สว่ นการรบั รพู้ ิจารณาข้อมูลต่างๆ ทเี่ กิดขน้ึ จากส่งิ น้นั กเ็ ป็นวจิ าร แล้วก็มีปีติ มสี ขุ และมเี อกัคคตา จติ รวมเปน็ หนึง่ จากนนั้ จติ จะ คอ่ ยๆ ละเอยี ดขึน้ ไปเป็นลำ�ดับ ส่วนท่ีหยาบคือ วิตก วจิ ารกจ็ ะ ตกไปกอ่ น ตามต่อดว้ ยปตี ทิ ีต่ กไป แล้วก็สขุ ตกไป จนกระทง่ั มแี ต่ อุเบกขา เพราะสตบิ ริสทุ ธ์ิ ใหส้ งั เกตตอนนี้ ฌานที่ ๔ อเุ บกขาเพราะสตบิ รสิ ทุ ธ์ิ คอื ไมใ่ ช่ วา่ ไม่มีสติ ฉะนัน้ การทวี่ า่ ผ้ทู ่ีอยู่ในฌานนี้จะติดความสงบ มนั ตดิ ไมไ่ ด้ ถา้ จะตดิ มนั จะตดิ หลงั ออกจากความสงบแลว้ อยากจะกลบั เข้าไปอกี แตถ่ ้าเป็นสัมมาสมาธิในเวลาน้ัน มันตดิ ไม่ได้ เพราะ วา่ การไปยดึ ติดน่เี ปน็ เรอื่ งของอกุศล ในขณะที่จิตน้นั เป็นกศุ ล ท้ังหมดนี้เป็นส่วนประกอบของการเจริญในอริยมรรคมี องค์ ๘ ซง่ึ ตอ้ งมสี มั มาทฐิ ิ ความเหน็ ชอบ มคี วามเขา้ ใจในความเปน็ จรงิ ของชวี ติ มคี า่ นยิ ม มอี ดุ มการณ์ มหี ลกั การ มอี ะไรทส่ี อดคลอ้ ง กบั ความจรงิ เกดิ ธรรม กระแสความคดิ จะเปลยี่ นจากความคดิ ดว้ ย ความโลภ ความโกรธ ความโหดรา้ ยตา่ งๆ ใหเ้ ปน็ ความคดิ ทป่ี ลอด พระอาจารย์ชยสาโร : 43
จากความเห็นแก่ตวั ต่างๆ ปลอดจากความผกู พนั อยู่กบั ความสขุ ตา่ งๆ ปลอดจากความโกรธ ความคิดพยาบาท การคดิ เบยี ดเบยี น แลว้ กม็ กี ารกระท�ำ ทฉ่ี ลาด มปี ญั ญาก�ำ กบั ในการแสดงออกทางกาย ทางวาจา ต่อสงั คม ตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม มีการประกอบอาชีพในทาง ทปี่ ราศจากโทษ ในทางทภี่ าคภมู ใิ จได้ มคี วามเพยี รพยายามใน การละบาป บ�ำ เพญ็ กศุ ล ฝกึ จิตให้ฉลาด ใหม้ คี วามสามารถใน การป้องกนั อนั ตรายไม่ใหเ้ กิดขึน้ ระงับอนั ตรายท่เี กิดแล้ว สรา้ ง คุณงามความดีใหเ้ กดิ ขน้ึ และพฒั นาคุณงามความดีทเี่ กดิ ขึน้ แลว้ ให้ยิ่งๆ มสี ตกิ ับกาย มสี ติกบั ใจ กบั ขนั ธ์ ๕ กบั ความเป็นจรงิ ใน ปจั จบุ นั แลว้ ฝกึ จติ ใหส้ งบร�ำ งบั มคี วามสขุ จากการปลอ่ ยวางกเิ ลส เพอื่ ใหจ้ ติ มคี ณุ สมบตั ทิ จ่ี ะเกดิ สมั มาทฏิ ฐใิ นระดบั ทส่ี งู ขนึ้ ๆ น�ำ ไปสู่ การปล่อยวางและความหลุดพน้ ในที่สดุ ฉะนนั้ อรยิ มรรคมอี งค์ ๘ คอื สง่ิ ทเ่ี ราตอ้ งเจรญิ เปน็ สว่ นของ อรยิ สจั ๔ ทเี่ ปน็ ความรบั ผดิ ชอบของเรา เพอื่ เราจะไดเ้ ขา้ ถงึ อรยิ สจั ข้อที่ ๓ คือ นโิ รธ เพราะรเู้ ท่าทันความทกุ ข์ท้งั หลาย จึงปลอ่ ยวาง เหตุใหเ้ กดิ ทุกข์ได้ 44 : รู้ทุกข.์ ..ร้ทู าง...
วันนอ้ี าตมาก็ไดแ้ สดงธรรมเร่ืองอรยิ มรรคมอี งค์ ๘ และ อริยสัจ ๔ เพ่ือเปน็ การใหธ้ รรมเปน็ ทานในวันพเิ ศษ วนั ท่ีเปน็ สริ ิมงคลของผู้ทเ่ี ราทกุ คนเคารพรกั อย่างย่งิ วนั น้กี ค็ งแสดงธรรมพอสมควรแก่เวลา พระอาจารย์ชยสาโร : 45
ดีมีปญั ญา วนั น้เี ปน็ วันที่เป็นสิริมงคล เปน็ งานประจำ�ปขี องเรา งาน วนั เกดิ ของผูท้ ่ีมบี า้ นเป็นบุญ มบี า้ นทร่ี จู้ กั พอ รูจ้ ักบุญ วนั นีอ้ าตมา จะพูดถงึ เร่ืองความดี คำ�ว่า ดี ก็เหมือนอกี หลายๆ ค�ำ เช่นคำ�วา่ บุญ หรือค�ำ ว่า รัก เป็นค�ำ งา่ ยๆ ทเี่ ราร้จู กั มาตง้ั แต่เดก็ ๆ แตไ่ ม่ ค่อยจะเขา้ ใจความหมายชัดเจนเทา่ ทคี่ วร สมมุตวิ ่าคุณจะไปตา่ ง ประเทศหรอื จะเขา้ มาในประเทศไทยแลว้ ไมม่ พี าสปอรต์ แตก่ ย็ นื ยนั กบั เจา้ หนา้ ที่ตรวจคนเขา้ เมอื งวา่ เป็นคนไทยครับ เปน็ คนไทยค่ะ ถึงแม้วา่ เขาจะเช่ือเพราะหน้าตาก็นา่ จะใช่ พดู ภาษาไทยไดเ้ หมอื น เปน็ ภาษาแม่ โอกาสจะเป็นคนไทยสงู แตถ่ า้ ไม่มพี าสปอรต์ ยืนยนั ก็ให้ผ่านไม่ได้ พระอาจารย์ชยสาโร : 47
ความดกี เ็ ชน่ กนั หลายสงิ่ หลายอยา่ งหนา้ ตาเหมอื นจะดี ชวน ใหเ้ ขา้ ใจวา่ ดี แตม่ นั จะดหี รอื ไมด่ เี ราตอ้ งพจิ ารณา แลว้ ตอ้ งรวู้ า่ ดคี อื อะไรในความหมายของเรา ทุกลัทธทิ ุกศาสนากม็ ีส่งิ ทแี่ ตล่ ะลัทธิ แตล่ ะศาสนาแตล่ ะทฤษฎถี อื วา่ ดที สี่ ดุ คอื มจี ดุ เรม่ิ ตน้ วา่ มสี ง่ิ ทด่ี ที สี่ ดุ แล้วส่ิงท่ีสอดคล้องกับส่ิงที่ดีท่ีสุดท่ีจะช่วยให้เราเข้าใกล้หรือเข้าถึง สง่ิ ทีด่ ีที่สดุ ในแตล่ ะลทั ธแิ ต่ละศาสนากใ็ หช้ อ่ื วา่ ดี ดคี อื สอดคล้อง กบั สง่ิ ที่ดีท่สี ุด การท่พี ดู วา่ ทุกศาสนาสอนใหเ้ ราเปน็ คนดี คำ�พดู ประเภทนไ้ี มค่ ่อยส่ือความหมายสกั เทา่ ไหร่ เพราะมองขา้ มความ ส�ำ คญั ของค�ำ วา่ ดที ส่ี ดุ การบอกวา่ ทกุ ศาสนาทกุ ลทั ธสิ อนใหเ้ ราเปน็ คนดนี นั้ หมายถงึ วา่ เขาสอนใหเ้ ราท�ำ สงิ่ ทจ่ี ะน�ำ ไปสสู่ ง่ิ ทด่ี ที สี่ ดุ ของ เขา แต่ถ้าดที ส่ี ุดของเขาและดีท่ีสุดของเราไมเ่ หมอื นกัน สงิ่ ที่ดีก็ไม่ เหมือนกนั อาจจะมคี ลา้ ยกันบา้ ง อาจจะตรงกันเป็นบางขอ้ หรือ หลายๆ ขอ้ แต่ก็ไมเ่ หมือนกัน เพราะ ดี คอื สง่ิ ทน่ี �ำ ไปสสู่ ง่ิ ทด่ี ที ส่ี ดุ เมอ่ื ดที ส่ี ดุ ไมเ่ หมอื นกนั ดกี ไ็ มเ่ หมอื นกนั ในความหมายของพทุ ธศาสนา เราถอื วา่ ดที ส่ี ดุ คอื ไมม่ โี ลภ ไมม่ โี กรธ ไม่มหี ลง ไม่มที กุ ข์ ไม่มีกิเลสท่ีทำ�ใหเ้ กดิ ทกุ ข์ นคี่ ือ 48 : ดีมีปัญญา
สิ่งสูงสุด นั่นเป็นสำ�นวนหนึ่ง หรือถ้าเราจะเปลี่ยนเป็นสำ�นวน ด้านบวกกต็ อ้ งพูดว่า ดที สี่ ดุ คือ ถงึ พร้อมด้วยความบริสุทธ์ิ ความ บริสุทธิ์ในที่นี้หมายถึงบริสุทธิ์จากหรือปราศจากสิ่งเศร้าหมอง ทั้งหลาย ถึงพร้อมด้วยความเมตตา กรุณา ถึงพร้อมด้วยปัญญา ในเมอื่ สง่ิ ทดี่ ที สี่ ดุ ในพทุ ธศาสนาเปน็ อยา่ งน้ี ความดใี นพทุ ธศาสนา กค็ ือ สิง่ ทท่ี ำ�ให้กิเลสน้อยลง ทำ�ให้ความเป็นอสิ ระจากกเิ ลสเพิม่ มากขึ้น ทำ�ให้การเบียดเบียนตน เบียดเบียนผู้อื่น และความคิด ปองร้ายน้อยลง ความคิดดว้ ยความเมตตากรณุ า ความหวังดีต่อ สรรพสตั ว์ทัง้ หลายคอื ดขี องเรา และส่ิงทีท่ �ำ ให้เราร้เู ห็นตามความ เป็นจรงิ มากขึน้ ก็คอื ส่ิงทด่ี ี เราตอ้ งสามารถวเิ คราะห์ค�ำ วิพากษ์วิจารณต์ า่ งๆ เช่น ที่ หลายคนพูดว่าศาสนาพุทธหรือศาสนาท้ังหลายสอนให้เราเป็น คนดี แต่ไม่ค่อยทันโลก คำ�พูดอย่างนี้ในทางพุทธศาสนาถือว่า ไมผ่ า่ น เพราะความดใี นความหมายของเรา ครอบคลุมความร้เู ห็น ตามความเปน็ จรงิ ทเี่ รยี กวา่ ปญั ญา รเู้ ทา่ ทนั ตวั เอง รเู้ ทา่ ทนั คนรอบ ขา้ ง ร้เู ทา่ ทนั สังคม ร้เู ท่าทันโลก นคี่ อื สว่ นหน่ึงของปญั ญา คนท่ี พระอาจารย์ชยสาโร : 49
มคี วามเมตตา เปน็ คนเอือ้ เฟื้อเผอื่ แผ่ แตไ่ มร่ ู้เทา่ ทนั ตัวเอง คนอื่น และสังคม กถ็ อื วา่ เป็นความดีทยี่ งั บกพร่อง เป็นความดพี ิการใน ความหมายของศาสนาพทุ ธ นเี่ ปน็ เรอื่ งทสี่ มควรจะดใู หด้ ี พจิ ารณา ให้ลึกซึ้ง เพราะในบรรดาคุณธรรมทั้งหลายในทางพุทธศาสนา เรายกยอ่ งปญั ญา ปญั ญาเปน็ ใหญ่ ปญั ญาทร่ี เู้ หน็ ตามความเปน็ จรงิ เราถอื วา่ ไมว่ า่ คณุ ธรรมขอ้ ใดๆ หากขาดปญั ญาเพยี งตวั เดยี ว มนั กจ็ ะ ไม่สามารถทำ�หน้าที่ในกระบวนการฝึกตนที่เราเรียกว่า อริยมรรค มีองค์ ๘ หรือถา้ จะยอ่ เปน็ ๓ ก็คอื ไตรสิกขา คณุ ธรรมทกุ อยา่ งต้องมีปัญญากำ�กับ เชน่ ศรทั ธา ศรทั ธา ดไี หม ศรทั ธามที ง้ั ขอ้ ดขี อ้ เสยี ผทู้ เ่ี ปน็ นกั ปราชญจ์ ะพยายามปฏบิ ตั ิ หรือพัฒนาศรัทธาในลักษณะที่จะได้ส่ิงท่ีดีจากศรัทธาเท่าท่ีจะ สามารถท�ำ ได้ และปอ้ งกนั ไมใ่ หส้ งิ่ ทไี่ มด่ เี กดิ ขน้ึ เราตอ้ งรวู้ า่ ศรทั ธา คอื อะไร ศรทั ธาเพอ่ื อะไร ศรทั ธาสมั พนั ธก์ บั คณุ ธรรมขอ้ อนื่ อยา่ งไร ต้องรูเ้ ทา่ ทนั ตอ้ งมีปญั ญา เม่ือเราอยู่ในโลกทสี่ ลับซับซอ้ น ทาง เลือกมีมากมาย แม้แต่ในเรอื่ งการบรโิ ภคธรรมดาๆ เดนิ เข้าไปใน หา้ งสรรพสนิ คา้ จะเลอื กระหวา่ งยห่ี อ้ นน้ั ยห่ี อ้ น้ี ถา้ จะตอ้ งใชเ้ หตผุ ล 50 : ดีมีปัญญา
ใชค้ วามคิดวเิ คราะห์ วันหนึง่ ๆ กไ็ มม่ เี วลา แค่ไปจ่ายตลาดก็หมด เวลา แลว้ เราจะเอาอะไรเป็นเคร่ืองตดั สนิ นก่ี ็เป็นเร่อื งของศรัทธา หรอื ความรสู้ ึก ศรทั ธามหี นา้ ทเี่ ลอื ก มหี นา้ ทโ่ี ฟกสั มหี นา้ ทก่ี �ำ หนดแนวทาง เมอ่ื เราสนใจหลายๆ เรอ่ื งหรอื ด�ำ เนนิ การในหลายทางพรอ้ มๆ กนั ผลก็คือเราจะมีความรู้หลากหลาย มีประสบการณ์หลากหลาย ไดบ้ รโิ ภคหลากหลาย แต่ว่าไม่เจาะลกึ ในสิง่ ใดสงิ่ หนึ่ง คอื ความรู้ ประสบการณ์อะไรๆ จะผิวเผินมาก เหมอื นการเรยี นหลายๆ วชิ า ในเวลาเดยี วกนั กจ็ ะมคี วามรกู้ วา้ งขวางแตไ่ มล่ กึ ซง้ึ ศรทั ธาจะท�ำ ให้ เราไดเ้ จาะลกึ ในสิ่งใดส่ิงหน่ึง และเม่ือเราไดเ้ ลือกสิ่งใดส่ิงหนง่ึ แล้ว น่ันจะเป็นการรวบรวมพลัง เพราะถ้าเราทำ�อะไรเกินกำ�ลังหรือ ทำ�อะไรมากเกินไป พลังจิตและพลังปัญญาของเราก็จะรั่วไหล ไปในหลายๆ เรอ่ื ง แตก่ ารเลอื กทางใดทางหนึ่งเหมือนพลังแม่น�้ำ ที่รวมอยู่ในเส้นทางเดียวกันจากเข่ือนก็จะมีพลังมากจนแปรเป็น พลงั งานไฟฟา้ ได้ พระอาจารย์ชยสาโร : 51
ในทางพทุ ธศาสนา เราตอ้ งการผลหรืออานสิ งสอ์ ะไรจาก ศรทั ธา สิ่งท่เี ราตอ้ งการคือ วิริยะความเพยี ร วิรยิ ะความเพยี รจงึ เปน็ เครอ่ื งตดั สนิ หรอื เครอ่ื งชว้ี ดั วา่ ศรทั ธาเกดิ ขน้ึ แลว้ หรอื ยงั ศรทั ธา เปน็ การรวบรวมความรสู้ กึ ถา้ ไมค่ วบคมุ ไมร่ ะมดั ระวงั ศรทั ธากจ็ ะ กลายเปน็ ความงมงายหรือความบ้าคลัง่ ได้ การเชอ่ื ในส่ิงใดสิง่ หนึ่ง มากสามารถจะท�ำ ใหค้ นผอ่ งใสได้ เราเคยสังเกตไหมวา่ คนที่เช่ือ อะไรจนงมงายอาจจะผอ่ งใสมาก ไม่ใช่วา่ จะไมผ่ ่องใส เขาผ่องใส ด้วยพลงั ศรทั ธา แตเ่ ปน็ ความผ่องใสท่ีน่าเป็นหว่ ง ฉะนัน้ จึงจ�ำ เป็น ต้องมีปัญญาคอยก�ำ กับดแู ลศรัทธาตลอดเวลา การทำ�บญุ กเ็ ชน่ เดยี วกัน หลวงพอ่ ชาทา่ นเคยเปรียบเทียบ บอ่ ยๆ วา่ บญุ เหมอื นเนอ้ื กศุ ลซง่ึ เปน็ ชอ่ื ของปญั ญาเปรยี บเหมอื น เกลอื ที่จะรักษาเนื้อไว้ไม่ให้เน่า กุศลมาจากรากศัพท์ว่ากุศละ แปลว่าฉลาด บุญกับกุศลไม่ใชอ่ นั เดียวกัน กศุ ลเนน้ ทางปัญญา ปญั ญาหรอื กศุ ลเปรยี บเหมอื นเกลอื ถา้ เราเกบ็ เนอ้ื ไวเ้ ฉยๆ ไมน่ าน มันก็จะเน่า ถ้าบุญมีกุศลอยู่ด้วยก็เหมือนเนื้อที่มีเกลือรักษาไว้ ทำ�ให้เกบ็ ไดน้ านมากข้ึน 52 : ดีมีปัญญา
คนเราสามารถเมาบุญได้ถ้าไม่มีกุศลไม่มีปัญญากำ�กับ หรือหากว่าเร่ิมต้นเรามีความสุขในตัวบุญ ในการทำ�ความดี แตถ่ ้าเราไม่รูจ้ ักดูแลจติ ใจ ไม่รจู้ กั ปอ้ งกนั ไมม่ สี ติรู้เทา่ ทนั อารมณ์ ความเพลิดเพลินยินดีในคำ�สรรเสริญเยินยอหรือความต้องการ สิ่งตอบแทนอย่างใดอย่างหน่ึงก็จะแทรกซึมเข้ามาในใจทีละเล็ก ทีละน้อยโดยที่เราไม่รู้ตัว สิ่งที่ดีคือตัวบุญก็เน่าได้ เริ่มต้นนี่เป็น บุญแน่นอน แต่ถ้าจะเปลี่ยนหรือจะเสื่อม มันจะเสื่อมทีละเล็ก ทลี ะนอ้ ย เพราะไมม่ สี มั มาทฏิ ฐิ ไมม่ ปี ญั ญาระดบั กศุ ลดแู ลก�ำ กบั ปญั ญาจงึ ส�ำ คญั มาก พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ความสงบเป็นสุขอย่างย่ิง และ พระพุทธองค์ก็ได้ตรัสไว้ด้วยว่า คนขาดปัญญาจะสงบอย่างเป็น สัมมาสมาธิไม่ได้ ดังนั้น ความสุขท่ีแท้จริงจะเกิดขึ้นได้ก็เม่ือมี ปญั ญาอนั เปน็ คณุ ธรรมทส่ี �ำ คญั ทส่ี ดุ ในระหวา่ งการปฏบิ ตั ิ การทจ่ี ะ ไดส้ มาธแิ ละขณะทจี่ ติ มคี วามสขุ ทเ่ี รยี กวา่ นริ ามสิ สขุ กต็ อ้ งมปี ญั ญา การรักษาศีล จะรักษาไดก้ ็ต้องมีปญั ญา ต้งั แต่การท่ีเราเขา้ ใจและ พระอาจารย์ชยสาโร : 53
ยอมรบั ในเหตผุ ลของการรกั ษาศลี เขา้ ใจวา่ ศลี แตล่ ะขอ้ มปี ระโยชน์ ต่อชีวิตอย่างไร และถ้าไม่รักษา อาจจะมีโทษทำ�ให้เกิดปัญหา อย่างไร เข้าใจผลดีตอ่ กายตอ่ ใจของเรา มนั จะมผี ลดีตอ่ ครอบครวั ต่อสังคมอย่างไร ถ้าเรามสี มั มาทฏิ ฐิ มคี วามเห็นชอบ คือมีความ เข้าใจว่าทำ�ไมเราต้องรักษาศีลแต่ละข้อ ศีลของเราก็จะมั่นคง แต่ถา้ ขาดสัมมาทฏิ ฐิ ถ้าเราเพียงแคเ่ ชื่อวา่ การรักษาศลี เป็นสิ่งท่ดี ี เปน็ บญุ ครบู าอาจารยท์ า่ นให้รกั ษา เรากร็ ักษา คอื รักษาศลี โดย อาศยั แต่ศรัทธาเพียงอยา่ งเดียวแตข่ าดปญั ญา เราจะดูแลมันไม่ได้ ศีลของเราอาจจะเนา่ ได้เหมือนกนั เพราะขาดความรู้เท่าทนั พระพทุ ธองคท์ รงสอนใหเ้ ราเหน็ วา่ ความทกุ ขเ์ กดิ จากกเิ ลส ถา้ เราไมม่ ปี ญั ญารวู้ า่ กเิ ลสคอื อะไร ความเศรา้ หมองคอื อะไร มนั เกดิ อยา่ งไร เรากท็ กุ ขร์ �่ำ ไป ความส�ำ คญั ของปญั ญาจะเหน็ ไดง้ า่ ยๆ เชน่ ทห่ี ลวงพอ่ ชาทา่ นเคยยกตัวอย่างว่า เราเดนิ ไปตามถนนกบั เพอื่ น มคี นเดนิ สวนทางมาแลว้ กด็ า่ วา่ ดว้ ยภาษาหยาบๆ คายๆ เรากโ็ กรธ และเสียใจมาก ทกุ ข์ใจเพราะค�ำ พดู ของคนๆ นน้ั จนกระท่งั เพอื่ น 54 : ดีมีปัญญา
ที่เดินมาด้วยบอกว่า อย่าไปถือสาคนนั้นเลย เขาเป็นโรคจิต เขาไม่รู้ตัวว่าเขาพูดอะไร เมื่อเราทราบข้อเท็จจริง เราก็สามารถ ปล่อยวาง ที่เราปล่อยวางได้ก็เพราะเรารู้ว่า ความโกรธของเรา ไม่มีฐาน เดิมเราโกรธเพราะคิดว่าเขาตั้งใจว่าเรา แต่พอเรารู้ว่า เขาเป็นโรคจิต ไม่รู้สึกตัว อารมณ์โกรธมันก็ละลายทันที นี่ต้อง เปรียบเทียบกับสัมมาทิฏฐิ คือ พอรู้ความจริง เราก็ปล่อยวางได้ ถ้าจะพูดถงึ นสิ ยั ของคนเรา สมมุตวิ ่ามคี นทเ่ี ราพบเหน็ บ่อย เจอทีไรเขากย็ ิม้ ทักทาย อบอุน่ ดี วันหนึง่ เจอเขาไม่ทักทายไม่ยิม้ เลย ผู้มปี ญั ญาคิดอยา่ งไร ผมู้ ีปัญญาจะคดิ วา่ เอ๊ะ... วนั นค้ี นน้ีผิด ปกติ มนั เปน็ ไดห้ ลายอย่าง หนึ่งเขาอาจจะไมพ่ อใจเรา ถึงไมไ่ หว้ ไมท่ กั ทาย จะมเี รอ่ื งอะไรทเ่ี ขาไมพ่ อใจเราหรอื เปลา่ เรากพ็ ยายาม ทบทวน นี่ก็เป็นสมมุติฐานอย่างหนึง่ หรอื อาจจะเปน็ ได้วา่ เขา ไมส่ บาย กำ�ลังมเี วทนา ปวดท้อง ปวดอะไรสกั อย่าง จึงไม่คิดจะ ทกั ทายก็ได้ หรอื วา่ เขากำ�ลังวิตกกังวลอะไรสกั อย่าง จึงไม่ค่อยจะ รู้ตวั วา่ พบเหน็ ใคร เพราะจิตหมกมนุ่ อยกู่ ับความวิตกกงั วล เมื่อ พระอาจารย์ชยสาโร : 55
คนแสดงออกต่อเราไม่เหมือนเดิม คือไม่ยิ้ม ไม่ไหว้ ไม่ทักทาย เป็นตน้ ส�ำ หรบั ผมู้ ภี มู ปิ ญั ญา มขี อ้ มลู จติ จะเปน็ กลาง แลว้ จะคดิ วา่ อาจจะเปน็ เพราะอยา่ งนนั้ อยา่ งน้ี คอื จะไมส่ รปุ แตค่ นทขี่ าดปญั ญา ขาดสติ เมื่อเจออยา่ งนี้ ก็จะดว่ นสรปุ เลยว่า คนนน้ั ไมเ่ หมือนเดิม คนน้ันเขาโกรธเราแล้ว แลว้ ก็จะคิดอย่ไู ดท้ ั้งวัน คือในความเปน็ ไป ได้หลายอย่าง เขาจะเลือกสิ่งที่เลวร้ายที่สุด แล้วจะคิดอยู่แต่ใน เรอื่ งน้นั แลว้ ไม่วา่ จะเรือ่ งไหนกต็ าม ถ้าเราย่งิ คิดบอ่ ยๆ น้ำ�หนกั ของมันจะมากขึ้นๆ เรื่องที่ ‘อาจจะ’ อยู่ไปอยู่มาสิ่งที่อาจจะ กลายเป็น ‘คงจะ’ แลว้ สุดท้ายกจ็ ะกลายเปน็ ‘แนน่ อน’ สมมุตฐิ าน อย่างอื่นเช่นว่า เขาอาจปวดท้องหรือมีเร่ืองวิตกกังวล มันคงจะ ไมใ่ ชห่ รอก อย่างนคี้ อื นิสยั ของคนทีข่ าดสติและขาดปญั ญา ฉะน้ันเมื่อเกิดการสรุปแลว้ วา่ คนนนั้ เขาดถู กู เรา รงั เกียจเรา คนน้ันเขาไม่ชอบเราแลว้ คนนั้นเขา้ ใจเราผดิ ไปแลว้ เมือ่ สรุปแล้ว กเ็ ชอ่ื ตามน้นั จากน้นั ก็ร้สู ึกไม่ดตี ่อคนน้นั จนอาจไมอ่ ยากเจอหน้า เขาอกี เลย แตถ่ า้ มโี อกาสพบเขาอกี ครง้ั สมมตุ วิ า่ เราไดฟ้ งั พระเทศน์ 56 : ดีมีปญั ญา
วา่ ต้องรูจ้ กั ให้อภัย ตอ้ งมีความเมตตา ทกุ ครงั้ ท่เี ราเหน็ คนๆ นัน้ เราก็จะโกรธ แต่กพ็ ยายามปล่อยวางๆ อยา่ คิดมาก ควรให้อภยั เขา แลว้ กเ็ ห็นว่าเราทำ�ได้ และเขา้ ใจว่าตัวเองก�ำ ลังปฏบิ ัติธรรมอยู่ เจอคนที่รังเกียจเรา เจอคนที่ดูถูกเรา เราก็ไม่ถือสา เวลาโกรธ ขน้ึ มา เรากป็ ลอ่ ยวาง โกรธแลว้ เรากว็ างได้ แตข่ อบอกวา่ นเ่ี ป็นการ ปฏบิ ตั ธิ รรมทผี่ ดิ ท�ำ ไมถงึ ผดิ กผ็ ดิ เพราะเราปฏบิ ตั ติ อ่ เรอ่ื งทไ่ี มเ่ ปน็ จรงิ เพราะเราดว่ นสรปุ มาตัง้ แตต่ น้ โดยท่เี ราไม่ได้สำ�รวจหาขอ้ มลู เพอ่ื ใหร้ แู้ น่ เราจงึ มจี ดุ ออ่ น ยง่ิ ถา้ เปน็ คนถอื ตวั ถอื ตนหรอื เปน็ คนที่ คนรอบขา้ งไมช่ อบไมย่ อมรบั คนอยา่ งนน้ั แทบจะอยไู่ มไ่ ด ้ เพราะ แครค์ วามรสู้ กึ ของคนอน่ื มาก หรอื วา่ ถอื ตวั ถอื ตนมากจนพรอ้ มทจ่ี ะ แปลความหมายของสงิ่ ทส่ี มั ผสั ไปในทางทร่ี า้ ย พรอ้ มทจ่ี ะเหน็ สงิ่ ที่ เรากลัวที่สุดรงั เกยี จทส่ี ดุ ในเหตกุ ารณใ์ นสถานการณร์ อบตวั เพราะ จิตมันมีปมด้อยหรือมันเป็นร่อง จิตจะตกร่องก็เพราะคิดบ่อยๆ ปัญญาตรงน้ีไม่ใช่แค่ว่ามีกุศโลบายรู้จักปล่อยวางความโกรธ อยา่ งเดยี ว เราตอ้ งมปี ญั ญาตง้ั แตเ่ รม่ิ ตน้ วา่ เราดว่ นสรปุ หรอื เปลา่ พระอาจารย์ชยสาโร : 57
ความคดิ ผดิ ตา่ งๆ ท�ำ ให้เกดิ ปญั หามากมายในชีวติ และโรค ระบาดในโลกทีเ่ จริญทุกวนั น้ี คอื โรคทางจติ ใจ โรคซมึ เศร้า วิตก กงั วล พวก Anxiety Disorder อะไรตา่ งๆ ทเี่ กดิ จากการขาดปญั ญา ในการคดิ ขาดปญั ญาในกระบวนการคดิ เมอื่ เกดิ ความคดิ ผดุ ขนึ้ มา ในสมอง กว็ ิ่งตามความคิดน้ันโดยไม่มีการกล่นั กรอง ไมม่ สี ติ ไม่มี ปัญญา สติเปน็ ตวั ทร่ี ะงบั อารมณ์ แตป่ ัญญาต้องท�ำ งานดว้ ย ไมใ่ ช่ แคม่ สี ติอยา่ งเดยี ว ตอ้ งใช้ปัญญาพิจารณาวา่ นี่มนั คืออะไร บางคนจะมองตัวเองในแง่ร้าย มองคนรอบข้างในแง่ร้าย จติ ลำ�เอียงโดยไมร่ ู้ตวั การรับรู้ตอ่ ส่งิ ต่างๆ กร็ ับร้แู ตส่ งิ่ ท่ไี มด่ เี สีย เปน็ สว่ นใหญ่ รบั รแู้ งม่ มุ ตา่ งๆ ของสว่ นทไี่ มด่ ี บางสงิ่ บางอยา่ งอาจ จะมีทั้งส่วนดีส่วนชั่ว ก็จะสนใจรับรู้เฉพาะส่วนที่ไม่ดี แล้วเหมา หรอื เขา้ ใจวา่ มนั เปน็ อยา่ งนน้ั จรงิ ๆ ทนี ถ้ี า้ มองตวั เองในแงร่ า้ ยเกนิ ไป เวลามีผูห้ วังดเี ตอื นว่ามนั ไมใ่ ช่อย่างน้นั นั่นเปน็ การมองในแง่ร้าย เกินไป คณุ ไมไ่ ดเ้ ลวอย่างนัน้ ก็คดิ วา่ เขาพูดปลอบใจเฉยๆ เขา อยากให้กำ�ลังใจ แต่เราไม่เช่ือ เราคิดว่าเขาไม่รู้ในส่ิงที่เรารู้เก่ียว 58 : ดีมีปัญญา
กับตัวเราเอง นี่คือลักษณะของความคิดผิด หรือเมื่อมีเรื่องไม่ดี เกดิ ขน้ึ กอ่ นจะเกดิ เรอื่ งไมด่ ขี นึ้ ได้ ยอ่ มจะตอ้ งมเี หตปุ จั จยั ประกอบ กันหลายข้อมาก ไม่ใชว่ า่ มันจะเปน็ ความผดิ ของคนใดคนหนง่ึ แต่ จะมบี างคนที่ชอบคิดท�ำ นองวา่ เป็นเพราะเรานีแ่ หละ ถา้ ไม่มเี รา เร่อื งนไ้ี มเ่ กิดข้ึน เท่ากับว่าเขารับผดิ ชอบเกินความจริง เพราะเขา ขาดปัญญาในการพจิ ารณาวา่ เร่ืองน้เี กดิ ขึ้นไดอ้ ย่างไร เพราะอะไร อาจเกิดข้ึนเพราะส่ิงแวดล้อมบ้าง หรือเกิดข้ึนเพราะคนน้ันคนนี้ บา้ ง แต่เขาจะถือว่าตัวร้ายน้ีคือตัวเขา ซงึ่ ก็คือความคดิ ผดิ หรือใน กรณีของคนที่คิดว่าตัวเองต้องถูกเสมอ การที่จะมีใครพิสูจน์ว่า เขาไมเ่ ก่ง เขาไม่ด ี เขาก็จะต้องบังคบั หรอื ทำ�ทุกอยา่ งเพ่อื ใหเ้ หน็ วา่ เขาถูก ถงึ จะผดิ กจ็ ะตอ้ งทำ�ใหว้ า่ ถกู หรือถา้ แพ้ กจ็ ะไม่ยอมรับ ว่าแพ้จริง แตแ่ พ้เพราะคนอื่นโกง คอื จะต้องมีการเปลยี่ นขอบเขต หรือเปล่ียนมุมมองอะไรก็ตาม เพื่อจะรักษาภาพพจน์ว่าเขาเป็น คนถกู เขาไม่เคยผิดพลาด พระอาจารย์ชยสาโร : 59
สง่ิ ทอ่ี ยากจะพดู คอื เราจะแยกความดอี อกจากปญั ญาไมไ่ ด้ ในทางพุทธศาสนาความดีและปัญญาต้องไปด้วยกัน เพราะว่า หน่งึ ความดีเกดิ ข้ึนยากกว่าความชวั่ ความชวั่ นเ่ี ปน็ สัญชาตญาณ เหมือนธรรมชาติของน้ำ�ท่ีต้องไหลลงสู่ท่ีตำ่� น้ำ�ไม่เคยไหลขึ้นเขา การท�ำ อะไรๆ ตามสญั ชาตญาณไมเ่ คยน�ำ ไปส่คู วามดี หรอื ถ้าได้ ความดกี ็อาจจะเป็นความดีช่ัวคราว สว่ นปญั ญาท�ำ ให้เกดิ กำ�ลังใจ ในการท�ำ ความดี และเพือ่ ความดีนัน้ จะได้เปน็ ความดีทีส่ อดคลอ้ ง และนำ�ไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดในทางพุทธศาสนา และเพื่อเราจะได้ฉลาด ในการปอ้ งกนั ไม่ให้ความดีน้ันเสอื่ ม ในบางกรณีเราอาจจะทำ�ความดใี นวงแคบ แต่ความดีในวง แคบนัน้ ส่งผลกระทบต่อวงกว้าง เชน่ อาจจะทำ�ความดีตอ่ คนท่ี เรารักหรือพรรคพวกของตัวเอง ภูมิใจที่ไม่ได้ทำ�เพ่ือตัวเอง หรือ เสียสละเพื่อครอบครัว เสียสละเพื่อพรรคพวก แต่กลับมีผลเสีย ต่อประเทศชาติได้ เราจะอ้างว่าเราคิดทำ�แต่ความดีอย่างเดียว มันไม่พอ มันขาดปัญญา ขาดปัญญาในการพิจารณาในบริบท 60 : ดีมีปัญญา
ต่างๆ รวมถงึ บริบทเวลาด้วย เชน่ การพัฒนาทางวตั ถุในสงั คม ร้อยถึงสองร้อยปีที่ผ่านมานั้น ขาดการพิจารณาในบริบทเรื่อง เวลา เพราะมกี ารกอบโกยทรพั ยากรธรรมชาตเิ พอื่ ความเจรญิ ทาง วตั ถซุ ง่ึ ถอื วา่ เปน็ สงิ่ ทต่ี อ้ งท�ำ แนน่ อน ไมท่ �ำ กโ็ ง่ ไมท่ �ำ กไ็ มท่ นั คนอนื่ แต่ตอนน้ีเราเริ่มจะเห็นผลว่า มันไม่ใช่เรื่องจะได้อย่างเดียว แต่ มนั สรา้ งผลกระทบตอ่ ธรรมชาตสิ ง่ิ แวดลอ้ มทก่ี �ำ ลงั ปรากฏมากขน้ึ ๆ ทกุ ปี ถา้ เราพจิ ารณาการใชท้ รพั ยากรธรรมชาตเิ พอื่ สรา้ งวตั ถตุ า่ งๆ โดยค�ำ นงึ ถงึ บรบิ ทดา้ นธรรมชาติสิง่ แวดลอ้ มไปด้วย มันย่อมไม่ชดั เหมอื นเดิมวา่ การกระท�ำ เชน่ นนั้ เป็นส่งิ ทีด่ ี หรือเราสามารถทำ�ได้ ทกุ อย่าง ฉะนน้ั เร่ืองปญั ญามนั จึงส�ำ คัญต้ังแตต่ น้ อาตมาเพง่ิ อา่ นบทความเร่ืองอาหารในอเมรกิ า ในปจั จบุ ัน มคี นจนมาก ทกุ วนั นม้ี คี นทอ่ี ยไู่ ดเ้ อาตวั รอดไดเ้ พราะมกี ารแจกซปุ ที่ Soup Kitchen ในเมืองใหญ่ๆ ในอเมรกิ า พวกเขาต้องอาศยั ความเมตตาจากคนอน่ื จงึ จะเอาตัวรอดได้ ในขณะท่ใี นแตล่ ะวัน อาหารในอเมริกาถูกทิ้งเสียครึ่งหนึ่ง ปีหนึ่งๆ นับเป็นล้านตัน พระอาจารย์ชยสาโร : 61
ปัญหาน้ีเช่ือมโยงกับการผลิตอาหารซึ่งเป็นกระบวนการท่ีมีผล กระทบตอ่ ธรรมชาตสิ ง่ิ แวดลอ้ มพอสมควร แสดงถงึ การขาดปญั ญา ในการใช้ในการบรโิ ภค ท�ำ ใหเ้ กดิ โทษมากกว่าเป็นคณุ ในสังคมมนุษย์จะมีเรื่องความอยาก กามตัณหา ความ อยากได้ ซงึ่ เปน็ สงิ่ ทจี่ ะน�ำ ไปสคู่ วามสญู เสยี มากมายหลายประการ แ ต่ ก็ มี ค ว า ม อ ย า ก อี ก ส อ ง ป ร ะ เ ภ ท ท่ี จ ะ ดี ก็ ไ ด้ ห รื อ ไ ม่ ดี ก็ ไ ด้ คอื ภวตณั หา ความอยากเป็นนน่ั เปน็ น่ี และวภิ วตณั หา ความไม่ อยากเปน็ นน่ั เปน็ น ่ี การทเ่ี ราจะหวงั ใหค้ นทว่ั ไปไมม่ ตี ณั หาเสยี เลย เปน็ เรือ่ งยาก นอกจากว่าเราจะยกยอ่ งหรืออธิบายเรอ่ื งฉนั ทะซ่ึง เป็นความต้องการทำ�ว่าจะมีผลดีต่อชีวิตมากกว่าตัณหาซ่ึงเป็น เร่ืองความอยากได้ผล ภวตัณหาสามารถจะเป็นตัวชะลอท่ีจะ ท�ำ ใหค้ วามอยากไดม้ ขี อบเขตบา้ ง เพราะสิ่งหนึ่งที่คนเราต้องการ คือเป็นที่เคารพนับถือของผู้อื่นและต้องการที่จะเคารพนับถือตัว เองไดด้ ้วย ทีนถ้ี า้ ความอยากเปน็ ไปในทางทไ่ี มด่ ี เมื่อท�ำ แล้วก็จะ กลายเปน็ คนท�ำ ความชว่ั แตเ่ รากต็ อ้ งการประกาศวา่ เราไมช่ ว่ั มนั จงึ 62 : ดีมีปญั ญา
ขดั แยง้ กนั นอกจากวา่ เราท�ำ ความชัว่ แลว้ สามารถลา้ งสมองทกุ คน ใหเ้ หน็ วา่ ไมช่ วั่ ใหเ้ หน็ วา่ มนั เปน็ เรอื่ งธรรมดา คนกต็ อ้ งเปน็ อยา่ งนี้ โลกที่เป็นจริงมันเป็นอย่างนี้ ไม่มีใครจะว่าเราได้ เพราะมันเป็น เรอ่ื งทไ่ี ม่มที างเลอื ก อาตมาคงจะเคยเล่าให้ญาติโยมฟังเรื่องที่เขาทำ�การทดลอง โดยให้นักเรียนสองกลุ่มตอบปัญหาความรู้ท่ัวไป ๒๐ คำ�ถาม ทุกขอ้ ทต่ี อบถกู จะได้ ๑ ดอลลารโ์ ดยประมาณ เมอ่ื สอบเสร็จ อาจารย์ก็บอกคำ�ตอบ ให้นักเรียนตรวจข้อสอบด้วยตัวเองแล้ว บอกอาจารย์ว่าถูกกี่ข้อ กลุ่มแรกอาจารย์จ่ายเงินให้โดยไม่มีการ ตรวจสอบ แลว้ แตค่ วามซื่อสัตยข์ องนักเรยี น ถ้าบอกว่าถกู ๑๕ ข้อ กจ็ า่ ย ๑๕ ดอลลาร์เลย เสร็จแลว้ กเ็ อาขอ้ สอบไปทง้ิ เลย ไม่มใี คร สนใจ เรยี กว่าถ้าจะทจุ ริต ก็ทจุ รติ ได้เตม็ ท่ี ไมม่ ใี ครวา่ อะไร สว่ น อกี กลมุ่ หนงึ่ มกี ารตรวจสอบ โกงไม่ได้ ในกลุ่มทีโ่ กงไมไ่ ด้ คนตอบ ถกู โดยเฉลี่ยประมาณ ๑๒ ใน ๒๐ ข้อ ส่วนกลุ่มที่ไม่ตรวจสอบ คนตอบถกู เฉล่ียประมาณ ๑๕ หรือ ๑๖ ขอ้ พระอาจารย์ชยสาโร : 63
เราก็สรุปได้ว่า เมื่อไม่มีการตรวจสอบ ความทุจริตเพิ่มขึ้น แตก่ ม็ ขี อ้ สงสยั วา่ ในกรณที ไ่ี มม่ กี ารตรวจสอบเลย ท�ำ ไมความทจุ รติ เกดิ ขึน้ บ้างแต่ไม่เตม็ ท่ี คนทอ่ี ยากจะโกงและร้วู า่ โกงได้ ก็สามารถ บอกว่าถกู ๒๐ ขอ้ กจ็ ะได้ ๒๐ ดอลลาร์ โดยไม่มใี ครวา่ อะไร ทำ�ไม จงึ ไมโ่ กหกวา่ ๒๐ ทำ�ไมโกหกแค่ ๑๕ หรือ ๑๖ เทา่ น้นั นัน่ กเ็ ป็น เพราะคนเรานน้ั มคี วามต้องการ ๒ อย่าง หน่ึง ตอ้ งการไดก้ �ำ ไร คอื จะมคี วามเชื่อหรอื มีทิฐิว่า ถ้าไม่โกงเลยกโ็ ง่ อยากไม่ทำ�ระบบ ตรวจสอบนี่ ก็ต้องลงโทษเขาดว้ ยการโกงเสียบา้ ง หรือว่าถา้ ไม่เอา นจี่ ะโง่ แต่ถ้าจะเอาเต็มที่ทั้ง ๒๐ ดอลลาร์ มันจะมีความรู้สึกว่า ตวั เองเปน็ คนไม่ดี เพราะฉะน้นั ก็คดิ แบบทางสายกลาง โกงบ้าง แต่ไม่โกงเต็มที่ เพราะจะได้ความรู้สึกที่ต้องการ คือได้อะไรมาฟรี แลว้ ก็ยังสามารถรักษาความรูส้ กึ วา่ เรากเ็ ปน็ คนดอี ยู่บา้ ง เราไมใ่ ช่ พระอรหนั ตห์ รอก เราไม่ใช่ดบี ริสุทธิ์ กย็ งั มกี ิเลสอยู่บา้ ง แต่ไม่เอา เตม็ ที่ นก่ี ค็ อื ความคดิ ของคน คอื มที ง้ั ความอยากได้ และการอยาก รักษาความรู้สึกว่าเรายงั เปน็ คนดอี ยูบ่ า้ ง เพราะฉะนน้ั ภาพพจน์ ตวั เองกย็ ังสามารถมีอ�ำ นาจเหนือความอยากได้ 64 : ดีมีปัญญา
เราจะท�ำ ให้สงั คมดีขึน้ ได้อยา่ งไร เราตอ้ งใช้ปัญญา ให้คน เรามสี มั มาทฐิ ิ เร่อื งบริบทของเวลา เรื่องกฎแหง่ กรรม เป็นต้น เรอ่ื งความส�ำ คญั ของฉนั ทะ แตน่ อกจากน้นั แลว้ ส�ำ หรบั คนกลมุ่ หนึ่งท่ีมีความอยาก แตไ่ ม่พดู ตรงๆ วา่ อยาก อย่างน้อยเราก็ฝึกใน ระดับตณั หาได้ โดยให้เปลี่ยนจากกามตณั หา อยากเสพวตั ถุ มา เป็นภวตณั หา คอื อยากไดช้ อ่ื เสียงท่ดี ี อยากจะเป็นทร่ี ักทเี่ คารพ ของสงั คม สิ่งเหล่านี้เปน็ การใชป้ ญั ญา ทำ�ความเขา้ ใจในวิธคี ดิ ใน มุมมองของคนทกุ ระดับ ท้งั ระดบั ทมี่ คี ุณธรรมบ้าง และระดบั คนที่ ไม่คอ่ ยจะมี เพือ่ จะทำ�สังคมใหม้ ันดีทส่ี ุดเท่าท่จี ะเป็นได้ ถา้ มองในแงฉ่ ลาดจรงิ ๆ ในทางพทุ ธศาสนาแลว้ ถอื วา่ บรบิ ท ส�ำ คญั หรอื สงิ่ ทคี่ วรจะค�ำ นงึ ถงึ คอื กฎแหง่ กรรม ซง่ึ จะตอ้ งยอมรบั วา่ ในเรอ่ื งนเี้ ราไมส่ ามารถพสิ จู นไ์ ดโ้ ดยตรง เรอ่ื งการเวยี นวา่ ยตายเกดิ ในวัฏสงสาร แตใ่ นขณะเดยี วกันเรากไ็ มไ่ ดเ้ ชื่อแบบตาบอดหรอื เช่ือ อยา่ งงมงาย เพราะมหี ลักฐานในพระไตรปฎิ กมากมายเร่ืองการ เวยี นวา่ ยตายเกดิ ซ่งึ ค�ำ สอนของพระพุทธเจ้าในสว่ นทเ่ี ราพสิ จู น์ พระอาจารย์ชยสาโร : 65
ได้น้ันถูกหมด เพราะฉะน้นั เราก็ใชเ้ หตผุ ลอนมุ านไดว้ า่ เปน็ ไป ได้หรือทีพ่ ระพทุ ธเจา้ จะสอนดี สอนถกู ต้องหมด เฉพาะในเรื่อง ท่ตี ัวเราพสิ จู นแ์ ลว้ แตใ่ นเร่อื งทเี่ รายงั พสิ ูจน์ไม่ได้ พระพทุ ธเจา้ วิปลาสไปเลย คือคิดผดิ หมด พระพุทธเจา้ ทรงสอนเร่ืองสวรรค์ นรก ตรสั เรื่องการเวยี นว่ายตายเกดิ บอ่ ยมาก เชน่ ในวนั ทีพ่ ระองค์ ตรัสรู้ กระบวนการในคืนตรัสรู้นั้นเร่ิมด้วยการระลึกชาติได้และ รู้การเวียนวายตายเกิดในวัฏสงสาร ซ่ึงถือว่าอยู่ในหัวใจของการ ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ถ้าเราปฏิเสธเรื่องการเวียนว่ายตายเกดิ ก็ต้องปฏิเสธปัญญาของพระพทุ ธองค์ และปฏิเสธวา่ พระพทุ ธเจ้า ไม่ใช่พระพุทธเจ้า หากพระพุทธเจ้าทรงวปิ ลาส เพราะเรื่องการ เวยี นวา่ ยตายเกิดที่ตรัสบอ่ ยๆ นั้นไม่จรงิ เราจะเชื่อพระพุทธเจา้ ได้อย่างไร นเ่ี ป็นเหตุผลท่ัวๆ ไป แต่ไม่ใชก่ ารพิสูจน์ มกี ารระลึกชาติได้ของผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจำ�นวนมาก มี การระลกึ ชาตขิ องเด็กอายุ ๓ ถงึ ๕ ขวบทัว่ โลกและไม่ใชเ่ ฉพาะ ในตระกูลในประเทศที่นบั ถอื พุทธศาสนา แม้แต่ผ้ทู ่เี กิดในตระกูล 66 : ดีมีปญั ญา
ครสิ ตห์ รืออสิ ลาม ที่ห้ามและถอื วา่ ความเชือ่ เรอ่ื งน้ีเป็นบาป คือไม่ ยอมรบั เลย ทีร่ ะลึกชาติได้ก็มี นอกจากน้ยี ังมีการระลกึ ชาตไิ ดด้ ้วย การสะกดจิต เพราะฉะนน้ั เราไม่ไดส้ รปุ วา่ เรารวู้ ่าการเวยี นว่าย ตายเกดิ มีจรงิ แต่เราถอื วา่ เป็นความเชอื่ ทีม่ ีเหตผุ ลสนบั สนนุ มาก ถ้าการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง ความชั่ว ความทุจริต การเอารัด เอาเปรียบคนอืน่ การแสวงหาผลประโยชนส์ ่วนตัว กต็ อ้ งเปล่ียน บริบททันที คือแทนที่จะดูว่า คนที่ทุจริตแล้วได้เงินได้ทอง ได้ ช่อื เสยี ง ได้อะไรทกุ อย่าง ทำ�ชว่ั ไดด้ ี เราจะเห็นวา่ น่นั กเ็ ปน็ แค่ ผลทางโลกไม่กี่ปี ได้ความสุขสบาย ได้ชื่อเสียง ได้อะไรๆ ๒๐ ปี ๓๐ ปี ในโลกน้ี แตแ่ ลว้ กต็ อ้ งไปตกนรกเปน็ ลา้ นๆ ปี มนั คมุ้ หรอื เปลา่ ความสุขแบบโกงกินแล้วได้บ้านหลังใหญ่ๆ ได้เท่ียวต่าง ประเทศ มเี ครอ่ื งบนิ สว่ นตวั อะไรตอ่ อะไร ถา้ มองในบรบิ ทของการ เวยี นวา่ ยตายเกดิ มนั กเ็ ปน็ ความโงเ่ ขลาเบาปญั ญาสดุ ๆ ตอ้ งถามวา่ จะเอาแคน่ หี้ รอื จะแลกความหวงั ในการเกดิ ใหมเ่ ปน็ มนษุ ยห์ รอื การ ข้นึ สวรรค์เพ่อื แคน่ ้หี รือ ความฉลาดกเ็ ปลยี่ นเป็นความโง่ไดเ้ พราะ พระอาจารย์ชยสาโร : 67
เรามองไม่เห็นการเวียนว่ายตายเกิดกัน มันอยู่ที่มุมมอง อยู่ที่ ปัญญา และคนที่มีปัญญาเห็นเช่นนั้นแล้วจะเข้าใจว่า ปัญญา เป็นส่วนหนึ่งของความดี และเป็นหัวใจของความดี ไม่ว่าเราจะ ก�ำ หนดวา่ ความดคี อื อะไร ปญั ญาจะท�ำ ใหเ้ รามพี ลงั มคี วามฉลาด ในการที่จะแสวงหาความดีและรักษาความดีไว้ไม่ให้เสื่อมคลาย ให้ความดีนั้นเป็นความดีในวงกว้าง ไม่ใช่ความดีในวงแคบๆ นอกจากนั้น คนเราก็มีประสบการณ์ตรงที่ไม่ขึ้นอยู่กับ ความเชอ่ื ทเี่ ห็นไดช้ ดั มากคอื ทำ�ความดีเมอื่ ใด กม็ ีความสขุ เมือ่ นัน้ นี่ไมใ่ ช่ทฤษฎหี รอื ปรัชญา ถ้าเปน็ ความดใี นทางพทุ ธศาสนา คอื ทำ�ความดีโดยปราศจากกิเลส หรือทำ�ความดีเพ่ือขัดเกลากิเลส ความรสู้ กึ เบา ความรสู้ กึ สะอาด ความรสู้ กึ ภาคภมู ปิ ลาบปลมื้ ยอ่ ม เกิดข้นึ นค่ี ือการท�ำ ดีท่ีได้ความดีทนั ที วันนเ้ี รากไ็ ด้มโี อกาสมาบา้ นของคนดีคนหน่ึง ผู้ท่ีมีความดี จนเป็นที่ยอมรับในหมคู่ นดี ผทู้ เ่ี ปน็ ลูกศิษยท์ ีส่ มควรทอ่ี าตมาจะ ภาคภูมิใจท่ีสุด เราทุกคนก็คงจะมีความสุขด้วยท่ีได้มีโอกาสมา 68 : ดีมีปญั ญา
ฉลองวนั เกดิ ของคนดคี นน้ี แมจ้ ะเปน็ ทรี่ กู้ นั อยวู่ า่ คนดเี จา้ ของบา้ น นี้ไมต่ ้องการใหค้ นยกยอ่ ง ไม่ตอ้ งการให้คนกลา่ วถงึ แตเ่ ราก็ถอื วา่ เป็นหน้าท่ีต่อสังคมท่ีเราจะต้องยกย่องคนดี ต้องยกย่องความดี เพอ่ื จะช่วยรักษาวฒั นธรรมความดีเอาไว้ ถ้าหากวา่ เราไม่ยกยอ่ ง ความดี คนสว่ นมากกจ็ ะยงั ไมเ่ หน็ ประโยชนว์ า่ จะท�ำ ความดไี ปท�ำ ไม ฉะนนั้ เม่อื เราเห็นวา่ ท่านผู้ใดหรือสิง่ ใดเปน็ ประโยชนแ์ ละมีคณุ ค่า ตอ่ สงั คม เราตอ้ งยกยอ่ งเพอ่ื จะไดร้ กั ษาไวใ้ หอ้ ยใู่ นสายตา ใหอ้ ยใู่ น ความร้สู ึก ใหอ้ ยูใ่ นความทรงจ�ำ ของคน สำ�หรับวนั นี้ วนั ท่ฉี ลองชวี ิตครบ ๘๕ ปีของคนดคี นหนึ่ง เราก็ไดม้ าร่วมทำ�ความดีกัน จงึ ขออนุโมทนา พระอาจารย์ชยสาโร : 69
ที่มาธรรมเทศนา ธรรมเทศนา โดย พระอาจารยช์ ยสาโร เน่ืองในวันคล้ายวันเกดิ คุณนงนาถ เพญ็ ชาติ ๑. รจู้ กั บญุ รูจ้ ักพอ วันที่ ๑๘ สงิ หาคม ๒๕๕๗ ๒. ร้ทู กุ ข์...รู้ทาง... วันที่ ๑๗ สงิ หาคม ๒๕๕๘ ๓. ดมี ปี ัญญา วันท่ี ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๙ ขอบคณุ และอนุโมทนา คุณหทยั รตั น์ จิรจริยาเวช ผ้ถู อดเทป “รู้จักบุญ ร้จู กั พอ” คุณวารุณี สุขสมหมาย ผ้ถู อดเทป “รทู้ ุกข์...รทู้ าง...” คณุ อมร แต้อุดมกุล ผถู้ อดเทป “ดมี ปี ญั ญา” คณุ กรี ติ นาคประสทิ ธิ์ ผูต้ รวจทาน “รจู้ ักบญุ ร้จู กั พอ” คณุ ศศิธร ลีลาเธยี ร ผตู้ รวจทาน “รู้ทุกข.์ ..รทู้ าง...” คุณณชิ รัตน์ เอาบุญผล ผตู้ รวจทาน “ดมี ปี ญั ญา”
ชยสาโร ภิกขุ นา มเดิม ฌอน ชเิ ว อรต์ นั (Shaun Ch iverton) พ .ศ.๒๕๐๑ เกดิ ทป่ี ระ เทศอังกฤษ พ.ศ.๒๕๒๑ ได พ้ บก ับพร ะอาจารยส์ เุ มโธ (พระราชสเุ มธาจารย์ วดั อมราวดี ประเทศองั กฤษ) ท่ีวหิ ารแฮมสเตด ประเทศอังกฤษ ถือเพศเปน็ อนาคารกิ (ปะขาว) อยกู่ ับพระอาจารยส์ เุ มโธ ๑ พรรษา แล้วเดินทางมายังประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ บรรพชาเปน็ สามเณร ที่วดั หนองปา่ พง จงั หวดั อุบลราชธานี พ.ศ. ๒๕๒๓ อปุ สมบทเป็นพระภกิ ษุ ทวี่ ดั หนองป่าพง โดยมี พระโพธิญาณเถร (หลวงพอ่ ชา สุภัทโท) เป็นพระอปุ ัชฌาย์ พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๔ รกั ษาการเจา้ อาวาส วัดป่านานาชาติ จงั หวดั อบุ ลราชธานี พ.ศ. ๒๕๔๕ - ปจั จุบนั พำ�นัก ณ สถานพำ�นักสงฆ์ จังหวดั นครราชสมี า
มลู นิธปิ ัญญาประทีป คว ามเปน็ ม า มูลนิธิปัญญาประทีป จัดต้ังโดยคณะผู้บริหารโรงเรียนทอสีด้วยความร่วมมือ จากคณะครู ผู้ปกครองและญาติโยมซึ่งเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ชยสาโร กระทรวง มหาดไทยอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลอย่างเป็นทางการ เลขท่ีทะเบียน กท. ๑๔๐๕ ตง้ั แตว่ ันท ี่ ๑ เม ษายน ๒๕๕๑ ว ตั ถุประสงค์ ๑) สนับสนุนการพัฒนาสถาบันการศึกษาวิถีพุทธที่มีระบบไตรสิกขาของ พระพุทธศาส นาเปน็ หลกั ๒) เผย แผห่ ลกั ธรรมคำ�สอ นผ่านการจัดการฝึกอบรมและปฏิบัติธรรม และการ เผยแผ่ส่ือธรรมะรูปแบบตา่ งๆ โดยแจกเป็นธรรมทาน ๓) เพิ่มพูนความเข้าใจในเร่ืองความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน และส่งเสริมการดำ�เนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง ๔) รว่ มมอื กบั องคก์ รการกศุ ลอน่ื ๆ เพอ่ื ด�ำ เนนิ กจิ การทเ่ี ปน็ สาธารณประโยชน์
คณะท่ีปรึกษา พระอาจารย์ชยสาโรเป็นองค์ประธานที่ปรึกษา โดยมีคณะที่ปรึกษาเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ อาทิ ด้านนิเวศวิทยา พลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อม เกษตรอินทรีย์ เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาศาสตร์สุขภาพ การเงิน กฎหมาย การสื่อสาร การละคร ดนตรี วัฒนธรรม ศิลปกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คณะกรรมการบรหิ าร มูลนิธิฯ ได้รับเกียรติจากรองศาสตราจารย์นายแพทย์ปรีดา ทัศนประดิษฐ เปน็ ประธานคณะกรรมการบรหิ าร และมคี ณุ บบุ ผาสวสั ด์ิ รชั ชตาตะนนั ท์ ผอู้ �ำ นวยการ โรงเรยี นทอสีเป็น เลขาธกิ ารฯ ก ารด ำ�เนนิ ก าร • มลู นธิ ฯิ เปน็ ผจู้ ดั ตง้ั โรงเรยี นมธั ยมปญั ญาประทปี ในรปู แบบโรงเรยี นบม่ เพาะ ชวี ิตเพ่ือดำ�เนนิ กิจกรรมตา่ งๆ ด้านการศกึ ษาวิถีพทุ ธ ให้บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ของมลู นิธิฯ ขา้ งตน้ โรงเรยี นน้ีตง้ั อยทู่ ่ี บา้ นหนองน้อย อ�ำ เภอปากชอ่ ง จงั หวดั นครราชสมี า • มูลนธิ ฯิ รว่ มมือกับโรงเรียนทอสี ในการผลิตและเผยแผ่ส่อื ธรรมะ แจกเปน็ ธรรมทาน โดยในส่วนของโรงเรียนทอสีฯ ได้ดำ�เนินการต่อเนอื่ งตง้ั แต่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๕
โดย พระอาจารยช์ ยสาโร คนทีเ่ ป็นทุกข์ส่วนมากรู้สึกเหมือนอยู่ในคกุ อยู่ในทีอ่ ึดอดั คบั ข้อง ท้ัง ๆ ที่กญุ แจประตูก็ คาอยู่ ... แต่เรามองไม่เห็น เพราะอะไร ... กเ็ พราะเราไม่มีสมาธิ ไม่ได้ฝึกให้เหน็ อะไร เป็นอะไรในจิตใจที่อยู่ในโลกมายา ฉะนั้น เราจึงต้องมาปฏิบัติธรรม นอ้ มธรรมะ ทุกอย่างนี้ เข้ามาสู่จิตใจ ... ธรรมะเป็นสิ่งทีน่ าำ เราไปส่ขู ้างใน คือ ไม่ใช่ว่าเราต้องน้อมเข้ามา หากมันเปน็ ธรรมดาธรรมชาติ ของธรรมะที่จะน้อมเราเข้าไป ถ้าเราตามมัน ตามมาดู ตามมารู้ ไม่ใช่ให้เชื่อ แต่ให้ดวู ่า ใช่หรือไม่ใช่
Search