Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เมนูอาชีพ-1

เมนูอาชีพ-1

Description: เมนูอาชีพ-1

Search

Read the Text Version

ส่วนผสมของตวั ขนม  แปง้ ขำ้ วจำ้ ว 55 กรมั  แป้งถั่วเขียว 1ช้อนโตะ๊  แปง้ ทำ้ วยำยม่อม 3 ชอ้ นโต๊ะ  น้ำตำลปกึ 140 กรมั . (ไมช่ อบหวำนสำมำรถลดลงได้)  หำงกะทิ 1 ถว้ ยตวง  น้ำใบเตยเขม้ ขน้ ¼ ถ้วยตวง ส่วนผสมของหน้ำขนม  แป้งข้ำวจำ้ ว 35 กรัม  หวั กะทิ 2 ถ้วยตวง  เกลอื ป่น1+1/2 ชอ้ นชำ วธิ ีทำ 1. ตม้ นำ้ ประมำณ 1 ถ้วย พอเดอื ด กข็ ยำใบเตยลง ไปประมำณ 2 ใบ ตม้ ตอ่ ประมำณ 5 นำที กจ็ ะได้ น้ำ ใบเตย 2. ทำตัวขนม โดยผสมแปง้ ทั้งสำมชนิดเข้ำด้วยกัน ใสน่ ำ้ ตำลปึกและนำ้ ต้มใบเตยลงไป ใช้มอื นวดใหแ้ ป้งและ นำ้ ตำลละลำยเป็นเน้อื เดยี วกัน…ใส่กะทติ ำมลงไป…แล้วกรอง 1ครง้ั …พักไว้ 3. ทำหนำ้ ขนม โดยผสมส่วนประกอบท้ังหมดใหเ้ ข้ำกันดี และกรอง1ครั้ง…พักไว้ 4. จดั เรยี งถ้วยตะไลในลงั ถึง นำไปตงั้ ไฟให้ร้อนดี…พอถ้วยร้อนจงึ รบี เปิดฝำลงั ถึง…ใส่สว่ นผสมตวั ขนมลงไป ประมำณ ¾ ของถว้ ย…ปิดฝำ นงึ่ ประมำณ 7 นำที หรอื จนตวั ขนมสกุ (มีลักษณะผวิ ขนมตงึ ) 5. เปิดฝำลังถึง หยอดตัวหนำ้ ขนมลงไป นึ่งต่อประมำณ 5 นำที จนสกุ ดี (อย่ำน่ึงนำนไป…เพรำะตัวหน้ำขนมจะ แตก) 6. รอใหข้ นมเย็นแล้วค่อยแคะขนมออกจำกถ้วย ก็พร้อมรับประทำน สตู รที่ 2 สำหรบั ใครทีไ่ ม่มแี ป้งถว่ั เขียว ลองทำสูตรน้ีดนู ะครบั เป็นสตู รจำกคุณ kanji เปน็ อกี สูตรขนมถว้ ยตะไลใบเตย อร่อย นุ่มๆ หอมๆ หวำนมัน ส่วนผสมตัวเน้อื ขนมถว้ ย  แปง้ ขำ้ วจำ้ ว 1/2 ถ้วยตวง  แป้งทำ้ ว 3 ช้อนโต๊ะ  หำงกะทิ 1 ถ้วยตวง  นำ้ ใบเตยค้ันเข้มข้น 1/4 ถว้ ยตวง  นำ้ ตำลป๊ปี 140 กรมั (ชอบหวำนเพิม่ ได้) สว่ นผสมตัวหนำ้ ขนมถว้ ย  หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง  แปง้ ขำ้ วจ้ำว 4 ชอ้ นโตะ๊  เกลอื ปน่ 1 ชอ้ นชำ

ขัน้ ตอนกำรเตรียมส่วนเนอ้ื ขนม 1. นำแปง้ ข้ำวจ้ำวและแปง้ ท้ำวใสอ่ ่ำงผสม คนให้เขำ้ กนั 2. จำกนั้นทะยอยใส่นำ้ ใบเตย หำงกะทิและนำ้ ตำลปีป๊ ลงไปใช้มือนวดใหส้ ่วนผสมเขำ้ กันดี (กำรนวดจะ ทำให้เนอื้ ขนมยดื หยนุ่ นุ่มเหนียว ไมก่ ระด้ำง) นวดไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมหมด ที่สำคญั นำ้ ตำลป๊ปี ท่ีใช้ ควรเลอื กแบบดีๆ ขนมของเรำจะได้หอม หวำน 3. สดุ ท้ำยจะไดส้ ว่ นผสมเหลวๆ ออกมำแบบนี้ 4. นำสว่ นผสมไปกรองด้วยตะแกรงตำถีเ่ อำตะกอนหรือสง่ิ ตกคำ้ งออก ขนมจะได้เนยี นๆ…พักไว้ ข้นั ตอนกำรเตรยี มส่วนหน้ำขนม 1. ครำวนี้มำทำตัวหน้ำขนมกันต่อ…นำหัวกะทใิ สช่ ำมผสม ใสแ่ ป้งข้ำวจำ้ วกบั เกลือป่นลงไป คนใหส้ ่วนผสมเข้ำ กันดี 2. นำสว่ นผสมไปกรองดว้ ยตะแกรงตำถ่ีๆ อีกครัง้ เป็นอนั เสร็จ พักไวก้ ่อนค่ะ วธิ ที ำขนมถ้วย 1. ครำวนี้กถ็ ึงเวลำนง่ึ ขนมกันแลว้ เอำน้ำใส่หม้อน่ึงเปิดไฟแรงจนเดอื ดรอไวก้ ่อนเลย…นำถว้ ยตะไลวำงเรียงใส่ ลงั ถึง…จำกน้ันก็นึ่งขนมต้องนำถว้ ยตะไลไปน่ึงให้ร้อนประมำณ 5 นำที (จะช่วยใหข้ นมไม่ตกตะกอนลงมำท่ีกน้ ถว้ ย) 2. เมื่อถว้ ยตะไลร้อนได้ท่ี ตักส่วนผสมตัวเนอื้ ขนมใสล่ งไปในถ้วย ประมำณ 3/4 ของถ้วย เวลำตกั ขนมใส่ลงไป ให้คนด้วยตลอดเวลำ (ป้องกันแปง้ ตกตะกอน) แล้วนำไปน่ึงในหม้อน่ึงที่น้ำเดือดไฟแรงประมำณ 7-8 นำที ขน้ึ อย่กู ับควำมหนำและปรมิ ำณขนมในถ้วย แต่วันนเี้ รำใชเ้ วลำน่ึง 7 นำที ขนมก็สกุ กำลงั ดี 3. ตกั สว่ นผสมหนำ้ กะทใิ สล่ งไปใหเ้ ต็มถว้ ย จำกนนั้ ผิดฝำหมอ้ นงึ่ แต่กอ่ นปิดอยำ่ ลืมใชผ้ ้ำเช็ดไอนำ้ ที่ติดอยู่ท่ฝี ำ หม้อออกใหแ้ หง้ (ไอน้ำจะไดไ้ มห่ ลน่ ลงไปบนหน้ำขนม ทำใหข้ นมเรำเสยี โฉม) ข้ันตอนนใ้ี ช้เวลำนึง่ 10 นำที - เม่อื ขนมสุกได้ทแ่ี ล้ว …จะมีลกั ษณะแบบรูปด้ำนบน - พักไวใ้ หเ้ ย็นสักนิด…แลว้ จึงแคะขนมพรอ้ มรับประทำน ซ่ึงขนมถ้วยท่ดี ีต้องร่อนไมต่ ิดถ้วย - ขนมถว้ ยที่ดี หน้ำจะต้องขำวเนียน กะทแิ ตกมัน มีลักษณะย่นๆ ยับๆ เคล็ดลบั ควำมอร่อย  ควำมอร่อยของขนมถว้ ยใบเตยนั้น ขน้ึ อยู่กบั น้ำต้มใบเตยและคุณภำพของกะทิ และนำ้ ตำล  แปง้ ถว่ั เขียว จะทำใหข้ นมอยู่ตัว ไมเ่ หนยี วมำกเกนิ ไป  กำรคั้นมะพร้ำว ควรใชม้ ะพร้ำวขูดขำวทแ่ี ก่ ขดู ใหม่ๆค้ัน โดยใช้มะพร้ำวขดู ขำว 1/2 กโิ ลกรัม คั้นดว้ ย น้ำอนุ่ 1 ถว้ ย โดยใสน่ ำ้ อนุ่ ค้ันทลี ะนอ้ ย คั้นสัก 1 ครัง้ จะไดก้ ะทิ 2 ถ้วย แลว้ ช้อนเอำหัวกะทิ 1 ถว้ ย และ หำงกะทิ 1 ถ้วย ขนมจะมีกลน่ิ หอม รสหวำน และมคี วำมมนั ของกะทิ  ขนมถ้วยทดี่ ี หนำ้ จะตอ้ งขำวเนียน กะทแิ ตกมัน มลี กั ษณะย่นๆ ยบั ๆ และเม่ือเวลำทเี่ รำแคะขนม…ขนม ต้องรอ่ นไม่ติดถว้ ย  ขนมถ้วยท่ีอรอ่ ยนนั้ ตวั ขนมจะมรี สหวำนหอมน้ำตำลมะพร้ำวหรือน้ำตำลโตนดและไม่แข็งกระด้ำง สว่ น หนำ้ ขนมต้องมีรสมนั ดว้ ยกะทิและมรี สเค็มนิดๆ

หมวดผลไม้และกำรแปรรูป 1. นำ้ ผลไมป้ น่ั วัตถุดบิ น้ำตำลทรำย นำ้ นมสด เกลือบน่ นำ้ แข็ง และผลไม้ เชน่ ส้ม มะนำว สับปะรด มะพรำ้ วนำ้ หอม กล้วยหอม แตงไทย ฝรั่ง แอปเปิ้ล แตงโม แครอท เปน็ ต้น วธิ ีทำ 1. นำน้ำตำลทรำยและน้ำในอตั รำสว่ น 2 : 1 ตัง้ ไฟ คนใหล้ ะลำยเขำ้ กนั เปน็ น้ำเช่อื ม แล้ว ใสโ่ หลไว้ 2. นำมะพร้ำวน้ำหอมท่เี ตรียมไว้ เอำแตน่ ำ้ มะพร้ำวและตักเนอ้ื เป็นชิ้น ๆ เทใสภ่ ำชนะไว้ 3. ผลไม้อ่นื ๆ ใสภ่ ำชนะไว้ใหด้ สู วยงำม วธิ ปี ่นั นำ้ ผลไม้ 1 แกว้ 1. นำ้ สม้ : สม้ 1 – 2 ผล (ขึน้ อยู่กับขนำดของผลส้ม) คัน้ เอำน้ำ น้ำมะนำว : มะนำว 1 ผล คัน้ เอำนำ้ สบั ปะรด : หนั่ เป็นช้นิ เล็ก ๆ 1/ 3 ถว้ ยตวง มะพรำ้ วออ่ น : นำ้ มะพรำ้ วพร้อมเน้ือเล็กน้อยประมำณ 1 ทัพพกี ลม 2. นำน้ำหรอื เนอื้ ผลไมต้ ำมท่ีลกู คำ้ ต้องกำร ในอตั รำสว่ นข้อ 1 ใสเ่ ครอื่ งปั่น 3. ตักน้ำเชอ่ื มใส่ประมำณ 1 ทัพพีกลม 4. ใส่เกลอื ประมำณ 1/ 4 ช้อนชำ (อำจมำกหรือน้อยกวำ่ น้ีขึ้นอย่กู ับชนดิ ของน้ำผลไม)้ 5. ตักนำ้ แขง็ ใส่ 6. ใส่นมสดเล็กนอ้ ยตำมชนิดของน้ำผลไม้ท่ลี ูกค้ำต้องกำร 7. กดปุ่มเครอ่ื งปนั่ ปัน่ น้ำแข็งใหล้ ะเอียดตำมควำมต้องกำรของลกู ค้ำ 8. จำกนน้ั เทใสถ่ ุงหรอื แก้วใหล้ ูกค้ำ ข้อมูลประกอบกำรลงทนุ 1. เงินทุน ประมำณ 4,000 บำท (เครือ่ งป่ันน้ำผลไม้ 1,500 บำทข้นึ ไป กระตกิ นำ้ แขง็ 200 กว่ำบำท ทีค่ น้ั นำ้ ส้มอลมู ิเนียม 250 บำท) 2. รำยได้ ประมำณ 10,000 บำท/เดือน 3. อุปกรณ์ เคร่ืองป้ัน ที่คนั้ นำ้ สม้ ภำชนะใสผ่ ลไม้ โหลใส่นำ้ เชื่อม ช้อน มดี เขยี ง ทพั พกี ลม ขนำดเสน้ ผำ่ ศนู ยก์ ลำง 2.5 นิ้ว แก้ว ถุงพลำสตกิ หลอดดดู ยำงรัดถุง กระตกิ นำ้ แข็งและภำชนะตักน้ำแข็ง 2. ขำยนำ้ นมถว่ั เหลอื ง – น้ำเตำ้ หู้ สว่ นผสม ถ่วั เหลอื ง 1 ก.ก. นำ้ สะอำด 8 ลิตร นำ้ ตำลทรำย 1 ก.ก. เกลอื ป่น 1/ 2 ชอ้ นชำ เคร่อื งปรงุ ทใ่ี สใ่ นน้ำเต้ำหู้ สำคเู มด็ ใหญ่ ว้นุ หัน่ เปน็ เส้นยำว นำ้ เช่อื ม ลกู บวั ตม้ ลูกเดือย ถวั่ แดง ฟักเช่ือมหน่ั เปน็ ชิ้น ๆ

นำถ่วั เหลอื มำคัดเอำสงิ่ สกปรกออกใหห้ มด แล้วนำไปแช่น้ำประมำณ 5 ชั่วโมง หรอื ถ้ำแช่ใน นำ้ รอ้ นประมำณ 3 ช่วั โมง จนนม่ิ ขย้เี ปลอื กออก ล้ำงจนสะอำด ตวงน้ำ 2 ลติ ร นำไปต้มจนเดือด ที่เหลอื นำไปปั่นกบั ถวั เหลอื งจนหมด เทใสห่ มอ้ ทร่ี องด้วยผำ้ ขำวบำง 2 ชั้น นำน้ำท่ีต้มเดือดเทตำมลงไป คน ให้เขำ้ กัน ค้ันเอำแต่นำ้ นมถั่วเหลือง ต้มไฟกลำง พอเดือดใส่เกลือ ครึ่งช้อนชำ เคี่ยวต่ออีกประมำณ 5 นำที ทำนำ้ เช่อื มเข้มข้น โดยใชน้ ำ้ ตำลทรำยเคยี่ วกบั น้ำสะอำดในสดั ส่วน 2 : 1 จนน้ำตำลละลำยหมด เวลำ ขำยใสน่ ำ้ เชอื่ มและเครือ่ งปรุงต่ำง ๆ ตำมทล่ี ูกค้ำต้องกำร ข้อมูลประกอบกำรลงทนุ เงินลงทุน : ครัง้ แรกประมำณ 10,000 บำท (รวมรถเข็น) รำยได้ : 7,000 – 10,000 บำท/วนั อุปกรณ์ : รถเขน็ เตำ หมอ้ ถว้ ย ฯลฯ 3. กำรทำนำ้ ฟักข้ำวเพื่อสุขภำพ อปุ กรณ์ 1. โถแก้ว/ พลำสติก 2. กระชอนพลำสติกตำถ่ี 3. หมอ้ ต้ม/ กระทะ 4. ทัพพี/ ตะหลวิ สำหรับใชค้ น วัสดุ 1. ฟักข้ำวสุกนม่ิ 2. นำ้ ผง้ึ 3. เกลือ 4. มะนำว 5. น้ำสะอำด 6. น้ำตำลทรำยแดง ขั้นตอนกำรทำ 1. นำฟกั ข้ำวทสี่ ุกและนิม่ มำผ่ำเอำเฉพำะเน้ือทน่ี ิ่ม ๆ และเมลด็ 2. แยกเนอื้ ออกจำกเมลด็ โดยกำรนำเอำไปยีบนกระชอน จะไดส้ ว่ นทเ่ี ป็นเน้ือฟกั ขำ้ วทลี่ ะเอยี ด 3. นำเนื้อฟักข้ำวผสมน้ำ (ถ้ำต้องกำรเข้มข้นก็ใส่น้ำน้อย) ไปตั้งไฟอ่อน ๆ และหม่ันคนเพ่ือไม่ให้ติด ก้นภำชนะ 4. เติมเกลือและนำ้ ตำลทรำยแดงเล็กน้อย ต้มให้เดอื ดเพอ่ื ให้เนือ้ ฟักขำ้ วสุก 5. พักให้เย็น บรรจุภำชนะปิดฝำเพ่ือป้องกันกล่ินอำหำรอ่ืน ๆ รบกวน แล้วนำไปเก็บในตู้เย็นช่อง ธรรมดำ 6. เมื่อจะรบั ประทำน กน็ ำนำ้ ฟกั ข้ำวแชเ่ ยน็ มำเตมิ น้ำผ้งึ ประมำณ 1 – 2 ช้อนชำ ตอ่ แกว้ เพ่ือเพิ่ม คุณประโยชน์ต่อสุขภำพ และเพื่อให้รสชำติกลมกล่อมควรเติมน้ำมะนำวสัก 1 ช้อนชำ อำจจะนำไปปั่นอีก ครง้ั กไ็ ด้ สว่ นควำมเขม้ ขน้ ของน้ำฟกั ข้ำวสำมำรถปรับตวั ไดต้ ำมควำมต้องกำรด้วยน้ำต้มสุก ข้อควรระวัง : เมล็ดของฟักข้ำวสุกจะเปน็ พิษ จึงควรระวังเม่ือแยกเนื้อออกจำกเมลด็ อยำ่ ใหเ้ มลด็ แตก ๔. นำ้ คลอโรฟลิ ล์ วัตถดุ บิ 1 กโิ ลกรมั 2. น้ำเปลำ่ 5 ลิตร 1. หญ้ำมำ้ 1 ขวด 4. นำ้ มะนำว 3 – 4 ขดี 3. น้ำผง้ึ

ขัน้ ตอน/ วธิ ีทำ 1. น้ำหญำ้ ม้ำมำลำ้ งใหส้ ะอำด และหน่ั ขนำด 1 ซม. 2. นำหญำ้ ม้ำมำปนั่ ให้ละเอยี ด 3. กรองเอำแต่น้ำ กำกนำไปทิ้ง 4. นำนำ้ หญำ้ ที่ไดม้ ำผสมกบั น้ำผงึ้ และน้ำมะนำว 5. ปรุงรสให้เปรย้ี วนำ นำไปรับประทำนได้ ๕. เครื่องด่มื นำ้ ขำ้ วกล้องงอกผสมธัญพืช กรรมวิธกี ำรผลติ 1. นำข้ำวกล้องพันธ์ุขำวดอกมะลิ105 หรือปทุมธำนี1 มำเพรำะให้งอกเป็นตุ่มเล็ก ๆ โดยนำข้ำว กล้องมำล้ำงน้ำทำควำมสะอำดแล้วแช่น้ำนำน 4 ช่ัวโมง จำกนั้นทำกำรล้ำงข้ำว ท้ิงให้สะเด็ดนำ้ ใส่ภำชนะ ปิดทิ้งไว้นำน 6 ช่ัวโมง เม่ือครบเวลำ ล้ำงข้ำวอีกครั้ง ท้ิงให้สะเด็ดน้ำ ใส่ในภำชนะ ปดิ ท้ิงไว้นำน 14 ชั่วโมง เม่อื ครบเวลำจะได้เมล็ดข้ำวกล้องงอกสด 2. นำข้ำวกล้องพันธุ์ข้ำวเหนียวดำ (ข้ำวก่ำ) มำเพำะให้งอกเป็นตุ่มเล็ก ๆ โดยทำเช่นเดียวกับข้ำว กลอ้ งพันธุ์ขำวดอกมะลิ105 ตำมกรรมวิธีในขอ้ 1 3. ถั่วเหลืองนำมำลำ้ งทำควำมสะอำดแล้วแชน่ ำ้ คำ้ งคนื 4. งำขำว นำมำค่ัวจนมกี ล่นิ หอม 5. นำส่วนผสมท้ังหมดไปต้มในเครื่องทำน้ำนมถั่วเหลืองแบบอัตโนมัติ นำนประมำณ 20 นำที โดย มีอตั รำสว่ นดังน้ี ข้ำวกลอ้ งงอกพันธุข์ ำวดอกมะลิ105 หรอื ปทุมธำนี 170 กรมั หรอื 1 ถว้ ย ข้ำวกลอ้ งงอกพันธุ์ขำ้ วเหนยี วดำ (ขำ้ วก่ำ) 30 กรัม หรอื ครึ่งถ้วย ถว่ั เหลอื งแชค่ ้ำงคนื 20 กรัม หรอื ครึ่งถว้ ย งำขำวคว่ั 20 กรัม หรือ ครึง่ ถว้ ย น้ำ (สะอำด) 1,400 มลิ ลิลิตร 6. นำมำกรอง 2 ครง้ั ไดน้ ้ำขำ้ วกล้องงอก 7. ทำกำรปรงุ รสดว้ ยนำ้ ตำล 10-15 กรัม ต่อน้ำข้ำวกล้อง 200 มิลลิลติ ร หรือตำมใจชอบ 8. ทำกำรต้มฆ่ำเช้ือท่ีอุณหภูมิ 70 องศำเซลเซียส นำน 20 นำที แล้วทำกำรกรองก่อนบรรจุใส่ ขวดพลำสติกที่ผ่ำนกำรฆ่ำเช้ือมำแล้ว จะได้ผลิตภัณฑ์เคร่ืองด่ืมน้ำข้ำวกล้องงอกผสมธัญพืชมี คุณค่ำทำงโภชนำกำร โปรตีน 0.49 กรัม ไขมัน 2.05 กรัม ควำมชื้น 88.21 กรัม เถ้ำ 0.06 กรัม คำร์โบไฮเดรต 9.19 กรัม พลังงำน 57.17 กิโลแคลอรี่ และสำร Gamma amino butyric (GABA) 4.62 มลิ ลิกรัม ๖. ขำยน้ำแขง็ ใส ต้องลงทุนอะไรบ้ำง ต้นทนุ หลัก  เครอื่ งไสน้ำแข็ง (ดูรำคำและซ้อื ได้จำกลิงค์เลยครบั )  ขวดบีบใบใหญ่ 32 ออนซ์ใบละ 25 บำท  โหลแปน้ พลำสติกสำหรบั ใส่เครือ่ งใบละ 25 บำท  ช้อนตกั เมลำมนี อันละ 10 บำท  ทต่ี ักน้ำแขง็ พลำสตกิ อนั ละ 25 บำท

 กระตกิ ใส่น้ำแข็งใบใหญใ่ บละ 270 บำท ต้นทนุ คำ่ ของ  นำ้ หวำนเฮลซบ์ ลูบอย 35 บำทต่อขวด (มีกลิน่ อง่นุ สปั ประรด มะลิ กุหลำบ สตอเบอรร์ ี่ ครีมโซดำ)  นมข้นหวำน 21 บำทตอ่ กระป๋อง  นำ้ ตำลสำหรบั ทำน้ำเช่อื ม 21 บำทต่อกิโลกรัม  นำ้ แขง็ หลอด 10 บำทตอ่ ถุง  ขนมปงั ปอนด์ รำคำ 25 บำทตอ่ ปอนด์  เฉำกว๋ ยกอ้ นละ 10 บำท  ว้นุ ก้อนละ 10 บำท  ขำ้ วต้มสำมเหลี่ยม 10 บำท (มี 14 ชน้ิ )  เยลลร่ี ปู ตุ๊กตำตำ่ งๆ ถุงละ 50 บำท  ถว้ ยโฟม 70 บำทต่อ 100 ใบ  ช้อนพลำสติก 40 บำทต่อ 100 ชน้ิ เทคนิคกำรทำนำแข็งใสขำย เริม่ แรกให้ห่ันขนมปังไวเ้ ปน็ ชนิ้ เล็กๆ ประมำณ 1 x 2.5 เซ็นติเมตร รวมถึงเครื่องต่ำงๆ เช่นเฉำก๋วย, วุ้น, ข้ำวตม้ สำมเหลี่ยมวำงลงไปในกน้ ถว้ ย ตกั น้ำเช่อื มใสเ่ ล็กน้อย จำกนั้นทำนำ้ แขง็ ป่นจำกเครอ่ื งไสนำ้ แข็งเกลด็ หิมะใหน้ ้ำแขง็ รำดอยู่ด้ำนบน พร้อมรำดด้วยนำ้ หวำนเฮลซ์บลูบอย และตำมด้ำนนมข้นหวำน สดุ ท้ำยด้วย กำรแต่งหนำ้ ด้วยเยลลีร่ ูปตุก๊ ตำต่ำงๆ เชน่ รปู นก รูปเปด็ รปู หมี รูปปลำดำว เพื่อเพ่ิมสสี ันให้ดูน่ำรบั ประทำน n รวมต้นทนุ แล้วอยปู่ ระมำณ 1,000 บำทในวันแรก (ไม่รวมค่ำเคร่อื งทำนำ้ แขง็ ใส) ถำ้ รวมคำ่ เครอ่ื งทำ นำ้ แขง็ ใสร่นุ ถกู ที่สุดจะอยทู่ ่ี 2,400 บำท จำกน้นั วนั ที่ 2 อำจจะลงทนุ แค่ 200 ถงึ 300 บำท เพ่ื่อซอื้ ของ เติม เพรำะมขี องอยู่แล้ว ธุรกิจขำยน้ำแข็งใสถือว่ำเป็นธุรกิจทีล่ งทนุ นอ้ ย แต่กำไรค่อนขำ้ งดีเลยทเี ดยี ว ๗. เตำ้ หู้แผ่น ส่วนประกอบ 1. ถวั่ เหลืองเมด็ หรือซกี 1 กโิ ลกรมั 2. ผงดีเกลือ 5 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำคร่ึงแก้ว หรือน้ำมะขำวเปียก 1 ขีด น้ำมะนำว 5 ลูก น้ำสม้ สำยชู 2 แก้ว เลอื กใชอ้ ย่ำงใดอย่ำงหน่งึ กไ็ ด้ แล้วแต่จะสะดวก ขั้นตอน/ วธิ ีทำ 1. แชถ่ ั่วเหลือง (ใช้เวลำเทำ่ กับท่ีจะทำนมถวี่ เหลือง) 2. โมแ่ ละกรองเอำนำ้ นมถวั่ เหลืองให้ได้ 1 หม้อ เบอร์ 32 3. ต้มให้สุกด้วยไฟปำนกลำง และต้องคนก้นหม้อด้วยตะหลิวหรือไม้พำยตลอด เพ่ือไม่ให้แป้ง ตกตะกอนซึ่งจะถูกไฟไหม้ติดก้นหม้อ ใช้เวลำประมำณ 30 นำที จนกว่ำจะเดือดหรือฟูข้ึน ระวังอย่ำให้ล้น หมอ้ ใหร้ บี ผอ่ นไฟเม่ือจะฟู เติมนำ้ ธรรมดำลงไปครึ่งขนั เพ่ือลดอณุ หภูมิ 4. เค่ยี วด้วยไฟออ่ นตอ่ ไปอีกประมำณ 5 นำที ยกลงจำกเตำ แล้วเติมนำ้ ธรรมดำลงไป 1 ขัน เพือ่ ลดอุณหภูมิลงใหเ้ หลือประมำณ 75 – 80 องศำเซลเซยี ส

5. ใช้จำนคนเข้ำหำตัวเอง เพ่ือให้น้ำนมถั่วเหลืองหมุนวนข้ึนลง แล้วค่อย ๆ เทน้ำดีเกลือหรือน้ำ มะนำว ฯลฯ คอ่ ย ๆ เทผสมลงไป จนกวำ่ น้ำนมถวั่ เหลืองจะแยกตะกอนออกจำกน้ำ แล้วใช้ผำ้ ขำวบำงกรอง น้ำออก ใช้ของหนักประมำณ 30 กิโลกรัม ทับไว้ประมำณ 5 นำที (เปิดผำออกก็จะได้เต้ำหู้แผ่นสีขำวตำม ต้องกำร) ๘. ขำยปำท่องโกก๋ ับนำ้ เต้ำหู้ หำกจะพดู ถงึ เรื่องกำรหำช่องทำงกำรทำกิน จะทำกำรคำ้ ขำยหรือประกอบอำชพี อิสระ ธุรกจิ สว่ นตวั อะไรก็ตำม สง่ิ ที่เป็นตวั แปรสำคัญกค็ ือ เงินลงทุน หลำยคนมไี อเดยี ในกำรสรำ้ งสรรคอ์ ำชีพที่หลำกหลำย พอจะมีเงินลงทนุ อยบู่ ้ำงแต่กลบั ไม่รูจ้ ะเร่ิมตน้ อย่ำงไรดี ผมมีอำชีพท่ีลงทุนไม่สงู ทำได้ไมย่ ำก แตส่ ำมำรถสร้ำงรำยได้ ทำให้คุณรวย ไดง้ ำ่ ยๆ อำชีพท่วี ่ำน้นั กค็ ือ เปิดร้ำนขำยปำท่องโก๋กับน้ำเต้ำหทู้ หี่ ลำยคนรู้จกั กันดดี ว้ ย 5 เคลด็ ลบั งำ่ ยๆ ทีป่ ระสบ ควำมสำเรจ็ ได้ไมย่ ำก 1. ลงทนุ ลงแรง กำรลงทุนเปิดรำ้ นขำยปำท่องโก๋กบั น้ำเต้ำหู้ เรมิ่ จำกเล็กๆ ด้วยงบประมำณ 5,000 – 10,000 บำท หลักๆ ตอ้ งมีอปุ กรณ์เคร่ืองใช้ทีจ่ ำเป็น อย่ำง กระทะสำหรบั ทอด หม้อตม้ ขนำดใหญ่ เตำแก๊ส ถังแก๊ส เครื่องป่ันถัว่ แบบ แยกกำก ลงทุนหนกั แค่คร้ังเดียวแตใ่ ช้ไดน้ ำน สว่ นอ่นื ๆ ก็เป็นอปุ กรณข์ องใช้ท่วั ไป สว่ นวตั ถุดบิ กห็ ำซ้ือ คำนวณ ใหเ้ พยี งพอในกำรขำยระยะสั้นๆ ไมต่ ้องกักตุน แรงงำนขำย 1 คนประจำหมอ้ น้ำเตำ้ หู้และทอดปำท่องโก๋ต้องคน ช่วยอีก 1 แรง 2. ทำเลทต่ี ้งั มที ำเลดมี ชี ัยไปกวำ่ ครงึ่ เลยหล่ะ ยง่ิ ถ้ำได้ขำยในตลำดสดเช้ำๆ แลว้ ละก็ เตรียมตัวรวยได้เลย แต่ใช่ว่ำจะมตี ลำด ไหนวำ่ งๆ ให้เรำไปขำยอกี ได้ง่ำยๆ สว่ นใหญ่กจ็ ะมเี จ้ำประจำจับจองกนั ไปหมดแล้ว ฉะน้ันไมต่ ้องกังวลไป ขอให้ เปน็ แหล่งชมุ ชนย่อมมโี อกำส ยง่ิ ถำ้ ทำเลน้ันๆ ไมม่ ีคูแ่ ข่งเลยก็ยง่ิ ดี หำสถำนทเี่ หมำะๆ ต้ังวำงขำยเพรำะใช้เวลำใน กำรขำยไมน่ ำน ขอให้มีทสี่ ำหรับตัง้ เตำ วำงโตะ๊ กส็ ำมำรถขำยได้แล้ว 3. หำสตู รอรอ่ ย สงิ่ ทจี่ ะเปน็ ตวั กำหนดวำ่ จะขำยดี มีลูกค้ำตดิ ใจนนั่ ก็คือ ควำมอร่อย เพรำะถำ้ ของอร่อยก็ย่อมขำยไดแ้ น่นอน ซ่งึ จะบอกว่ำสูตรและวธิ กี ำรทำมีหลำยตำรำหรอื หำได้ทำงอนิ เตอร์เนต มคี นยินดนี ำเสนอสตู รและวิธีกำรทำ มำกมำยแบบไม่กั๊กเพรำะในขั้นตอนกำรทำย่อมมีปจั จยั หลำยๆ อย่ำง แรกๆ ลองผดิ ลองถูกปรบั สูตรใหเ้ หมำะสม มเี อกลักษณ์เฉพำะตวั สว่ นกำรทำน้ำเตำ้ ห้นู น้ั ก็ไม่ยำก เคลด็ ลบั อยทู่ ตี่ ้องสะอำดและต้องทำขำยวันต่อวนั จะได้ ควำมสดใหม่ 4. รำคำขำย รำยได้ กำไรงำม ดว้ ยวัตถุดิบหลักของปำท่องโกก๋ ับนำ้ เต้ำหู้ อย่ำงถั่วเหลืองและแปง้ สำลนี น้ั รำคำไมส่ งู แถมยงั เก็บไดน้ ำนอีกด้วย เม่ือเทยี บรำยไดจ้ ำกกำรขำยน้ำเตำ้ หู้ ทีร่ ำคำ 6-10 บำท หรอื จะตั้งรำคำให้ขำยงำ่ ย เชน่ ถุงละ 7 บำททั้งใส่ เครอ่ื ง ไมใ่ สเ่ ครื่อง ขำยรำคำเดยี วกันเลย ซื้อ 3 ถงุ รำคำ 20 บำท สว่ นปำทอ่ งโก๋ ตวั ละ 2 บำทกำลงั ดี(แลว้ แต่ พื้นท่)ี วันหน่งึ ๆ ใชเ้ วลำขำยไมก่ ีช่ ่ัวโมงทำรำยได้ 2,000 – 4,000 บำทหรือมำกกว่ำ ซึ่งตน้ ทุนไม่ถึงครึ่งแน่นอน ที่เหลือนนั่ คือกำไรของคุณ

5. กำรตลำด จำกปำท่องโก๋ท่ีมีคนรู้จักและค้นุ เคยกันอยู่แลว้ แต่ถ้ำต้องกำรยอดขำยท่ีมำกข้นึ ต้องรจู้ ักสรำ้ งมูลคำ่ เพิ่ม ทำงเลอื กใหก้ ับลูกค้ำและเพ่มิ ช่องทำงกำรขำยมำกขึ้น เพื่อตอบสนองควำมต้องกำรของลกู คำ้ ที่มคี วำม หลำกหลำย อยำ่ งเช่น  ขำยทอ็ ปป้ิงเพ่ิม อย่ำงเชน่ สงั ขยำ นมขน้ ชอ็ กโกแลต เพรำะปำท่องโกก๋ ินกับอะไรก็อรอ่ ย  สร้ำงควำมหลำกหลำยของน้ำเตำ้ หดู้ ้วยรสชำตแิ ละสว่ นผสมอน่ื ๆ อย่ำงเชน่ ชำเขยี ว นำ้ ฟักทอง งำ ดำ  สรรหำธญั พืชต่ำงๆ อย่ำงเช่น ลกู เดือย เมด็ แมงลัก ข้ำวบำเล่ ถ่ัวเขียวซกี ลว้ นมีประโยชนต์ อ่ สขุ ภำพ ร่ำงกำยทั้งนน้ั อยำกขำยรำคำดขี นึ้ มำหน่อยกเ็ พ่มิ ของแพง อยำ่ ง เมล็ดบัว ลูกแปะก๊วย เป็นตน้  เพม่ิ เวลำขำย ตลำดปำทอ่ งโก๋กบั นำ้ เต้ำหยู้ งั เปดิ กว้ำง สำมำรถขำยไดท้ ั้งตอนเช้ำและตอนเย็น ไป จนถึงกลำงคนื และผมก็เปน็ คนหนงึ่ ท่ตี ้องกำรจะออกจำกงำนประจำ อยำกกลับบ้ำนที่ต่ำงจังหวัด อยำกค้ำขำยเล็กๆ น้อยๆ และอำชีพทผ่ี มมองไว้ก็คือ ทอดปำท่องโก๋ขำยนแี่ หละ ท้ังท่ีดยู งั ไงก็ไมน่ ่ำเปน็ ไปได้ เปน็ มนษุ ย์เงินเดอื นมำสบิ กว่ำ ปีจนมำถงึ วันนี้ วนั ทีผ่ มกลำยมำเป็นพ่อคำ้ ทอดปำท่องโก๋และตม้ น้ำเตำ้ หู้ขำย กลำยเปน็ อำชพี หลักทที่ ำใหผ้ มหำ เล้ียงครอบครัวได้ ในเมื่อตลำดปำทอ่ งโกแ๋ ละน้ำเต้ำหู้ยงั สำมำรถขยำยได้อกี ก็เทำ่ กบั วำ่ เปน็ โอกำสดขี องคนทจี่ ะ สร้ำงอำชพี อย่ำงผมไดเ้ ช่นกนั ๙. กำรแปรรูปกล้วย วตั ถุดิบ กระทะ วธิ ที ำ 1. กำรอบหรือตำก เปน็ กำรใช้เทคโนโลยีกำรตำกแห้งหรืออบแห้งอณุ หภูมิที่ใช้ไมเ่ กนิ 70 องศำเซลเซียส เปน็ กำรระเหยน้ำออก ทำให้นำ้ ตำลในกลว้ ยเพิม่ ขน้ึ แล้วบม่ ในขน้ั ตอนสุดท้ำยก่อนนำออกสูต่ ลำด 2. กำรทอด เปน็ กำรใชเ้ ทคโนโลยกี ำรระเหยน้ำออก โดยกำรทอดในนำ้ มันทร่ี อ้ น อุณหภมู ทิ ี่ ใช้ 160 – 180 องศำเซลเซียส หำกเป็นกลว้ ยดิบมสี ่วนประกอบเปน็ แปง้ กำรทอดทำใหแ้ ห้ง และกรอบ เชน่ กลว้ ยฉำบ หำกเปน็ ชน้ิ หนำ จะกรอบนอกนุ่มใน เชน่ กล้วยทอด 3. กำรปิ้ง เป็นกำรใชค้ วำมรอ้ นตำ่ โดยตรงในกำรปงิ้ ให้กล้วยสุกและร้อนระอุภำยใน ผิวนอก จะแหง้ แขง็ และเน้ือนุ่ม อณุ หภมู ิควำมร้อนท่ีใชป้ ิง้ จะสูงเกิน 100 องศำเซลเซยี ส 4. กำรต้มหรือน่ึง กลว้ ยทหี่ ่ำมจะไปต้มน้ำร้อนหรอื น้ำเดอื ด หรอื นึง่ ด้วยไอน้ำจนสกุ และลอก เปลือกออกได้ง่ำยหำกต้มหรือน่ึงจนสุกจะใช้ทำกลว้ ยต้มผสมมะพร้ำวคลุกน้ำตำล 5. กำรแปรรปู เชอื กกลว้ ย จะใช้มอื หรือเคร่ืองฉดี หรอื ดึงกำบกลว้ ยออกเป็นส้น ๆ ตำมยำวรมดว้ ยกำมะถันแลว้ ตำกหรอื อบจนแหง้ สนิท

๑๐. กำรแปรรปู ขนุน วตั ถดุ บิ ขนนุ 1 กิโลกรัม (หั่นเป็นช้ินบำง) นำ้ มนั นำ้ ตำล ตูอ้ บลมรอ้ น วธิ ีทำขนุนทอดกรอบ 1. ปอกเปลอื กขนนุ เอำมีดออก นำมำล้ำงให้สะอำด ผ่ึงให้แห้ง 2. นำขนุนมำหนั่ เป็นชิ้นพอคำ นำมำทอดในนำ้ มัน แลว้ ตักข้นึ ให้สะเดด็ นำ้ มนั 3. ทำนำ้ เชือ่ ม นำขนุนทไี่ ด้มำจ่มุ นำ้ เชือ่ ม ตักขน้ ใหส้ ะเด็ดน้ำ นำมำทอดอีกครั้ง 4. พอให้ขนนุ ท่ีทอดเสร็จแล้วเอำเข้ำเตำอบลมร้อน รอจนแหง้ นำมำบรรจุภำชนะที่ปิดสนทิ วธิ ที ำขนนุ อบแหง้ 1. นำขนุนมำแกะเอำเมด็ ออก ลำ้ งให้สะอำด และนำขนุนทไี่ ดแ้ ชใ่ นสำรละลำยโซเดียม คำรบ์ อเนต 2% นำน 5 นำที กวนเบำ ๆ 2. ล้ำงน้ำสะอำด 2 ครงั้ และนำมำแชใ่ นนำ้ เชอ่ื มเขม้ ข้น 45% และ 50% ทกุ ๆ 20 ชั่วโมง ข้อมูลประกอบกำรลงทนุ ขนนุ อบแห้ง รำคำจำหน่ำยประมำณ กิโลกรัมละ 180 บำท ขนุนทอดกรอบ รำคำจำหนำ่ ยประมำณ กิโลกรมั ละ 200 บำท 1๑. ทำกล้วยกรอบแก้ว หวำน – เคม็ วธิ ที ำกล้วยกรอบแกว้ หวำน 1. เตรยี มทำนำ้ เชื่อม โดยใชน้ ้ำตำล 1 กิโลกรัม ตอ่ น้ำเปลำ่ 2 กิโลกรมั ใส่ลงในหม้อต้ังไฟ เค่ียวจนเปน็ น้ำเช่ือมใส ๆ แล้วพกั ทิง้ ไว้ให้เย็น 2. นำน้ำเปลำ่ ใส่กะละมงั เติมน้ำส้มสำยชูลงไปเล็กนอ้ ย แล้วชิมรสให้นำ้ พอมีรสกรอ่ ย ๆ ไม่ ต้องออกรสเปรีย้ ว 3. นำกล้วยดิบมำปอกเปลือก เสรจ็ แล้วนำไปแชน่ ำ้ ทีผ่ สมน้ำสม้ สำยชจู ะทำให้กล้วยไม่ฝำดและ ดำในเวลำทอด 4. นำกล้วยทแ่ี ช่นำ้ ผสมน้ำสม้ สำยชูไปล้ำงใหส้ ะอำด แลว้ แช่นำ้ เปล่ำท้ิงไว้ 5 นำที 5. นำกระทะใส่น้ำมนั พชื ลงไปต้ังไฟใหร้ อ้ น จำกนัน้ กน็ ำผลกล้วยที่แชอ่ ย่ใู นนำ้ มำไสเป็นแผน่ บำง ๆ ฝำนลงไปทอดเลย จนกลว้ ยนม่ิ มีสีเหลอื งลอยขน้ึ มำ ใชต้ ระแกรงตกั ขึ้นเขยำ่ ใหส้ ะเด็ดนำ้ มัน 6. นำกลว้ ยทที่ อดแล้วกำลังร้อน ๆ มำเทลงในน้ำเชื่อม แล้วใช้ตระแกงอนั ใหม่กดให้กล้วยจมลง ในนำ้ เชอื่ มทวั่ ถึงกนั แลว้ ตักออกมำใส่กระจำดไม้ไผ่ ผงึ่ ไว้ให้กลว้ ยสะเด็ดนำ้ เชอื่ มสักครู่ แลว้ นำกลว้ ยกลบั มำทอด อกี ครั้งโดยใช้กระทะใบใหม่ ตั้งน้ำมนั ให้รอ้ น ทอดใหก้ ลว้ ยมีสเี หลอื งเข้มกว่ำเดมิ เลก็ น้อย นำขน้ึ มำผงึ่ ให้สะเด็ด น้ำมันอีกครั้งท้ิงไวใ้ ห้เย็นแล้วนำมำบรรจุถงุ พรอ้ ม จำหน่ำยทนั ที กล้วยกรอบแก้วแบบเค็ม วิธีกำรทำเหมือนกับแบบหวำน แตจ่ ะทอดครั้งเดยี วเท่ำนั้น กำรทอดแบบกรอบเค็มต้องทอดให้ มสี เี หลอื งกว่ำแบบกรอบหวำน ในระหวำ่ งท่ีทอดก็เตรียมถำดสแตนเลสทำด้วยเนยเคม็ ใหท้ ั่ว แล้วนำกลว้ ยท่ีเพ่งิ ทอดเสร็จรอ้ น ๆ เทคลกุ เคลำ้ ใหเ้ นยเขำ้ กับกล้วยในถำดชมิ รสชำตดิ ูหำกต้องกำรเค็มเพิ่มขึ้นก็ ให้โรยเกลือ ไอโอดนี เลก็ น้อย คลุกใหเ้ ข้ำกนั อีกคร้ังทิ้งไว้ใหเ้ ยน็ ก่อนบรรจุถงุ ขำย

ขอ้ มูลกำรดำเนินกำร เงินลงทนุ : ประมำณ 2,000 บ. รำยได้ : 30 40 บำท/ 1 กิโลกรมั วสั ดุ/อปุ กรณ์ : กระทะใบบัว 2 ใบ ตะแกรงลวด 3 อัน กะละมัง ถำดสแตนเลส ถุงบรรจุ ทีใ่ ส่ กล้วย หม้อ แหลง่ จำหน่ำยวสั ดอุ ปุ กรณ์ : ร้ำนค้ำ และห้ำงสรรพสินค้ำทวั่ ไป ตลำดจำหน่ำย : แหล่งชุมชน สถำนศกึ ษำ ร้ำนค้ำทัว่ ไป ข้อแนะนำ 1. ควรเลือกใช้กล้วยหอม เพรำะมคี ุณภำพเน้ือกลว้ ยทด่ี ีมกี ลนิ่ หอมในตวั ทอดแล้วไม่กระดำ่ ง มีสีสวย 2. นำ้ มันท่ใี ช้ทอดไมค่ วรเกนิ 2 คร้ัง เพรำะอำจมีกลน่ิ ของน้ำมันติดเนอ้ื กล้วย 3. กำรบรรจุถงุ ควรให้ดสู วยงำม น่ำรบั ประทำน นำไปขำยเองหรอื ส่งขำย 1๒. ขำยส้มโอแก้วสร่ี ส วัสด/ุ อปุ กรณ์ : ภำชนะถำดอะลูมิเนียมหรือสแตนเลส หมอ้ ขนำดกลำงและขนำดใหญ่ เตำแก๊ส เคร่ืองปนั่ ผลไม้ กระทะทองเหลือง ไม้พำย กระดำษแกว้ สีเหลือง/แดง ส่วนผสม : เน้ือเยอ่ื สว่ นกลำงของผลส้มโอ (หรอื นวม) บดละเอยี ด 5 ถ้วย นำ้ ตำลทรำยขำว 3 ถว้ ย แบะแซ 1/2 ถ้วย เกลอื ไอโอดนี 1 ช้อนโตะ๊ กรดซติ รกิ 1 ช้อนโต๊ะ พรกิ ขี้หนสู ด 3 ผล วธิ ีทำ 1. ปอกเปลอื กผวิ สม้ โอให้หมด เหลอื แตเ่ นื้อเยื่อสว่ นกลำงของส้มโอ 2. ห่นั เนื้อเย่ือสว่ นกลำงหรือนวมเปน็ ชิน้ แลว้ นำไปขยำกับน้ำเปล่ำ 2 - 3 ครง้ั 3. นำเนื้อเยื่อส่วนกลำงที่ขยำกับน้ำแล้วไปตม้ ให้เดือด แล้วตักใส่นำ้ เย็น ทำสกั 2 - 3 คร้ัง จน หำยขมแล้วนำไปบดและปัน่ ให้ละเอยี ด 4. นำเน้ือเยื่อส่วนกลำงทบี่ ดละเอียดแล้ว ผสมกับน้ำตำลทรำย เกลือและกรดซติ ริกตำมอัตรำสว่ น ท่ีกำหนดลงในกระทะทองเหลือง แล้วใชไ้ ม้พำยกวนโดยใชไ้ ฟให้ควำมร้อนระดับปำนกลำง กวนไปเร่ือย ๆ จนเหลือง 5. ใสแ่ บะแซและพรกิ ขห้ี นูสดท่บี ดละเอียด ตักขึน้ มำทดลองปนั้ ดู ถ้ำปัน้ เป็นก้อนได้ ก็ยกลง จำกเตำแกส๊ แล้วนำมำป้ันเป็นลูกกลม ๆ คลุกด้วยนำ้ ตำลทรำยขำวปนเกลือ 6. ห่อด้วยกระดำษแก้ว เพียงเท่ำนก้ี ็จะได้ส้มโอแก้วสร่ี ส ทง้ั หวำนเปรยี้ วเผด็ ผสมกัน บรรจใุ ส่ ถุงพลำสติกขำย ข้อมูลดำเนินกำร เงินลงทุน : ประมำณ 500 - 1,500 บำท รำยได้ : 200 - 500 บำท/วนั ตลำด / แหลง่ จำหนำ่ ย : ร้ำนขำยของท่ีระลกึ ร้ำนกิ๊ฟทช์ ้อป แหลง่ จำหน่ำยวสั ดุอุปกรณ์ : รำ้ นขำยเครอ่ื งครัวเรือนท่ัวไป

ข้อแนะนำ วัตถดุ ิบเปลือกสม้ โอ ให้ซื้อจำกพ่อคำ้ แม่คำ้ ที่ขำยเน้ือสม้ โอ และควรใช้เปลือกสม้ โอพนั ธท์ ำ่ ขอ่ ย ซึ่งมมี ำกแถบ จงั หวดั ชยั นำท เพรำะมเี ปลือกหนำมีเนื้อส่วนกลำงส้มโอเยอะ 1๓. มะม่วงแช่อม่ิ ส่วนประกอบ 1. มะมว่ งดิบออ่ น 1 กิโลกรัม 2. เกลือเม็ด 3 ขีด 3. นำ้ ตำลทรำยแดง 0.5 กิโลกรัม ขน้ั ตอน/ วิธที ำ 1. ปอกมะม่วง ห่นั ล้ำงใหส้ ะอำด เคล้ำเกลอื หมกั ไว้ 1 คืน 2. นำมะม่วงขึ้นจำกนำ้ เกลือ ลำ้ งน้ำใหห้ ำยเคม็ 3. นำมะม่วงข้ึนพักให้สะเด็ดน้ำ แลว้ คลุกกบั นำ้ ตำลทรำย หมักไว้ 1 คืน เอำนำ้ ตำลทรำยที่ละลำย แล้ว มำเค่ียวให้ข้น พักให้เย็น เทลงให้น้ำท่วมมะม่วง ปรุงรสตำมใจชอบ แช่ไว้อีกประมำณ 2 -3 คืน รบั ประทำนได้ 1๔. มะม่วงดองแช่อ่มิ ส่วนประกอบ 1. มะม่วงดองได้อำยุ 3 สปั ดำห์ข้ึนไป 2. นำ้ เช่อื ม (น้ำ 1 ส่วนต่อน้ำตำลทรำย 1 ส่วน) ข้ันตอน/วิธที ำ 1. ใช้ภำชนะท่ีเป็นแก้ว หรือสเตนเลส พลำสติก (ยกเว้นอะลูมิเนียม) ล้ำงภำชนะให้สะอำด บรรจุ น้ำเชอ่ื มคร่งึ หน่งึ ของภำชนะ 2. ปอกมะม่วง ห่ันขวำงหรอื เป็นเสน้ ตำมยำว บรรจุลงในนำ้ เชื่อมทีเ่ ตรียมไว้หำกต้องกำรรสหวำนอม เปร้ยี วแช่คำ้ ง 1 คนื 3. ตักมะม่วงข้นึ ใสต่ ะแกรง ให้สะเด็ดนำ้ เชื่อม 4. ตอ้ งกำรใหก้ รอบ กอ่ นนำมะมว่ งลงแชน่ ำ้ เชือ่ ม แชใ่ นนำ้ สำรส้มหรือนำ้ ปูนใส 30 นำที 5. น้ำเชื่อมที่เหลือนำไปต้ังไฟเคี่ยวจนข้น แล้วนำมะม่วงมำแช่อีกครั้งหน่ึง ทำไปจนกว่ำมะม่วงจะดูด ควำมหวำนจำกนำ้ เชื่อมไปหมด กอ่ นนำนำ้ เชื่อมไปเคย่ี วใหก้ รองเศษผงใหส้ ะอำด ส่วนประกอบ 1๕. มะม่วงดอง 1. มะม่วงแก้วดบิ ล้ำงสะอำด 2. เกลอื 10 กโิ ลกรัม 3. นำ้ สะอำด (ยกเว้นนำ้ ฝน) 1 กิโลกรัม 9 กโิ ลกรัม

ขนั้ ตอน/ วธิ ที ำ 1. ตม้ น้ำเกลือ แลว้ พักทิง้ ไว้ให้เยน็ 2. ถำ้ ตอ้ งกำรใหเ้ นือ้ มะม่วงแขง็ ให้แช่มะม่วงในน้ำปูนใสกอ่ นประมำณ 1 ชว่ั โมง 3. นำข้ึนผึ่งให้สะเดด็ น้ำ บรรจุลงในถังพลำสตกิ แล้วเทน้ำเกลอื ในขอ้ 1 ลงไป 4. กอ่ นปิดฝำ ตอ้ งขัดดว้ ยไม้ไผ่ป้องกันมะม่วงลอย เพ่อื ปอ้ งกันเช้ือจุลนิ ทรยี ์ ซง่ึ อำจทำใหม้ ะม่วงเน่ำ เสียหำยได้ 5. สำมำรถเก็บไวไ้ ด้นำน 3 สัปดำห์ จนถงึ 1 ปี หมำยเหตุ : ภำชนะในกำรดอง ใช้ถังพลำสติกจะดีกว่ำโอ่ง ไห หรือภำชนะอื่น ๆ เน่ืองจำกภำชนะ อน่ื มรี พู รนุ อำจทำใหม้ ะมว่ งเสยี หำยได้ 1๖. ขงิ ดอง ส่วนประกอบ 1. ขิงออ่ น 5 กโิ ลกรัม 2. นำ้ ตำลทรำยแดง 1.3 กโิ ลกรัม 3. เกลือ 3 – 4 ทัพพี 4. นำ้ ส้มสำยชู 1 ขวดใหญ่ ขัน้ ตอน/ วิธีทำ 1. นำขิงอ่อนมำล้ำงขูดเอำผิวออก ฝำนเป็นช้ินบำง แล้วเคล้ำออกกับเกลือให้นิ่ม จำกน้ันคั้นเอำน้ำ ออกให้แหง้ นำใส่ภำชนะปำกกวำ้ งหรอื ขวดโหลก็ได้ 2. เคี่ยวนำ้ ตำล น้ำสม้ สำยชู ใหเ้ ปน็ ยำงมะตูม ยกพกั ไวใ้ หอ้ นุ่ แลว้ เทใสข่ ิง ปดิ ฝำให้สนิท แชค่ ำ้ งไว้ 2 คนื ก็รบั ประทำนได้ 1๗. กลว้ ยนำ้ วำ้ ฉำบเค็ม สว่ นประกอบ 1. กล้วยน้ำว้ำดบิ แก่ (ฝำนแล้ว) 8 ถว้ ยตวง 2. นำ้ มนั พชื 12 ถว้ ยตวง 3. น้ำปูนใส 12 ถ้วยตวง 4. น้ำเกลือ 12 ถ้วยตวง 5. มำกำรีน 20 ช้อนโตะ๊ ขน้ั ตอน/ วธิ ที ำ 1. ปอกเปลือกกล้วย แช่ลงในน้ำเกลอื ประมำณ 8 – 10 นำที ฝำนกล้วยตำมขวำงหรือตำมควำมยำวใหบ้ ำงพอเหมำะ แล้วแช่ในน้ำปูนใส 15 20 นำที นำข้ึนล้ำง ดว้ ยน้ำใหส้ ะอำด ทง้ิ ไว้ใหส้ ะเด็ดน้ำ 3. นำลงทอดด้วยไฟออ่ นปำนกลำง พอเหลืองกรอบ ตักขน้ึ ใหส้ ะเดด็ นำ้ มนั กอ่ นนำลงคลุกเคล้ำกับเนย หรือมำกำรนี จนทั่ว หมำยเหตุ : ถ้ำต้องกำรกล้วยฉำบรสหวำน ให้เค่ียวน้ำตำลทรำยแดง 4 ถ้วยตวง ใส่เกลือป่น 3 ช้อนชำ เคยี่ วจนเปน็ ยำงมะตูม นำกลว้ ยท่ที อดแล้วลงคลุกเคล้ำกับน้ำตำลใหท้ ว่ั จนขึน้ เกลด็ ตกั ขนึ้ ผงึ่ ลมให้แห้ง

และหำยร้อน เก็บไว้ในภำชนะปิดฝำให้สนิทหรือใส่ถุงพลำสติกรัดให้แน่น อย่ำให้อำกำศเข้ำจะเก็บควำมกรอบ ไว้ไดน้ ำน สำหรับกลว้ ยหกั มกุ หรอื กล้วยหอมวิธีกำรทำเหมือนกัน 1๘. ถัว่ เคลือบกะทิ สว่ นผสม 1. ถว่ั ลสิ งดบิ 6 ถว้ ยตวง 2. น้ำตำลทรำยขำว 4 ถ้วยตวง 3. หัวกระทิ 4 ถ้วยตวง 4. เกลือปน่ 3 ช้อนชำ 5. แป้งข้ำวจ้ำว 1/2 ถว้ ยตวง 6. เนย 4 ช้อนโต๊ะ ข้ันตอน/ วิธที ำ 1. ล้ำงถ่ัวลสิ งใหส้ ะอำดก่อนนำข้ึนตงั้ ไฟ ผสมกับนำ้ ตำล หัวกระทิ เกลือ และเนย จำกนน้ั ใหล้ ะลำย แป้งขำ้ วจ้ำวใส่ตำมลงไป 2. เค่ยี วสว่ นผสมทั้งหมดดว้ ยไฟปำนกลำง ใช้ไมพ้ ำนกวนไปเร่อื ย ๆ จนสว่ นผสมท้ังหมดเกำะติดเมล็ด ถั่วลิสง จำกนั้นจึงลดไฟลงแล้วใช้พำยกวนอย่ำงรวดเร็วจนกระทั่งมีเสียงปะทุ เปำะเปำะ จึงยกลงแต่ยังกวน ดว้ ยพำยตอ่ ไปเพ่ือไม่ให้ถวั่ ติดกัน เทใสถ่ ำด เกล่ียให้แยกออกจำกกนั ผัวถัว่ จะขรขุ ระเพรำะกำรเคลอื บ 3. จะไดถ้ ว่ั เคลอื บกะทิทมี่ รี สชำติหวำน มนั เคม็ กรอบ อร่อย เกบ็ ใส่ภำชนะท่ีแหง้ สะอำด ปดิ ฝำ ใหส้ นทิ สำมำรถเกบ็ ไว้ได้นำนนบั เดือน 1๙. ถั่วลสิ งเคลอื บหวำน ส่วนผสม 1. ถัว่ ลิสงดิบ 8 ถ้วยตวง 2. งำขำวคั่ว 1/2 ถ้วยตวง 3. เนยหรอื มำกำรนี 1/2 ถ้วยตวง 4. เกลอื ปน่ 2 ชอ้ นโต๊ะ 5. น้ำตำลทรำย 8 ถว้ ยตวง 6. นำ้ ลอยดอกมะลิ 8 ถ้วยตวง ขั้นตอน/ วิธที ำ 1. นำถัว่ มำล้ำงให้สะอำด พกั ใหส้ ะเด็ดนำ้ 2. เค่ียวน้ำเชื่อมพอละลำย จึงยกลงกรองเอำแต่ส่ิงเจือปนออก ตั้งไฟใหม่ใส่ถั่วลิสงลงไปเคี่ยวไฟอ่อน ใหก้ วนไปเร่อื ย ๆ จนกระทง่ั น้ำเรม่ิ งวดและแหง้ ระวังอยำ่ ใหไ้ หม้ 3. เมื่อแห้งดีแล้ว ให้ต้ังไฟอ่อนไปสักครู่ จนกระท่ังน้ำตำลละลำยกลำยเป็นสีน้ำตำลไหม้ จับตัว เกำะติดกับถ่ัว แล้วใส่เนยลงไปคนให้ทั่วก่อนแล้วจึงโรยงำ คนให้เข้ำกันอีกคร้ัง ยกลงเทใส่ภำชนะเกล่ียให้ถั่ว แยกออกจำกกนั 4. ทิง้ ไวใ้ ห้เย็น แหง้ และกรอบจงึ เก็บใสภ่ ำชนะท่ีแหง้ สะอำดปิดสนิท สำมำรถเก็บไว้รับประทำนไดน้ ำน

๒๐. กำรแปรรูปสับปะรด สับปะรด เป็นผลไม้ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่ำงดี ปลูกได้ทุกพ้ืนท่ีท่ัวประเทศ โดยเฉพำะภำคตะวันตก ปลูกมำกที่สุด รองลงมำคือภำคตะวันออก ภำคใต้ ภำคตะวันออกเฉียงเหนือ ภำคเหนือ และน้อยท่ีสุดคือภำค กลำง สับปะรด จัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีควำมสำคัญอย่ำงย่ิงของประเทศเน่ืองจำกสำมำรถนำมำใช้ใน อุตสำหกรรมกำรแปรรูป เพื่อส่งออกไปจำหน่ำยต่ำงประเทศ เช่น สับปะรดกระป๋อง สับปะรดแช่แข็ง น้ำผลไม้ แปรรูป ซ่ึงนำรำยได้เข้ำประเทศปีละหลำยพันล้ำนบำท สำมำรถช่วยเพิ่มรำยได้ให้เกษตรกร และยกระดับ คุณภำพชีวิตใหด้ ขี ึ้น ปจั จยั จำเปน็ ที่ต้องใช้ สบั ปะรด ซึ่งสับปะรดทปี่ ลกู เปน็ กำรค้ำจะแบ่งเปน็ 5 พันธุ์ ดังน้ี 1. พันธ์ุปัตตำเวีย หรือเรียกว่ำสับปะรดศรีรำชำเป็นพันธุ์ท่ีปลูกเพ่ือบริโภคสด และส่งโรงงำน อุตสำหกรรมสับปะรดกระป๋อง และแปรรปู อืน่ ๆ เช่น กวน แช่อ่ิม 2. พนั ธอ์ุ นิ ทรชติ เปน็ สับปะรดพนั ธ์พุ ื้นเมืองสำมำรถนำมำกวนหรือทำทอฟฟี่ได้ 3. พันธุ์ขำว ผลสับปะรดจะมีหลำยจุด รสชำติและเน้ือคุณภำพไม่ดีนัก แต่นำมำทำสับปะรดกวนและ ทอฟฟไ่ี ด้ 4.พันธุ์ภเู ก็ต พันธ์ุสวีผลมีขนำดเลก็ นิยมบริโภคผลสด ถ้ำนำมำกวน หรือทำทอฟฟ่จี ะไดร้ สชำตดิ ี สีสวย 5. พันธ์นุ ำงแล หรือพนั ธ์ุน้ำผ้งึ ผลมเี ปลอื กบำงมำกนิยมบริโภคผลสด สำมำรถนำมำกวนทำทอฟฟี่ และ แช่อม่ิ ไดเ้ ชน่ กนั อุปกรณ์ ในกำรทำสับปะรดกวน ทอฟฟี่สับปะรด และสับปะรดแช่อิ่ม มีด เขียง กะละมัง ส้อม เคร่ือง ขูดไฟฟ้ำ ตำช่ัง ช้อนตวง กระทะทองเหลือง ไม้พำย ถำด หม้อ เคร่ืองกวนไฟฟ้ำ กระดำษแก้ว เชือก ตะแกรงไม้ ไผ่หรอื สเตนเลส เตำอบหรือต้อู บไฟฟ้ำ สว่ นผสมสับปะรดกวน สับปะรด 10 กโิ ลกรมั นำ้ ตำลทรำย 1 กิโลกรมั เกลือป่น 1 ชอ้ นชำ แบะแซ 1/2 กโิ ลกรัม นำ้ มะนำว 2 ชอ้ นโตะ๊ ข้นั ตอนกำรดำเนินงำน สบั ปะรดกวน 1. นำสับปะรดมำทำควำมสะอำด ปอกเปลอื กเอำตำออก 2. เอำสับปะรดมำสับ ค้ันเอำน้ำออก 3. ใส่ลงในกระทะหรือหม้อ ใสเ่ กลือป่น นำ้ มะนำว นำ้ ตำลทรำยต้งั ไฟปำนกลำง เครอ่ื งปรุงเผือกเช่ือม ๒๑. เผือกเช่ือม 2 ถว้ ยตวง เผอื ก 1 หวั หนัก 4 ขดี 3 ถว้ ยตวง นำ้ สำหรบั ตม้ 3 ถว้ ยตวง นำ้ ปนู ใส 1 ชอ้ นชำ นำ้ ตำลทรำย ½ ถ้วยตวง นำ้ ดอกไม้ เกลือป่น ½ ชอ้ นชำ นำ้ มะนำว วิธที ำ ปอกเปลือก ระวังอย่ำให้ถูกนำ้ หั่นเป็นแท่งส่เี หลย่ี มยำว 3 เซนตเิ มตร กว้ำง 2 เซนติเมตร นำไป แช่น้ำปูนใส 20 นำที สงเผือกข้ึนจำกน้ำปูนใส ล้ำงน้ำใส่หม้อต้ม พอสุกตักขึ้น ต้มน้ำดอกไม้กับน้ำตำลทรำย น้ำ มะนำว เกลอื ป่น ในกระทะทองเหลืองให้เดือด ใส่เผอื กท่ตี ้มลงในน้ำเชื่อมเคีย่ วดว้ ยไฟปำนกลำง จนเผอื กฉ่ำและ นำ้ เชอ่ื มขน้ ตกั ชิ้นเผือกใสจ่ ำน รำดด้วยนำ้ เช่ือมในกระทะ

๒๒. เผือกกวน เครือ่ งปรงุ เผือกกวน เผอื ก 1 กโิ ลกรัม กะทิ 4 ถว้ ยตวง นำ้ ตำลทรำย 2 ถ้วยตวง น้ำตำลปบ๊ี ½ ถว้ ยตวง เกลอื ป่น ½ ช้อนชำ น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถว้ ยตวง วิธีทำ ล้ำงเผือกให้สะอำด ผ่ำ 4 เส้ียว ใส่ลังถึงนึ่งให้สุกลอกเปลือกออก ยีจนละเอียด ผสมกะทิ 3 ถ้วย ตวง น้ำตำลทรำย น้ำตำลปี๊บ เกลือ ลงในกระทะทองเหลืองยกข้ึนตั้งไฟ เติมน้ำลอยดอกมะลิ ขณะท่ีกวนจน เหนียวข้นเติมหัวกะทิท่ีเหลือ 1 ถ้วยตวง เพื่อไม่ให้กะทิแตกมันกวนจนแห้งพอป้ันได้ ตัดใส่ถำดเกลี่ยให้บำงตัด เปน็ ชิ้นส่เี หลยี่ มกวำ้ ง 2 นิ้ว ยำว 2 นว้ิ 2๓. เผือกฉำบหวำน เคร่ืองปรุงเผือกฉำบหวำน เผือก ½ กิโลกรมั น้ำมนั สำหรบั ทอด 4 ถว้ ยตวง นำ้ ตำลทรำย 3 ถ้วยตวง นำ้ 4 ช้อนโตะ๊ เกลอื ปน่ ½ ช้อนชำ วิธีทำ ปอกเปลือกเผือกให้หมด แล้วฝำนตำมขวำงหัวให้บำง ๆ ต้ังน้ำมันใส่กระทะ พอร้อนใส่เผือก ลง ทอดพลิกเผือกกลับให้ถูกควำมร้อนสม่ำเสมอจนกรอบ ตักข้ึนให้สะเด็ดน้ำมัน ทอดจนเผือกหมด เทน้ำมันออก จำกกระทะให้เหลือ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำตำล เกลือลงในกระทะต้มจนน้ำตำลละลำย เคี่ยวจนน้ำตำลเหนียวแตก ฟองขำว ทดลองตักใส่ในน้ำพอจับได้เป็นก้อน ใส่เผือกที่ทอด เคล้ำเบำๆ ให้น้ำเช่ือมจับชิ้นเผือกให้ทั่ว ตักขึ้นใส่ ถำด พกั ไว้จนเย็นสนิท พอน้ำเช่ือมแหง้ แล้วเก็บใส่ขวดโหลอบควนั เทยี น 2๔. ตะโก้เผือก เครอ่ื งปรุงตะโกเ้ ผอื ก เผอื กปอกเปลือกหนั่ เป็นรปู สีเ่ หลีย่ มเล็ก ๆ 1 ถ้วยตวง แป้งข้ำวเจ้ำ 1 ถ้วยตวง นำ้ ตำลทรำย 1 ถ้วยตวง นำ้ ลอยดอกมะลิ 3 ถว้ ยสำหรบั ทำตวั ขนม อีก ½ ถ้วยตวง สำหรบั หยอดหนำ้ แป้งข้ำวเจ้ำ หัวกะทิ ½ ถ้วยตวง นำ้ ตำลทรำย ½ ถ้วยตวง เกลอื ป่น ½ ช้อนชำ วิธีทำ ละลำยน้ำตำล และน้ำลอยดอกมะลิกรองด้วยผ้ำขำวบำงใส่กระทะทองเหลืองกวน 5 นำที ใส่ เผือกน้ำตำลทรำยกวนจนแป้งเหนียว เม่ือเผือกสุกเทส่วนผสมลงในถำดสี่เหลี่ยมขณะยังร้อน ทำหน้ำกะทิโดย ละลำยแป้งข้ำวเจ้ำกับหัวกะทิ ใส่น้ำตำลทรำย เกลือ กรองด้วยผ้ำขำวบำง ใส่กระทะทองเหลืองกวนพอแป้งสุก อยู่ตัว ยกลงเทหน้ำขนมลงบนตัวขนมขณะท่ีหน้ำขนมยังร้อน ทิ้งไว้ให้เย็นสนิทจึงตัดเป็นช้ินสี่เหล่ียมโรยกรีบ กหุ ลำบ

๒๕. เมด็ ขนุนเผอื ก เครื่องปรุงเมด็ ขนุนเผอื ก เผอื กต้มสุก 1 กิโลกรมั กะทิ 4 ถ้วยตวง นำ้ ตำลทรำย 3 ถว้ ยตวง นำ้ ตำลป๊ีบ ½ ถว้ ยตวง เกลอื ป่น ½ ชอ้ นชำ ไข่เปด็ 5 ฟอง น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถว้ ยตวง วิธีทำ ละลำยน้ำตำลทรำยและน้ำลอยดอกมะลิ กรองด้วยผ้ำขำวบำง ใส่กระทะทองเหลืองเค่ียวจน เดือด ตอ่ ยไข่เอำแต่ไข่แดงคนให้เขำ้ กนั ปั้นเผอื กกวนเป็นก้อนเหมือนเม็ดขนนุ ใช้ไม้แหลมจม้ิ เมด็ ขนุนท่ีป้ันจุ่มลง ในถ้วยไข่แดง ยกให้ไข่แดงไหลออก แล้วหยอดลงในกระทะน้ำเชื่อม รอจนไข่แดงสุก ใช้ทัพพีโปร่งตักข้ึน ทำจน หมดเม็ดขนนุ เผอื กท่ีเตรยี มไว้ นำนำ้ เชือ่ มท่เี หลอื รำดบนเมด็ ขนุนเผอื ก แลว้ จงึ สงขึน้ ใส่โถวอบควันเทยี น ๒๖. ข้ำวเหนียวปิง้ ไส้เผือก เครื่องปรุงข้ำวเหนยี่ วปง้ิ ไส้เผอื ก ข้ำวเหนียว 1 ลิตร กะทิ 4 ถ้วยตวง นำ้ ตำลทรำย ½ ถ้วยตวง เกลือ ½ ช้อนชำ เผอื กกวนทำไส้ ใบตอง วิธีทำ นำข้ำวเหนียวแช่น้ำ 3 ชั่วโมง สงใส่กระทะทองเหลืองใส่กะทิ น้ำตำลทรำย เกลือ กวนพอข้ำว เหนียวสุกตักขึ้น ใช้ใบตองฉีกเป็นชิ้นวำงสลับกัน ใส่ข้ำวเหนียว 1 ช้อนโต๊ะ เกล่ียให้แบน ใส่เผือกกวนป้ันเป็น ก้อนยำว ๆ เท่ำกล้วยน้ำว้ำผ่ำซีก ตักข้ำวเหนียวที่กวนปิด 1 ช้อนโต๊ะ พับใบตองห่อจีบหัวท้ำยมัดด้วยเส้นตอก ปิง้ ใหส้ กุ จนใบตองไหม้จะมกี ล่นิ หอม ๒๗. สงั ขยำเผอื ก เครอ่ื งปรุงสังขยำเผือก เผอื กต้มสกุ บด 1 ถ้วยตวง น้ำตำลมะพร้ำว 1 ถ้วยตวง ไข่ไก่ 6 ฟอง หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง วิธที ำ นำเผือกต้มสุกมำบด 1 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำตำลมะพร้ำว 1 ถ้วยตวง ตีไข่ไก่กับหัวกะทิให้เข้ำกัน ตักใส่ถำดน่ึงพอสกุ ตัดเป็นชน้ิ ใส่จำนพร้อมรับประทำน

ผ้ำ/ของใช/้ ของประดบั 1. กำรทำน้ำยำเอนกประสงค์ ส่วนผสมหลักในกำรทำน้ำยำเอนกประสงค์นั้นเหมือนกัน แตกต่ำงกันเพียงส่วนผสมที่เป็นผลไม้รส เปรี้ยว ซงึ่ ขนึ้ อยู่กับพชื ทีม่ ีในแต่ละท้องถิน่ ส่วนใหญ่ใช้มะนำว มะกรูด มะเฟือง สบั ปะรด เปน็ ต้น วตั ถดุ ิบ 1. N 70 1 สว่ น 2. เกลือ 1/2 ส่วน 3. นำ้ หมกั ผลไม้เปรยี้ ว ๔ ส่วน 4. นำ้ ดำ่ งข้ีเถำ้ 4 ส่วน อปุ กรณ์ 1. ถงั พลำสตกิ 1 ใบ 2. ไมพ้ ำย 1 ใบ 3. ถงั ตวงนำ้ 1 ใบ ขัน้ ตอน/ วิธที ำ 1. นำ N 70 ใส่ถังและคนด้วยไม้พำยในทิศทำงใดทิศทำงหน่งึ โดยคนไปในทิศทำงเดียวกัน จนมีเนื้อสี ขำวครีม 2. เตมิ เกลือทีละนอ้ ย คนใหเ้ ขำ้ กนั 3. เติมนำ้ ดำ่ งขี้เถำ้ สลบั กับนำ้ หมักผลไมร้ สเปรย้ี วลงไป และคนให้เข้ำกัน พกั ไว้ในฟองยบุ ตัว 4. นำไปบรรจุขวด ๒. สบู่เหลวสมุนไพร วสั ดุ/ อปุ กรณ์ 1. N 70 (Tesapon N 70) 1 กโิ ลกรัม 2. เกลอื ปน่ 400 กรมั / น้ำสะอำด 1.5 ลติ ร 3. นำ้ ต้มเปลอื กมังคุดแหง้ (ใชเ้ ปลือกมังคุดแหง้ ประมำณ 300 กรัม) 3.5 ลติ ร 4. นมสดหรือโยเกริ ต์ 1 ลิตร (1,000 ซีซ)ี 5. วัตถุกันเสยี 10 ซซี ี 6. นำ้ ผ้ึง (อำจจะไมใ่ ช้กไ็ ด้ เพรำะมีรำคำแพง) 100 ซีซี 7. นำ้ นมแมว/ น้ำกลว้ ยหอม/ น้ำใบเตย และอื่น ๆ สำหรบั แตง่ กลิ่น 8. ถงั กวนพลำสติกก้นเรียบ 9. ไม้พำยดำ้ มยำว 10. กระชอน/ ผำ้ ขำวบำง 11. กระบอกตวง ข้ันตอนกำรเตรยี ม 1. ละลำยเกลือ 400 กรัมในนำ้ สะอำดทเี่ ตรยี มไว้ 2. ต้มเปลือกมังคุดแห้งกับน้ำสะอำดประมำณ 4 ลิตร ให้เดือดประมำณ 30 นำที เพ่ือให้ได้น้ำ เปลือกมงั คดุ ประมำณ 3.5 ลติ ร กรองเอำกำกออกอีกครง้ั ดว้ ยผำ้ ขำวบำง ทงิ้ ไว้ให้เย็น 3. น่ึงนมสดหรอื โยเกิร์ตให้เดือด แล้วนำมำตีใหเ้ ป็นเน้อื เดยี วกัน

ขั้นตอน/ วธิ ที ำ 1. กวน N 70 ในถงั พลำสติกกน้ เรียบ ประมำณ 30 นำที ให้แตกตวั (ใช้วธิ กี ำรกวนทำงเดียวจนเสรจ็ ) 2. เตรียมนำ้ เกลือทีเ่ ตรยี มไว้ทีละน้อยจนหมด กวนต่อไปประมำณ 5 นำที เพ่ือให้เข้ำกนั 3. เติมส่วนผสมอื่น ๆ (น้ำเปลือกมังคุด /นมสด / น้ำผึ้ง / วัสดุแต่งกล่ิน / กันเสีย) ทีละน้อยจนหมด และกวนทำงเดียวตอ่ ไปประมำณ 20 นำที 4. ท้งิ ไวป้ ระมำณ 6 ช่วั โมง เพอ่ื ให้หมดฟองอำกำศ แลว้ จงึ บรรจภุ ำชนะ ๓. สบู่กอ้ นสมนุ ไพร วัสด/ุ อุปกรณ์ 1. เกร็ดสบู่ 1 กิโลกรมั 2. นำ้ ผึง้ 1 ขีด 3. นำ้ สมุนไพรเข้มข้น (เช่น มะขำม แตงกวำ มะเขอื เทศ ฯลฯ) 1 ขีด 4. นำ้ มนั งำหรือน้ำมันมะกอก 1 ขดี ขั้นตอน/ วธิ ที ำ นำเกรด็ สบู่ น้ำผง้ึ นำ้ สมุนไพร ใส่ภำชนะตงั้ เตำ ใชไ้ ฟออ่ น ถำ้ ใชไ้ ฟแรงจะเกิดฟองมำก เมื่อเกร็ดสบู่ ละลำยหมดแล้ว เทลงถำมส่ีเหลี่ยมหรือพิมพ์ขนม ท้ิงไว้ 1 คืน จึงตัดหรือเคำะออกจำกพิมพ์ จึงจะได้สบู่ น้ำผง้ึ +สมุนไพรตำมทต่ี ้องกำร ๔. แชมพสู มนุ ไพร วัสด/ุ อปุ กรณ์ 1. N 70 (สำรชำระล้ำง) 3.5 กิโลกรัม 2. น้ำเกลอื ๑ ลติ ร 3. เคดี (ทำให้เสน้ ผมมนั ) 1 ลติ ร 4. เอบซี ี 1 ลิตร 5. เอชอี (ทำใหผ้ มเงำ) 1 ขีด 6. ลำโนลีน 1 ขดี 7. นำ้ หอม (ตำมตอ้ งกำร) 8. สำรกันเสยี 1 ชอ้ นแกง 9. นำ้ สมนุ ไพร 10 ลิตร ขนั้ ตอน/ วิธีทำ 1. กวน N 70 ใหเ้ ป็นเนอื้ ครีมสขี ำว 2. เติมนำ้ เกลอื 1 ลิตร แลว้ กวนให้เข้ำกันประมำณ 10 – 15 นำที 3. ใส่ เคดี เอบซี ี เอชอี และลำโนลีน กวนให้เขำ้ กันประมำณ 15 – 20 นำที 4. ใส่น้ำสมุนไพรไปเร่ือย ๆ พร้อมกับกวนไปด้วยจนหมดน้ำสมุนไพรท่ีเตรียมไว้ และกวนต่อไปจน ครบ 2 ชั่วโมง 5. เติมสำรกันเสยี เตมิ ตอ่ ประมำณ 5 นำที ปลอ่ ยทงิ้ ไว้จนฟองยุบ 6. ปรับควำมขน้ ตำมทต่ี อ้ งกำรดว้ ยน้ำเกลอื 7. ใส่น้ำหอมตำมตอ้ งกำร

๕. กำรทำแชมพูมะกรูด วตั ถุดิบ 1. มะกรูด 1 กิโลกรมั 2. ใบย่ำนำง 5 ขดี 3. ใบหมี่ 5 ขดี 4. นำ้ สะอำด 1 ลิตร อปุ กรณ์ 1. กะละมัง 1 ใบ 2. เหลก็ ยำ่ ง 1 อนั 3. ที่คบี ถ่ำน 1 อนั 4. ผ้ำขำวบำง 1 ผืน 5. เครื่องป่นั 1 เครอ่ื ง 6. บรรจุขวด 1 อัน ขั้นตอน/ วิธีทำ 1. นำมะกรดู มำย่ำงไฟพอเหลือง หั่นเปน็ ชน้ิ เลก็ ๆ นำมำปน่ั ละเอียด 2. นำใบย่ำนำงและใบหม่ี มำขยใี้ หเ้ ข้ำกัน 3. นำมะกรูด ใบย่ำนำง ใบหมี่ และน้ำสะอำดมำต้ม อุณหภูมิ 30 องศำ 4. นำผำ้ ขำวบำงมำกรองแตน่ ้ำ 5. บรรจขุ วด ๖. นำ้ ยำปรับผำ้ นุ่ม วสั ดุ/ อุปกรณ์ 1. หวั เชอื้ ปรบั ผำ้ นมุ่ 2.75 กโิ ลกรมั 2. ไม้พำยสำหรบั กวน 1 อัน 3. เคมเทค บี อำร์ 2 ขีด 4. สำรกนั เสีย 10 ซีซี 5. นำ้ หอม 30 ซซี ี 6. น้ำสะอำด 6 ลติ ร 7. ขวดบรรจุภณั ฑข์ นำด 500 ซซี ี 15 ใบ 8. ถังพลำสติกขนำด 30 ลติ ร ๑ ใบ ขน้ั ตอน/ วธิ ีทำ 1. ต้มน้ำสะอำดให้ควำมร้อนอยู่ที่ 50 องศำ ตักออกมำ 3 ลิตร ส่วนท่ีเหลือต้มให้ควำมรอ้ นอยู่ที่ 80 องศำ 2. โรยเคมเทค บีอำร์ ลงไปละลำยในน้ำที่ตักไว้ พร้อมกวนไปด้วย เพ่ือไม่ให้จับกันเป็นก้อน กวน จนละลำยทั้งหมด 3. นำน้ำต้มส่วนที่เหลอื ผสมกับหัวเชื้อปรับผ้ำนุ่ม กวนให้เป็นเนอื้ เดียวกันแล้วนำเคมเทค บีอำร์ ท่ี ผสมกับนำ้ 3 ลิตร เทลงไปแล้วจึงกวนใหเ้ ป็นเน้ือเดียวกัน 4. เติมสีตำมใจชอบ กวนให้เข้ำกันจำกนั้นท้ิงไว้ให้เย็น แล้วเติมสำรกันเสียและน้ำหอม เสร็จแล้ว นำไปบรรจุขวดที่เตรียมไว้

๗. กำรทำของชำร่วยสบู่แฟนซี วิธีดำเนินกำร วัตถุและอุปกรณ์ 1. เบสสบใู่ ส 250 กรัม 2. สผี สมสบู่ mac.หรอื สีผงสำหรบั ผสมอำหำร , น้ำหอม 1 ชช .ตอ่ 1 กก. (ถำ้ ใส่น้ำหอมมำก เกนิ ไปสบจู่ ะเหนียวแกะโมลยำก) 3. พมิ พว์ ุ้นพลำสตกิ แข็ง รูปปลำโลมำ 4. เชอื กใบบวั ตดั ยำว 12-14 นวิ้ ดอกไมจ้ ว๋ิ กระดำษสำ กระดง่ิ เลก็ 5. ถ้วยแบง่ ผสมสีตำมต้องกำร วิธีทำ 1. หลอมสบ่ใู นหม้อ 2 ชั้นหรอื ไมโครเวฟ 10 วนิ ำที 2. แบ่งสบู่ลงในถว้ ยใสส่ แี ละนำ้ หอมตำมตอ้ งกำร 3. เทสบลู่ งในพิมพ์ 1/3 ของตวั ปลำรอ 5 นำที สบู่ทเ่ี หลอื อ่นุ น้ำร้อนไว้ 4. สบู่ในพิมพ์เริม่ เปน็ เจลหยนุ่ ๆ ไส่ เชอื กที่เตรียมไว้ เทสบู่ใหเ้ ตม็ พิมพ์ 5. ใช้ขวดแกว้ เล็กๆทบั เชือกไว้ รอจนแห้งรอ่ น 6. ใชม้ อื บิดโมลสบูจ่ ะหลดุ ออกมำเหมือนนำ้ แข็ง 7. หอ่ ด้วยฟิมล์ยืด ประดับดอกไม้และกระด่งิ ท่หี ำงปลำ ๘. ลกู ประคบสมนุ ไพร วสั ดุอปุ กรณ์ ผ้ำขำวบำงหรือผผ้ำดิบ เชือก กะละมัง ตู้อบรบร้อน เครื่องบด หม้อสำหรับน่ึงลูกประคบและตัวยำ สมุนไพรท่ใี ชท้ ำลกู ประคบ มี 5 สตู ร พร้อมวิธีกำรทำ ดังนี้ สตู รท่ี 1 ใบมะขำม 100 กรมั ใบส้มป่อย 50 กรัม ไพล 500 กรัม ขม้นิ ชัน 100 กรัม ผิวมะกรูด 100 กรัม ตะไครบ้ ้ำน 200 กรมั เกลอื 60 กรัม กำรบูร 30 กรัม พมิ เสน 30 กรมั สตู รที่ 2 ไพล 15% ขม้นิ ชนั 15% ตะไคร้ 15% ว่ำนนำงคำ 5% ว่ำนชกั มดลูก 5% ว่ำนนำ้ 5% เปรำะหอม 3% ใบพลบั พลงึ 2% ผิวมะกรูด 10% เปลือกสม้ 5% ใบสม้ ปอ่ ย 2% ใบมะขำม 3% เตยหอม 5% กำรบูร 2.5% พมิ เสน 2.5% เกลอื 5% ข้นั ตอน/วิธที ำ นำสมุนไพรท้ังหมดมำคลุกเคลำ้ กัน (ยกเวน้ เกลือ กำรบูร พิมเสน) อบในต้อู บลมร้อนที่อุณหภูมิ 60-80 องศำ ประมำณ 1 ช่ัวโมง นำสมุนไพรที่อบเสร็จแล้วมำบดหยำบ นำเกลือ กำรบูร พิมเสน มำคลุกเคล้ำกับ สมุนไพรทบ่ี ดได้ ตักสมุนไพรใสผ่ ้ำดิบหรือผำ้ ขำวบำงทีเ่ ตรยี มไว้ มัดดว้ ยเชือกใหแ้ นน่

วสั ดุอุปกรณ์ ๙. ทอผ้ำพันคอ 1. เสน้ ด้ำย 2. กี่หรอื หูก 3. กระสวย 4. ฟืม หรอื ฟนั หวี 5. ไนป่ันดำ้ ย 6. หลอดด้ำยพงุ่ 7. หลอดด้ำยค้น(ลูกคน้ ) 8. รำงค้น 9. หลักค้น 10. เขำหกู หรอื ทีเ่ หยียบ 11. สียอ้ ม ขั้นตอนกำรผลิต 1. กำรยอ้ มเสน้ ดำ้ ย โดยเลอื กสธี รรมชำตทิ ีไ่ ด้เตรียมไว้ จะใชส้ ีเคมีเฉพำะบำงสเี ท่ำนั้น ตงั้ หมอ้ ตม้ นำ้ สะอำดให้มีควำมร้อนพอเหมำะ นำด้ำยขำวทเ่ี ตรียมไว้ลงต้ม(ยอ้ ม) ทำซ้ำ 2-3 คร้งั จนทุกเสน้ ดำ้ ยเปน็ สเี ดยี วกัน ทำอยำ่ งนจ้ี นครบทุกสี เพ่ือให้ได้สตี ำมท่ีต้องกำร แล้วเอำข้นึ พึ่งลม หรอื ตำกแดดอ่อนๆให้แห้งสนทิ 2. กำรกรอหลอดใหญ่ คือ กำรนำด้ำยท่ีย้อมสีที่ต้องกำรมำป่ันใสไ่ น กรอใหไ้ ด้ขนำดและปริมำณทใี่ ช้ สว่ นมำกกำรกรอหลอดใหญ่ จะใชด้ ำ้ ยสีขำวหรือสีอ่นื ตำมควำมตอ้ งกำรของตลำด มำทำเปน็ โครงสร้ำงของผืนผ้ำ ในส่วนของควำมยำวทั้งหมด กำรเตรยี มเส้นยนื ต้องคำนึงถึงผนื ผำ้ ทจ่ี ะทอวำ่ ต้องกำรควำมยำว และควำมกวำ้ ง เทำ่ ไหร่ ของกำรทอ 1 ครัง้ หรือ 1 หูก 3. กำรสบื กำรค้น หรือกำรสำวดำ้ ย เป็นกำรนำเอำหลอดใหญ่ทกี่ รอแล้ว มำใสร่ ำงคน้ ทเี่ ตรียมไว้ แล้ว ดึงเส้นดว้ ยแตล่ ะกรอหรอื แต่ละหลอดออกมำรวมกนั เป็นเสน้ (หลำยๆเสน้ รวมกัน)ทำกำรสบื ค้นตำมกระบวนกำร และวิธที ่ไี ดท้ ำมำแต่โบรำณ 4. กำรขน้ึ ฟืม หรอื ฟันหวี เป็นกำรนำกลุ่มด้ำยทไี่ ดจ้ ำกกำรสบื /คน้ มำขน้ึ ฟืม ลักษณะฟันหวีคือกำรสอด เสน้ ด้ำยแต่ละเสน้ ท่ีออกมำจำกฟันหวี ต่อหรือมดั เสน้ ดำ้ ยแต่ละเสน้ ใหเ้ รียงกัน ข้ันตอนนีเ้ ป็นขั้นตอนที่ยำกท่ีสดุ ตอ้ งใช้ประสบกำรณ์ ควำมเชีย่ วชำญเปน็ พิเศษในกำรทำ ซ่ึงมีควำมละเอยี ดของทุกเสน้ ด้ำยหลุดหรอื ขำดไม่ได้ แมแ้ ตเ่ สน้ เดียว 5. กำรเข้ำก/ี่ หกู คือกำรนำฟืม/ฟนั หวีทที่ ำกำรต่อและมดั เสร็จแลว้ มำขึน้ โครงกำรทอ มีไมส้ อดสำหรบั เหยยี บ(เขำหกู ) 6. กำรกรอหลอดเล็ก คือ กำรกรอดำ้ ยสตี ่ำงๆทเ่ี ตรียมจะทอ เอำดำ้ ยทเี่ สร็จจำกกำรย้อมแลว้ มำป่ันหรอื กรอใส่หลอดเล็ก ขนำดควรสมั พนั ธ์กบั กระสวย เพื่อใช้เป็นเสน้ พงุ่ ในกำรทอ 7. กำรทอเป็นผนื จะต้องเหยียบเทำ้ ทีละขำ้ ง พร้อมกบั กำรสอดกระสวยไปตำมจงั หวะ มีกำรสลับสี เพ่ือให้เกดิ ลวดลำยของกำรทอ ๑๐. กำรทอผำ้ ปจั จุบัน ถึงแมว้ ำ่ ยงั ไมม่ ีหลักฐำนทีแ่ น่ชัดบ่งบอกถึงตน้ กำเนิดของกำร ทอผำ้ แต่กส็ ำมำรถเทียบเคียงกับหลกั ฐำน อ่ืน ๆ ซง่ึ มีควำมคลำ้ ยคลึงกนั โดย มีเหตุผลหลำยอยำ่ งสนบั สนนุ แนวคิดท่วี ำ่ กำรทอผ้ำมีวิวัฒนำกำรมำจำกกำร ทำเชอื ก ทอเสื่อ และกำรจกั สำน โดยเฉพำะอย่ำงย่ิงลำยเชอื กทำบทป่ี รำกฏ ร่องรอยให้เห็นบนภำชนะดนิ เผำ ซ่งึ พบเป็นจำนวนมำกตำมแหล่งโบรำณคดี ก่อนประวตั ิศำสตรส์ มัยหินใหม่ เรือ่ ยมำจนถงึ แหล่งโบรำณคดสี มยั ประวตั ิศำสตร์ ด้วยเหตนุ เี้ อง จึงกล่ำวไดว้ ำ่ กำรทอผ้ำเปน็ งำนหตั ถกรรมที่เกำ่ แกท่ ส่ี ุดในโลกงำนหน่งึ

หลักของกำรทอผำ้ ก็คอื กำรทำใหเ้ สน้ ดำ้ ยสองกลุ่มขัดกัน โดยท้ังสอง พวกตัง้ ฉำกกัน เสน้ ดำ้ ยกลมุ่ หนงึ่ เรียกว่ำ ดำ้ ยยนื และอกี กลมุ่ หน่งึ เรยี กวำ่ ดำ้ ยพงุ่ ลักษณะของกำรขัดกนั ของด้ำยพุ่งและด้ำยยืน จะขดั กนั แบบธรรมดำที่ เรียกวำ่ ลำยขดั หรืออำจจะเพ่ิมเทคนิคพิเศษเพอ่ื ใหผ้ ำ้ มีลวดลำย สสี ันทีส่ วยงำมแปลกตำ ขน้ั ตอนในกำรทอผำ้ 1. สบื เสน้ ด้ำยยืนเขำ้ กับแกนมว้ นด้ำยยนื และร้อยปลำยด้ำยแต่ละเสน้ เข้ำในตะ กอแต่ละชุดและฟนั หวี ดงึ ปลำย เสน้ ด้ำยยนื ท้ังหมดม้วนเข้ำกับแกนมว้ นผำ้ อีกด้ำนหนงึ่ ปรับควำมตึงหยอ่ นให้พอเหมำะ กรอด้ำยเขำ้ กระสวยเพ่ือ ใชเ้ ป็นดำ้ ยพงุ่ 2. เร่ิมกำรทอโดยกดเครอ่ื งแยกหมู่ตะกอ เส้นด้ำยยนื ชดุ ที่ 1 จะถกู แยก ออกและเกิดช่องวำ่ ง สอดกระสวยด้ำย พงุ่ ผำ่ น สลบั ตะกอชดุ ท่ี 1 ยกตะกอชดุ ที่ 2 สอดกระสวยด้ำยพุง่ กลับ ทำสลับกันไปเรื่อย ๆ 3. กำรกระทบฟันหวี ( ฟืม ) เมอ่ื สอดกระสวยด้ำยพ่งุ กลบั กจ็ ะกระทบ ฟนั หวี เพ่ือให้ดำ้ ยพงุ่ แนบตดิ กัน ได้ เนื้อผ้ำที่แนน่ หนำ 4. กำรเก็บหรือม้วนผ้ำ เมื่อทอผ้ำได้พอประมำณ ๑๑. พรมเช็ดเท้า ปัจจุบันมีกำรนำวัสดุเหลอื ใช้มำประดิษฐ์เปน็ สง่ิ ของสำหรับใชส้ อยในชีวิตประจำวนั มำกมำย เชน่ พรมเชด็ เทำ้ จำกเศษผ้ำ ของใช้ทที่ ุกๆครัวเรอื นจะต้องมี ทุกวนั นี้พรมเช็ดเทำ้ มีลวดลำยและรูปแบบต่ำงๆมำกมำยใหเ้ รำ เลือกใช้ แถมวิธที ำก็ไมไ่ ดย้ ำกอยำ่ งที่คดิ อีกท้ังยงั สำมำรถนำไปประกอบเป็นอำชีพอสิ ระไดอ้ ีกดว้ ย สำหรบั ผู้ทกี่ ำลังมองหำล่ทู ำง ประกอบอำชีพอสิ ระ ท่สี ำมำรถทำอยู่ท่บี ำ้ นได้ และมีเวลำดแู ลบ้ำน ดแู ลครอบครวั กำรทำพรมเช็ดเท้ำขำยนบั ว่ำเป็นอีกอำชีพหนึ่งทีน่ ำ่ สนใจ ลงทุนน้อย ทำงำ่ ย สร้ำงรำยไดเ้ ปน็ กอบเป็นกำ อีก ต่ำงหำก สำมำรถทำอยู่ทบี่ ้ำนได้ และมีเวลำดูแลบำ้ น ดูแลครอบครัว กำรทำพรมเช็ดเท้ำขำยนบั ว่ำเป็นอีกอำชพี หน่ึงท่ีนำ่ สนใจ ลงทนุ น้อย ทำง่ำย สร้ำงรำยได้เปน็ กอบเปน็ กำ อกี ตำ่ งหำก และปัจจบุ นั สมำชิกในชุมชนบ้ำนบำง พนู หมูที่ 6 ตำบลบำงพูน ได้ผลิตพรมเช็ดเท้ำเปน็ อำชพี เสรมิ สร้ำงรำยได้เสรมิ ใหก้ บั คนชุมชนอย่ำงมำก และเปน็ ท่ีสนใจ สรำ้ งควำมสำมัคคีให้กบั สมำชิกในชุมชน วตั ถดุ บิ และสว่ นประกอบ 1. เศษผำ้ ยดื ตัดเปน็ รปู สี่เหลี่ยมผืนผำ้ ขนำดยำว 3 นวิ้ มอื เลอื กมำสองสี (จำนวนไมจ่ ำกัด) 2. เศษผำ้ ยืดตดั เป็นเสน้ ยำว 3. กระสอบปำ่ น (กระสอบขำ้ วสำร) 4. กระดำษแขง็ กระดำษลงั หรือฟิวเจอร์บอรด์ 5. กรรไกร และมดี คตั เตอร์ 6. เขม็ ควัก (เข็มถกั ไหมพรม) 7. เข็มและดำ้ ย 8. ปำกกำเมจิก 9. ชำมปำกกลม ข้ันตอนกำรผลติ 1. วำดแบบรูปดอกไม้บนกระดำษแข็งทเี่ ตรียมไว้ 2. ใช้กรรไกรตัดตำมแบบ 3. นำชำมปำกกลมมำวำดเป็นรูปเกสรดอกไม้ แลว้ ใชม้ ดี คัตเตอรต์ ัดวงกลมด้ำนในออก 4. จำกนั้นนำแบบสำเรจ็ ไปทำบลงบนกระสอบปำ่ น เพื่อวำดแบบออกมำ 5. แลว้ ใช้กรรไกรตัดตำมรปู โดยไมต่ ้องตดั ตวั เกสรออก

6. ใช้เศษผำ้ ยืดเส้นยำวเย็บขอบนอกใหห้ มดรอบดำ้ น เพื่อป้องกนั ไม่ให้กระสอบหลุด 7. นำเศษผำ้ ยืดรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้ำ สใี ดก็ได้ มำดึงใหต้ ิดกระสอบ (เร่มิ จำกตรงเกสรด้ำนใน ก่อน) โดยใช้เข็มควกั มดุ ลงไปในรูกระสอบท่เี ป็นเสน้ คู่เทำ่ น้ัน ขึน้ จำกฝงั่ หนึง่ แลว้ ไปลงอีกฝัง่ หนง่ึ จนกระทง่ั ครบ หนง่ึ รอบ 8. ตอ่ ไปกน็ ำเศษผำ้ ยดื อีกสที ี่เหลอื อยู่ มำเริ่มดึงตัวกลีบดอกไมจ้ ำกขอบนอกกอ่ น ยังคงเลือกเฉพำะรูทเ่ี ป็นเสน้ คู่ เหมือนเดิม ดึงผำ้ เป็นลักษณะอย่ำงข้อที่ 7 แตค่ รำวนตี้ อ้ งให้ครบสองรอบด้วยกัน 9. เมื่อเสร็จตรงน้ีแล้วจะเปน็ ลักษณะแนวเสน้ งำนดำ้ นใน 1 รอบ และด้ำนนอก 2 รอบ จำกนน้ั ก็มำเริ่มดงึ ผำ้ เฉพำะตวั เกสร โดยเวน้ แถวทีเ่ ปน็ เส้นกระสอบคู่ 4 แถว ให้เร่ิมทำแถวที่ 5 ดึงผำ้ ไปเรือ่ ยๆ จนกระทัง่ หมดทุกแถว ที่ 5 ของพืน้ ท่ีดำ้ นใน 10. ครำวน้จี งึ มำเริม่ ดึงผ้ำดำ้ นนอก (ตัวกลีบดอก) ให้เริ่มทำแถวที่ 5 โดยเว้นแถวทเ่ี ป็นเสน้ กระสอบคู่ 4 แถว เหมือนเชน่ ข้อท่ี 9 จนกระทง่ั หมดทกุ แถว ท่ี 5 11. หลังจำกขน้ั ตอนดึงผ้ำเสรจ็ ส้ินแลว้ กน็ ำกรรไกรมำตกแต่งให้เรียบร้อยเสมอกัน ก็จะได้พรมแฟนซีลำย ดอกไม้ สวยงำมน่ำใช้ ๑๒. กำรทอเสื่อ วตั ถุดิบและส่วนประกอบ 2. สี 1. ตน้ ผือ หรอื ตน้ กก ท่ีตำกแหง้ แลว้ 3. หม้อย้อมสี 4. เชอื กทใ่ี ชท้ อเสอ่ื 5.ฟืม 6. ก่ี หรือ โฮง 7. ไมส้ อด 8. กรรไกร ข้นั ตอนกำรผลิต 1. เลือกตดั ตน้ ผือ หรือ ตน้ กก ที่มีควำมยำวพอประมำณตัดดอกออก นำสว่ นทีเ่ ปน็ ลำตน้ มำกรดี ทำเปน็ เสน้ ตำกแดดจนแหง้ 2. นำมำยอ้ มสี ตำมท่ตี ้องกำรตำกแดดอีกคร้ังจนสแี หง้ วธิ กี ำรทอ ๓. นำเชอื กมำสอดผำ่ นฟืมแลว้ มัดเชือกไว้กบั โฮงทล่ี ะคู่เสรจ็ แล้วก็เปน็ ลำยตำ่ งๆอย่ำงประณีต โดย ใชไ้ มส้ อด ควำมส้ัน/ยำว แล้วแต่ต้องกำร ๔. นำเอำเสน้ ผือ หรอื กก ท่แี ห้ง มำทอเปน็ ผืน สีสนั /ลวดลำย ตำมทีจ่ ะออกแบบ ๕.ระหว่ำงกำรทอแต่ละเส้นให้เก็บปลำยขอบของเส้น โดยกำรพบั ม้วน (ไพ) เขำ้ กับเชอื กที่ริมขอบ ๖. เม่ือทอเสรจ็ แล้วก็ตัดผนื เสอื่ ออกจำกกี่หรือโฮง ใหต้ ดั ขอบปลำยเส้นผอื หรอื กก ทุกด้ำนออก เสร็จแล้วนำไปผ่งึ แดดหรอื ลมกอ่ นทจ่ี ะเก็บ

๑๓. การแปรรูปผลติ ภณั ฑ์จากกก ผลติ ภัณฑ์จำกตน้ กกถือเปน็ วิถกี ำรดำรงชีวติ อีกอำชพี หน่ึงของชุมชนเพรำะหลังจำกกำรทำนำแล้ว ชำวบ้ำนจะ ตระเวนหำตน้ กกจำกแหล่งน้ำต่ำงๆทั้งในพ้นื ท่ีและนอกพน้ื ท่ีมำทำผลติ ภณั ฑต์ ำ่ งๆใช้ในครวั เรอื นซงึ่ วัตถุดิบมีมำ แต่ดั้งเดมิ จนมีกำรรวมเปน็ กลุ่มอำชพี ในปัจจุบัน ต้นกกในธรรมชำตหิ ำยำกขน้ึ จึงมีกำรปลกู ใช้ในครวั เรอื นเพ่มิ มำกข้ึน เพรำะถำ้ ไม่ผลติ เองก็สำมำรถจำหน่ำยตน้ สดได้ และมกี ำรนำผลติ ภัณฑไ์ ปเป็นเอกลกั ษณใ์ นงำนประเพณี ของหมู่บ้ำน กระบวนกำรผลติ โดยปกตชิ ำวบำ้ นนำต้นกกมำแปรรปู เพื่อเปน็ ของใชส้ อยในครัวเรือนอยแู่ ล้ว เชน่ ทอเสื่อ สำนกระเปำ๋ แต่ที่นิยม ทำคือ เสื่อจำกต้นกก และมีพัฒนำเร่อื ยมำ เชน่ สำนรองเท้ำ กระเปำ๋ ถือ ทร่ี องแกว้ หมวก เป็นต้น กลมุ่ แปรรูป ผลิตภัณฑจ์ ำกกกบ้ำนหวั บึง นำโดย นำงนงครำญ บำรศิ รี มีควำมคิดว่ำกกน่ำจะนำมำแปรรปู เป็นผลติ ภณั ฑ์อย่ำง อื่นได้ ประกอบกบั มีวิทยำกรจำกโครงกำรตน้ กล้ำอำชีพได้มำแนะนำวธิ ีกำรสำนหมวกจำกกก กำรทำรองเท้ำ แต่ กลมุ่ เลอื กที่จะสำนหมวก จงึ ได้เร่มิ ทำตง้ั แตน่ ัน้ เปน็ ต้นมำ มีสมำชิก ๓๐ คน วัตถุดิบและสว่ นประกอบ - ตน้ กกตำกแห้ง - สีตำมตอ้ งกำร - เข็มเก็บรมิ - มดี คดั เตอร์ - ขนั น้ำพลำสติก - กรรไกร - แลคเกอร์ - ตะปูเลก็ - พิมพ์ไม้ - พิมพโ์ ฟม - กล่องกระดำษ - กระสอบปำ่ น - กำมะถนั - ภำชนะสงั กะสสี ำหรับใสถ่ ำ่ น - จำนสงั กะสี - ไม้ ขน้ั ตอนกำรผลติ ๑. เลือกต้นกกทส่ี มบูรณ์ อำยุ ประมำณ ๔-๕ เดือน ๒. นำกกมำฉีกให้มีขนำดพอเหมำะ ๓. นำไปตำกแดดจดั ให้แหง้ ประมำณ ๕ วนั ๔. นำเส้นกกไปย้อมสตี ำมควำมตอ้ งกำร และผงึ่ ให้แห้ง ๕. เตรียมแบบพมิ พส์ ว่ นหัวหมวก นำเส้นกกไปพรมนำ้ ให้อ่อนนมุ่ เพื่อไมใ่ หเ้ สน้ กกหัก ๖. เรม่ิ ลำยสำนหมวกโดยใชต้ ้นกกเป็นแกนหลกั จำนวน 4 ตน้ เริ่มต้นสำนสว่ นหัวของหมวก ตอกหมุดยดึ แลว้ สำนข้ึนเปน็ รปู วงกลม โดยใชล้ ำยขัดเรยี งเส้นให้เตม็ พมิ พ์ สำนรอบพิมพ์รัศมปี ระมำณ ๔ น้วิ ๗. ถอดจำกพิมพ์ไม้มำใส่พมิ พ์โฟมเพื่อทำปีกขนำดตำมต้องกำร ๘. เกบ็ ริมให้สวยงำนเพื่อให้คงทนไม่หลุดง่ำย ๙. นำไปตำกแดด ๑๐. นำไปอบกำมะถัน เพ่ือป้องกันเชื้อรำ โดยอบในลงั กระดำษ ใช้ถ่ำนที่จดุ ไฟแล้ว ๓-๔ กอ้ นใสผ่ งกำมะถันใน จำนสงั กะสี นำหมวกลงอบในลังกระดำษ ทง้ิ ไว้ ๑ วัน ๑๑. นำมำใชป้ ระโยชน์

เทคนคิ /เคล็ดลับในกำรผลติ - หมวกทไ่ี ด้ผลิตมำจำกวสั ดุเส้นใยธรรมชำติถำ้ สัมผสั ควำมช้ืนอำจทำใหเ้ กดิ เช้ือรำจึงควรอบกำมะถนั ก่อน หรือควรเกบ็ ไวใ้ นทแ่ี ห้ง - กำรใช้แลคเกอร์เคลือบหมวกทำให้รปู ทรงของหมวกสวยงำม และป้องกนั เชื้อรำได้ ๑๔. ไมก้ วำดดอกหญำ้ ไมก้ วำด เปน็ อุปกรณ์ที่ยังจำเปน็ ตอ้ งใชภ้ ำยในครอบครวั แม้ปจั จบุ นั บำงบ้ำนได้นำเครอ่ื งดูดฝุ่นเขำ้ มำใช้ บำ้ งแลว้ แต่กย็ ังมีบ้ำนและสถำนที่ต่ำง ๆ อีกจำนวนไมน่ ้อย ท่ีตอ้ งกำรใชไ้ ม้กวำด ดังนัน้ กำรทำไม้กวำดเพ่ือ จำหน่ำย จึงเป็นกำรเสรมิ รำยไดอ้ ีกทำงหนึ่งใหก้ บั ครอบครัวได้ อปุ กรณ์ 1. เข็มเย็บกระสอบ 2. เชือกฟำง 3. ไม้ไผ่ ควำมยำวประมำณ 80 ซม. 4. ดอกหญ้ำ 5. ตะปูขนำด 1 นิว้ จำนวน 2 ตวั ขนั้ ตอนกำรทำไมก้ วำด 1.นำดอกหญ้ำมำทำควำมสะอำดและตำกแดดให้แหง้ คดั เลือกเฉพำะดอกหญ้ำทมี่ ีคณุ ภำพ ดี 2. นำดอกหญ้ำปรมิ ำณ 1 กำมือ มดั ให้เป็นวงกลม 3. นำเข็มเยบ็ กระสอบ ซึง่ รอ้ ยเชอื กฟำงไว้แล้ว แทงเขำ้ ตรงกลำงมดั ดอกหญ้ำ แล้วถักขึน้ ลงแบบหำง ปลำ ให้ได้ 3 ชน้ั พรอ้ มจัดดอกหญำ้ ให้มีลักษณะแบน 4. ตัดโคนดอกหญ้ำใหเ้ สมอกัน 5. นำดำ้ มไมไ้ ผ่เจำะรูที่หัวไว้สำหรบั หอ้ ยเชือกและเจำะรูตรงปลำยนำมำขัดดว้ ยก้อนจำกนั้นเสียบเขำ้ ตรงกลำงมดั ดอกหญ้ำ 6. นำเชอื กฟำงมัดดอกหญ้ำไวด้ ว้ ยกัน โดยนำเชือกฟำงมำสอดตรงรูที่เจำะ เพื่อปอ้ งกนั ไม่ให้ดอกหญำ้ ออกจำกกัน 7. ตอกตะปูที่เตรียมไว้ เพื่อใหด้ อกหญำ้ ติดกับด้ำมไมไ้ ผ่ และมคี วำมแข็งแรงขึน้ * เคลด็ ลบั ทำใหไ้ มก้ วำดแขง็ แรง ควรนำดอกหญำ้ ตำกแดดให้แหง้ สนิทก่อนมัด จะได้ไม้กวำดท่ีมีควำม แข็งแรง ไมห่ ลุดง่ำย เม่ือถึงเวลำใช้งำน เพ่มิ มูลค่ำ สรำ้ งรำยได้ กำรทำไมก้ วำดมีขนั้ ตอนที่ไมย่ ุ่งยำก และเงินลงทุนไม่สงู ผสู้ นใจอำจจะเร่มิ ทำคนเดียวกอ่ น เม่ือมรี ำยได้ ดี ค่อยขยบั ขยำย สำหรบั แหล่งผลิตนัน้ ผผู้ ลติ สำมำรถนำมำทำได้ที่บำ้ น และนำไปจำหนำ่ ยตำมตลำด หรอื สถำนทรี่ ำชกำร เชน่ โรงเรยี น และหำกผลิตได้มำกอำจส่งให้รำ้ นค้ำเพ่ือนำไปจำหน่ำยอีกทอดหน่ึง ไมก้ วำดดอกหญำ้ เพม่ิ มูลค่ำ สร้ำงรำยได้ เปน็ กำรแนะนำวิธกี ำรทำไม้กวำด ไม้กวำดเป็นอีกชอ่ งทำง หนงึ่ ในกำรนำดอกหญ้ำมำสร้ำงประโยชน์ และสรำ้ งรำยไดใ้ หก้ ับกลุ่มแม่บ้ำนหรอื ผู้สนใจ

๑๕. จักสำนไม้ไผ่ ใช้ฝีมอื แรงงำน และวัตถุดบิ ในทอ้ งถ่ิน เปน็ กำรอนุรกั ษภ์ มู ิปญั ญำไทยในเรื่องกำรจักสำน มกี ำรถำ่ ยทอด จำกรนุ่ สู่รนุ่ จึงทำให้คนในชมุ ชนมคี วำมผูกพันกนั เหมือนญำติพ่ีน้อง มีกำรรวมกลุ่ม เตรียมสมำชิกใหม้ ีควำมรู้ สรำ้ งควำมเขำ้ ใจใหต้ รงกันในกำรพฒั นำภมู ิปัญญำท้องถ่นิ เพ่ือสร้ำงรำยไดส้ คู่ รอบครวั สำมำรถลดรำยจำ่ ย เพ่ิม รำยได้คนในชมุ ชน วตั ถุดิบและส่วนประกอบ ๑. ไม้ไผแ่ ก่ 2. เชอื กไนล่อน ๓. เส้นหวำย ๔. มดี ปลำยแหลม ๕. เหลก็ ปลำยแหลม ๖. ไม้กระดำนหรือเขยี ง ๗. มดี โต้ ๘. เลอ่ื ยตัดไม้ ๙. กรรไกร ๑๐. แลค็ เกอร์ ๑๑. แปรงทำสี ขนั้ ตอนกำรผลติ 1. นำไม้ไผม่ ำผำ่ เปน็ ซีกเล็ก ๆ ผ่ำเปน็ แผ่นบำงเพื่อใชส้ ำนเหลำไม้ไผใ่ ห้ไดต้ ำมขนำดทตี่ ้องกำรจะผลิต ได้แก่ ควำมใหญ-่ เลก็ หนำ-บำง ควำมยำวเส้นตอก 2.นำตอกไมไ้ ผ่ท่ีเลำแลว้ มำจกั สำนเป็นลำยขดั 3.นำตอกทีส่ ำนเปน็ ลำยขัด มำตดั เป็นรูปใหไ้ ด้พอดกี บั ขนำดท่ตี ้องกำร 4.นำไม้ไผเ่ หลำเป็นแผน่ ยำว 2 เสน้ ขดเป็นวงกลมให้ได้พอดกี บั ขนำดที่ตอ้ งกำร นำไปประกบกบั ลำยขัดที่สำนไว้ ดำ้ นนอกและด้ำนใน และร้อยเชือกไนล่อนหรือเส้นหวำย รอบขอบใหแ้ น่น 5.ลงแล็กเกอร์ท้ังดำ้ นนอกดำ้ นในนำไปตำกให้แหง้ เพอื่ กดั ปลวกมอด เทคนิค/เคลด็ ลับในกำรผลติ เครอื่ งจักสำนบ้ำนทองประดิษฐ์ ใชว้ ัตถดุ บิ ไม้ไผ่สีสุกท่แี กจ่ ัด เหลำเปน็ เส้นตอกที่มีขนำดควำมหนำ บำง พอดี เทำ่ กันทุกเสน้ ตำกแดดให้แห้งกอ่ นนำมำจกั สำน ๑๖. จกั สำนพลำสติก กำรจักสำนเปน็ อำชพี ทีช่ ำวบ้ำนพรำนหำรำยไดช้ ว่ ยจนุ เจอื ครอบครวั ในยำมที่เสรจ็ สน้ิ จำกกำรทำนำ คนในชมุ ชน ร้จู กั และมีภูมปิ ัญญำด้ำนกำรจักสำนเป็นพนื้ ฐำนอย่แู ลว้ ซงึ่ สืบทอดมำจำกบรรพบรุ ษุ รูจ้ ักกำรนำหวำย ไมไ้ ผ่ กำ้ นลำนมำทำตะกรำ้ กระบงุ ชะลอม ผลิตใชส้ อยในครัวเรือน สมยั ก่อนชำวบ้ำนจะทำไว้ใช้เอง กำรจักสำนสืบ ทอดมำจำกบรรพบรุ ุษในถ่ินฐำนเดิม มีผู้ทรงภูมปิ ญั ญำถ่ำยทอดองค์ควำมร้แู บบดั่งเดมิ ซึ่งยังไม่มีกำรพฒั นำ รปู แบบแตอ่ ย่ำงใด จักสำนเป็นผลติ ภณั ฑ์ หัตถกรรม ทบ่ี ง่ บอกถงึ ควำมรงุ่ เรือง ประเพณี วฒั นธรรมของพน้ื บ้ำน มกี ำรสืบทอด เทคนคิ วิธกี ำรมำหลำยช่วงอำยคุ น ซ่ึงมีพืน้ ฐำนกำรพฒั นำลวดลำยในแบบตำ่ งๆ อยำ่ งต่อเนอื่ ง โดยมีพ้ืนฐำนใน กำรออกแบบจำกสภำพกำรดำรงชวี ิต วัฒนธรรม ประเพณี ควำมเช่ือ ศำสนำ และธรรมชำติท่แี ตกตำ่ งกนั ในแต่ ละยุคสมยั เดมิ สมัยก่อนในชุมชนมีกำรปลกู ไม้ไผ่ หวำย ลำน มีกรรมวธิ ีกำรจักสำนแบบโบรำณใช้วตั ถดุ บิ ในพ้ืนท่นี ำมำจัก สำนเครือ่ งใช้ในครวั เรือน เมื่อกอ่ นน้ีกลุ่มจกั สำนมีมำก ผลผลิตลน้ ตลำดรำคำผลิตภัณฑ์ถูก แต่วัตถดุ บิ แพง กลุ่ม บ้ำนพรำนจึงมีควำมคิดท่จี ะเปล่ียนจำกหวำย ไมไ้ ผเ่ ป็นจักสำนพลำสตกิ ต่อมำเมื่อทำงส่วนรำชกำรมำส่งเสริมให้ กำรสนบั สนุน ให้มีกำรจักสำนเชงิ พำณชิ ย์ โดยมีชำวบำ้ นมำเปน็ สมำชกิ กลุม่ ทำใหม้ ีอำชีพเสรมิ มีศูนย์กำรเรียนรู้

ชุมชน มสี ถำนทฝี่ กึ อบรม ในกำรออกแบบผลิตภัณฑ์ เกิดจำกควำมต้องกำรของลูกค้ำเป็นหลัก เนน้ ควำมสวยงำม ประณตี และเรียบรอ้ ยจำกกำรทไี่ ดร้ ับกำรสนบั สนนุ จำกหน่วยงำนรำชกำรต่ำงๆ ทำให้กลุม่ มคี วำมเจริญก้ำวหน้ำ มำกขึน้ ส่งผลใหช้ ำวบำ้ นได้มีรำยได้ใหก้ บั ครอบครวั อีกทำงหน่งึ ประจวบกับประธำนกลุ่มนำงกลั ยำ อินทรโ์ ต เปน็ ผู้ประสำนงำนดำ้ นกำรตลำด ทำใหก้ ลุ่มทำกำรผลิตและจำหน่ำยไดม้ ำกข้ึน จกั สำนพลำสติก เป็นศลิ ปะกำรจกั สำนท่มี ีลวดลำยสวยงำม กำรออกแบบ สสี ันของเสน้ พลำสตกิ ลวดลำยตำ่ ง ๆ ตำมควำมต้องกำรของลูกค้ำ มคี วำมละเอียดประณตี เรยี บรอ้ ย ได้มำตรฐำน คงทน สมประโยชน์ รำคำไมแ่ พง มี กำรพฒั นำรปู แบบทันสมัยอย่ำงต่อเน่ืองและเปน็ สำกล แต่กระบวนกำรผลติ ยังใชแ้ บบด่งั เดมิ ทำใหม้ องเหน็ คณุ ค่ำและแสดงถงึ เอกลักษณ์ควำมเป็นไทย ซง่ึ เป็นควำมภำคภมู ิใจของคนบ้ำนพรำน เป็นผลงำนจำกกำร สร้ำงสรรคช์ นิ้ งำนท่ปี ระสำนภูมิปญั ญำของคนรนุ่ เก่ำกับคนรุ่นใหม่ ให้เขำ้ กนั ได้อยำ่ งลงตวั และเหมำะสม กำรส่งเสริมและกำรอนุรกั ษ์กำรจักสำน โดยใหม้ ีกำรผลิตอยำ่ งต่อเน่ือง มีกำรพฒั นำรปู แบบตลอดเวลำ จงึ มกี ำร ถ่ำยทอดให้กับผู้ทีต่ อ้ งกำรศึกษำ เพ่ือเปน็ พื้นฐำนในกำรประกอบอำชีพให้กบั แมบ่ ้ำน นักเรยี น นักศึกษำ ผูท้ ี่ สนใจท่ัวไป เพ่ือเป็นกำรสบื สำนภมู ปิ ัญญำของคนรุ่นเก่ำส่คู นรุน่ ใหมไ่ ด้อย่ำงมีคุณภำพและเปน็ กำรอนุรักษ์ และ ปอ้ งกนั ภมู ปิ ัญญำมิใหส้ ญู หำย ปัจจุบันกำรจกั สำนพลำสตกิ ของตำบลศรีพรำน เปรียบเสมอื นเปน็ วิถชี ีวติ ของคน ในชุมชนเนอ่ื งจำกเปน็ อำชีพเสริมท่ที ำให้เกิดรำยได้ดีทำให้คนในชุมชนมรี ำยได้ท่มี น่ั คง วัสดุ/อปุ กรณ์ท่ใี ช้ 1 เสน้ พลำสตกิ 2 แบบซ่งึ ทำด้วยไม้ ตำมรูปร่ำง ขนำดทต่ี ้องกำร 3 ลวด หวำย ข้นั ตอนกำรผลิต ทำแมแ่ บบก่อน แม่แบบจะทำด้วยไม้ ซ่งึ มี รูปรำ่ งและขนำดตำมตอ้ งกำร แล้วนำเส้นพลำสตกิ มำสำนตำมแมแ่ บบ ทท่ี ำไว้ รปู ร่ำงทรงกวำ้ งยำวที่ผลิตออกมำจะเทำ่ กับแมแ่ บบ ในกำรสำนกจ็ ะสำนดว้ ยมอื ชน้ิ งำนทีอ่ อกมำจะ ประณตี สวยงำมขนำดไหนข้ึนอยู่กบั ฝีมือของคนทำ สำนสอดเหมือนกำรสำนเสื่อ วัตถดุ บิ ถือวำ่ เป็นสง่ิ สำคญั ในกำรทำจักสำน รวมท้ังกำรคดั เลือกวตั ถุดิบทีม่ ีคุณภำพ ซ่ึงจะทำใหต้ ัว ผลิตภัณฑ์ออกมำ มคี ุณค่ำ ลวดลำย สวยงำม นำ่ สนใจ วตั ถดุ บิ ทใ่ี ช้เป็นเส้นพลำสติกที่มีควำมเหนียวน่ิม ซึ่งซ้อื มำ จำกที่อ่นื จำกอิทธพิ ลควำมสวยงำมของเส้นพลำสติกทำให้กำรนำผลติ ภัณฑม์ ำตกแต่งบำ้ นเรอื นมีกำรประยุกติใ์ ห้ เข้ำกับสมัยนยิ ม ผลิตภัณฑม์ คี วำมสวยงำม สีสนั กลมกลนื เป็นสำกล มีควำมทันสมัยในกำรออ

๑๗. กำรสำนเปลญวน วัตถุดิบและส่วนประกอบ แปน้ ไม้คน้ หเู ปล , ไมส้ อดหเู ปล , ปำน , กระสวยกรอด้ำยสำน(กมี ) , เชือกใชส้ ำน ข้ันตอนกำรผลิต 1. กำรถักหูเปล นำแป้นไม้ค้นหเู ปลมำวำง ซงึ่ แป้นไม้ค้นหูเปลจะมีตะปตู อกไว้ทั้ง 2 ขำ้ ง ระยะห่ำง ระหวำ่ งตำประมำณ 90 เซนติเมตร ตงึ เชือกทีใ่ ชถ้ ักรอบตะปูจำนวน 10 รอบ(เส้น) พอครบ10 รอบ มดั เชอื กไว้ ตรงกลำง ตดั เชือกออกจำกม้วน นำสว่ นปลำยมำทำกำรถกั หเู ปล 2. ม้วนหเู ปลท่ถี ักแล้วใหเ้ ปน็ วงกลมมดั ใหแ้ น่ 3. ร้อยเชือกใสใ่ นรูทลี ะคู่ 4. นำกระสวยที่ทก่ี รอดำ้ ยเรยี บรอ้ ยแล้วมำผูกใส่เชือกท่ีใสร่ ไู ว้ ทำกำรสำนำไป เร่อื ยๆ จนได้ขนำดและควำมยำว เปน็ ทต่ี ้องกำรแลว้ (ประมำณ 2 เมตร) นำไปสำนเข้ำกบั หูเปลทีเ่ ตรยี มไว้อีกข้ำงหนง่ึ 5. ตรวจควำมเรียบร้อย ม่นั คง แข็งแรง พรอ้ มกำรจำหนำ่ ย เทคนิค/เคลด็ ลับในกำรผลิต 1. กำรสำนเปลญวนต้องสำนใหถ้ ี่จะได้มีควำมม่ันคงแข็งแรง 2. ตอ้ งทำขัน้ ตอนท่ี 2 คือกำรถกั หเู ปลไวใ้ ห้ได้จำนวนมำก แลว้ ค่อยมำถกั ท้ังผนื จะได้ชว่ ย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook