การต้งั ประเดน็ ปัญหาหรือต้งั คาถาม
ความสาคัญของการต้ังประเด็นปัญหาหรือต้ังคาถาม การถามเป็ นส่วนหนง่ึ ของกระบวนการเรียนรู้ ช่วยให้ผู้เรียนสร้างความรู้ ความเข้าใจ และพฒั นาความคดิ ใหม่ ๆ กระบวนการถามจะช่วยขยายทกั ษะการคดิ การเช่ือมโยงระหว่าง ความคดิ ต่าง ๆ ส่งเสริมความอยากรู้อยากเหน็ และเกดิ ความท้าทาย
การสังเกต (Observation) วธิ ีการทางวิทยาศาสตรม์ ักจะเรมิ่ จากการสังเกต ปรากฏการณต์ า่ งๆ ทอี่ ยู่รอบๆ ตัวเรา เมอื่ ไดข้ ้อสังเกตบางอย่างทเี่ ราสนใจจะทาใหไ้ ดส้ งิ่ ทต่ี ามมาคอื ปัญหา (Problem)
การต้ังปัญหา เป็ นอะไร? เกดิ ขนึ้ เม่ือไร? เกดิ ขนึ้ ทไี่ หน? เกดิ ขนึ้ ได้อย่างไร? ทาไมจงึ เป็ นเช่นน้นั ? \"แสงแดดมสี ่วนเกย่ี วข้องกบั การเจริญงอกงามของต้นหญ้าหรือไม่\" \"แบคทเี รียในจานเพาะเช่ือเจริญช้าไม่งอกงามถ้ามีราสีเขียวอยู่ใน จานเพาะเชื้อน้นั \" “นักเรียนมาสายทาให้เขตพนื้ ทไ่ี ม่สะอาด\" “เดก็ นกั เรียนทไ่ี ม่ชอบทานอาหารเช้าทาให้สุขภาพไม่แขง็ แรง” “นักเรียนทไ่ี ม่รับผิดชอบทาการบ้านทาให้ตดิ 0” “นักเรียนทหี่ นีเรียนบ่อยทาให้สอบตก”
ระดับของการต้ังคาถาม 1) คาถามระดบั พนื้ ฐาน 2) คาถามระดับสงู 1.1) คาถามใหส้ งั เกต 2.1) คาถามใหอ้ ธบิ าย 1.2) คาถามทบทวนความจา 2.2) คาถามใหเ้ ปรียบเทยี บ 1.3) คาถามทใี่ หบ้ อกความหมายหรอื คา 2.3) คาถามใหว้ เิ คราะห์ 2.4) คาถามใหย้ กตวั อยา่ ง จากดั ความ 2.5) คาถามใหส้ รุป 1.4) คาถามบง่ ชหี้ รือระบุ 2.6) คาถามเพอื่ ใหป้ ระเมนิ และเลอื กทางเลอื ก 2.7) คาถามใหป้ ระยุกต์ 2.8) คาถามใหส้ ร้างหรอื คดิ คน้ สงิ่ ใหม่ ๆ หรอื ผลติ ผลใหม่ ๆ
ใบงานท่ี 1 เรื่อง การต้งั ประเดน็ ปัญหาหรือต้งั คาถาม 1. เทคนคิ สาคญั ในการเสาะแสวงหาความรูท้ ีม่ ีประสทิ ธิภาพ เป็นกลวิธีการสอนทีก่ อ่ ใหเ้ กดิ การ เรยี นรูท้ ี่พัฒนาทกั ษะการคดิ การตคี วาม การไตรต่ รอง การถ่ายทอดความคดิ คอื 2. กระบวนการเรียนรูโ้ ดยการถาม ชว่ ยใหผ้ เู้ รียนเป็นอยา่ งไรและการ สังเกต (Observation) เป็นวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ เมอ่ื ไดข้ อ้ สงั เกตบางอย่างที่เรา สนใจจะทาใหไ้ ดส้ ง่ิ ท่ีตามมาคอื 3. ที่กลา่ ววา่ \"การตงั้ ปัญหานนั้ สาคญั กวา่ การแกป้ ัญหา\" เพราะเหตใุ ด 4. ระดบั ของการตงั้ คาถามมี ก่ี ระดบั อะไรบา้ ง 5. คาถามระดบั พนื้ ฐานไดแ้ ก่ 6. ตวั อยา่ งคาถามระดบั สูงไดแ้ ก่ 7. ทาใหผ้ ูเ้ รียนเกิดทกั ษะการคดิ ระดบั สูง และเป็นคนมเี หตผุ ล ผเู้ รยี นไม่เพียงแตจ่ ดจาความรู้ ขอ้ เท็จจรงิ ไดอ้ ยา่ งเดยี วแตส่ ามารถนาความรูไ้ ปใชใ้ นการแกป้ ัญหา วิเคราะห์ และประเมินส่งิ ท่ี ถามได้ เป็นคาถามระดบั ใด
ใบงานที่ 2 เร่ือง การฝึ กต้งั คาถาม ระดับการตั้งคาถาม ลกั ษณะคาถาม คาถาม ขนั้ พนื้ ฐาน 1.ใหส้ ังเกต ขั้นสงู 2.ทบทวนความจา 3.บอกใหค้ วามหมายหรือคาจากัดความ 4.บ่งชี้หรือระบุ 1.ให้อธบิ าย 2.ให้เปรียบเทยี บ 3.ใหว้ เิ คราะห์ 4.ใหย้ กตัวอย่าง 5.ให้สรุป 6.ให้ประเมินและเลอื กทางเลือก 7.ใหป้ ระยุกต์ 8.ให้สร้างหรือคดิ ค้นส่งิ ใหม่ๆหรอื ผลติ ผลใหมๆ่
ใบงานที่ 3 เร่ือง การวเิ คราะห์ / ต้งั คาถาม / ระบุปัญหาของตนเอง 1. ปั ญหาของตนเองคืออะไร 2.ปัญหาของตนเองนนั้ มีสาเหตุ มาจากอะไรบา้ ง 3.ควรมีวธิ ีการแกไ้ ขปัญหาของตนเองไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง
ใบงานที่ 4 เร่ือง การวเิ คราะห์ / ต้งั คาถาม / ระบุปัญหาของชุมชน 1.ปัญหาของชมุ ชนคืออะไร 2.ปัญหาชมุ ชนนนั้ มีสาเหตุ มาจากอะไรบา้ ง 3.ควรมีวธิ ีการแกไ้ ขปัญหาของชมุ ชนไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง
ใบงานที่ 4 เร่ือง การวเิ คราะห์ / ต้งั คาถาม / ระบุปัญหาของประเทศ 1.ปัญหาของประเทศชาตคิ ืออะไร 2.ปัญหาของประเทศชาตนิ นั้ มีสาเหตุ มาจากอะไรบา้ ง 3.ควรมีวิธกี ารแกไ้ ขปัญหาของประเทศชาตไิ ดอ้ ย่างไรบา้ ง
ใบงานท่ี 6 เร่ือง การต้งั คาถาม / การระบุประเด็นปัญหา ท่ี คาถาม/ข้อสงสัย ประเด็นปัญหา 1 …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………… …………………………………………………… 2 …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………… …………………………………………………… 3 …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………… …………………………………………………… 4 …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………… …………………………………………………… 5 …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………… …………………………………………………… 6 …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………… …………………………………………………… 7 …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………… …………………………………………………… 8 …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………… …………………………………………………… 9 …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………… …………………………………………………… 10 …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………… ……………………………………………………
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: