๔๔ ใหห้ มดไปจากใจ สายทางผิดทั้งหมดน้ีผิดมาจากการเร่ิมต้น คือ มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดน่ันเอง อันน้ีจะมาแก้จุดน้ีเป็นหลัก ใหญ่ เป็นหลักส�ำคัญ เป็นหลักเริ่มต้น ถ้าเราไม่แก้จุดน้ีให้ได้ ให้หมดสิ้นไปจากใจเราแล้วน้ี ถึงจะทำ� สมาธไิ ป ก็มีความสงบ เหมือนกนั แตต่ ัวสงบน้นั มันเปน็ มจิ ฉาสมาธิ คือ ความตั้งม่นั ของจิต ซ่ึงผิดร้อยเปอรเ์ ซ็นต์
หลงลืมตวั
๔๖ หลงลืมตวั ภัยอยา่ งหนง่ึ ซง่ึ นกั ภาวนาปฏบิ ตั ทิ งั้ หลายควรเขา้ ใจ เอาไว้ คือ วิปัสสนูปกเิ ลส ๑๐ อยา่ ง เรยี กว่าเปน็ ภยั ของสมาธิ ท้ังหมดนี้เกดิ ข้นึ จากมจิ ฉาสมาธิ ภยั คืออะไร คือ ความสวา่ ง ถา้ คนไมเ่ ข้าใจความสว่าง แล้ว มักจะหลงตัวลืมตัวไปเลย ถ้าเม่ือใดขณะใดนั่งสมาธิไป ไม่มีความสว่างเกิดขึ้น จะเกิดความหงุดหงิดใจ น่ังภาวนาไม่ ติด แลว้ ก็ถอนตัวไปเสีย นอ่ี ย่างหนึง่ อย่างท่สี อง เรยี กว่า ปตี ิ ความปตี ิเป็นความเอิบอ่มิ ใจ พอใจ ตน่ื เตน้ ภายในใจตวั เอง อาจจะมนี ำ้� ตาไหล ขนพองสยอง เกล้า ท้ังหมดนี้เรียกว่า ปีติ เกิดข้ึนเฉพาะบุคคล แต่ถ้าผู้ไม่ เขา้ ใจแลว้ จะถอื วา่ อาการนเี้ ปน็ คณุ ธรรม ซงึ่ ไมใ่ ช่ อาการเหลา่ นจี้ ะเปน็ ฐานเกดิ ขึ้นของวปิ สั สนูตา่ งหาก วิปสั สนู และ วิปัสสนา มคี วามใกล้เคียงกันมาก แต่ก็ ต่างกันแบบลึกๆ ในด้านความเห็น สว่ นฐานท่เี รมิ่ ต้น เราตอ้ ง
แต่งใจ ๔๗ เข้าใจก่อนท�ำสมาธิ ต้องศกึ ษาตัวนีใ้ หเ้ ข้าใจ คอื ตวั ปสั สัทธิ ปสั สทั ธิ คอื ความสงัดกาย ความสงัดใจ จะอย่ทู ไ่ี หน อย่างไร จะมีความสงบสงัดอยู่อย่างนี้ท้ังวันท้ังคืน จะยืนจะ นอนอยกู่ ส็ งบสงัดอยอู่ ย่างน้ัน ใหร้ ะวังให้ดกี ับความสงดั เฉยๆ นี้ เพราะถ้าเรามคี วามเห็นผดิ อยู่ ถึงสงัดอยกู่ ็ผดิ เชน่ เดียวกนั สุข คือ ความสขุ ทเ่ี กิดขนึ้ จากใจตนเอง เนื่องจากการ ท�ำสมาธิน้ันมีความสุขเหมือนกัน แต่ความสุขนั้นอาจจะหลง ได้ คือขาดความยั้งคดิ ขาดเหตุขาดผล มอี ะไรเกดิ ขึน้ แปลกๆ มีความสขุ ใจนิดๆ หน่อยๆ กห็ ลงตัวเองว่า มคี วามสขุ อยา่ งน้ี อยากใหค้ วามสุขอยา่ งนม้ี ีกบั เราตลอดไปตลอดชีวติ ลักษณะ ความหลงของความสุข เรยี กวา่ โมหะสมาธิ การหลงในความ สขุ ของตวั เองอยา่ งนก้ี ไ็ มไ่ ด้ เพราะมนั เปน็ ฐานของวปิ สั สนเู ชน่ เดยี วกัน ญาณ หมายถึง มีความร้เู กิดขึ้นทใ่ี จ บางทนี ่งั สมาธไิ ป นิดหน่อย มีความรู้เกิดขึ้นอย่างนั้น มีความรู้เกิดข้ึนอย่างนี้ อยากรอู้ ะไร นกึ ถามตวั เองขน้ึ มากร็ ขู้ นึ้ มาได้ แตถ่ า้ คนไมเ่ ขา้ ใจ จะเหน็ วา่ อนั นเ้ี ปน็ ญาณ ซงึ่ เกดิ ขนึ้ เพราะธรรมไดเ้ กดิ ขน้ึ กบั เรา แล้ว หลงความรู้ตัวเองไปเสีย อย่างน้ีใช้ไม่ได้ เพราะนี้ก็เป็น
๔๘ หลงลืมตวั วิปสั สนูข้อหนงึ่ วปิ สั สนเู กดิ ขน้ึ จากอะไร เกดิ ขน้ึ จากการทำ� สมาธทิ เี่ ปน็ มจิ ฉาสมาธิ มิจฉาสมาธิเกดิ ขึน้ จากอะไร เกิดจากความเห็นผดิ ต่อหลักความเป็นจริง ในการแก้ไขปัญหา ให้เริ่มต้นที่การ แกไ้ ขความผดิ ของตวั เอง ซงึ่ เกดิ จากความเหน็ ผดิ ใหห้ มดไป สิ้นไปเสีย จากนน้ั จะภาวนาปฏิบตั ิอะไรกไ็ ด้ การนกึ คำ� บรกิ รรมตา่ งๆ ไมแ่ ตกตา่ งกนั จะนกึ คำ� บรกิ รรม พทุ โธ สมั มาอรหงั ยบุ หนอพองหนอ ไมแ่ ตกตา่ งกนั เลย เหมอื น กนั ท้งั หมด คือมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน คอื ตอ้ งการให้จิต มีความสงบ ต้องการให้จติ เรามสี ติ ฉะนั้น การนกึ ค�ำบรกิ รรม เหลา่ นไ้ี ม่แตกตา่ งกนั อยา่ งใดทง้ั ส้นิ
ตนเตือนตน
๕๐ ตนเตือนตน ส่วนความแตกต่างกนั คือต้องการวา่ จะทำ� อยา่ งไร จะสอนใจตวั เองใหม้ คี วามฉลาดรอบรตู้ ามเหตตุ ามผล ตามหลกั ความเป็นจริงท่ีเป็นอยู่ มีอยู่ ในขณะปัจจุบันน้ี พูดง่ายๆ ว่า หลกั ค�ำสอนของพระพทุ ธเจ้าว่า หลักสอนตน ตนเตอื นตน ด้วยตนเอง ถา้ ตนเตอื นตนไมเ่ ป็นแลว้ ก็หมดสทิ ธ์ิ เราเองสอน ตวั เองเปน็ ไหม ถา้ เรายงั สอนตัวเองไมไ่ ดก้ ห็ มดสิทธิท์ ันที นน้ั คือว่า ฝึกปัญญาข้ึนมาสอนตน ปญั ญาในทนี่ ี้ คอื ปญั ญาทางธรรม เพราะตามปกตแิ ลว้ ปัญญาเรามีอยู่ แต่มันไปทางโลก แต่ตอนนี้ฝึกปัญญาท่ีมีอยู่ ทงั้ หมดน้ันมาสอนทางธรรม เพอ่ื เป็นไปในทางธรรม เปน็ ตาม หลักความเป็นจริงทั้งหมด หลกั ภาวนาปฏบิ ตั ทิ งั้ หมดนน้ั รวมยอดงา่ ยๆ วา่ หลกั สอนใจ ใหเ้ ปน็ ไปในความเหน็ ชอบ ใหร้ จู้ รงิ เหน็ จรงิ ตามหลกั ความเปน็ จรงิ ใหพ้ น้ ไปจากความหลงของใจท่ีมอี ยใู่ นปจั จุบัน
แต่งใจ ๕๑ น้ี และหายจากความหลงที่จะเปน็ ไปในอนาคตดว้ ย นีค่ ือหลัก ปฏิบัติมันอยตู่ รงน้ี จุดส�ำคัญ จุดเดน่ ในการปฏบิ ตั ิเพ่ือสอนใจ ทวี่ า่ มาน้ี คอื อบุ ายความคดิ ในความเขา้ ใจเหตผุ ลเลก็ ๆ นอ้ ยๆ เพื่อเป็นข้อคิดในการปฏบิ ตั ิของเราตอ่ ไป ครงั้ พทุ ธกาล พระพุทธเจา้ สอน ปัญญา ศีล สมาธิ คน เข้าใจและบรรลุมรรคผลได้เร็ว เดี๋ยวน้ีคนว่า เม่ือท�ำสมาธิไป แลว้ ปญั ญาเกดิ ขนึ้ มนั ไมจ่ รงิ แตก่ ม็ เี ขยี นไวใ้ นหนงั สอื ไมม่ ใี คร ในศาสนาพทุ ธของเราตง้ั แตค่ ร้ังสมยั พทุ ธกาลแลว้ วา่ ทำ� สมาธิ แลว้ ปญั ญาเกดิ ขน้ึ มใี ครเปน็ ตวั อยา่ งบา้ ง ไมม่ ี มแี ตป่ ญั ญากอ่ น ทงั้ น้ันเลย ทกุ วนั นม้ี หี ลายๆ อยา่ งทคี่ นเขา้ ใจผิด มนั ถงึ ยาก หลักการท�ำสมาธิ เป็นหลกั ปลกี ยอ่ ย เป็นหลกั เสริม หลักความจริง คือหลักปัญญา มาเปล่ียนความเข้าใจเสีย ใหม่ มาเปลยี่ นความเหน็ เสยี ใหม่ นนั้ คอื จดุ เรมิ่ ตน้ จะเปลย่ี น ไดไ้ หม ครั้งพุทธกาลสอนอย่างน้ันมา ทุกวันนี้การสอนตาม แบบอยา่ งสมยั พุทธกาลก็มอี ยู่ แต่คนไม่ท�ำตาม ยคุ นี้สมยั นีถ้ า้ ท�ำตามค�ำสอนของพระพุทธเจ้าท่ีว่ามาน้ี จะมีคนบรรลุเป็น พระอริยเจ้ามากทีเดียว ทุกวันนี้มันย้อนศร เหมือนกับว่าท�ำ
๕๒ ตนเตอื นตน สมาธไิ ปแลว้ ปญั ญามนั จะเกิดขึ้น เหมอื นจะผุดข้ึน ผดุ ขึ้น ไม่ ถกู คนละเร่ืองกนั เลย ปัญญาคนเรามีอยู่ แต่ต้องมาต้ังเข็มทิศให้เป็นไปใน ความถกู ตอ้ งเทา่ นน้ั เอง เปน็ ปญั ญาขน้ั พน้ื ฐานกจ็ รงิ แตใ่ นความ เปน็ พน้ื ฐานน้ี มนั จะใหญโ่ ตได้ มนั จะเตบิ โตได้ แตถ่ า้ ตงั้ พนื้ ฐาน มาจากสมาธิ มีแต่ผดิ กบั ผดิ อย่างเดียว เรามาเปล่ยี นความเหน็ เสยี ใหม่ มาเปลยี่ นความเขา้ ใจเสยี ใหม่ คำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ เปน็ อย่างนนั้ เปน็ หลกั เปลยี่ นนิสัย เปลย่ี นความเขา้ ใจของคน หรือเปลยี่ นความเห็นของคนนัน่ แหละ
กลา้ หาญเฉยี บขาด
๕๔ กล้าหาญเฉียบขาด จุดเดน่ ของคำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ อยทู่ กี่ ารวางคำ� สอนไวเ้ ปน็ หลักภาวนาทั้ง ๒ หลกั แบบอยา่ ง เมอ่ื หลักสมถะมี ความสมบรู ณ์ มคี วามมน่ั คง และวปิ ัสสนากม็ คี วามมัน่ คงและ สมบรู ณ์ ต่อไปมนั จะเกิดปัญญาตัวหนึง่ ขน้ึ มา ปัญญาตวั นี้ชอ่ื ว่า ภาวนามยปัญญา ปัญญาตัวน้ีจะมีจุดเด่น เพราะจะเป็น ปัญญาส�ำหรับท่ีจะลบล้างอาสวะกิเลสให้หมดไปสิ้นไปจากใจ เทา่ น้นั ไมม่ ีอย่างอืน่ สมมตวิ า่ นาย ก นาง ข ภาวนาปฏบิ ัตมิ ีศลี มีสมาธิ มี ความสมบูรณ์ เรียกว่าความเห็นถูกต้องท้ังหมด ภาวนามย ปัญญาจะเกิดข้ึน เม่ือปัญญาตัวน้ีเกิดข้ึนเมื่อไหร่ ผู้นั้นจะอยู่ เปน็ ปถุ ชุ นไดไ้ มก่ น่ี าที จากนนั้ จะเปลย่ี นแปลงเปน็ พระอรยิ เจา้ ขึ้นมา ปัญญาตัวน้ีเป็นปัญญาท่ีเกิดขึ้นมากับใครแล้วจะไม่มี การเสือ่ ม จนกว่าผู้นัน้ จะบรรลเุ ป็นพระอรยิ เจา้ เสียกอ่ นจึงจะ หมดสภาพไป ภาวนามยปัญญาตัวนี้เกิดขึ้นมาแล้วจะเป็นตัว ลบล้างกิเลสทงั้ หมด แตม่ นั ไม่เกิดกับคนในยุคนงี้ ่ายๆ มันตอ้ ง
แตง่ ใจ ๕๕ พรอ้ มเสียกอ่ นจงึ จะเกดิ ขึ้น ถา้ ยงั ไมพ่ รอ้ มจะเกดิ ขน้ึ ไมไ่ ด้เลย ภาวนามยปญั ญาตวั นจ้ี ะเกดิ ขน้ึ ได้ มนั ตอ้ งสรา้ งปญั ญา ขัน้ พ้นื ฐานเรยี กวา่ สุตมยปัญญา และ จินตามยปัญญา ใหม้ ี ความมั่นคงแน่นหนาเสียก่อน จนเป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิเบื้อง ต้นแล้ว ค่อยขยบั เขยอื้ นขึน้ มาเป็นปัญญาในวปิ สั สนา มีความ พร้อมทุกสิ่งทุกอย่างแล้วปัญญาจึงจะเกิด ต่อจากน้ัน วิปัสสนาญาณจึงจะเกดิ ข้นึ ในภายหลัง วปิ ัสสนาญาณ ก็ดี หรือ ปัญญาญาณ หรือภาวนามย ปัญญาก็ดี มันเป็นปัญญาท่ีมีจุดเด่น เป็นปัญญาท่ีกล้าหาญ เฉียบขาด เมือ่ เกิดข้ึนมาแลว้ หน้าทมี่ อี ย่างเดยี ว คือละอาสวะ กิเลสให้หมดไปสิ้นไปอย่างเดียว ปัญญาตัวน้ีคนไม่เข้าใจ แต่ อยากใหป้ ญั ญาลกั ษณะอยา่ งนเ้ี กดิ ขน้ึ กบั เรา ทง้ั ทตี่ วั เองมคี วาม เหน็ ผดิ รอ้ ยเปอรเ์ ซน็ ต์ ตอ้ งลบลา้ งความเหน็ ผดิ ของเราใหห้ มด ไปเสยี ก่อน ได้ให้ความคดิ ความเข้าใจ เหตผุ ลเลก็ ๆ น้อยๆ เอาไว้ เพ่ือจะได้เป็นข้อคิดในการปฏิบัติของเราต่อไป วันน้ีให้อุบาย ธรรมะมา คิดวา่ สมควรแกก่ าลเวลา
แตง่ ใจ วตั ถปุ ระสงค ์ : เผยแพรม่ รดกธรรมของ หลวงพอ่ ทลู ขปิ ปฺ ปญฺโญ สำ� หรบั ผทู้ ป่ี รารถนาความสขุ ในชวี ติ (กามาวจร) จนถงึ ผทู้ ม่ี งุ่ หวงั มรรคผลนิพพาน (โยคาวจร) รายละเอียด : หนงั สอื ชดุ ใจ ลำ� ดบั ท่ี 1 ถอดเทปจากธรรมเทศนา ของหลวงพอ่ ทลู เมอ่ื วนั ท่ี 11 กรกฎาคม 2537 ทว่ี ดั ปา่ บา้ นคอ้ จ.อุดรธานี ISBN : พิมพค์ รงั้ ที่ 1 : 25 กุมภาพนั ธ์ 2556 จำ� นวนการพิมพ ์ : 10,000 เลม่ ผจู้ ดั พิมพ ์ : คณะศษิ ยานุศษิ ย์ ถอดเทป : พริ าศณิ ี วมิ ลไชยจติ ภาพปก : Tanawat Pisanuwongse ภาพประกอบ : ด.ช. ณฐั วชั ต์ เนาวรตั น์พงษ์ ลิขสิทธ์ิ : ขอสงวนลขิ สทิ ธใิ์ นการคดั ลอกหรอื พมิ พซ์ ้ำ� เน้ือหา ในหนงั สอื เลม่ น้ี กรณุ าตดิ ตอ่ KPY USA หรอื วดั ซานฟรานธมั มาราม
ข้อมูลการติดต่อ San Fran Dhammaram Temple 2645 Lincoln Way, San Francisco, CA 94122 โทร. 1 (415) 753-0857 Website: watsanfran.org E-mail: [email protected] KPY USA 19721 Scenic Drive, Redwood Valley, CA 95470 Website: kpyusa.org E-mail: [email protected] วดั ป่ าบา้ นค้อ ต.เขอื น้�ำ อ.บา้ นผอื จ.อุดรธานี 41160 โทร. (042) 250-730-1 Website: watpabankoh.com E-mail: [email protected]
โปรดติดตามหนังสือเล่มต่อไป “รกั พี่เสียดายน้อง” (สองใจ) ผใู้ ดมคี วามประสงคจ์ ะสมทบทนุ ในการจดั พมิ พห์ นงั สอื เล่มต่อไป กรณุ าติดต่อ [email protected] บญั ชีออมทรพั ย์ ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 650-0-12774-8
Search