Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ตัวของกู

ตัวของกู

Description: ตัวของกู

Search

Read the Text Version

ธรรมะใกล้มือ อบรพระ พุทธ โอวาท ทาส ปาฏิโมกข์ ภิกขุ ๒๕๑๒

สงิ่ ที่เป็ นเคร่อื งทดสอบตัวกขู องกู พทุ ธทาสภกิ ขุ การบรรยาย อบรมพระท่ีหน้าโรงหนงั เรือ่ งโอวาทปาฏิโมกข์ ๒๕๑๒ วนั ทีแ่ สดง ๖ กรกฎาคม ๒๕๑๒ รหสั ๒๗๑๕๑๒๐๗๐๖๑๘๐ ผู้ถอดเสยี ง เฉลิมพล หอมปลื้ม ผ้ตู รวจทาน ปริภา เศรษฐอรา่ ม ISBN 978-616-7574-83-7 พิมพ์คร้ังแรก กันยายน ๒๕๖๒ จ�ำ นวน ๑๐,๐๐๐ เลม่ จดั พิมพโ์ ดย มลู นธิ ิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปญั โญ พิมพ์ที่ บรษิ ทั พมิ พด์ ี จำ�กัด ประสงคร์ บั หนังสอื เพ่อื ใชใ้ นงานพธิ ีหรือเผยแผ่ในวาระตา่ งๆ ตดิ ต่อท่ี มลู นธิ หิ อจดหมายเหตุพทุ ธทาส อินทปัญโญ สวนวชริ เบญจทัศ (สวนรถไฟ) ถนนนคิ มรถไฟสาย ๒ แขวงจตจุ กั ร เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศพั ท์ : ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๐๐ ต่อ ๕๑๐๑ โทรสาร : ๐ ๒๙๓๖ ๒๖๘๕ อเี มล : [email protected] Facebook : bookclub.bia www.bia.or.th

3

สารบญั ๗ ความสบาย ๙ การให้ ๑๕ ดอกไม้ ๑๙ ความเปน็ ไปของจิต ๒๙ ความเป็นอยู่ ๓๓ การท�ำงาน

ธรรมปาฏิโมกข์ตามเคย วันน้ีอยากจะพูดถึงเรื่องส่ิง ท่ีเป็นเครื่องทดสอบเกย่ี วกบั ตวั กูของกู สิง่ ท่จี ะเปน็ เครือ่ ง ทดสอบเก่ยี วกบั ตวั กขู องกวู า่ มนั มีมากนอ้ ยอยา่ งไร มันมีอยู่ หลายๆ อย่าง ลองพูดดูสักอย่างหนึ่ง คือความรู้สึกสบาย ของจิตใจ

ถ้าเรารูส้ ึกสบายเมือ่ จะเอา เมือ่ จะได้ เรากเ็ ปน็ คนตะกละ ถา้ เรารสู้ ึกสบายเมอ่ื จะใหย้ งิ่ กว่าเม่อื จะเอา จงึ จะถือว่าเป็นคนอกี แบบหน่ึง

ความสบาย เม่อื ให้ - เม่อื เอา ส�ำหรับค�ำว่า ‘สบาย’ นี้มันก็มีหลายความหมาย เหมือนกัน ขออย่าให้ลืมเสียว่าค�ำพูดแต่ละค�ำมันก็มีความ หมายหลายชนิดหรือหลายอย่าง มันต้องพูดกันให้แน่ลง ไปว่าเราจะหมายถึงอย่างไหน โดยเฉพาะค�ำว่าความสบาย ความรสู้ กึ สบายในกรณนี ท้ี จ่ี ะพดู นี้มนั ต่างกนั มาก กบั ความ รสู้ กึ สบายเหมอื นทค่ี นทวั่ ไปเขารสู้ กึ แตว่ า่ กเ็ ปน็ สงิ่ ทอี่ าจจะ เขา้ ใจได้ อยากจะใหห้ วั ขอ้ สำ� หรบั ไดค้ ดิ นกึ เปน็ หลกั ไวเ้ สยี เลย วา่ ‘จติ ทรี่ สู้ กึ เมอื่ จะให้ สบายกวา่ จติ ทรี่ สู้ กึ เมอื่ จะเอา’ เมอื่ จะให้ รู้สกึ สบายกว่าเม่อื จะเอา นล่ี องคิดดู พจิ ารณาดู นึกดู ย้อนหลังความรู้สึกของตัวเองว่าความรู้สึกท่ีเกิดในใจ เมื่อ เราจะใหห้ รือจะเสยี สละ มนั สบายกวา่ เมอ่ื จะเอา จะได้ จริง หรอื เปล่า ไอ้สัญชาติคนตะกละนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เมื่อจะให้ 7

มนั ไมร่ สู้ กึ สบายหรอก ไอค้ นทม่ี นั ยงั ดบิ ยงั หนา ยงั เปน็ ปถุ ชุ น อะไรมากเกนิ ไป เมอ่ื จะใหม้ นั ไมร่ สู้ กึ สบาย เมอื่ จะเอานนั้ มนั จงึ จะรู้สกึ สบาย เมือ่ จะเอาจะไดม้ นั จงึ จะรสู้ กึ สบาย ทนี เี้ ราเปน็ คนชนดิ ไหนกท็ ดสอบดไู ดด้ ว้ ยหลกั เกณฑ์ อย่างนี้ ถ้าเรายังรูส้ กึ สบาย สบายเมอ่ื จะเอา เป็นสุขสบาย เมอื่ จะเอา เมอื่ จะได้ เรากเ็ ปน็ คนตะกละ เปน็ คนมตี วั กขู อง กจู ดั ถ้าเรามีความรู้สึกสบายเมื่อจะให้ ย่ิงกว่าเม่ือจะ เอา หรอื เมอื่ จะเอาไม่รสู้ ึกสบายเลย อย่างน้ีจงึ จะรู้ จึงจะ ถือว่าเป็นอีกแบบหน่ึง เป็นคนอีกชนิดหน่ึง ไม่เหมือนกัน กับคนทีแรก 8

การให้ อยา่ งบรสิ ทุ ธ์ิ - อยา่ งลงทนุ เมื่อจะให้น้ีก็ต้องรู้ว่ามันมีความหมายที่บริสุทธ์ิ คือ ‘ให’้ ‘ให้จริงๆ เลย’ ‘ใหไ้ ปเลย’ ‘ใหโ้ ดยไมม่ วี ีแ่ ววทจี่ ะ กลับมาตอบแทนอะไร’ น่ันจึงจะเรียกว่า ‘ให้’ ไม่ใช่ให้ อยา่ งลงทนุ เพอ่ื หวา่ นผลเอานน่ั เอานกี่ ลบั มามากกวา่ เกา่ นน้ั มันไมใ่ ชใ่ ห้ นัน่ มันลงทนุ ไอ้คนตะกละน้ันมันก็สบายสิ เมื่อลงทุนเพ่ือจะได้ มามากกว่าเดิม ให้อะไรเขาไปนิดเขาจะให้เรามากกว่าเดิม เป็นนกั บวช เป็นพระ เป็นบรรพชติ กย็ ังทำ� การให้ชนดิ ทวี่ า่ จะเอามากกวา่ เดิม เป็น อเนสนกรรม เปน็ การผดิ วินัย เป็น อะไร ให้อย่างนี้มันเรียกว่ามันไม่ใช่ให้ มันเป็นเร่ืองลงทุน ลงทนุ ค้าเอากำ� ไร แต่เขาก็ร้สู ึกว่าให้ และคนทต่ี ะกละแบบ น้ันมันก็รู้สึกสบายสิเพราะมันลงทุนไปแล้วจะได้ก�ำไร เมื่อ ใหแ้ ลว้ รสู้ กึ สบายอยา่ งนไี้ มเ่ อา มนั คนละเรอื่ งกนั ตอ้ งเอาให้ ทีบ่ ริสทุ ธ์ิ ใหท้ ีไ่ มม่ ีหวังตอบแทน คือให้จริงๆ เหมอื นท่ีสอน 9

กนั อยทู่ กุ วนั วา่ เปน็ อยเู่ หมอื นกบั ตายแลว้ ทำ� งานดว้ ยจติ วา่ ง เปน็ อยเู่ หมือนกบั ตายแล้ว คอื ให้หรอื ทำ� ไปโดยไมห่ วังอะไร กลบั มา ถา้ มีจิตใจทีใ่ ห้ไปอยา่ งบริสทุ ธ์ิ แล้วรู้สึกสบาย อยา่ ง นก้ี ร็ ไู้ ดเ้ ลยวา่ มนั เปน็ คนละแบบแลว้ มนั เปลย่ี นมากแลว้ มนั เปลยี่ นจากเดมิ เปน็ คนละแบบ คอื ตรงกนั ข้าม การใหข้ องพระเวสสนั ดร มีบทประพันธ์เกย่ี วกบั เวสสันดรชาดก ท่ีเขามาแตง่ มาเทศน์กันอยู่ พระเวสสันดรเมื่อรู้สึกว่าพรุ่งน้ีจะมีคนมา ขอ รวู้ า่ จะมชี ูชกมาขอลกู รสู้ กึ จะมคี นมาขอลูก ตามทร่ี ู้สึก ในความฝันของพระนางมัทรีหรืออะไรก็ตาม เขาเขียนไว้ ว่าพระเวสสันดรรู้แต่ล่วงหน้าก็เลยรู้สึกสบาย ตอนน้ันเขา พรรณนาดีมาก ‘สบาย แลว้ อยากให้มาถึงเร็วๆ’ เหมอื นคน อยากกินเหล้า คนขี้เมาอยากกินเหล้า มันกลับตรงกันข้าม นะ ถา้ เปรียบเทียบนะ นเี่ รากต็ อ้ งดวู า่ พระเวสสนั ดรมจี ติ ใจใหช้ นดิ ไหน ‘ให้ ชนิดค้ากำ� ไร’ หรือว่า ‘ใหจ้ รงิ ๆ’ ถา้ คดิ อย่างคนนกั การค้าก็ คงจะคิดไปในแง่ที่ว่าพระเวสสันดรก็ค้าก�ำไรเหมือนกัน ให้ 10

ลูกให้เมียไปเพ่ือที่จะเอาพระโพธิญาณ อย่างนี้ก็เป็นเรื่องท่ี คา้ กำ� ไร นน่ั ไอค้ นทมี่ สี ายตาอยา่ งนนั้ มนั มองอยา่ งนน้ั แตต่ าม ความเป็นจริง รู้สึกว่าพระเวสสันดรเขาอยากจะให้เท่านั้น อยากจะใหอ้ อกไป อยากจะตดั สงิ่ ทผี่ กู พนั ออกไป รสู้ กึ สบาย รสู้ กึ เปน็ สง่ิ ประเสรฐิ ทสี่ ดุ อยากใหม้ าถงึ เรว็ ๆ นเ่ี รยี กวา่ การ ให้น้นั มนั มหี ลายแบบ ค�ำว่า ‘สบาย’ มันก็มีหลายแบบอย่างที่กล่าวแล้ว สบายของกิเลส มันก็สบายเมื่อได้เหยื่อของกิเลส ได้เหย่ือ แก่กิเลสมันก็สบายอย่างกิเลส ทีนี้ถ้าสบายอย่างไม่มีกิเลส อย่างสติปัญญา มันก็หมายความว่าเม่ือไม่มีเหยื่อให้กิเลส ไม่ต้องมเี หยือ่ มาให้กเิ ลส ‘การให้’ ก็หลายความหมาย ‘ความสบาย’ ก็หลาย ความหมาย ‘จะได้จะเอาอะไร’ มันก็หลายความหมาย จะได้ อะไร ไดก้ ำ� ไรหรอื วา่ ไดก้ ารเสยี สละ มอี ยา่ งนน้ั ‘ไดเ้ สยี สละ’ มนั ก็เปน็ การได้ชนิดหนึ่งของพระอรยิ -เจา้ ไอ้ ‘ได้กำ� ไร’ ก็ เป็นการได้ชนิดหนงึ่ ของปถุ ชุ น ทนี ม้ี นั เปน็ เครอื่ งทดสอบตรงไหน ถา้ วา่ จะเปน็ เครอ่ื ง 11

ทดสอบในทางท่ีถูกต้องหรือที่ดี มันก็เม่ือให้จริงๆ เม่ือให้ จริงๆ เม่อื สละจรงิ ๆ เพยี งแต่คดิ ก็สบายแล้ว เพียงแตค่ ิด ว่าจะใหห้ รอื ว่ามีหวังว่าจะไดใ้ ห้แน่ๆ น่กี ็สบายแลว้ และเมอ่ื ให้อยู่ก็ยิ่งสบาย ที่เราพูดน้ีหมายถึงเมื่อตั้งแต่คิด จิตท่ีรู้สึก เมอื่ จะให้ สบายกวา่ จติ ทรี่ สู้ กึ เมอ่ื จะเอา เพยี งแตค่ ดิ วา่ จะให้ หรือจะไดใ้ ห้ไปจรงิ ๆ กส็ บายเสยี แลว้ ถา้ มันยังไม่สบาย มนั จะสบายต่อเมอื่ เอา ก็รูต้ ัวเองเถอะวา่ เปน็ อยา่ งไร เมื่อได้ขี้เกียจ เมื่อได้เอาเปรียบคนอื่น เมื่อได้อะไร ในทางอย่างน้ี มันสบายน่ันน่ะก็ได้ ส�ำหรับคนบางคน คน บางพวก แตค่ นบางคนบางพวกมนั ไม่สบายเลย มนั สบาย ต่อเมื่อได้ท�ำอะไรมากกว่าคนอ่ืน ซ่ึงอีกพวกหนึ่งก็จะหาว่า มันโงก่ วา่ คนอื่น เสียเปรียบกว่าคนอนื่ มันเหนื่อยกว่าคนอ่นื อยา่ งน้ีมันก็มี มันคนละอย่าง อยา่ งนี้ ดังนั้นอย่าให้กิเลสมันเล่นตลกได้ คุณลองจ�ำไว้เป็น อย่างไร ว่าอย่าให้กิเลสมันเล่นตลกได้ อย่าให้ถูกลวง ถูก อะไรโดยกิเลสน้นั ใหม้ ันจรงิ ใหม้ นั ตรง ให้มนั ถกู หรืออย่าง ทเี่ รยี กวา่ ‘ดอี ยทู่ ลี่ ะ พระอยทู่ จ่ี รงิ ’ เราพดู กนั บอ่ ยๆ ‘ดอี ยทู่ ี่ ละ พระอยทู่ จี่ รงิ ’ ใหม้ นั จรงิ อยา่ งนนั้ แหละ กจ็ ะรวู้ า่ มนั สบาย 12

ไหม เม่ือความร้สู กึ ท่ีจะให้ หรือวา่ โอกาสทีจ่ ะใหม้ ันเกดิ ข้นึ มันสบายไหม ถา้ ไมส่ บายก็ไปแกไ้ ขเสียใหม่ ทีน้ีบทเรียนของเราก็พูดกันมาซ้�ำๆ ซากๆ กันอยู่น้ี เพ่ือทดสอบเรื่องตัวกูของกู หรือว่าท�ำงานนี้ก็เพียงเพื่อจะ ‘เอาเหงอ่ื ลา้ งตวั กขู องก’ู อยา่ หวังอะไรมากกว่าน้นั ท�ำงาน เหง่อื ออกมากก็เพ่อื วา่ ลา้ งตัวกูของกใู หม้ นั หลดุ ออกไป นี่ มนั กท็ ดสอบไดเ้ หมอื นกนั อยา่ งเดยี วกนั อกี วา่ เมอื่ ไดท้ ำ� งาน อยา่ งนน้ั หรอื เมอ่ื จะไดท้ ำ� งานอยา่ งนน้ั หรอื วา่ มโี อกาสอยา่ ง นน้ั มนั สบาย มนั สนกุ มนั กระปรก้ี ระเปรา่ ขน้ึ มาทนั ที นกี่ อ็ ยู่ ในพวกท่ีว่า ‘จะให้’ ความรูส้ ึกที่เกิดข้ึนในใจ เมือ่ จะต้องให้ หรือเมอ่ื จะตอ้ งเสยี สละ หรือวา่ จะต้องบริจาคอะไร มันรสู้ กึ เป็นสขุ รู้สกึ สบาย 13

เอาไว้ดมเอง เด๋ียวมนั กช็ ้�ำ รงุ่ ขน้ึ มนั ก็โรย เหี่ยวร่วงโรยไป . ที่เราใหไ้ ป มันไปอยู่ในหัวใจของเพอ่ื น หวั ใจของเรามันเหมอื นกับไมร่ โู้ รย

ดอกไม้ ดมเอง - ใหเ้ พ่อื นดม มนั เปรยี บเทยี บกนั ไดก้ บั เรอื่ งของเดก็ ๆ อกี เรอื่ งหนงึ่ ซงึ่ ผมเคยพดู ใหฟ้ งั บา้ งแล้ว ไอ้เด็กเลก็ ๆ นี้ เด็กอมมอื กไ็ ด้ เด็กคนหนึ่งมันมีดอกกุหลาบหรือดอกจ�ำปีอะไร สกั ดอกหนง่ึ ไดม้ าเปน็ ของตัว ทนี ีม้ ันได้ดมๆ ดมแลว้ ดม อีกๆ มันก็ได้สบายยินดี ก็ยังแถมภาคภูมิใจโอ้อวดว่าเด็ก คนอ่ืนไมม่ ี บางทจี ะดมอวดเดก็ คนอนื่ เสยี ด้วยซ�้ำ เด็กคนนี้ มันกส็ บายใจๆ ถ้ามเี ด็กอกี คนหนง่ึ มันไม่คดิ อย่างน้ัน มันไมด่ มเอง มนั ใหค้ นอน่ื ใหเ้ พอื่ นเสยี แลว้ มนั สบายใจ แลว้ มนั นง่ั ดเู พอ่ื น ดม สบายใจ แล้วมันสบายใจกว่า น่ีมันจะเป็นสบายใจที่ เหมอื นกันหรอื ไม่ ลองคิดดู เดก็ คนหนง่ึ มนั ใหเ้ พ่ือนไปเลย ให้เพอื่ นไป นง่ั ดมดู แลว้ เหน็ เพอ่ื นดม แลว้ เพอื่ นเปน็ สขุ เพอ่ื นสบาย มนั ก็เลยสบายใจด้วย หรอื เพยี งแต่ใหไ้ ปทแี รกกส็ บายใจ ความ 15

สบายใจนีค้ นละชนิด ไอ้เดก็ ขี้เหนียว เด็กเห็นแกต่ ัว ดมแล้ว ดมอีก มันก็สบายใจเหมือนกันตามแบบของการเห็นแก่ตัว อีกคนหนึ่งมันท�ำตรงกันข้าม คุณจะถือว่าเด็กคนไหนมันมี จิตใจสูง หรือต�่ำกว่ากันอย่างไร ผมเคยพูดแม้แต่เด็กๆ ว่า ลองคดิ ดเู ถอะอยา่ งนี้อนั ไหนจะดกี วา่ หรืออยู่นานกวา่ เราเอาไว้ดมเอง เดี๋ยวมนั ก็ช�้ำ รงุ่ ขึ้นมันก็โรย เห่ียว รว่ งโรยไป ท่เี ราใหไ้ ป มนั ไปอยใู่ นหวั ใจของเพอ่ื น ในหวั ใจ ของเรา มันเหมอื นกับไม่รูโ้ รย ไมร่ ู้เห่ียวไมร่ ชู้ ้ำ� อยไู่ ปไดอ้ กี นาน เดอื นหนง่ึ ลว่ งไปแลว้ มานกึ ถงึ มนั กย็ งั รสู้ กึ ภาคภมู ใิ จ อยู่ เพอื่ นกย็ ังขอบใจอยู่ ไอ้เราก็ยังรู้สกึ ภาคภูมใิ จอยู่ มนั กลายเป็นไอ้ดอกไม้ชนิดทีไ่ มร่ ู้จกั เหยี่ ว ไมร่ จู้ ักโรย ไม่รู้จัก อะไรไปเลย ถา้ ดมเองเดย๋ี วกช็ ำ้� รงุ่ ขนึ้ กเ็ หย่ี วโรยทงิ้ ขวา้ งไป ไอค้ วามสนกุ สนานเอรด็ อรอ่ ยเพราะวา่ ไดด้ ม พกั เดยี วกห็ มด ไป สว่ นความรสู้ กึ ชนดิ ทดี่ ใี จ ภาคภมู ใิ จทไี่ ดใ้ หน้ น้ั อยอู่ กี นาน หลายเดือน จนถึงหลายปี หรือบางทจี ะจำ� ได้จนกระทง่ั เป็น ผใู้ หญแ่ ลว้ ยงั จำ� ได้ วา่ เคยใหด้ อกจำ� ปแี กไ่ อเ้ ดก็ คนนนั้ เพอ่ื น คนนั้น เมือ่ ยงั เดนิ ตอ๊ กๆ นม่ี นั ถาวรเหมอื นอยา่ งนี้ ถา้ เราตอ้ งการจะดนู ำ้� หนกั ของความสบายใจ ดชู นดิ 16

ลักษณะของความสบายใจว่ามันมีอย่างไร ต่างกันอย่างไร มากน้อยกว่ากันอย่างไร หนักเบากว่ากันอย่างไร น่ี ต้อง เข้าใจเรื่องอย่างนี้ก่อน แลว้ ค�ำว่าสบาย หมายความว่าได้ก่ี อย่าง อย่างนี้ ก็จะเข้าใจได้ถึงหัวข้อท่ีว่า ‘จิตท่ีรู้สึกเม่ือจะ ให้นน้ั สบายกว่าจติ ท่ีรสู้ กึ เมื่อจะเอา’ 17

ความอยากนน้ั มนั เป็นความรอ้ น ความยึดมน่ั นนั้ มนั กเ็ ป็นความหนัก อวิชชามันกเ็ ปน็ ความมืดมนท์

ความเปน็ ไปของจติ เม่อื คิดจะเอา - เม่อื คิดจะให้ จติ เม่อื คิดจะเอา เรามองดูจติ ที่รสู้ กึ เมอื่ ‘จะเอา’ ก่อน ความจรงิ มัน ไม่มีอะไรท่ีน่าจะเอา ฉะนั้นถ้ารู้สึกว่าจะเอาหรือน่าเอาก็ หมายความว่าเป็นอุปาทานชนิดหนึ่ง เป็นความโง่ อวิชชา ชนดิ หนงึ่ เปน็ ตณั หาชนดิ หนงึ่ ในขณะนน้ั มนั มอี วชิ ชา ตณั หา อุปาทาน มีการกระทำ� ทางมโนกรรม แล้ว ‘ความอยากนั้นมันเป็นความร้อน ความยึด มั่นน้ันมันก็เป็นความหนัก อวิชชามันก็เป็นความมืดมนท์’ ไอค้ วามรู้สกึ สบายอยา่ งร้อน อย่างหนัก อยา่ งมดื มนท์ มนั เปน็ ไดแ้ ต่ส�ำหรับคนตะกละ คนโง่ แล้วคนท่สี ะอาด ท่ีจิตใจ สะอาด ท่จี ิตใจกำ� ลังวา่ งโปรง่ มันสนกุ มนั สบายไปไมไ่ ด้ มนั รู้สึกหวัง รู้สึกอยาก รู้สึกเหมือนกับชะเง้ออยู่อย่างน้ัน หิว หรือชะเงอ้ วา่ อยากจะได้ วา่ อยากจะเอา จะตอ้ งรู้จักความ หิวทางวิญญาณ ความร้อนทางวิญญาณ ความผูกพันทาง 19

วญิ ญาณ ความหนกั องึ้ ทางวญิ ญาณนกี่ นั เสยี กอ่ น ถา้ มองดใู ห้ ดีกจ็ ะรไู้ ด้วา่ ‘โอย๊ , มนั ไม่ใชค่ วามสบาย’ อยา่ งน้อยที่สุดนะ มนั ก็เปน็ การกระตุน้ เป็นการกระตุ้นทำ� ใหเ้ กดิ ความตน่ื เตน้ เกดิ ความกระตนุ้ กด็ ูเถอะ ถ้ามันไดอ้ ะไรท่ีถูกใจจรงิ ๆ นะ อย่าวา่ แตใ่ จ แม้แต่ มือมันก็ส่ัน ย่ืนมือไปรับด้วยมือสั่น น่ีหมายความว่าใจมัน สั่นเสยี เหลอื เกนิ แล้ว เม่อื ได้ นีห่ มายความว่ามันถกู เชดิ ถกู กระตุ้น เน่ืองในการได้หรือการเอา รู้สึกว่าเป็นสุขก็ตามใจ มนั ก็เป็นสุขมันสบายตามแบบของคนนั้น ทนี ถ้ี า้ จะพดู ตามแบบของวถิ ขี องจติ วทิ ยาแทๆ้ มนั ก็ ไม่ใช่ความสงบ ไม่ใช่ความเยือกเย็น หรือความกระตุน้ หรอื ความร้อน ทีนี้ถ้าพูดถึงหลักธรรมะในพุทธศาสนา ตามแบบ ของพระอรยิ เจ้าแลว้ มันกเ็ ป็นเรื่องใช้ไม่ได้ จิตทถ่ี ูกเชดิ ถูก กระตุ้น ถูกกระท�ำให้ฟุ้งขณะนั้นมันใช้ไม่ได้ แม้แต่สิ่งท่ี เรียกว่า ปีติ ปีติปราโมทย์ ถ้าเป็นอย่างอาศัยโลก อาศัย อามิส อาศยั วตั ถนุ ี้ มนั ก็เหมอื นกนั มนั เหมอื นกบั สงิ่ กระทบ กระทั่งจิต รบเร้าจิต ไม่มีความสงบสุข ไอ้เร่ืองปีติ แต่คน 20

ทั่วไปก็รู้สึกชอบ ได้ปีติจนน้�ำตาไหล ก็รู้สึกชอบ ได้ปีติจน เนอื้ ตัวส่ันก็รูส้ กึ ชอบ ผมเข้าใจวา่ เคยผ่านกันมาแล้วไม่มากกน็ ้อย ไอ้เรอ่ื ง ปตี หิ รอื ความสขุ ชนดิ น้ี เคยรจู้ กั มนั มาแลว้ ผมกร็ จู้ กั และมนั ควรจะรู้จักต่อไปว่ามันไม่ใช่ ไม่ใช่ความสบาย ไม่ใช่ความ ผาสกุ ไมใ่ ชค่ วามสงบเยน็ ไอก้ ารเอา การได้ การอะไรอยา่ งน้ี ไมใ่ ชค่ วามผาสกุ ไมใ่ ชค่ วามสงบเยน็ นกี่ ารไดล้ กั ษณะอยา่ งนี้ จติ เม่อื คิดจะให้ เม่ือไม่เอา เม่อื ไมไ่ ด้ หรือเม่อื เจตนาจะไม่เอา มนั ไมม่ อี าการอยา่ งน้ี ไมม่ อี าการทถ่ี กู เชดิ หรอื ถกู กระตนุ้ หรอื ถกู กระทงุ้ กระแทกอะไรอยา่ งนี้ นมี่ นั เปน็ รอ่ งรอยของความ สงบ เปน็ ลกั ษณะของความสงบ ไมเ่ อา มนั ไมส่ งบ แลว้ ใหม้ นั ยง่ิ กว่านน้ั อีก มนั เปน็ เรอื่ งสงบยงิ่ ขึ้นไปกวา่ น้ันอีก แต่ค�ำว่า ‘ให้’ ในที่นี้ไม่ใช่ให้ลงทุนค้า ไม่ใช่ให้เพื่อ ปลอบใจตัวเอง และไม่ใช่ให้เพื่อว่าเราจะได้ภาคภูมิใจว่า เราเป็นคนให้ ค�ำว่า ‘ให้’ ในท่ีนี้ ตามความหมายก็หมายถึง 21

เสียสละหรือบริจาค ไม่ยึดม่ันถือมั่น เอาความไม่ยึดม่ันถือ มนั่ เปน็ หลกั จงึ เรยี กวา่ ‘ให’้ ไมห่ วงั ไมต่ อ้ งการ ไมย่ ดึ มน่ั ถอื มน่ั ไมม่ ีตัณหา ไมม่ อี ุปาทานในสิง่ เหล่านนั้ น่ีเรียกวา่ ‘ให้’ เพราะจิตมันจะน้อมไปเพ่ือส่ิงน้ีเท่านั้น เพ่ืออาการอย่างนี้ เทา่ น้นั มนั กส็ บายเสียแล้ว พอมันมอี ย่อู ย่างน้ันจริงๆ ก็ย่ิง สบายจริง น่ีอันนีเ้ รียกวา่ จติ หรอื ความรูส้ ึกทเ่ี กดิ ขนึ้ เมื่อจะ ใหห้ รอื เมอ่ื ใหก้ ต็ าม สบายกวา่ จติ ทม่ี คี วามรสู้ กึ เมอื่ จะเอา ไอ้ เมอ่ื จะเอานน้ั มนั เปน็ ทางการสง่ เสรมิ ตวั กขู องกู หรอื เปน็ การ กระท�ำของตวั กูของกู ไอจ้ ติ เมอื่ จะ ‘ให’้ นนั้ มนั เพอ่ื จะลด ลดเสยี ซง่ึ ตวั กขู อง กู เอากันอย่างเลวๆ วา่ มนั จะให้ จะให้ไปเสียใหส้ มน้�ำหนา้ ทม่ี นั ยดึ ถอื หวงแหน อยา่ งนกี้ ย็ งั ดี ยงั ดกี วา่ ทจี่ ะไมท่ ำ� อยา่ ง... ท่ีวา่ ‘ให’้ ประชดกเิ ลสซะอยา่ งนก้ี ย็ งั ดี ยงั มผี ลในทางฝา่ ยที่ จะทำ� ลายตัวกูของกู ถา้ วา่ ‘ให’้ โดยเรยี บรอ้ ย ดว้ ยสตปิ ญั ญาไปตามความ รสู้ ึกทีว่ ่ามันควรกระท�ำอยา่ งยง่ิ กใ็ ชไ้ ด้ดี ไอ้ ‘ให้’ เพือ่ ประชดประชนั กเิ ลส ตวั กขู องกูน่มี นั ยงั รอ้ นอยบู่ า้ ง แตม่ นั ยงั รอ้ นไปในฝา่ ยทจ่ี ะเผาผลาญกเิ ลส ไมใ่ ช่ 22

ใหก้ เิ ลสเผาเรา ยงั ดกี วา่ จดุ ไฟขน้ึ เผากเิ ลส ไอค้ นจดุ มนั กร็ อ้ น ทั้งนั้น แต่ยังดีกว่าชนิดที่กิเลสมันเผา เผาคน เผาเรา การ ประชดกิเลสที่ถูกต้องได้ผลก็เป็นการปฏิบัติธรรมชนิดหน่ึง ด้วยเหมือนกัน แต่อย่าประชดแบบหุงข้าวประชดหมา ปิ้ง ปลาประชดแมว อยา่ งนั้นมันไม่ได้ มันโกหก มันหลอกลวง มนั เขา้ ขา้ งตัวต่อไปอีก คอื มนั ท�ำกเิ ลส ท�ำความชัว่ ประชด ไมใ่ ช่ท�ำสง่ิ ทต่ี รงขา้ มเพ่ือประชด นี่มันเป็นบทเรียนอย่างย่ิงท่ีจะต้องใช้ในการเป็น อยู่อย่างนี้ ท่ีนี่ หรืออย่างท่ีเรามีหลักมีเกณฑ์อย่างท่ีน่ี ถ้า ไม่ศึกษาฝึกฝนในบทเรียนอย่างนี้แล้วมันไม่มีอย่างอ่ืน มัน ล้มเหลวหมด มันเปน็ บทเรียนชนิดท่ีพุ่งเขา้ ถงึ ตวั ปราดเขา้ ถงึ ตวั คอื วา่ เลน่ กบั กเิ ลสโดยตรงเลย รบราฆา่ ฟนั ตอ่ สกู้ นั กบั กเิ ลสโดยตรงเลย ไม่ใช่เพยี งแตเ่ รียนหนงั สือ ทอ่ งจำ� หรอื วา่ พดู ได้ คดิ เก่ง เหตผุ ลเกง่ โวหารเก่ง นนั้ มันไปไมร่ อด อนั นั้น คือเล่นตลกต่อตัวเอง ประชดกิเลสให้กิเลสยิ่งได้เปรียบ น่ี เราไม่ต้องคำ� นึงถึงสิ่งเหล่านั้น ไมต่ ้องอ่านหนังสือเลย ท่ผี ม พูดนี้มันไม่เกี่ยวกับหนังสือ มันไม่ต้องอ่านหนังสือ ไม่ต้อง ใช้หนังสืออะไรอีก แต่ใช้วิธีการโดยตรง จ้ีลงไปโดยตรงที่ 23

ความรู้สึกท่ีเป็นตัวกูเป็นของกู ว่ามันมีอยู่อย่างไร ในวัน หนึง่ ๆ ตรงน้ี ถ้าจะได้ ไดใ้ หเ้ ป็น ไมเ่ ปน็ ทกุ ข์ ก็ขอให้นึกดูให้ดีว่า ในวันหนึ่งๆ เรามันมีเรื่องสอง อย่างน้ี คือ เรื่องได้กับเร่ืองเสีย เร่ืองดีใจเสียใจ เร่ืองยินดี ยินร้าย มเี ทา่ นี้ วนั หน่งึ ๆ ปญั หามันมเี ท่านี้ ถ้าได้กร็ ะวงั ให้ ดี มนั จะเปน็ การไดช้ นดิ ทจี่ ะทำ� ใหข้ าดทนุ นกึ ถงึ คำ� กลอนอกี บาทหนงึ่ ว่า ‘ถา้ จะได้ ไดใ้ ห้เป็น ไม่เปน็ ทกุ ข์’ คำ� วา่ ‘ได้ใหเ้ ป็น ไมเ่ ปน็ ทกุ ข์’ มันตอ้ งไดช้ นดิ ท่ีตรง กนั ขา้ มกบั ที่คนเขาไดก้ ัน คนทเ่ี ขาได้ๆ กนั ตามประสา มนั เปน็ ไดด้ ว้ ยกเิ ลส เพอื่ กเิ ลส ของกเิ ลส ของคนตะกละ นเ้ี รยี ก ไดว้ า่ ไดไ้ มเ่ ปน็ คอื เปน็ ทกุ ข์ ถา้ ไดใ้ หเ้ ปน็ นะ่ มนั ไดอ้ ยา่ งทเี่ รยี ก ว่า ‘ไม่ได้’ ที่คนธรรมดาเขาเรียกว่าไม่ไดค้ ือไมเ่ อา ‘ได้อย่าง ท่ีไมเ่ อา’ เหมอื นที่ไปซอื้ ของที่ตลาดไม่เอาอะไรมาอยา่ งนน้ั แหละ ไดใ้ ห้เป็นไมเ่ ป็นทุกข์ ได้เมียไดล้ กู ได้ผัวไดเ้ งนิ ได้ของ ไดอ้ ะไรกต็ าม ถา้ ได้เปน็ ตามวิธีนลี้ ะกไ็ มม่ คี วามทุกข์ แต่นัน่ แหละ มนั อาจจะมีปัญหาอย่างอ่ืน ไม่ฝ่ายเรา มนั กม็ ฝี า่ ยอนื่ 24

มันก็เป็นเร่ืองรบกวนเหมือนกัน แต่พูดโดยเนื้อแท้ในฝ่าย บคุ คลผมู้ ีสติปญั ญามีความรเู้ ทา่ ทันในสง่ิ เหลา่ น้ี ยามจะได ้ ได้ให้เปน็ ไม่เป็นทุกข์ ยามจะเปน็ เป็นให้ถูก ตามวิถี ยามจะตาย ตายใหเ้ ปน็ เหน็ สุดดี ถ้าอยา่ งน ี้ ไม่มีทกุ ข์ ทกุ วันเอย ฯ จากบทกลอน \"ยามไหนกไ็ ด้\" หนังสอื พุทธทาส มันเร่ืองเดียวกันกับอันนี้ ทีน้ีพอเรามองดูโดยทั่วไป คนท่ัวไปเขาไม่เป็นอย่างนี้ มันก็ต้องเป็นทุกข์ ดังน้ันเอา ข้างไม่ได้ไว้จะดีกว่าท�ำง่ายกว่า ข้างที่จะสละหรือจะสลัด ออกไปทำ� ง่ายกว่าท่ีจะพดู ว่าไดใ้ ห้เป็น ท่ีว่าได้ให้เป็นนนั่ นะ่ คือรู้จักสลัดออกไป ในการได้นั้นนะเป็นการได้ท่ีไม่ได้เอา อะไรมา แต่เขาฟงั ไม่ถกู ผมก็ถกู หาว่าบา้ บอในค�ำพดู ชนิดนี้ อยูเ่ สมอ เพราะเขาฟังไม่ถกู เขากว็ ่าผมพดู ภาษาอะไรก็ไมร่ ู้ ก็พยายามพูดภาษาธรรมดาท่ีสุดแล้ว ให้รู้จักสิ่งส่ิงหน่ึงซึ่ง มนั ซอ่ นอยหู่ รอื มนั แฝงอยใู่ นคำ� เหลา่ นน้ั มนั กลายเปน็ ภาษา คนละชน้ั อยา่ งทเ่ี รยี กวา่ ‘ภาษาคน ภาษาธรรม’ แตม่ นั คอ่ ยๆ เขยิบมาทีละนิดๆ ไม่ถึงกับหันหลังใหก้ ันเสยี ทเี ดียว 25

ไปนกึ ถงึ เร่อื งเด็กเม่อื ตะก้ีน้ี พอเอาดอกไม้ไวด้ มเอง กับเอาใหค้ นอน่ื เสียอนั ไหนสบายกว่า มนั กไ็ มไ่ กลกนั นกั กับ ความรสู้ ึกของคนธรรมดาที่อาจจะรสู้ ึกได้ โดยไมต่ อ้ งอาศยั ธรรมะช้ันลึกซ้ึง ช้ันสูงสุด แต่มันก็เป็นไปในทางฝ่ายของ ธรรมะชนั้ สงู สดุ ถา้ เผอญิ เดก็ คนไหนมนั ไมไ่ ดค้ ดิ วา่ จะใหโ้ ดย วิธอี ยา่ งนี้ แต่เผอิญมันได้ให้ไป ไอเ้ ด็กบางคนมันเผอญิ ได้ให้ ดอกไมน้ น้ั ไปแกเ่ พอื่ น แลว้ มนั มาเกดิ ความรสู้ กึ อยา่ งนอ้ี ยไู่ ด้ นน่ี ะ่ มนั รธู้ รรมะขอ้ นโ้ี ดยบงั เอญิ โดยไมเ่ จตนา โดยไมร่ สู้ กึ ตวั มนั กเ็ ปน็ เดก็ ทเี่ ขา้ ถงึ ธรรมะพรวดเดยี วลกึ กวา่ เดก็ อกี ตงั้ รอ้ ย ตงั้ พนั ตง้ั หมน่ื ตง้ั แสน หรอื กวา่ คนโตๆ หวั หงอกแลว้ ตง้ั หมน่ื ตงั้ พัน ตัง้ แสน ซ่ึงไม่เคยมีความรสู้ กึ อย่างน้ี 26

ดีอยูท่ ่ีละ พระอยูท่ ่ีจรงิ ไอ้เร่ืองได้เรื่องเสียเร่ืองอะไรน้ีระวังให้ดี จะได้เป็น พระที่ดี ‘ดีอยู่ที่ละ พระอยู่ท่ีจริง’ อย่าเป็นพระท�ำการค้า ไปใช้วาจาพูดประจบประแจงให้เขาให้ หรือว่าท�ำสิ่งของ ข้ึนแลกเปล่ียน เพื่อให้เขาให้ เมื่อความต้องการของเขามี มากกว่า เขากต็ อบแทนไอ้ส่งิ นมี้ ากกว่าทเ่ี ราลงทนุ อยา่ งนี้ ไมใ่ ช่เร่อื งให้ ไมใ่ ช่เรอ่ื งสละ ไม่ใช่เรือ่ งทำ� ใหห้ มดไปซงึ่ ตัวกู ของกู ไม่ควรจะอย่ทู น่ี ่ี ขอเชญิ ไปอยทู่ อี่ น่ื ถา้ อยากจะอยูท่ ีน่ ี่ ก็เหมอื นกบั ทีพ่ ดู มาหลายครั้งหลายหน หลายสิบครัง้ หลาย สบิ หน ‘กนิ ขา้ วจานแมว อาบนำ�้ ในคู เปน็ อยเู่ หมอื นตายแลว้ ’ ทำ� งานไมเ่ พอ่ื ตวั กขู องกแู ตป่ ระการใด ‘ทำ� งานใหค้ วามวา่ ง’ ผมเปน็ ผรู้ บั คำ� ดา่ เอง วา่ พดู บา้ ๆ บอๆ อะไรไมร่ ู้ ‘ทำ� งานดว้ ย จิตว่าง ยกผลงานใหค้ วามวา่ ง กินอาหารของความวา่ ง เป็น อยู่เหมือนกบั ตายแล้ว’ นั่นมันเป็นเครื่องทดสอบท่ีดี ในประโยคส้ันๆ ท่ีว่า ความรู้สึกท่ีเกิดข้ึนเม่ือจะให้สบายกว่าความรู้สึกท่ีเกิดข้ึน เม่ือจะเอา ไปปรับปรุงให้มันเข้ารูปอย่างน้ี มันก็เลยเข้าชุด เข้าเซ็ตกนั หมดไปเลย 27

อย่ามไี อ้เครือ่ งประดับประดา ชนิดท่เี ปน็ เหยื่อของกเิ ลส เป็นเหย่อื ของวตั ถุ อยา่ ให้มนั มีตามกุฏทิ ี่อยู่ แล้วมันจะประจานตัวเอง ถึงความไม่เปน็ พระ ไม่เป็นบรรพชิต ถา้ จะมีอะไรก็ให้มันมีอะไรกไ็ ปในทางทแ่ี สดง ความเป็นพระ เปน็ บรรพชิต หรอื ไมม่ อี ะไรก็ยิ่งดี

ความเปน็ อยู่ เปน็ เกลอกับวตั ถุ - เปน็ เกลอกับธรรมชาติ กินข้าวจานแมวน้นั มันสบายกว่ากินสำ� รบั คบั ค้อน อาบนำ้� ในคมู นั ดกี วา่ อาบนำ�้ ในหอ้ งนำ้� ทก่ี ำ� ลงั คดิ จะ สรา้ งจะท�ำกันอยู่ ด้วยความฟุ้งเฟ้อ นอ่ี ยอู่ ย่างไมม่ ีตวั ฉนั นะ ทค่ี นอนื่ เขาเหน็ วา่ มนั เปน็ เรอื่ งเหนอื่ ยเปลา่ ๆ ไอก้ ารคดิ แบบ นี้ มนั ดีทีส่ ุด สบายทีส่ ดุ อยู่โคนไม้สบายกว่าอยู่ในกุฏิ หรือกระท่อม อย่โู คน ไม้ตามแบบพระพุทธเจ้าท่านสอน หรือท่านขอร้อง เราก็ ตกลงกันในวันบวชอุปสมบท ที่บอกอนุศาสน์น้ี มันก็เป็น เร่ืองที่ไม่ใช่เล็กน้อย อยู่โคนไม้มันสบายกว่าอยู่ในกุฏิเล็กๆ แมอ้ ยใู่ นกฏุ เิ ลก็ ๆ มนั กส็ บายกวา่ อยใู่ นตกึ ปราสาทหรอื วมิ าน ในเมอื งเทวดา ถา้ ไมอ่ ยา่ งนน้ั พระพทุ ธเจา้ กจ็ ะสอนในวนั บวช ว่าพยายามไปอยู่ในวิมานอยู่ปราสาท จงพยายามๆ อยู่ใน วิมานปราสาทแทนที่จะว่าอยู่โคนไม้ นนั่ โคนไม้ นั่นที่สงัด จงใช้มันใหเ้ ป็นประโยชน์ อย่า 29

ต้องเป็นผู้เสียใจในภายหลัง ให้พยายามอยู่นอกกุฏิกันบ้าง ผมรูส้ ึกว่ายงั อยใู่ นกุฏิกันมากเกินไป ทเี่ หน็ ๆ อย่นู ้ี เดี๋ยวจะหาว่าผมเอาเปรยี บหรอื โกหก เพราะว่าเดี๋ยวน้ีผมมันแก่ มันเอาแต่อยู่ในกุฏิมากเกินไป ถ้าเอากันว่าอยู่ที่สวนโมกข์ท่ีพุมเรียงแล้วก็ เอาอย่างน้ัน แหละ ผมไมไ่ ดอ้ ยู่ในกุฏเิ หมอื นกบั ท่ีเดยี๋ วนี้ หวั คำ่� ก็ไมไ่ ดอ้ ยู่ ในกุฏิ ไก่ขันก็ไม่ได้อยู่ในกุฏิ มันก็อยู่ตามข้างนอก เพื่อชิม รสขา้ งนอก เดินไปเดินมาจนทางลึกเหมือนกับเป็นรถไฟมาขูด เพราะมันไม่ได้เดินไปไกลๆ มันเดินไปเดินมา มันมืด มัน เดินไปไกลไม่ได้ มันก็เดินไปเดนิ มา เพือ่ คิดเพื่อนกึ เพอ่ื อะไร ไป เดินคิดนนั้ ดีกวา่ นอนคดิ เลกิ เขา้ ใจผิดสักที ไอ้นอนก่าย หนา้ ผากคดิ นน้ั นะมนั คดิ ออกเหมอื นกนั แตม่ นั คดิ ออกไปใน ทางใช้ไม่ได้ท้ังน้ันแหละ ถ้าไปน่ังตรงโคนไม้ ไปเดินตามท่ี โล่งท่ีแจ้ง เดินคดิ นะ คิดออกถกู ตอ้ งกว่า คดิ อะไรก็ตาม คณุ จะคิดอะไรก็ตาม คิดเร่ืองโลกๆ ก็ได้มันถูกต้องกว่าที่จะไป นอนในท่นี อน แล้วนอนคดิ โดยเฉพาะนอนคิดเมือ่ ฝนั เมอ่ื ก�ำลังจะเคลิ้มๆ น่ะยิ่งคิดฟุ้งใหญ่ คิดออกวิเศษเลย พอต่ืน 30

ขน้ึ มา พอลุกขึ้นมา ‘อา้ ว, ผดิ หมด’ ความคดิ นน้ั มนั ผิดหมด ความคดิ ทค่ี ดิ ไดเ้ มอ่ื นอนคดิ นะ่ ผดิ มนั เปน็ เพราะขอ้ นแ้ี หละ ทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทา่ นวา่ อยโู่ คนไม้ คอื อยกู่ บั ธรรมชาติ อยกู่ บั ก้อนหนิ ก้อนดนิ ต้นไม้ เป็นเกลอกบั ธรรมชาติ ความคิด มันไปในทางถูก ถ้าอยู่ในกุฏิกับที่นอนอ่อนนุ่มหรือว่าห้อง หบั อนั อบอุน่ อะไรน้ี ความคิดมันไปทางอนื่ และสว่ นมากก็ ไหลไปในทางเอาทางได้ ทางเอา จะเอา จะได้ แล้วกไ็ หลไป ในเรอ่ื งวัตถุ เร่ืองกามารมณ์ เรอ่ื งวตั ถุ เม่ือยังหนุ่มๆ อยู่ ยังแข็งแรงอยู่ ยังสู้อะไรได้น่ี ก็ พยายามเข้มแข็งในการท่ีจะเป็นเกลอกับธรรมชาติ แล้ว พยายามท�ำในจิตเหมือนกับว่าไม่มีที่อยู่ ไม่มีท่ีอยู่หรือไม่มี การอยู่ กจ็ ะดีมาก 'ไมม่ อี ะไร' สบายกวา่ 'มอี ะไร' เพราะฉะน้ัน อย่ามีไอ้เคร่ืองประดับประดาชนิดท่ี เป็นเหย่ือของกิเลส เป็นเหย่ือของวัตถุ อย่าให้มันมีตาม กุฏิที่อยู่ แล้วมันจะประจานตัวเองถึงความไม่เป็นพระ ไม่เป็นบรรพชิต ถ้าจะมีอะไรก็ให้มันมีอะไรก็ไปในทางท่ี 31

แสดงความเป็นพระ เป็นบรรพชิต หรือไม่มีอะไรก็ยิ่งดี โดยเฉพาะท่ีอยู่ในๆ เข้าไป ลึกๆ เข้าไปนั้นมันเป็นการรับ เป็นการประกาศตัวเองว่าจะอยู่อย่างผู้สงบ แล้วให้มันสงบ แลว้ กจ็ ะรสู้ กึ ธรรมะชนดิ ทก่ี ำ� ลงั พดู นด้ี ว้ ย คอื ไมม่ อี ะไรสบาย กว่ามอี ะไร คุณไปคดิ ดู ‘ไม่มีอะไรน่นั แหละสบายกวา่ มีอะไร ใน เม่ือท�ำทางจิตไม่ได้ก็ท�ำทางกายนี้ไปก่อน’ คือไม่มีทางกาย ไปก่อน ต่อสู้บังคับให้ไม่มีทางกายไปก่อน จนกว่ามันจะ ชนะได้ แล้วก็เป็นไปในทางจิต คือมีเหมือนกับไม่มี แม้จะ ไปอยู่ปราสาทวิมานอะไร ตอนหลังมันก็เหมือนกับอยู่โคน ไม้ เหมือนกบั อยกู่ ลางดนิ ไดเ้ หมือนกัน แต่แรกๆ น้ีอยา่ เพิ่ง มนั ทำ� มนั ยาก เพราะตอนแรกๆ นจี้ ะตอ้ งศกึ ษาจะตอ้ งฝกึ ฝน จะต้องต่อสกู้ ับไอ้ทไี่ มม่ ีนีก้ ันเสยี กอ่ น ไอเ้ รอื่ งวนิ ยั มนั ชว่ ยได้ สกิ ขาบท วนิ ยั มนั จงึ เปน็ เรอ่ื ง บุพพภาค เป็นเรอื่ งเบ้ืองตน้ หรือเปน็ ในขน้ั ตระเตรียม เพื่อ ให้เคร่ง เพ่อื ให้ไม่มี เพอื่ ท่ีจะให้ช่วยใหไ้ มม่ ใี นทางภายนอก ทางวัตถุ ทางระเบยี บวินัย กวา่ ที่จะไปถึงขัน้ ธรรมะ ซง่ึ เป็น เรื่องทางจติ ใจ ทางวตั ถจุ ะมหี รือไม่มกี ็ไมค่ ่อยส�ำคัญนัก 32

การท�ำงาน ดว้ ยจติ วุน่ - ดว้ ยจติ วา่ ง รวมความแล้วอย่ามีอะไรเป็นตัวเรา เป็นของเรา อย่าท�ำอะไรเพื่อเป็นตัวเรา เพ่ือเป็นของเรา อย่าได้อะไร มาเป็นตัวเราเปน็ ของเรา น่นั น่ะมันจึงจะมีเหง่อื ออกมาลา้ ง ตวั กขู องกอู ยู่เรอ่ื ยไป อย่ามีอะไรเป็นตัวเราของเรา, อย่าได้อะไรมาเป็น ตัวเราของเรา, อยา่ ท�ำอะไรเพอ่ื ตวั เราของเรา คุณก็ท�ำไปเถอะไอ้เหงื่อน้ีมันจะล้าง ล้างตัวกู ล้าง ของกูนี้เรอื่ ยไปเลย ถา้ ท�ำอยา่ งอน่ื มันเพ่มิ มนั เพิม่ ตวั กูของ กู มันจะยุ่งกนั ใหญ่ ผลสุดท้ายมนั จะพ่ายแพ้ มนั จะพ่ายแพ้ ทางธรรมะ ทีนก้ี ารงานท�ำไปไดต้ ามเดิม แตจ่ ิตใจตอ้ งเปลี่ยนรูป ไปในทางทวี่ า่ มนั ดขี น้ึ ใหม้ นั พสิ จู นใ์ นตวั มนั เองไดว้ า่ ไมใ่ ชท่ ำ� เพ่ือกู เพือ่ ของกอู ยู่ แล้วกม็ ากขึ้นๆ ไมต่ ้องเปลย่ี นแปลงการ 33

งานให้ลำ� บาก และอีกทหี นึ่งก็ใช้ไมไ่ ด้ คอื ไม่ทำ� อะไร ไอท้ ่ีไมท่ �ำอะไรน่ะมันพูดได้ ไดแ้ ตน่ ัง่ หลบั ตาภาวนา อยทู่ โี่ คนไมไ้ หนตลอดเวลานม้ี นั ท�ำได้ แตม่ นั พสิ จู นไ์ มไ่ ด้ มนั เป็นเรื่องโง่ชนิดหนึ่งก็ได้ เป็นความเข้าใจผิด คือบางทีไอ้ ความขี้เกียจ ความเอาเปรียบนั่นเอง ผลักไปให้ไปท�ำอย่าง นน้ั มนั จะเอาเหงอื่ ไหนมาลา้ งตวั กขู องกู คดิ ดสู ิ ทจี่ ะเอาสต-ิ ปญั ญา อริยมรรค มาล้างนน้ั ยงั ไกล ยงั อย่เู หนอื วิสัยของคน ชนดิ นี้ ฉะนัน้ ต้องทำ� กันเมื่อเคลอื่ นไหวอยูท่ กุ อริ ิยาบถ เมือ่ กนิ เมอ่ื อยู่ เมอื่ นอน เมอื่ อาบ เมอื่ ถา่ ย เมอื่ อะไรกต็ ามใจ แลว้ อะไรท่ีมันเป็นช่องให้เห็นแก่ตัวอันน้ันแหละเอาเข้าไป เพื่อ ให้มันรูด้ ี เห็นดำ� เหน็ แดงกันวา่ ทำ� เพื่อเหน็ แกต่ ัวหรือเปลา่ ความขี้เกียจมันก็เห็นแก่ตัวร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่ แล้ว ถ้าไม่เห็นแก่ตัวมันก็มีประโยชน์ไปทุกอย่างแหละ ไป เคลื่อนไหวก็มีประโยชน์ทุกอย่าง เด๋ียวน้ีเราเลือกสรรและ จัดสรรดเี ปน็ พิเศษอยู่แล้ว ขอให้มองให้เห็นข้อนี้บ้างว่า ถ้าจะเสียเหงื่อไปบ้าง แล้วก็ไม่เสียหลายไม่เสียเปล่าจะต้องเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่ืน 34

ไอ้เหงอื่ มนั ต้องล้างตวั กขู องกู ต่อเมือ่ เหน็ แกผ่ ้อู ื่น ถ้าท�ำงานเพื่อลูกเพื่อเมีย เพ่ืออย่างน้ี เหง่ือนี้มันก็ ไม่ล้างตัวกูของกูอะไร ไอ้เหง่ือนั้นมันต้องไม่มีตัวกูไม่มีของ กู แล้วมันจึงจะล้างตัวกูของกู แล้วมันจะสบาย จะสนุกใน การกระทำ� นนั้ ด้วย ท�ำงานด้วยจติ วุน่ -ทกุ ข,์ ท�ำงานด้วยจติ วา่ ง-สนุก เม่ือจติ วุ่นดว้ ยตวั กู การงานมนั เปน็ ทกุ ข์ เมื่อจิตมนั ว่าง การงานมนั กเ็ ปน็ สขุ หรือสนกุ งานอย่างเดียวกัน คุณลองไปสังเกตดู ใครมีหน้าที่ อะไรท�ำอยู่อย่างนั้น ‘พอจิตวนุ่ ไปทางตัวกขู องกู มันกต็ อ้ ง เปน็ ทกุ ข’์ มนั นอ้ ยใจ มนั เสยี ใจ มนั เศรา้ มนั อะไรหลายอยา่ ง ‘พอจิตว่างจากตัวกู ไอ้งานน้ันอีกแหละมันก็สนุก’ เป็น เรอื่ งสนกุ ไปได้ และเปน็ สขุ ไปไดด้ ว้ ย เพราะมนั ไดเ้ คลอ่ื นไหว ได้ exercise ทั้งร่างกาย ท้ังมันสมอง ท้ังอะไรต่างๆ มัน สบาย เหมือนเราเดินเลน่ ตามสบาย แล้วก็มันภาคภมู ิใจใน ขอ้ ท่ีวา่ ‘เพือ่ ผู้อ่ืน’ ดงั นนั้ ภาวนาไวถ้ งึ ขอ้ ‘เพอื่ ผอู้ น่ื กอ่ น’ กห็ มดเลย มนั 35

จึงจะมีผลอย่างที่ว่านี้ คือว่าจะรู้สึกสบายต่อเม่ือรู้สึกว่าจะ ไม่เอาหรอื จะสละ จิตเมื่อจะใหส้ บายกว่าจติ เมื่อจะเอา จะ รจู้ ริง จะร้จู กั จิตเหล่าน้จี รงิ แลว้ ก็เขา้ ใจคำ� ที่ผมพูด แล้วมนั กจ็ ะเปน็ การทดสอบตวั เองขนึ้ มาทนั ทวี า่ ไปถงึ ไหนแลว้ เปน็ อิสระแก่ตัวให้มาก ให้ถูกวิธีให้ถูกทาง อย่าไปเป็นทาสของ วตั ถุ อยา่ ไปเป็นทาสหรือคลอ้ ยตามบุคคลทีม่ นั โง่ ไอ้เรามันก็มีปัญหาสองอย่างน้ี เดี๋ยวก็หลงไปเป็น ทาสของวัตถุ ของสวย ของหอมของเอร็ดอร่อย เดี๋ยวก็ ไปเป็นทาสของบุคคล ที่เกลี้ยกล่อม ชักจูง ชักชวน ไอ้ ความเป็นทาสนีม้ นั ไม่ดที ้ังนัน้ แหละ แต่วา่ ถ้าเปน็ ทาสของ พระธรรม พระพทุ ธ พระสงฆ์ ยงั ดกี วา่ ยงั ดกี วา่ เปน็ ทาสของ กิเลส หรอื เป็นทาสของมนุษย์ดว้ ยกันนม้ี ันไม่ไหวแน่ ไมต่ อ้ ง คดิ ไมต่ อ้ งสงสัย ทใ่ี นทีส่ ดุ มนั มอี ยทู่ ่ตี รงน้ี ‘เป็นทาสกิเลสก็คือเป็นทาสตัวกู เป็นทาสของกู’ เปน็ ทาสไอค้ วามรสู้ กึ วา่ ตวั กวู า่ ของกู คอื วา่ เปน็ ทาสของกเิ ลส กเิ ลสมนั ไมไ่ ดอ้ ย่ทู ่ีไหน อยู่ทีน่ ่ี กเิ ลสท้งั หมดจะเรยี กโดยช่ือ ว่าอยา่ งน้ันวา่ อย่างน้ี วา่ ก่สี บิ อย่างกีร่ ้อยอยา่ งก็ตาม มันมา รวมอยู่ทคี่ �ำคำ� เดียววา่ ‘ตวั กขู องกู’ ความโลภ ความโกรธ 36

ความหลง ความเกลยี ด ความกลัว ความอิจฉารษิ ยา ความ อะไรกต็ ามมันออกมาจากไอต้ ัวน้ี ออกมาจาก ‘ตัวกูของกู’ ค�ำว่า ‘ให’้ มันจงึ ควรสรุปความวา่ ‘ให้ตัวกูของกู ออกไป’ น่ีคนชาวบ้านจะฟังไม่ถกู เพราะคำ� พูดมันมอี ยู่สอง คำ� ดิ้นไดอ้ ยเู่ สมอไป ไอใ้ ห้ตัวเรา ให้ตวั กนู ีม่ นั ต่างกนั เหมือนกบั ที่วันก่อนพดู ถงึ เรื่องตาย ถ้าตายอย่างคน ประมาทมันก็ไม่ควรตาย ถ้าตายอย่างสุญญตา ตายอย่าง อนัตตานน้ั ควรตายอย่างยง่ิ ท่ีว่า ‘ให้ตัวกู’ ถ้าให้แก่กิเลสนั้นอย่าให้เลย อย่า ให้เป็นอันขาด พระพุทธภาษิตหรือธรรมภาษิตอะไรท่ีว่า อตตฺ านํ น ทเทยฺยโปโส แปลว่า เปน็ ลูกผู้ชาย เปน็ บรุ ุษ ไม่ควรให้ซึ่งตน น้ันน่ะหมายถึงให้แก่กิเลส ที่เราสละตัว ตนออกไปเสียน้ีไม่ได้ให้แก่กิเลส อย่างนี้ควรให้ ท�ำลายตัว ตนเสีย ใหต้ ัวตนออกไปเสีย เพ่อื จะได้หมดตวั ตน ระวงั ใหด้ ี พระพุทธภาษิต หรือบาลีอะไรก็ตาม ถ้าเข้าใจผิดแล้ว มัน ผดิ กนั ใหญ่เลย ซึง่ ถา้ พูดว่าใหต้ นเสียนี้ ใหต้ ัวตนของตน ตัว กูของกูหมดไปเสีย อย่างนี้มันถูก แต่ถ้าว่าให้ตัวตน ตัวคน แก่กิเลสไปท�ำตามอ�ำนาจกิเลส อันนี้มันผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ 37

ตรงกนั ขา้ ม ดังนั้นค�ำที่เขาห้ามไว้ว่า ‘อย่าให้ซึ่งตน’ นั้นนะเขา หมายถงึ ใหต้ วั ตนแกก่ เิ ลส ตามแตก่ เิ ลสจะพาไป มนั เปน็ ทาส ของกิเลส ท่ีตอ้ งให้ตัวตนให้หมดออกไป สละตวั ตนออกไป บรจิ าคตวั ตนออกไป ใหแ้ กใ่ ครก็ไม่รู้ เพราะถา้ ไมร่ วู้ ่าใหแ้ ก่ ใคร ก็คอื ใหแ้ กค่ วามวา่ ง ท�ำใหม้ นั ว่างไป ‘บริจาคตัวตน’ อย่างนีม้ นั ควรบรจิ าค เพ่ือวา่ มันจะ ไดห้ มดตวั ตนกนั เสยี ที ระวงั อยา่ ไปเพม่ิ มนั เขา้ อยา่ ไปปลกู ฝงั มนั เข้า อย่าไปรดน�้ำพรวนดินมนั เข้า โดยวธิ ที ีจ่ ะ ‘หาความ สุขจากการใหอ้ อกไป ไม่หาความสขุ จากการเอาเข้ามา’ ให้ สมกับความหมายของคำ� ว่า ‘โมกข์ๆ’ คำ� วา่ ‘โมกข’์ นม่ี นั แปลวา่ ออกไป ไมใ่ ชเ่ ขา้ มา สวน โมกขพลาราม ป่าไมเ้ ปน็ ก�ำลงั แก่ความออกไป แก่โมกษะ คือว่าออกไป นั้นมีความหมายถึงการออกไป หรืออะไร ก็ตามท่ีมันมีอยู่ในสายตา จัดหรือกระท�ำให้มันส่งเสริม ในทางออกไปๆ กระท่ังว่าอยู่ในกรงก็มันไม่เป็นกรง กระทั่งว่ากินก็เหมือนกับไม่กิน กระทั่งว่าได้ก็เหมือนกับ ไม่ได้ แม้อยู่ในภาวะที่เขาเรียกกันว่าเอา ก็เหมือนกับ 38

ไมไ่ ดเ้ อา หรือไม่เอาจรงิ ๆ ดงั นน้ั ไอว้ ธิ ที ง่ี า่ ยทสี่ ดุ ทป่ี ลอดภยั ทสี่ ดุ ดที ส่ี ดุ สำ� หรบั คุณที่ไม่ต้องคิดอะไรมากคือว่า อย่าเอาเข้ามาเพื่อตัว อย่า ทำ� เพื่อตัว อยา่ เพื่อตัวกูของกู เปน็ อยเู่ หมือนกับตายแล้วน่ัน แหละ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือไม่มีตัวกูเสียแล้ว นิพพานเสีย กอ่ นตาย นพิ พานคือตายเสยี กอ่ นตาย หัดตายเสียก่อนตาย ไมม่ ตี ัวฉันเสียแล้ว ถา้ มนั ไมไ่ ด้ คอื มนั ไมไ่ ดเ้ ดด็ ขาด กใ็ หม้ นั มเี วลาทไี่ มม่ ี ตวั ฉนั นนั้ นะ่ มากขนึ้ ๆ ใหเ้ วลาทม่ี ตี วั ฉนั ตวั กนู น่ั นะ่ ใหม้ นั นอ้ ย ลงๆ จนแวบเดยี วรสู้ กึ แวบเดยี วรสู้ กึ เกดิ ตง้ั อยไู่ มไ่ ด้ เกดิ ขน้ึ แลว้ กด็ ับไป ตง้ั อยไู่ มไ่ ด้ มนั วา่ งจากตวั ฉนั อยเู่ รอื่ ยๆ ไป มนั ก็ ไม่มโี อกาสของกเิ ลส ไมม่ ีท่ีตั้งทอ่ี าศยั ของกิเลส ทิฏฐิ มานะ ความอวดดี ความด้ือร้นั ความอะไรมนั ก็ไมม่ ที ต่ี ง้ั ไม่มที ี่เกิด หาการงานที่ท�ำลายความเหน็ แก่ตัว ฉะนนั้ เรเ่ ขา้ ไปหาการงานชนดิ ทที่ ำ� ลายความเหน็ แก่ ตวั หลีกห่างจากงานชนดิ ท่ีวา่ เพม่ิ ความเห็นแก่ตวั ไมเ่ ท่าไร ก็จะเกิดความสูงในทางจิตใจ สูงถึงระดับท่ีว่า ความรู้สึก 39

เม่ือจะให้น้ันสบายกว่าความรู้สึกเม่ือจะเอา นี่ก็เป็นเหมือน ปรอท หรือเขม็ วัด หรืออะไรอนั หนึง่ ทจ่ี ะต้องมไี ว้ให้ทุกคน จงวดั ดู ทดสอบดู อยา่ บง๊ เบง๊ ๆ วนั หนงึ่ ๆ ไปดว้ ยความอวดดี ดว้ ยความสะเพรา่ ดว้ ยความคดิ วา่ ‘โอ,้ กถู กู หมดแลว้ ไมผ่ ดิ เลย’ นัน้ แหละคือความฉิบหาย ฉิบหายอย่างย่ิง คอื มนั โลเล แกว่งไปแกว่งมาๆ แล้วแกว่งไปในทางท่ีมันไกลออกไปจาก จดุ หมายปลายทางโดยไมร่ ู้สกึ ตวั ก็ได้ สำ� รวมระวงั อยา่ ไปมวั หวั เราะอยู่ อยา่ ไปพดู มากอยู่ มสี ตสิ มั ปชญั ญะใหม้ ากอยเู่ รอื่ ย พอหวั เราะ พอพดู พลา่ ม นนั่ คอื ไม่มีสติสัมปชัญญะ คุณดูให้ดๆี สังเกตให้ดๆี เมอื่ ไรมกี าร พดู พลา่ ม เมอื่ ไรมกี ารหวั เราะรว่ น เมอ่ื นนั้ หาสตสิ มั ปชญั ญะ ไมไ่ ด้ ใหน้ ง่ิ เงยี บ เหมอื นไดนาโมลา้ นโวลตน์ น้ั ละ มนั เงยี บถา้ ไปถกู เขา้ มนั เปน็ จณุ ไปเลย ตอ้ งอบรมจติ ในลกั ษณะอยา่ งนนั้ แล้วจึงจะสูก้ นั กับกเิ ลสได้ เป็นอยู่ชนดิ ทเ่ี ราท้าทายกิเลส ไมใ่ ชก่ เิ ลสท้าทายเรา ถา้ พูดโดยไมส่ มมติ พูดอย่างภาษาธรรมะก็วา่ ให้สติปัญญา ใหโ้ พธมิ นั ทา้ ทายกเิ ลส อยา่ ใหก้ ิเลสมนั ทา้ ทายโพธิ กิเลสมันก็เป็นความรู้ โพธิก็เป็นความรู้ กิเลสเป็น 40

ความรชู้ นดิ หนงึ่ เปน็ ไปทางตวั กขู องกู โพธกิ เ็ ปน็ ความรชู้ นดิ หนง่ึ ไมม่ ตี วั กไู มม่ ขี องกู ใหโ้ พธมิ นั เยย้ หยนั กเิ ลส อยา่ ใหก้ เิ ลส มนั เย้ยหยันโพธิ ทีนี้มันเผลอเสียเรอ่ื ย กเิ ลสมนั ก็เยย้ หยัน โพธเิ รอ่ื ยไป น่ีก็คือธรรมะปาฏิโมกข์ ทุกวันธรรมสวนะ เจ็ดวัน คร้ัง แปดวนั ครั้ง เพ่ือซ้อม หรอื ย�้ำไอ้ความรสู้ ึก หรอื ความรู้ ที่แล้วๆ มาอย่เู สมอ แล้วกเ็ พื่อขยายความบางอย่างออกไป ใหช้ ดั เจนยงิ่ ขน้ึ แตร่ วมแลว้ ไมม่ เี รอ่ื งอะไรนอกจากเรอื่ งตวั กู ของกเู รอื่ งเดยี ว เพอ่ื วา่ จะไดม้ คี วามกา้ วหนา้ ในทางจติ ใจ ไป สคู่ วามวา่ งจากตวั กขู องกู คอื มรี า่ งกายมชี วี ติ มจี ติ ใจนกึ คดิ ได้ แต่ไม่เจืออยู่ด้วยความหมายม่ันว่าเป็นตัวกูของกู ก็อยู่ด้วย แสงสวา่ งของโพธิ ของปญั ญา ของสญุ ญตา ของอนตั ตา ไมม่ ี ความทกุ ขเ์ ลย นนั้ จะรำ� คาญหรอื ไมร่ ำ� คาญกไ็ ปคดิ ดู พดู เรอ่ื ง เดยี วซำ้� ๆ ซากๆ พดู แลว้ พดู อกี หลายๆ แขนง แยกแขนงออก ไปในข้อปลีกย่อย แล้วอย่าเผลอลืมไปเสียว่าพูดอย่างเดียว พดู อยา่ งเดยี วทุกตวั อักษร อย่างเปิดจากเสียงฟังอย่างนี้ ฟังหลายๆ หนก็ยังดี กว่าฟังหนเดียว ไปคิดดู แม้จะเปิดจานเสียงแผ่นเดียวฟัง 41

ขอให้ฟังกันหลายสิบหนได้ยิ่งเป็นการดี เดี๋ยวน้ีมันก็ไม่ถึง กับเปิดจานเสยี งฟัง มนั พดู ใหเ้ ข้าใจคืบหน้าไปบางสว่ น บาง แขนงอยเู่ รอื่ ย แต่อย่างนน้ั ผมก็ยงั ยนื ยนั วา่ เปิดเทปฟงั หรือ เปดิ จานเสยี งฟงั เรอื่ งเดยี วนน้ั นะ ฟงั หลายๆ หนกย็ ง่ิ ดี ดกี วา่ ฟงั เพยี งหนสองหน อยทู่ ค่ี วามประจวบเหมาะของความรสู้ กึ วันหนึ่งคืนหนึ่งมันไม่เหมือนกัน บางวันอ่านหนังสือมีรสมี ชาติ บางวันเหลว น่ีการฟังก็เหมือนกันบางวันมีรสมีชาติ บางวันก็เหลว ก็ฟังซำ้� ๆ ซากๆ เพอ่ื จะมีโอกาสอันหนึง่ ท่ีมัน ดม่ื ดำ�่ ในจติ ใจ เขา้ ใจไดด้ ี ลกึ ซงึ้ ไดผ้ ล นที่ เี่ รยี กวา่ ธรรมะปาฏิ โมกข์ ยงั นา่ ฟงั กวา่ ไอส้ วดปาฏโิ มกข์ ซำ้� กนั ทกุ ตวั อกั ษร ทกุ ๆ วันอโุ บสถ กย็ ังทนฟังได้ ทนทำ� ได้ รกั ษาไวไ้ ด้เปน็ การดี ฟัง ปาฏโิ มกขท์ กุ วนั ปาฏโิ มกข์ ทนี ไ่ี ดฟ้ งั ธรรมะปาฏโิ มกขแ์ บบนี้ มนั ก็เหมอื นกัน ดงั น้ันควรจะฟงั ได้ เพอื่ ให้มันเบิกบานออก ไป ทีละนิด ทลี ะหนอ่ ย เอาละ, พอกนั ท.ี 42

ทำ� งานเหงื่อออกมากก็เพอ่ื วา่ ล้างตวั กูของกใู หม้ นั หลุดออกไป E-Book YouTube สมาชิกรายปี

สบายเมื่อให้ หรือ สบายเมื่อเอา ใหอ้ ยา่ งบรสิ ทุ ธิ์ หรอื ใหอ้ ยา่ งลงทนุ ฯลฯ ธรรมะใกล้มือ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook