Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2-1-PB

2-1-PB

Published by folk_ch, 2018-06-27 11:47:39

Description: 2-1-PB

Search

Read the Text Version

บทความวจิ ยั รับเชิญ วารสารเครือขา่ ยวิศวกรรมไฟฟ้ า EENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 2017generation and to reduce power loss on power system in order to increase the power system stability and reliability. The technology of photovoltaicpower generation systems and power compensating systems with sodium sulfur battery are still being developed continuously for power systemapplications in the future.Keywords: photovoltaic power plant, optimization technique, power loss1. บทนา แบบกระจาย (Distributed Generation : DG) ขนาด 1 MW เช่ือมตอ่ เขา้ กบั ระบบจาหน่ายแบบเรเดียลโดยนาเทคนิคการหาคา่ เหมาะท่ีสุดดว้ ยวิธีการ ปัจจุบนั เกิดสภาวะความขาดแคลนของวตั ถุดิบที่นามาใช้ใน ค้นหาแบบตาบู (Tabu Search : TS) มาช่วยในการหาตาแหน่งติดต้งั ที่การผลิตกระแสไฟฟ้ า และมีแนวโน้มของราคาที่นบั วนั จะสูงข้ึน ซ่ึงส่วน เหมาะสมของ DG และออกแบบวางแผนการจ่ายพลงั งานของระบบใหญ่จะหาวิธีแกไ้ ขโดยหันไปสนใจเทคโนโลยดี า้ นพลงั งานทดแทนที่มี ชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าดว้ ยแบตเตอร่ีชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) ขนาด 200แหล่งวตั ถุดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้ าที่ไดม้ าจากธรรมชาติอาทิ เช่น kW ต่อร่วมกบั DG ขนาด 1 MW เพื่อลดกาลงั งานสูญเสียในระบบ และพลงั งานลม พลงั งานแสงอาทิตย์ และอ่ืนๆ ซ่ึงเป็นพลงั งานสะอาดและไม่ ช่วยในการปรับปรุงรูปร่างของแรงดนั ไฟฟ้ า (Voltage Profile) ในระบบส่งผลกระทบต่อส่ิงแวดลอ้ ม โดยแหล่งพลงั งานทดแทนในรูปแบบน้ีจะ จาหน่าย ภายใตเ้ งื่อนไขเสถียรภาพแรงดนั ไฟฟ้ าของระบบไฟฟ้ ากาลงั ที่เรียกว่า แหล่งกาเนิดไฟฟ้ าแบบกระจาย (Distributed Generation : DG) สภาวะโหลดคงที่ (Static Load) ส่งผลให้ระบบมีเสถียรภาพและความซ่ึงปัจจุบนั มีความนิยมนามาเชื่อมต่อเขา้ กับระบบจาหน่ายเพิ่มมากข้ึน น่าเชื่อถือของระบบเพิ่มมากข้ึนจึงนาไปสู่การวิจยั และพฒั นาระบบโดยจะส่งผลดีกบั ระบบเมื่อติดต้งั ในตาแหน่งที่เหมาะสม ดงั กล่าวข้ึน เม่ือกล่าวถึงการส่งจ่ายกาลงั ไฟฟ้ าในระบบจาหน่ายของการ ซ่ึงองคป์ ระกอบของการนาเสนอในบทความน้ีจะมีลาดบั การไฟฟ้ าส่วนภูมิภาคท่ีระดบั แรงดัน 22 kVส่วนใหญ่ของประเทศไทยน้ัน กล่าวถึงดังต่อไปน้ี ระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตยข์ นาดใหญ่เป็ นระบบการตอ่ วงจรสายป้ อนหลกั แบบเรเดียล (Radial) ซ่ึงหมายถึงการ ระบบจาหน่ายแบบเรเดียล การวิเคราะห์การไหลของกาลงั ไฟฟ้ า ปัญหาตอ่ กระจายออกเชิงรัศมี เป็ นการจดั รูปแบบวงจรท่ีง่ายและมีราคาต่าท่ีสุด การไหลของกาลงั ไฟฟ้ าเหมาะที่สุด ข้นั ตอนการแกป้ ัญหาด้วยวิธีการ[1] ส่วนขอ้ เสีย คือ เมื่อระยะทางในการส่งกาลงั ไฟฟ้ าเพ่ิมมากข้ึนจะเกิด คน้ หาแบบตาบู ระบบชดเชยกาลังไฟฟ้ าด้วยแบตเตอร่ีชนิดโซเดียมแรงดนั ตกที่ปลายสายส่ง ซ่ึงจะส่งผลให้เกิดกาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียในระบบ ซลั เฟอร์ ผลการทดสอบ และสรุปตามลาดบันอกจากน้ันแบบจาลองของแหล่งกาเนิดไฟฟ้ าแบบกระจายท่ีมีระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตย์ส่วนใหญ่จะเป็ นแบบจาลองท่ีระดับ 2. ระบบผลติ ไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทติ ย์ขนาดใหญ่กิโลวตั ต์ ดงั น้ันแบบจาลองที่มีขนาดใหญ่ระดบั เมกะวตั ต์จะถูกนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นบทความน้ี [2], [3] และเม่ือพิจารณาถึงการหาตาแน่งติดต้งั ระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตยข์ นาดใหญ่ (Large-เหมาะท่ีสุดในการติดต้งั ระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตยข์ นาดใหญ่ Scale PV Power Generation Systems) หรื อโรงผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์เช่ือมต่อเขา้ สู่ระบบจาหน่ายน้ัน เทคนิคการหาค่าเหมาะท่ีสุดมีมากมาย แสงอาทิตย์ (PV Power Plant) ในบทความน้ีจะกาหนดให้เป็ น DG ขนาดหลายวิธี ซ่ึงมีท้งั ขอ้ ดี และขอ้ เสียแตกต่างกนั ไป [4]-[8] โดยบทความน้ีจะ 1 MW โดยเหตุผลอนั สืบเนื่องมาจากมาตรฐานการรับซ้ือพลงั งานไฟฟ้ าเลือกใช้เทคนิคการหาค่าเหมาะที่สุดดว้ ยวิธีการคน้ หาแบบตาบู (Tabu แบ่งตามขนาดของการผลิตของการไฟฟ้ าส่วนภูมิภาค [13]-[16] การSearch : TS) มาช่วยในการแกป้ ัญหาดังกล่าว ในส่วนของระบบระบบ ควบคุมประเภทผู้ผลิตขนาดเล็กมาก (Very Small Power Producer :ชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าด้วยแบตเตอร่ีชนิดโซเดียมซัลเฟอร์ (Sodium-Sulfur VSPP) ที่มีการผลิตไฟฟ้ าจากพลังงานหมุนเวียน โดยการจ่ายปริมาณBattery : NaS) น้ัน เป็ นเทคโนโลยีท่ีได้รับความสนใจอยา่ งกวา้ งขวาง พลงั งานไฟฟ้ าไดไ้ ม่เกิน 8.0 เมกะวตั ต์ / วงจร เม่ือพิจารณาวงจร หรือสายโดยมีการวิจัย ปรับปรุ ง และพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซ่ึงการนามา ป้ อนแลว้ จะพบวา่ มีขนาดของกาลงั ไฟฟ้ าท่ีจ่ายให้กบั โหลดรวมอยใู่ นสายประยุกต์ใช้ในระบบไฟฟ้ ากาลังเพ่ือการออกแบบวางแผนการจ่าย ป้ อนน้ันด้วย ดังน้ันการกาหนดให้เป็ น DG มีขนาด 1 MW จะทาให้พลังงานจะต้องเข้าใจโครงสร้าง หลกั การทางาน และคุณสมบตั ิของ เช่ือมตอ่ เขา้ กบั สายป้ อนน้นั ไดโ้ ดยสะดวกไม่ตอ้ งกงั วลถึงขนาดของกาลงั การผลิตที่ใหญ่เกินไป ง่ายต่อการศึกษาทาความเขา้ ใจ และเป็ นไปตามแบตเตอร่ี [9]-[12] เพื่อใหไ้ ดส้ มรรถนะ และประสิทธิภาพการทางานของ มาตรฐานขอ้ กาหนดของการไฟฟ้ าส่วนภูมิภาค โดยระบบผลิตไฟฟ้ าจากแบตเตอรี่ท่ีเหมาะสมที่สุดกบั ความตอ้ งการวางแผนการจ่ายพลงั งานของ เซลลแ์ สงอาทิตยข์ นาดใหญ่ที่จะนามาเชื่อมต่อเขา้ กบั ระบบจาหน่าย ซ่ึงมีระบบ โครงสร้างดงั รูปท่ี 1 [4] มีส่วนประกอบตา่ งๆ ดงั น้ี ดงั น้นั ในบทความน้ีจะนาเสนอการหาตาแหน่งติดต้งั เหมาะที่สุดของระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตย์ หรือแหล่งกาเนิดไฟฟ้ า -37-

บทความวจิ ยั รับเชิญวารสารเครือขา่ ยวิศวกรรมไฟฟ้ าEENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 2017 (VmM, PrM, PrA) CB 3f Inverter CB . 22 kV DC side AC side (IscM, VocM, NsM) (Smod, Pmod) (Ns, Np) PV Array #1 (Modules : 34 @ 10 kW = 340 kW) (IscA, VocA, Ns) (TA, G, NOCT) (IscAE, TcK) CB 3f Inverter CB Tr 400 / 22 kV  I scM ,  VocM  (IscAE, VocAE, TcK) DC side AC side Tc Tc Io (Io) (Ns, Np) (PrA) RsA PV Array #2 (Modules : 34 @ 10 kW = 340 kW) (RsA) CB 3f Inverter CB (IscA, VocA, Ns) DC side AC side PV Array #3 (Modules : 34 @ 10 kW = 340 kW)รูปท่ี 1 ระบบเซลลแ์ สงอาทิตยข์ นาด 1 MW แบบเช่ือมตอ่ ระบบจาหน่าย PVการ หาพา รามิ เต อร์ ของ ระ บบ เซ ล ล์แ สงอา ทิ ตย ์ขน าด ให ญ่จะตอ้ งกาหนดให้อยใู่ นรูปแบบของระบบแผงเซลล์ หรืออาร์เรย์ (Array)จาก [2] ได้นาเสนอเกี่ยวกับการจาลองตัวกาเนิดไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตยส์ าหรับการศึกษาระบบจาหน่ายขนาดใหญ่ เม่ือพิจารณาถึง P DC Gการหาค่ากาลงั สูงสุดของระบบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ (PV Array) หรือ รูปที่ 2 แผนผงั การคานวณค่าของแผงเซลลแ์ สงอาทิตยแ์ บบอาร์เรย์กาลงั ไฟฟ้ าขาออกที่ผลิตไดจ้ ากระบบ จะมีข้นั ตอนของแบบจาลองมีดงั น้ี โดยเมื่อพิจารณาถึงสมการ และเง่ือนไขของของระบบแล้วคือ 1). หารูปแบบการเช่ือมต่อของอาร์เรย์ 2). แปลงสมการคุณลกั ษณะ พบว่าเป็ นปัญหาที่มีความซบั ซอ้ นสูง ดงั สมการท่ี (13) ซ่ึงมีความสาคญั ในการพิจารณาเพื่อเลือกใช้เทคนิคการหาค่าเหมาะที่สุดให้เหมาะสมกบัของเซลล์แสง-อาทิตย์ 1 เซลล์ให้เป็ นสมการคุณลกั ษณะของอาร์เรย์ 3). ระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตยข์ นาดใหญ่ที่จะเช่ือมต่อเขา้ กับ ระบบจาหน่ายแบบเรเดียลแกป้ ัญหาพารามิเตอร์ของสมกาคุณลกั ษณะของอาร์เรย์ และ 4). คานวณค่าสมการคุณลักษณะของกราฟเส้นโค้งความสัมพนั ธ์ระหว่างกระแสและแรงดนั จากน้นั ทาการหาคา่ P DC ดงั สมการที่ (1) และ (2) G Pˆ = Iˆ Vˆ (1) 3. ระบบจาหน่ายแบบเรเดยี ล (2) = =PDC max(Pˆ ) ระบบจาหน่ายแบบเรเดียล คือ การจ่ายไฟฟ้ าออกจากสถานี G ไฟฟ้ ายอ่ ยเพื่อนาพลงั งานไฟฟ้ าไปจ่ายให้กบั โหลด ซ่ึงการต่อวงจรสาย Pmax AE ป้ อนหลกั แบบเรเดียลน้ี จะไม่มีการเชื่อมต่อกบั สายป้ อนที่มาจากสถานี ยอ่ ยอ่ืนๆ จึงเป็ นขอ้ เสียกล่าวคือ เม่ือเกิดฟอลตท์ ่ีสายป้ อนใดจะทาใหส้ ายโดยท่ี : P DC คือ ค่ากาลังไฟฟ้ าขาออกกระแสตรงสาหรับ ป้ อนน้นั ไฟดบั ท้งั หมด [1] การวางแผนใช้ระบบจาหน่ายแบบน้ี หากมี G โหลดผใู้ ช้ไฟฟ้ าเพิ่มมากข้ึนในอนาคตก็สามารถที่จะเพ่ิมระบบจาหน่าย ไฟฟ้ าแบบเรเดียล ให้กลายเป็ นระบบจาหน่ายไฟฟ้ าแบบวงแหวน หรืออาร์เรยท์ ี่ถูกกาหนดสภาพแวดลอ้ ม (วตั ต)์ และ Pmax AE คือ ค่ากาลงั ไฟฟ้ า ระบบจาหน่ายไฟฟ้ าแบบร่างแหต่อไปได้ ระบบจาหน่ายไฟฟ้ าแบบ เรเดียล นิยมใช้สาหรับจ่ายพลงั งานไฟฟ้ าไปยงั ผใู้ ชไ้ ฟฟ้ าในพ้ืนท่ีทวั่ ไปสูงสุดสาหรับอาร์เรยท์ ่ีถูกกาหนดสภาพแวดลอ้ ม (วตั ต)์ หรือในชนบท เนื่องจากระบบจาหน่ายไฟฟ้ าประเภทที่ลงทุนต่า มีการ ป้ องกันระบบได้โดยวิธีง่าย ๆ และลักษณะของการวางสายเหล่าน้ีจากข้นั ตอนขา้ งตน้ สามารถแสดงเป็ นแผนผงั การคานวณค่า สามารถเขา้ ใจไดง้ ่าย แต่มีขอ้ เสียคือเสถียรภาพและความเชื่อถือได้ของ ระบบไฟฟ้ าต่า [8]ต่างๆ ของแผงเซลลแ์ สงอาทิตยแ์ บบอาร์เรย์ ไดด้ งั รูปท่ี 2เมื่อพิจารณาถึงข้นั ตอนสุดทา้ ยของการหาค่ากาลงั ไฟฟ้ าเพ่ือเชื่อมต่อเข้ากับระบบจาหน่าย เช่น การผลิตไฟฟ้ าด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ [5] โดยท่ีแบบจาลองทางคณิตศาสตร์ของ [5] ได้มีปัจจยัเกี่ยวกบั การหาขนาดของ DG เขา้ มาเกี่ยวขอ้ งดว้ ย ซ่ึงในบทความน้ีไม่ได้นามาคิด ดงั น้ันแบบจาลองทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในบทความน้ี คือ จะกาหนดให้ DG จ่ายเฉพาะคา่ กาลงั ไฟฟ้ าจริง ที่มีขนาด 1 MW เทา่ น้นั -38-

บทความวจิ ยั รับเชิญ วารสารเครือขา่ ยวศิ วกรรมไฟฟ้ า EENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 2017 ซ่ึงระบบจาหน่ายมาตรฐาน IEEE แบบเรเดียล 33 บสั 32 โดยที่ : Si คื อ ก าลังท่ี โห น ด iSi  Pi  jQi  , Yi คื อสาขาน้นั จะมีกาลงั ไฟฟ้ ารวมของโหลดขนาด 3.72 MW และ 2.3 MVarโดยในบทความน้ีจะเป็ นการประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบจาหน่ายมาตรฐาน IEEE ผลรวมของแอตมิตแตนซ์ส่วนลงดินท้งั หมดท่ีโหนด i และ V k1 คือแบบเรเดียล 33 บสั 32 สาขา ทาการทดสอบท่ีระดบั แรงดนั ไฟฟ้ าฐาน 22 ikV และ 25 MVA ซ่ึงแรกเร่ิมกาลงั ไฟฟ้ าจริง และกาลงั ไฟฟ้ ารีแอคทีฟที่สูญเสียรวมในระบบมีขนาด 77.0135 kW และ 52.1361 kVar โดยที่บสั ท่ี แรงดนั ที่โหนด i ณ รอบคานวณที่ k  11 เป็ นโหนดจา่ ยท่ีเช่ือมตอ่ กบั ระบบส่งโดยผา่ นสถานียอ่ ย ซ่ึงการเช่ือมต่อโหนดสาขาจะเร่ิมเชื่อมต่อจากบสั ท่ี 1 ไปยงั บสั ท่ี 2 แลว้ ต่อไปยงั โหนด การคานวณกระแสน้ีจะเริ่มให้ขนาดแรงดนั เป็น 1 p.u. และมมุสาขาอื่น ๆ ตอ่ ไป ดงั แสดงในรูปที่ 3 [17] แรงดนั เป็ นศูนยท์ ี่ทุกๆโหนด ส่วนการคานวณกระแสในสายจะเร่ิมจาก 3 5 8 11 14 16 18 20 22 24 26 28 การคานวณท่ีเรียกวา่ การแพร่กระจายถอยหลงั โดยท่ีรอบคานวณที่ k จะ SuHbVst/aMtiVon 1 2 4 6 9 12 15 17 19 21 23 25 27 29 30 31 32 33 คานวณกระแส J ในสายท่ีสุดทา้ ยเร่ือยเขา้ สู่รูตโหนด หรือรูตบสั โดย 7 10 13 กระแสท่ีสาย L หาไดจ้ ากสมการที่ (4) รูปที่ 3 แผนภาพเสน้ เดียวของระบบจาหน่าย แบบเรเดียล 33 บสั Jk   I k  (กระแสในสายที่พงุ่ มาจากโหนด L2 ) (4) L L2 4.2 การคานวณแรงดนั ทโ่ี หนดโดยวธิ ีแพร่กระจายเดนิ หน้า ซ่ึงอาศยั กฎความสมั พนั ธ์ของแรงดนั เคอร์ชอฟฟ์ โดยเร่ิมตน้ จากบสั อ้างอิงรูตโหนด (Root node) หรือรูตบสั (Root bus) โดยท่ีค่า แรงดนั กาหนดให้มีค่าคงท่ีและเฟสเป็ นศูนย์ ส่วนค่าแรงดนั และมุมเฟส ของแรงดนั ที่บสั อื่นๆ ถดั จากบสั อา้ งอิงในรอบคานวณท่ี k จะถูกคานวณ ค่าแรงดนั ที่บสั เร่ือยไปสู่บสั สุดทา้ ย ดงั สมการที่ (5)4. การวเิ คราะห์การไหลของกาลงั ไฟฟ้ า V k  V k   Z J k  (5) L2 L1 การคานวณการไหลของกาลงั ไฟฟ้ าในระบบจาหน่ายจะทาให้ L Lทราบระดับแรงดันที่โหนดต่างๆได้ และคาตอบของการไหลของ โดยที่ : ZL คือ ค่าอิมพีแดนช์อนุกรมของสายส่งช่วง Lกาลงั ไฟฟ้ าในระบบจาหน่ายน้นั จะช่วยในการวางแผนเพ่ือควบคุมระบบ ระหว่างโหนด L2 และ L1 , L2 คือ โหนดปลายทาง, L1 คือ โหนดต้นตลอดจนการขยายระบบให้มีประสิทธิภาพมากยงิ่ ข้ึน ซ่ึงการคานวณการ ทาง, J คือ กระแสในสาย และ k คือ รอบการคานวณไหลของกาลังไฟฟ้ า ด้วยหลกั การใช้ เมทริกซ์จาโคเบียน (Jacobian-based) เช่น นิวตนั ราฟสันโหลด หรือเก๊าไซเดล น้นั ไม่เหมาะสมกบั การ 4.3 การเข้าสู่คาตอบของแรงดนัวิเคราะห์ปัญหาการไหลของกาลงั ไฟฟ้ าสาหรับระบบจาหน่ายที่บางคร้ังเกิดปัญหาเกี่ยวกบั การลู่เขา้ สู่คาตอบ [18] จะกระทาในลกั ษณะเวียนซ้าในแต่ละรอบของการคานวณ โดยจะตรวจสอบค่า mismatch ของแรงดันในแต่ละบัส ดังแสดงใน ดัง น้ ันใ น บ ทค ว าม น้ี จ ะ ใ ช้วิ ธี แ พ ร่ ก ร ะ จา ย ถ อ ย ห ลัง แ ล ะเดินหน้า (Backward and forward propagations) เพ่ือแก้ปัญหาเกี่ยวกับ สมการที่ (6)การลู่เข้าสู่คาตอบ ซ่ึงมีรายละเอียดของลาดับข้นั ตอนการวิเคราะห์ V k   V k   V k 1 (6)ดงั ต่อไปน้ี 1). รับขอ้ มูลระบบจาหน่าย 2). จดั ลาดบั สายส่ง 3). คานวณกระแสในสายส่งโดยใช้วิธีแพร่- กระจายถอยหลงั 4). คานวณแรงดนั ที่ j j jโหนดโดยใช้วิธีแพร่- กระจายเดินหน้า 5). การเขา้ สู่คาตอบของแรงดนั โดยที่ : V k  คือ ค่ าค ว า ม ค ล าด เ ค ลื่ อ น ข อ ง แ ร งดัน ที่ พ อและ 6). คานวณกระแสในสาย แรงดนั ท่ีโหนด และกาลงั ไฟฟ้ าในสาย j4.1 การคานวณกระแสแต่ละสาขาโดยวธิ ีแพร่กระจาย ยอมรับได้ท่ีบสั j หลงั จากการคานวณในรอบที่ k , V k  คือ แรงดนั ที่ ซ่ึงอาศยั กฎความสัมพนั ธ์ของกระแสเคอร์ชอฟฟ์ โดยเริ่มตน้ jจากกระแสท่ีโหนด จะมีค่าดงั สมการท่ี (3) บสั j ในรอบการคานวณที่ k และ V k 1 คือ แรงดนั ท่ีบสั j ในรอบการ j คานวณท่ี k  1 การเขา้ สู่คาตอบของแรงดนั อาจหาไดจ้ ากผลต่างของค่า อื่นๆดงั สมการท่ี (7)  Re V k   Im  j     k  (7)   V   k  Si  YiVi k1 (3) jI  V k1 i   V k    i   j โดยที่ : คือ ค่าความคลาดเคลื่อนที่พอยอมรับได้ (mismatch) -39-

บทความวจิ ยั รับเชิญวารสารเครือข่ายวศิ วกรรมไฟฟ้ าEENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 20175. ปัญหาการไหลของกาลงั ไฟฟ้ าเหมาะทสี่ ุด   Min NB (13) Ploss  Pgi  PDGi  Pdi ปัญหาการไหลของกาลงั ไฟฟ้ าเหมาะที่สุด โดยทว่ั ไปนิยมเรียกทบั ศพั ทว์ ่า ออปติมลั เพาเวอร์โฟลว์ (Optimal Power Flow : OPF) i1ประกอบดว้ ยรูปแบบของการสร้างปัญหาค่าเหมาะท่ีสุดสาหรับการไหลของกาลงั ไฟฟ้ าในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้เขา้ ใจถึงข้นั ตอนการกาหนดตวั s.t. : {Power Balance, Voltage Limit and Power Limit}แปร ฟังก์ชันวตั ถุประสงค์การเลือกเง่ือนไขบงั คบั ตลอดจนการเลือกใช้เทคนิคสาหรับแกป้ ัญหา [19] โดยท่ี : Ploss คือ กาลงั สูญเสียจริงท้งั หมดของระบบจาหน่าย, Pgi คือ กาลงั การผลิตจริงของเครื่องกาเนิดไฟฟ้ าท่ีบสั i , Pdi คือ ความ ซ่ึงในบทความน้ีจะนามาใชแ้ กป้ ัญหาการไหลของกาลงั ไฟฟ้ าเหมาะที่สุด ของการหาตาแหน่งติดต้งั DG ขนาด 1 MW ในระบบจาหน่าย ตอ้ งการกาลงั ไฟฟ้ าจริงที่บสั i , PDGi คือ แหล่งกาเนิดไฟฟ้ าแบบกระจายแบบเรเดียล 33 บสั มาตรฐาน IEEE เพือ่ ลดกาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียของระบบ ขนาด 1 MW ท่ีบสั i และ NB คือ จานวนบสั ของระบบจาหน่ายให้มีคา่ ต่าท่ีสุด โดยมีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี 5.3 ระบบเงอ่ื นไขบังคบั5.1 สมการรูปแบบปัญหา ตัวแปรปรับต้ังในบทความจะถูกปรับต้ังเพื่อให้เกิ ด ซ่ึงจะเป็ นการวิเคราะห์การไหลกาลงั ไฟฟ้ าในสภาวะคงที่ [7] กาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียจริงในระบบน้อยท่ีสุด และยงั คงอยู่ในช่วงขีดจากัดโดยพจิ ารณาฟังกช์ นั วตั ถุประสงคร์ ่วมกบั ขอบเขตเง่ือนไขบงั คบั ที่เป็ นตวั ของตวั แปรแต่ละตวั เพื่อให้ระบบไฟฟ้ าทางานอยใู่ นสภาวะปกติ โดยมีแปรควบคุม โดยมีรูปแบบทว่ั ไป แสดงไวด้ งั สมการที่ (8)-(10) ระบบเงื่อนไขบงั คบั ท้งั เงื่อนไขสมการและอสมการแสดงดงั ตอ่ ไปน้ี 1). เงื่อนไขบังคับสมการเป็ นสมการการไหลกาลังไฟฟ้ า (Equality Constraints)Minimize f(x) (8)   NB  i (14)Subject to : (9) Pg ,i  Pd ,i  Vi Vj Yi. j co s i . j j 0 (15) g( x )  0 , เง่ือนไขสมการ (10) h( x )  0 , เง่ือนไขอสมการ j 1   NB Qg ,i  Qd ,i  Vi Vj Yi. j sin i. j  i   j  0 j 1 การแปลงเง่ือนไขสมการและอสมการให้เป็ นพจน์ปรับโทษ โดยท่ี : Pg,i คือ กาลังไฟฟ้ าจริ งผลิตที่บสั i , Pd ,i คือ ความและนาไปรวมกบั สมการวตั ถุประสงค์เดิมจะได้ฟังก์ชันปรับโทษและเทอมปรับโทษ ดงั สมการท่ี (11) และสมการท่ี (12) ตอ้ งการกาลงั ไฟฟ้ าจริงท่ีบสั i , Qg,i คือ กาลงั ไฟฟ้ ารีแอคทีฟผลิตท่ีบสั i , Qd ,i คือ ความตอ้ งการกาลงั ไฟฟ้ ารีแอคทีฟที่บสั i , NB คือ จานวน P( x )  f ( x )  ( x ) (11) บสั ,  คือ มุมแอตมิตแตนซ์บสั i ไปยงั บสั j , Yi,j คือ ขนาดแอต (12) i,j ( x )   g2( x )  max(0,h( x ))2 มิตแตนซบ์ สั i ไปยงั บสั j 2). เงื่อนไขบงั คบั อสมการเป็ นขอบเขตของตวั แปรที่ปรับต้งั โดยที่ : P( x ) คือ ฟังก์ชนั ปรับโทษ, ( x ) คือ เทอมปรับ ปรับต้งั (Un Equality Constraints)โทษ และ  คือ ตวั ประกอบการปรับโทษ V  V  Vmin max (16) การใช้วิธีการปรับโทษทาให้การแก้ปัญหาจากการหาค่าท่ี m,i m,i m,i (17)เหมาะสมท่ีสุดแบบมีเงื่อนไขบงั คบั เป็ นการหาค่าที่เหมาะสมที่สุดแบบ (18)ไมม่ ีเงื่อนไข ฟังกช์ นั วตั ถุประสงคเ์ ปลี่ยนเป็นฟังก์ชนั ปรับโทษน้ีแทน ซ่ึง P  P  Pmin maxงา่ ยกวา่ และมีรูปแบบสมการท่ีไมซ่ บั ซอ้ น g ,i g ,i g ,i Q  Q  Qmin max g ,i g ,i g ,i5.2 ฟังก์ชันวตั ถุประสงค์ โ ด ย ท่ี : V min คื อ ขอบเขตของแรงดันต่าสุ ด, V max คื อ m,i m ,i ฟังก์ชนั วตั ถุประสงคม์ ีหลายปัญหาท่ีนิยมนามาพิจารณา เช่นการจ่ายโหลดอย่างประหยดั การลดกาลังไฟฟ้ าสูญเสียในระบบ ใน ขอบเขตของแรงดนั สูงสุด, Pmin คือ ขอบเขตของกาลงั ไฟฟ้ าจริงต่าสุด,บทความน้ีจะเป็ นการลดค่ากาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียจริงรวมในระบบไฟฟ้ า g ,iนอ้ ยท่ีสุดเป็ นฟังกช์ นั วตั ถุประสงค์ ดงั สมการท่ี (13) P max คือ ขอบเขตของกาลังไฟฟ้ าจริ งสูงสุด, Qmin คือ ขอบเขต g ,i g ,i กาลงั ไฟฟ้ ารีแอคตีฟต่าสุด, Q max คือ ขอบเขตกาลงั ไฟฟ้ ารีแอคตีฟสูงสุด g ,i -40-

บทความวจิ ยั รับเชิญ วารสารเครือข่ายวศิ วกรรมไฟฟ้ า EENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 2017 3). ฟังกช์ นั ปรับโทษ (Penalty Function) แปลงรูปฟังกช์ นั f ( x ) ให้เป็ น Floss ดงั สมการที่ (19) f ( x )  f ( Ploss )  Floss (19) จากสมการที่ (19) เม่ือ f ( Ploss )  Floss จากน้นั จึงทาการ TL xgbest xlbestแทนเทอมของฟังก์ชัน Floss จากสมการท่ี (13) และเทอมของฟังก์ชัน xnbest xgbest( x ) จากสมการที่ (12) ลงในสมการที่ (11) ดงั น้นั ฟังก์ชนั ปรับโทษ Stepสามารถเขียนไดต้ ามสมการท่ี (20) โดยมีรายละเอียดของเทอมปรับโทษ xlbest TLปลีกยอ่ ย แสดงไวด้ งั สมการที่ (21)-(25)P( x )  Floss   p   q v   g  c (20)โดยที่ : {Power Balance} NB  NB 2 (21)     (22) p Pg ,i  P  VV Y cos      d ,i ij i. j i.j i j i 1  j 1 NB  NB 2       q Qg ,i Q  VV Y sin      d ,i ij i. j i.j i j i1  j 1โดยท่ี : {Voltage Limit}   NB 2 รูปที่ 4 แผนผงั การทางานของการหาค่าเหมาะท่ีสุดดว้ ยวิธีการคน้ หาตาบูv   max 0,Vm,i  V max m ,i 33 BW-FW Propagations i1 (TS) DG 1 MW   NB 2 (23) max 0 ,V min  Vm,i Min : Ploss m ,i รูปท่ี 5 แผนผงั การทดสอบหาตาแหน่งติดต้งั เหมาะท่ีสุดของ DG i1 ขนาด 1 MWโดยที่ : {Power Limit}   NB 2    max 0,Pg ,i  P max g g ,i i1   NB 2 (24)  max 0 , P min  Pg ,i (25) g ,i i1   NB 2   max 0,Qg ,i  Qmax c g ,i i1   NB 2  max 0 ,Q min  Qg ,i g ,i i1 โดยที่ : NB คือ จานวนบสั ของระบบจาหน่าย6. ข้ันตอนการแก้ปัญหาด้วยวธิ ีการค้นหาแบบตาบู ก า ร ห า ค่ า เ ห ม า ะ ที่ สุ ด โ ด ย ใ ช้เ ท ค นิ ค ช า ญ ฉ ล า ด ถู ก น า ม าประยกุ ต์ใช้มากข้ึนในปัจจุบนั เพื่อนามาใช้แก้ปัญหาค่าเหมาะที่สุดที่มีความซับซ้อน และเป็ นปัญหาแบบมลั ติโมดอล (Multimodal Problem)ซ่ึงมีจุดต่าสุดหลายจุดในปริภูมิคน้ หาและมีความไมเ่ ชิงเสน้ สูง ระเบียบ -41-

บทความวจิ ยั รับเชิญวารสารเครือขา่ ยวศิ วกรรมไฟฟ้ าEENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 2017วิธีกาหนดการทางคณิตศาสตร์บางวิธีการ อาจจะไม่สามารถคน้ หาจุด CB 3f Inverter CB .ต่าสุดโดยรวมของปัญหาได้ ทาให้ปัญญาประดิษฐ์หรือเทคนิคชาญฉลาด 22 kVถูกนามาใช้งานกนั อย่างแพร่หลาย [19] โดยวิธีการคน้ หาแบบตาบูจะประกอบดว้ ยโครงสร้างหลกั ที่สาคญั 4 ส่วนในการทางานดงั น้ี 1). ปริภูมิ DC side AC sideการค้นหา (Search Space) 2). เซตข้างเคียง (Neighborhood Set) 3).หน่วยความจาของการค้นหา (Search Memories) และ 4). เกณฑ์ความ PV Array #1 (Modules : 34 @ 10 kW = 340 kW)ทะเยอทะยาน (Aspiration Criteria) โดยมีลาดบั การทางานของการหาค่าเหมาะที่สุดดว้ ยวธิ ีการคน้ หาแบบตาบู แสดงไวด้ งั รูปท่ี 4 CB 3f Inverter CB Tr 400 / 22 kV DC side AC side ซ่ึงในบทความน้ี จะนาข้นั ตอนการแกป้ ัญหาดว้ ยวธิ ีการคน้ หาแบบตาบู ทาการหาตาแหน่งติดต้งั DG ที่เป็ นแหล่งกาเนิดไฟฟ้ าจากเซลล์ PV Array #2 (Modules : 34 @ 10 kW = 340 kW)แสงอาทิตย์ ขนาด 1 MW นามาเช่ือมต่อกบั ระบบจาหน่ายแบบเรเดียล 33บสั มาตรฐาน IEEE เพ่ือลดกาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียของระบบให้มีค่าต่าท่ีสุด 3f Inverterซ่ึงมีลาดบั ข้นั ตอนของการทดสอบ แสดงไวด้ งั รูปที่ 5 CB CB7. ระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าด้วยแบตเตอรี่ชนดิ โซเดยี มซัลเฟอร์ DC side AC side ปัญหาของระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลลแ์ สงอาทิตย์ คือ สามารถ PV Array #3 (Modules : 34 @ 10 kW = 340 kW)จา่ ยพลงั งานไฟฟ้ าไดเ้ ฉพาะช่วงเวลากลางวนั เทา่ น้นั การใช้ระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าดว้ ยแบตเตอรี่กเ็ ป็นทางออกทางหน่ึงในการท่ีจะขยายเวลาการ CB 3f BInidvierretcetrional CBจ่ายพลงั งานไฟฟ้ าใหก้ บั โหลดของระบบไดย้ าวนานข้ึน ซ่ึงในบทความน้ีจะเลือกใช้ระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าดว้ ยแบตเตอร่ีชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ DC side AC side Tr 400 / 22 kV(Sodium-Sulfur Battery: NaS) ที่มีขนาด 200 kW มาใช้แก้ไขปั ญหาดงั กล่าวข้นั ตน้ และจะเป็ นการแกไ้ ขเพื่อปรับปรุงรูปร่างของแรงดนั ใน NaS Battery System (Modules : 4 @ 50 kW = 200 kW)ระบบจาหน่ายกาลงั ไฟฟ้ าให้ดีข้ึนอีกทางหน่ึงดว้ ย รูปท่ี 6 ระบบชดเชย NaS ขนาด 200 kW ตอ่ ร่วมกบั DG ขนาด 1 MW จากรูปที่ 6 แสดงโครงสร้างของแบบจาลองของระบบชดเชย แบบเช่ือมตอ่ กบั ระบบจาหน่ายกาลงั ไฟฟ้ าดว้ ยแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) ขนาด 200 kW ต่อร่วมกบั ระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลลแ์ สงอาทิตยข์ นาด 1 MW แบบเช่ือมต่อ ซ่ึ ง เ มื่ อ พิ จ า ร ณ า ถึ ง ก า ร จ่ า ย พ ลัง ง า น ข อ ง ร ะ บ บ ช ด เ ช ยกับระบบจาหน่ายที่ได้จากการศึกษาโครงสร้าง หลักการทางาน และ กาลงั ไฟฟ้ าดว้ ยแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) ขนาด 200 kW แลว้คุณสมบตั ิของแบตเตอร่ี [9]-[12] มาแลว้ ในขา้ งตน้ น้นั โดยเมื่อพิจารณา น้นั ปัญหาหลกั ของการจ่ายพลงั งานสาหรับแบตเตอรี่ก็คือ ปัญหาเรื่องถึงข้นั ตอนสุดท้ายของการหาค่ากาลงั ไฟฟ้ าเพื่อเช่ือมต่อเข้ากับระบบ เปอร์เซ็นตค์ วามจทุ ี่ถูกใชง้ านออกไป (Depth of Discharge : DOD) ซ่ึงในจาหน่ายจะเป็ นการประยุกตใ์ ช้แบบจาลองทางคณิตศาสตร์ DG เช่นกนั บทความน้ีจะเลือกใชง้ านแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) ที่ 90 %ดังน้ันแบบจาลองทางคณิตศาสตร์ของระบบชดเชยกาลังไฟฟ้ าด้วย ของการคายประจุท้งั หมด จะมีค่าเท่ากบั 180 kW เพื่อหลีกเล่ียงปัญหาท่ีแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) ขนาด 200 kW ที่ใชใ้ นบทความน้ี กล่าวมาแลว้ ในขา้ งตน้ [9]คือ จะกาหนดให้ NaS จ่ายเฉพาะค่ากาลังไฟฟ้ าจริงท่ีมีขนาด 200 kWเท่าน้นั โดยเม่ือพิจารณาถึงขนาดของ NaS จะเป็ นการออกแบบเลือกใช้ รูปท่ี 7 การเล่ือนเวลาของสญั ญาณเอาทพ์ ตุ (Output) ดว้ ยแบตเตอร์รี่ชนิดระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าด้วยแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมซัลเฟอร์ (NaS) ที่ โซเดียมซลั เฟอร์ (NaS)ขนาด 200 kW ซ่ึงคิดเป็น 20 % ของระบบจา่ ยพลงั งานหลกั นน่ั ก็คือ DGขนาด 1 MW เมื่อพิจารณาถึงระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ า ถ้าเลือกใช้ระบบ โดยเมื่อพิจารณารูปที่ 7 จะนามาประยุกต์ใช้เป็ นตน้ แบบในชดเชยกาลงั ไฟฟ้ า ท่ีมีคา่ สูงกวา่ 50 % ของระบบหลกั ก็ควรพิจารณาเลือก การวางแผนการจ่ายพลงั งานของระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตย์ลงทนุ สร้างระบบหลกั ใหม่อีกชุดจึงจะเหมาะสมกวา่ ขนาด 1 MW และระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าจากแบตเตอร่ีชนิดโซเดียม ซลั เฟอร์ (NaS) ขนาด 200 kW เพื่อนาค่าไปใช้ในการทดสอบต่อไป ซ่ึงมี -42-

บทความวจิ ยั รับเชิญ วารสารเครือขา่ ยวิศวกรรมไฟฟ้ า EENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 2017รายละเอียดดงั น้ี 1). การวางแผนการจ่ายพลังงานของระบบผลิตไฟฟ้ า 8.1 ผลการทดสอบตดิ ต้งั DG เข้าสู่ระบบจาหน่ายแบบเรเดยี ลจากเซลล์แสงอาทิตยข์ นาด 1 MW จะแสดงไวด้ งั ตารางที่ 1 และ 2). การวางแผนการจ่ายพลงั งานของระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าดว้ ยแบตเตอร่ีชนิด การทดสอบติดต้งั DG เขา้ สู่ระบบจาหน่ายแบบเรเดียล เพ่ือหาโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) 200 kW จะแสดงไวด้ งั ตารางท่ี 2 ตาแหน่งติดต้งั เหมาะท่ีสุด ซ่ึงช่วยลดกาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียของระบบเม่ือ ติดต้ังในตาแหน่งที่เหมาะสม โดยจะแบ่งการแสดงผลการทดสอบตารางท่ี 1 การวางแผนการจ่ายพลงั งานของระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์ ออกเป็ น 2 ส่วน คือ ก่อนติดต้งั DG ขนาด 1 MW เขา้ สู่ระบบจาหน่าย และหลงั ติดต้งั DG ขนาด 1 MW เขา้ สู่ระบบจาหน่ายซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี แสงอาทิตยข์ นาด 1 MW ดงั ตอ่ ไปน้ี เวลา กาลังการผลิตกาลงั ไฟฟ้ า กาลังการผลิตกาลังไฟฟ้ า Bus Voltages in p.u.1). ผลการทดสอบก่อนติดต้งั DG ขนาด 1 MW เขา้ สู่ระบบ(ชั่วโมง) (%) (kW) จาหน่าย โดยจะเป็ นการประยุกตร์ ะบบจาหน่ายแบบเรเดียล 33 บสั 32 0 0 สาขา มาตรฐาน IEEE ซ่ึงจะแสดงผลการทดสอบไวด้ งั น้ี 0-5 4 40 6 20 200 1 7 45 450 8 68 680 0.99 9 86 860 10 95 950 0.98 11 100 1000 12 99 990 0.97 13 90 900 14 78 780 0.96 15 56 560 16 32 320 0.95 1 3 5 7 9 11 13 1B5 us17No1:9 21 23 25 27 29 31 33 17 14 140 18 0 0 รูปท่ี 8 ขนาดแรงดนั ไฟฟ้ าท่ีบสั ต่าง ๆ ของระบบจาหน่ายแบบเรเดียล 19-24 มาตรฐาน IEEE 33 บสัตารางที่ 2 การวางแผนการจ่ายพลงั งานของระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าดว้ ย พจิ ารณากราฟรูปที่ 8 จะพบว่าก่อนติดต้งั DG ค่าขนาดแรงดนั ที่บสั ตา่ ง ๆ ของระบบจะลดลงไปจากบสั ที่ 1 ท่ีมีค่าแรงดนั ไฟฟ้ า = 1 p.u. แบตเตอร่ี NaS ขนาด 200 kW อย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากการต่อวงจรสายป้ อนหลักแบบเรเดียล กล่าวคือ เมื่อระยะทางเพ่ิมมากข้ึนส่งผลให้เกิดแรงดนั ตกที่ปลายสายส่ง เวลา กาลงั การผลิตกาลังไฟฟ้ า กาลังการผลิตกาลงั ไฟฟ้ า Branch Current in p.u.โดยบสั สุดทา้ ยหรือบสั ที่ 33 จะถูกมองวา่ เป็ นบสั อ่อนแอ (Weak Bus) ซ่ึง(ช่ัวโมง) (%) (kW) มีค่าขนาดแรงดนั ท่ีบสั ต่าท่ีสุดเท่ากบั 0.963457 p.u. และเป็ นบสั ท่ีไกล 0-10 ท่ีสุด เกบ็ ประจุ เกบ็ ประจุ 11 เตรียมพร้อม เตรียมพร้อม 0.1 12 0.09 13 25 16.66 0.08 14 25 16.66 0.07 15 25 16.66 0.06 16 40 26.66 0.05 17 40 26.66 0.04 18 40 26.66 0.03 19 25 16.66 0.02 20 25 16.66 0.01 21 25 16.66 22-24 เตรียมพร้อม เตรียมพร้อม 0 1 3 5 7 9 11 13 B15us N17o: 19 21 23 25 27 29 31 เกบ็ ประจุ เกบ็ ประจุ รูปที่ 9 ขนาดกระแสไฟฟ้ าที่สาขาต่าง ๆ ของระบบจาหน่ายแบบเรเดียล8. ผลการทดสอบ มาตรฐาน IEEE 33 บสั ผลการทดสอบโดยใช้โปรแกรม MATLAB เป็ นเคร่ืองมือ พจิ ารณากราฟรูปท่ี 9 จะพบวา่ ก่อนติดต้งั DG คา่ ขนาดกระแสหลักในการช่วยวิเคราะห์ และแก้ปัญหาของระบบในส่วนต่าง ๆ ท่ี ที่สาขาตา่ ง ๆ ของระบบจะมีค่าแตกต่างกนั สาเหตมุ าจากภาระของโหลด แต่ละสาขาท่ีแตกต่างกนั ทาใหก้ ระแสไฟฟ้ าท่ีไหลในตวั นาของสายป้ อนต้องการทาการทดสอบ มีรายละเอียดลาดับข้นั ตอนการแสดงผลการทดสอบดงั ตอ่ ไปน้ี -43-

บทความวจิ ยั รับเชิญวารสารเครือข่ายวิศวกรรมไฟฟ้ าEENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 2017บางสาขายังมีค่าสู งเกินไป ส่ งผลให้สายป้ อนแต่ละสาขามีขีดOptimal Real Power Production บสั ท่ี 25 แลว้ น้นั จะไดค้ ่ากาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียจริงของระบบมีค่าต่าท่ีสุด =ความสามารถรับกระแสไฟฟ้ าของโหลดได้ลดลง โดยที่สาขาที่ 1 มีin MW 48.6791 kW และค่าขนาดแรงดนั ท่ีบสั ต่าง ๆ ของระบบจะถูกปรับปรุงให้คา่ กระแสสูงท่ีสุดคือ 0.094083 p.u. Bracch Current in p.u. ดีข้ึน สาเหตุมาจาก DG จะช่วยจ่ายกาลังไฟฟ้ าจริงเข้าสู่ระบบจึงช่วย 0.16 ยกระดบั ค่าแรงดันท่ีบสั ต่าง ๆ ให้สูงข้ึนด้วย โดยก่อนติดต้งั DG บัส 0.14 สุดทา้ ยจะถูกมองว่าเป็ นบสั อ่อนแอ (Weak Bus) ซ่ึงมีค่าขนาดแรงดนั ท่ี 0.12 0.1 บัสต่าท่ีสุด และเป็ นบัสท่ีไกลท่ีสุด แต่หลังจากติดต้ัง DG แล้วจะ 0.08 เปล่ียนไปเป็นบสั ท่ี 28 0.06 0.04 0.1 Base Case Branch Current 0.02 Branch Current after DG Installation 0.09 0 5 10 15 Bus No: 20 25 30 0.08 รูปท่ี 10 ค่าการผลิตกาลงั ไฟฟ้ าจริงที่เหมาะสมสาหรับระบบจาหน่าย แบบเรเดียล มาตรฐาน IEEE 33 บสั 0.07 พิจารณากราฟรูปท่ี 10 จะพบวา่ ก่อนติดต้งั DG ค่ากาลงั ไฟฟ้ า 0.06จริ งท่ีเหมาะที่สุ ดของระบบท่ีปลายสายส่ งของระบบมีค่าลดต่าลงเช่นกนัสาเหตุมาจากค่าแรงดนั ที่บสั ตา่ ง ๆ และค่ากระแสของแตล่ ะสาขาซ่ึงเป็ น 0.05สัดส่วนโดยตรงซ่ึงกนั และกนั ดงั น้นั จะส่งผลให้เกิดกาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียในระบบท่ีปลายสายส่งค่อนขา้ งมาก โดยมีการผลิตค่ากาลงั ไฟฟ้ าจริงที่ 0.04เหมาะที่สุดของระบบต่าสุด = 13.2551 kW และสูงสุด = 151.4956 kW 0.03 2). ผลการทดสอบหลงั ติดต้งั DG ขนาด 1 MW เข้าสู่ระบบจาหน่ายแบบเรเดียล แบบทีละบสั (Trial DG) และผลการทดสอบติดต้งั 0.02DG เขา้ สู่ระบบจาหน่ายแบบเรเดียล โดยใชเ้ ทคนิคการหาค่าเหมาะที่สุดแบบตาบู ท่ีนามาใชแ้ กป้ ัญหาการวิเคราะห์หาตาแหน่งติดต้งั เหมาะท่ีสุด 0.01น้ันจะได้ค่าต่าง ๆ ของผลการทดสอบที่เท่ากัน ซ่ึงจะแสดงผลการทดสอบไวด้ งั น้ี 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14B15u1s6N17o18:19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 1 รูปที่ 12 ขนาดกระแสไฟฟ้ าที่สาขาต่าง ๆ ของระบบจาหน่ายแบบเรเดียล Base Case Voltage มาตรฐาน IEEE 33 บสั ก่อนและหลงั ติด DG Voltage after Optimal DG 1 MW InstallationBus Voltage in p.u. พิจารณากราฟรูปที่ 12 จะเป็ นการเปรี ยบเทียบค่าขนาด 0.99 กระแสไฟฟ้ าท่ีสาขาต่าง ๆ ของระบบจาหน่ายแบบเรเดียล มาตรฐาน IEEE 33 บสั ก่อนและหลงั ติด DG โดยใช้การทดสอบติดต้งั DG เขา้ สู่ 0.98 ระบบจาหน่ายแบบเรเดียล แบบทีละบสั (Trial DG) และการหาค่าเหมาะ ที่สุดแบบตาบูคน้ หาตาแหน่งติดต้งั DG ขนาด 1 MW ในบสั ที่ 25 แลว้ น้นั 0.97 พบวา่ หลงั ติดต้งั DG คา่ ขนาดกระแสไฟฟ้ าท่ีสาขาต่าง ๆ ของระบบจะถูก ปรับปรุงให้ดีข้ึน สาเหตมุ าจาก DG จะช่วยจ่ายกาลงั ไฟฟ้ าจริงเขา้ สู่ระบบ 0.96 จึงช่วยลดระดบั ค่าระแสไฟฟ้ าท่ีสาขาตา่ ง ๆ ดว้ ย ซ่ึงผลที่ไดน้ ้นั จะเห็นวา่ ค่ากระแสจะลดลงไม่มากนกั โดยมีผลสืบเน่ืองมาจากความตอ้ งการของ 0.95 1 3 5 7 9 11 13 1B5 us1N7 0 :19 21 23 25 27 29 31 33 ภาระโหลดของระบบที่ตอ้ งการกระแสที่ตอ้ งจ่ายให้โหลดของระบบมี ค่าคงที่ และบทความน้ีเป็ นการทดสอบภายใตเ้ งื่อนไขเสถียรภาพของ รูปที่ 11 ขนาดแรงดนั ไฟฟ้ าที่บสั ตา่ ง ๆ ของระบบจาหน่ายแบบเรเดียล แรงดนั ไฟฟ้ าของระบบไฟฟ้ ากาลงั ท่ีสภาวะโหลดคงที่ (Static Load) ดว้ ย มาตรฐาน IEEE 33 บสั ก่อนและหลงั ติด DG พจิ ารณาตารางท่ี 3 จะเป็ นการเปรียบเทียบค่ากาลงั ไฟฟ้ าจริงที่ พิจารณากราฟรูปที่ 11 จะเป็ นการเปรี ยบเทียบค่าขนาด สูญเสีย และกาลงั ไฟฟ้ ารีแอคทีฟท่ีสูญเสีย ของระบบจาหน่ายแบบเรเดียลแรงดนั ไฟฟ้ าที่บสั ต่างๆ ของระบบจาหน่ายแบบเรเดียล มาตรฐาน IEEE มาตรฐาน IEEE 33 บสั โดยท่ีก่อนติดต้งั DG ขนาด 1 MW เขา้ สู่ระบบ33 บสั ก่อนและหลงั ติด DG โดยใช้การทดสอบติดต้งั DG เขา้ สู่ระบบ จาหน่าย ซ่ึงจากผลการจาลองการไหลของการคานวณค่ากระแสไฟฟ้ าแต่จาหน่ายแบบเรเดียล แบบทีละบสั (Trial DG) และการหาค่าเหมาะท่ีสุด ละสาขาโดยวิธีแพร่กระจายถอยหลงั และการคานวณแรงดันไฟฟ้ าที่แบบตาบคู น้ หาตาแหน่งติดต้งั DG ขนาด 1 MW พบว่าหลงั ติดต้งั DG ใน โหน ดโ ดย วิธี แพ ร่ ก ระ จา ยเ ดิ น หน้าข อง ระ บบ จาหน่ าย แล้วจะไ ด้ค่ า กาลงั ไฟฟ้ าจริงและกาลงั ไฟฟ้ ารีแอคทีฟท่ีสูญเสียรวมในระบบจะอยทู่ ่ี 77.0135 kW และ 52.1361 kVar ตามลาดบั หลงั ติด DG โดยใชก้ ารทดสอบติดต้งั DG เขา้ สู่ระบบจาหน่าย แบบเรเดียล แบบทีละบสั (Trial DG) และการหาค่าเหมาะท่ีสุดแบบตาบู คน้ หาตาแหน่งติดต้งั DG ขนาด 1 MW ในบสั ท่ี 25 แลว้ น้นั ค่ากาลงั ไฟฟ้ า -44-

บทความวจิ ยั รับเชิญ วารสารเครือขา่ ยวศิ วกรรมไฟฟ้ า EENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 2017จริงท่ีสูญเสีย = 48.6791 kW และกาลงั ไฟฟ้ ารีแอคทีฟที่สูญเสีย = 32.5590 การรายงานผลของการทดสอบรันโปรแกรม MATLAB โดยkVar โดยที่กาลังไฟฟ้ าสูญเสี ยของระบบลดลง 36.79 % kW และ การทดสอบติดต้งั DG เข้าสู่ระบบจาหน่ายแบบเรเดียล แบบทีละบสักาลงั ไฟฟ้ ารีแอคทีฟท่ีสูญเสียของระบบลดลง 37.54 % ทาให้ระบบมี (Trial DG) และการทดสอบติดต้งั DG เขา้ สู่ระบบจาหน่ายแบบเรเดียลเสถียรภาพของแรงดนั เพ่ิมมากข้ึน และสุดทา้ ยจะแสดงถึงบสั ท่ีติดต้งั DG ซ่ึงใช้เทคนิคการหาค่าเหมาะท่ีสุดแบบตาบู โดยทาการทดสอบท้งั หมดแลว้ ให้ค่ากาลงั ไฟฟ้ าจริงที่สูญเสียของระบบต่าท่ีสุดถดั มาอีก 4 บสั ไดแ้ ก่ 30 คร้ัง เปรียบเทียบกนั แลว้ จึงนาค่ามาหาค่าเฉลี่ย ต่าง ๆ ที่ตอ้ งการเพ่ือบสั ท่ี 23 บสั ท่ี 21 บสั ท่ี 27 และบสั ที่ 29 ตามลาดบั รายงานผลการทดสอบของ ผลการทดสอบสมรรถนะในการคน้ หาต่าสุด แสดงดงั ตารางท่ี 4 ผลการทดสอบจานวนรอบการคน้ หาที่ใช้ * TS Maxตารางที่ 3 ผลการจาลองการหาตาแหน่งติดต้งั เหมาะที่สุดของ DG โดยใช้ Iter = 50 แสดงดงั ตารางที่ 5 และผลการทดสอบความเร็วในการค้นหา (วนิ าที) แสดงดงั ตารางที่ 6 โดยท่ีจากตารางท่ี 4 - 6 แสดงให้เห็นวา่ วธิ ีการการคน้ หาแบบทีละบสั และการหาค่าเหมาะท่ีสุดแบบตาบู ทดสอบติดต้งั DG เขา้ สู่ระบบจาหน่ายแบบเรเดียล ซ่ึงใชเ้ ทคนิคการหาค่า เหมาะท่ีสุดแบบตาบู มีสมรรถนะที่เหนือกว่าวิธีการทดสอบติดต้งั DGSystem Method Bus DG Ploss Qloss Loss Reduction เขา้ สู่ระบบจาหน่ายแบบเรเดียลแบบทีละบสั (Trial DG) ไม่วา่ จะเป็ นตวั วิธีการของสมรรถนะเอง จานวนรอบการคน้ หาท่ีใช้ในการคน้ หาก็นอ้ ย No. Size kW kVar % กวา่ รวมถึงความเร็วในการคน้ หาคาตอบก็เร็วกวา่ ซ่ึงโดยรวมแลว้ จะเป็ น การบ่งบอกถึงความมีสมรรถนะท่ีดีในการหาคาตอบของวธิ ีการ 1 Real Reactive Convergence curve (best solution) MW Power Power 150 77.0135 52.1361 140 130 25 1 48.6791 32.5590 36.79 37.54 120 110 Trial DG 23 1 48.7054 32.5696 36.75 37.52 10033 Bus And 21 1 48.7662 32.5911 36.67 37.48 90 TS 27 1 49.0506 32.8487 36.30 36.99 800 1 2 G3 enerat4ion in p5rogres6s 7 8 9 29 1 49.3663 33.2560 35.89 36.21 รูปที่ 13 การลู่เขา้ สู่คาตอบโดยใชก้ ารคน้ หาแบบตาบู คร้ังท่ี 18.2 ผลการทดสอบเทคนิคการหาค่าเหมาะทสี่ ุดแบบตาบู Convergence curve (best solution)Objectiveนามาใช้แกป้ ัญหาการวิเคราะห์หาตาแหน่งติดต้งั เหมาะที่สุด 150 140โดยจะแบ่งผลของการทดสอบออกเป็ น 2 ส่วน ดงั น้ีคือ ผลการทดสอบ 130 120สมรรถนะของวธิ ีการ และผลการทดสอบผลรัศมีการคน้ หาของกลไกการ 110 100สร้างคาตอบขา้ งเคียง ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี 901). ผลการทดสอบสมรรถนะของวิธี การ จะเป็ นการ 800 1 2 G3 enerat4ion in p5rogres6s 7 8 9เปรียบเทียบความเร็วในการคน้ หาคาตอบระหว่างการทดสอบติดต้งั DG ภาพท่ี 14 การลู่เขา้ สู่คาตอบโดยใชก้ ารคน้ หาแบบตาบู คร้ังที่ 2- 30เขา้ สู่ระบบจาหน่ายแบบเรเดียล แบบทีละบสั (Trial DG) และการทดสอบ จากรูปที่13 และ 14 เป็ นการรายงานผลของการทดสอบรัน โปรแกรม MATLAB โดยการทดสอบติดต้งั DG เขา้ สู่ระบบจาหน่ายแบบติดต้งั DG เขา้ สู่ระบบจาหน่ายแบบเรเดียล โดยใช้เทคนิคการหาค่าเหมาะ เรเดียล ซ่ึงใช้เทคนิคการหาค่าเหมาะท่ีสุดแบบตาบู โดยทาการทดสอบObjective ท้งั หมด 30 คร้ัง โดยรูปท่ี13 เป็ นรายงานผลของการทดสอบการลู่เขา้ สู่ท่ีสุดแบบตาบู ซ่ึงแต่ละวิธีจะทาการทดสอบท้งั หมด 30 คร้ัง โดยมีลาดบั คาตอบคร้ังท่ี 1 พร้อมทิศทางของการลู่เขา้ สู่คาตอบ รูปท่ี 14 เป็ นรายงาน ผลของการทดสอบการลู่เข้าสู่คาตอบคร้ังท่ี 2 - 30 โดยแกน x จะเป็ นข้นั ตอนการแสดงผลการทดสอบดงั ตอ่ ไปน้ี จานวนรอบของการคานวณ จากภาพท้งั สองแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะ ของวธิ ีการตารางที่ 4 ผลการทดสอบ สมรรถนะในการคน้ หาต่าสุดMethods min fobj. average max fobj. S.D.Trial DG 91.9312 fobj. 145.6204 17.7576 91.9312 109.0572 91.9312 TS 91.9312 0ตารางท่ี 5 รายงานผลทดสอบ จานวนรอบการคน้ หาท่ีใช้ 50 รอบMethods min Iter. average max Iter. S.D. Iter.Trial DG 33 33 33 0TS 8 8.7000 9 0.4661ตารางท่ี 6 งานผลทดสอบ ความเร็วในการคน้ หา (วนิ าที)Methods min time average max time S.D. timeTrial DG 1.4617 1.5375 1.7351 0.0658TS 0.6105 0.6914 0.7943 0.0440 -45-

บทความวจิ ยั รับเชิญ วารสารเครือข่ายวศิ วกรรมไฟฟ้ า EENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 2017 2). ผลการทดสอบผลรัศมีการค้นหาของกลไกการสร้าง การคน้ หาคาตอบน้อยท่ีสุด โดยขอบเขตที่ (+9 และ -9) จะเร่ิมเกิดการลู่ คาตอบข้างเคียง โดยจะมีผลต่อสมรรถนะการค้นหาที่ดีท่ีสุด ซ่ึงจะ ออกของเวลาและจานวนรอบในการคน้ หาคาตอบ กาหนดขอบเขตของรัศมีการคน้ หาท้งั หมด 9 ขอบเขต โดยที่แต่ละวิธีจะ ทาการทดสอบท้งั หมด 30 คร้ัง การกาหนดขอบเขตของรัศมีการคน้ หา 8.3 ผลการทดสอบระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าจากแบตเตอร่ี ท้งั หมด 9 ขอบเขตมี ดงั น้ี (+1 และ -1) (+2 และ -2) (+3 และ -3) (+4 และ -4) (+5 และ -5) (+6 และ -6) (+7 และ -7) (+8 และ -8) (+9 และ -9) ซ่ึงผล นามาใช้แก้ปัญหาการปรับปรุงรูปร่ างของแรงดันไฟฟ้ า การทดสอบของจานวนรอบการคน้ หาท่ีใช้ * TS Max Iter = 50 รอบ และ (Voltage Profile) ของระบบ โดยจะแบ่งผลของการทดสอบออกเป็ น 2 ความเร็วในการคน้ หา (วนิ าที) จานวน 30 คร้ัง ตอ่ 1 ขอบเขตของรัศมีการ ส่วน ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี นาค่าที่ไดม้ าคานวณหาคา่ เปอร์เซ็นตท์ ่ีลดลงของเวลาที่ใชใ้ นการคานวณ ของขอบเขตของรัศมีการคน้ หา ดงั สมการท่ี (26) เพอื่ นาค่าที่ไดไ้ ปพล็อต 1). ผลการทดสอบกาลงั การผลิตของ DG ท่ีเป็ น PV ขนาด 1 กราฟ MW และ NaS ขนาด 200 kW ในช่วงเวลาของการทดสอบ 1 วนั จะเป็ น การรายงานผลการนาค่าของการออกแบบการวางแผนการจ่ายพลงั งาน ตารางท่ี 6 รายงานผลทดสอบคา่ เฉล่ียของ ไฟล์ tsmaim – tsmain_8 โดย ของระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตยข์ นาด 1 MW จากตารางที่ 1 และการวางแผนการจ่ายพลังงานของระบบชดเชยกาลังไฟฟ้ าจาก ใช้ TS กาหนด Max Iter = 50 รอบ, จานวน 30 คร้ัง แบตเตอรี่ชนิดโซเดียมซัลเฟอร์ (NaS) 200 kW จากตารางที่ 2 ไปสร้าง กราฟของกาลงั การผลิตกาลงั ไฟฟ้ า ในช่วงเวลา 1 วนั เพื่อนาค่าไปใช้ Roun File for Positive Negative Mean of Mean of ทดสอบในหัวขอ้ ต่อไป โดยมีลาดบั ข้นั ตอนการแสดงผลการทดสอบ ดงั ต่อไปน้ี d Testing : Value : Value : Time Iteration 1500 No : (sec) (Round) 1400 PDG-gen 1300 1 - 30 tsmain . m +1 - 1 0.9706 8.6333 1200 1100 1 - 30 tsmain_1 . m +2 - 2 0.8342 7.7000 Power Generation (kw)1000 900 1 - 30 tsmain_2 . m +3 - 3 0.7585 6.7667 800 700 1 - 30 tsmain_3 . m +4 - 4 0.6107 5.8333 600 500 1 - 30 tsmain_4 . m +5 - 5 0.4658 4.4000 400 300 1 - 30 tsmain_5 . m +6 - 6 0.3895 3.6667 200 100 1 - 30 tsmain_6 . m +7 - 7 0.3022 2.8000 00 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10Ti1m1 e12(H13o1u4r)15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 1 - 30 tsmain_7 . m +8 - 8 0.1772 1.6000 รูปท่ี 16 กาลงั การผลิตกาลงั ไฟฟ้ า ในช่วงเวลา 1 วนั ของ DG ที่เป็น PV 1 - 30 tsmain_8 . m +9 - 9 0.2805 2.6000 ขนาด 1 MW ขณะโหลดคงท่ี ในช่วงเวลา 1 วนัPercent Reduction of 100 พิจารณากราฟรูปท่ี 16 จะแสดงการรายงานผลการนาค่าของ Computation Time ( % ) 80 การออกแบบการวางแผนการจ่ายพลังงานของ DG ท่ีเป็ นระบบผลิต 60 ไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตยข์ นาด 1 MW ขณะโหลดคงท่ี ในช่วงเวลา 1 40 วนั 20 0 1500 -20 1400 PV-gen -40 1300 -60 Power Production (kW) 1200 -80 1100 -100 tsmain tsmain_1 tsmain_2 tsmain_3 tsmain_4 tsmain_5 tsmain_6 tsmain_7 tsmain_8 1000 900 Set for any tsmain of File ( set ) 800 700 รูปที่ 15 เปอร์เซ็นตท์ ี่ลดลงของเวลาท่ีใชใ้ นการคานวณที่ tsmain ตา่ ง ๆ 600 500 จากตารางที่ 6 และรูปท่ี15 จะรายงานผลการทดสอบผลรัศมี 400 การคน้ หาของกลไกการสร้างคาตอบขา้ งเคียง ซ่ึงจะมีผลต่อสมรรถนะ 300 การค้นหาที่ดีที่สุด โดยขอบเขตที่ดีที่สุดคือ (+8 และ -8) จะอยู่ที่ภาพ 200 ผลทดสอบค่าเฉล่ียของ ไฟล์ tsmain_7 ซ่ึงจะใช้เวลาและจานวนรอบใน 100 00 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10Ti1m1 e12(H13o1u4r)15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 รูปท่ี 17 กาลงั การผลิตกาลงั ไฟฟ้ า ในช่วงเวลา 1 วนั ของ DG ท่ีเป็น PV ขนาด 1 MW ในช่วงเวลา 1 วนั -46-

บทความวจิ ยั รับเชิญ วารสารเครือขา่ ยวศิ วกรรมไฟฟ้ า EENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 2017 พิจารณากราฟรูปที่ 17 จะแสดงการรายงานผลการนาค่าของPower Production (kW) พิจารณากราฟรูปที่ 19 จะแสดงการรายงานผลการนาค่าของการออกแบบการวางแผนการจ่ายพลงั งานของระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์ การออกแบบการวางแผนการจ่ายพลงั งานของระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตยข์ นาด 1 MW ขณะเวลาต่าง ๆ ในช่วงเวลา 1 วนั ซ่ึงช่วงเวลา แสงอาทิตยข์ นาด 1 MW และการนาค่าของการออกแบบการวางแผนการ12.00 น. หรือเที่ยงวนั DG ที่เป็ นแบบ PV จะผลิตกาลงั ไฟฟ้ าไดส้ ูงท่ีสุด จ่ายพลังงานของระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าจากแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมเน่ืองจากเป็ นช่วงเวลาที่แผงของเซลลแ์ สงอาทิตยไ์ ดร้ ับความเขม้ ของแสง ซลั เฟอร์ (NaS) ขนาด 200 kW ขณะเวลาตา่ ง ๆ ในช่วงเวลา 1 วนั มาสร้างสูงที่สุด จึงสามารถผลิตกระแสไฟฟ้ าได้สูงที่สุดเช่นกัน ในขณะที่ กราฟการออกแบบระบบของแบตเตอร่ีชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) เพื่อแรงดนั ไฟฟ้ าแทบจะไม่มีการเปล่ียนแปลง ใชเ้ ป็นระบบชดเชยให้ DG จากกราฟจะแสดงให้เห็นว่าระบบชดเชยของ แบตเตอร่ีชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) จะมีประโยชน์ท่ีสาคญั 2 ส่วนคือ 30 อนั ดบั แรกระบบของแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมซัลเฟอร์ (NaS) จะช่วย DG NaS-gen จา่ ยกาลงั ไฟฟ้ าในช่วงความตอ้ งการของโหลดสูงสุด คือช่วงเวลา 12.00- 14.00 น. อนั ดบั ที่สองระบบของแบตเตอรี่โซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) จะช่วย 25 ยดื เวลาการจา่ ยกาลงั ไฟฟ้ าให้กบั โหลดไดย้ าวนานข้ึน คือช่วงเวลา 19.00- 21.00 น. ซ่ึงจะช่วยในแก้ปัญหาการปรับปรุงรูปร่างของแรงดนั ไฟฟ้ า 20 (Voltage Profile) ของระบบ ดังมาจากสาเหตุท่ี DG และระบบของ แบตเตอรี่ชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) เมื่อเชื่อมต่อเขา้ สู่ระบบจาหน่าย 15 แบบเรเดียล ในบสั ที่เหมาะสมจะช่วยเพ่ิมหรือยกระดบั แรงดนั ท่ีปลาย สายส่ง เพราะ DG และระบบของแบตเตอร่ีชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) 10 จะช่วยจ่ายกาลงั ไฟฟ้ าเขา้ สู่ระบบ ส่งผลให้ระบบมีเสถียรภาพและความ น่าเชื่อถือเพม่ิ มากข้ึน 5 2). ผลการทดสอบกาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมเมื่อติดต้งั DG และ 00 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10Ti1m1 e12(H13ou14r)15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 NaS ในบสั ท่ี 25 ในช่วงเวลาของการทดสอบ 1 วนั จะเป็ นการรายงานผล การนาค่าที่ได้จากการสร้างกราฟของกาลังการผลิตกาลังไฟฟ้ าในรูปท่ี 18 กาลงั การผลิตกาลงั ไฟฟ้ า ในช่วงเวลา 1 วนั ของ NaS ขนาด 200 ช่วงเวลา 1 วนั มาทาการทดสอบหากาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมท่ีบสั 25 kW ขณะในช่วงเวลา 1 วนั พิจารณากราฟรูปท่ี 18 จะแสดงการรายงานผลการนาค่าของ ตารางท่ี 7 ผลการทดสอบกาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมเมื่อติดต้งั DG และ Nasการออกแบบการวางแผนการจ่ายพลงั งานของระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าจากแบตเตอร่ีชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) ขนาด 200 kW ขณะเวลาตา่ ง ๆ ในบสั ที่ 25 ในช่วงเวลาของการทดสอบ 1 วนัในช่วงเวลา 1 วนั ซ่ึงจะใชค้ ่า DOD = 90 % ดงั น้นั ความจุรวมท้งั หมดจึงมีแค่ 180 kW ท่ีนาไปใชง้ านได้ จากกราฟจะพบว่าที่เวลา 11.00-12.00 น. เวลา กาลังไฟฟ้ าสูญเสีย กาลังไฟฟ้ าสูญเสีย กาลังไฟฟ้ าสูญเสียและ 21.00-22.00 น. จะเป็ นช่วงเตรียมพร้อม โดยท่ีช่วงเวลา 12.00-15.00 (ชั่วโมง) รวมของ DG รวมของ NaS รวมของ DG + NaSน. และ 18.00-21.00 น. จะเป็นช่วงคายประจมุ ีค่าเทา่ กบั 25 % หรือ 16.66 (kW) (kW)kW ของความจุท้งั หมดของ 180 kW และสุดทา้ ยที่ช่วงเวลา 15.00-18.00 (kW)น. จะเป็ นช่วงคายประจุมีค่าเท่ากับ 40 % หรือ 26.66 kW ของความจุท้งั หมดของ 180 kW เช่นกนั ซ่ึงเวลาในการคายประจจุ ะเท่ากบั 9 ชว่ั โมง 0-5 0 0 0และเวลาในการเก็บประจุจะเท่ากบั 13 ช่วั โมง โดยเริ่มเก็บประจุต้งั แต่ 6 136.5804 0 136.5804เวลา22.00-11.00 น. ของวนั ต่อไป 7 125.0283 0 125.0283 1500 8 110.3348 0 110.3348 1400 PDG-gen 9 100.3495 0 100.3495 1300 PV-gen 10 94.8415 0 94.8415Power Production (kW) 1200 11 92.8339 0 92.8339 1100 NaS-gen 1000 900 800 700 12 91.9312 138.4080 91.6639 600 13 92.0996 138.4080 91.8223 500 400 300 14 93.8883 138.4080 93.5201 200 15 97.0423 137.6205 96.2652 100 16 105.1422 137.6205 103.9992 Time (Hour)00 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 17 117.4697 137.6205 115.9177 18 129.1616 138.4080 127.9901รูปที่ 19 กาลงั การผลิตกาลงั ไฟฟ้ า ในช่วงเวลา 1 วนั ของ DG ท่ีเป็น PV 19 0 138.4080 138.4080 20 0 138.4080 138.4080ขนาด 1 MW ร่วมกบั NaS ขนาด 200 kW ขณะ ในช่วงเวลา 1 วนั 21-24 0 0 0 -47-

บทความวจิ ยั รับเชิญวารสารเครือข่ายวิศวกรรมไฟฟ้ าEENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 2017ตามตาแหน่งของกาลงั การผลิตกาลงั ไฟฟ้ าในช่วงเวลา 1 วนั ของการ Total Power Loss at Bus 25 (kW)ออกแบบคือ 16.66 kW และ 26.66 kW ซ่ึงยงั ไม่รวมค่าของ DG ซ่ึงก็มีออกแบบการวางแผนการจ่ายพลงั งานของระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์ ขอ้ ดีคือทาใหร้ ู้วา่ ขนาดของระบบท่ีผลิตกาลงั ไฟฟ้ าในรูปแบบต่าง ๆ ถา้ มีTotal Power Loss at Bus 25 (kW)แสงอาทิตยข์ นาด 1 MW และการวางแผนการจ่ายพลงั งานของระบบ Total Power Loss at Bus 25 (kW)กาลงั การผลิตท่ีมีค่าน้อย เม่ือเช่ือมต่อเขา้ กับระบบจาหน่ายแล้วจะลดชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าจากแบตเตอร่ีชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) ขนาด 200 กาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมของระบบไดน้ อ้ ยเช่นกนัkW โดยใชเ้ ทคนิคการหาค่าเหมาะที่สุดแบบตาบู มาใชใ้ นการวิเคราะห์ดงั ตารางท่ี 7 โดยมีลาดบั ข้นั ตอนการแสดงผลการทดสอบดงั ตอ่ ไปน้ี จาก 150ตารางที่ 7 จะแสดงการรายงานผลการทดสอบกาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมเมื่อ 140 Ploss of NaSติดต้งั DG และแบตเตอร่ีชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (Nas) ในบสั ที่ 25 ในช่วง 130เวลาของการทดสอบ 1 วนั นาผลที่ได้มาสร้างกราฟการรายงานผลการ 120ทดสอบในรูปที่ 20-22 110 100 150 90 140 Ploss of PV 80 130 70 120 60 110 50 100 40 90 30 80 20 70 10 60 50 Time (Hour)00 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 40 30 รูปที่ 21 กาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมเมื่อติดต้งั NaS ในบสั ที่ 25 ในช่วงเวลา 20 ของการทดสอบ 1 วนั 10 150 Time (Hour)00 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 140 Ploss of 130 PV+NaS รูปที่ 20 กาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมเม่ือติดต้งั DG ในบสั ท่ี 25 ในช่วงเวลา 120 ของการทดสอบ 1 วนั 110 100 พิจารณากราฟรูปท่ี 20 จะแสดงการรายงานผลการนาค่าท่ีได้ 90จากการสร้างกราฟของกาลงั การผลิตกาลงั ไฟฟ้ าในช่วงเวลา 1 วนั มาทา 80การทดสอบหากาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมท่ีบสั 25 ตามตาแหน่งของกาลงั 70การผลิตกาลงั ไฟฟ้ าในช่วงเวลา 1 วนั ของการออกแบบการวางแผนการ 60จ่ายพลงั งานของระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตยข์ นาด 1 MW จาก 50กราฟจะแสดงให้เห็นวา่ กาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมจะมีคา่ สูงเม่ือ DG เริ่มจา่ ย 40กาลังไฟฟ้ าในช่วงเวลา 6.00 น. และช่วงใกล้หยุดจ่ายกาลังไฟฟ้ าใน 30ช่วงเวลา 18.00 น. ในทางตรงกนั ขา้ มในช่วงท่ี DG จ่ายกาลงั ไฟฟ้ าสูงสุด 20คือในช่วงเวลา 12.00 น. กาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมจะมีคา่ นอ้ ยท่ีสุด ซ่ึงหมาย 10ถ้าติดต้งั DG เข้าสู่ระบบจาหน่ายในตาแหน่งที่เหมาะสมจะช่วยลดกาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมของระบบไดด้ ีที่สุดในช่วงเวลาท่ี DG มีการจ่าย Time (Hour)00 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24กาลงั ไฟฟ้ าในช่วงท่ีสูงที่สุด รูปท่ี 22 กาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมเมื่อติดต้งั DG ร่วมกบั NaS ในบสั ที่ 25 พิจารณากราฟรูปท่ี 21 จะแสดงการรายงานผลการนาค่าท่ีได้ ในช่วงเวลาของการทดสอบ 1 วนัจากการสร้างกราฟของกาลงั การผลิตกาลงั ไฟฟ้ าในช่วงเวลา 1 วนั มาทาการทดสอบหากาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมท่ีบสั 25 ตามตาแหน่งของกาลงั พิจารณากราฟรูปที่ 22 จะแสดงการรายงานผลการนาค่าที่ได้การผลิตกาลงั ไฟฟ้ าในช่วงเวลา 1 วนั ของการออกแบบการวางแผนการ จากการสร้างกราฟของกาลงั การผลิตกาลงั ไฟฟ้ าในช่วงเวลา 1 วนั มาทาจ่ายพลังงานของระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าจากแบตเตอรี่ชนิดโซเดียม การทดสอบหากาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมที่บสั 25 ตามตาแหน่งของกาลงัซลั เฟอร์ (NaS) ขนาด 200 kW จากกราฟจะแสดงให้เห็นว่ากาลงั ไฟฟ้ า การผลิตกาลงั ไฟฟ้ าในช่วงเวลา 1 วนั ของการออกแบบการวางแผนการสูญเสียรวมจะมีคา่ สูงเนื่องจากระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าจากแบตเตอร่ีชนิด จ่ายพลงั งานของระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลลแ์ สงอาทิตยข์ นาด 1 MW และโซเดียมซัลเฟอร์ (NaS) ขนาด 200 kW ขณะน้ีทาการทดสอบท่ีค่าการ ข อ ง ก า ร อ อ ก แ บ บ ก า ร ว า ง แ ผ น ก า ร จ่ า ย พ ลัง ง า น ข อ ง ร ะ บ บ ช ด เ ช ย กาลงั ไฟฟ้ าจากแบตเตอร่ีชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) ขนาด 200 kW จาก กราฟจะแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของกาลังไฟฟ้ าสูญเสียรวมจะ เหมือนกบั รูปที่ 20 ซ่ึงจากพฤติกรรมดงั กล่าวสามารถสรุปไดค้ ือ ช่วงเวลา ท่ี DG และระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าจากแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมซัลเฟอร์ (NaS) จ่ายกาลังงานไฟฟ้ าร่วมกันเข้าสู่ระบบจาหน่ายสูงสุดช่วงเวลา 12.00 น. จะช่วยลดกาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมของระบบจาหน่ายไดส้ ูงสุด กล่าวคือมีคา่ กาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวมของระบบจาหน่ายต่าที่สุด แต่เม่ือถึง ช่วงท่ี DG เริ่มจ่ายกาลงั ไฟฟ้ าเขา้ สู่ระบบได้น้อยลง เน่ืองจาก DG เป็ น ระบบผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตย์ จึงทาให้มีช่วงท่ีผลิตกาลงั ไฟฟ้ าได้ แตกต่างกนั รวมถึงช่วงท่ีตอ้ งหยุดผลิตกาลงั ไฟฟ้ า ดงั น้ันระบบชดเชย กาลงั ไฟฟ้ าจากแบตเตอร่ีชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) จะช่วยเป็นตวั เสริม -48-

บทความวจิ ยั รับเชิญ วารสารเครือข่ายวิศวกรรมไฟฟ้ า EENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 2017และยืดเวลาในการจ่ายกาลังไฟฟ้ าเข้าสู่ระบบ ซ่ึงช่วยลดกาลังไฟฟ้ า เอกสารอ้างองิสูญเสียรวมของระบบไดเ้ พม่ิ ข้ึนอีกเล็กนอ้ ยในช่วงระยะเวลาหน่ึงเทา่ น้นั [1] ชวลิต ดารงรัตน์, การส่งจ่ายกาลงั ไฟฟ้ า.หจก.เอชเอน การพิมพ์:9. สรุป บริษทั ซีเอด็ ยเู คชนั่ จากดั , 2533. หนา้ 93-94. ผลการวิเคราะห์หาตาแหน่งติดต้งั เหมาะท่ีสุดของระบบผลิต [2] Golder, A. S., Photovoltaic Generator Modeling for Largeไฟฟ้ าจากเซลลแ์ สงอาทิตย์ เชื่อมต่อเขา้ กบั ระบบจาหน่ายแบบเรเดียลโดย Scale Distribution System Studies, Master of science Thesies inนาเทคนิคการหาค่าเหมาะที่สุดแบบตาบู มาช่วยในการแกป้ ัญหาของการ Electrical Engineering, Drexel University, October 2006.หาตาแหน่งติดต้งั เหมาะที่สุด ในบทความน้ีจะเป็ นการประยกุ ตใ์ ช้ระบบจาหน่ายแบบเรเดียล 33 บสั 32 สาขา มาตรฐาน IEEE ใช้แรงดนั ไฟฟ้ า [3] Namin, M. H. “ et al.” “Large scale photovoltaic power generationฐานเท่ากบั 22 kV และกาลงั ไฟฟ้ าปรากฏฐานเท่ากบั 25 MVA ซ่ึงจะมี modeling, control method and analyzing,” IEEE Internationalกาลงั ไฟฟ้ ารวมของโหลดเท่ากบั 3.72 MW และ 2.3 MVar ตามลาดบั ผลการทดสอบในข้ันแรกน้ันพบว่าก่อนติดต้ัง DG ค่ากาลังไฟฟ้ าจริงท่ี [4] Conference on Clean Electrical Power (Electronic), 2009, pp.สูญเสีย = 77.0135 kW และกาลงั ไฟฟ้ ารีแอคทีฟที่สูญเสีย = 52.1361 kVar 159-164. Available: IEEE organization/IEEEXploer (8 Augustแต่หลงั ติดต้งั DG เขา้ สู่บสั ท่ี 25 แล้วน้ัน ค่ากาลงั ไฟฟ้ าจริงท่ีสูญเสีย = 2010).48.6791 kW โดยท่ีกาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียของระบบลดลง 36.79 % kW ทาให้ระบบมีเสถียรภาพของแรงดันเพ่ิมมากข้ึน ในข้นั ที่สองผลของการ [5] อมรเทพ แพทยานนั ท์ และกฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ,์ “การศึกษาทดสอบแสดงให้เห็นว่าวิธีการทดสอบติดต้งั DG เข้าสู่ระบบจาหน่าย เทคนิคสาหรับการกาหนดตาแหน่งที่เหมาะสมของระบบผลิตแบบเรเดียล ซ่ึงใช้เทคนิคการหาค่าเหมาะที่สุดแบบตาบู มีสมรรถนะท่ี ไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ในระบบจาหน่ายแบบเหนือกวา่ วิธีการทดสอบติดต้งั DG เขา้ สู่ระบบจาหน่ายแบบเรเดียล แบบ เรเดียล”, การประชุมสัมมนาเชิงวชิ าการ คร้ังที่ 3 “รูปแบบพลงั งานทีละบสั (Trial DG) ไมว่ า่ จะเป็ นตวั วธิ ีการของสมรรถนะเอง จานวนรอบ ทดแทนสู่ชุมชนแห่งประเทศไทย”, 15-17 ธันวาคม 2553, หน้าการค้นห าที่ใ ช้ใ นก ารค้น ห าก็ น้อยกว่ารวม ถึ งค วาม เ ร็ วในก ารค้น ห า 155-162.คาตอบก็เร็วกว่า ซ่ึงเป็ นการบ่งบอกถึงความมีสมรรถนะที่ดีในการหาคาตอบของวิธีการ และผลการทดสอบผลรัศมีการคน้ หาของกลไกการ [6] วิชิต เครือสุข, “การหาตาแหน่งและขนาดกาลงั ผลิตที่ เหมาะสมสร้างคาตอบขา้ งเคียง โดยจะมีผลต่อสมรรถนะการคน้ หาที่ดีท่ีสุด โดย ของเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้ าแบบกระจายโดยวิธีการหาค่าเหมาะสมขอบเขตท่ีดีท่ีสุดคือ (+8 และ -8) จะอยทู่ ่ีรูปผลทดสอบค่าเฉล่ียของ ไฟล์ ท่ีสุดแบบใชก้ ารเคล่ือนท่ีกลุ่มของอนุภาคท่ีเหมาะสมท่ีสุด”,tsmain_7 ซ่ึงจะใชเ้ วลาและจานวนรอบในการคน้ หาคาตอบนอ้ ยที่สุด ในข้นั สุดทา้ ยผลของการทดสอบระบบชดเชยกาลงั ไฟฟ้ าจากแบตเตอรี่ชนิด [7] การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยศรีปทุม, 14 สิงหาคมโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) ขนาด 200 kW ต่อร่วมกบั ระบบผลิตไฟฟ้ าจาก 2552เซลล์แสงอาทิตยข์ นาด 1 MW แบบเช่ือมต่อกบั ระบบจาหน่าย โดยจะมีประโยชน์ที่สาคญั 2 ส่วนคือ อนั ดบั แรกระบบของแบตเตอร่ีชนิดโซเดียม [8] Pukar, M., Weerakom, O. and Nadarajah, M.,“Optimal placementซัลเฟอร์ (NaS) จะช่วย DG จ่ายกาลังไฟฟ้ าในช่วงความต้องการของ of wind turbine DG in Primary distribution systems for real lossโหลดสูงสุด คือช่วงเวลา 12.00-14.00 น. อันดับที่สองระบบของ reduction”, Energy for Sustainable Development: Prospectsแบตเตอร่ีชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS) จะช่วยยืดเวลาการจ่ายกาลงั ไฟฟ้ า and Issues for Asia (Electronic), 2006, pp. 1-6. Available: Worldให้กบั โหลดไดย้ าวนานข้ึน คือช่วงเวลา 19.00-21.00 น. ซ่ึงจะช่วยใน Academy of Science, Engineering and Technology (8 Augustแก้ปัญหาการปรับปรุงรูปร่างของแรงดนั ไฟฟ้ า (Voltage Profile) ของ 2010).ระบบ เพราะ DG และระบบของแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมซลั เฟอร์ (NaS)จะช่วยจ่ายกาลงั ไฟฟ้ าเขา้ สู่ระบบ ซ่ึงจะช่วยลดกาลงั ไฟฟ้ าสูญเสียรวม [9] อุเทน ลีตน และธนดั ชยั กุลวรวานิชพงษ,์ “การแกป้ ัญหากาลงั งานของระบบไดเ้ ป็ นอยา่ งดี ส่งผลให้ระบบมีเสถียรภาพและความน่าเช่ือถือ สูญเสียในสายส่งต่าท่ีสุดโดยใชผ้ ลเฉลยการไหลกาลงั ไฟฟ้ าเหมาะเพิม่ มากข้ึน ท่ี สุ ดที่ อาศัยปั ญญ าเ ชิ งก ลุ่ ม ”, กา ร ปร ะ ชุ ม วิ ชากา ร ท า ง วศิ วกรรมไฟฟ้ าคร้ังที่ 33, ธนั วาคม 2553,หนา้ 81-84. [10] ยทุ ธนา เอ่ียมสมบูรณ์, การหาตาแหน่งและขนาดของเคร่ืองกาเนิด ไฟฟ้ าแบบกระจายที่เหมาะสมเพอ่ื ลดกาลงั สูญเสียและเพิ่มความ เชื่อถือได้ในระบบจาหน่ายโดยวธิ ีการค้นหาแบบตาบู, วิทยานิพนธ์ ปริญญาโท สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้ า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ, 2551. [11] Zahrul, F. “ et al.”, “Modeling of Sodium Sulfur Battery for Power System Applications,” ELEKTRIKA Journal of Electrical -49-

บทความวจิ ยั รับเชิญวารสารเครือข่ายวศิ วกรรมไฟฟ้ าEENET Journal Vol. 1, No.1 (1), Jan-Jun 2017[12] Engineering, 2007, Vol. 9, No. 2, pp. 66-72. Available: Faculty [25] ธนัดชัย กุลวรวานิชพงษ์, การหาค่าเหมาะท่ีสุดในระบบไฟฟ้ า of Electrical Engineering UniversitiTeknologi Malaysia (8 กาลัง. คร้ังท่ี 1. กรุงเทพ: บริษทั จรัลสนิทวงศก์ ารพิมพ์ จากดั , February 2013). 2554. หนา้ 411, 225, 262-268.[13] กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานกระทรวง [26] อมรเทพ แพทยานันท์และกฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ์, การหา พลงั งาน, รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการการศึกษาประเมินและ ตาแหน่งติดต้ังเหมาะท่ีสุดของระบบ ผลิตไฟฟ้ าจากเซลล์ จัดทาแผนงานวจิ ัยพลงั งานทดแทน (Energy Storage) ตามกรอบ แสงอาทิตยข์ นาดใหญ่ในระบบจาหน่ายแบบเรเดียล เพ่ือลดกาลงั แผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (Online), 2555. Available: งานสูญเสีย”, การประชุมวิชาการเครือข่าย วิศวกรรมไฟฟ้ า http://e-lib.dede.go.th/mm-data/Bib14393.pdf (12 กุ ม ภ า พัน ธ์ 2555). มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล คร้ังที่ 5 (EENET2013) คณะ วศิ วกรรม ศาสตร์ มทร.พระนคร, 27-29 มีนาคม 2556, หนา้ 9-12.[14] NGK INSULATOR, LTD., Typical System (Online), 2 5 5 6. Available:http://www.ngk.co.jp/english/products/power/nas/prin ciple/index.html (8 กมุ ภาพนั ธ์ 2556).[15] Hokkaido Electric Power Co., Inc., Shining New Light on Solar Power Challenges and Prospects of PV Power Generation[16] Wakkanai Mega Solar Project(Online),2 5 5 6.Available: http://www.Docstoc.com/docs/24424390/Shining-New-Light-on- Solar-Power-Challenges-and-Prospects(8 กุมภาพนั ธ์ 2556).[17] สานักงานนโยบายและแผนพลังงานกระทรวงพลงั งาน, ผู้ผลิต ไฟฟ้ าขนาดเลก็ (Online), 2542. Available: http://www.eppo.go.th/[18] power/pw-ElecPriv-T-02.html (17 กรกฎาคม 2553).[19] การไฟฟ้ าส่วนภูมิภาค, ระเบียบการไฟฟ้ าส่วนภูมิภาคว่าด้วยข้อ กาหนดการเช่ือมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้ า พ.ศ. 2551 (Online), 2552. Available:http://www.pea.or.th/vspp/etc/ connection_code .pdf (17 กรกฎาคม 2553).[20] การไฟฟ้ านครหลวง, ระเบียบการรับซื้อไฟฟ้ าจากผู้ผลิตไฟฟ้ า พลังงานหมุนเวียนขนาดเล็กมาก ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2547 (Online), 2 5 5 3 . Available:http://www.mea.or.th/internet/ Elecvalue/VSPP/VSPPReportWeb.pdf (17 กรกฎาคม 2553).[21] การไฟฟ้ าส่วนภูมิภาค, ระเบียบการไฟฟ้ าฝ่ ายจาหน่ายว่าด้วยการ เดนิ เครื่องกาเนดิ ไฟฟ้ าขนานกบั ระบบของการไฟฟ้ าฝ่ ายจาหน่าย[22] (VSPP) (Online), 2549. Available: http:// www.pea.co.th/vspp/vspp/Connection%2010%20MW.pdf (5 กรกฎาคม 2553).[23] IEEE, IEEE Standard 33-Bus Radial Distribution (Online), Available: http://www. ieee.org, IEEE Standard 33-Bus Radial Distribution System (14 สิงหาคม 2553).[24] ธวชั เกิดช่ืน และกฤตวิทย์ บวั ใหญ่, “เทคนิคการคานวณการไหล ของกาลงั ในระบบจาหน่าย”,การประชุมเครือข่ายวศิ วกรรมไฟฟ้ า ม ห า วิท ย า ลัย เท ค โ น โล ยีร าช ม ง ค ล (EENET2008) ค ณ ะ วศิ วกรรมศาสตร์ มทร.ธญั บุรี, 2552, หนา้ 1-13. -50-

สำนกั งำนวำรสำรเครอื ขำ่ ยวศิ วกรรมไฟฟ้ำEENET Journal Officeภำควชิ ำวิศวกรรมไฟฟำ้ คณะวิศวกรรมศำสตร์มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยรี ำชมงคลธญั บรุ ีคลองหก อำเภอธญั บุรี จงั หวัดปทุมธำนี 12110โทร +66 2549 3420 โทรสำร + 66 2549 3422Email: [email protected]

EENET Journal ISSN: 2586-8780VOLUME 1 NUMBER 1 JANUARY-JUNE 2017 www.eenet.rmutt.ac.thResearch PapersThe Analysis of Appropriate Solar Hot Water after Installation......…………………………………… 1The Study for Performance Ratio Increasing of Soiling Solar PV Systems……………………….. 6Embedded Systems for Control Electrical Devices and Monitor the PowerConsumption by X10. ………………………………………….………………………………………………….……………….. 10Reactive Power Control of Synchronous Motor by PI Controller ……………………….…………….. 15Parameter Estimation of Single Phase Transformer for Improving Efficiency usingGenetic Algorithm……………………………………..………………………………………….……………………………………. 20A Study on Self-Excited Induction Generator Operating Method for Flywheel EnergyStorage System………………………………………….………………………………………………….…………………………… 24Using Bee Colony Optimization Technique to Solve Economic Dispatch Problem WithNon-Smooth Cost Function………………………………………….………………………………………………….………. 28Study of Temperature Effect on a PV Power Plant…………………………..…..…………………………….. 32Invited PaperOptimal Placement of Large-Scale PV Power Generation Systems with NaS Battery inPrimary Distribution Systems for Loss Reduction………………………………………….……………………… 36


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook