Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมะข้างเตียง

ธรรมะข้างเตียง

Description: ธรรมะข้างเตียง

Search

Read the Text Version

รแู้ ลว้ กจ็ ะวาง ไมไ่ ปยดึ ถามวา่ ความหงดุ หงิดมไี หม มี แตไ่ ม่เอา เหน็ แตไ่ มเ่ อา เคยมีคนถามหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ลกู ศิษยร์ ุ่นแรกๆ ของหลวงปมู่ น่ั มคี นลอื กนั วา่ ทา่ นเปน็ พระอรหนั ต์ เขาจงึ ถามทา่ น วา่ หลวงป่มู โี กรธไหม หลวงปดู่ ลู ย์ตอบส้ันๆ ว่า “มี แต่ไมเ่ อา” ไมเ่ อาเพราะวา่ มสี ติเหน็ ความโกรธและมปี ญั ญาร้วู า่ มันไม่น่าเอา เพราะฉะนน้ั เวลาทม่ี คี วามเจบ็ ความปวดเกดิ ขนึ้ กายเจบ็ กาย ปวดกจ็ รงิ แตไ่ มจ่ ำ� เปน็ วา่ ใจจะตอ้ งเจบ็ ตอ้ งปวดดว้ ย ทา่ นอาจารย์ พุทธทาสยกตัวอย่างว่า เวลามีดบาดน้ิว ถ้ารู้สึกว่า มีดบาดฉัน จะรู้สกึ เจ็บมากกวา่ คนทีม่ องวา่ มดี บาดนวิ้ คนท่คี ดิ ว่ามีดบาดฉนั อนั น้เี ป็นเพราะไมม่ สี ติ จงึ ปรงุ ตวั ฉันเกิดข้ึน แลว้ เกิดความสำ� คัญ ม่ันหมายตามมาว่าฉนั เจบ็ กเ็ ลยทกุ ข์ แตถ่ ้ามสี ติ ก็เหน็ มดี บาด นิ้ว หรือเห็นความปวดเกิดข้ึนที่น้ิว จะรู้สึกปวดน้อยกว่าเหมือน อาจารย์ก�ำพลท่ีพิการแต่กาย แต่พอไปคิดว่าฉันเป็นคนพิการ ใจก็เลยพกิ ารไปด้วยจึงเป็นทุกขม์ าก กายพกิ ารนนั้ รักษายาก แต่ ใจพกิ ารรกั ษาง่าย อยา่ งอาจารยก์ �ำพล ไมม่ ที างรักษากายทพ่ี ิการ จะตอ้ งพกิ ารตลอดชวี ติ เพราะไมม่ เี ทคโนโลยที จี่ ะรกั ษาใหห้ ายได้ 50

แตค่ วามพกิ ารในใจของอาจารยก์ ำ� พลนนั้ หายได้ และสามารถหาย ได้รวดเรว็ ฉบั พลนั ทันทที ส่ี ติและปัญญาเกิดข้นึ ความเจ็บป่วยทางกายบางอย่างรักษายาก เพราะเทคโนโลยี มีข้อจ�ำกัดในบางโรคและในบางระยะของโรค แต่ความเจ็บป่วย ทางใจน้นั หลดุ ไดง้ า่ ยถา้ เราร้วู ธิ ี ใครๆ ก็ท�ำได้ ไม่ใชพ่ ระเทา่ นนั้ ที่ ทำ� ได้ กายของคนเรามนั มแี ตจ่ ะเส่อื มลงไป แตใ่ จนนั้ ใช่วา่ จะต้อง เสอื่ มลงตามวยั มนั สามารถเจรญิ งอกงามขึ้นตามวันเวลาได้ ใน ขณะทกี่ ายกำ� ลงั เสอ่ื มลงๆ แตเ่ ราสามารถรกั ษาทใ่ี จหรอื ทำ� ใจใหด้ ี ข้ึนได้เร่ือยๆ ด้วยการมีสติ ไม่ให้ความทุกข์ ความเจ็บปวดมา ครอบงำ� ใจคือ เหน็ แตไ่ มเ่ ข้าไปเปน็ เห็นความเจบ็ แตไ่ ม่เป็นผู้เจ็บ ฟงั แลว้ อาจจะเขา้ ใจยาก แตถ่ า้ เราปฏบิ ตั กิ จ็ ะเรมิ่ เหน็ ตอ้ งฝกึ จากการเห็นความคิดกอ่ น เหน็ ความคดิ รู้ทันความคิด ต่อไปก็จะ รทู้ นั อารมณค์ วามรสู้ กึ อารมณค์ วามรสู้ กึ นลี้ ะเอยี ดออ่ นกวา่ ความ คิด เวลาคิดเราคิดเปน็ ค�ำ คิดเปน็ ภาพ จงึ รู้ทันงา่ ย แต่เวลาเกิด อารมณ์ความรสู้ กึ ขนึ้ มา บางทมี ันเปน็ เหมอื นกับอะไรทหี่ มองมัว 51

หนักอ้งึ อย่ขู า้ งใน ไม่เปน็ ค�ำไมเ่ ปน็ ภาพ มันจับตอ้ งได้ยาก แตถ่ ้า เรามสี ติที่ว่องไว ก็จะรทู้ นั มนั แลว้ ปล่อยวางทนั ที ไม่เข้าไปยดึ ตดิ ถอื มน่ั น่นั คอื เหน็ ความเจ็บแต่ไมเ่ ปน็ ผู้เจ็บ เห็นความกลัวแต่ไม่ เป็นผู้กลวั เห็นความท้อแตไ่ ม่เปน็ ผูท้ ้อ เหน็ ความโกรธแตไ่ ม่เปน็ ผโู้ กรธ เราเปน็ สขุ ไดด้ ้วยสติ อกี วธิ ีหนง่ึ คือ ปญั ญา ไดแ้ ก่ ความรคู้ วามเข้าใจในความเป็น จรงิ ของชวี ติ รแู้ ละเขา้ ใจวา่ สงั ขารมนั เปน็ อยา่ งนเี้ อง เราทกุ ขเ์ พราะ เราไมเ่ หน็ ความเปน็ จรงิ ของชวี ติ เราไปยดึ วา่ มนั ตอ้ งเปน็ อยา่ งนนั้ อยา่ งน้ี มนั จะตอ้ งยงั่ ยืน เราจะตอ้ งสบายไปตลอด แต่เม่อื มนั ไม่ เป็นไปตามใจเรา แตเ่ ป็นไปตามธรรมชาติ คือมขี น้ึ มลี ง มีเจริญ กา้ วหนา้ มเี สอ่ื มถอย เจรญิ ขน้ึ นีไ่ มเ่ ท่าไร แตพ่ อมนั เสอ่ื มทรดุ ไม่ ถกู ใจเรา เรากท็ กุ ขท์ ันที หากเราไม่ยอมรับความจริงว่าสังขาร ก�ำลังเส่ือมถอย เราก็จะทกุ ขเ์ วลาล้มป่วย และที่เรายอมรับความเจ็บป่วยไม่ได้ ก็ 52

เพราะเรายึดติดถือมั่นว่าร่างกายน้ีเป็นของเรา เราบังคับได้และ มนั ตอ้ งเปน็ สขุ อยา่ งเดยี ว แตถ่ า้ เรามปี ญั ญาเหน็ วา่ รา่ งกายนไี้ มใ่ ช่ ของเรา บงั คบั มนั ไมไ่ ด้ และตอ้ งเปลย่ี นแปลงไปตามเหตตุ ามปจั จยั ไมไ่ ดม้ แี ตส่ ขุ อย่างเดยี ว แต่แฝงไปด้วยทุกข์ ถา้ เราร้เู ช่นนเ้ี รากไ็ ม่ ทุกขเ์ ม่อื เจบ็ ป่วย เรายอมรบั ได้เพราะร้วู ่ามนั เปน็ เช่นน้ันเอง จะว่าไปแล้ว ไม่มีอะไรที่จะท�ำให้เราเห็นความจริงได้ดีกว่า ความเจบ็ ปว่ ย เพราะตอนทเ่ี ราสบาย เรากค็ ดิ วา่ ความสบายจะอยู่ กบั เราไปตลอด ความสบายทำ� ใหเ้ ราไมเ่ หน็ ความจรงิ ของธรรมชาติ ท่ีต้องเส่ือมต้องทรุด นอกจากนั้นความสุขสบายยังท�ำให้เราหลง เขา้ ใจวา่ ชวี ติ น้ี สงั ขารนี้ นา่ ยดึ มนั่ ถอื มนั่ เพราะมนั สบาย แตเ่ มอ่ื เกดิ ความเจบ็ ความปว่ ยขน้ึ มนั ชว่ ยเตอื นใจใหต้ ระหนกั ถงึ สจั ธรรม ว่า สงั ขารร่างกายนไ้ี ม่น่ายดึ และไม่น่าเอาวา่ เป็นของเราเลย เม่ือสังขารหรือร่างกายเจ็บป่วย เราก็พบว่า ประการท่ีหนึ่ง มนั ไมใ่ ชข่ องเรา เราควบคุมมันไมไ่ ด้ ประการที่สอง มันไม่นา่ เอา ไมน่ ่ายดึ มาเป็นของเรา ความจรงิ สองขอ้ นท้ี ำ� ใหเ้ ราค่อยๆ ปลอ่ ย 53

ค่อยๆ วาง เวลาเราหยบิ ของชิน้ หน่งึ ขึน้ มา ทแี รกก็รู้สกึ ว่ามนั นมุ่ เยน็ จับสบาย พอมนั เรม่ิ ร้อนขนึ้ เราก็รูแ้ ลว้ ว่า จับไมไ่ ด้แลว้ วางดี กวา่ ถา้ มนั ไมร่ อ้ น เรากย็ ดึ จบั มนั เรอ่ื ยไป แตท่ จี่ รงิ มนั มคี วามรอ้ น แฝงอยู่ พอจบั แนน่ ๆ กจ็ ะรสู้ กึ รอ้ นในทส่ี ดุ แตพ่ อวางกท็ ำ� ใหส้ บาย รา่ งกายของเราก็เช่นกัน มนั เคยสุขสบาย แต่ไม่ช้าไม่นานก็ต้อง ป่วย ต้องเจ็บ อย่างทโี่ ยมประสบอยูต่ อนนี้ ย่งิ กว่านัน้ ในทส่ี ุดมัน กต็ อ้ งแตกดบั พูดงา่ ยๆ คือตาย นเ่ี ป็นธรรมชาตขิ องมัน ถ้าเรา ตระหนกั ถงึ ความจรงิ ขอ้ น้ี เรากจ็ ะไมห่ วงแหนมนั ตอ่ ไป แตจ่ ะวาง มนั ลงไป ไม่ยดึ ถือใหเ้ ป็นทุกข์ อีกวิธีหนงึ่ ท่ีชว่ ยได้ก็คอื การมองในแงบ่ วก เมอื่ ๒-๓ เดือน กอ่ นอาตมาไปอบรมเรอ่ื งเผชญิ ความตายอยา่ งสงบทภ่ี าคใต้ อบรม เสร็จก็ให้คนท่ีร่วมอบรมไปเยี่ยมคนเจ็บท่ีโรงพยาบาล มีคนหน่ึง ไปเจอเดก็ หญงิ คนหน่ึงอายุ ๑๔ ปี หัวลา้ นเพราะผมรว่ งหมดเลย เน่อื งจากไปฉายแสงมา อาสาสมคั รถามวา่ เขาปว่ ยเป็นอะไร เดก็ บอกวา่ เปน็ มะเรง็ สมอง แตว่ า่ เดก็ มสี หี นา้ แชม่ ชนื่ พดู คยุ เปน็ ปกติ ธรรมดา ถามไปถามมาเด็กบอกว่า ตนเองโชคดี ถามว่าโชคดี 54

อย่างไร เด็กตอบว่า โชคดีที่ไม่เป็นมะเร็ง มดลูก เพราะว่ามีญาตเิ ปน็ มะเรง็ มดลกู เขาทุกข์ทรมานมากเลย เธอบอกว่า ตวั เองโชคดที เ่ี ปน็ แคม่ ะเรง็ สมอง อาสาสมัครบอกว่าพอได้ยินเด็กพูด อยา่ งน้ี กไ็ ดค้ ิดข้ึนมา คืนกอ่ นหนา้ นเี้ ธอเล่าวา่ มคี วามทกุ ข์มาก จำ� ไมไ่ ด้วา่ ย้มิ คร้งั สดุ ทา้ ยเมอ่ื ไร เพราะมีปัญหา ครอบครัวและอาชีพการงาน แต่พอเธอเห็นเด็กคนนี้หน้าตาย้ิม แย้มท้ังๆ ที่เป็นโรคร้ายถึงตาย ปัญหาของเธอเล็กน้อยกว่าของ เดก็ คนนม้ี าก แตก่ ลบั ทกุ ขม์ ากกวา่ พอมาเจอเดก็ คนนี้ ความทกุ ข์ เธอลดลงไปเยอะเลย อันนี้เป็นการมองตามหลักพระพุทธศาสนาเหมือนกัน คือ การมองให้เป็นกุศล มีหลายคนทีม่ องแบบนแ้ี ลว้ กอ็ ทุ านว่า โชคดี ทฉ่ี นั เปน็ มะเรง็ เพราะวา่ ตอนทไี่ มเ่ ปน็ มะเรง็ ไมร่ คู้ วามหมายของ ชีวติ ใชช้ วี ติ ไปเร่อื ยเป่ือย พอรวู้ ่าตวั เองเป็นมะเรง็ ไม่รู้วา่ จะตาย 55

เมอื่ ไหร่ จงึ เร่ิมตง้ั หลัก หนั มาสนใจธรรมะ หันมาสนใจครอบครวั หันมาท�ำสมาธิ ก็พบว่า ชีวิตมีคุณค่าและค้นพบความสุขจาก ภายใน แต่ก่อนมัวแต่เท่ียวสนุกสนานเพราะคิดว่า ความสุขน้ัน อยู่นอกตัว แต่มะเร็งท�ำให้เขาหันมาฝึกจิตฝึกใจ จนมาพบว่า ความสุขอยู่ที่ใจ ถ้าไม่เป็นมะเร็งก็คงไม่พบความจริงข้อนี้ เขาก็ ซาบซึ้ง รู้สึกขอบคุณมะเร็งท่ีท�ำให้เขาค้นพบส่ิงส�ำคัญ ตรงกับที่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้มีปัญญาแม้ประสบทุกข์ก็ยังหาสุขพบ เรา ต้องฝึกทำ� ตรงนใ้ี หไ้ ด้ ถึงแมจ้ ะประสบทกุ ข์แต่กห็ าสุขพบ คือ สขุ ท่ามกลางความทกุ ข์ เรยี กวา่ ร้จู กั ใช้ความทุกขใ์ หเ้ ปน็ ประโยชน์ เพราะในทกุ ข์มสี ขุ ส่วนในสขุ ก็มีทุกข์ อาหารอรอ่ ยเมอ่ื เรากนิ เขา้ ไปนานๆ กย็ อ่ มเบอ่ื กนิ ตดิ ตอ่ กนั ทกุ ม้ือๆ สักเดอื นหนงึ่ กจ็ ะเอยี น อนั นี้เรยี กว่า ความไมอ่ รอ่ ยแฝง อยู่ในความอร่อย อิริยาบถท่ีสบายไม่ว่าจะเป็นท่านั่ง ท่านอน ปลอ่ ยขา หอ้ ยขา หรือน่ังเอนหลัง ลองนั่งไปนานๆ กจ็ ะเร่มิ ปวด เม่อื ย พระพทุ ธเจา้ จงึ ตรสั ว่า ความทกุ ข์อยู่ในความสุข ไมม่ อี ะไร ที่ทำ� ใหส้ ุขไปตลอด ในทางตรงกันขา้ ม ในความทกุ ข์ก็มีความสขุ 56

ธรรมชาตินั้นยตุ ธิ รรม ในสุขมีทกุ ข์ ในทุกขม์ ีสุข เป็นหนา้ ทท่ี ่เี รา ต้องหาดูว่า ในทุกข์มีความสุขอย่างไร หลายคนพบความจริง ดงั กล่าวในขณะทตี่ วั เองเป็นทุกขเ์ พราะโรคภัยไขเ้ จ็บ ก็เลยทำ� ให้ เรียนรู้ท่ีจะอยู่กับตนเอง และพบความสุขแม้ในขณะที่ป่วยได้ มี ความสขุ จากการทำ� สมาธิ มีความสุขท่ไี ด้อยูใ่ กลช้ ิดครอบครัว มี ความสุขท่ีได้ท�ำส่ิงท่ีตัวเองรัก มันอยู่ในวิสัยที่เราจะค้นพบได้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า แม้กายกระสับกระส่ายแต่ใจไม่กระสับ กระส่ายกไ็ ด้ อาตมาอยากชวนโยมลองดวู า่ เราจะทำ� ใจใหเ้ ปน็ สขุ หรอื ไมท่ กุ ข์ ได้อย่างไร ด้วยการทำ� ใจให้มสี มาธิ ไม่ไปรบั รูค้ วามเจ็บปวดหรอื ความไมส่ บายทางกาย ไมป่ ลอ่ ยใหค้ วามคดิ ฟงุ้ ซา่ นเขา้ มาครอบงำ� จติ ไมป่ ลอ่ ยใหค้ วามกงั วลในอนาคตเขา้ มาครองใจ หรอื ไมก่ ใ็ ชส้ ติ เพ่ือชว่ ยใหร้ ู้ทนั ความรูส้ กึ นกึ คิด พยายามอยูก่ บั ปจั จุบนั ใหด้ ที ีส่ ุด อยู่แต่ละวันให้ดีท่ีสุด อยู่แต่ละชั่วโมงให้ดีที่สุด อยู่แต่ละนาทีให้ ดีที่สุด ใช้สติรักษาใจให้ปกติ มีความสุข มีความผ่อนคลาย อยา่ ใหเ้ รอื่ งอดตี หรอื เรอื่ งอนาคตเขา้ มารบกวนจติ ใจของเรา เพราะ 57

อดตี กบั อนาคตไมใ่ ชข่ องจรงิ ของจรงิ อยทู่ ปี่ จั จบุ นั สง่ิ ทเี่ ปน็ ปจั จบุ นั น้ันอยู่ในวิสัยที่เราสามารถดูแลได้ในระดับหน่ึง จึงมีความส�ำคัญ มากกว่าอดีตกบั อนาคต มคี วามสขุ อยใู่ นปจั จบุ นั นัน้ ทำ� ได้ แตเ่ รา จะเปลี่ยนอดีตให้เป็นสุขไม่ได้แล้ว หรือจะไปคาดหวังอนาคตให้ เปน็ สขุ กท็ ำ� ไมไ่ ด้เพราะอนาคตยงั ไม่มาถึง วิธที ชี่ ว่ ยท�ำใหจ้ ิตของเรามสี ติหรือมีสมาธิ คอื ตามลมหายใจ หรือไม่ก็คลึงน้ิวไปเร่ือยๆ อย่าไปคิดควบคุมใจให้สงบ มันจะ ฟงุ้ ซา่ นไปไหนกช็ า่ ง รแู้ ลว้ กพ็ าใจกลบั มา ทำ� เลน่ ๆ อยา่ ไปคาดหวงั แล้วก็ขอให้อ่อนโยนกับตัวเองด้วย เพราะเราป่วยกายอยู่แล้ว อย่าไปเค่ยี วเข็ญจติ ใจของเราใหเ้ ปน็ ทกุ ข์ซ้�ำอีก ใจจะเผลอ จะฟงุ้ ไปบ้างก็ไม่เป็นไร อย่าไปลงโทษตัวเอง อย่าไปเค่ียวเข็ญตนเอง มากเกินไป ทำ� สบายๆ ทำ� เล่นๆ ไป ว่างๆ กล็ องสวดมนต์ดบู า้ ง การสวดมนตช์ ว่ ยทำ� ใหใ้ จเราเปน็ สมาธิ ไมไ่ ปหมกมนุ่ อยกู่ บั ความเจบ็ ปว่ ยหรอื ความกงั วลตา่ งๆ หรอื ไมก่ ล็ องผอ่ นคลายรา่ งกาย เชน่ สว่ นไหนทเี่ จบ็ หรอื ปวดเมอ่ื ย เรา ลองจนิ ตนาการว่า ร่างกายของเราก�ำลงั ทำ� งานเตม็ ทีเ่ พ่อื เยยี วยา 58

ร่างกายส่วนนั้น อาจจะนึกภาพว่ามีกองทัพพยาบาลก�ำลังเข้าไป ชว่ ยฟน้ื ฟอู วยั วะสว่ นนน้ั ใหก้ ลบั มาเปน็ ปกติ บางคนอาจจะนกึ ภาพ เป็นอัศวินที่ก�ำลังต่อกรกับมังกรร้ายซ่ึงเป็นสัญลักษณ์ของโรคภัย ไข้เจบ็ ระหวา่ งทเี่ ราจนิ ตนาการนั้น มนั เหมอื นกบั เราก�ำลงั คุยกับ รา่ งกายของเราเองและใหก้ ำ� ลังใจเขา เพราะวา่ เขากก็ �ำลงั ท�ำงาน เตม็ ที่อยูแ่ ลว้ โยมลองท�ำดู มันจะช่วยให้ใจผอ่ นคลาย กายก็ผ่อน คลายด้วย อาตมาอยากใหก้ ำ� ลงั ใจโยมวา่ แมว้ า่ รา่ งกายของโยมจะไมเ่ ออื้ อำ� นวยใหโ้ ยมทำ� อะไรหลายๆ อยา่ งไดเ้ หมอื นเดมิ แตใ่ นอกี แงห่ นง่ึ น่กี ็เป็นโอกาสให้โยมได้ฝกึ จติ ฝึกใจ ใหเ้ กิดสมาธิ มีสติ และเป็น โอกาสที่จะไดเ้ รียนรู้ธรรมะ ทา่ นอาจารยพ์ ุทธทาสบอกว่า ความ เจ็บไข้มาเตอื นให้เราฉลาดขน้ึ ฉลาดในเรื่อง ท่ีเป็นสัจธรรมของชีวิต หรือกฎ ธรรมชาติ อาตมาอยากเพ่ิมว่า อย่าให้เราขาดทุน ถ้าเราป่วย แลว้ เราทกุ ขใ์ จ เรากข็ าดทนุ แต่ 59

ถ้าปว่ ยแล้วเรารักษาใจไม่ใหท้ กุ ข์ อนั นีเ้ ราเสมอตัว แตถ่ า้ เราปว่ ย แลว้ เราพจิ ารณาจนกระทง่ั เกดิ ปญั ญาขนึ้ มา เรามสี ขุ ภาพจติ ดกี วา่ เดิม อันน้ีคอื กำ� ไร แตอ่ ยา่ งน้อยๆ ก็อย่าใหข้ าดทนุ คือ อยา่ ทกุ ข์ เพราะความเจ็บป่วย อยา่ งน้อยๆ ก็ให้เสมอตวั คือไม่ทกุ ข์ ถา้ จะ ให้ดีก็ควรมีความสขุ ซ่ึงเปน็ ไปได้ เพ่ือนของอาตมาคนหน่ึงเป็นมะเร็งเต้านม เธอบอกว่า ช่วง ๒ ปีสุดท้ายก่อนเสียชีวิตนั้น เป็นช่วงที่เธอมีความสุขมากที่สุด แมร้ า่ งกายจะเจบ็ ปวด ทำ� อะไรลำ� บาก แตใ่ จกลบั มคี วามสขุ เพราะ วางใจได้โดยอาศัยธรรมะ อย่างน้ีเรียกว่า เธอได้ก�ำไรจากความ เจบ็ ปว่ ย สามารถทจ่ี ะขา้ มพน้ มนั ได้ แมก้ ายจะทกุ ข์ แตก่ ส็ ามารถ คน้ พบความสขุ ได้ เรอ่ื งแบบนต้ี อ้ งอาศยั การฝกึ ฝน และตอ้ งคอ่ ยๆ เป็นค่อยๆ ไป อย่าไปคาดหวังว่า ฉันจะต้องหาย สบาย จิตใจ เปน็ สขุ ในวนั นวี้ นั พรงุ่ เราตอ้ งใหเ้ วลาและใหโ้ อกาสแกต่ วั เราเองท่ี จะคอ่ ยๆ ฝึกฝนและเรียนรู้ แต่ขอให้มั่นใจได้ว่า ในจติ ใจของโยม มศี กั ยภาพทจี่ ะเขา้ ถงึ สง่ิ เหลา่ นไี้ ด้ และเมอื่ ใจสบายกช็ ว่ ยทำ� ใหก้ าย สบายไปดว้ ย เหมือนบางคนพอเขาปฏบิ ตั ธิ รรม มสี มาธิมากขน้ึ 60

เขาแทบไมต่ อ้ งพง่ึ ยาระงบั ปวดเลย เพราะกายมนั ปวดนอ้ ยลง ตอน นก้ี ายของโยมอาจจะยงั อยใู่ นสภาวะฟน้ื ฟู แตว่ า่ ใจของโยมสามารถ ทจ่ี ะเจรญิ กา้ วหนา้ หรอื พฒั นาไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ในทสี่ ดุ กจ็ ะมาชว่ ย ฟืน้ ฟอู ุดหนนุ กายให้ดขี นึ้ ได้ ขณะเดียวกันก็อย่าลืมว่าเราควรใช้โอกาสน้ีเตือนใจให้ ตระหนักและยอมรับถึงความจริงของชีวิต โดยเฉพาะความเป็น ทกุ ข์ ความไมเ่ ทย่ี ง ความไมจ่ รี งั ทกุ เชา้ เมอื่ ตน่ื ขน้ึ มา กข็ อใหโ้ ยม พจิ ารณาวา่ ความเจบ็ ปว่ ยกำ� ลงั มาสอนโยมวา่ ชวี ติ เปน็ อยา่ งนเ้ี อง ธรรมชาติของสังขารเป็นอย่างนี้เอง มองความเจ็บป่วยว่าเป็น เสมอื นครทู ีก่ �ำลังใหก้ ารบา้ นแกเ่ รา วา่ ท�ำอยา่ งไรเราถงึ จะไม่ทกุ ข์ แมว้ ่ากายจะเจบ็ จะป่วยกต็ าม น่คี ือการบา้ นท่ีสังขารกำ� ลังมอบให้ แกเ่ รา ถา้ ระลกึ อยา่ งนอี้ ยเู่ สมอ อาตมาแนใ่ จวา่ สกั วนั หนง่ึ โยมจะ สามารถเขา้ ใจ และฉลาดขน้ึ อย่างทีท่ า่ นอาจารย์พุทธทาสกล่าวไว้ ซึง่ จะชว่ ยให้เปน็ ทุกข์น้อยลง อาตมาขอฝากไว้เท่านี้ คิดว่าโยมได้ ฟงั ไดอ้ ่านมามากแลว้ อาตมาเพียงแตม่ ายำ้� มาเตือน และมาให้ กำ� ลงั ใจ 61

เช่อื ว่าครอบครวั สามี ลูกๆ และญาตพิ นี่ อ้ ง รวมท้ังหลานๆ กย็ นิ ดที จี่ ะชว่ ยเหลอื และเปน็ กำ� ลงั ใจใหแ้ กโ่ ยมดว้ ย ขณะเดยี วกนั น่ีก็เป็นโอกาสที่เขาจะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับโยมด้วย ในเร่ือง ธรรมชาติของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอนจิ จงั ทกุ ขัง อนตั ตา เรยี นรู้แม้ กระทั่งความตายอันเปน็ ธรรมดาของชวี ิต ขอใหร้ ะลกึ วา่ ความตายนน้ั เกดิ ขนึ้ กบั เราทกุ ขณะ พระพทุ ธเจา้ ตรัสว่าความตายมีอยู่ในชีวิต ในทุกขณะมีความตายเกิดข้ึนแล้ว เซลล์ในร่างกายเราตายตลอดเวลา นักวิทยาศาสตร์ค�ำนวณว่ามี เซลลถ์ งึ ห้าหมื่นล้านเซลลใ์ นรา่ งกายเราตายทกุ วัน ขณะเดียวกนั ความสูญเสียความพลัดพรากก็เกดิ ขน้ึ กับเราทกุ ขณะ จะเรียกว่า เป็นความตายอย่างหน่ึงก็ได้ ไม่ใช่ว่าต้องล้มป่วยเสียก่อน จึงจะนึกถึงความตาย แม้กระท่ังคนท่ีมีสุขภาพดีก็ควรระลึกถึง ความตาย รวมทง้ั การสญู เสยี การพลดั พราก เชน่ มรี ถแลว้ รถหาย ก็เรียกว่าตาย คือตายจากความเป็นเจ้าของรถคันน้ัน หรือเป็น คนเรียนเก่งแต่วันหนึ่งเกิดสอบตก ก็เรียกว่าตายจากความเป็น ผูเ้ กง่ กลายเป็นผ้พู า่ ยแพ้ กลายเป็นผลู้ ม้ เหลว นี่ก็คือความตาย เหมอื นกัน 62

อย่านึกว่าความตายมันรอเราอยู่ข้างหน้า แท้จริงมันเกิดขึ้น กับเราทกุ ขณะ ปัญหาคอื ว่า เราจะอยกู่ บั มันอย่างไรโดยท่ีไมท่ ุกข์ และถ้าเราสามารถอยู่กับความตายในทุกขณะได้โดยใจไม่ทุกข์ ความตายจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย เป็นเร่ืองที่ไม่ส�ำคัญ ไม่น่ากลวั กลายเป็นเร่อื งธรรมดา เปน็ สว่ นหนงึ่ ของชีวิตท่เี กิดข้ึน กบั เราทกุ คน เปน็ วฏั จกั รของการเกดิ ดบั ทต่ี อ้ งเกดิ ขน้ึ ไมม่ ที ส่ี นิ้ สดุ จนกว่าเราจะหลดุ พน้ หรือบรรลุนพิ พาน สว่ นเรอ่ื งตายแลว้ จะไปไหนไมส่ ำ� คญั เทา่ กบั การทำ� ใจใหส้ บาย และเป็นสุขในทุกขณะจวบจนวาระสุดท้าย คนที่ป่วยหนักใกล้ จะตาย ถ้ารสู้ กึ ผิด หรอื ห่วงลกู หลาน หว่ งสมบตั ิ จะทุรนทรุ าย กระสบั กระส่าย แต่คนท่ใี จเป็นบุญ ปล่อยวางทกุ อย่าง นึกถงึ สิง่ ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ บญุ กศุ ลอยเู่ ปน็ นจิ เขาจะยอมรบั ความตายไดอ้ ยา่ งสงบ ใจไม่เป็นทุกข์ อันนี้เปน็ สง่ิ ทแ่ี นน่ อนวา่ การท�ำจิตใหเ้ ป็นกศุ ลนั้น ประเสริฐ และเห็นผลไดช้ ัดเจน คณุ ภาพชวี ิตหรือคณุ ภาพจิตของ คนสามารถวัดกันตอนใกล้ตายว่าแตกต่างกันอย่างไร แม้แต่เด็ก กท็ ำ� ได้ 63

มเี ดก็ อายุ ๑๐ ขวบ เปน็ มะเร็งเม็ดเลือด วันสดุ ท้ายของชีวติ เขามอี าการหนัก ถามพยาบาลดว้ ยความกลวั วา่ “ผมจะตายแลว้ หรอื ” พยาบาลบอกว่า “หนไู มต่ ้องกลัว หนเู ป็นคนกล้าหาญ ให้ ระลึกถึงทา่ นอาจารย์พทุ ธทาส ท่านรออยขู่ ้างหน้าแลว้ หนูก้าวไป ขา้ งหนา้ ได้เลย แม่และพยาบาลจะชว่ ยหนอู ยู่ ไมต่ ้องห่วง” เดก็ คนนรี้ จู้ กั ทา่ นอาจารยพ์ ทุ ธทาส พอไดย้ นิ ชอื่ ทา่ นกเ็ กดิ กำ� ลงั ใจ ใน ท่ีสุดก็ไปอย่างสงบ ไปไหนเราไม่รู้ แต่ที่เรารู้คือเขาไปอย่างสงบ เพราะว่าเขาวางจิตวางใจไว้ดี เพราะฉะนั้นการนึกถึงส่ิงท่ีดีงาม มปี ระโยชนแ์ นน่ อน อยา่ งนอ้ ยกท็ ำ� ใหส้ ามารถผา่ นชว่ งสดุ ทา้ ยของ ชวี ติ ไปไดอ้ ยา่ งราบรนื่ อยา่ ไปนกึ วา่ เปน็ เรอื่ งยาก แมเ้ ดก็ ๓ ขวบ ก็สามารถทำ� ได้ พยาบาลทข่ี อนแก่นเลา่ ให้ฟังวา่ มีเดก็ คนหน่งึ เป็นมะเร็ง วนั สุดท้ายของชีวิตเขากระสับกระส่ายตลอดเวลา พยาบาลเรียน จิตวิทยาเด็กจึงเข้าใจความรู้สึกของเด็ก เธอรู้ว่าเด็กชอบอุลตร้า แมน จงึ พดู ชวนเดก็ วา่ ไปซอื้ อลุ ตรา้ แมนกนั ไหม เดยี๋ วพจ่ี ะพาหนู ไปซ้อื อลุ ตร้าแมน เด็กได้ยนิ กพ็ ยักหน้า แล้วพยาบาลกช็ วนเด็ก 64

จินตนาการตาม พูดน�ำเด็กไปซื้อของเล่น บางช่วงพยาบาลก็ถามว่าตอนน้ีเดินไปถึง ไหนแล้ว เด็กก็บอกว่าเดินไปถึงสนามเด็ก เล่นแล้ว เด็กจินตนาการว่าเดินไปเร่ือยๆ จนถงึ ศูนยก์ ารค้า ในจินตนาการเด็กเหน็ ของ เล่นเยอะแยะ รวมท้ังอุลตร้าแมน พยาบาล ถามว่า อลุ ตรา้ แมนสีอะไร เดก็ ก็เลา่ ให้ฟัง ในทีส่ ดุ ก็ซื้ออุลตร้าแมนเอ็กซ์ซ่ึงเป็นรุ่นที่เขาชอบ หลังจากนั้นพยาบาล ก็ชวนไปกราบหลวงพ่อโตท่ีสี่ค้ิว ซ่ึงแม่เคยพาเด็กไปท�ำบุญ พยาบาลนำ� จนิ ตนาการเดก็ ไปไดป้ ระมาณสบิ หา้ นาที หลงั จากนน้ั เดก็ กส็ งบหายกระสบั กระสา่ ย สองสามชว่ั โมงตอ่ มาเดก็ กเ็ สยี ชวี ติ อยา่ งสงบ โดยไมต่ ้องพึง่ ยาระงับปวดมาก เรื่องอยา่ งน้เี ราอย่าไป คิดว่าเป็นเรื่องยากสุดวิสัย อย่าไปคิดว่าเราไม่ได้ปฏิบัติธรรม มามากมายจะทำ� ได้อย่างไร เราทุกคนท�ำไดท้ ้ังน้นั อาตมาขอพดู คยุ เพยี งเทา่ น้ี ขอใหโ้ ยมรกั ษากายใหด้ ี รกั ษาใจ ให้เข้มแข็ง ท�ำจิตใจปลอดโปร่งเบาสบาย ได้มีโอกาสสัมผัสกับ 65

ความสงบเย็นภายในและหลุดพ้นจากความทุกข์เป็นล�ำดับ จน กระท่งั ไม่เปน็ ทกุ ขก์ ับอาการท่ีเป็นอยใู่ นขณะน้ี ขออนุโมทนาด้วย 66





ธรรมะข้างเตยี ง โยมแม่ อาตมาพระเตย้ี มาเยยี่ มนะ จำ� ไดห้ รอื เปลา่ เปน็ เพอื่ น ของสง่า ตอนอาตมายงั ไมบ่ วชเคยมาเย่ยี มทีบ่ ้านอย่บู อ่ ยๆ ตัง้ แต่ เรยี นมหาวิทยาลัย ท�ำงานแล้วก็ยังมาเท่ียวทบี่ า้ นหลายครัง้ โยม แมค่ งจำ� ได้ เพราะวา่ พอบวชแลว้ กย็ งั ไดเ้ จอโยมแมท่ วี่ ดั ทองนพคณุ งานท�ำบญุ วันที่สงา่ กับสมถวลิ แต่งงานกัน หลงั จากนั้นก็ไม่ได้เจอ โยมแม่อกี เลย แต่กฟ็ งั ขา่ วคราวจากสง่าอยู่เสมอ ตอนนี้โยมแม่อายุ ๙๖ แลว้ ถอื ว่ามีอายยุ ืนมาก โยมแมไ่ ด้มี โอกาสเห็นความส�ำเร็จท่ีตัวเองได้เพียรพยายามเลี้ยงดูลูกมาด้วย ความอดทน ด้วยความเสียสละ ด้วยความรัก แม้ว่าจะล�ำบาก อย่างไรกไ็ มย่ อมแพ้ อดทน ท�ำทุกอยา่ งเพ่อื ลูก ไมใ่ ช่แค่แรงกาย ค�ำบรรยายธรรมแกน่ างถ่องสี แซล่ ุย่ เมื่อวนั ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ 69

เท่านั้น แรงใจกไ็ ด้ทุ่มเทอยา่ งเต็มทเ่ี พื่อใหล้ ูกไดเ้ รียนโรงเรยี นดๆี มวี ชิ าความรู้ และมที พ่ี ง่ึ ทางจติ ใจ จนกระทงั่ ลกู โตมอี าชพี การงาน ทด่ี ี มีครอบครัว มีฐานะการเงนิ ท่ีม่นั คง แล้วยงั มหี ลานใหโ้ ยมแม่ ได้ช่ืนชม หลายคนไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นความส�ำเร็จที่ตัวเองได้ อดทนเสียสละ แต่ว่าโยมแม่ได้เห็น เพราะว่ามีอายุยืนมาจนทุก วันนี้ ถงึ แม้วา่ ตอนนโ้ี ยมแม่จะเจบ็ ป่วย ไมร่ เู้ น้ือร้ตู ัว แต่ว่าคงรบั รู้ ได้ว่าเกิดอะไรข้ึนรอบตัว วันน้ีมีลูกมีหลานมาเยี่ยมมากมาย หลานๆ หลายคนเรยี นจบแลว้ บางคนกท็ ำ� งานแลว้ มอี าชพี ทม่ี นั่ คง มีอนาคต ขอใหโ้ ยมแมร่ ับร้แู ละช่ืนชมส่งิ ทเี่ ปน็ ผลแหง่ ความเพียร ของตวั เองด้วย อยอู่ ยา่ งนไ้ี มร่ สู้ กึ อดึ อดั กไ็ ดน้ ะ เพราะถงึ แมร้ า่ งกายจะไมเ่ ปน็ ไปอย่างที่ใจต้องการ แต่ว่าใจเรายังสามารถที่จะท�ำอะไรดีๆ ได้ เชน่ นกึ ถงึ ความสำ� เรจ็ ของลูกของหลาน ชนื่ ชมความส�ำเรจ็ ของ เขา รวมท้งั ถือวา่ ตอนนเี้ ป็นโอกาสใหล้ ูกหลานได้ดแู ลโยมแม่บา้ ง 70

โยมแม่เสียสละเพื่อลกู เพือ่ หลานมาเยอะแล้ว เสยี สละเพ่อื คนอนื่ มาเยอะแลว้ ตอนนกี้ ใ็ หค้ นอนื่ เขาไดด้ แู ลโยมแมบ่ า้ ง อยา่ ไปคดิ วา่ เรามาอยู่แบบนี้เป็นภาระของคนอ่ืนเขา ท่ีจริงตอนนี้แหละเป็น โอกาสดที ค่ี นทโี่ ยมแมร่ กั โดยเฉพาะลกู ๆ ทเี่ คยไดร้ บั ความสขุ จาก ความเสียสละของโยมแม่ จะได้มาดูแลโยมแม่ เป็นการท�ำ ความดี เปน็ การตอบแทนบญุ คณุ ของโยมแม่ เปดิ โอกาสใหเ้ ขานะ เปิดโอกาสให้เขาได้ท�ำบุญกับโยมแม่ เท่าที่สังขารของโยมแม่จะ อ�ำนวยให้ อย่าไปรู้สึกร�ำคาญ อย่าไปรู้สึกหงุดหงิดกับสภาพ เชน่ น้ี ถอื วา่ ตอนนเี้ รากำ� ลงั เปดิ โอกาสใหล้ กู ๆ ไดท้ ำ� บญุ ใหห้ ลานๆ ได้มาเยยี่ มเยยี น และได้รู้จัก ไดส้ มั ผสั กับย่ายายของตวั อันนีจ้ ะ เปน็ ผลดกี บั เขาเองด้วย ตอนนถ้ี งึ แมร้ า่ งกายจะไมเ่ ปน็ ไปอยา่ งทโี่ ยมแมต่ อ้ งการ ขอให้ อดทนหน่อยนะ อาตมาเช่ือว่าโยมแมท่ ำ� ไดเ้ พราะโยมแมเ่ คยตอ่ สู้ กับอุปสรรคต่างๆ มามากมาย แล้วก็สามารถผ่านไปได้ในที่สุด โยมแม่เคยเจอส่ิงที่ล�ำบากหนักหนากว่านี้มาแล้ว ตอนน้ีโยมแม่ เพยี งแตร่ อคอยใหถ้ งึ เวลาทส่ี งั ขารจะแตกดบั ระหวา่ งนกี้ อ็ ยกู่ บั เขา 71

ไปก่อน แต่อย่าอยู่ด้วยความรู้สึกฝืนทนนะ ระหว่างท่ีรอคอย สังขารแตกดับก็ท�ำใจให้เป็นกุศล นึกถึงความดีที่โยมแม่ได้ท�ำมา ตลอดชีวิตด้วยความเสียสละ และชน่ื ชมยินดกี ับความส�ำเรจ็ ของ โยมแม่ทีท่ ำ� ให้ลกู หลานเติบโตเปน็ คนดี มีการงานท่ีม่นั คง สังขารร่างกายน้ี โยมแม่อยูก่ บั เขามานานแล้ว โยมแมไ่ ด้ใช้ สังขารร่างกายนีใ้ นการท�ำประโยชนม์ ากมาย ท�ำประโยชน์ให้กบั ตัวเอง ท�ำประโยชนใ์ ห้กับครอบครัว ใหก้ บั ลูกหลาน ใชร้ า่ งกายนี้ ในการท�ำส่ิงดีงามให้คุ้มค่ากับที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ใช้สังขารน้ีท�ำ ประโยชนม์ ากมายจนเรยี กวา่ คมุ้ คา่ แลว้ ละ่ สมกบั ทไ่ี ดเ้ กดิ มาเปน็ มนษุ ยใ์ นชาตนิ ี้ ตอนน้ีสังขารร่างกายกำ� ลังจะหมดเรี่ยวหมดแรงแลว้ นะ โยม แม่กต็ อบแทนเขาหน่อย คอื ดแู ลเขา ไม่ใช่ดูแลดว้ ยยา อันน้ันเป็น เร่อื งของหมอของพยาบาล แต่วา่ ใหโ้ ยมแมด่ ูแลดว้ ยใจ คอื อยู่กบั เขาไป อย่าไปโกรธ อย่าไปโมโหท่ีเขาเป็นอย่างน้ี เพราะสังขาร รา่ งกายย่อมเสอ่ื มไปเปน็ ธรรมดา เราใชเ้ ขามามากแล้วนะ ใชเ้ ขา หาบน�้ำรดผักตัง้ แต่สมัยยงั สาว ใช้เขาเยบ็ ผา้ และท�ำมาหากนิ ดว้ ย 72

ความเหนื่อยยาก ใช้เขาในการเลี้ยงดูลูกหลาน ตอนนี้ถึงเวลาท่ี เขาไม่มีเรี่ยวไมม่ ีแรง ปอดเอย หวั ใจเอย ตบั ไตเอย กช็ รามาก แลว้ นะ เขาท�ำงานเตม็ ที่แลว้ ตอนนกี้ ็เป็นหนา้ ที่ของเราทจี่ ะดูแล เขาด้วยใจ และอยู่กับเขาไปก่อน ไม่ต้องอยู่ด้วยความอดทนนะ ไมต่ อ้ งอยดู่ ้วยความฝนื ทน อยู่กบั เขาจนกวา่ จะถงึ เวลาท่เี ขาจะไป ตอนนขี้ อให้โยมแม่ท�ำใจเหมือนกับว่า ก�ำลงั รอเวลาเลิกงาน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน เราก็ท�ำงานไปเร่ือยๆ ท�ำไปแบบ สบายๆ ไม่ไดท้ �ำดว้ ยหน้าดำ� คร่�ำเคร่ง ถงึ เวลาเลิกงานเมื่อไหร่ มี เสียงระฆงั ดัง “เปง๊ ” เราก็วางงาน วางมอื แล้วก็เดนิ กลบั บ้าน แต่ตอนน้ียังไม่ได้เวลา ก็อยู่กับสังขาร รา่ งกายนไี้ ปกอ่ น อยเู่ ปน็ เพอ่ื นเขา ไมใ่ ชอ่ ยู่ ดว้ ยความฝนื ทน แตอ่ ยเู่ พอื่ ทำ� หนา้ ทขี่ อง เราเป็นคร้ังสุดท้าย เพราะว่าร่างกายน้ี เขารับใช้เรามาเยอะแล้ว ตอนน้ีเราก็ ตอบแทนเขาดว้ ยการอย่เู ป็นเพือ่ นเขา 73

อยา่ รสู้ กึ รำ� คาญนะทรี่ า่ งกายนไ้ี มเ่ หมอื นเมอื่ กอ่ น แตก่ อ่ นเรา สง่ั ให้ท�ำอะไรเขากท็ �ำ เดยี๋ วน้ีส่งั ไมไ่ ด้แล้ว พระพุทธเจ้าตรสั วา่ รา่ งกายน้ไี มใ่ ช่ของเรา แตถ่ งึ จะไม่ใช่ของ เรา เรากม็ สี ว่ นดูแลรา่ งกายนี้ไดบ้ า้ ง เหมอื นกับเราสรา้ งบ้าน เรา ก็แต่งเติมบ้านตามความต้องการของเรา แต่บ้านน้ีไม่ว่าจะดีแค่ ไหน แข็งแรงเพียงใด สกั วันหนง่ึ กต็ ้องเสือ่ มตอ้ งผพุ งั ไป เราจะไป ส่ังว่าบา้ นน้อี ย่าพงั อยา่ ผุ เราส่งั ไม่ได้ เราไดแ้ ตซ่ ่อมแซมหรือสั่ง ใหค้ นอนื่ มาซอ่ มแซม แต่ถ้ามนั เสอ่ื ม มนั จะพงั จริงๆ เราก็หยดุ มันไม่ได้นะ เพราะว่าบ้านไม่ใช่ของเรา ถึงเวลาที่บ้านจะผุพังไป เราก็ ตอ้ งยอมใหม้ นั ผพุ งั เพราะวา่ เราทำ� เตม็ ทแี่ ลว้ ตอน นม้ี นั ยงั ไมพ่ งั ลงมาเรากอ็ ยเู่ ฝา้ บา้ นไปกอ่ น แต่ถ้าบ้านพังลงมาเม่ือไหร่ก็พร้อมจะ ออกจากบ้านหลังน้ีไป ไปหาบ้าน หลงั ใหม่ทดี่ กี วา่ บา้ นหลงั ใหมด่ แี นน่ อน เพราะ 74

ว่าโยมแมไ่ ดท้ �ำบญุ สรา้ งความดี สร้างกุศลมาเยอะ บา้ นหลงั ใหม่ น้ที ่รี อไว้ ดแี น่นอน เปน็ บ้านท่สี ะดวกสบายกว่าบา้ นหลังน้ี แตก่ ็ อยา่ เพง่ิ ไปสนใจเลยนะ ขอใหม้ นั่ ใจและสบายใจวา่ บา้ นทรี่ อเราอยู่ ข้างหนา้ นน้ั ดแี น่ แตร่ ะหว่างน้ีโยมแมก่ อ็ ยู่เปน็ เพอ่ื นบ้านหลงั นี้ไป กอ่ น เป็นหน้าทีข่ องเราทีต่ อ้ งอยกู่ บั เขา ถา้ เขายงั ไมไ่ ป เราก็ยงั ไป ไม่ได้ แต่เมื่อสังขารร่างกายน้ีถึงเวลาท่ีจะต้องไป เราก็พร้อมท้ิง บ้านหลังน้ีไป ไม่ต้องอาลัย แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะท้ิงนะ เพราะว่าเขายังท�ำงานได้อยู่ ก็ให้อยู่ไปด้วยความรู้สึกท่ีสบายใจ ไมห่ งดุ หงดิ ไม่รำ� คาญ ไม่โมโห ท่ีบ้านหลงั นีม้ ันไม่เปน็ ไปอย่างที่ เราคิด สังขารร่างกายน้ีไม่เป็นไปอย่างท่ีเราต้องการ ก็อย่าโมโห อยกู่ บั เขาไปกอ่ น ถอื วา่ เปน็ หนา้ ทขี่ องเราทจ่ี ะตอ้ งอยกู่ บั เขา เพราะ วา่ เขารบั ใชเ้ รามาชา้ นานแลว้ ๙๖ ปแี ลว้ นะทเ่ี ขาไดอ้ ยกู่ บั โยมแม่ ทกุ ลมหายใจทเ่ี ขา้ และออก ไดช้ ว่ ยใหโ้ ยมแมท่ ำ� หนา้ ทกี่ ารงาน นบั ตัง้ แตด่ ูแลพ่อแม่ ดูแลสามี ดแู ลลูก ตอ่ มาก็ชว่ ยเหลอื เพอ่ื นบา้ น ท�ำงานการต่างๆ ทีส่ มควรทำ� ในฐานะที่เป็นเพอื่ นมนษุ ย์ ในฐานะ 75

ทเี่ ปน็ คนไทย ชว่ ยเหลอื สงั คม ชว่ ยเหลอื สว่ นรวม กอ็ าศยั รา่ งกาย นีแ้ หละเป็นเครอ่ื งไม้เครอื่ งมือ ตอนน้ีเราได้แต่ขอบคณุ เขา และ อยู่กับเขาไปก่อน อยู่เป็นเพือ่ นเขา อนั น้ไี ม่ใชเ่ รือ่ งยากนะ เพราะว่าโยมแมเ่ คยทำ� สง่ิ ที่ยากกวา่ นี้ มาแล้ว ตั้งแตเ่ ล็กจนสาวจนกระทง่ั มีครอบครวั จนกระทง่ั แก่ชรา กเ็ คยทำ� สง่ิ ทย่ี ากๆ กวา่ นม้ี ามากมายแลว้ และทำ� ไดส้ ำ� เรจ็ ดว้ ย นา่ พอใจ ตอนนเี้ หลอื งานอยชู่ ้นิ เดียว คอื อยกู่ ับสงั ขารรา่ งกายน้ี แต่ ให้อยู่ด้วยใจที่ปล่อยวางนะ คือใจไม่ทุกข์ไปกับสังขารร่างกายนี้ รา่ งกายนม้ี นั จะเจบ็ มนั จะปวดมนั จะอดึ อดั กอ็ ยกู่ บั เขาดว้ ยใจทไ่ี ม่ เป็นทุกข์ สั่งอะไรไมไ่ ดก้ ช็ ่างเขา ไมเ่ ปน็ ไร ช่างมัน โยมแม่ได้ปล่อยวางกับหลายเร่ืองมาแล้ว เจอคนใกล้ชิดเจอ ใครตอ่ ใครทไ่ี มถ่ กู ใจเรา โยมแมก่ ใ็ หอ้ ภยั ไมถ่ อื สาหาความ ไมเ่ อา มาเปน็ อารมณ์ อนั นน้ั เป็นเรื่องของคนรอบข้าง เรอื่ งของสิ่งนอก ตวั ตอนนร้ี า่ งกายกเ็ ปน็ อยา่ งนนั้ เหมอื นกนั คอื ไมค่ อ่ ยยอมเชอื่ ฟงั เท่าไหร่ บางทีก็เอาความเจ็บความปวดมาให้ ก็อย่าไปโกรธนะ 76

อยา่ ไปโมโห อยา่ ไปอดึ อดั อยา่ ไปขัดเคืองใจ ใหอ้ ภยั เขา ไม่ถอื สา หาความ ทำ� ใจใหส้ บาย รกั ษาใจใหเ้ ปน็ ปกติ สงั ขารรา่ งกายจะเปน็ อยา่ งไร กป็ ล่อยเขาไป เรากไ็ ดแ้ ต่อยู่กบั เขาไปก่อน แต่เมื่อไหร่ ก็ตามทีร่ ่างกายนไ้ี มไ่ หวแลว้ ไดเ้ วลาท่ีจะไปแล้ว โยมแมก่ ็ไมต่ ้อง ห่วง ไม่ตอ้ งยดึ เม่ือถึงเวลาเขาไป เรากไ็ ปเหมอื นกนั เหมอื นกบั บา้ นที่ก�ำลังจะพังลงมา พงั ลงมาเมือ่ ไหรเ่ ราก็ไปแล้ว ไม่หวงแหน เอาไว้ ปลอ่ ยมนั พงั ลงมา สว่ นเรากไ็ ปหาบา้ นใหมท่ ่ีรออยู่ ตอนน้ีโยมแม่ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว เรียกว่าสบายใจได้ แล้ว ถ้ามีอะไรจะห่วงก็อย่าไปยึดติดถือม่ันมาก เพราะว่าได้ท�ำ หน้าที่ทุกอย่างมาอย่างเต็มท่ีแล้ว ตอนน้ีถึงเวลาที่ท�ำส่ิงท่ีควรท�ำ คือชื่นชมในความส�ำเร็จของเราที่ท�ำด้วยความเสียสละและ ปรารถนาดี อาจมีบางอย่างทเี่ ราอยากจะให้ดกี ว่านี้ แต่ได้เทา่ นี้ก็ ควรพอใจแล้ว เพราะว่าคนท่ีจะมีอายุยืนแล้วได้เห็นความส�ำเร็จ ของลกู และความสำ� เรจ็ ของหลาน มไี มม่ าก แตโ่ ยมแม่ได้เห็นมา จนครบถ้วนแล้ว จึงนา่ จะภมู ิใจกบั ชวี ติ ทผ่ี า่ นมา ระหว่างที่ยังอยู่ กบั สงั ขารร่างกายตอนน้ี อย่าไปมัวอดึ อัดขัดเคืองใจกบั รา่ งกายนี้ 77

ใหน้ อ้ มใจหนั มาชนื่ ชมความสำ� เรจ็ ของเรา ทไี่ ดท้ ำ� จนนา่ ภาคภมู ใิ จ ขอให้โยมแม่มองไปรอบๆ ลูกหลานตอนน้ีเขามองโยมแม่ด้วย ความชื่นชม ด้วยความเคารพนับถอื ไม่ค่อยมีใครได้มีโอกาสอย่างน้ีหรอก เพราะว่าไม่มีอายุยืน เหมือนโยมแม่ หรือถึงแม้มีอายุยืนแต่ก็อาจจะทุ่มเทเสียสละไม่ เท่าโยมแม่ จนกระท่ังลกู หลานประสบความสำ� เร็จให้โยมแมภ่ าค ภมู ใิ จ เพราะฉะนนั้ ขณะทน่ี อนอยู่อย่างน้อี ย่าไปคดิ วา่ เป็นการทน ทุกข์ทรมาน ให้ถือว่าแต่ละวันคือวันท่ีเราจะได้ช่ืนชมลูกหลาน ชนื่ ชมความสำ� เรจ็ ของเรา ใหแ้ ตล่ ะวนั ๆ เปน็ วนั ทเี่ ราไดภ้ าคภมู ใิ จ ในชีวิตของเรา ไม่ใช่วันท่ีจะทุกข์ทรมานแต่ อย่างใด ขอให้วางใจแบบน้ี ทุกวันท่ี ผ่านเข้ามา เป็นวนั ท่ีเราจะเก็บเกี่ยว ตักตวงความสุขจากการท่ีได้เห็น ความส�ำเร็จของลูกของหลาน และ ภาคภูมิใจในความดีในความเสียสละ ทท่ี ำ� มาตลอดทงั้ ชวี ติ เปน็ ชวี ติ ทคี่ มุ้ คา่ กบั 78

การได้เกิดมาเปน็ มนุษย์ อยา่ ใหว้ นั แตล่ ะวนั เปน็ วนั แหง่ ความทกุ ข์ ขอใหอ้ ยกู่ บั รา่ งกาย นดี้ ้วยใจที่สบาย เขาจะทุกข์อยา่ งไรกเ็ ปน็ เร่ืองของเขา เราไม่ทกุ ข์ ไปกบั เขาดว้ ย ให้ทกุ ข์แต่กาย แตใ่ จไมท่ ุกข์ อยกู่ ับสังขารรา่ งกาย นดี้ ว้ ยใจทป่ี ลอ่ ยวาง ไมโ่ กรธ ไมโ่ มโห ไมข่ ดั เคอื งใจ อยา่ งทอ่ี าตมา บอกไว้นะ ให้อยู่เหมือนกับว่ารอเวลาเลิกงาน ระหว่างที่รอ ก็ ท�ำงานของเราไปเรื่อยๆ เลิกงานเม่ือไหร่ ก็พร้อมจะไปทันที เหมอื นกบั ทีพ่ ระสารบี ตุ ร พระอคั รสาวกของพระพุทธเจา้ บอกวา่ “ไมย่ นิ ดตี อ่ ความตายและชวี ติ รอคอยเวลาตายอยู่ เหมอื นลกู จา้ ง รอใหห้ มดเวลาท�ำงานฉะนน้ั ” ระหวา่ งทย่ี งั ไมถ่ งึ เวลาเลกิ งาน กท็ ำ� หน้าทไ่ี ปเหมือนกบั ที่โยมแม่กำ� ลงั ทำ� ตอนน้ี อยกู่ ับสงั ขารร่างกาย น้ี เป็นเพือ่ นกบั เขา พอถงึ เวลาเลกิ งานปุบ๊ วางมือ ไปไดเ้ ลย ไมม่ ี อะไรต้องอาลัย แล้วกไ็ ม่มีอะไรที่ตอ้ งเสียใจ เอาละ่ นะ ทอ่ี าตมาพดู มาคงเปน็ แงค่ ดิ ใหก้ บั โยมแมไ่ ด้ อาตมา ขอยตุ เิ ทา่ นน้ี ะ จากนไ้ี ปจะสวดมนตใ์ หพ้ รขอใหพ้ ระธรรมคมุ้ ครอง 79

จติ ใจของโยมแม่ เพอื่ ใหอ้ ยอู่ ยา่ งมคี วามสขุ อสิ ระ ปลอ่ ยวาง แมว้ า่ สงั ขารรา่ งกายนจี้ ะเปน็ ทกุ ขอ์ ยา่ งไรกต็ าม ขอใหโ้ ยมแมน่ อ้ มรบั พร 80

81



ถงึ เวลาปลอ่ ยวาง สังขารทัง้ ปวง ขอใหพ้ รพยายามออ่ นโยนกบั ตวั เอง เพราะวา่ สงั ขาร รา่ งกาย และจติ ใจของพร เขาพยายามทำ� หนา้ ทขี่ องเขาอยา่ งดที ส่ี ดุ แลว้ ถา้ เราอ่อนโยนกบั ร่างกายและจิตใจของตวั เอง เราจะเป็นสขุ มากขึ้น อยา่ ไปบบี คน้ั ตวั เอง แผเ่ มตตาใหก้ บั ตวั เองมากๆ แผเ่ มตตาใหก้ บั ร่างกายของเราเอง เขามารบั ใชเ้ รานานแลว้ รักษาจิตประคองใจ ให้เปน็ ไปในทางกศุ ล เปล่ยี นอกุศลใหเ้ ป็นกุศล เมอ่ื เราอ่อนโยน กับตวั เราเอง ทกุ อยา่ งก็เปน็ เรอื่ งท่รี บั ได้ ทนได้ จิตใจก็จะนุ่มนวล มากข้ึน ขณะเดียวกันไม่ว่าอะไรท่ีเข้ามาสู่การรับรู้ของเรา ก็ พยายามอ่อนโยนกบั สิ่งน้ัน ไม่ผลักไส ตอ้ นรับแต่ไม่ยดึ ติด ไม่ว่า บางส่วนจากคำ� บรรยายแก่ นางสาวสุภาพร พงศ์พฤกษ์ ระหว่างวนั ท่ี ๑๑-๑๔ กนั ยายน และ ๑๕-๑๖ ตลุ าคม ๒๕๔๖ 83

สิง่ น้นั เป็นบวกหรอื ลบ พรมีเมตตากับคนอน่ื มามากแล้ว ตอนน้ี ก็ขอใหพ้ ยายามมเี มตตากับตนเอง อย่าไปหงดุ หงดิ ขดั เคอื งใจกับ สง่ิ ใดก็ตามทเ่ี กดิ ขนึ้ จะชว่ ยใหโ้ ทสะเบาบางลงไป แลว้ โมหะก็จะ เบาบางลงไปดว้ ย เมตตากรุณานีเ้ ปน็ พลงั สำ� คัญ ในการยกจติ ให้ อยู่เหนอื ความทุกข์ เพราะขณะท่ีเราเมตตาสิ่งใดก็ตาม ใจเราจะ เปน็ สุข พยายามประคองจิตให้อยู่กับสติ สมั ผสั สิ่งต่างๆ ด้วยสติ แลว้ ความอ่อนโยนน่มุ นวลกจ็ ะเกิดข้ึนเอง ตอนนี้ร่างกายของพรก�ำลังแสดงความจริงของมันออกมาว่า มันไม่น่ารักเลย แต่ก่อนเราคิดว่ามันน่ารัก จึงยึดมันเอาไว้ แต่ ตอนนม้ี นั ไมย่ อมฟังคำ� สัง่ เราแลว้ ท่ีจรงิ กไ็ ม่เคยฟังด้วยซ้�ำ ตอนน้ี มันแสดงอาการท่ีไม่น่ารักออกมา เต็มไปด้วยความแปรปรวน ความเจ็บปวด อันนี้คือโทษหรือด้านลบของมันที่พระพุทธเจ้า เรียกว่าอาทีนวะ น่ีเป็นโอกาสดีท่ีช่วยเราให้เกิดความเบื่อหน่าย จางคลาย ที่เรียกว่า นิพพิทาและวิราคะ พอหน่ายแล้วก็ละได้ ถ้าไม่หน่ายก็ยังไม่ละ สาเหตุท่ีเรายังยึดร่างกายนี้เพราะเรายัง ไม่หนา่ ยมนั แตถ่ า้ เราหนา่ ยมันเม่อื ไร กล็ ะมนั ไดเ้ ม่อื น้ัน 84

ตอนนพ้ี รกไ็ ดเ้ หน็ แลว้ วา่ สงั ขารนน้ี า่ เบอื่ หนา่ ยอยา่ งไรบา้ ง มนั ไมน่ า่ รกั มนั แปรปรวน พดู อยา่ งนม้ี ไิ ดใ้ หเ้ กลยี ดเขา อยา่ ไปเกลยี ด โกรธ หรอื ขนุ่ เคืองใจกับสังขารนี้ มนั เป็นธรรมชาตขิ องเขา เรา ตอ้ งเหน็ ดว้ ยวา่ ธรรมชาตขิ องเขาเปน็ อยา่ งนน้ั เอง คอื ไมน่ า่ รกั ถา้ เราเหน็ อย่างนี้มากขึ้นๆ ก็จะคลายความยึดตดิ ทนี ีพ้ อเราคลาย ความยึดตดิ ได้ใจเรากเ็ บา ที่เคยแบกไว้เตม็ ท่ี กค็ อ่ ยๆ หลดุ ไปที ละอย่าง สองอย่าง ตอนนี้ขอให้พรพยายามคลายความยึดใน ร่างกายน้ีให้ได้มากท่ีสุด ก็ไม่รู้จะยึดมันไปท�ำไม มันหนัก และ ไม่น่ามีไม่น่าเอา เป็นท่ีพ่ึงไม่ได้ ไม่ต้องผลักไสเขานะ มันเป็น ธรรมชาติทเ่ี ขาจะตอ้ งไปจากเรา ตอนนีพ้ รคงจะเห็นแล้วว่าธาตุต่างๆ ในร่างกาย มันก�ำลังแตกดับ ร่างกายผ่ายผอม ก�ำลังวังชา ลดนอ้ ยถอยลง ไมม่ เี รยี่ วมแี รง รสู้ กึ ออ่ นเพลยี อนั นแี้ สดงวา่ ธาตดุ นิ กำ� ลงั แตกดบั ตอ่ มาธาตุ น�้ำก็แสดงอาการแล้ว ริมฝีปากแห้งผาก กระหายน�้ำ มีสงิ่ อุดตันในล�ำคอ ไมส่ ามารถ 85

ควบคมุ ของเหลวในรา่ งกายได้ รวมทงั้ ปสั สาวะอจุ จาระ อนั นแ้ี สดง วา่ ธาตุน�ำ้ ในตวั เราเร่ิมแปรปรวน ถ้าไมม่ ีมากเกินไปกน็ อ้ ยเกนิ ไป ต่อไปธาตุไฟกจ็ ะเรรวน รสู้ กึ หนาว รา่ งกายเร่มิ เย็นจากเท้าขึ้นมา เปน็ ตน้ ตอนน้ีธาตุลมเร่ิมแสดงอาการแปรปรวน หายใจกต็ ดิ ขัด รู้สึกไมส่ บาย น้ีคือธรรมดาของธาตทุ ั้งสี่ท่กี �ำลังเกิดข้ึนกบั พร ขอ ใหร้ ับรอู้ ยา่ งมีสติ ให้เห็นสง่ิ เหลา่ นี้วา่ เปน็ ธรรมดา อย่าไปผลกั ไส ใหย้ อมรบั ตามทเ่ี ปน็ จรงิ มองใหเ้ หน็ วา่ ธาตุ ดนิ นำ�้ ไฟ ลม กำ� ลงั แสดงธรรมใหเ้ ราเห็นถงึ ความไม่เท่ยี ง ถงึ ความเป็นทุกข์ ถึงความ ไม่ใชต่ วั ตน เราไม่สามารถบงั คับให้ ดนิ นำ้� ลม ไฟ ใหเ้ ป็นไปตามใจเรา ปรารถนาได้ เม่ือเขาจะไปก็ไม่ได้บอกก่อน แต่เราก็ให้เขาไป ด้วยดี เหมือนเราล่�ำลาเพ่ือนเก่า เขาจะไปเราก็โบกมืออ�ำลา ไม่พยายามยอื้ ยดุ เอาไว้ เพราะมนั เปน็ ธรรมชาติของเขา ถงึ เวลา เขาก็ต้องไป ธาตุ ดิน นำ�้ ลม ไฟ เขารับใชเ้ รานานพอสมควรแลว้ ท�ำใหเ้ รามีชวี ติ ครองรา่ งมนษุ ย์ ได้สรา้ งสรรคค์ ณุ งามความดี ได้ ประกอบกศุ ลกรรมมาเป็นเวลานานพอสมควร ตอนนี้เขาจะต้อง 86

ไปแลว้ ก็ขอให้พรอำ� ลาเขา ไมโ่ กรธเคอื ง ไมน่ อ้ ยใจ ไม่หงดุ หงิด และก็ไม่คิดจะยึดเขาไว้ อันน้ีแหละคือการยอมรับตามที่เป็นจริง ถ้าเรายอมรับอันน้ีได้เราก็จะเกิดปัญญา โพธิในใจเราก็จะเติบโต ขึน้ เพราะวา่ เราไดเ้ ปิดใจเรียนรูธ้ รรมะจาก ดนิ น้�ำ ลม ไฟ ตอนนมี้ ันไมใ่ ชแ่ ค่ ดิน น้ำ� ไฟ ลม เทา่ น้ัน ทีก่ �ำลงั แตกดบั นาม คือ เวทนา สญั ญา สังขาร วิญญาณ ก็ก�ำลงั แตกสลายไป พร้อมๆ กับ ดิน น้�ำ ไฟ ลม พอดินเริ่มจะไป เราก็ง่วงหงาว หาวนอน อ่อนเพลยี มึนงง พอน้ำ� เร่มิ จะไป เรากร็ ู้สึกหงุดหงิด ขัดเคืองใจ พอไฟเร่ิมไป ความจ�ำก็จะพร่าเลือน สัญญาเร่ิมไม่ ท�ำงาน อย่าไปหงุดหงิดร�ำคาญใจ ถ้าหากนึกชื่อใครไม่ออกมัน เป็นธรรมดาที่ตอ้ งเกดิ ข้นึ อย่าทกุ ขใ์ จ ใหเ้ ราอยกู่ บั ความเปน็ จรงิ ขณะน้ใี ห้ได้ ตอ่ ไปการรบั รู้ทางตา หู จมกู ลนิ้ กจ็ ะเริม่ มีปัญหา มันเป็นธรรมดาของฝ่ายนาม ท่ีคู่เคียงไปกับฝ่ายรูป ก็ขอให้พร ยอมรบั ตามที่เป็นจริง ไม่ขดั ขืน ขอบคณุ เขา ปล่อยเขาไป อยา่ ไป ยึดเลยร่างกายน้ี พยายามประคองใจให้อยู่กับสติให้ดีท่ีสุดไม่ว่า อะไรจะเกดิ ข้นึ 87

รปู เปน็ อย่างไร เวทนาก็เป็นอยา่ งนน้ั เม่ือมนั เกิดข้นึ เราจะ ยึดมาเป็นของเราไม่ได้เพราะมันก็ไม่น่ารักเหมือนกัน มีสุข ประเดย๋ี วเดยี วกท็ ุกข์ เราไมส่ ามารถควบคมุ ได้ เมอ่ื เกดิ ข้นึ ก็ดมู นั อย่าไปยึดเอาไว้ และไม่ต้องไปพยายามก�ำจัดด้วย เพราะมันมา แลว้ ก็ไป ให้ถอื คาถาวา่ ฉนั ไมเ่ อา ฉันไม่เอา ฉนั เห็นแก ฉนั เห็น เจา้ ทุกขเวทนา แต่ฉนั ไม่เอา มแี ตไ่ ม่เอา มากม็ า ฉันไมเ่ อา ไม่ เอามาเปน็ ฉนั เปน็ ของฉนั เราไมม่ สี ทิ ธไิ์ ปขบั ไลเ่ ขานะ ตวั เวทนานี้ เพราะว่ามันเป็นไปตามธรรมชาติของเขา เกิดขึ้นตามเหตุ ตาม ปจั จยั เราขบั ไลเ่ ขาไมไ่ ด้ แตเ่ ราไมเ่ อาได้ กค็ อื ไมย่ ดึ ตดิ มนั ปลอ่ ย วางมันเสียเหมือนคนที่รู้สึกเหน่ือยกับการเดินทางแล้ว แบกของ มาเตม็ หลังเลย ตอนนีก้ ็ค่อยๆ ท้งิ ลงไป เรม่ิ จากการทงิ้ ร่างกาย หรือรูป ต่อไปก็ท้ิงเวทนา ท้ิงก็คือไม่เอา แต่ไม่คิดที่จะไปก�ำจัด ขบั ไสเขา เขาจะมากม็ าแต่เราไม่เอา ของเดมิ ก็ท้ิงไป ของใหม่ก็ ไม่เกบ็ มาแบกเอาไว้ พยายามประคองใจอย่าให้พลัดเข้าไปในทุกขเวทนา ทุกข- เวทนาเกดิ ขน้ึ กจ็ รงิ แตข่ อใหท้ กุ ขแ์ คก่ ายสว่ นใจไมท่ กุ ข์ ตอนนเ้ี ปน็ 88

โอกาสดี มพี ระอรหนั ต์หลายรปู อาศยั ชว่ งที่ปว่ ยหนกั เรียนรธู้ รรม บางท่านท้อแท้ในชีวิต ตัดสินใจฆ่าตัวตาย เช่น ปฏิบัติธรรม ไม่ก้าวหนา้ บางท่านไดฌ้ านแลว้ กเ็ สอ่ื ม เปน็ อยา่ งนีอ้ ยู่ ๗ คร้งั กเ็ บ่ืออยากจะฆ่าตัวตาย ตอนพยายามลงมือฆา่ ตัวตายนั้น เห็น ความทุกขท์ รมานขณะเอามีดกรดี คอตวั เอง ในตอนน้ันเองท่ที า่ น ได้สตเิ ห็นว่ารา่ งกายนี้ไมน่ ่าเอาเลย มนั ทุกขเ์ หลอื เกนิ เกิดความ หน่ายในสงั ขารขึน้ มาก็ปล่อยวาง จิตหลุดพ้นทันทเี ลย กลายเปน็ พระอรหนั ต์ นเ่ี รยี กวา่ เปลย่ี นวกิ ฤตใหเ้ ปน็ โอกาส จากคนซง่ึ สโู้ ลก ไมไ่ หว มีความเขา้ ใจผิดคิดว่าการฆ่าตัวตายเป็นทางออก แต่เกดิ มีสติได้คิดขึ้นมาตอนที่เจ็บปวดอย่างหนักและก็รู้ว่าร่างกายนี้ไม่ น่าเอา เกิดปัญญาแจ่มแจ้งจนจิตหลุดพ้นได้ เพราะฉะน้ันความ เจบ็ ปวดก็มีประโยชน์นะ มนั ชว่ ยใหเ้ ราปลอ่ ยวางสงั ขาร ในแงน่ ้ี ถือว่าเขาเป็นมิตร เป็นอาจารย์ท่ีพยายามผลักเราให้หลุดจาก วัฏสงสาร ผลักให้เราทิ้งเขาไป แต่ถ้าเราไม่ยอมยัง พยายามยึดเขาเอาไว้ก็ยิ่งทุกข์ แต่ถ้าเขายิ่งผลัก เรากย็ อมทงิ้ เขาไป เสมอื นกบั วา่ ฉนั ไมส่ นใจเธอ แลว้ ละ่ 89

ภิกษุณีบางทา่ นชรามาก ถือไมเ้ ทา้ เดินกระย่องกระแย่ง จูๆ่ เดินสะดดุ หกล้มลงไปนอนกองกับพืน้ เจบ็ ปวดมาก ขณะน้ันเอง ทา่ นไดส้ ตเิ ห็นชดั วา่ สังขารนท้ี ุกข์เหลือเกนิ มันไม่น่าเอาเลย เกดิ ความสงั เวช เกดิ ความหนา่ ยในสงั ขาร กเ็ ลยสลดั มนั ทง้ิ ไปเลย จติ หลุดพน้ บรรลธุ รรม คนทบ่ี รรลุธรรมในขณะที่เจ็บปวด มเี ยอะมาก เพราะฉะนนั้ จงึ เรยี กวา่ ความเจบ็ ปว่ ย เปน็ โอกาสที่เราจะไดเ้ หน็ ธรรม จะเรยี กว่าเขา เป็นครูบาอาจารย์ ความทุกข์สามารถเป็น ครูบาอาจารย์ท่ีจะสอนเราให้เราเข็ดหลาบ ตอ่ การยดึ ตดิ ถือม่ันหรืออปุ าทาน เราจะได้ หลดุ ออกมา ตอนนช้ี วี ิตเราวนเวยี นอย่รู อบ ความทุกข์เหมือนกับดาวเทียมท่ีวนโคจรอยู่ รอบโลก ความทุกข์มนั ดูดเราไมใ่ หเ้ ราไปไหน ให้เราหมุนวนอยู่นั่นแหละ ปุถุชนก็เหมือนกับ ดาวเทยี มทวี่ นอยูร่ อบความทกุ ข์ เพราะความทกุ ข์มนั ดดู เอาไว้ ตวั ดดู ตัวยึดนกี่ ค็ ืออปุ าทานนั่นเอง แต่ถ้าเราอยากสลัดตัว ให้หลดุ ออกจากแรงดึงดูดของความทุกข์ เรากต็ อ้ งอาศยั แรงผลัก 90

เหมอื นกบั ดาวเทยี มตอ้ งมจี รวดดนั ใหม้ นั ออกมาจากแรงดงึ ดดู ของ โลก อะไรทผี่ ลักใจเราใหห้ ลุดจากแรงดึงดดู ของความทุกข์ ก็คอื ความหนา่ ยในความไม่เทยี่ งและความทุกข์ของสงั ขารนั่นเอง ตอนน้ีขอให้พรถือว่า ความเจ็บปวดตอนนี้คือแรงผลักท่ีจะ ท�ำให้พรหลดุ พ้นจากแรงดึงดูดของความทกุ ข์ หลดุ ออกมาจากวง โคจรทเี่ ปน็ วฏั สงสาร ขอใหพ้ จิ ารณาอยา่ งน้ี อาศยั สติ อาศยั สมาธิ อาศยั ปัญญา คือ ธรรมวจิ ยั ในสัมโพชฌงค์ แลว้ ประคองจิตใหอ้ ยู่ ในปัสสัทธิหรือความผ่อนคลายแม้กายจะแปรปรวนก็ตาม อันนี้ เราท�ำได้ สว่ นวริ ยิ ะหรอื ความเพยี รก็ขอใหท้ �ำไม่หยดุ คือเพยี รใน การพิจารณาสังขาร สว่ นอุเบกขากส็ �ำคัญนะ กายจะทกุ ข์อยา่ งไร ก็ให้ใจเป็นปกติ เป็นกลางต่อทุกส่ิงท่ีเกิดข้ึนกับกายและอารมณ์ ความรู้สึก ถ้าท�ำได้ก็เรียกว่าเป็นการระดมพลมาช่วย ขอให้ รวบรวมกำ� ลังเอาไว้ แลว้ ก็ให้ร้สู ึกเสมอวา่ แตล่ ะวนั ทีม่ าถึง และ ก�ำลังจะมาถงึ ไมไ่ ดห้ มายถึงวนั ทีจ่ ะตอ้ งทุกข์มากข้นึ แต่เปน็ วันที่ เราจะเป็นอิสระมากขึ้น วันท่ีเราจะหลุดออกจากทุกข์ได้มากข้ึน ห่างไกลจากความทุกข์เรื่อยๆ อย่ายอมจ�ำนน เมื่อข้ึนวันใหม่ 91

อย่าไปคิดว่าวันนี้ฉันจะต้องทุกข์อีกแล้ว ให้รู้สึกว่าวันนี้ฉันจะมี ก�ำลงั เพิ่มขน้ึ ไกลจากทุกข์มากขนึ้ พรจำ� เรอื่ งลงิ กำ� ถว่ั ไดไ้ หม ลงิ อยากกนิ ถวั่ จงึ เอามอื ลว้ งเขา้ ไป ในกระบอกไมไ้ ผ่ เพราะในกระบอกไมไ้ ผม่ ีถั่วท่พี รานเอามาลอ่ ไว้ กำ� ถั่วเสร็จก็ชักมอื ออกมา แต่ชักออกมาไมไ่ ด้เพราะมือกำ� ถ่ัวเอา ไว้ กระบอกไมไ้ ผเ่ ลยตดิ มอื จะขนึ้ ตน้ ไมก้ ข็ น้ึ ไมไ่ ด้ จนถกู พรานจบั ไดใ้ นที่สุด มันถูกจับเพราะมันกำ� ถัว่ เอาไว้ มนั ไม่ เฉลยี วใจวา่ ถา้ มนั ปลอ่ ยถวั่ ทงิ้ ไปกจ็ ะดงึ มอื ออก จากกระบอกไม้ไผ่ได้ ท�ำไมมันไม่ปล่อยถ่ัว กเ็ พราะวา่ มนั ทงั้ โลภทงั้ หลง คนเรากไ็ มต่ า่ ง จากลิงก�ำถั่ว ความทุกข์ตามติดเราตลอด เวลาเพราะเราไมร่ จู้ กั ปลอ่ ยวาง เพราะฉะนนั้ ถ้าไม่อยากทุกข์ก็ขอให้ปล่อยวาง เหมือนที่ พระพทุ ธเจา้ สอนวา่ ใหร้ จู้ กั สลดั ทงิ้ ของหนกั ลงเสยี ในบทสวดที่ว่า 92

ภารา หะเว ปญั จกั ขันธา ขันธ์ท้งั ๕ เป็นของหนกั เนอ้ ภาระหาโร จะ ปคุ คะโล บคุ คลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป ภาราทานัง ทกุ ขัง โลเก การแบกถอื ของหนกั เปน็ ความทุกข์ ในโลก ภาระ นิกเขปะนัง สุขงั การสลัดของหนกั ทิ้งลงเสยี เป็นความสุข นกิ ขปิ ติ �วา คะรงุ ภารงั พระอรยิ เจ้า สลดั ท้ิงของหนัก ลงเสียแลว้ อัญญัง ภารงั อะนาทิยะ ทงั้ ไม่หยิบฉวยเอาของหนกั อ่นื ขน้ึ มาอีก สะมูลัง ตณั หงั อัพพยุ ห� ะ ผู้ถอนตัณหาขน้ึ ได้ แม้กระท่งั ราก นิจฉาโต ปะรินพิ พโุ ต เปน็ ผู้หมดสง่ิ ปรารถนา ดบั สนทิ ไมม่ ีสว่ นเหลือ 93

ระหว่างที่ก�ำหนดลมหายใจ พรลองพิจารณาขันธ์ท้ัง ๕ ดู พิจารณาให้เห็นถงึ ความเปน็ โทษของขันธ์ ๕ พิจารณาใหเ้ ห็นถงึ ความเป็นทุกข์ของรูป ความเป็นทุกข์ของเวทนา ความเป็นทุกข์ ของสญั ญา ความเปน็ ทกุ ขข์ องสงั ขาร ความเปน็ ทกุ ขข์ องวญิ ญาณ พิจารณาให้เหน็ ถงึ ความไมน่ ่าเอา ไม่น่ามี ส่ิงเหลา่ น้ไี มน่ ่ายึดมา เป็นเราเปน็ ของเรา รปู เวทนา สญั ญา สังขาร วญิ ญาณ เหลา่ นี้ มาประกอบกันเพ่ือให้ชีวิตด�ำเนินไปได้ ช่วยให้เราสามารถท�ำ คุณงามความดี อันนเ้ี รียกวา่ คุณของขันธ์ ๕ แตว่ ่ามันก็มโี ทษใน เวลาเดียวกัน โทษก็คือมันไม่เท่ียง มันเป็นทุกข์อย่างท่ีก�ำลัง ปรากฏให้เห็น พรก็เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่ามันมีทุกข์มีโทษ อยา่ งไรบา้ ง สงิ่ เหลา่ นแ้ี มว้ า่ จะมปี ระโยชนแ์ ตเ่ ราไมส่ ามารถจะยดึ เป็นเจ้าเข้าเจ้าของมันได้ เขามาเพ่ือให้เราได้ใช้งาน แต่เขาก็ไม่ ยอมใหเ้ ราเป็นเจ้าของครอบครองเขา เพราะว่าขันธ์ ๕ นีม่ นั ไม่ใช่ ของของเรา มันเป็นของใครของอะไร เป็นของธรรมชาติน่ันเอง รปู เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ ดนิ น้ำ� ลม ไฟ เปน็ ของ ธรรมชาติ มาจากธรรมชาติ และตอ้ งกลบั คืนสู่ธรรมชาตใิ นท่สี ุด 94

พรพิจารณาตรงนี้ใหด้ ๆี เม่ือไหร่ก็ตามท่เี ราเผลอ ไปหลงไป ยึดวา่ สิ่งต่างๆ เหลา่ นว้ี า่ เป็นของเรา ไปยึดเป็นเจา้ เข้าเจา้ ของ เรา กท็ กุ ขไ์ มส่ บายใจเหมอื นกบั คนทขี่ โมยทรพั ยส์ นิ ของคนอนื่ เมอื่ ได้ มาแล้วใจก็ไม่เป็นสุข เพราะกลัวถูกต�ำรวจจับ ต่อเมื่อคืนให้แก่ เจา้ ของ ตำ� รวจจงึ จะเลกิ ไลจ่ บั เรา เราจงึ จะอยอู่ ยา่ งเปน็ สขุ ได้ ขนั ธ์ ๕ กเ็ หมอื นกนั มนั ไมใ่ ชข่ องเรา เราไปยดึ เปน็ เจา้ เขา้ เจา้ ของไมไ่ ด้ มันเปน็ ของธรรมชาติ ไมใ่ ช่ของเรา แต่เปน็ เพราะความหลงเราก็ เลยเผลอไปยึดเอาขันธ์ ๕ เป็นของเรา เราก็เลยมีสภาพไม่ต่าง จากขโมยท่ีตอ้ งเดือดเน้ือร้อนใจ เพราะวา่ ถูกตำ� รวจไลล่ ่าตามจับ ตวั มที างเดยี วทจ่ี ะเปน็ อสิ ระหรอื เปน็ สขุ ได้ กค็ อื คนื ขนั ธท์ ง้ั ๕ ให้ แกธ่ รรมชาติ เพราะธรรมชาตคิ อื เจา้ ของตัวจริง ความทกุ ขเ์ กิดข้ึนไดเ้ พราะความตดิ ยดึ เช่น ติดยดึ ในสงั ขาร ว่าเปน็ เราเปน็ ของเรา อยากใหเ้ ปน็ ตามใจเรา ถา้ เราเหน็ ว่าความ ทกุ ข์เกิดข้นึ เพราะความตดิ ยดึ มันจะเฉลยในตวั ให้เราเหน็ เองวา่ ถ้าจะไม่ทุกข์ก็ต้องปล่อยวาง ไม่ยึดว่ามันเป็นเราเป็นของเรา สังขารเปน็ เพียงอุปกรณ์เหมอื นกบั เรอื ที่เราใชข้ า้ มฝั่ง ตอนนี้พรก็ 95

เดินทางมาไกลพอสมควรแล้ว เรือมันก็รั่วไปตามเหตุตามปัจจัย กไ็ มเ่ ปน็ ไร ใกลถ้ งึ เวลาทพ่ี รจะตอ้ งสละเรอื ถา้ มนั ผพุ งั จนไปตอ่ ไม่ ไหวเรากต็ อ้ งขนึ้ ฝง่ั และเดนิ ทางตอ่ ไปแคน่ น้ั เองไมม่ อี ะไรมาก อยา่ ไปหวงแหนยึดติดกับเรือมาก มันเสื่อมมันผุพังจนใกล้เวลาที่จะ ต้องสละเรือแล้ว จากนั้นก็เดินทางต่อจนกว่าจะถึงเป้าหมายถึง ความพน้ ทกุ ข์ ในใจของพรมีโพธิจิตอยู่ ขอให้หล่อเล้ียงโพธิจิตน้ัน ด้วยสติ ด้วยปญั ญา เพอ่ื แปรความเจ็บปวด แปรความทกุ ข์ ให้กลายเปน็ กุศลหล่อเลี้ยงโพธิจิตเหมือนกับต้นไม้ท่ีเปลี่ยนขยะซากพืช ซาก สัตว์ ในดินใหก้ ลายเปน็ ปยุ๋ กลายเป็นโอชะ ท�ำความเจรญิ เตบิ โต ให้แก่ใบและดอกและท�ำให้เกิดผลไม้ท่ีเอร็ดอร่อย ผลไม้ที่ เอรด็ อรอ่ ยมาจากไหน กม็ าจากขยะปฏกิ ลู ทอ่ี ยรู่ อบๆ ตน้ ไมน้ น่ั เอง ต้นไม้ถึงแดดจะร้อนยังไงมันก็สามารถเปล่ียนแดดร้อนให้เป็นร่ม เงาท่ีเยน็ ได้ โพธิในใจเรากท็ �ำงานคล้ายกัน คือเปลยี่ นความทุกข์ ความเจบ็ ปวด ให้กลายเป็นปญั ญาและความตน่ื รู้ เปล่ียนปญั หา ที่เผาใจใหร้ ุม่ ร้อนใหก้ ลายเป็นความสงบเย็นในใจ 96

ความร้อนกับความเย็นมันอยู่ด้วยกัน ไม่ได้แยกจากกัน เหมือนกับแดดกับเงา มันมาด้วยกัน ย่ิงแดดจ้ามากเท่าไรก็เกิด ร่มเงาที่ด�ำเข้มมากเท่านั้น ร่มเงาที่เย็นคือร่มเงาท่ีอยู่ท่ามกลาง แดดร้อน ยิ่งแดดร้อนระอุมากเท่าไหร่ เราจะรู้สึกว่าร่มเงาเย็น สบายมากเท่าน้ัน ในความรอ้ นมนั มีความเยน็ อยู่ ในความทกุ ขก์ ็ เช่นกนั มีความสขุ แฝงอยู่ พรพยายามหาใหเ้ จอ จำ� ไดไ้ หมที่ท่าน อาจารย์พุทธทาสบอกว่าในวัฏสงสารมีนิพพาน หานิพพานได้ที่ ไหน กก็ ลางวฏั สงสารนนั่ แหละ เพราะอะไร เพราะความรอ้ นความ เยน็ มนั ไมไ่ ดแ้ ยกออกจากกนั มนั ไมไ่ ดอ้ ยคู่ นละท่ี มนั อยทู่ เ่ี ดยี วกนั มันพึ่งพาอาศัยกัน เหมือนแดดกับเงามันต้องมาด้วยกัน มีแดด แล้วไม่มีเงาย่อมเป็นไปไม่ได้ มีแสงแดด ก็ต้องมีร่มเงา แดดน้ันร้อนแต่ร่ม เงาเยน็ ความทุกขค์ วามเจบ็ ปวด ของสงั ขารกเ็ ชน่ กนั ถา้ เรามสี ติ ตระหนกั รกู้ จ็ ะสามารถคน้ พบ ความสงบเยน็ ทา่ มกลางความ 97

เ จ็ บ ป ว ด ห รื อ ค ว า ม แ ต ก ดั บ ของสังขารได้ อย่างที่หลวงพ่อ ค�ำเขียนบอกว่า “ทุกข์อยู่ท่ีไหน ความไมท่ กุ ขก์ อ็ ยทู่ นี่ นั่ แหละ” จะไป หาความไม่ทุกข์ท่ีอื่นไม่ได้ ต้องไปหา ท่ีตัวทุกข์น่ันแหละ เพราะในตัวทุกข์มันมีความไม่ทุกข์แฝงอยู่ ตัวทุกข์จะเฉลยความไม่ทุกข์ เหมือนกับสวิทช์ท่ีใช้เปิดไฟก็เป็น อนั เดียวกบั ท่ีใช้ปดิ ไฟ รูกุญแจทใ่ี ช้ล็อกประตกู เ็ ป็นรูเดยี วกบั ทไ่ี ข เปดิ ประตู ในสมัยพุทธกาลมีพระรูปหนึ่งป่วยหนัก ไม่มีใครมาดูแล รักษาเพราะเปน็ โรคที่คนเขารงั เกยี จ แผลพพุ องเตม็ ตวั ตอ้ งนอน ทา่ มกลางอุจจาระปสั สาวะ เมอ่ื พระพุทธเจ้าทราบกเ็ สด็จมาดแู ล ท่านมาชว่ ยเช็ดท�ำความสะอาดร่างกาย เชด็ สิ่งปฏกิ ูล รวมทงั้ เอา จีวรไปซักและต้ม พระองค์ท�ำทุกอย่างด้วยตัวพระองค์เอง แม้ อาการของพระรปู นน้ั ไมไ่ ดท้ เุ ลา แตจ่ ติ ใจปลอดโปรง่ ขนึ้ ในระหวา่ ง นั้นเอง พระพทุ ธเจ้าตรัสเปน็ คาถาวา่ 98

อะจิรงั วะตะยัง กาโย ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ ฉฑุ โฑ อะเปตะ วญิ ญาโณ. นริ ตั ถงั วะ กะลงิ คะรงั แปลวา่ รา่ งกายนอี้ กี ไมช่ า้ ไมน่ าน นกั จักนอนทบั ซึ่งแผ่นดนิ ครั้นปราศจากวิญญาณ อนั เขาท้ิงเสีย แลว้ ประดจุ ดังวา่ ท่อนไมแ้ ละทอ่ นฟืน หาประโยชน์มิได้ พระองค์ตรัสเป็นคาถาส้ันๆ แค่ ๔ บรรทัดเท่าน้ันแหละ พอตรัสเสร็จ พระรูปนั้นก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ อันน้ี หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าท่ามกลางความเจ็บปวดท่ี เกิดกับพระรูปนั้นมีขุมทรัพย์แฝงอยู่ ความเจ็บปวดสามารถเป็น พลงั ผลักดนั ใหค้ นบรรลธุ รรมไดเ้ มื่อเขาได้ตระหนกั ว่า รา่ งกายนี้ ไม่เท่ียง ต้ังอยู่ไม่ได้นาน เป็นท่ีพ่ึงอาศัยไม่ได้ พระรูปนั้นได้ฟัง คาถาจากพระพุทธเจ้า กเ็ กิดความสงั เวช เกิดความเบื่อหน่ายใน สังขาร ปล่อยวางเลย ทันทีที่จิตสลัดไม่ยึดไม่ติดในร่างกายน้ีก็ บรรลธุ รรมในทันที จะเห็นได้ว่านิพพานไม่ได้อยู่ตรงไหนเลย ก็อยู่ในความเจ็บ ความปวดนน่ั เอง พบไดท้ ค่ี วามเจบ็ ความปวด ถา้ พระรปู นนั้ ไมเ่ จบ็ 99


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook