ขณะทป่ี ฏบิ ัตกิ ิจกรรม 2. นกั เรยี นปฏิบตั ติ ามขน้ั ตอนในการทากจิ กรรมใหเ้ สรจ็ และทันเวลาทกี่ าหนด 3. นกั เรยี นควรตง้ั ใจตอบคาถามอยา่ งเตม็ ความสามารถ และยกมือซักถามเมอ่ื พบปัญหาหรือข้อสงสัย 4. นกั เรยี นควรทาแบบฝกึ หดั ดว้ ยตนเองอยา่ งเตม็ ความสามารถ ไม่ลอกเลียนแบบของผู้อนื่ 5. นกั เรยี นควรตง้ั ใจในการทาแบบทดสอบทง้ั กอ่ นเรยี นและหลังเรยี นดว้ ยตนเอง 6. เมอ่ื นักเรียนปฏิบตั ิกจิ กรรมเสร็จ ให้ช่วยกันเกบ็ และทาความสะอาดวัสดุ อุปกรณ์ สือ่ การเรยี นการสอน แล้วจัดโตะ๊ กับเกา้ อใี้ ห้อยใู่ นสภาพทเี่ รยี บร้อย ในกรณีทม่ี ีการแบง่ กลมุ่ 1. บทบาทของผนู้ ากลุม่ มหี น้าที่ดังน้ี 1.1 ควบคุมการดาเนินกจิ กรรมภายในกล่มุ ให้เปน็ ไปด้วยความเรียบรอ้ ย 1.2 เปน็ ผู้นาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมของกลมุ่ 1.3 เป็นผู้ตดิ ต่อกับครูเมื่อพบปญั หาหรอื ข้อสงสัย 1.4 รายงานหรือแจ้งใหค้ รูทราบเมือ่ ปฏบิ ัติกิจกรรมเสรจ็ 1.5 หลงั จากสมาชิกภายในกลุ่มปฏิบัตกิ จิ กรรมตามแผนการจดั การเรยี นรเู้ สรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ให้เก็บ รวบรวมแบบบันทกึ กิจกรรม และกระดาษคาตอบสง่ ครตู ามเวลาท่ีกาหนด 2. บทบาทของสมาชกิ ภายในกล่มุ มหี นา้ ท่ดี ังน้ี 2.1 ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมดว้ ยความต้ังใจให้ทนั เวลาโดยไมช่ วนเพือ่ นคยุ หรอื เลน่ 2.2 ตั้งใจตอบคาถามอยา่ งเต็มความสามารถและปฏบิ ตั ิตามขนั้ ตอนในการทากิจกรรม 2.3 ไมค่ วรปรึกษากนั เสยี งดังเกินไปจนรบกวนกลุ่มอื่นๆ 2.4 ช่วยกนั เก็บ และทาความสะอาดวัสดุ อุปกรณ์ สอ่ื การเรยี นการสอน แล้วจัดโตะ๊ กบั เก้าอ้ี ให้อย่ใู น สภาพทเี่ รยี บรอ้ ย
ขนั้ ตอนการใช้ชดุ กิจกรรม 1. นกั เรยี นศึกษาคาชแ้ี จงการใช้ชดุ กจิ กรรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เล่มที่ 8 การตอบสนองตอ่ สิ่งเรา้ ของพืช ใหเ้ ขา้ ใจ 2. นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนเปน็ รายบุคคล ชุดกจิ กรรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ชดุ ที่ 8 จานวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที เม่อื ทาแบบทดสอบเสรจ็ แล้วเก็บรวบรวมให้ครตู รวจคาตอบ รอฟงั ผลการประเมิน ความรู้ เดมิ ของนกั เรียน 3. นกั เรยี นศึกษาใบความรู้ท่ี 8.1 การตอบสนองต่อส่งิ เรา้ ของพชื จากนัน้ ทาใบกจิ กรรมที่ 8.1 การ ตอบสนองตอ่ สง่ิ เร้าของพชื เม่ือทาเสรจ็ เรยี บร้อยแลว้ ครกู บั นกั เรียนเฉลยคาตอบรว่ มกันโดยตรวจคาตอบใน เฉลยใบกิจกรรมท่ี 8.1 การตอบสนองตอ่ สงิ่ เร้าของพชื 4. นกั เรยี นศึกษาใบความรู้ท่ี 8.2 การทดลองเกย่ี วกบั การตอบสนองต่อส่ิงเร้าของพชื จากนนั้ ทา ใบ กิจกรรมที่ 8.2 การทดลองเก่ยี วกบั การตอบสนองตอ่ สิง่ เรา้ ของพชื เม่ือทาเสรจ็ เรียบรอ้ ยแลว้ ครูกับนกั เรียน เฉลยคาตอบร่วมกนั โดยตรวจคาตอบในแนวคาตอบใบกิจกรรมท่ี 8.2 การทดลองเกี่ยวกับการตอบสนองต่อส่งิ เรา้ ของพชื 5. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเปน็ รายบคุ คล ชดุ กจิ กรรมอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ชดุ ที่ 8 จานวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที เมอื่ นกั เรยี นทาแบบทดสอบเสรจ็ แลว้ เก็บรวบรวมให้ครตู รวจคาตอบเพ่ือประเมนิ ความรู้ หลังจากใชช้ ดุ กิจกรรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์
แบบทดสอบก่อนเรยี น ชุดกจิ กรรมอิเลก็ ทรอนิกส์ ชดุ ที่ 8 เรอ่ื ง การตอบสนองตอ่ สง่ิ เรา้ ของพชื กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลา 10 นาที คาช้ีแจง ข้อสอบชุดนเ้ี ป็นข้อสอบปรนยั จานวน 10 ข้อ คะแนน 10 คะแนน คาส่งั ให้นักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุดเพียงคาตอบเดียวแลว้ นาอกั ษรหนา้ คาตอบ เติมลงใน แบบบันทึก ผลการทดสอบ 1. พชื มกี ารตอบสนองตอ่ ส่ิงเรา้ เพราะเหตใุ ด ก. เพ่ือใหพ้ ชื มผี ลผลติ มากขนึ้ ข. เพ่อื ใหพ้ ืชเจรญิ เตบิ โตรวดเรว็ ค. เพ่ือใหพ้ ืชสามารถดารงชีวติ อยไู่ ด้ ง. เพ่ือปอ้ งกนั อนั ตรายท่ีเกิดขนึ้ กบั พืช 2. การท่ีใบไมร้ ว่ งในฤดหู นาว เป็นการตอบสนองตอ่ สง่ิ เรา้ ใดขอ้ ใด ก. แสง ข. เสียง ค. อณุ หภมู ิ ง. การสมั ผสั 3. ในตอนเชา้ ดอกทานตะวนั หนั หนา้ ไปทางทิศใด ก. ทิศใต้ ข. ทศิ เหนือ ค. ทศิ ตะวนั ตก ง. ทศิ ตะวนั ออก 4. พืช มกี ารตอบสนองตอ่ แสงอยา่ งไร ก. รากพืชเจรญิ เติบโตลงสพู่ ืน้ ดนิ ข. ลาตน้ พชื โนม้ เอนเขา้ หาแสง ค. ใบพืชมีการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ง. ผลไมส้ กุ เม่ือไดร้ บั แสงอาทติ ย์
5. พืชในขอ้ ใดมีการตอบสนองตอ่ การสมั ผสั ก. ตน้ กหุ ลาบ ข. ตน้ ผกั กระเฉด ค. ดอกทานตะวนั ง. ดอกคณุ นายต่นื สาย 6. พืชในขอ้ ใดเม่อื ไดร้ บั การกระตนุ้ ดว้ ยเสยี งเพลง จะมกี ารขยับเปน็ จังหวะ ก. ตน้ ชอ้ ยนางรา ข. ตน้ ผกั กระเฉด ค. ตน้ ไมยราบ ง. หมอ้ ขา้ วหมอ้ แกงลงิ 7. ตน้ กาบหอยแครง เป็นพืชกินแมลงท่ีมีลกั ษณะอยา่ งไร ก. มีถงุ บรรจนุ า้ หวานลอ่ แมลงใหต้ กลงไป ข. ปลายหนวดมีหยดสารเหนียวไวด้ กั จบั แมลง ค. ใชก้ าบใบท่ีมพี ิษดกั จบั แมลงท่ีเดนิ ผา่ นเขา้ มา ง. หบุ กาบใบเขา้ หากนั อยา่ งรวดเรว็ เม่ือแมลงผา่ นเขา้ มา 8. ลาตน้ ของพืชในขอ้ ใด สามารถสงั เกตเหน็ การโนม้ เอนเขา้ หาแสงไดง้ า่ ยท่ีสดุ ก. ถ่วั เขียว ข. ตะบองเพชร ค. ดอกบวั ง. คณุ นายตื่นสาย
9. ดอกของพืชชนิดใด สามารถเปล่ยี นสรี ะหวา่ งวนั เม่ือไดร้ บั ปรมิ าณแสงท่ีแตกตา่ งกนั ได้ ก. ดอกบวั ข. ดอกพดุ ตาน ค. ดอกทานตะวนั ง. ดอกบานช่ืน 10. ตน้ ไมยราบ เม่ือมีแรงกระเทือนหรอื สมั ผสั จะหบุ ใบลงเพราะเหตใุ ด ก. เพ่ือจ่โู จมศตั รู ข. เพ่อื ขศู่ ตั รูใหต้ กใจหนีไป ค. เพ่อื ดกั จบั แมลงท่ีเดนิ ผา่ นมา ง. เพ่ือปอ้ งกนั อนั ตรายหรอื การรบกวน
แบบบนั ทึกผลแบบทดสอบก่อนเรยี น ชดุ กจิ กรรมอิเลก็ ทรอนิกส์ ชดุ ที่ 8 ช่อื -สกุล.....................................................ชน้ั ..................... เลขท.่ี ................ ข้อท่ี คาตอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 คะแนนเต็ม 10 คะแนน คะแนนทไี่ ด.้ ............คะแนน
ใบความรู้ท่ี 8.1 การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช การตอบสนองตอ่ สิง่ เรา้ ของพชื คอื การท่ีพชื มีการปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั สงิ่ แวดลอ้ มตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ แสง เสยี ง อณุ หภมู ิ ความชืน้ และการสมั ผสั เพ่ือใหพ้ ชื สามารถดารงชีวติ อยไู่ ด้ การตอบสนองตอ่ สง่ิ เรา้ ของพืช เชน่ แสง (ดอกทานตะวนั หนั ดอกเขา้ หาแสงอาทิตย์ ปลายยอดของพืชเบน เขา้ หาแสง
ดอกคณุ นายตน่ื สายบานเม่ือไดร้ บั แสงอาทติ ย์ อณุ หภมู ิ (ดอกพดุ ตานเปล่ียนสีในตอนเชา้ สาย และเยน็ ท่ีมา : http://www.thaiarcheep.com/ไมด้ อกไมป้ ระดบั -พดุ ตาน.html
ดอกบวั บานในตอนเชา้ และหบุ ในตอนเย็น ความชืน้ (รากพชื เจรญิ เขา้ หาบรเิ วณท่ีชืน้ เสมอ) การสมั ผสั การหบุ ของใบไมยราบ
ตน้ หม้อข้าวหม้อแกงลิง มีถงุ บรรจนุ า้ หวานลอ่ แมลงใหต้ กลงไป ต้นกาบหอยแครง หบุ กาบใบเขา้ หากนั อยา่ งรวดเรว็ เม่อื แมลงผา่ นเขา้ มา
เสยี ง (พืชบางชนิดเกิดการส่นั ไหวหรอื เจรญิ เตบิ โตไดด้ ีเม่ือไดย้ ินเสียงเพลง) เป็นตน้ ชอ้ ยนางรา ทม่ี า : http://www.bansuanporpeang.com/node/19534
ใบกจิ กรรมท่ี 8.1 เร่ือง การตอบสนองต่อส่ิงเร้าของพืช ชื่อ-สกลุ ...............................................................................................ช้นั ...........................เลขท่ี.................. คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขียนแผนภาพความคิดการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพชื (10 คะแนน) การตอบสนองตอ่ สงิ่ เร้าของพชื
ใบความรู้ท่ี 8.2 การทดลองเกย่ี วกับการตอบสนองตอ่ สง่ิ เร้าของพืช การตอบสนองต่อแสงของพชื สงั เกตยอดตน้ ไม้ ท่ีวางในท่ีท่ีมีแสงแดดสอ่ งถงึ ตน้ ไมจ้ ะเจรญิ เตบิ โตโดยเอนเขา้ หาแสงแดด จะสงั เกตเหน็ ว่า ปลายยอดและลาต้นของพืชจะโนม้ เอียงไปทิศทางท่ีมีแสงสว่าง
ใบกิจกรรมที่ 8.2 เร่ือง การทดลองเก่ยี วกบั การตอบสนองต่อส่งิ เรา้ ของพชื ชื่อ-สกุล ...............................................................................................ช้นั ...........................เลขท่ี.................. คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเลือกพชื ที่นกั เรียนสนใจมา 1 ชนิด แลว้ ออกแบบการทดลองเพือ่ ศึกษาวา่ พชื มีการตอบสนองต่อแสงอยา่ งไร พร้อมท้งั เขียนอธิบายในหวั ขอ้ ต่อไปน้ีใหช้ ดั เจน (10 คะแนน) 1. ปัญหาท่ีตอ้ งการศึกษา 2. อุปกรณ์ที่ใช้ 3. วธิ ีทดลอง 4. ผลการทดลอง 5.สรุปผลการทดลอง
แบบทดสอบหลงั เรยี น ชุดกจิ กรรมอิเล็กทรอนกิ ส์ ชุดท่ี 8 เร่ือง การตอบสนองตอ่ สง่ิ เร้าของพืช กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 เวลา 10 นาที คาชแ้ี จง ขอ้ สอบชุดน้ีเปน็ ขอ้ สอบปรนยั จานวน 10 ข้อ คะแนน 10 คะแนน คาส่ัง ให้นกั เรยี นเลอื กคาตอบทถ่ี ูกต้องท่ีสดุ เพยี งคาตอบเดยี วแล้วนาอกั ษรหนา้ คาตอบ เตมิ ลงใน แบบบนั ทึก ผลการทดสอบ 1. ลาตน้ ของพืชในขอ้ ใด สามารถสงั เกตเหน็ การโนม้ เอนเขา้ หาแสงไดง้ า่ ยท่ีสดุ ก. ถ่วั เขียว ข. ตะบองเพชร ค. ดอกบวั ง. คณุ นายต่นื สาย 2. การท่ีใบไมร้ ว่ งในฤดหู นาว เป็นการตอบสนองตอ่ ส่งิ เรา้ ใดขอ้ ใด ก. แสง ข. เสียง ค. อณุ หภมู ิ ง. การสมั ผสั 3. ในตอนเชา้ ดอกทานตะวนั หนั หนา้ ไปทางทิศใด ก. ทิศใต้ ข. ทศิ เหนือ ค. ทศิ ตะวนั ตก ง. ทิศตะวนั ออก 4. ดอกของพืชชนดิ ใด สามารถเปล่ยี นสีระหวา่ งวนั เม่ือไดร้ บั ปรมิ าณแสงท่ีแตกตา่ งกนั ได้ ก. ดอกบวั ข. ดอกพดุ ตาน
ค. ดอกทานตะวนั ง. ดอกบานช่ืน 5. พืช มีการตอบสนองตอ่ แสงอยา่ งไร ก. รากพืชเจรญิ เติบโตลงสพู่ ืน้ ดิน ข. ลาตน้ พืชโนม้ เอนเขา้ หาแสง ค. ใบพืชมีการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ง. ผลไมส้ กุ เม่ือไดร้ บั แสงอาทติ ย์ 6. พืชในขอ้ ใดมีการตอบสนองตอ่ การสมั ผสั ก. ตน้ กหุ ลาบ ข. ตน้ ผกั กระเฉด ค. ดอกทานตะวนั ง. ดอกคณุ นายตน่ื สาย 7. ตน้ ไมยราบ เม่ือมีแรงกระเทือนหรอื สมั ผสั จะหบุ ใบลงเพราะเหตใุ ด ก. เพ่อื จ่โู จมศตั รู ข. เพ่อื ขศู่ ตั รูใหต้ กใจหนีไป ค. เพ่อื ดกั จบั แมลงท่ีเดนิ ผา่ นมา ง. เพ่อื ปอ้ งกนั อนั ตรายหรอื การรบกวน 8. พืชมกี ารตอบสนองตอ่ สิ่งเรา้ เพราะเหตใุ ด ก. เพ่อื ใหพ้ ชื มีผลผลติ มากขนึ้ ข. เพ่ือใหพ้ ืชเจรญิ เติบโตรวดเรว็ ค. เพ่ือใหพ้ ชื สามารถดารงชีวติ อยไู่ ด้ ง. เพ่ือปอ้ งกนั อนั ตรายท่ีเกิดขนึ้ กบั พชื
9. พชื ในขอ้ ใดเมื่อไดร้ ับการกระตนุ้ ด้วยเสยี งเพลง จะมกี ารขยบั เปน็ จงั หวะ ก. ตน้ ชอ้ ยนางรา ข. ตน้ ผกั กระเฉด ค. ตน้ ไมยราบ ง. หมอ้ ขา้ วหมอ้ แกงลงิ 10. ตน้ กาบหอยแครง เป็นพืชกินแมลงท่ีมีลกั ษณะอยา่ งไร ก. มีถงุ บรรจนุ า้ หวานลอ่ แมลงใหต้ กลงไป ข. ปลายหนวดมีหยดสารเหนียวไวด้ กั จบั แมลง ค. ใชก้ าบใบท่ีมีพษิ ดกั จบั แมลงท่ีเดนิ ผา่ นเขา้ มา ง. หบุ กาบใบเขา้ หากนั อยา่ งรวดเรว็ เม่ือแมลงผา่ นเขา้ มา
แบบบนั ทกึ ผลแบบทดสอบหลงั เรยี น ชดุ กิจกรรมอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ชดุ ท่ี 8 ช่อื -สกุล.....................................................ชน้ั ..................... เลขท.ี่ ................ ขอ้ ที่ คาตอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 คะแนนเตม็ 10 คะแนน คะแนนทไ่ี ด.้ ............คะแนน
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น ชดุ กิจกรรมอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ชดุ ท่ี 8 ขอ้ ที่ คาตอบ 1ค 2ข 3ง 4ข 5ข 6ก 7ง 8ก 9ข 10 ง
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น ชุดกิจกรรมอเิ ล็กทรอนิกส์ ชดุ ท่ี 8 ข้อที่ คาตอบ 1ก 2ค 3ง 4ข 5ข 6ข 7ง 8ค 9ก 10 ง
แนวคาตอบใบกจิ กรรมที่ 8.1 เร่ือง การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขียนแผนภาพความคิด การตอบสนองต่อส่ิงเร้าของพืช(10 คะแนน) การตอบสนองตอ่ สง่ิ เร้าของพชื แสง เสยี ง ความชืน้ อณุ หภมู ิ สมั ผสั
แนวคาตอบใบกจิ กรรมที่ 8.2 เร่ือง การทดลองเก่ยี วกับการตอบสนองตอ่ สงิ่ เร้าของพชื คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเลือกพชื ที่นกั เรียนสนใจมา 1 ชนิด แลว้ ออกแบบการทดลองเพอื่ ศึกษาวา่ พชื มีการ ตอบสนองต่อแสงอยา่ งไร พร้อมท้งั เขียนอธิบายในหวั ขอ้ ต่อไปน้ีใหช้ ดั เจน (10 คะแนน) 1. ปัญหาทตี่ ้องการศึกษา พชื มีการตอบสนองต่อแสงอยา่ งไร 2. อุปกรณ์ทใี่ ช้ 1) ตน้ ถวั่ เขียว 2 กระถาง 2) ปากกาเมจิก 1 ดา้ ม 3) แผน่ กระดาษติดช่ือกระถาง 2 แผน่ 3. วิธีทดลอง 1) เลือกตน้ ถวั่ เขียวท่ีมีขนาดและความสูงเท่ากนั 2 กระถางและเขียนชื่อติดกระถางท่ี 1 และ 2 2) ต้งั กระถางท้งั 2 ใบ ในบริเวณขา้ งหนา้ ต่างที่มีแสงแดดส่องถึง และรดน้า วนั ละ 2 เวลา เชา้ และเยน็ 3) หมุนกระถางใบที่ 1 ใหป้ ลายยอดช้ีในทิศตรงขา้ งกบั แสงทุกวนั วนั ละคร่ึงรอบ แต่ไม่ตอ้ งหมนุ กระถางใบท่ี 2 4) สงั เกตลาตน้ ของตน้ ถว่ั เขยี วในกระถางท้งั 2 ใบ เปรียบเทียบกนั วา่ ปลายยอดและลาตน้ ของพชื จะโนม้ เอียงไปทิศทางใด และบนั ทึกผลการสังเกตเป็นเวลา 1 สปั ดาห์ 4. ผลการทดลอง ตน้ ถวั่ เขียวในกระถางใบท่ี 1 ปลายยอดและลาตน้ ของตน้ ถวั่ เขียวเอนเขา้ หาแสง ตน้ ถวั่ เขียวในกระถางใบท่ี 2 ปลายยอดและลาตน้ ของตน้ ถว่ั เขียวเอนเขา้ หาแสง 5.สรุปผลการทดลอง ไม่วา่ จะหมุนกระถางหรือไม่หมุนกระถาง ตน้ ถว่ั เขียวลาตน้ พชื เอนเขา้ หาแสงสวา่ งเสมอ สรุปวา่ พชื มีการตอบสนองต่อแสงโดยปลายยอดและลาตน้ ของพืชจะโนม้ เอียงไปทิศทางที่มีแสงสวา่ ง
บรรณานุกรม พรธิดา.ชอ้ ยนางรา.สบื ค้นเมื่อ 18 เมษายน 2558, จาก http://www.bansuanporpeang.com/node/19534. เวบ็ ไทยอาชีพดอทคอม.ไมด้ อกไมป้ ระดับ พุดตาน.สบื ค้นเมอื่ 18 เมษายน 2558, จาก http://www.thaiarcheep.com/ไมด้ อกไม้ประดบั -พดุ ตาน.html. สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.(2554). หนงั สอื เรียน รายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4 .องค์การคา้ คุรสุ ภา กรงุ เทพมหานคร. สถาบันพฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.) แผนการจดั การเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.4 บรษิ ทั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จากดั .กรุงเทพมหานคร. เอกรนิ ทร์ สมี่ หาศาล และคณะ.สื่อการเรยี นรู้ รายวิชาพน้ื ฐาน ชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน Smart O-NET วิทยาศาสตร์ ป.4 .อกั ษรเจรญิ ทศั น์ กรงุ เทพมหานคร.
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: