Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทุกข์ทำไม

ทุกข์ทำไม

Description: ทุกข์ทำไม

Search

Read the Text Version

ทุกข ทำไม ชยสาโร ภกิ ขุ



ททุกขำ์ ไม ชยสาโร ภิกขุ พิมพ์แจกเป็นธรรมบรรณาการด้วยศรทั ธาของญาตโิ ยม หากทา่ นไมไ่ ดใ้ ช้ประโยชนจ์ ากหนังสอื น้แี ล้ว โปรดมอบให้กบั ผ้อู นื่ ท่จี ะได้ใช้ จะเป็นบญุ เปน็ กุศลอย่างยง่ิ

ทกุ ข์ ชยสาโร ภกิ ขุ ทำไม พิมพ์​แจก​เป็น​ธรรมท​ าน ​ส​งวนลิขสิทธิ์ ห้ามคัดลอก ตัดตอน หรอื นำไปพมิ พจ์ ำหนา่ ย หากท่านใดประสงค์จะพิมพ์แจกเป็นธรรมทาน โปรดตดิ ตอ่ กองทนุ ส่อื ธรรมะทอสี และมูลนิธิปญั ญาประทปี ๑​๐๒๓/๔๖ ซอยปรีดพี นมยงค์ ๔๑ สขุ มุ วิท ๗๑ เขตวฒั นา กทม. ๑๐๑๑๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๗๑๓-๓๖๗๔ www.thawsischool.com, www.panyaprateep.org ​​​ พิมพ์​ครัง้ ท​ ี่​​๑​ ธนั วาคม ๒๕๕๒ จำนวน ๕,๐๐๐ เลม่ พิมพ์​ครั้ง​ที​่ ​๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ จำนวน ๓,๐๐๐ เลม่ ออกแบบปก วิชชุ เสริมสวัสดศ์ิ รี ศลิ ปกรรม ปริญญา ปฐวนิ ทรานนท์ จดั ​ทำโ​ดย​ กองทนุ สอ่ื ธรรมะทอสี และมลู นธิ ปิ ญั ญาประทปี ​ดำเนนิ การพมิ พ์โดย บริษัท ควิ พร้นิ ท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด โทรศพั ท์ ๐-๒๘๐๐-๒๒๙๒ โทรสาร ๐-๒๘๐๐-๓๖๔๙

คำนำ หนังสือ​เร่ือง ทำไม ของ​พระ​อาจารย์​ชย​สา​โร​ เปน็ การร​วม​ธรรม​เทศนา ๕ เรอ่ื ง ไดแ้ ก่ เกิด​มาท​ ำไม เขา้ ว​ัด​ทำไม หลบั ตาท​ ำไม ทุกข์​ทำไม และต​ ายก​่อน​ ตายท​ ำไม ซง่ึ เ​คยจ​ดั พ​ มิ พท​์ งั้ ใ​นล​กั ษณะร​วมเ​ลม่ และพ​ มิ พ​์ แยกเ​ล่ม ตัง้ แต่ มกราคม ๒๕๔๘ ฉบับแ​ยก​เลม่ ​หมด​ไป​ นานแ​ลว้ ในค​รง้ั น​จ​ี้ งึ จ​ดั พ​ มิ พข​์ น้ึ ใ​หมเ​่ พอื่ ส​ะดวกใ​นก​ารอ​า่ น การ​พก​พา​และ​การ​เผยแผ่ ขอ​ให้​ทุก​ท่าน​ที่​มี​ส่วน​ช่วย​ใน​ การ​ผลติ แ​ละเ​ผยแผห่​ นงั สอื ไ​ดร้​บั ​อานสิ งสจ​์ ากก​ารบ​ ำเพ็ญ​ บญุ ท​ เี่​กดิ จ​ากก​ารใ​หธ​้ รรม​เปน็ ท​ าน ขอ​ให​้มี​ความส​ขุ ​ความ เ​จ​ริญ​ยง่ิ ๆ​ขน้ึ ไ​ป ท้าย​นี้ คณะ​ศิษย์​ขอก​ราบ​นมัสการ​ขอบพระคุณ​ พระ​อาจารย์​ชย​สา​โร​ท่ี​ได้​เมตตา​อนุญาต​ให้​พิมพ์​หนังสือ​ เพอ่ื แ​จกเ​ปน็ ธ​รรมท​ าน และท​ ไ​่ี ดอ​้ บรมส​งั่ ส​อนล​กู ศ​ษิ ยแ​์ ละ​ ญาตโิ ยม​อย่างส​ม่ำเสมอ​ตลอด​มา คณะศ​ษิ ยานศุ ิษย์ ธันวาคม ๒๕๕๒

ทมจ่​ี ันะถ​ไ​บา้ มงัเ​รคอ​่ ายบั ไ​​ใ่​ูใมหนย่​​วเ​้ อริสามยั ​เ​เป​ขปน็อ็นท​งท​ใ​กุ ุกคขขรไ​์ ์ ด้

ทกุ ข์ ทำไม อรยิ สจั ๔ เปน็ ส​จั จะค​วามจ​รงิ ท​ป​่ี ระเสรฐิ เพราะน​ำ​ ปุถชุ น​ผ​ู้หนา​ดว้ ย​กเิ ลสไ​ป​สค​ู่ วามป​ ระเสรฐิ ไ​ด้ เรา​ตอ้ งการ​ อะไรจ​ากช​วี ติ หาก​ประสงค์ หรือม​ุ่งมาดป​ รารถนา​ตอ่ ช​วี ติ ​ ท่​เี ปน็ อ​ริยะ คอื ชีวิต​ท​ป่ี ราศจาก​ความเ​หน็ แ​กต่​ัว ความ​ อิจฉา​พยาบาท ความ​ซมึ ​เศร้า ความ​วติ ก​กังวล และ​สิ่ง​ เศรา้ ห​ มอง​ท้งั ห​ ลาย ถ้า​เราเ​หน็ ว​่า ความ​เป็นอ​สิ ระ​ภายใน ความเ​มตตาก​รณุ า และป​ ญั ญา เปน็ ส​งิ่ ท​ น​ี่ า่ พ​ ฒั นาเ​ราค​วร​ เอาใจใ​ส่เ​รอ่ื ง อริยสจั พระพุทธเจา้ ​ตรัส​ว่าอ​ริยสัจ​ขอ้ ​แรก คอื ​ทุกข์ เปน็ ส​ง่ิ ​ ทค​ี่ วรก​ำหนดร​ู้ การท​พ​ี่ ระองคส​์ อนอ​ยา่ งน​น้ั ก​เ​็ พราะว​า่ โ​ดย​ สญั ชาตญาณเ​ราไ​มอ​่ ยากท​ ำ (กำหนดร​)ู้ ความท​ กุ ขเ​์ กดิ ข​นึ้ ​ แล้ว เราช​อบ​ปฏิเสธ​บา้ ง เอาห​ ัว​มุด​ลงไ​ปใ​นท​ ราย​เหมือน นก​กระจอก​เทศ​บ้าง หาความ​สุข​ทาง​เนื้อ​หนัง​มาก​ลบ​ เกล่ือนค​วามท​ กุ ขเ​์ อาไ​วบ​้ า้ ง แตห่​ นไี​มพ​่ น้ ตราบใ​ดท​ เ​่ี ราย​งั ​ 1ชยสาโร ภกิ ขุ

ไมร่ ธ​ู้ รรมชาตข​ิ องท​กุ ขก​์ เ​็ หมอื นเ​ราห​ลงใ​นเ​ขาว​งกต ถงึ จ​ะน​ง่ั พักใ​น​ทร่​ี ม่ เย็น​ชว่ั คราวก​็ย​งั ค​ง​หลง​อยูด่ ี ก่อน​จะ​อธบิ ายเ​ร่ืองอ​ริยสจั ขอ​ทำความเ​ข้าใจเ​รอ่ื ง​ ภาษาส​กั เ​ลก็ น​อ้ ย ในภ​าษาบ​าลค​ี ำว​า่ ทกุ ข์ มค​ี วามห​มายท​​่ี กวา้ ง​ขวาง​กวา่ แ​ละ​ลกึ ​ซง้ึ ก​วา่ ใ​นภ​าษาไ​ทย ม​สี อง​แง​ห่ ลกั คอื หนึ่ง ความท​ ุกข์​ท​ี่เป็น​อาการ​หรือเ​ป็นล​ักษณะ​ของ​ สิ่ง​ท้ัง​ปวง (ทุกข์​ใน​ไตรลักษณ์) และ สอง ความ​ทุกข์​ ท่ี​เกี่ยว​กับ​หรือ​เป็น​เร่ือง​ของ​มนุษย์​โดย​เฉพาะ (ทุกข์​ใน​ อรยิ สัจ) ขอ​เปรียบ​เทียบ​กับ​คำ​ว่า ร้อน ความ​ร้อน​ท่ี​เป็น​ อาการข​องธ​รรมชาตก​ิ อ​็ ยา่ งห​ นง่ึ ความร​อ้ นใ​นใ​จท​ไ​่ี มส​่ บาย​ กอ​็ ย่างห​ นง่ึ ขอ้ แ​รก กวา้ ง​กวา่ และ​ไม่​ต้อง​ขนึ้ ​อยู​ก่ บั ​คน พระองค​์ตรัส​วา่ “​สัพเพ สังขาร​า ทุกข​า” สงิ่ ท​ ัง้ ​ หลายท​งั้ ป​วงเ​ปน็ ท​กุ ข์ เราอ​าจจ​ะส​งสยั เอ...ตน้ ไมเ​้ ปน็ ท​กุ ข​์ ไดห​้ รอื กอ้ นห​ นิ เ​ปน็ ท​ กุ ขไ​์ ดห​้ รอื แกว้ น​ ำ้ เ​ปน็ ท​ กุ ขไ​์ ดห​้ รอื ... ได้ แต่​เปน็ ท​ ุกขใ​์ น​ความห​ มาย​แรก​คือ มนั ท​ นอ​ยใู่​นส​ภาพ​ เดมิ ข​องม​นั ไ​มไ​่ ด้ มอ​ี ะไรบ​บี ใ​หเ​้ ปลยี่ นแปลงต​ลอดเ​วลาห​รอื ​ วา่ พ​ ดู ​อกี ​นยั ห​ น่ึงว​่าส​ิง่ ท​ ้ัง​หลาย “​ขาดเ​สถียรภ​ า​พ” เพราะ​ฉะนั้น​การ​กล่าว​ว่า​ส่ิง​ท่ี​ไม่มี​ชีวิต​เป็น​ทุกข์​ หมาย​ถึง​การ​ขาด​เสถียรภาพ​ของ​มัน ท่าน​ให้​เรา​พิจารณา​ เห็น​ว่าสิ่ง​ทั้ง​หลาย​เป็น​หน่วย​รวม​ของ​เหตุ​ปัจจัย​และ​ส่วน​ 2 ทกุ ข์ ทำไม

ประกอบ เชน่ ตน้ ไม้​ม​ีราก แกน่ เปลือก ก่ิงก​า้ น ดอก​ ผล เป็น​ส่วน​ประกอบ ม​ีดิน แดด ฝนเ​ปน็ ต้น เป็นป​ จั จัย​ ภายนอก แมลง​กนิ ​ผล​ก​็กระทบ​ตอ่ ​ต้นไม้​นั้น​ท้ังต​น้ ฝน​ไม​่ ตกต​น้ ไม​้อาจเ​ห่ยี ว ลม​พดั แ​รงๆ ต้นไมน​้ ้ัน​อาจจ​ะ​ลม้ เม่ือ​เหตุ​ปัจจัย​ล้วน​แต่​เป็น​ของ​ไม่​เท่ียง สิ่ง​ที่​เป็น​ หนว่ ยร​วมข​องส​ง่ิ ท​ไ​ี่ มเ​่ ทยี่ งห​ลายๆ อยา่ งน​น้ั ก​พ​็ ลอยไ​มเ​่ ทย่ี ง​ ไป​ด้วย และ​ภาวะ​ท่ี​ขาด​ความ​ม่ันคง​หรือ​ขาด​เสถียรภาพ ทา่ นเ​รยี กว​า่ “ทกุ ข”​์ แกงก​ะหรเ​ี่ ปน็ ท​กุ ข์ เพราะพ​ อต​กั ใ​สจ​่ าน​ แลว้ ม​นั พ​ รอ้ มท​จ​่ี ะเ​สอ่ื ม สง่ิ แ​รกท​เ​ี่ สอื่ มค​อื ค​วามร​อ้ นข​องม​นั ท้ิง​ไว้​ช่ัวโมง​หนึ่ง​ก็​เย็น​ไม่​ค่อย​น่า​ทาน​เสีย​แล้ว ถ้า​ท้ิง​ไว้​วัน​ สอง​วัน​มันจ​ะ​บูด ต้อง​ทงิ้ ความ​รอ้ น ความห​ อม ฯลฯ ซ่งึ เ​ปน็ ส​ว่ น​ประกอบ​ ไม่​คงทน ทำให้​ตัว​แกง​ไม่​คงทน ท่าน​เรียก​ความ​จริง​น้ี​ว่า​ ทุกข์ พระ​ตถาคต​จะบ​ งั เกิด​ข้ึนใ​น​โลก​กต็ าม จะ​ไม่บ​ งั เกิด​ ขน้ึ ​ใน​โลก​ก็ตาม ส่งิ ท​ ง้ั ​หลายท​ ง้ั ​ปวง​ไม​เ่ ทยี่ ง เป็นท​ กุ ข์ เปน็ ​ อนัตตา มัน​เป็น​ธรรมดา เป็น​ธรรมชาติ​ยัง​ไม่​เป็น​ปัญหา หาก​ทุกขใ์​น​อริยสัจ​คอื ค​วาม​ทุกข์​ของม​นษุ ย​โ์ ดยเ​ฉพาะ ไม​่ เหมือนท​ กุ ขใ​์ นไ​ตรลักษณ์ แตส​่ ืบ​ตอ่ จ​ากค​วามท​ ุกขน์​ ้นั คือ​ ขันธ์​ห้า​ของ​มนุษย์​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​ธรรมชาติ ต้อง​เป็น​ ไป​ตาม​กฎ​ไตรลักษณ์ แต่​มนุษย์​เรา​แปลก​ตรง​ที่​ว่า​มี​ส่ิง​ที่​ เรยี กว​า่ อวชิ ชา หอ่ ห​ มุ้ จ​ติ ไ​ว้ ทำใหเ​้ กดิ ค​วามผ​ดิ ป​ กตท​ิ ท​ี่ า่ น​ 3ชยสาโร ภิกขุ

ให​้ชือ่ ว​า่ ทกุ ข์ เหมือนก​ัน แตเ่​ป็น ทกุ ข​อรยิ สจั ท่านแ​ยกค​วาม​ทกุ ข์​นี​้ออกม​า​ตา่ งห​ าก เพราะม​​เี หตุ ทีร​่ ะงับ​ได​แ้ ละม​จ​ี ดุ จบ​ซึง่ ​พระองคใ​์ ห้​ช่ือว​า่ นิโรธ ทุกข์ใ​น อริยสัจ​หมด​แล้ว​มี​แต่​ทุกข์​ใน​ไตรลักษณ์​สำหรับ​ชีวิต​ท่ี​ยัง​ เหลอื อ​ยู่ คอื ท​ กุ ขเวทนาท​ างก​าย ค​วามแ​ก่ ความเ​จบ็ และ​ ความ​ตาย สำหรบั ผ​ท​ู้ ่เี​ขา้ ​ถึงธ​รรม​แลว้ สง่ิ ​เหลา่ น​ เ​้ี ป็นท​ ุกข์​ แต​่ไม​่เปน็ ป​ ัญหา เปน็ ​แคร​่ สชาต​ขิ อง​ไตรลักษณ​์ที่ท​ กุ ค​นใน​ โลก​รวม​ท้ังพ​ ระอ​รหันต์​ต้อง​เสวย ทุกข์​ท่ี​เป็น​อริยสัจ​เกิด​เพราะ​จิต​ที่​มี อวิชชา ย่อม ก​ระ​สบั ก​ระสา่ ย​ด้วยค​วามท​ ะเยอทะยาน​อยาก คือต​ัณหา เรา​จะ​แปลอ​วชิ ชาว​า่ “ความไ​มร​่ ”​ู้ อย่าง​เดียวไ​ม​่ไดเ​้ พราะ​ อวิชชา รวม​ถงึ ก​าร “ร​ผู​้ ​ิด” ด้วย คนเ​ราจ​ะอ​ยเ่​ู ฉยๆ โดย​ ไม่รู้​หรือไม​่คดิ อ​ะไรเ​ลย​ไมไ​่ ด้ เมื่อ​เรา​ไม่ร้​ูจรงิ เรา​กร​็ ู​้ไมจ​่ ริง อวิชชา​จึง​หมายถ​ึงไ​มร่ ู้​ความ​จริง และร​ู้​ไม่​จรงิ เม่อื ​ความ​ รสู้ กึ น​กึ คดิ คา่ น​ยิ มท​ม​ี่ ต​ี อ่ ช​วี ติ ข​องต​น โลกท​ศั นค​์ วามเ​ชอ่ื ถ​อื หรอื แนวค​วามค​ดิ ไ​มล​่ งร​อยก​บั ค​วามเ​ปน็ จ​รงิ ความข​ดั แ​ยง้ ท​ี่ เกดิ ข​น้ึ ป​ รากฏใ​นล​กั ษณะข​องค​วามอ​ยากไ​ด้ อยากม​อ​ี ยาก​ เป็นต​า่ งๆ มผี​ลค​ือค​วามท​ กุ ข์ ความ​ทุกข์​ท่ี​เกิด​จาก​อวิชชา เกิด​จาก​การ​ไม่รู้​จริง ความท​ กุ ขจ​์ ากก​ารร​ไ​ู้ มจ​่ รงิ เ​ปน็ ค​วามท​ กุ ขท​์ แ​่ี กไ​้ ด้ แตค​่ วาม​ ทุกข์​ที่​เป็น​ไตรลักษณ์​ซ่ึง​เป็น​ความ​ทุกข์​ของ​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​เป็น 4 ทุกข์ ทำไม

ส​ง่ิ ท​ ต​ี่ อ้ งย​อมรบั นกั ป​ ราชญผ​์ ม​ู้ ป​ี ญั ญา คอื ผ​ร​ู้ ว​ู้ า่ ส​ง่ิ ไ​หนอ​ย​ู่ ในว​สิ ยั ท​จ​ี่ ะแ​กไ้ ขไ​ด้ สง่ิ ไ​หนไ​มอ​่ ยใ​ู่ นว​สิ ยั ท​จ​ี่ ะแ​กไ​้ ด้ เพราะถ​า้ ​ เราแ​ยกไ​มถ​่ กู เดยี๋ วเ​ราจ​ะเ​สยี เ​วลาเ​หนอ่ื ยก​บั ก​ารพ​ ยายาม​ แกส​้ งิ่ ท​ เ​่ี ราแ​กไ​้ มไ​่ ด้ สว่ นส​ง่ิ ท​ แ​่ี กไ​้ ดก​้ ลบั ไ​มม่ เ​ี วลาแ​กห​้ รอื ไ​ม​่ คดิ ท​ ่ี​จะแ​ก้ อะไรค​อื ​สง่ิ ​ทเ​่ี รา​แก​้ไมไ​่ ด้ ความแ​ก่ ความเ​จ็บ ความต​าย อาจ​จะ​พอ​บรรเทาไ​ด้บ​ ้าง ยดื ​อายุอ​อก​ไป​บา้ ง แตใ​่ น​ท่สี ุดแ​ล้ว​จะต​้อง​ยอมรบั พระพทุ ธ​ศาสนา​จึง​สอน​ใหเ้​รา​ยอมด​ู ยอมรบั ​รู้ ให​้ เรา​คอย​ฝึก​เผชิญ​หน้า​กับ​ความ​จริง​ของ​ชีวิต​โดย​เฉพาะ​กับ​ สง่ิ ท​เ​ี่ ราไ​มต​่ อ้ งการห​รอื ไ​มช​่ อบ ผท​ู้ ไ​่ี มเ​่ ขา้ ใจอ​าจจ​ะก​ลวั ว​า่ จ​ะ​ ทำให​้เรา​กลาย​เป็นค​นม​องโ​ลกใ​นแ​งร​่ ้ายห​ รือ​เปล่า ไมใ่ ช่... เจตนาข​องเ​ราค​อื ต​อ้ งการม​องโ​ลกอ​ยา่ งร​อบคอบ แบบล​มื ห​​ู ลืมตา ดท​ู กุ แ​งด​่ ท​ู กุ ม​ุม ไม่ใช​ร่ ับร​เู​้ ฉพาะแ​งม​่ ุมท​ ่ี​ถูกใจ หรือ​ ทท​่ี ำให​้ร้สู กึ ​อบอนุ่ แ​ละป​ ลอดภัย ต้อง​กลา้ ไมอ​่ ยา่ งน​ น้ั ​จะ​ เปน็ เ​หย่อื ​ของค​วามค​ดิ ​ผดิ และจ​ะเ​ป็น​ทกุ ขไ​์ ด้​ง่าย เชน่ ​ใน โรง​พยาบาล​ใน​ต่าง​ประเทศ​หรือ​แม้​ใน​เมือง​ไทย​บาง​แห่ง มี​การ​มอง​ความ​ตาย​ว่า​เป็น​ศัตรู เป็น​ส่ิง​ท่ี​ต้อง​สู้​ต้อง​ชนะ ทง้ั ๆ ท่​ีเปน็ ส​่งิ ​ท​ี่ไม​่เคยม​ใ​ี ครช​นะ​ได้เ​ลย ในเ​มอื งน​อก ใครต​ายจ​ากม​ะเรง็ เขาม​กั เ​ขยี นป​ระวตั ​ิ เขาว​า่ “He lost his battle with cancer. หรอื After a two - year fight with cancer, he died.” เหมือน​กบั ​ 5ชยสาโร ภกิ ขุ

มะเรง็ เ​ปน็ ศ​ัตรท​ู ไ​่ี ดเ้​ขา้ ไปร​กุ รานเ​ขาอ​ยา่ งไ​รย​้ ตุ ธิ รรม ทเ่ี​ขา​ ไดส​้ จู้​นถงึ ​ที่สดุ แ​ลว้ ​แพไ​้ ป​อย่างว​รี บุรุษ น่ีค​ือ​ความค​ดิ ผ​ดิ ท​ ่ี​ เกดิ จ​ากก​ารไ​มเ​่ ขา้ ใจธ​รรมชาติ หรอื ก​ารไ​มย​่ อมเ​ขา้ ใจเ​กย่ี ว​ กับค​วาม​เกดิ ความ​แก่ ความ​เจ็บ ความ​ตาย หรือท​ กุ ขใ์​น​ ไตรลกั ษณ์ จงึ ​กลายเ​ปน็ ​ฐานข​อง​ทกุ ข​์ในอ​ริยสจั หลวง​พ่อ​ชา​เคย​สอน​ศิษย์​ของ​ท่าน​อยู่​เสมอ​ว่า ​แก้ว​น้ำ​ท่ี​เรา​ใช้​ทุก​วัน​แตก​แล้ว ให้​พิจารณา​อย่าง​น้ี​บ่อยๆ ฝึก​ให้​เห็น​อย่าง​นี้​แล้ว เม่ือ​มัน​แตก​จริงๆ จิตใจ​เรา​จะ​ไม่​ หว่ัน​ไหว ร่างกาย​นี้​เรา​ยืม​ธรรมชาติ​มา​ใช้​ชั่วคราว​เท่าน้ัน ตอ้ งม​องว​า่ ม​นั แ​ตกแ​ลว้ เ​หมอื นแ​กว้ น​ำ้ เราจ​งึ จ​ะไ​มป​่ ระมาท พวกเ​รา​ไมเ​่ ข้าใจเ​รอ่ื ง​น​ีก้ ย็​งั ไ​ม่ร​อู้ ​ีโหน่​อ​เี หน่ ไปอ​เมรกิ า​จะ​เห็นค​นแ​ก​่อายุ ๖๐ หรือ ๗๐ แต่งต​วั เ​หมือนค​น​อายุ ๓๐ หรอื ๔๐ ท่อนบ​ น​โป๊​ใส่​กางเกงส​้นั ​ กม​็ ี เดนิ เ​กย่ี วก​อ้ ยก​นั ใ​นท​ส​ี่ าธารณะก​เ​็ คยเ​หน็ เขาพ​ ยายาม​ พิสูจน์​ให้​โลก​เห็น​ว่า เขา​ไม่​แก่ เขา​ไม่​เป็น​ภาระ​แก่​ใคร เพราะ​อะไร เพราะ​ใน​สังคม​ตะวัน​ตก​ท่ี​เน้น​เร่ือง​กาม​และ​ งาน คน​แกด​่ เู​หมอื น​จะ​เป็นส​่วน​เกนิ สังคม​ยกยอ่ งค​วาม​ เป็น​หนุ่ม​เป็น​สาว เพราะ​ฉะนั้น​คน​แก่​จึง​ต้อง​พยายาม​ พิสูจน์​ว่า​ฉัน​ไม่​แก่​จริง นี่​คือ​อาการ​ของ​วัฒนธรรม​ท่ี​ยัง​ อ่อน​ปญั ญา ไม​่ยอมรับเ​รอ่ื ง ความเ​กดิ แก่ เจ็บ ตาย โยมแ​มข​่ องอ​าตมาเ​องอ​ายุ ๖๐ กวา่ แ​ลว้ ไมเ​่ คยเ​หน็ ​ 6 ทุกข์ ทำไม

คน​ตาย ไม​่เคยเ​หน็ ​ซากศพ โยม​แมอ่​าตมา​อาจจ​ะ​สิ้น​ชีวติ ​ ลงโ​ดยไ​มเ​่ คยม​โ​ี อกาสจ​ะไ​ดเ​้ หน็ เ​วน้ แ​ตใ​่ นห​ นงั เพราะส​งั คม ท​ี่ทา่ น​อย​ู่ไม่อ​ยาก​จะ​รบั ร​ตู้​อ่ ​ความ​ตายใ​น​โลก​จริง แต​่ชอบ ดู​การ​ฆ่า​อย่าง​สยดสยอง​ใน​โรง​หนัง อาตมา​ก็​ไม่​เข้าใจ​ เหมอื น​กัน วัฒนธรรม​พุทธ​สอน​ให้​เรา​อยู่​กับ​ความ​จริง เช่น​ที่ วัด​ป่า​นานาชาติ​เรา วัน​ไหน​มี​การ​เผา​ศพ ผู้ใหญ่​ต้อง​จูง​ เดก็ เ​ล็กๆ อายุ ๓-๔-๕ ขวบ​ข้ึน​ไป​ไป​ดศ​ู พบ​ น​เชิงต​ะกอน​ กอ่ นเ​ผา เพอื่ จ​ะไ​ดร​้ ว​ู้ า่ ค​วามต​ายม​นั เ​ปน็ อ​ยา่ งน​เ​้ี อง มนั เ​ปน็ ​ เรื่อง​ธรรมดา หลวง​พ่อ​ชา ท่าน​ย้ำ​ใน​เรื่อง​น้ีมากคือ​ท่าน​ บอกว​า่ ​กอ่ น​ท​ีเ่ ราจ​ะด​บั ​ความท​ ุกข์ เราตอ้ งรู้จักค​วาม​ทุกข์​ เสีย​ก่อน เหมือนแม่ทัพ​ต้อง​รู้จัก​ศัตรู​ดี​ก่อนจะ​ได้​วางแผน​ ชนะ​มัน​ได้ ให​้เราร​ู้จกั ​โฉมหนา้ ของค​วามท​ ุกข์ ความ​ทกุ ข​์ อยู่​ท่ี​ตรง​ไหน ก็​ต้อง​ดับ​ความ​ทุกข์ท่ี​ตรง​นั้น ท่าน​บอก​ว่า​ ไฟ​ไหม้​ตรง​ไหน​ก็​ต้อง​ดับตรงนั้น อย่า​ไป​ดับ​ที่​อื่น อย่า​ พึง​อ้าง​ว่าที่​นี้​ดับ​ไม่​ได้​หรอกมัน​ร้อน​เกิน​ไป ขอ​ดับ​ที่​อุ่นๆ ก่อน อย่าง​น้​ีเอาต​วั ไม่​รอด วอดวายเ​ลย การ​ปฏิบัตไ​ิ ม่ใช​่ ยาก​ล่อมใ​จ​เพือ่ ​จะไ​ดล้​มื ​สงิ่ ​ท่ี​กำลงั ​ทำใหเ้​ราเ​ปน็ ท​ กุ ข์อ​ยู่ เรา​ไม่​ได​ภ้ าวนาเ​พอ่ื จ​ะ​หนี​จากป​ ัญหา หรอื ​เพอื่ เ​กบ็ ​ กดป​ ัญหา ตรง​กนั ข​้าม เรา​ฝึก​ให​้จติ ​ร้จู กั ​ภาวะท​ ี่​รู้ ตน่ื และ เบกิ บ​าน กบั ล​มห​ายใจ เปน็ ตน้ เพอ่ื ใ​หจ​้ ติ ใจม​ค​ี วามส​งบส​ขุ 7ชยสาโร ภิกขุ



เข้ม​แข็ง​มั่นคง​พอที่​จะ​ดู​ปัญหา คือ​จิต​จะ​ปล่อย​วาง​ความ​ ยนิ ดี ยนิ รา้ ย หรอื ค​วามย​ดึ ม​นั่ ว​า่ ม​เ​ี ราห​ รอื ข​องเ​ราต​ราบใ​ด กส​็ ามารถเ​ขา้ ใจป​ ญั หาอ​ยา่ งถ​อ่ งแทต​้ ราบน​ น้ั เขา้ ใจป​ ญั หา รู้​ขอบเขต​ของ​ปัญหา สามารถ​เห็น​เหตุ​ปัจจัย​ของ​ปัญหา​ อย่าง​แท้จริง แล้ว​คอย​แก้ไข ปัญหา​ภายนอก​ก็​แก้​อย่าง​ หนึ่ง ปญั หาภ​ายในก​อ​็ ยา่ ง​หนง่ึ คน​ท่ี​ยัง​ไม่มี​ปัญญา​มัก​ปฏิเสธ​ว่า “​ฉัน​ไม่​มี​ปัญหา” เมอ่ื เ​รม่ิ ส​วา่ งข​น้ึ ม​าน​อ้ ยหน​งึ่ ก​ย​็ อมรบั ว​า่ “ฉ​นั ม​ป​ี ญั หา”​ ขนั้ ​ ตอ่ ​ไป​กค​็ ือ “ฉนั ​คอื ป​ ญั หา​” ในท​ สี่ ุด​แล้ว​ไมม่ ​ีปญั หา​จริงๆ แตก​่ ารไ​มม่ ป​ี ญั หาอ​ยา่ งค​นท​ ว่ั ไปน​ ไ​ี้ มใ่ ช่ ตอ้ งพ​ ฒั นาใ​หเ​้ หน็ ​ ปญั หา ยอมรบั ป​ ญั หา จนก​ระทง่ั เ​หน็ ว​า่ ค​วามย​ดึ ม​นั่ ถ​อื ม​นั่ ​ ใน​ตวั ​ฉนั ​น่ันแ​หละ​คอื ต​ัวป​ ัญหา ไม่ใช​่ว่าฉ​ันม​​ีปัญหา ตอน​ เรา​น่ัง​สมาธิ​ภาวนา​แล้ว​ไม่​สงบ​ทำ​อย่างไร อดทน ! อย่า​ ใจรอ้ น อยา่ ท​อ้ แท้ เปน็ ท​กุ ขบ​์ า้ งก​ช​็ า่ งม​นั ไมเ​่ ปน็ ไรใ​นร​ะยะ​ ยาว​มัน​คมุ้ อ​ยห่​ู รอก เราก​ำลัง​ทำงานอ​ยู่ กำลังไ​ด​้รูจ้ ัก​กบั ​ ความท​ กุ ขข​์ องต​วั เ​อง กำลงั ไ​ดร​้ จู้ กั ส​าเหตข​ุ องป​ ญั หา เรยี ก​ วา่ ไ​ด้​กำไร เพียงแ​ต​ว่ ่าย​งั ไ​ม​่คอ่ ยส​นกุ ​เทา่ นั้นเ​อง เงนิ เ​ดอื น​ ยังไ​ม่อ​อก ทำไ​ปเ​ร่อื ยๆ เอาค​วาม​ทกุ ข​์เป็นบ​ ทศ​กึ ษา​ไดใ้ จ​ ก​็ไม่​ขนุ่ ม​วั ในก​ารอ​บรมล​กู ศ​ษิ ยล​์ กู ห​ า หลวงพ​ อ่ ช​าท​ า่ นม​ค​ี วาม​ สามารถ​สงู สำหรับช​าว​ตา่ งป​ ระเทศ ทา่ นเ​มตตาเ​ลือกค​ำ​ 9ชยสาโร ภิกขุ

พดู ท​ง​ี่ า่ ยๆ สอนผ​ท​ู้ ย​ี่ งั พ​ ดู ภ​าษาไ​ทยไ​มไ​่ ดห​้ รอื ย​งั พ​ ดู ไ​ดไ​้ มก​่ ​ี่ คำ คำห​นงึ่ ท​ท​ี่ า่ นช​อบใ​ชก​้ บั พ​ วกพ​ ระฝ​รง่ั เ​รา อาตมาก​ย​็ งั จ​ำ​ ได้​ตราบเ​ท่า​ทุกว​นั ​นี้ คือ​ท่านย​้ำ​เหลอื ​เกนิ ​วา่ “ทุกขเ​์ พราะ​ คดิ ผ​ิ​ด” คำน​ ​ี้ผท้​ู ​ี่เร่มิ เ​รียน​ภาษาไ​ทย ก็​ยงั ​พอ​เข้าใจ เราจ​ะร​อ​ู้ ยา่ งไรว​า่ เ​ราก​ำลงั ค​ดิ ผ​ดิ ห​ รอื ค​ดิ ถ​กู เราต​อ้ ง​ รจู้ ัก​หยดุ ​แลว้ ด​ู ใน​การ​ภาวนา สมถะ คือ​หยุด วิปัสสนา คือด​ู การ​ภาวนา​ต้องการส​อง​สิ่งน​ ี้ คอื ท​ ้งั “หยดุ​” ท้งั “ดู” ถ้า​ไม่​หยุด​แล้ว ก็​ดู​ไม่​ชัด เหมือน​เรา​อยาก​จะ​ดู​ทิวทัศน์ น่ัง​ใน​รถ​ท่ี​กำลัง​วิ่ง​เร็ว​ก็​ดู​ไม่​ชัด ภูเขา​ทะเล​ก็​เบลอ​ไป​หมด ต้อง​จอดร​ถเ​สยี ​กอ่ น​แลว้ ล​งจ​าก​รถไ​ป​ชมว​ิว เหมือน​กับ​จิตใจ​ของ​เรา​มัน​กำลัง​วิ่ง ดู​อะไร​ไม่​ชัด จำเปน็ ต​อ้ งห​ ยดุ ด​ว้ ยพ​ ลงั ส​มาธิ เพอื่ ​ระงบั ค​วามค​ดิ ฟ​ ุง้ ซา่ น​ วนุ่ วาย ระงบั ​นิวรณต์​่างๆ ซึง่ ​เปน็ ​สงิ่ ท​ ่ค​ี รอบงำ​จิต ทำให​้ ดู​อะไร​ไม่​ออก หรือ​ดู​ผิด​เพี้ยน​จาก​ความ​จริง มี​แต่​สมาธิ​ เทา่ นน้ั ท​ จ่​ี ะร​ะงบั น​ วิ รณไ​์ ด้ ทนี เ​้ี ราเ​คยอ​ยก​ู่ ับน​ วิ รณม์​าน​ าน​ แล้ว อยู่​กับ​กิเลส​ต้ังแต่​เกิด ถ้า​ไม่​ทำ​สมาธิ ไม่​ฝึก​ให้​จิต​ พอใจ​และ​แน่ว​แน่​อยู่​ใน​ปัจจุบัน เรา​ไม่มี​ทาง​เข้าใจ​ความ​ หมายข​องค​ำ​วา่ กเิ ลส วา่ ​เป็น “​เคร่ืองเ​ศร้า​หมอง​แหง่ ​ จติ ” เพราะ​ไม่ม​โี อกาส​สัมผัส​จิต​ที่​ไมเ​่ ศรา้ ห​ มอง เหมอื น​ กบั ว​า่ เ​ราเ​คยอ​ยใ​ู่ นแ​หลง่ แ​ออดั ต​งั้ แตเ​่ กดิ เ​ลยห​ ลงผ​ดิ ว​า่ โ​ลก​ ทั้งโ​ลก​เปน็ อ​ย่าง​นเ​้ี อง 10 ทกุ ข์ ทำไม

พระพุทธอ​งคท์​ รงต​รัส​ว่า กเิ ลสไ​มใ่ ชข​่ อง​ตายตวั ไม่​ ไดอ​้ ยใ​ู่ นจ​ำพวกส​ง่ิ ท​ต​ี่ อ้ งย​อมรบั แตเ​่ ปน็ ส​ง่ิ ท​ จ​่ี รเ​ขา้ ม​าใ​นใ​จ​ เราเ​พราะค​วามป​ระมาทไ​มท​่ ำส​มาธจ​ิ ะไ​มเ​่ ขา้ ใจ หรอื อ​าจจ​ะ​ เขา้ ใจใ​นร​ะดบั ส​มองร​ะดบั ค​วามจ​ำ แตไ​่ มเ​่ หน็ ถา้ อ​บรมจ​ติ ​ จนถงึ จ​ดุ ส​งบร​ะงบั เขา้ ถ​งึ ทว​่ี เิ วก สงดั จ​ากอ​ารมณ์ สงดั จ​าก​ การก​อ่ กวนข​องอ​ารมณ์ เราจ​งึ ไ​ดร​้ ว​ู้ า่ โอ ้! นวิ รณม​์ นั เ​ศรา้ ห​มอง จรงิ ๆ เหมอื นเ​ราเ​ดนิ ข​น้ึ เ​ขาส​ดู อ​ากาศบ​ รสิ ทุ ธเ​ิ์ ปน็ ค​รง้ั แ​รก​ ใน​ชีวิต จึง​ได้​รู้​ว่า​บ้าน​ท่ี​ตน​อยู่​แออัด​ขนาด​ไหน แต่​ก่อน ไมเ​่ คยค​ดิ เ​พราะไ​มม่ เ​ี ครอื่ งว​ดั ไมม่ ส​ี ง่ิ เ​ปรยี บเ​ทยี บ แตก​่ อ่ น​ เราก​็​ลม่ จมอ​ยใ่​ู น​อารมณ์ มองไ​มเ่​หน็ ท​ างออก เพราะไ​มร่ ู้​ จกั ส​ง่ิ ท​ด​่ี ก​ี วา่ สมาธค​ิ วามส​งบท​ างจ​ติ เ​ปน็ เ​ครอ่ื งว​ดั อ​ารมณ์ เม่ือ​เรา​ได้​ความ​สงบ​เป็น​มาตรฐาน เรา​ได้​เครื่อง​เปรียบ​ เทยี บ เราก​ร​็ จู้ กั ห​ ยดุ หยดุ ค​วามค​ดิ หยดุ ก​ารป​ รงุ แ​ตง่ แลว้ ​ ก็​สามารถด​ู ดอู​ะไร ก​็ดส​ู ง่ิ ​ท​ี่มี​อยู่ สิ่งท​ ​กี่ ำลงั ​ปรากฏ​อยใู่​ห้​ เห็นต​ าม​ความ​เป็น​จริง ความท​ ุกข​์ทาง​กาย ถอื ว่า​เป็น​เร่อื งธ​รรมดา เกดิ ข​ึ้น​ แลว้ เ​ราพ​ ยายาม​แกไ้ ขด​้วยย​า ทานย​า​ไปต​ามห​ นา้ ท่ี แต่ไ​ม​่ กงั วล​จนเ​กนิ ไ​ป ไม​่กลัว ไม​น่ ้อยใจ เพราะร​ู้​ด​ีว่าค​วามเ​จบ็ ​ ไข้​เป็น​เรื่อง​ธรรมดา​ของ​สังขาร แม้​องค์​สมเด็จ​พระ​สัมมา สมั พ​ ทุ ธเ​จา้ แ​ละพ​ ระอ​รหนั ตท​์ งั้ ห​ ลายก​ย​็ งั ม​เ​ี วทนาท​ างก​าย​ ตอน​พระพทุ ธ​องค​ช์ นมายุ ๘๐ พรรษา บางค​ร้งั ​ท่าน​น่ัง 11ชยสาโร ภิกขุ

พิงเ​สาเ​หมอื น​กนั ปวด​หลัง บาง​ครัง้ ​พระองค์​เอวงั ​ใหพ้​ ระ​ อานนทเ​์ ทศนต​์ อ่ เพราะพ​ ระองคเ​์ มอ่ื ยล​า้ ตอ้ งการพ​ กั ผ​อ่ น แมแ้ ตพ​่ ระต​ถาคตเ​องก​ไ​็ มไ​่ ดพ​้ น้ จ​ากค​วามป​วดห​ลงั ปวดข​า ปวดเ​มอ่ื ย พระองคถ​์ อื วา่ เ​ปน็ เ​รอื่ งธ​รรมดาข​องส​งั ขาร สว่ น​ ทกุ ขท​์ างใ​จ ใหเ​้ ราร​ทู้ นั ท​เ​ี ลยว​า่ “ท​กุ ขเ​์ พราะค​ดิ ผ​ด​ิ ” คอื ท​กุ ข​์ นก​้ี เ​็ รอ่ื งธ​รรมดาเ​หมอื นก​นั แตเ​่ ปน็ ธ​รรมดาข​องจ​ติ ท​ค​ี่ ดิ ผ​ดิ ซึ่ง​เรา​แก้​ได้ ถ้า​เราจ​ำค​ำว​่า “ท​ ุกข​์เพราะค​ดิ ผ​ด​ิ ” นไี้​ดก้​จ​็ ะ​ ได้ท​พี่ ึ่งท​ างใ​จ​อยา่ งแ​ท้จริง​จะ​ช่วย​ให​้เรา​ได​้หยดุ แลว้ ใ​ห้เ​รา ได​ด้ ว​ู ่า​คิดผ​ดิ ​อย่างไร พูด​อีก​นัย​หนึ่ง​ว่า​เรา​ทุกข์​เพราะ​กำลัง​อยาก​อะไร​อยู่ ไม​่อยาก​ก​ไ็ ม่​ทุกข์ เขาด​่าเ​รา เราเ​ป็น​ทกุ ข​ไ์ หม เปน็ ท​ กุ ข์​ เพราะ​อะไร เป็น​ทุกข์​เพราะ​เขา​ด่า​เรา​ไหม เปล่า...เรา​ เปน็ ​ทุกขเ์​พราะไ​ม่​อยากใ​หเ​้ ขาด​า่ เ​รา​ต่าง​หาก เมื่อ​มค​ี วาม​ ไม​่อยากอ​ยู่ หรือ​ว่า​อยาก​ไมใ่​ห​้เป็นอ​ยา่ งน​ ้ี ไมอ​่ ยากท​ ่​ีจะ​ ตอ้ ง​เปน็ ​อย่างน​ ้ี หรอื อ​ยากไ​ดอ​้ ะไรส​ัก​อยา่ ง อยาก​ได​้ของ​ ท​่ีเรา​ชอบ เมอื่ เ​ราไ​ม​่ได้ มัน​เปน็ ​อย่างไรไ​หม...ทุกขใ์​ชไ​่ หม ถา้ เ​รา​ทำใจ​ว่า อะไรก​ไ็ ด้ มนั ก​​็ไมเ่​ปน็ ​ทุกข์ เหมอื นก​บั ก​ารท​านอ​าหาร คนข​ท​้ี กุ ขค​์ ดิ แ​ตว​่ า่ อ​าหาร​ ต้อง​ถูกปาก​ฉนั สว่ นผ​ู​ม้ ป​ี ัญญา​ทา่ นท​ าน​ด้วยส​ติ ระลึก​ถงึ ​ผทู้ ​ี่ไดอ​้ ุตสา่ หท​์ ำใหเ้​ราด​ว้ ยค​วามก​ตัญญู พยายามท​ ำ​ปาก​ ให้​ถูก​อาหาร อย่าง​น้อย​ถึง​จะ​ไม่​อร่อย​ก็​ไม่​ทุกข์​เท่านั้น... 12 ทกุ ข์ ทำไม

มันง่ายๆ ทุกข์​เพราะ​คิด​ผิด​ให้​จำ​ไว้​อย่า​ลืม เวลา​เริ่ม​จะ​เป็น​ ทุกข์ แทนท่ี​จะ​ไป​ว่า​เขา​จะ​ไป​โกรธ​เขา​หรือ​จะ​ไป​หงุดหงิด​ กบั ​เขา ทบทวนท​ จ​่ี ิต ถา้ ​หากว่าจ​ิตใจ​ของ​เรา​อยูก่​ับธ​รรม เปน็ ท​ กุ ขไ​์ มไ่​ด้ เป็นท​ กุ ข​์ไม​่เปน็ ไมม่ ส​ี ง่ิ ใ​ด หรือไ​ม่มค​ี นใ​ด​ จะ​บังคับ​ให้​เรา​เป็น​ทุกข์​ทาง​ใจ​ได้ มัน​ไม่​อยู่​ใน​วิสัย​ของ​ ใคร​ท่ี​จะ​บังคับ​ให้​ใคร​เป็น​ทุกข์​ได้ ถ้า​เรา​ไม่​ยอม​เป็น​ ทุกข์ มี​คุณธรรม​พอท่ีจ​ะ​ปกปอ้ ง​ตัว​เอง หรือร​ักษาค​วาม​ ทรงตวั ​ของจ​ติ ต​นไ​วไ​้ ด้ ทีนี้​ถ้าเ​ราว​งิ่ ต​าม​กระแส​ของค​วามอ​ยาก เราก​็​จะไ​ม่​ เหน็ ​กระแส แต​่จะ​ฝนื ​กระแส​มนั ​ก​็ไมอ่​ยากฝ​ืน มันล​ำบาก ดี​ท่ีสุด​คือ​มี​กัลยาณมิตร​ช่วย​เรา​ฝืน​กระแส หลวง​พ่อ​ชา​ ท่าน​ทำ​หน้าที่​น้ี​ตลอด คือ​ท่าน​เมตตา​ให้​ส่ิง​ท่ี​เรา​ไม่​อยาก​ ได้ และไ​ม่ใ​ห​้ส่งิ ​ทเี่​ราอ​ยาก​ได้ เพ่ือเ​ราจ​ะไ​ดเ้​ห็นจ​ิตใจข​อง​ ตวั ​เอง และ​โทษ​ของค​วาม​คิดผ​ิด ตอน​ที่​อาตมา​ไป​อยู่​กับ​ท่าน​ใหม่ๆ พยายาม​จะ​อยู่​ ใกล้​ชิด​ท่าน​ที่สุด​เท่า​ที่​จะ​ทำได้ แต่​มี​อุปสรรค​เรื่อง​ภาษา ก็​ดเี​หมอื น​กันท​ ำให​ข้ ยนั ใ​นก​ารเ​รียนภ​าษา ไป​อยู่​แรกๆ ม​ี ปัญหา​ว่า​พระ​เณร​ท่ี​เป็น​เพื่อน​พูด​ภาษา​กลาง​ไม่​ถนัด ทุก องคช​์ อบพ​ ดู ภ​าษาอ​สี าน อาตมาจ​งึ ต​อ้ งพ​ ยายามพ​ ดู อ​สี าน อยาก​เรียน​ภาษา​กลาง​ก็​ไม่มี​ใคร​สอน เลย​สับสน​ระหว่าง 13ชยสาโร ภิกขุ

ซ. โซ่ กับ ช. ชา้ ง ตั้ง​นาน พูดภ​าษาอ​ีสาน​ไดบ​้ า้ ง​กไ็ ด้​รับ​ รางวัล​คือ​หลวงพ​ อ่ ท​ า่ น​ชม วัน​หน่ึง​อาตมา​นั่ง​ถวาย​การ​พัด มี​ชาว​บ้าน​หรือ​ ใครม​า หลวง​พ่อท​ ่านช​ีท้​ ี่​ตวั อ​าตมา แลว้ พ​ ดู ​ว่า “อ​งค์​นี้​บ่​ เป็นพ​ ระ​ฝร่ังเ​ด.้ ..พระล​าวเ​ด้... พดู ภ​าษาล​าว​เกง่ แมน​่ บ”่ อาตมาต​อบ “​โดยข​า้ ​นอ้ ย​” “น่นั  ! ...เห็นบ​ ​ล่ ะ่ ​” โยมท​ ำทา่ ​ วา่ ​ทงึ่ ...แหม ! อาตมาป​ ลมื้ ภาค​ภมู ิใจท​ ีส่ ดุ ​เลย...มค​ี วาม​ สขุ ​มาก แต่พ​ อโ​ยมเ​คา้ ​กลบั ไ​ปแ​ลว้ ​น่ี หลวง​พอ่ ​เอาฟ​ นั ​ปลอม​ ออกม​า​แล้วก​ส็​ง่ั ​อะไร​ไมร่ ​วู้ า่ “ชอ้ น...ซ..ซ.ซ” ฟัง​ไมร่ ​ู้เรอื่ ง​ เลย งงๆ หลวงพ​ อ่ ใ​สฟ​่ นั “ใชไ​้ มไ​่ ด้ สง่ั ง​านอ​ะไรก​ไ​็ มร่ เ​ู้ รอื่ ง​” เรา​กท​็ ุกขใ์​จ เมื่อก​​กี้ ​็ยกยอ่ ง​ว่าเ​รา​เก่ง ทีนก​้ี ็ว​่าเ​ราใ​ชไ​้ ม่ไ​ด้ ภายใน​เวลา​ไมก​่ ่นี​ าที แต่​ตอน​ไป​อยู่​กับ​ท่าน​ใหม่ๆ ทั้งๆ ที่​เรา​เป็น​ลูก​ ศิษย์​ใหม่ ไม่มี​โอกาส​พูด​กับ​ท่าน​มาก ใน​ใจ​รู้สึก​ใกล้​ชิด​ พอ​สมควร ท่าน​พูด​คำ​สอง​คำ​เรา​ก็​พอใจ​มี​ความ​สุข​ทั้ง​วัน แลว้ ท​ า่ นร​ู้ ปแ​ี รกท​ ไ​ี่ ปจ​ำพ​ รรษาท​ ว​่ี ดั น​ านาชาติ วนั ห​ นงึ่ เ​จา้ ​ อาวาส​ก็​พา​เรา​ไป​กราบ​หลวง​พ่อ คณะ​สงฆ์​วัด​นานาชาติ​ ปี​นั้น​มี​สัก ๑๐ กว่า​รูป ปี​น้ัน​ไม่​มาก​เท่า​ไหร่ หลวง​พ่อ​ ทา่ น​ตอ้ นรบั ​อยู่​ใต้ถุนก​ุฏิ ทกุ ​องคต​์ ่นื เ​ต้น​มากท​ ​่ีจะ​ได​้กราบ​ หลวงพ​ อ่ อาตมาไ​มเ​่ หน็ ท​ า่ นต​งั้ เ​ดอื นก​วา่ กค​็ ดิ ว​า่ เ​ราจ​ะไ​ด​้ 14 ทกุ ข์ ทำไม

รับ​ความ​อบอุ่น จะ​ไดร้​ับอ​ะไร​จากท​ ่าน​เช่นเ​คย ทา่ น​กเ็​รมิ่ ​ ถามเ​จ้าอ​าวาส “ชาคโ​ร เปน็ อ​ยา่ งไรก​ารป​ ฏิบตั ิ”​ ถามแ​ลว้ ​ กถ​็ ามร​องเ​จา้ อ​าวาสไ​ปต​ามแ​ถว ถามท​ กุ ค​นท​ อ​ี่ ยท​ู่ น​่ี นั่ เวน้ ​ แตเ่​ราค​น​เดยี ว... แมแ้ ต​่มอง​ก​็ไม่​ได​้มองท​ างเ​รา​เลย ไมใ่ ช​่ ไม​่เห็น​นะ ...ทุกข์ ๒๐ ปต​ี อ่ ​มา​ก​ย็ ัง​ช้ำน​ ิดๆ ท่านช​อบท​ ำ​ อยา่ ง​น้ี คอื ไ​มใ​่ หส​้ ่งิ ​ทเ่​ี รา​อยาก​ได้ กลบั ​ใหส้​งิ่ ​ที่​เรา​ไมอ​่ ยาก​ ได้ ใหด้​ใู จ หลวง​พ่อ​ท่าน​ไม่​ต้องการ​มี​บริวาร​มากๆ ถ้า​ท่าน​ เหน็ ​พระองค​์ไหน​ตดิ ตัว​ท่าน...ไม​่ให​้อยแ​ู่ ล้ว สง่ ไ​ปอ​ยูต​่ าม​ สาขา ไม่ใชอ่​าทติ ยส์​อง​อาทติ ยน์​ ะ บางทีเ​ป็นป​ ี เรยี ก​วา่ ​ รกั ษาศ​ิษย์​ป่วยด​้วยย​าข​ม ตอน​หน้า​หนาว ทำงาน​กัน สมัย​น้ัน​ไม่ใช่​ว่า​จะ​ได้ ฉนั ​นำ้ ​ร้อน (น้ำป​ านะ) ทกุ ​วนั ​นะ ถ้าเ​ป็นว​ันพระจ​งึ ​จะไ​ด้ นอกจาก​นั้น​จะ​ได้​เฉพาะ​เวลา​ทำงาน ได้ยิน​เสียง​ตี​ระฆัง​ ทำงานน​ น้ั จติ ม​ค​ี วามข​ดั แ​ยง้ ใจห​ นงึ่ ไ​มอ​่ ยากท​ ำงานอ​ยาก​ นั่ง​สมาธิ​มากกว่า ใจ​หน่ึง​ก็​รู้​ว่าการ​ทำงาน​คือ​การ​ปฏิบัติ​ เหมือน​กนั กเิ ลส​บอก​วา่ ... “ไมเ่​ปน็ ไร เสรจ็ แ​ล้ว​จะ​ได​้ฉัน​ น้ำร​อ้ นแ​ก้​หนาว”​ แล้ว​ก็​มี​อยู่​ช่วง​หน่ึง ปี​นั้น​เรา​ก็​กำลัง​ยก​ก้อน​หิน ใหญๆ่ มา​วางเ​ปน็ แ​นวเ​ป็น​แถว เป็นง​าน​หนกั ​พอส​มควร วันหน่ึง​ทำ​หลาย​ช่ัวโมง​แล้ว​ก็​พอ​ถึง​เวลา​ที่​เคย​เลิก​ฉัน​น้ำ 15ชยสาโร ภิกขุ

หู senstive มากค​อื ไ​ดย้ นิ เ​สยี งส​ามเณรถ​อื ก​านำ้ ม​า กลก๊ั ๆ (เสยี ง​กระทบ​ของก​านำ้ ) แตไ​่ กล​เลย หา้ ส​บิ ​เมตร​กไ็ ดย​้ นิ ​นะ วัน​นนั้ ​สามเณรก​็​วาง​กา​ไว้ อากาศ​หนาวม​าก เห็น​ ไอ​ออก​จาก​กา “​เดี๋ยว​จะ​ได้​ฉัน​น้ำ​ร้อน​แล้ว...” พระ​เณร​ ทุก​รปู ​เริ่ม​ชะลอ​แต​่หลวง​พอ่ ​ทำไ​มร่ ู​้ไม​่ชี้ ท่าน​ยกไ​ม้​เท้า​ข้ึน​ ช้ี​ทำอย่าง​งั้น​ทำ​อย่าง​น้ี เรา​คิด​ว่า​แป๊บ​เดียว​ก็​เสร็จ แล้ว​ กจ​็ ะ​ไดฉ​้ นั ​นำ้ ​ร้อน​ห้าน​ าที.... สิบ​นาที.... ชักส​งสัย เอ๊ะ ! ท่านไ​ม่​ทราบ​วา่ ก​ามา​แลว้ ห​ รอื ​เปลา่ เอ๊ะ ! แล้วถ​า้ เ​ราบ​ อก​ ท่าน​จะ​เปน็ การบ​ ังอาจ​ไหม ...ไม่ ไม่​ดก​ี วา่ กเ​็ ลยท​ ำงาน​ ต่อ ทนี ้​ีมัน​ก็​รู้สกึ ​ทรมาน​ใจ เพราะ​วา่ ​แหม ! มนั ก​เ็​ย็นล​ง เย็นล​ง แลว้ ท​ ่าน​กไ​็ ม​ส่ นใจ​เลย ทา่ น​ก็​มอง​มาท​ าง​น้ี มอง​ ทุกท​ ิศ เวน้ แ​ต่ต​รง​ทีม​่ ​ีกาน้ำ ก​็ซัก​ชัว่ โมง ชัว่ โมง​คร่ึง ท่าน​ ก็ “โอะ๊  ! น้ำร​้อน​มา​แลว้ นมิ นต์ น​มิ นต”​์ มนั ​กค็​า้ นอ​ยใ่​ู น​ ใจ นำ้ ร​อ้ นท​ ไ่ี หนก​นั ล​ะ่ มนั เ​ยน็ ม​าน​ านแ​ลว้ แลว้ ใ​จห​ นง่ึ ม​นั ​ กอ็​ยาก​ประทว้ ง ไม​่ฉนั ​หรอก กลับ​กุฏ​ิเลยด​ก​ี ว่า ใจห​ น่ึงก​็​ บอก อย่า ยัง​ดี​กว่าไ​ม่​ไดฉ้​ัน​อะไรเ​ลย หลวง​พ่อ​ท่าน​รู้ ท่าน​ใช้​วิธี​ฝึก​คน​ด้วย​การ​ทรมาน ทรมานไ​มใ่ ชเ​่ รอ่ื งก​ารใ​หเ​้ ปน็ ท​กุ ขเ​์ ปลา่ ๆ หรอก ทา่ นตอ้ งการ​ ให้​เรา​เห็น​อริยสัจ ต้องการ​ให้​เรา​เข้าใจ​ความ​สัมพันธ์​ ระหว่าง ทุกข์​กับ​สมุทัย ถ้า​เรา​ไม่​เช่ือ​ม่ัน​ว่า​ท่าน​ทำ​ด้วย​ ความเ​มตตาก​รณุ า เราก​ค​็ ง​ไมไ่​หวเ​หมอื นก​ัน แต​่เรา​รู​เ้ รา​ 16 ทกุ ข์ ทำไม

เชื่อ​ว่าท่ี​ท่าน​ทำ​อย่าง​น้ี​เพื่อ​ให้​เรา​เห็นใจ​ตัว​เอง เพื่อ​ที่​จะ​ ได้เ​ข้าใจ ถ้า​เรา​วางใจ​ถกู ​ตัง้ แต่​แรก​เลย ตอนท​ ​ไ่ี ด้ยินส​ามเณร​ ถือ​กาน้ำ​มา วางใจ​ว่า ฉัน​ก็​ดี ไม่​ฉัน​ก็​ดี ก็​ไม่มี​ปัญหา จะท​ ำงานเ​ทา่ ไ​หรก​่ ไ​็ มม่ ท​ี กุ ขใ​์ ชไ​่ หม แตพ​่ อไดย​้ นิ เ​สยี งก​านำ้ ​ แลว้ ​จติ ​กเ​็ ร่ิม​ปรงุ แ​ต่ง เมอื่ ไร​จะไ​ด​้ทาน กเ็​พราะเ​รา​คดิ ​วา่ “เมอื่ ไ​รจ​ะ” นจ​่ี ติ ก​ไ​็ มส​่ งบแ​ลว้ ไมไ​่ ดอ​้ ยใ​ู่ นป​ จั จบุ นั แ​ลว้ อย​ู่ ใน​อนาคต พอจ​ิตม​ันห​ ลุด​ออก​จาก​ปจั จุบัน​เม่ือ​ไหร่จ​ะเ​ปน็ ​ทุกข์​ทันที ก็​ถ้า​หลวง​พ่อ​ท่าน​จะ​เทศน์​ให้​เรา​ฟัง เทศน์​ ทฤษฎใ​ี หเ้ ราฟ​ งั เ​รื่อง​อริยสจั ๔ เราก​็​คงจะซ​าบซึ้งใ​นร​ะดบั ​ หนง่ึ แต​่มนั ไม​่เหมือนก​าร​เจอเ​หตุการณ​์อย่าง​นี้ มัน​ถงึ ​ใจ​ จริงๆ นะ ญาติโยม​ชอบ​สงสัย​ว่า เอ๊ะ...พระ​ฝร่ัง​ไป​อยู่​กับ​ หลวง​พ่อ​ชา​ใหม่ๆ ไม่​พูด​ภาษา​ไทย ท่าน​สอน​อย่างไร คำถามน​ ​้ีเกิดจ​าก​ความ​เข้าใจว​่าการส​อนค​ือ​การ​พดู ท่ี​จริง​ การ​พดู ก​เ​็ ปน็ ​แค่ส​่วนห​ นึ่งข​อง​การส​อน ป​ีแรก​หลวง​พอ่ ช​าท​ ่าน​สอน​อยา่ งไร ขอต​อบว​า่ ท​ ่าน​ ทรมาน...เรา​อยากไ​ดอ้​ะไรท​ ่าน​ไมใ​่ ห้ หรือ​เมอ่ื ​เราไ​ม่​อยาก​ ได้ท​ า่ นก​จ็​ะใ​ห้ อาตมา​ก​็โดนอ​ยู่เ​ร่ืองห​ นึง่ “ช​อ้ น...” (ชือ่ ​ เดมิ อ​าตมา​คือ ฌอน (Shaun) ทา่ นช​อบเ​รียก​อาตมาว​่า ชอ้ น) 17ชยสาโร ภิกขุ

“ช​อ้ น...อยากบ​ วชม​​ย้ั ” “​อยากบ​ วชค​รบั ​” “​อยากบ​ วช​ก็​ไมต​่ ้อง​บวช อยากม​นั ไ​ม​่ดี​หรอก​” ตอ่ ม​าท​ า่ นก​ถ​็ ามอ​กี “ช​อ้ น...ชอ้ น...” ทา่ นย​ม้ิ น​อ้ ยๆ นะ เหมอื นน​ าย​พราน “ช​้อน...อยาก​บวช​มั้​ย” “ไ​ม​เ่ ป็น​ไรค​รบั ”​ “​เอ่อ...ไม่​อยาก​บวช​ก​็ไมต​่ ้อ​งบว​ช” ในท​สี่ ดุ เ​ราก​ไ็ ดป​้ ญั ญา ไดศ​้ พั ท์ ศพั ทท​์ ย​่ี อดเ​ยยี่ มเ​ลย นึกออก​ไหม​ว่า​คำอ​ ะไร “ช้อน...อยากบ​ วชม​ั้​ย” อาตมา​ตอบ​วา่ “​แล้วแ​ต่ หลวง​พอ่ ค​รบั ”​ อือ ! ทา่ นก​็​ยม้ิ ​พอใจ ลกู ​ศษิ ย​เ์ ข้าใจ ตอ่ ม​า​กใ็​ชค​้ ำ​ น้​ีเป็นป​ ระจำ​เลย อะไรๆ กแ​็ ลว้ ​แตค่​รบั แล้ว​แต่​หลวง​พอ่ ​ ครบั นก​่ี เ​็ ปน็ แ​คค​่ ำพ​ ดู แตถ​่ า้ เ​ราท​ ำใจไ​ดต​้ ามค​ำพ​ ดู อะไรๆ กแ​็ ล้วแ​ต่ แลว้ แ​ต่ นพี่​ ระเ​ราก​​็ใชก้​บั ​โยม​เหมอื นก​นั “ท่าน​ อาจารยอ​์ ยากไ​ดน​้ นั่ ไ​หม อยากไ​ดน​้ ไ​่ี หม”​ ลกู ศ​ษิ ยจ​์ ะถ​วาย “แ​ลว้ แ​ต่ แลว้ ​แต”​่ คำน​ ี้​เป็น​คำท​ ​ี่เหมาะ​กบั พ​ ระ​มาก “แ​ลว้ ​ แตโ​่ ยม”​ ทา่ นก​ไ​็ มใ​่ หพ​้ ระเ​ราเ​ปน็ ผ​ร​ู้ ะบุ โยมจ​ะท​ ำบญุ ไ​มใ่ ช​่ หนา้ ทพ​ี่ ระเ​ราท​จ​่ี ะต​อ้ งไ​ปช​กั ชวนใ​หท​้ ำบ​ญุ ม​ากๆ เพอื่ จ​ะไ​ด​้ ขน้ึ ส​วรรค์ หรอื จ​ะไ​ดส​้ งิ่ ต​อบแทนต​า่ งๆ หนา้ ทข่ี​องพ​ ระค​อื ​ 18 ทุกข์ ทำไม

อนุโมทนา​นะ แลว้ ​บริโภคส​งิ่ ​ท​่ีได้ร​ับ​ด้วยส​ติ​เพื่อป​ ระโยชน​์ แก​ก่ ารป​ ระพฤติ​ปฏบิ ตั ิ โยมจ​ะ​ทำบญุ ​เทา่ ไรอ​ย่างไร​กแ็​ลว้ ​ แต่ แล้วแ​ต่​โยม โยม​ทำ​แล้วพ​ ระก​็อ​นโุ มทนา เราต​อ้ งก​ล้า​ในก​าร​ปฏบิ ตั ิ เรา​ตอ้ ง​เป็นผ​​ูก้ ล้า กล้า​ ด​ูความท​ ุกข์ เพราะค​วามท​ ุกข์​ม​เี หต​ุมป​ี จั จยั ด​ูความท​ ุกข์ วิเคราะห​์ความ​ทกุ ข์ เรา​จะ​ไดร้​้วู​า่ ​ส่วนไ​หนต​้อง​แกไ้ ข สว่ น​ ไหน​ต้อง​ยอมรับ ส่วน​ไหน​เป็น​ความ​ทุกข์​ทาง​ธรรมชาติ ส่วน​ไหน​เป็น​ความ​ทุกข์​ท่ี​เกิด​จาก​ความ​คิด​ผิด​ความ​ถือ​ผิด จง​ระวัง​คำว​า่ “นา่ ​จะ” “ไมน่​ า่ จ​ะ” คน​เรา​จะ​เป็นท​ ุกข​์กับ​ คำ​นี้บ​ อ่ ยๆ เพราะเ​มื่อเ​รา​วาด​ภาพแ​ล้วว​า่ อ​ยา่ งน​ ถ้ี​กู เรา​ มท​ี ฏิ ฐห​ิ รอื ม​ค​ี วามเ​หน็ ว​า่ อ​ะไรม​นั น​ า่ จ​ะเ​ปน็ อ​ยา่ งน​ นั้ อ​ยา่ ง​ นี้ เม่อื ​มนั ไ​ม่​เปน็ อ​ย่างท​ ​เี่ ราค​ดิ ว​า่ ม​ัน​นา่ ​จะ​เป็น...ทุกข์ ถ้า​ เรา​ม​คี วามแ​นใ่ จ​ว่า​เรา​ถูก​เขา​ทำผ​ิด อันน​ ้ี​ยงิ่ ​เปน็ ท​ ุกข์​ใหญ่ ทำอ​ย่าง​นน้ั ​ผิด ผู้​ที่​แน่ใจ​ว่า​ตัว​เอง​ถูก​อันตราย อันตราย​ต่อ​ตัว​เอง อันตราย​ต่อ​คน​อ่ืน เขา​มอง​ไม่​เห็น​ตัว​เอง เหมือน​กับ​ว่า​ ถือว่า​มี​สิทธ์ิ​ที่​จะ​โกรธ​คน​ทำ​ผิด​หรือ​คน​ช่ัว ไม่​น่า​จะ​บาป​ เหมอื นโ​กรธค​นด​ี บางค​นท​ ำความด​แี ลว้ เ​ขาย​ดึ ม​นั่ ใ​นค​วาม​ ดน​ี นั้ เลยไ​มด​่ ี บางค​นเ​คยส​บู บ​ หุ ร่ี เลกิ ส​บู บ​ หุ รแ​ี่ ลว้ เ​หน็ ค​น​ สบู บ​ หุ รเ่ี​มอื่ ไ​หรแ​่ ลว้ ก​.็ ..ออื  ! มนั ใ​ชไ​้ มไ​่ ดน้​ า่ เ​กลยี ด หรือถ​า้ ​ เราม​ค​ี วามห​ วงั ด​ต​ี อ่ ส​ถาบนั และม​ค​ี นก​ำลงั ท​ ำส​งิ่ ท​เ​่ี สยี ห​าย​ 19ชยสาโร ภิกขุ



ตอ่ ​สถาบันน​ ้ี ทน​ไม​่ได้ เป็นท​ ุกข​์ใช​่ม้ยั เราจ​ะต​อ้ งร​ว​ู้ า่ อนั น​ม​ี้ นั เ​ปน็ ต​ามเ​หตต​ุ ามป​ จั จยั การ​ มองว​า่ อ​ะไรเ​ปน็ ต​ามเ​หตต​ุ ามป​ จั จยั น​ น้ั ไ​มใ่ ชว​่ า่ ป​ ดั ไ​ปเ​ฉยๆ นะ​แต่​เป็น​อุบาย​วิธี​เพื่อ​ช่วย​ให้​เรา​ได้​หยุด หยุด​แล้ว​ดู​ว่าท่ี​ มัน​เป็น​อย่าง​น้ี​มัน​เป็น​เพราะ​อะไร​เป็น​เหตุ​เป็น​ปัจจัย​อะไร​ บ้าง​อยเู่​บ้ือง​หลงั จิต​ท่ี​ปกติ​จะ​รอบคอบ จิต​เร่าร้อน ถึง​จะ​ร้อน​กับ​ ความห​ วงั ด​ี และเ​ปน็ ห​ ว่ งต​อ่ ส​งิ่ ท​ด​่ี ี กพ​็ รอ้ มท​จ​่ี ะพ​ ลง้ั พ​ ลาด ผู้​ปกครอง​หรือ​ผู้​บริหาร​ต้อง​ระลึก​อยู่​ใน​หลัก​นี้​อยู่​เป็น​ ประจำ อยา่ ง​เช่น​ระหวา่ งก​าร​เข้าก​รรมฐาน​นอ​ี้ าตมา​สง่ั ไ​ม​่ ใหพ​้ ดู ค​ยุ ก​นั เหน็ ค​นพ​ ดู อ​าตมาจ​ะท​ ำย​งั ไ​ง กอ่ นอ​น่ื อ​าตมา​ ต้อง​ทำใจ​เยน็ มอง​วา่ ​เป็น​ไปต​าม​เหต​ุตามป​ ัจจัย​อยา่ งเ​ชน่ เขาม​ห​ี ริ โ​ิ อตปั ป​ ะแ​คน​่ น้ั เขาม​ส​ี ตแ​ิ คน​่ นั้ เขาม​ศ​ี รทั ธาแ​คน​่ นั้ ความ​ต้ังใจ​ใน​ข้อ​วัตร​ปฏิบัติ​มี​แค่​น้ัน อย่าง​นี้​เรียก​ว่า​เห็น​ ตาม​เหต​ตุ ามป​ ัจจยั อารมณ​์ก​็เลย​ไมแ​่ ปร​เปลย่ี นไ​ป​ในท​ าง​ อกุศล ไมค่​ดิ น​ อ้ ยใจ​ว่า “แ​หม...แค​่นเ​้ี ขา​กย​็ งั ​ทำไ​มไ​่ ด้ ช่าง​ ไมเ่​คารพ​ครูบาอ​าจารย์ ไม​่เกรงใจ​เพ่อื นเ​ลย​” จติ ใจ​รกั ษา​ ความท​ รงตวั ​ของ​มัน​ไวไ้​ด้ เป็น​ผ​ูป้ กครอง ตอ้ งม​ี​ลกู ​น้อง​ทำ​ตาม​คำ​สั่งบ​ ้าง ไม่​ ทำต​าม​บา้ งใ​ช​่ไหม ลูก​น้อง​ทที่​ ำ​ตามค​ำส​่งั ท​ กุ ​อย่างก​ห​็ าไ​ด​้ ยาก​มาก ผู้ใหญ่​จึง​มัก​เป็น​โรค​รำคาญ​และ​หงุดหงิด​บ่อย 21ชยสาโร ภิกขุ

แลว้ ​กเ​็ สียห​ ลกั ใ​นก​ารป​ กครอง ที​่ถกู ​คอื ม​อง​วา่ เ​ปน็ ​ไป​ตาม​ เหต​ุตาม​ปัจจัย​อะไรบ​ ้าง แล้ว​พยายามแ​ก​ท้ ​่ีเหตปุ​ จั จยั ​ด้วย​ จิตใจ​ทย่ี​อมรบั ใ​น​ความอ​อ่ นแอ​ของ​มนษุ ยเ์​รา ใน​การ​ปฏิบัติ​ธรรม​คือ​การ​บริหาร​ตัว​เอง​ก็​เช่น​ เดยี วกนั อยา่ งเ​ชน่ สตไ​ิ มด​่ ี ไมด​่ เ​ี พราะอ​ะไร เพราะข​าดว​ริ ยิ ะ ขาดศ​รทั ธา มศ​ี รทั ธาม​ว​ี ริ ยิ ะส​มบรู ณ์ สตก​ิ จ​็ ะส​มบรู ณ์ จงึ ต​อ้ ง หา​วิธี​ใน​การ​ปลูก​ฝัง​ศรัทธา​ใน​คุณค่า​ของ​การ​งด​พูด​คุย​ให้​ มากข​้นึ สติ คอื อ​ะไร สตค​ิ อื ค​วามร​ะลกึ ไ​ด้ คอื ค​วามส​ามารถ​ ระลึก​สิ่ง​ที่​ควร​ระลึก​ใน​แต่ละ​กรณี ใน​แต่ละ​เหตุการณ์ สว่ น​ในก​าร​ทำ​ภาวนา สิง่ ​ที่​สตต​ิ ้อง​ระลกึ ​คอื ระลึกอ​ารมณ​์ กรรมฐาน​อยู่​ใน​ปจั จุบนั คือ​ผกู ​จิตไ​วก้​บั ​ลมห​ ายใจเ​ป็นต้น ไม​ใ่ ห​้ลมื ไมใ่​ห้​เผลอ สตค​ิ อื ไ​ม​่ลมื ไม​่ลืมอ​ารมณ​์กรรมฐาน อกี ​นัย​หนึ่ง​ของ​สติ คอื ​เราย​งั ต​อ้ งร​ะลึกใ​นค​ำ​สอน หรือส​งิ่ ทเ​่ี รา​ได้​สงั่ ต​ัว​เองไ​ว้ต​อน​เรมิ่ ภ​าวนา ต้อง​ระลกึ ​อยใู่​นอ​บุ าย​ ต่างๆ ที่​จะ​แก้​จิต​ให้​ละวาง​การ​ภาวนา มี​การ​ระลึก​สิ่ง​ที่​ เรา​เคย​ปลกู ​ฝัง​ไว้ หรือส​ิ่ง​ท​เี่ รา​เคยเ​รยี นร​ู้​มาจ​ากอ​ดีต สติ​ จึง​ระลึก​สิ่ง​ท่ี​ปรากฏ​อยู่​ใน​ปัจจุบัน​หนึ่ง กับ​ส่ิง​ที่​เกี่ยวข้อง ท​ ่ีเ​คย​เรยี น​รู้​เกยี่ ว​กับ​การภ​าวนาห​ นง่ึ สตใ​ิ นล​กั ษณะห​ รอื ใ​นแ​งข​่ องก​ารร​ะลกึ ไ​ดน​้ นั้ จ​ะอ​ยท​ู่ ่​ี การไ​ดป​้ ลกู ฝ​งั ห​รอื ก​ารท​ไ​่ี ดใ​้ หข​้ อ้ มลู เ​พอ่ื ส​ติ คอื ก​ารย​ดึ ข​อ้ มลู ​ 22 ทกุ ข์ ทำไม

มาใ​ชท​้ นั เ​หตกุ ารณ์ ในบ​างค​รงั้ ท​เ​ี่ ราล​มื มนั ไ​มใ่ ชว​่ า่ บ​กพรอ่ ง​ อยู่​ที่​การ​ระลึก​แต่​ปัญหา​อยู่​ท่ี​ว่า​เรา​ไม่​ได้​ฝาก​ข้อมูล​เอา​ไว้ ต้ังแต่​แรก ยก​ตัวอย่าง​เช่น หา​แว่นตา​ไม่​เจอ​อีก​แล้ว​ก็​ว่า ตัว​เอง “แหม ! สตเิ​รา​แยม​่ าก​” แต่​ที่​จริง​มัน​ไม่ใช่​ปัญหา​อยู่​ใน​ปัจจุบัน​นะ​ว่า​สติ​ บกพร่อง ปัญหา​เกิด​ตั้งแต่​ขณะ​ท่ี​เรา​วาง​แว่น​ไว้​ใช่​ไหม ใน​ขณะ​ที่​เรา​วาง​แว่น​ไว้​อาจ​กำลัง​พูด​กับ​คน​อื่น​สนใจ​เร่ือง​ อน่ื แ​ลว้ ไ​มม่ ก​ี ารใ​สใ่ จก​บั ก​ารว​างแ​วน่ ว​า่ ว​างต​รงไ​หน เพราะ​ ฉะน้นั เม่อื ​เราพ​ ยายามน​ กึ ​ว่า เอ๊ะ ! เราว​างไ​ว​ต้ รงไ​หน​นะ กจ​็ ำไ​มไ​่ ด้ เพราะไ​มม่ ข​ี อ้ มลู ท​ จ​่ี ะด​งึ ม​าไ​ด้ เราจ​ะด​งึ ข​อ้ มลู ไ​ด​้ เพราะ​ว่าฝ​ากข​อ้ มลู ​ไว​้กอ่ น ถ้า​ไมฝ​่ าก​ข้อมูลไ​ว​แ้ ล้วส​ติ​จะ​ด​ี ขนาดไ​หน​มันก​็​ไม่มที​ ่​ีจะ​หยบิ ม​าไ​ด้ ฉะน้ัน​ใน​ปัญหา​การ​ขาด​สติ หรือ​การ​มี​สติ​ไม่​ดี หลงลมื ​หรอื ลมื ข​องบ​ อ่ ย ตอ้ งม​าด​ท​ู เ​่ี หตป​ุ จั จยั เหตป​ุ จั จยั ​ก็​คือไม่​ได้​ฝาก​ข้อมูล​ไว้​หรือ​ข้อมูล​ไม่​ชัดเจน สติ​จึง​ระลึก​ ไมไ่​ด้ เมือ่ เ​รา​ทุกข​์อยา่ งไรก​ต็ าม​ให​้เราร​ูจ้ กั ​วิเคราะห์ หยดุ แล้ว​เผชิญ​หน้า​กับ​ความ​ทุกข์ ให้​ดู​ความ​ทุกข์​ด้วย​ใจ​ที่​ไม่​ ทกุ ข์ คอื “​ผ้​ูร”ู​้ ดคู​วามท​ ุกข์ แลว้ ​เหตุ​ปัจจัย​ของ​ความท​ กุ ข์​ จะ​คอ่ ยๆ ค​ลคี่ ลายอ​อก​มา​ให้เ​รา​เหน็ เรอ่ื ง​ปญั หา​ต่างๆ ใน​ชีวติ ​ประจำ​วัน ตอ้ ง​เข้าใจว​า่ ​ ปัญหา​บาง​อย่าง​ใช้​ความ​คิด​ก็ได้​ผล แต่​หลายๆ ปัญหา 23ชยสาโร ภิกขุ

หยดุ ค​ดิ จ​งึ จ​ะไ​ดผ​้ ล ดจ​ู ากป​ระวตั ข​ิ องน​กั ว​ทิ ยาศาสตรต์ า่ งๆ ก็ได้ ส่วน​มาก​ทฤษฎี​ต่างๆ ของ​เขา​จะ​เกิด​เมื่อ​เขา​หยุด​ คดิ อย​ู่ท่​ีหอ้ ง​ทดลอง​และอ​ยู่​ท่​ีมหาวิทยาลัย คิด คิด คดิ ​ ไม่​ออก เหนอ่ื ย กลับ​บา้ นด​ี​กว่า ข้นึ ร​ถเมล์​กลับ​บา้ นแ​ล้ว อือ ! นึก​ได้ นัก​วิทยาศาสตร์​ชื่อ อาร์คิ​มิดิ​ซ แช่​อยู่​ใน​อ่าง​แล้ว​ ก็ “ย​ูร​กิ ​า้  !” ลกุ ​ขนึ้ ​ว่งิ ​เปลอื ย​กายไ​ป​ตามถ​นน รอ้ งต​ะโกน “ได้แ​ล้ว...ได​้แล้ว”​ ดอ​ี กด​ีใจท​ ​ี่นกึ ไ​ดใ้​นข​ณะท​ ​ไี่ มค​่ ิด ทกุ ว​ัน​ นี​เ้ รา​ให​้คณุ คา่ ​ใหค้​วาม​สำคญั ก​บั ​ความค​ิดมากเ​กินไ​ป มอง​ ขา้ มห​รอื ป​ ระมาทใ​นพ​ ลงั ข​องก​ารไ​มค​่ ดิ คอื ถ​า้ จ​ติ เ​ปน็ ส​มาธ​ิ แลว้ ป​ ัญญาก​จ​็ ะเ​กดิ ​ขน้ึ ​ได้ โดยป​ กต​ิแลว้ ​ปัญญาข​องเ​ราม​ันก​ม็​​อี ยู่​แลว้ แตค่​วาม​ คิด​ผวิ ​เผิน​ทบั ถม​เอา​ไว้ พอเ​ราเ​ข่ียๆ ออก เขย่ี ๆ ความค​ิด​ ฟุ้งซ่าน ความ​คิด​ผวิ เ​ผินอ​อก​มา จิต​สะอาดข​ึ้น​และค​วาม​ คิดล​ึก​ซ้ึง ความ​คดิ ท​ ​่เี ขา้ ถ​งึ ​ความจ​ริง​ของป​ ัญหา​มนั จ​ะโ​ผล​่ ขึ้น​มา​ได้ แต่​ก่อน​ปัญญา​มัน​ขึ้น​ไม่​ได้​เพราะ​มัน​มี​อะไร​มา​ ปิดบังเ​อาไ​ว้ เพราะ​ฉะนนั้ ​ในห​ ลาย​กรณี ม​ีปัญหา คิด คดิ คิด​จะ​ แก้ คดิ ไ​มอ​่ อกน​นั่ แ​หละป​ ญั หาไ​มไ​่ ดอ​้ ยใ​ู่ นว​สิ ยั ข​องค​วามค​ดิ ​ สามญั ท​ จ​่ี ะแ​กป​้ ญั หาไ​ด้ ทำจ​ติ ใจใ​หส​้ งบซ​ะ หยดุ  ! หยดุ ค​ดิ แลว้ ก​ด็​ำรง​อยู​่ด้วย​สติ ในภ​าวะ​ที่​หยุดค​ดิ แ​ลว้ เพยี งแ​ต่​วา่ 24 ทุกข์ ทำไม

เพง่ อยท​ู่ ป​ี่ ญั หาด​ว้ ยจ​ติ ใจท​ เ​ี่ ปน็ กล​าง ความค​ดิ ส​รา้ งสรรค์​ มนั ก​็​จะ​เกิดข​้นึ ข​องม​ัน​เอง... ปญั ญา​ที่เ​กิดจ​ากส​มาธิ อย่างไร​ก็ตาม อาตมา​ไม่​ได้​ชวน​ให้​ประมาท​ใน​ ประโยชน์ข​องค​วาม​คดิ มัน​มบ​ี ทบาท​สำคญั ใ​นช​วี ิต​เรา​มาก ทงั้ ท​ างโ​ลกแ​ละท​ างธ​รรม อยา่ งเ​ชน่ เ​รอ่ื งค​วามอ​ยาก ถา้ เ​รา​ ดต​ู ง้ั แตแ​่ รกเ​ลย ความท​กุ ขท​์ ท​ี่ ม่ิ แ​ทงจ​ติ ใจใ​นข​ณะท​เ​่ี ราอ​ยาก​ ไดอ​้ ะไร ความท​กุ ขใ​์ นก​ารแ​สวงหา ความว​ติ กก​งั วลว​า่ จ​ะไ​ม​่ ได้ ความ​กลวั ​ทจ่ี​ะ​ไมไ​่ ด้ การ​อจิ ฉา​คนท​ ่​ไี ด​้แลว้ ถา้ ​เราม​า​ พจิ ารณาถ​งึ ค​วามท​กุ ขใ​์ นก​ารแ​สวงหาแ​ละค​วามท​กุ ขใ​์ นก​าร​ รกั ษาส​งิ่ ท​ไ​่ี ด้ ตลอดจ​นค​วามเ​ศรา้ โ​ศกเ​มอื่ เ​ราต​อ้ งพ​ ลดั พราก​ จากส​งิ่ ท​เ​่ี ราไ​ดม​้ า เทยี บก​บั ค​วามส​ขุ จ​ากก​ารไ​ดส​้ งิ่ ท​ต​่ี อ้ งการ​ แลว้ มนั ค​งจะช​ว่ ยล​ดค​วามม​วั เมาห​ รอื ห​ ลงใหลใ​นส​ง่ิ น​ นั้ ไ​ด​้ บา้ ง ไม่​ถงึ ​กบั ข​ัน้ ​ท่​ีวา่ ไม่​ตอ้ งการ​อะไร​เลย แตอ​่ ยา่ งน​ ้อย ก็​ทำให้​การ​แสวงหา​ของ​เรา​อยู่​ใน​ขอบเขต​ขอบข่าย​ของ ศีลธ​รรม​ไม​่หลงใหลจ​น​เกนิ ​ไป การ​ภาวนา​เรา​ก็​คอย​คิด​อย่าง​น้ี​เรื่อย (คิด​หา​ข้อ​ บกพรอ่ งใ​น​ส่ิง​ท่ช​ี วนใ​หห​้ ลงใหล) แต่​บางทเี​วลาไ​ม่​ควร​คิด ก็​ฝืน​คิด​วก​วน บางที​ควร​คิด​กลับ​ไม่​อยาก​คิด ใน​กรณี​นี้ จงพ​ ยายาม​คดิ เช่น เรอ่ื งอ​าหาร เป็นต้น เรา​กไ​็ ม่ค​อ่ ยค​ิด​ ว่า​เม่ือ​ทาน​ลง​ไป​แล้ว​อาหาร​มัน​จะ​เป็น​อะไร ไม่​อยาก​จะ​ คิด แค​่ใสล​่ งไ​ป​ใน​ปากเ​ค้ียว​สอง​สาม​ครงั้ ​แลว้ ​กเ็​อาอ​อก​มา​ 25ชยสาโร ภิกขุ

ด.ู .. แหยะ ! ยงิ่ ก​วา่ น​ อ​ี้ กี ไ​มก​่ ช​ี่ วั่ โมงอ​าหารโ​อชาร​สน​ ม​้ี นั จ​ะ​ กลายเ​ป็นอ​ ะไร การท​บทวนเ​รอ่ื งน​ม​้ี นั ก​จ​็ ะช​ว่ ยล​ดค​วามอ​ยากใ​นเ​รอ่ื ง​ อาหารลงไ​ด้ แต​ก่ ่อน​เรา​เหน็ ​อาหารก​็ อันน​ ั้นน​ ่า​อร่อย​จัง ไข​มัน​เยอะ​ก็​จริง หมอ​ห้าม แต่​ชิ้น​เดียว​คง​ไม่​เป็นไร มา​ ตอน​น้​หี ยดุ ​แลว้ บ​ อก​ว่า น​ีน่ ะ ! ข้ี to be...ไม​่นาน เหน็ น​ ้ำ เห็น​น้ำ​ก็ อ่มื ...น้ำน​ ี่​ดน​ี ะเ​ดีย๋ วๆ ก​็เปน็ ...น้ำเ​ยี่ยว จะ​ชว่ ย​ แกค​้ วาม​รู้สกึ ​หลงใหล​เหล่า​น้ี มัน​ก็​ทำให​้จิตใจ​มัน​คิด​อกี ​แง่​หนึง่ แทนที่​จะ​มอง​แต่ สงิ่ ท​ ม​ี่ นั ดม​ี นั ง​ามม​นั ส​วย มาค​ดิ ก​ลบั ก​นั ก​เ​็ พอ่ื ใ​หจ​้ ติ ใจก​ลบั ​ มาส​ท​ู่ างส​ายก​ลาง หยดุ ค​ดิ ห​ ยดุ ป​ รงุ แ​ตง่ ม​นั จ​ะไ​ดเ​้ กดิ อ​ะไร​ อยา่ งน​ข​ี้ นึ้ ม​า มองไ​มเ​่ หมอื นค​นอ​นื่ เ​ขาม​อง กำหนดร​ค​ู้ วาม​ ทกุ ข์ ละค​วามค​ดิ ผ​ดิ เพอ่ื ท​ ำน​พิ พาน คอื ก​ารป​ ลอดท​ กุ ขใ​์ ห​้ แจง้ ด​ว้ ยก​ารเ​จรญิ ม​รรค ดว้ ยก​ารป​ฏบิ ตั ต​ิ ามห​ลกั ศ​ลี สมาธิ ปญั ญา โดยส​รุป​แล้ว​วา่ อริยสจั ๔ มี ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค หนา้ ทกี​่ ็ค​ือก​ำหนด​รค​ู้ วามท​ กุ ข์ ละ​สมุทยั ​คือ​ความ​ คิดผ​ิด ทำ​นิพพานค​วาม​หลดุ พ​ น้ ใ​ห้​แจง้ ค​อื ใ​หเ้​ขา้ ถ​ึง โดย​ การเ​จรญิ ม​รรคค​อื ก​ารป​ฏบิ ตั ต​ิ ามห​ลกั อ​รยิ มรรคม​อ​ี งคแ​์ ปด​ ตามห​ ลักไ​ตรสิกขา​น่ันเอง 26 ทกุ ข์ ทำไม

ชยสาโร ภิกขุ น​า​มเ​ด​ มิ​ ​ ​ ​ ​ ฌอน​ ​ชิเ​วอร​์ตัน​ ​(S​ha​un C​h​iv​ er​ton​) พ​ .ศ.​๒๕๐​ ๑​ ​ ​ ​ ​ ​ เกิด​ ท​ ​ี่ปร​ะเ​​ทศอังกฤ​ ษ พ.ศ​.​​๒๕๒​๑ ​ ​ ​ ​ ได​ พ้ บ​กบั ​พ​ระอาจาร​ ยส์ เุ ม​ โ​ธ ​ ​ ​ (พระราชสุเมธาจารย์ วัดอมราวดี ​ ​ ​ ประเทศองั กฤษ) ทวี่ ิหารแฮมสเตด ​ ​ ​ ประเทศองั กฤษ ​ ​ ​ ถอื เพศเปน็ อนาคาริก (ปะขาว) ​ ​ ​ อยกู่ บั พระอาจารย์สเุ มโธ ๑ พรรษา ​ ​ ​ แล้วเดินทางมายังประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ​ ​ ​ บรรพชาเปน็ สามเณร ทีว่ ัดหนองป่าพง ​ ​ ​ จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. ๒๕๒๓ ​ ​ ​ อปุ สมบทเปน็ พระภกิ ษุ ทวี่ ดั หนองปา่ พง โดยมี ​ ​ ​ พระโพธิญาณเถร (หลวงพอ่ ชา สุภทั โท) ​ ​ ​ เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๔ ​ ​ ​ รกั ษาการเจา้ อาวาส วัดปา่ นานาชาติ ​ ​ ​ จังหวัดอบุ ลราชธานี พ.ศ. ๒๕๔๕ - ปัจจบุ ัน ​​​ พำนัก ณ สถานพำนักสงฆ์ ​ ​ ​ จงั หวดั นครราชสมี า

มูลนิธปิ​ ญั ญา​ประทีป ค​วา​ ​ม​เป็นม​ ​า​ ​ มูล​นิธิปั​ญญา​ประที​ป จั​ดตั้​งโด​ยค​ณะผู้​บร​ิหารโ​รงเ​รียนทอส​ี ด้ว​ยควา​มร่ว​ม​มื​อ​ จ​ากคณะค​รู ผู้​ปกค​รอ​งแล​ะญาต​ิโย​มซึ่งเ​ป็น​ลูกศ​ิษย์​พระอาจา​รย์ช​ย​สาโ​ร ก​ระทรวง​มหาด​ไทย อน​ุญา​ตให​้จดทะ​เบี​ยนเ​ป็นนิ​ติบ​ุคค​ล​อ​ย่​า​งเป็นทาง​การ ​เลขที่​ทะ​เบียน ​กท. ​๑๔๐๕ ตั้​งแต่วัน​ท่ี ๑ เ​​มษาย​ น ๒​ ๕๕๑ ว​​ ตั ถปุ ระ​สงค​์ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​​ ​ ​๑) ​ สนับส​นุนก​ ารพัฒน​ าสถาบ​ ัน​การศ​ึกษาวิ​ถีพุทธที​่ม​ีระบบ​ไต​ ร​ ​ส​ิกขาข​ องพระพ​ ุทธ ศา​สนาเป็น​หลัก ​ ​๒) เผย​ แผ่หลัก​ ธรรมค​ ำสอ​ นผา​่ นการจัดการฝึกอ​ บรม และปฏบิ ตั ิธรรม และการเผยแผ่ ส่ือธรรมะรปู แบบตา่ งๆ โดยแจกเปน็ ธรรมทาน ๓) เพม่ิ พนู ความเขา้ ใจในเรอ่ื งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมนษุ ย์ และสง่ิ แวดลอ้ ม สนบั สนนุ การพัฒนาท่ยี ่งั ยืน และสง่ เสรมิ การดำเนินชวี ิตตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ๔) รว่ มมอื กับองค์กรการกศุ ลอ่ืนๆ เพอ่ื ดำเนินกจิ การทเ่ี ปน็ สาธารณประโยชน์ ค​ ณะ​ทป่ี​ รกึ ษา​ ​ พระอาจารยช์ ยสาโรเปน็ องคป์ ระธานทปี่ รกึ ษา โดยมคี ณะทป่ี รกึ ษาเปน็ ผทู้ รงคณุ วฒุ ใิ น สาขาตา่ งๆ อาท ิ ดา้ นนเิ วศวทิ ยา พลงั งานทดแทน สง่ิ แวดลอ้ ม เกษตรอนิ ทรยี ์ เทคโนโลยสี ารสนเทศ วิทยาศาสตร์สขุ ภาพ การเงนิ กฎหมาย การสอ่ื สาร การละคร ดนตรี วฒั นธรรม ศลิ ปกรรม ภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ คณะกรรมการบริหาร มลู นธิ ฯิ ไดร้ บั เกยี รตจิ ากรองศาสตราจารยน์ ายแพทยป์ รดี า ทศั นประดษิ ฐ เปน็ ประธาน คณะกรรมการบริหาร และมีคุณบุบผาสวัสด์ิ รัชชตาตะนันท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนทอสีเป็น เลขาธิการฯ ​การ​ดำเนนิ ก​ าร​ ​ •​ ​ มลู นิธฯิ เป็นผูจ้ ัดตงั้ โรงเรียนมธั ยมปัญญาประทีป ในรูปแบบโรงเรียนบ่มเพาะชวี ิต เพื่อดำเนินกิจกรรมต่างๆ ด้านการศึกษาวิถีพุทธ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ ข้างต้น โรงเรยี นนี้ตัง้ อยทู่ ี ่ บ้านหนองน้อย อำเภอปากชอ่ ง จงั หวัดนครราชสีมา ​ •​ ​ มลู นธิ ฯิ รว่ มมอื กบั โรงเรยี นทอส ี ในการผลติ และเผยแผส่ อ่ื ธรรมะ แจกเปน็ ธรรมทาน โดยในส่วนของโรงเรียนทอสีฯ ได้ดำเนินการตอ่ เนือ่ งตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๕



พมิ พแ จกเปน ธรรมทาน www.thawsischool.com, www.panyaprateep.org ชยสาโร ิภก ุข ุทก ขทำไม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook