เขทา้ วำดั ไม ชยสาโร ภิกขุ พมิ พแ์ จกเป็นธรรมบรรณาการดว้ ยศรัทธาของญาติโยม หากทา่ นไมไ่ ด้ใช้ประโยชน์จากหนงั สอื น้แี ลว้ โปรดมอบใหก้ ับผู้อ่นื ทจ่ี ะได้ใช้ จะเป็นบุญเปน็ กศุ ลอยา่ งย่งิ
เขา้ วัด ชยสาโร ภิกขุ ทำไม พิมพแ์ จกเปน็ ธรรมท าน สงวนลิขสทิ ธ์ิ ห้ามคดั ลอก ตดั ตอน หรือนำไปพิมพจ์ ำหน่าย หากท่านใดประสงคจ์ ะพิมพ์แจกเปน็ ธรรมทาน โปรดติดตอ่ กองทุนสื่อธรรมะทอสี และมลู นิธิปญั ญาประทีป ๑๐๒๓/๔๖ ซอยปรีดีพนมยงค์ ๔๑ สุขุมวทิ ๗๑ เขตวัฒนา กทม. ๑๐๑๑๐ โทรศัพท์ ๐-๒๗๑๓-๓๖๗๔ www.thawsischool.com, www.panyaprateep.org พิมพ์ครงั้ ท ่ี ๑ ธนั วาคม ๒๕๕๒ จำนวน ๕,๐๐๐ เลม่ ออกแบบปก วิชชุ เสรมิ สวัสด์ิศรี ศิลปกรรม ปรญิ ญา ปฐวินทรานนท์ จดั ท ำโดย กองทนุ สอื่ ธรรมะทอสี และมลู นธิ ปิ ัญญาประทปี ดำเนินการพมิ พโ์ ดย บริษัท คิว พรนิ้ ท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด โทรศัพท์ ๐-๒๘๐๐-๒๒๙๒ โทรสาร ๐-๒๘๐๐-๓๖๔๙
คำนำ หนังสือเร่ือง ทำไม ของพระอาจารย์ชยสาโร เปน็ การรวมธรรมเทศนา ๕ เรอ่ื ง ไดแ้ ก่ เกิดมาท ำไม เขา้ วัดทำไม หลบั ตาท ำไม ทุกข์ทำไม และต ายก่อน ตายท ำไม ซง่ึ เคยจดั พ มิ พท์ งั้ ในลกั ษณะรวมเลม่ และพ มิ พ์ แยกเล่ม ตัง้ แต่ มกราคม ๒๕๔๘ ฉบับแยกเลม่ หมดไป นานแลว้ ในครง้ั นจี้ งึ จดั พ มิ พข์ น้ึ ใหมเ่ พอื่ สะดวกในการอา่ น การพกพาและการเผยแผ่ ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนช่วยใน การผลติ และเผยแผห่ นงั สอื ไดร้บั อานสิ งสจ์ ากการบ ำเพ็ญ บญุ ท เี่กดิ จากการใหธ้ รรมเปน็ ท าน ขอให้มีความสขุ ความ เจริญยง่ิ ๆขน้ึ ไป ท้ายนี้ คณะศิษย์ขอกราบนมัสการขอบพระคุณ พระอาจารย์ชยสาโรท่ีได้เมตตาอนุญาตให้พิมพ์หนังสือ เพอ่ื แจกเปน็ ธรรมท าน และท ไ่ี ดอ้ บรมสงั่ สอนลกู ศษิ ยแ์ ละ ญาตโิ ยมอย่างสม่ำเสมอตลอดมา คณะศษิ ยานศุ ิษย์ ธันวาคม ๒๕๕๒
ศาไสมนใ่ าชหแสทว่ลาักำธา่ อ้วบแไรอุบอมญุรตยอามด่่วา่เยบกสะา่งไีเแำไไขนรดดรไกปห้าิมเค้ี้ทุงดอีปวข้ชวสือว้ังยน็ัด้ทอ้ม้พัดรกเู่หสบแ้งัคตา้รตาวล่ิงรกงระ้นราตัทอสอ่ื้วพพไเมขกร่ตีิ่งงมอรป้าปทวอ้ก้อ่เวรดัฏปดี่แงง่อดัะตนน็ตบิทีงนเทอ้าพพวัตั่ยอี่กี่เมเมขณธิิังยอลา้เดีู่ใงขับีทนไี้า่ามใมจพ่าชอำระ
เขา้ วดั ทำไม บางคนท่ีมาวัด เข้ามากราบอาตมาในศาลา ชม ว่า “ทน่ี ่รี ม่ ร่นื ดีนะ่ ครับ นา่ อย่”ู เสร็จแล้วกก็ราบลากลับ บา้ น เขาได้บ ญุ ไหม คงได้เหมอื นกนั แต่เสยี ดายวา่ ไม่ได้ มากกวา่ น้นั ประโยชน์ประการแรกที่เกิดจากการเข้าวัดป่า คือ การสัมผัสกับธรรมชาติ มองไปทางไหนไม่มีป้ายโฆษณา ไมม่ ีสิ่งใดบ าดตา หรือกระตุ้นกิเลส กายกบั ใจรู้สึกเยน็ ลง ทันที แคน่ ้ีก็เปน็ บ ุญอยแู่ ลว้ แตใ่นระยะยาวคงจะมีผลตอ่ ชีวิตน้อย ฉะน้ันถวายท านแลว้ หลวงพ ่อป ระธานสงฆว์ า่ ง ใหไ้ ปสนทนาธรรมกบั ท า่ นบ า้ งกด็ ี สนทนาไมเ่ ปน็ ขอท า่ น เมตตาใหธ้ รรมะสกั ขอ้ ห นึง่ ก็ได้ ทา่ นไมว่ า่ งห รอื เราไมก่ลา้ จรงิ ๆ กไ็ ปหาทเ่ี งยี บแลว้ นง่ั สมาธสิ กั เลก็ นอ้ ยกอ่ นกลบั เขา้ วดั อยา่ งน ี้ครูบาอาจารย์ท่านชื่นใจ เขา้ มาในวดั คอื เขา้ ในแดนอภยั เปน็ ทป่ี ลอดจากการ 1ชยสาโร ภกิ ขุ
เอารัดเอาเปรียบกัน เป็นที่ๆ ไม่ต้องมีการแก่งแย่งชิงดี ชงิ เด่นกัน อยู่วัดไม่ตอ้ งแขง่ ขันกบั ใคร ไม่ต้องระแวงใคร ไมต่ ้องยงุ่ สังคมไทยโชคดี เรามสี ถานท่ีประเสริฐอย่างน ้ี เป็นที่ที่สนับสนุนส่วนดีของมนุษย์ และเป็นที่ชุมนุมของ คนดี และผู้ที่ต้องการเพิ่มความดีของตน ถึงจะมีเวลา จำกัด เข้าวัดแล้วไม่ต้องรีบ วันหนึ่งอย่ามีรายการแน่น เกินไป ญาติโยมบางคณะ วันห นึง่ ไปท ำบญุ ถึงสิบวัดกม็ ี หัวหน้าท วั ร์เดินเขา้ ศาลาห นา้ เครยี ด ดูนาฬิกาตลอดเวลา เจา้ อาวาสองค์ไหนให้โอวาทนานไปหนอ่ ย (เช่น อาตมา เปน็ ตน้ ) กช็ กั กระวนกระวาย ไปเยย่ี มวดั เอาพ อดกี บั เวลา พอดีกับกำลังไม่ดีกว่าหรือ บุญคือชื่อของความสุข และ อย่าลืมว่าการเดินทางแสวงบุญไม่ใช่การไปหาส่ิงนอกตัว เรา ที่แท้เป็นการแสวงหาโอกาสบำรุงบุญซ่ึงอยู่ในใจเรา ตงั้ แตย่ ังไมอ่อกเดินทาง วดั เปน็ ท อ่ี ยขู่ องพ ระสงฆ์ เขา้ วดั แลว้ ใหส้ งั เกตความ เรียบรอ้ ย ความเรียบง่าย ความสะอาดสะอ้าน ดคู วาม สำรวมของพ ระภิกษุสามเณร ระลึกว่ายังมผี ูม้ ุง่ มน่ั ในชวี ิต พรหมจรรยเ์ พอื่ ป ระโยชนต์ นและผอู้ น่ื เหมอื นสมยั กอ่ น ยงั ไมเ่ สอื่ ม นา่ เลอ่ื มใส พจิ ารณาวา่ ทา่ นกำลงั สบื ตอ่ อายขุ อง บรมพ ระพทุ ธศาสนา แลว้ เราทำบญุ กบั ทา่ น เรากม็ สี ว่ นใน การบ ำรงุ พ ระศาสนาเหมอื นกนั คดิ ถูกทางแล้วจะเกิดป ตี ิ 2 เขา้ วัด ทำไม
หลวงพอ่ ผ้เู ป็นป ระธานสงฆใ์ห้ข้อคิดอะไรกต็ั้งใจฟ งั และ พยายามจำไว้ เพื่อเปน็ ของดีตดิ ตัวกลับบ า้ น ในพระพุทธศาสนา เราทุกคนต้องเป็นนักศึกษา การศกึ ษาคำสง่ั สอนขององคส์ มเดจ็ พ ระสมั มาสมั พ ทุ ธเจา้ นนั้ กค็ อื การตงั้ ใจศกึ ษาเรอื่ งของเราเอง เพราะธรรมะของ พระองคท์ งั้ หมดทงั้ สน้ิ มคี วามมงุ่ มน่ั อยแู่ ตใ่ นสองเรอ่ื ง คอื หนึ่งการเปิดเผยธรรมชาติของมนุษย์ และสองการชี้แนะ แนวทางป ฏบิ ตั ติ อ่ ธรรมชาตนิ นั้ ใหถ้ กู ตอ้ ง เพอ่ื การพ น้ ท กุ ข์ โดยส้ินเชิง สองเรื่องเท่าน้ัน เราเกิดเป็นมนุษย์และเป็น พุทธมามกะแล้ว เราค้นคว้าเร่อื งความเปน็ มนุษยข์องเรา บา้ งนา่ จะดี เหตผุ ลกค็ อื เราไมอ่ ยากเปน็ ท กุ ข์ กต็ อ้ งฝกึ การ ปฏบิ ตั ติ อ่ ธรรมชาตทิ ง้ั ภายนอกและภายในดว้ ยปญั ญา เพอื่ ไมใ่ ห้เปน็ ทุกข์ เพราะชีวิตเราจะปลอดทกุ ข์เองโดยไม่ต้อง ปฏิบัติเป็นไปไมไ่ ด้ ฉะน้ันเราต้องสนใจศึกษาธรรมะ ธรรมะไม่ได้เกิด อยู่ที่อ่ืนไกล หากเกิดที่กาย ท่ีวาจา ท่ีใจของเราแต่ละ คน แต่เราจะน้อมธรรมะเข้ามาสู่ใจเพ่ือประโยชน์สุขของ ตัวเรา ครอบครัว และสังคมที่เราอยอู่าศัย ไมใ่ ชข่องงา่ ย เลย ต้องฝนื ความเคยชินและน ิสัยเกา่ พอสมควร ในเบอ้ื ง ตน้ เรายงั ออ่ น ต้องการกำลังใจจากขา้ งนอกคอ่ นข้างมาก ท่านจงึ ให้เราคบผ้ทู ่ีศึกษาดีแลว้ ปฏบิ ัติดแี ลว้ เพ่ือได้วิธที ี่ 3ชยสาโร ภกิ ขุ
ถกู และเพ่ือได้ความมนั่ ใจว่าการปฏบิ ตั ิมผี ลจริงไม่เหลอื วิสยั ส่วนมากผู้ที่ตงั้ ใจปฏิบัติอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพ ันมกั เป็นนกั บวช ท่านจึงให้เราเขา้ วัด เขา้ วดั ตอ้ งเขา้ ใหเ้ ปน็ ถา้ หากเราไมค่ ดิ ทำความเขา้ ใจ กบั ธรรมชาตขิ องตวั เอง ไมส่ นใจชวี ติ ของเราวา่ มนั คอื อะไร กันแน่ ไมอ่ยากพ ฒั นาตน การเข้าวดั กจ็ะไมเ่ กิดป ระโยชน์ เท่าที่ควร เหมือนคนกำลังไม่สบายเข้าไปในโรงพยาบาล เพ่ือบริจาคทรัพย์บำรุงโรงพยาบาล โดยไม่คิดรักษาโรค ของตวั เอง เพราะยงั ไมเ่ จบ็ มากกเ็ ลยเสยี ดายเวลา โรคของ เราคือความทุกข์ สาเหตุสำคัญคือการไม่รู้จักตัวเองตาม ความเปน็ จรงิ ไมร่ ู้จกั ตวั เองกถ็ กู ห ลอกงา่ ย พรอ้ มท จี่ะตก เป็นเหยื่อของสง่ิ มายาท ้งั หลายอยเู่ สมอ มัวแต่ดิ้นรนเพอื่ จะได้ส่ิงท่ีชอบและเลี่ยงสิ่งท่ีไม่ชอบอยู่เสมอ เช่ืองมงาย ในร่างกาย และจติ ใจว่าเป็นเราเปน็ ของเรา กย็อ่ มไมเ่ หน็ ความไม่เทีย่ ง และความไม่มีเจ้าของของชีวติ การปฏิบัติธรรมเท่าน้ัน ที่จะช่วยให้เราเป็นอิสระ จากกเิ ลสได้ การท ำบุญอยา่ งเดียวไมป่ ฏบิ ัติ ถงึ จะทำให้มี สงิ่ ยดึ เหนยี่ วอยใู่ นใจบ า้ ง แตม่ นั ไมม่ น่ั คง ลกึ ๆ แลว้ เราจะ ยงั อยใู่ นสภาพเดมิ คอื เควง้ ควา้ งอยเู่ หมอื นเรอื เลก็ ๆ กลาง ทะเลอันกวา้ งใหญ่ มเีขม็ ทศิ กใ็ช้ไมค่่อยเป็น มีสมอกไ็ ม่รู้ จกั ทอด เอาแตป่ ระดบั ประดาเรอื กอ่ นอบั ปาง ชาวพ ทุ ธเรา 4 เข้าวัด ทำไม
ควรสนใจวธิ อี ดุ รู วธิ วี ดิ น ำ้ บ า้ ง จะไดเ้ อาตวั รอดได้ หากไม่ สนใจศกึ ษาเรอื่ งตวั เอง เขา้ วดั แลว้ สกั แตว่ า่ ไหวพ้ ระพ อเปน็ พธิ ี ทำบญุ บ ำรงุ วดั ตามป ระเพณี แลว้ ออกไปชมตน้ ไมบ้ า้ ง ก่อนกลบั ไมใ่ ช่วา่ ไมด่ ี ดอี ยหู่ รอก แตย่ งั ดไีม่พ อ ศาสนา ธรรมะเป็นสงิ่ ท ่ีต้องน อ้ มเข้ามาเป็นเคร่ืองชำระ วดั อยไู่ ดเ้ พราะน ำ้ ใจของญ าตโิ ยม ลกู ศษิ ยห์ ลวงพ อ่ ชา รงั เกยี จการเรยี่ ไรทส่ี ดุ จงึ อยไู่ ดด้ ว้ ยศรทั ธาของญ าตโิ ยม โดยแท้ การช่วยท างป จั จยั ส่สีำคัญเหมือนกนั แตพ่ ระทีด่ี ท่านไม่ยนิ ดใี นเรื่องน ี้ สง่ิ ที่ท่านยนิ ดที ่สี ุด ชอบท ่สี ดุ คือ การเห็นผคู้ รองเรอื นตัง้ ใจปฏิบัติธรรม ไปวัด ไม่ว่าเพ่ือทำบุญสุนทาน ไหว้พระ กราบ นมสั การ ครบู าอาจารย์ หรอื ไปจำศลี ปฏบิ ตั ธิ รรม พยายาม ระลกึ อยเู่ สมอวา่ จดุ ประสงคข์ องเรา ควรอยทู่ คี่ วามดคี วาม สงบและปญั ญา ระวงั อยา่ วนุ่ บญุ กแ็ ลว้ กนั หรอื รา้ ยกวา่ นน้ั อย่านั่งในโรงครัวท านอาหารคุยเร่ืองท างโลก วจิ ารณ์เรื่อง การบา้ นการเมือง พรรคไหนดี พรรคไหนเลว หรอื น นิ ทา ลกู เขยลกู สะใภ้ อยา่ คยุ ในเรือ่ งใดที่เพม่ิ กิเลสในใจท ัง้ ของ ผพู้ ูดและผู้ฟัง หรือพ ดู ใหช้ าววัดแตกแยกกัน ถ้าเป็นอยา่ ง น้นั กน็ ่าเสยี ดายเวลาท่ีสละเข้าวดั เรียกวา่ เข้าวดั แต่ไมถ่ ึง วัด ฉะน้ันมาถึงที่ร่มเย็นอย่าให้มันร้อน ต้องฝึกให้เย็นสิ ตัวเราจึงจะเหมาะกับสถานท่ี ให้น้อมนำคำส่ังสอนของ 5ชยสาโร ภิกขุ
พระพุทธเจา้ มาสู่ใจเรา สำรวมกาย วาจา ใจ หาอุบายแก้ ขอ้ บ กพรอ่ งทอี่ ยู่ในใจ เสริมสร้างสิ่งท ดี่ีงามอยา่ งน ีค้ ือการ เขา้ วัดทเ่ี ข้าท่า ไดท้ ้งั วัตรป ฏิบัติ ไดท้ ง้ั เครอื่ งวดั ตัวเอง ในพ ระพทุ ธศาสนา วดั เปน็ สถานทสี่ ำคญั แตศ่ าสนา ท่แี ท้ไม่ตดิ อยู่ท่สีถานที่ ศาสนาไม่ได้อยทู่ ่ีวัด ไมไ่ ด้อยทู่ ี่ตู้ พระไตรปฎิ ก ไมไ่ ดอ้ ยทู่ ไ่ี หน มนั อยทู่ เี่ รา อยทู่ เ่ี ราแตล่ ะคน แผน่ ดนิ ไหว หรอื ผกู้ อ่ การรา้ ยบกุ เขา้ มาวางระเบดิ หนา้ พ ระ ประธานวัดป่านานาชาติ จนวัดเหลือแต่หลุมลึก ผู้ท่ียัง เหลืออยู่ ตอ้ งอดทน อยา่ เพง่ิ โกรธ ศาสนาก็ไมไ่ ดส้ ญู หาย ไปกบั วตั ถุ ชาวพ ทุ ธเราควรสรา้ งวดั ใหพ้ อดแี กก่จิ ของสงฆ์ และชว่ ยท า่ นรักษาส่ิงทส่ี ร้างแล้วอยา่ งดี แต่อยา่ พ ึงลมื วา่ วัดเป็นแค่ท่ีเอื้อต่อการศึกษาและปฏิบัติธรรม การสร้าง ศาสนวตั ถกุ ไ็ ดบ้ ญุ อยหู่ รอก ไดบ้ ญุ เยอะ แตย่ งั ไมใ่ ชบ่ ญุ ชน้ั เย่ยี มคือความสงบจากกเิ ลส ยังไมถ่ึงสิ่งสงู สดุ ท่ีเราควรได้ รับจากการเป็นชาวพุทธ วตั ถุเปน็ ฐานของการเข้าถงึ แกน่ แท้ของพ ระศาสนา หลักการประพฤติปฏิบัติธรรมท่านสรุปง่ายๆ ว่า ต้องมุ่งไปท่ีการรู้ รู้อะไร รู้ว่านี่คือทุกข์ น่ีคือเหตุให้เกิด ทุกข์ น่ีคือความดับทุกข์ นี่คือหนทางไปสู่ความดับทุกข์ หลักสูตรการศึกษาของเราอย่ทู ี่สิง่ เหล่าน ้ี ข้อแรกคือศึกษาให้รู้ว่านี่คือทุกข์ เราจะไปศึกษาที่ 6 เข้าวดั ทำไม
ตรงไหน ถ้าไมศ่กึ ษาในตวั ของเราเอง เรากำลงั ท กุ ข์ไหม เราเคยมีท ุกข์ไหม ในการพิจารณาเร่ืองน ี้ ขอให้ท ราบดว้ ย ว่า คำวา่ ทกุ ขใ์ นท่ีน ไ้ี มต่้องหมายถงึ ความเจ็บปวดรวดร้าว อยา่ งสาหสั น ะ ไมต่ อ้ งอกหกั หรอื กลดั กลมุ้ ถงึ ขนั้ คดิ อยาก ทำลายตัวเอง จงึ จะเรยี กวา่ ท ุกข์ นั่นกท็ กุ ข์แนน่ อน แต่ ส่วนมากคนเราน านๆ คร้ังถึงจะท กุ ข์อยา่ งน น้ั หรอื ชาตนิ ี้ บางคนอาจจะไม่เคยเจอทุกข์ขนาดน้ันเลยก็ได้ ความ หมายของคำว่าทุกข์ก็กว้างขวางกว่านั้น คือส่ิงที่เราทุก คนตอ้ งยอมรบั กค็ อื วา่ ชวี ติ เรายงั ไมส่ มบรู ณ์ เรามกั มคี วาม รู้สึกอันหนง่ึ แฝงอย่ใู นใจเสมอว่า “อยา่ งน ี้ยังไมใ่ ช่” ความ รสู้ ึกนี้มีผลตอ่ ชีวิตเรามาก แต่นอ้ ยคนอยากศึกษาตรงจดุ น้ี พระพุทธเจ้าทรงช้ีให้เราเห็นว่า ความรู้สกึ วา่ “นไี่ ม่ใช่” เป็นอาการอย่างหนึง่ ของทกุ ข์ ฉะน้นั อย่าพงึ เอาห ัวมุดลง ไปในทรายเหมือนน กกระจอกเทศ โดยหวังว่าเมอื่ ไมเ่ หน็ ทุกข์แล้วมันจะหายไปเอง พระองค์พร่ำสอนให้เราหมั่น กำหนดรมู้ ัน ความท กุ ข์ของมนษุ ยม์ ีหลากหลาย ในโลกท่ีสมมติ กันว่าเจริญแล้ว ความลำบากเนื่องด้วยปัจจัยสี่ หรือ ความ ต้องการของรา่ งกาย ลดน อ้ ยลงมากแลว้ แต่น่ันไม่ ได้ หมายความว่า ความท ุกข์ของคนจะลดตามอัตราเลย เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบใหม่ ในโลกปัจจุบัน โรคทางจิต 7ชยสาโร ภกิ ขุ
เพ่ิมข้ึนอย่างน่าเป็นห่วง โรคซึมเศร้ากำลังระบาดทั่วโลก พร้อมกับความเจริญ แม้ในหมู่เด็กและวัยรุ่นก็มีมากข้ึน ทกุ ปี มันน่าคิดนะ ว่าทำไมในประเทศที่คนมีเงินมีทอง พอที่จะสบายไดแ้ ลว้ มคี วามสะดวกทางวตั ถมุากพ อควร แลว้ ทำไมความซมึ เศร้าจงึ แพร่หลายเหลอื เกิน เปน็ ไปได้ ไหมวา่ คนสมยั นก้ี ำลงั ขาดความฉลาดทสี่ ำคญั ยง่ิ อยา่ งหนงึ่ คือความฉลาดในการกำหนดและการปฏิบัติต่อธรรมชาติ ของจิต จงึ สุขไมค่อ่ ยเป็น สว่ นมากคนทอี่ ยใู่ นสงั คมประเภทน้ี สงั คมทป่ี รญิ ญา บัตรกลาดเกลื่อน แต่ปัญญาในการดับทุกข์สร้างสุขยัง กระท่อนกระแท่น คนซึมเศร้ามักจะคิดมาก คิดไม่หยุด ฟุ้งซา่ น ตงึ เครียด ขวี้ ติ กขี้ระแวง ไมท่ านยาน อนห ลบั ก็ หลบั ไมไ่ ด้ อยา่ งนคี้ อื สญั ญาณเตอื นภยั วา่ การพ ฒั นาสงั คม ทก่ีำลงั ลม้ เหลว ความผดิ ป กตหิ ลายอยา่ งกลายเป็นความ ปกตเิ สียแล้ว ผไู้มเ่ ข้าวดั ห รอื ไมศ่ กึ ษาและปฏิบตั ิธรรมไม่ ค่อยเห็นปัญหา สมยั กอ่ นมนษุ ย์ส่วนมากอยใู่นชุมชนเล็ก คอื หมบู่ า้ น แตส่ มยั นค้ี นบา้ นนอกไปหางานในกรงุ กม้ หนา้ กม้ ตาท ำงาน บางทอี ยเู่ ปน็ ป ไี มร่ จู้ กั ชอ่ื ของคนท เ่ี หน็ ท กุ วนั อยู่ในท่ีพลุกพล่านอาจเหงายง่ิ กวา่ อยคู่ นเดียว เมอื งป ารสี ประเทศฝรง่ั เศสเปน็ ตัวอยา่ งห นง่ึ ชาว 9ชยสาโร ภิกขุ
ปารสี อยคู่ นเดยี วเกอื บครง่ึ หนงึ่ ของพ ลเมอื งหกเจด็ ลา้ นคน อยู่คนเดียวตัง้ สามล้านคน ในจำนวนน ัน้ มีไมน่ ้อยท ไ่ี ม่มี มนุษย์เป็นเพื่อนเลย พวกน้ีชอบเลี้ยงหมาเล้ียงแมวเป็น เพ่ือน ไมร่ ู้จะคุยกบั ใครก็คุยกบั หมาคยุ กับแมว ดีเหมือน กนั นะ ไมค่ อ่ ยทะเลาะกนั แลว้ อยา่ งนอ้ ยเขากม็ นั่ ใจวา่ สนุ ขั หรอื แมวทเ่ี ขารกั มเี ขาเปน็ เจา้ ของแตเ่ พยี งคนเดยี ว แตก่ น็ า่ สงสารเหมอื นกนั อยทู่ า่ มกลางมนุษยแ์ต่ไมร่ ูจ้ กั มนษุ ย์ นี่คือผลอย่างหนึ่งของความเจริญทางวัตถุที่เห็นๆ อยู่ คอื คนคบคนไมเ่ป็นมากขึน้ ตอ้ งคบสุนัขคบแมวแทน อยู่ในสภาพสังคมท่ีเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ด้วย ความไม่ไว้วางใจซงึ่ กนั และกนั เทคโนโลยีต่างๆ ก็เจริญ ก้าวหน้ามาก เพ่ิมความฟุ้งซ่านและความเบียดเบียน มากกว่าส่ิงท่ีดี เดี๋ยวนี้โกรธใครในต่างประเทศ ก็โทรไป ด่าเขาข้ามทะเลได้สบาย ทุกวันนี้ตำรวจเขามีเทคโนโลยี ใหมๆ่ จบั คนชัว่ ได้ง่ายขน้ึ เชน่ การตรวจดีเอน็ เอ การใช้ คอมพวิ เตอรป์ ระสานงานกนั เปน็ ตน้ แตพ่ วกพ าลพ วกโจร เขากม็เี ทคโนโลยขี องเขาเหมอื นกนั ตา่ งคนตา่ งเจรญิ ตา่ ง คนตา่ งเปน็ ทกุ ข์ ไมเ่ หน็ วแ่ี วววา่ จะมที จ่ี บสน้ิ ไดเ้ ลย สง่ิ ทเ่ี รา เหน็ ได้ชดั กค็ อื คนสว่ นมากไมร่ วู้ ่า เขาอยเู่ พ่ืออะไร ไมร่ ู้ เขาอยทู่ ำไม เมอ่ื เขาไมม่ เีปา้ ห มายชวี ติ กก็ ลายเป็นโรคจติ โรคประสาทกันเต็มบ้านเต็มเมือง 10 เขา้ วดั ทำไม
ถ้าหากว่าชีวิตเราไม่มีทิศทาง อยู่ไปเป็นวันๆ สดุ ท้าย มกั จะป ่วย ไมป่ ว่ ยกายกป็ ่วยใจ เพราะชีวติ ขาด ปัจจัยท่ีห้าของมนุษย์คือ อรรถ หรือความหมาย ย่อม ออ่ นแอ ขอใหส้ งั เกตดกู แ็ ลว้ กนั วา่ เมอ่ื ไรคนเราเหน็ วา่ สง่ิ ท ่ี เรากำลงั ทำอยมู่ คี วามหมายเรากก็ ลา้ เสยี สละกลา้ อดทนใน การกระท ำสง่ิ น นั้ แตถ่ า้ เผอ่ื รสู้ กึ วา่ สง่ิ ท เี่ รากำลงั ท ำอยไู่ มม่ ี ความห มาย ถึงจะอดไดก้ ไ็ ม่อยากอด ไมร่ จู้ ะอดไปทำไม ความสำคัญย่ิงของความหมายเและเป้าหมายใน ชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งที่คนสมัยปัจจุบันมักมองข้าม ถึงแม้ว่า ลกึ ๆ แล้ว ภายในจติ รสู้ ึกอ้างวา้ งว้าเหวว่ ่างเปลา่ ไม่มสี่งิ ใดทเี่ ปน็ แกน่ สารสาระ ตราบใดทเี่ รายงั ไมเ่ หน็ โทษ กม็ วั แต่ สะสมวตั ถมุ วั แตว่ งิ่ ห าโลกธรรม โดยถอื ห ลกั เพยี งแคว่ า่ น า่ จะเปน็ ทางท ่ีถกู เพราะเปน็ ทางของคนสว่ นใหญ่ คอื เอา โลกเอาสังคมเป็นเกณฑ์ แต่คำถามสำคัญท ่ีเราตอ้ งฝืนใจ ถามตัวเองคือ วิถีชีวิตอย่างน้ีได้ผลสมปรารถนาจริงไหม ชีวิตสมบูรณ์แล้วหรือ หรือสมบูรณ์ขึ้นทุกปีไหม ในเมื่อ สงิ่ ท ่ใี จเราต้องการอย่างแทจ้ รงิ คอื ความสุขท ่ีเทย่ี ง แต่เรา กลบั เอาแต่โลกธรรมเปน็ ท ่ีพ่ึง แล้วทำไมจะไมเ่ หงา ใครท ี่ ยงั เอาทรพั ยส์ มบตั เิ งนิ ทองเกยี รตยิ ศ ชอ่ื เสยี งเปน็ เครอ่ื งวดั ความสำเร็จในชีวิต เรียกว่าเป็นผู้ท่ียังขาดการศึกษาทาง อรรถศาสตรม์าก (อาตมาเรยี กเอง บญั ญัติศพั ท์เม่ือกี้น้ี) 11ชยสาโร ภกิ ขุ
อ่อนความรู้เกี่ยวกับแก่นแท้ของชีวิต หยุดอยู่แค่ระดับ ประถม ถ้าเป็นอยา่ งน้ัน อายมุากแล้ว ผมยอ้ มดำสนิท กต็ าม ผวิ ยน่ ดงึ ไวแ้ นน่ กต็ าม เราอาจจะหลอกตาคนไดบ้ า้ ง แต่ด้านในเราหลอกธรรมชาตไิม่ได้หรอก แก่แลว้ โดยไม่มี ความเป็นนกั ปราชญ์ป รากฏเลย ก็ขาดทพี่ ึ่ง น่าเสยี ดาย ชีวิตท่ีสมบูรณ์ ชีวิตท่ีดีจำต้องมีจุดมุ่งหมายท่ีสูง กวา่ เพยี งแคผ่ ลตอบแทนจากการท ำมาห ากนิ ตอ้ งมคี วาม หมายสงู กวา่ โลกธรรมตา่ งๆ บางคนมวั แตแ่ สวงหาอำนาจ ต้องการเป็นผู้มีชื่อเสียงโดยลืมไปว่าดังเท่าไรก็ตาม ตาย แลว้ ไมก่ ่ีปกี ็ไม่มใี ครจำเขาได้ ขอถามวา่ เม่อื ๕๐ ปที ี่แล้ว ใครเปน็ ใหญเ่ป็นโตในบ ้านเมอื ง จำได้ไหม ๕๐ ปที ี่แล้ว คนทเ่ี คยถอื ตวั ถอื ตนเหลอื เกนิ เดยี๋ วนนี้ อกจากนกั วชิ าการ และผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์โดยตรงเท่านั้นท่ีจำได้ นอก นัน้ จำเขาไม่ไดเ้ ลย ไมต่อ้ งเอาถงึ ๕๐ ปี ๒๐ ปี ๑๐ ปี รัฐมนตรีมใีครบา้ ง จำได้ไหม เราจะเอาช่ือเสียงเปน็ ท ีพ่ ึง่ ในชีวติ ไดห้ รอื เมื่อคนไม่รู้ว่าเขาอยู่ทำไม ไม่เห็นว่าชีวิตของตนมี คณุ คา่ อยตู่ รงไหน มกั จะห าสง่ิ ท อ่ี ยภู่ ายนอกมาเปน็ เครอื่ ง ยืนยัน ปลอบใจด้วยความกลัวความเกรงใจหรือความ นับถือ ท่ีได้รับจากลูกน้องหรือคนรอบข้าง อย่างน้ีเรียก วา่ มนษุ ย์ไมไ้ ผ่ คือขา้ งน อกดแูขง็ แตข่้างในกลวง 12 เข้าวัด ทำไม
บางคนอยากมีบริษัทมีบริวาร ถือว่ามีบริวารมาก แสดงว่าตนเป็นผู้สำคัญ ต้องการเป็นผู้สำคัญในสายตา ของคนอน่ื เพราะวา่ มองดภู ายในแลว้ ไมเ่ หน็ มอี ะไรสำคญั นอกจากความสำคญั ทค่ี นอนื่ เขามอบให้ แตถ่ า้ ความเคารพ นบั ถอื ตวั เองและความรสู้ กึ ในคณุ คา่ ของชวี ติ ผกู มดั กบั คน อน่ื หรอื สง่ิ อน่ื เราจะตอ้ งเครยี ดอยตู่ ลอดเวลา เพราะวา่ เรา ไมส่ ามารถจะบ งั คบั บ ญั ชาใหค้ นอนื่ ห รอื สงิ่ อนื่ เปน็ ไปตาม ความตอ้ งการของเราตลอดไป ฉะนนั้ ถงึ แมว้ า่ อยใู่ นสถาน ทอ่ี นั สะดวกสบาย วตั ถสุ ง่ิ ของพ รอ้ มห มดท กุ ป ระการ กย็ งั ไมพ่ น้ จากความกงั วลได้ นงั่ วติ กวา่ ถา้ สมมตวิ า่ สงิ่ นห้ี ายไป เราจะท ำอะไร จะแย่ แยอ่ ยา่ งน นั้ แยอ่ ยา่ งน ี้ ยงิ่ คดิ ยงิ่ กลวั คนทย่ี ึดติดในส่ิงทีต่ นมี ต้องกลัวความไมม่ ขี องส่ิงน ้ันเป็น เรื่องธรรมดากลัวพลัดพรากเพราะว่าเอาความสุขในชีวิต ไปผกู พนั กับสง่ิ อืน่ หรือกบั คนอืน่ มากเกนิ ไป ชีวติ กไ็มเ่ป็น ตวั ของตัว จิตใจก็ไมม่ ีกำลัง ฉะนนั้ พ ทุ ธศาสนาเปน็ ศาสนาท สี่ อนใหเ้ รามาศกึ ษา ธรรมชาตขิ องตัวเอง ใหเ้ รารวู้ ่าความท ุกขค์ ืออะไร มันเกดิ อยา่ งไร อาจไมเ่หมือนท่เี ราคดิ บางคนคิดว่าไมม่ ใี ครรูจ้ ัก เรา ไม่มีใครใหเ้ กียรตเิ รากเ็ ป็นท กุ ข์ ไม่มใี ครรกั เรา ไมม่ ี ใครเคารพเราก็เปน็ ท ุกข์ หรอื อาจจะคิดว่าเราอยู่คนเดียว ไมม่ ีใครสนใจเรา อยา่ งน ี้ก็จะเปน็ ทกุ ข์มาก แตถ่้าเรากลา้ 13ชยสาโร ภกิ ขุ
ลงมอื ป ฏบิ ัติธรรม ความคดิ จะคอ่ ยเปล่ียนไป เราจะเร่ิมเห็นความจริงว่า เอ...มันไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ทุกขเ์ พราะคนอน่ื ทกุ ขเ์ พราะความคิดของตัวเองมากกวา่ ทุกข์เพราะเราตอ้ งการอะไรสักอยา่ ง เพราะเราเกดิ ความ ต้องการ เกิดความอยาก จติ ก็เสียศูนย์ ไม่ปกติเสยี แลว้ เกิดความคิดผิดว่าเราขาดส่ิงนั้นถ้าไม่มีสิ่งนั้นแล้วชีวิตเรา จะไม่สมบูรณ์ ถ้าเข้มข้นข้ึนมาก็กลายเป็นอุปาทานว่าถ้า ไม่มีสิ่งนั้นแล้วเราจะอยู่ไม่ได้ ความสุขในชีวิตต้องข้ึนอยู่ กับสง่ิ นน้ั ขึน้ อยกู่ บั คนน น้ั อยา่ งเดยี ว กลายเป็นอปุ าทาน ความยึดมนั่ ถอื ม่นั ไป ดังนั้นให้ขยันดูธรรมชาติของตัวเอง ดูความรู้สึก นึกคิดต่างๆ ว่ามันเกิดอย่างไร มันอยู่อย่างไร มันดับ อย่างไร ดูตรงน้ี ปัญญาความรู้เท่าทันธรรมชาติจะเกิด ข้นึ เรากจ็ ะทะลปุ รโุ ปรง่ ว่าสงิ่ ท ั้งหลายเปน็ แค่น้เี อง การ ศึกษาความไม่แน่นอนต้องติวเข้มเพราะมีการสอบทุกวัน ตอนเช้าอารมณ์สดใส ตอนสายก็ไม่แน่ ใครมาพูดอะไร ไม่ถูกใจเราหรือทำอะไรท่ีเราไม่พอใจอารมณ์ก็บูด ตอน บ่ายมีใครเอาของขวญั มาให้ จิตใจก็บาน มนั ตลกเหมือน กัน เอาแน่ไม่ได้ ผูไ้ ปยึดติดในอารมณ์วา่ เราคอื อารมณ์ อารมณ์คือเรา จะเหน็ดเหนอ่ื ยมาก เวลาจิตใจสดใส...แหม ดีใจเหลือเกิน แต่เวลา 14 เข้าวัด ทำไม
อารมณ์เปลี่ยนไป เพราะมีการกระทบกระเทือนอย่างใด อย่างหน่ึง ทำให้รู้สึกว่าเราเสียส่ิงท่ีดีไป พลัดพรากจาก สงิ่ ซง่ึ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของชีวติ จติ ใจตกตำ่ สงสารตัวเอง ซึม เศร้า ต่อมาก็มีแปรปรวนอีก จิตใจก็สูงขึ้นอีก มันขึ้นๆ ลงๆ อยอู่ยา่ งน้ี เหมือนขึ้นเขาลงห ว้ ย เหนอ่ื ยมาก ผมู้ ีสติ อยใู่ นปจั จบุ นั อารมณอ์ ะไรกระทบกส็ งั เกตผลตอ่ จติ ใจโดย ไมส่ ำคญั มนั่ ห มาย ไมป่ ลอ่ ยใหจ้ ติ ใจไปป รงุ แตง่ ในเรอ่ื งน น้ั สักแตว่ ่ารบั รู้รับทราบ ถ้าหากว่าเราไม่ยินร้ายกับส่ิงท่ีเราไม่ชอบหรือไม่ พอใจ อารมณ์น้ันจะกำเริบไม่ได้ แตถ่ ้าเราหลงว่าส่ิงนน้ั กระทบตัวเราโดยตรง เรียกว่ามีอัตตาปรากฏอยู่ตรงนั้น ความคิดท่ีเป็นอกุศลก็ย่อมเกิดข้ึน และถ้าเราต้อนรับ อารมณน์ น้ั ดมี นั กอ็ ยนู่ าน อารมณก์ จ็ ะเพมิ่ ขนึ้ เรอ่ื ยๆ ทำให้ จติ ใจเราเศร้าหมองมาก เมื่อจติ ใจเราเศรา้ ห มองแล้ว การ กระทำการพูดก็ไม่ปกติ อาจพูดอะไรท ่ีไมค่วรพดู ทำสง่ิ ท่ี ไม่ควรทำ หรอื สง่ิ ที่ควรพ ูดควรท ำ ไม่ไดท้ ำ การรับทราบ การวินิจฉยั การตดั สินท ุกอยา่ งก็ผดิ เพยี้ นไป เมอ่ื เราร้สู กึ ว่าเราทำอะไรไม่ถูกต้อง เราก็เลยไม่พอใจตัวเองอีก ไป วา่ ตวั เองอีก ซง่ึ เพิ่มความซึมเศรา้ เขา้ ไปอีก อย่างน ีก้เ็ปน็ วัฏฏะท เ่ี กดิ ขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา ฉะนน้ั ท า่ นให้เราเปน็ ผมู้ ีสติ มสีัมปชญั ญะ มคี วาม 15ชยสาโร ภิกขุ
รู้ตัวท่ัวพร้อม คือรู้อยู่ตลอดเวลา การปฏิบัติไม่มีเสาร์ อาทติ ย์ ไมม่ ีพ กั รอ้ น เหมือนลมหายใจ หยุดไม่ไดเ้ดย๋ี ว อันตราย การรนู้ ี้ ตอ้ งรอู้ย่างไร รอู้ ยตู่อ่ กายของเรา รู้อยู่ ต่อเวทนา รู้อยูต่่ออาการของจติ รู้อยตู่่อความคดิ ดีคดิ ชว่ั ตา่ งๆ ทป่ี รากฏอยู่ในใจ เพราะถา้ เราไมร่ ตู้ ่อสิ่งเหลา่ น้ัน ไมม่ ีสติ อวชิ ชาก็หอ่ ห มุ้ อวิชชาคือความไม่รู้ ถา้ ไมม่ วี ชิ า ขาดความเข้าใจในสิ่งใด เรียกว่าอวิชชา อวิชชาอยู่ตรง ไหนตัณหาก็อยู่ตรงนั้น การที่จะไม่รู้ไม่เข้าใจในส่ิงใดโดย ไมม่ ีตณั หาในสิง่ นนั้ เป็นไปไม่ได้ เพราะอวิชชากับตณั หา อยดู่ ้วยกนั ขาดปญั ญาตรงไหน มันพ ร้อมท จี่ ะเสยี ตรงนั้น ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ไมอ่ ยากได้ ไม่อยากมี อยากไม่มี อยากจะหนีจากส่งิ น ้ัน ไมอ่ยากจะตอ้ งเผชญิ กับส่ิงนน้ั ไม่อยากตอ้ งยุ่งกับสงิ่ นน้ั ท งั้ หลายเหลา่ น ้ี ย่อม เกดิ ข้นึ รังควานใจของเรา ดังนั้นท่านสอนให้เรารักษา “ตัวรู้” ไว้อยู่ตลอด เวลา ถา้ มี “ตัวรู้” อยใู่นใจ รบู้ าป รบู้ ญุ รคู้ ุณ รู้โทษ ก็ มีกัลยาณมิตรอยู่กับเราตลอดเวลา สติอยู่กับเรา จะทำ อะไรที่ไมถู่กต้อง สตกิ อ็ ตุ สา่ หบ์ อก ไม่ถกู นะ! บาปน ะ! อย่างนี้จะเปน็ สิริมงคล ถา้ หากวา่ เรามีสติ เปรยี บเสมอื น มีอาจารย์ภายในใจของเรา คอยตกั เตอื นอย่ตู ลอดเวลา บางทสี ตกิ ็บอกวา่ ไมถ่ กู ผิดนะ! บาปน ะ! แตจ่ิตใจ 16 เข้าวดั ทำไม
ฮกึ เหมิ มนั ไม่ยอม ตอบสตวิ ่า ไมเ่ ปน็ ไร ชา่ งเถอะ อย่า คิดมาก เอาเลย! ตัวน้ีแหละ อันตรายจริงๆ เป็นตัว มาร เราต้องฝืน ต้องอดทน เมื่อเรารู้ว่าตัวน้ีตัวมารตัว กิเลส เราอย่าไปยอมมันเป็นอันขาด ยืนหยัดอยู่ในหลัก การของตัวเอง ต้องเด็ดขาดสักหน่อยนะ เวลากิเลสมัน มาขอร้องหรือโอ้โลมให้เราทำในส่ิงเส่ือมเสีย ส่ิงที่เรารู้ ว่าไม่ดีทุกครั้งที่เรารู้ว่าส่ิงที่กำลังทำไม่ดี แต่ขืนทำน้ัน เป็นบาปเป็นกรรมเป็นการไม่จงรักภักดี ไม่กตัญญูต่อ พระพทุ ธเจา้ เลย ท่านก็อุตสา่ หส์อนเรา ครบู าอาจารย์ก็ อุตส่าห์สอนเรา เราเป็นผู้มีบุญที่ได้มีโอกาสรับฟังคำส่ัง สอนในเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ ถ้ารู้แล้วยังไม่ทำตาม เป็นการทำร้ายตัวเองโดยแท้ อยู่ที่ไหน เราต้องมีสติ เพราะถา้ ไม่มสี ติ อวิชชาจะเกดิ ตณั หาจะเกิด นิสัยเสยี ต่างๆ ก็ไดร้ ับการบ ำรงุ บ างคนถึงจะเข้ามาอยใู่ นวดั กย็ ัง ไมย่ อมสำรวมไม่ยอมเจริญสติก็มี จงมสีตเิปน็ ท่ีพง่ึ เรามสี ตทิ ่ีไหนกอ็ ยกู่ ับธรรมะท ่ีนนั้ ไม่ผิดพลาดในท่ีน้ัน สถานท่ีเราอยู่ถึงจะกลางกรุงก็ตาม มีสติอยใู่ นใจก็สงบเหมือนวัดปา่ กไ็ ด้ สว่ นผู้อุตสา่ หม์ าอยู่ ในวัดแล้วปล่อยสติให้ขาดบ่อยๆ ในขณะที่ไม่รู้ตัว วัด ก็ไม่ใช่วัดสำหรับผู้นั้นในขณะน้ันซ้ำร้าย เผลอแล้วอาจ ทำลายบรรยากาศที่อบอุ่นและสามัคคีของชาววัดคนอื่น 17ชยสาโร ภกิ ขุ
ไปเสียดว้ ย เพราะผไู้มม่ สีตทิ ำอะไรมักไม่คำนึงถึงผลกระ ทบต่อคนอืน่ เชอื่ ฟ งั แตอ่ ารมณ์ ความรูส้ ึกนกึ คิดของตัว เอง จงึ พร้อมท่จี ะทำใหค้ นอื่นท ี่ต้งั ใจมาอยวู่ ัด ไม่คอ่ ยได้ อยู่วัดเหมือนกัน บาปกรรมก็ทวีขึ้น ความสงบได้แต่ชื่อ ฉะน้ันผู้ต้องการอยู่ที่วัดอย่าให้แม่เหล็กแห่งโลกดึงดูดไป สำรวมกาย วาจา ใจ เพอ่ื ประโยชนต์ นและป ระโยชน์คน อน่ื เอาใจเขาใสใ่ จเรา มาตรฐานของวดั มนั สงู กวา่ มาตรฐานของสงั คมโลก บางส่ิงท่ีชาวโลกเขาท ำกนั โดยถอื ว่าเปน็ เร่อื งธรรมดา คน วัดรังเกียจถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับผู้ละอายและเกรงกลัว บาป ถา้ ธรรมดากธ็ รรมดาของกเิ ลส ไมใ่ ชธ่ รรมดาของท าง สายกลาง คนทอี่ ยใู่ นทร่ี กรงุ รงั เขาเหน็ ของสกปรกกไ็ มค่ อ่ ย ได้คิดอะไร เพราะถอื ว่าเป็นเร่อื งธรรมดาของที่รก แตค่น ที่อยู่ในท่ีสะอาด ก็รู้สึกว่าของสกปรกแม้แต่เล็กน้อยเป็น มลทิน รูส้ ึกวา่ เป็นปัญหาท่ีต้องแก้ บางคนเข้าวัดใหม่ๆ มักจะสงสัย ดูเหมือนกับว่า จิตใจมีกิเลสมากกว่าอยู่ที่บ้าน ที่จริงไม่ใช่ เพียงแต่ว่า ฉากขาว ของเป้ือนเห็นได้ชัดข้ึน ดังน้ัน ผู้ที่มาวัดต้อง ปรับการป ระพฤตขิองตนให้เขา้ กับมาตรฐานของวัด อย่า เพิ่งดึงมาตรฐานของวัดลงไปสู่มาตรฐานส่วนตัว อย่านำ นิสัยเสียด้ังเดิมเข้ามาแพร่เช้ือโรคในหมู่อุบาสกอุบาสิกา 19ชยสาโร ภิกขุ
เลย เอาของโลกมาทบั ถมวัดจะน า่ เกลียด เอาความดขี อง เรามาเสรมิ ความดขี องเขาดีกว่า ใหเ้ ราท ุกคนสงั วรสำรวม โดยเฉพาะในการพ ูด อยู่ในวัดเราจะคุยเหมือนที่บ้านไม่ได้ ต้องพูดแต่ เร่อื งท ีน่ า่ ฟัง ผชู้ อบพูดห ยาบตอ้ งงดโดยเด็ดขาด ใครชอบ ถากถางเสยี ดสี ชอบกระแนะกระแหน อยนู่ อกกำแพงดกี วา่ มาวัดจะพ ดู อย่างน ้ันไม่ได้ แต่พดู อะไรก็ตาม พยายามให้ เปน็ สภุ าษิต คอื พูดเรื่องจริงท ี่เป็นประโยชน์ ถกู กาลเทศะ ดว้ ยความห วังดี และดว้ ยสำนวนออ่ นโยน แลว้ พจิ ารณา คำพูดของตัวเองบ่อยๆ ว่าพูดอย่างน้ีเหมาะไหมกับการ เป็นลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์ ถามบ่อยๆ ว่า ถ้าเกิด ครูบาอาจารย์ท่ีเราเคารพนับถือที่สุดเช่นหลวงพ่อชา ได้ ทราบว่าเรากำลงั จะพูดอะไร ท่านจะพอใจไหม ทา่ นจะ สาธุไหม วาจาของเราอยู่ในระดับท่ีเรียกว่าอริยขันธศีล เปน็ ทีพ่ อใจของพระอรยิ เจ้าหรือยัง การเขา้ วดั กเ็ พอื่ ยกฐานะของตวั เองใหส้ งู ขน้ึ ในเบอ้ื ง ต้นต้องกระเสือกกระสนให้จิตออกจากท่ีมืดขึ้นไปอยู่บน ทางไปสแู่ ดนสวา่ ง พระพทุ ธองคใ์ หเ้ ราไมส่ นั โดษกบั สง่ิ ดที ี่ เราได้เจรญิ แล้ว แตใ่ห้เราห ม่นั ทำใหค้วามดีนั้นดียงิ่ ๆ ข้ึน ไป เหน็ แสงอยปู่ ลายอโุ มงคต์ อ้ งเดนิ ใหถ้ งึ ทางกพ็ อเดนิ ได้ ขาเรากม็ ี เราจะมวั โอ้เอ้ท ำไม 20 เขา้ วดั ทำไม
มาถือศีลในวัด ต้องถือนะ คือต้องถือว่าเป็นเร่ือง สำคัญ การถือว่าสิ่งใดสำคัญคือการปลูกศรัทธาในส่ิงนั้น เมอ่ื เรามศี รทั ธาแรงกลา้ ในการพ ฒั นาตน ทงั้ ทางกาย วาจา และใจ ความเพยี รพ ยายามยอ่ มเกดิ ตามมา พระพทุ ธองค์ ตรัสว่า ตอนลา้ งมือ มือซา้ ยชำระมอื ขวา มอื ขวากช็ ำระ มือซ้าย ตอนชำระจิต ศีลชำระปัญญา ปัญญาชำระศีล เขา้ วดั ตอ้ งมกี ารละการบ ำเพญ็ ท กุ ครงั้ จงึ จะเปน็ การเขา้ วดั ทสี่ มบรู ณ์ เครือ่ งมอื ท ่ีต้องใช้คอื ศีล สมาธิ ปัญญา เขา้ มาในวดั แลว้ ใหก้ ลา้ ขดั เกลานสิ ยั เกา่ ถงึ แมว้ า่ จะ ร้สู ึกอึดอดั ไมส่ บาย เปน็ ท กุ ขบ์ า้ ง มนั กย็ังคุ้มคา่ อยหู่ รอก คนเราได้กำไรทุกครั้งท่ีไม่ยอมทำตามกิเลส อยู่ในวัดเรา จะทำทุกส่ิงทุกอย่างตามใจพูดอะไรตามใจไม่ได้ เพราะ อะไร เพราะใจเรามนั ยังไม่ถึงธรรม ถ้าห ากว่าเราป ฏบิ ัติ ดี ปฏิบัติชอบแล้ว จิตกับธรรมเป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน แลว้ กไ็มเ่ปน็ ไร จะท ำอะไรก็ได้ พดู อะไรกไ็ ดเ้พราะเจตนา ละเมดิ จะห มดไปแลว้ กาย วาจา ใจ จะเรียบรอ้ ยดีงาม โดยธรรมชาติ ปลอดภยั ผทู้ เี่ ขา้ ถงึ ธรรมแลว้ จะเบยี ดเบยี น คนอ่ืนไม่เปน็ จะโกหกใครไม่เปน็ จะหลอกลวงคนอน่ื ไม่ เปน็ จติ ท ่ีเข้าถึงธรรมะแล้วบรสิ ทุ ธิ์ เจตนาท ี่เศรา้ หมองไม่ สามารถป รากฏในจติ ใจของท า่ นผู้นัน้ ได้น้ี คอื เปา้ หมายท ่ี เราต ้องพยายามบรรลุ 21ชยสาโร ภกิ ขุ
ส่วนผู้ท่ียังไม่เข้าถึงธรรมมักชอบเข้าข้างตัวเอง จึง ตอ้ งสำรวม ตอ้ งระวงั อยตู่ ลอดเวลา ไม่เช่อื ความคิดมาก เกนิ ไป เราป ระมาทไม่ไดแ้ ม้วนิ าทเี ดียว สติย่อหย่อนเมื่อ ไหร่ sniper (คนลอบดกั ยงิ ) คอื กเิ ลสจะจัดการทันทีเม่ือ นน้ั เราใชค้ วามเพยี รดว้ ยปญั ญาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ไมย่ อมถอย ไม่ตอ้ งสงสยั การเจรญิ ในธรรมย่อมเกิดขึน้ ใหเ้ ขา้ วดั เพอื่ ป ลอ่ ยวางความยดึ มน่ั ถอื มนั่ วา่ เรา วา่ ของเรา เข้าวดั อยา่ ให้มีความรู้สึกอย่างน ีเ้ลย แมค้ วามยึด มนั่ วา่ วดั ของเรา (ดกี วา่ ของเขา) ครบู าอาจารย์ของเรา (เกง่ กวา่ ของเขา) ก็อนั ตราย อยา่ ยนิ ดคี วามคิดอย่างน นั้ เลย จิตใจเราพน้ จากความยึดติดทงั้ ห ลายคือจติ ประเสรฐิ ขอให้เราท้ังหลายได้เข้าถึงความประเสริฐและความเกษม ของจิตท่ีเป็นอิสระจากการบีบคั้นของกิเลสทุกคน ทุก ท่าน เทอญ 22 เขา้ วดั ทำไม
ชยสาโร ภิกขุ นามเด มิ ฌอน ชิเวอร์ตัน (Shaun Chiv erton) พ .ศ.๒๕๐ ๑ เกิด ท ี่ประเทศอังกฤ ษ พ.ศ.๒๕๒๑ ได พ้ บกบั พระอาจาร ยส์ เุ ม โธ (พระราชสุเมธาจารย์ วัดอมราวดี ประเทศองั กฤษ) ทวี่ ิหารแฮมสเตด ประเทศองั กฤษ ถอื เพศเปน็ อนาคาริก (ปะขาว) อยกู่ บั พระอาจารย์สเุ มโธ ๑ พรรษา แล้วเดินทางมายังประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ บรรพชาเปน็ สามเณร ทีว่ ัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. ๒๕๒๓ อปุ สมบทเปน็ พระภกิ ษุ ทวี่ ดั หนองปา่ พง โดยมี พระโพธิญาณเถร (หลวงพอ่ ชา สุภทั โท) เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๔ รกั ษาการเจา้ อาวาส วัดปา่ นานาชาติ จังหวัดอบุ ลราชธานี พ.ศ. ๒๕๔๕ - ปัจจบุ ัน พำนัก ณ สถานพำนักสงฆ์ จงั หวดั นครราชสมี า
มลู นิธิปัญญาประทีป ควา มเปน็ มา มูลนิธิปัญญาประทีป จัดตั้งโดยคณะผู้บริหารโรงเรียนทอสี ด้วยความร่วมมือ จากคณะครู ผู้ปกครองและญาติโยมซึ่งเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ชยสาโร กระทรวงมหาดไทย อนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลอย่างเป็นทางการ เลขที่ทะเบียน กท. ๑๔๐๕ ตั้งแต่วันท่ี ๑ เม ษาย น ๒๕๕๑ ว ัตถปุ ระส งค์ ๑ ) สนับสนุนก ารพัฒน าสถาบันก ารศึกษาวิถีพุทธที่มีระบบไต ร สิกขาข องพระพ ุทธ ศาสนาเป็นหลัก ๒ ) เผยแผ่หลัก ธรรมค ำสอนผ่านการจัดการฝึกอบรม และปฏบิ ตั ิธรรม และการเผยแผ่ สือ่ ธรรมะรปู แบบตา่ งๆ โดยแจกเปน็ ธรรมทาน ๓) เพม่ิ พนู ความเขา้ ใจในเรอ่ื งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมนษุ ย์ และสง่ิ แวดลอ้ ม สนบั สนนุ การพัฒนาท่ยี ่งั ยืน และส่งเสริมการดำเนินชวี ิตตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ๔) ร่วมมอื กับองค์กรการกศุ ลอืน่ ๆ เพอ่ื ดำเนินกจิ การทเ่ี ปน็ สาธารณประโยชน์ คณะท ่ีปรกึ ษา พระอาจารยช์ ยสาโรเปน็ องคป์ ระธานทปี่ รกึ ษา โดยมคี ณะทป่ี รกึ ษาเปน็ ผทู้ รงคณุ วฒุ ใิ น สาขาตา่ งๆ อาท ิ ดา้ นนเิ วศวทิ ยา พลงั งานทดแทน สง่ิ แวดลอ้ ม เกษตรอนิ ทรยี ์ เทคโนโลยสี ารสนเทศ วทิ ยาศาสตร์สุขภาพ การเงนิ กฎหมาย การสอ่ื สาร การละคร ดนตรี วฒั นธรรม ศลิ ปกรรม ภูมิปญั ญาท้องถนิ่ คณะกรรมการบริหาร มลู นธิ ฯิ ไดร้ บั เกยี รตจิ ากรองศาสตราจารยน์ ายแพทยป์ รดี า ทศั นประดษิ ฐ เปน็ ประธาน คณะกรรมการบริหาร และมีคุณบุบผาสวัสด์ิ รัชชตาตะนันท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนทอสีเป็น เลขาธกิ ารฯ การด ำเนินก าร • มูลนธิ ฯิ เป็นผูจ้ ัดตงั้ โรงเรียนมัธยมปัญญาประทีป ในรูปแบบโรงเรียนบ่มเพาะชวี ิต เพ่ือดำเนินกิจกรรมต่างๆ ด้านการศึกษาวิถีพุทธ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ ข้างต้น โรงเรยี นนตี้ ้ังอยูท่ ี่ บ้านหนองน้อย อำเภอปากชอ่ ง จงั หวัดนครราชสีมา • มลู นธิ ฯิ รว่ มมอื กบั โรงเรยี นทอส ี ในการผลติ และเผยแผส่ อ่ื ธรรมะ แจกเปน็ ธรรมทาน โดยในส่วนของโรงเรียนทอสีฯ ได้ดำเนินการตอ่ เนือ่ งตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๕
26 เขา้ วัด ทำไม
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: