พนิ จิ วัดพนญั เชิงา นงานเขียนสุนทรภู จากเร่ือง นิรศวดั เจาา
คําํา ๑ หนังสืออิเล็กท รอนิกส เร่ือง พินิจวัดพนัญ เชิงผานงานเขียนสุนท รภูจากเรื่องนิราศ วัดเจาฟา รายวิชาวรรณคดีสุนทรภู (๑๕๔๓๔๑๓) การวิเคราะหวรรณคดีของสุนทรภูน้ีเปนสวนหน่ึงของรายวิชาวรรณคดีสุนทรภู มีจุดมุงหมายใหนักศึกษาฝกทักษะในการวิเคราะหวรรณคดีไทยในการจัดทําส่ือหนังสืออิเล็กทรอนิกสออนไลนไดถูกตอง ตามรูปแบบการศึกษาในปจ จบุ นั ท่ีเนนสอ่ื การสอนแบบสรางสรรค และทนั สมยั ครบถว นดว ยเนอื้ หาสาระ ท้งั น้ี คณะผูจดั ทาํ ขอขอบพระคุณอาจารยป รชั ญา ใจภกั ดี อาจารยผูสอนประจําวิชา ท่ีไดใหคําปรึกษาและช้ีแนะ แนวทางในการวิเคราะหวรรณคดี ตลอดจนเจาของเอกสารและตําราทุกทาน ท่ีผูจัดทําไดนํามาศึกษาคนควาขอมูล หวงั เปนอยา งยง่ิ วาการวเิ คราะหว รรณคดีไทยในครัง้ นี้จะเกิดประโยชนต อการศึกษาวรรณคดีในครัง้ ตอ ๆ ไป คณะผูจ ดั ทํา ๑๔ กันยายน ๒๕๖๓
๒ สารบัญ เร่อื ง หน้า เร่อื ง หน้า คาํ นํา ๑ สาระชวนรู้ ตาํ นานพระนางสร้อยดอกหมาก ๑๑-๑๕ สารบัญ ๒ เหตุแหงนิราศวดั เจา ฟา ๓ ปนุ เถากง ๑๗ นิราศวดั เจา ฟา ๔-๕ ๗ สาระชวนรู ดอกไมถวายพระ ๑๙ ประวตั ิวัดพนนั เชงิ ๘ ประวัติหลวงพอ โต ๙ สาระชวนรู ทศิ ทงั้ ๘ ทิศ และความเชอ่ื เร่อื งทศิ ๒๑ สาระชวนรู ความเชือ่ เกีย่ วกบั หลวงพอ โต ๑๐ สาระชวนรู เหตุแหง “พแนงเชงิ ” ลวนพระลกั ษณะแหง องคพ ระพทุ ธไตรรัตนนายก ๒๔ สาระชวนรู ไตรภูมิ อา งองิ ๒๖ ๒๗ ผูจดั ทํา ๒๘
๓ เหตแุ หงนิรศวัดเจา า นิราศวัดเจาฟาเปนนิราศเชิงผจญภัย สันนิษฐานกันวาสุนทรภูแตงข้ึนในนามของเณรหนูพัด ในราว พ.ศ. ๒๓๗๕ เน้ือหากลาวรําพันถึงความนอยเนื้อตํ่าใจในวาสนาของตนและกลาวถึงผูหญิง เปนการเดินทางทางเรือจากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ไปวัดเจาฟา จังหวัดพระนครอยุธยา โ ด ย ข้ึ น บ ก ที่ วั ด ใ ห ญ จั ง ห วั ด พ ร ะ น ค ร ศ รี อ ยุ ธ ย า แ ล ะ เ ดิ น ท า ง ท า ง บ ก ไ ป วั ด เ จ า ฟ า เพื่อไปหายาอายุวัฒนะตามลายแทงท่ีไดรับมาจากทางเมืองเหนือ ตลอดเสนทางของการเดินทาง สนุ ทรภผู า นสถานทส่ี าํ คัญๆ ของกรงุ เทพมหานคร นนทบรุ ี และพระนครศรอี ยุธยา วดั เจา ฟา ในบทกลอนมชี ือ่ เต็มวา วัดเจาฟา อากาศนาถนรินทร ไมส ามารถตรวจสอบได วา เปน วดั ใดในจงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยาในปจ จบุ นั เสนการเดนิ ทางตามบทนิราศเมื่อไปถึงอยธุ ยา สนุ ทรภูและคณะไดแวะนมัสการหลวงพอโตวัดพนญั เชงิ แลว เลยไปวดั ใหญชยั มงคล เพ่ือคนหาพระปรอท กอ นจะออกเดนิ เทา ไปยงั วัดเจา ฟา อากาศนาถนรินทร
๔ นริ ศวัดเจา า นิราศวัดเจาฟา เปนนิราศคํากลอนที่มีรูจัก กันดี เรื่อ งห น่ึง เนื้ อ เร่ื อ งก ลา ววา เ ณ รห นูพั ด (บุตรคนโตของสุนทรภู) เปนผูแตง แตเช่ือกันวาที่จริง แตงโดยสุนทรภูน่ันเอง เนื่องจากขณะนั้นสุนทรภูอยูใน สมณเพศ จึงตองระมัดระวังตัวมาก การแตงในนาม ของเณรหนูพัดทําใหสามารถออกกระบวนกลอน และแสดงความคิดเห็นไดร สชาติมากกวา ประเภท : กลอนนิราศ คําประพันธ : กลอนสุภาพ ภาพถาย หนงั สอื นริ าศวดั เจา ฟา (ฉบบั ตรวจสอบชาํ ระ พ.ศ. ๒๕๕๘) ที่มา: หอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน.
นริ ศวัดเจา า ๕ ๏ บทกลอนที่สนุ ทรภเู ดนิ ทางถึงวัดพนญั เชิงและบริเวณโดยรอบทเี่ ก่ียวของ ไดสามรอบชอบธรรมทา นนํานอง เขา ในหองเห็นพระเจาเทา สงิ ขร จํานวน ๒๐ คาํ กลอน ตา งจุดธูปเทยี นถวายกระจายจร ทา นบดิ รไดประกาศวา ชาตนิ ี้ ทัง้ รูปชวั่ ตวั ดําแลวตา่ํ ศักด์ิ ถวายรกั เสยี กับพระชินสีห มาถึงวดั พนงั เชิงเทง่ิ ถนัด วา เปนวดั เจาฟาพระกลาโหม แมนเมอื่ ไรใครเขารกั มาภกั ดี จะอารีรกั ตอบเพราะขอบคณุ ผนงั กอ ยอ มมุ เหมอื นซุมโคม ลอยโพยมเยย่ี มฟา สรุ าลัย ท้ังหนูกล่นั น้ันวาจะหาสาว ทีเ่ ล็บยาวโงงโงง เหมือนกง กระสนุ มีศาลาทา น้ําดฉู ่าํ ช่นื รมระร่ืนรุกขานาอาศัย ท้ังเนื้อหอมกลอ มเกล้ยี งเพียงพิกลุ กอดใหอ นุ ออนกว็ าไมนา ฟง บิดาพรา่ํ รา่ํ เลาใหเขาใจ วา พระใหญอยา งเยีย่ งทเ่ี ส่ยี งทาย ฉนั กบั นอ งมองแลดแู ตพระ สาธุสะสงู กวาฝาผนัง ถาบานเมอื งเคืองเร่อื งเขญ็ จะเปนเหตุ ก็อาเพศพังหลุดทรดุ สลาย แตพ ระเพลาเทา ปอมท่ลี อมวัง สํารวมนัง่ ปลัง่ เปลง เพง พินิจ แมพ าราผาสุกสนุกสบาย พระพกั ตรพรายเพราพริ้มดูอิ่มองค ตวั ของหนดู จู ว๋ิ เทานิ้วหัตถ โตสนดั หนักนกั จงึ ศักดิส์ ทิ ธิ์ ทั้งเจก ยา นบานนั้นก็นับถอื รอ งเรยี กชื่อวา พระเจา ปนุ เถากง กบั หนูตาบกราบกมบังคมคดิ รําพันพษิ ฐานในใจจินดา ดวยบนบานการไดด งั ใจจง ฉลององคพ ทุ ธคุณการุณงั ขอเดชะพระกศุ ลทีป่ รนนิบัติ ทห่ี นูพดั พศิ วาสพระศาสนา อนง่ึ วาถา แมนใครนาํ้ ใจบาป จะเขากราบเกรงจะทบั ตองกลบั หลงั มาคํารบพบพทุ ธปฏมิ า เปน มหามหศั จรรยในสันดาน ตรงหนาทาสาชลเปนวนวัง ดูพลัง่ พล่ังพลงุ เช่ียวนา เสยี วใจ ขอผลาอานสิ งสจงสาํ เรจ็ สรรเพชญพนหลงในสงสาร เขาจอดเรอื เหนือหนา ศาลาวดั โสมนสั นอ งไมเสื่อมที่เลื่อมใส แมน ยังไปไมถงึ ท่พี ระนฤี พาน ขอสําราญราคอี ยาบฑี า ขึ้นเดินเดียวเท่ยี วหาสุมาลยั จาํ เพาะไดด อกโศกท่โี คกนา จะพากเพยี รเรยี นวิสัยแลไตรเพท ใหว ิเศษแสนเอกท้ังเลขผา กับดอกรักหักเดด็ ไดเ จ็ดดอก พอใสจอกจดั แจงแบงบุปผา แมนรกั ใครใหค นน้ันกรรุณา ชนมายนื เทา เขาพระเมรุ ใหกลัน่ มัง่ ทงั้ บนุ นาคเพื่อนยากมา ทา นบดิ าดีใจกระไรเลย ขอรธู รรมคําแปลแกว ิมุติ เหมอื นพระพทุ ธโฆษามหาเถร วา โศกรกั มักรา ยตอ งพรายพลัด ถวายวดั เสียก็ถกู แลว ลูกเอย มีกาํ ลงั ดงั มาฆะสามเณร รจู ดั เจนแจงจบทงั้ ภพไตร แลว หมดองครองงามเหมอื นตามเคย ลีลาเลยเลียบตะพานขนึ้ ลานทราย อน่ึงเลา เจา นายทหี่ มายพ่ึง ใหท ราบซ่งึ สจุ รติ พสิ มยั โอรนิ รนิ กลนิ่ พกิ ลุ มาฉนุ ชน่ื ดอกแกวร่ืนเรณไู มรหู าย อยาหลงล้นิ หนิ ชาตขิ าดอาลัย น้ําพระทยั ทูลเกลาใหย าวยนื หอมจําปาหนาโบสถสาโรชราย ดอกกระจายแจม กลีบดังจีบเจียน ดูกุฏิวิหารสะอานสะอาด รกุ ขชาตพิ ุมไสวเหมือนไมเขียน (นริ าศวดั เจา ฟา ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน) ที่ภูมิพน้ื รน่ื ราบดวยปราบเตยี น ตางเดินเวียนทักษณิ พระชนิ วร
๖ “มาถงึ วัดพนงั เชิงเทง่ิ ถนดั วา เปนวัดเจา ฟาพระกลาโหม ผนังกอ ยอมุมเหมือนซมุ โคม ลอยโพยมเย่ยี มฟา สรุ าลยั มีศาลาทาน้าํ ดูฉํ่าช่นื รมระร่นื รกุ ขานา อาศัย บดิ าพรา่ํ รํ่าเลา ใหเ ขา ใจ วาพระใหญอ ยางเย่ยี งท่เี สย่ี งทาย ถาบานเมืองเคืองเรอ่ื งเข็ญจะเปน เหตุ กอ็ าเพศพังหลุดทรุดสลาย แมพาราผาสุกสนุกสบาย พระพกั ตรพ รายเพราพรมิ้ ดูอ่ิมองค” (นริ าศวัดเจาฟา ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน) ถอดคาํ ปรพนั ธไ ดว า เมื่อสุนทรภูมาถึงวัดพนัญเชิงซ่ึงกลาวกันวาเปนวัดเจาฟากลาโหม ผนังนั้นมีลักษณะกอเปนซุมโคม สุ น ท ร ภู ไ ด เ ป รี ย บ ซุ ม วั ด ว า มี ลั ก ษ ณ ะ สู ง เ ฉี ย ด ฟ า มี ศ า ล า ท า นํ้ า แ ล ะ ต น ไ ม ท่ี ดู ร ม รื่ น น า พั ก ผ อ น บิดา ขอ ง สุ นท รภูได เลา ใ หฟงถึ ง อิท ธิ ฤท ธ์ิข อ งหล วงพอ โ ตวา ถ า บา น เมือ ง มีลา ง รา ยจ ะ เกิด ภัยพิบั ติ องคห ลวงพอโตจะมนี ํา้ ตาไหลออกมาจากดวงตาแตถ าบา นเมืองสขุ สบายพระพกั ตรองคหลวงพอ โตจะมีลักษณะอ่มิ เอม
๗ ปรวัตวิ ตั วิ ดั พนญั เชิง ภาพถา ย ภูมิบาน ภูมเิ มอื ง ‘วัดพนญั เชงิ ’ ภูมิเมอื งอโยธยาศรรี ามเทพนคร “วัดพนัญเชงิ เปนวัดท่ีมปี ระวัตอิ นั ยาวนาน ที่มา: https://www.naewna.com/lady/493181 กอ สรางกอนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ภาพถา ย ทา นาํ้ วดั พนญั เชงิ ในปจ จุบญั และไมป รากฏหลักฐานท่แี นชัดวา ใครเปนผูสรา ง ทม่ี า: http://www.thongthailand.com/index.php?lite=article&qid=42158175 ตามหนังสอื พงศาวดารเหนอื กลาววา พระเจาสายนาํ้ ผ้งึ เปน ผสู รา งและพระราชทานนามวา วัดเจา พระนางเชิง และพระราชพงศาวดารกรงุ เกา ฉบบั หลวงประเสริฐอกั ษรนติ ิ์กลา วไววา ”ไดส ถาปนาพระพุทธรปู พทุ ธเจาพแนงเชิง เมอ่ื ป พ.ศ. ๑๘๖๗ ซึ่งกอ นพระเจาอทู องจะสถาปนากรงุ ศรีอยธุ ยาถึง ๒๖ ป
๘ หลวงพอ โต พระพทุ ธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพอโต เดมิ ชื่อวา พระพทุ ธเจาพนัญเชงิ หลวงพอโต เปน พระพทุ ธรูปขนาดใหญแ ละใหญท ส่ี ดุ ในพระนครศรอี ยุธยา ในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลาเจา อยหู วั แหงกรงุ รตั นโกสินทร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗ ไดโปรดเกลา ใหบรู ณะใหมห มดทั้งองค และพระราชทานนามใหมว า พระพุทธไตรรตั นนายก หรือท่รี ูจักกนั ใน หมพู ทุ ธศาสนกิ ชนชาวไทยเชอื้ สายจนี วา หลวงพอ ซาํ ปอกง นอกจากนั้นยังมีหลวงพอประทานพรซ่ึงไดช อื่ วาหากใครมาสักการะ ขอพรจะไดสมปรารถนา
๙ ความเช่ือเก่ียวกับหลวงพอโต “ชาวไทยและชาวจีนในบริเวณนั้นจงึ มีความเชือ่ วา หากบานเมอื งรมเยน็ “ คร้ันเมื่อกรุงศรอี ยธุ ยาใกลจะแตก พระพกั ตรจ ะอ่ิมงาม ปรากฏในคาํ ใหก ารชาวกรุงเกา วา หากบานเมืองเดอื ดรอน ”พระปฏมิ ากรใหญทว่ี ดั พนัญเชงิ องคพระจะพังทรดุ ” มีน้าํ พระเนตรไหลเปน ท่ีอศั จรรย พระราชพงศาวดารกรงุ ศรอี ยทุ ธยา ฉบบั ความสมเด็จกรมพระปรมานชุ ิตชโิ นรส คราวกอนกรงุ ศรีอยุธยาจะลมสลาย พ.ศ. ๒๓๑๐ วา “…ดว ยอายุแผนดินกรงุ ศรอี ยุธยาถึงกาลขาด จงึ อาเพศใหเ ห็น ประหลาดเปนนมิ ิตพระประธานวดั เจาพระนางเชิง น้าํ พระเนตรไหล ลงมาจนถึงพระนาภี…”
สารชวนรู เหตแุ หง “พแนงเชิง” ๑๐ คําวา พแนงเชงิ มคี วามหมายวา น่งั ขดั สมาธิ ฉะนน้ั คําวา วัดพนัญเชิง / วดั พระแนงเชงิ หรือ / วัดพระเจาพแนงเชงิ จงึ หมายถงึ วดั แหงพระพทุ ธรูปน่งั ปางมารวิชยั คือ หลวงพอ โต หรือ พระพทุ ธไตรรัตนนายกนนั้ เอง หรืออาจสบื เน่ืองมาจากตํานานเรื่องพระนางสรอยดอกหมาก คือ เมื่อพระนางสรอยดอกหมากกลัน้ ใจตายน้นั พระนางคงน่ังขดั สมาธิ เพราะชาวจนี นยิ มนั่งขดั สมาธมิ ากวาน่ังพับเพียบ นอกจากหลวงพอโตหรือเจาพอซําปอกง แหงวัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา ท่ีผูคนมาสักการะกันอยางหนาตาทุกวันแลว ใ ก ล กั น น้ั น ยั ง มี “ ศ า ล พ ร ะ น า ง ส ร อ ย ด อ ก ห ม า ก ” ห รื อ “ศาลเจาแมแอเนี้ย” อันเปนอนุสรณแหงความรักที่จบลงดวย โ ศ ก น า ฏ ก ร ร ม ใ น ยุ ค ก อ น ส ถ า ป น า ก รุ ง ศ รี อ ยุ ธ ย า ท่ีมีผูคนท่ีตองการขอพรแหงความรักมาสักการะไมนอยเชนกัน และยงั คงมตี าํ นานรกั ทีเ่ ลาตอ กันมาอยางชานานนั้นคือ ภาพถา ย ตกึ เจา แมสรอ ยดอกหมาก หรอื ศาลเจาแมแอเนยี้ ตาํ นานพระนางสรอ้ ยดอกหมาก ที่มา: https://www.posttoday.com/life/travel/559093
สารชวนรู ตําานพรางสรอยดอกหาก ๑๑ ตาํ นานเรอ่ื ง “พระนางสรอยดอกหมาก” เปนตํานานที่อยคู กู บั การสรา งวดั พนญั เชิง จากอดตี มาจนถงึ ปจ จบุ ัน เม่ือครั้งกอนท่ีพระเจาอูทองจะทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา ส ย า ม ป ร ะ เ ท ศ ใ น ต อ น น้ั น ไ ร ซึ่ ง ก ษั ต ริ ย ป ก ค ร อ ง อ ยู ร ะ ย ะ ห น่ึ ง เหลาอํามาตย ขาราชบริพาร และสมณชีพรามณท้ังหลายจึงลง ความเห็นวา ตองทาํ พธิ ีเส่ียงเรือสุวรรณหงสเอกชยั เพื่อเสาะหาผูมีบุญ วาสนามาเปน พระเจาแผน ดนิ โดยใหเรอื แลนไปตามแมนํา้ คร้ันเมื่อเรือมาถึงยังตําบลแหงหน่ึงริมฝงแมน้ํา มีกลุมเด็ก ภาพถา ย ภมู ิบา น ภมู ิเมอื ง : ‘วดั พนญั เชิง’ ภูมิเมืองอโยธยาศรรี ามเทพนคร เลี้ยงโคเลนกันอยู เรือก็จอดสนิทนิ่งไมยอมเคล่ือนที่ แมวาเหลาฝพาย ที่มา: https://www.naewna.com/lady/493181 จะพยายามสกั แคไ หนกต็ าม เม่อื เหลา อํามาตยเห็นเชน นน้ั จึงเดินเขา ไปในกลุมเด็กเลีย้ งโคและพบกบั เด็กชายคนหนึ่งทา ทางฉลาด พูดจาฉะฉานหลักแหลม จงึ คิดวา เดก็ ผูน้คี งเปน ผมู บี ญุ ญาธกิ าร จึงรับตวั มาเปน พระเจาแผน ดนิ ปกครองประเทศ หลังไดข้นึ เปนกษัตริยส ยามประเทศแลว มีเหตุการณค รงั้ หน่งึ ท่ีสรางความนาอศั จรรยใ จและเปน ท่ีมาของพระนาม \"พระเจา สายน้ําผึง้ \"
ภาพถา ย พระเจา สายนา้ํ ผงึ้ ๑๒ ที่มา: https://www.naewna.com/lady/494611 เม่อื พระองคท รงโปรดใหยกขบวนพยุหยาตราไปทางชลมารคพรอมกับ เ ห ล า เ ส น า บ ดี เ มื่ อ เ รื อ ล อ ง ม า ถึ ง วั ด ป า ก ค ล อ ง ซ่ึ ง เ ป น เ ว ล า น้ํ า ขึ้ น จงึ ตรัสสั่งใหจอดเรือพระท่ีน่ังอยูหนาวัด และทรงทอดพระเนตรเห็นรังผึ้งใตชอฟา หนา โบสถ พระองคจ ึงดาํ รวิ า \"จะขอนมัสการพระพุทธปฏมิ ากร ดว ยเดชะบุญญาภสิ ังขารของเรา เพอ่ื จะไดค รองไพรฟาอาณาประชาราษฎร ขอใหน าํ้ ผ้ึงหยดลงมากลวั้ เอาเรอื ข้นึ ไปประทบั แทนกาํ แพงแกว น้ันเถดิ \" เมื่อตรัสจบน้ําผ้ึงก็หยดลงมากลั้วเอาเรือพระที่นั่งยกขึ้นไป ภาพถาย ภาพเขียนเจาแมส รอ ยดอกหมาก ถึงที่ทันที เปนที่ประจักษชัดแกสายตาของเสนาบดีนอยใหญ ทมี่ า: https://www.naewna.com/lady/494611 พระ เจากรุงไทยจึง เสด็ จขึ้นไปนมัสการพระพุท ธป ฏิมากร เสร็จแลว จงึ เสดจ็ ลงเรอื พระท่นี ่งั จากนั้นเรือพระทีน่ ง่ั ก็ถอยลงมาตามเดิมไดเ อง บรรดาภกิ ษุสงฆ และเหลา เสนาบดี จึงพากันถวายพระพรชยั และถวายพระนามพระเจา กรุงไทยวา \"พระเจาสายนํา้ ผึ้ง\"
๑๓ ครั้นถึงเวลาน้ําลง พระเจาสายนํ้าผ้ึง ก็รับส่ังใหเหลาเสนาบดีกลับไปรักษาพระนคร สวนพระองคจะเสด็จ โดยเรือเพยี งลําเดยี ว เพื่อเดินทางไปตามสถานที่ตาง ๆ และดวยกุศลที่สรางมาแตปางหลัง จึงทําใหการเดินทางเปนไปดวยความ เรียบรอยปลอดภัยจนกระทั่งถึงกรุงจีน เม่ือชาวจีนเห็นวาวาทรงเดินทางเพียงพระองคเดียวทามกลางทะเลใหญ แตยังสามารถรอดชีวิตมาไดน้ันเปนท่ีนาอัศจรรยย่ิงนักจึงนําความขึ้นทูลวาพระเจาแผนดินจีนวา พระเจาแผนดินไทยองคนี้ มบี ุญญาธกิ ารมาก ดานพระเจากรุงจีนเมื่อไดฟงดังน้ัน จึงอยากทดสอบวาพระเจาสายน้ําผึ้ง จะมบี ญุ ญาธกิ ารจริงหรอื ไม โดยรับสัง่ ใหเ สนาบดีไปทูลเชิญพระเจาสายน้ําผ้ึงประทับ ท่ีอาวนาค ซ่ึงเปนท่ีท่ีมีอันตรายมากและใหทหารไปสอดแนมดูวาเกิดเหตุการณ รายแรงข้นึ หรือไมแตผลปรากฎวานอกจากจะไมมีอะไรเกิดข้ึนแลว ยังมีเสียงดุริยางค ดนตรเี ปนท่คี รึกครื้น เมอื่ ความทราบถึง พระเจา กรงุ จนี พระองคจ ึงมีรับสง่ั ใหจ ดั ขบวนแหออกไปรับ พระเจาสายน้ําผงึ้ เขา มาภายในพระราชวัง พรอ มท้ังใหร าชาภิเษกกบั พระนางสรอ ยดอกหมาก ธิดาบุญธรรมของพระองค ข้นึ เปนพระมเหสีของพระเจาสายนํา้ ผ้งึ ดวย ภาพถา ย พระเจา สายนาํ้ ผงึ้ และพระนางสรอ ยดอกหมาก ที่มา: https://www.naewna.com/lady/494611
ระ หว า ง ก า ร เ ดิน ท า ง กลั บ เ มื อ ง สย า ม ๑๔ ในขณะท่ใี กลถงึ พระราชวงั พระเจาสายน้ําผ้ึง มีรับสั่งให พ ร ะ น า ง ส ร อ ย ด อ ก ห ม า ก ค อ ย พ ร ะ อ ง ค อ ยู ใ น เ รื อ ภาพถาย วัดพนญั เชงิ เนื่องจากพระองคตองการเสด็จเขาพระราชวังกอน ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9600000120387 เ พื่ อ จั ด เ ต รี ย ม ข บ ว น เ กี ย ร ติ ย ศ อ อ ก ม า ต อ น รั บ ท ว า เ ม่ื อ ข บ ว น เ กี ย ร ติ ย ศ ม า ถึ ง พ ร ะ เ จ า ส า ย นํ้ า ผึ้ ง ก ลั บ ไ ม ไ ด เ ส ด็ จ ม า ด ว ย พ ร ะ อ ง ค เ อ ง พระนางสรอยดอกหมากจึงไมยอมเสด็จขึ้นจากเรือ พรอ มกลาววา ภาพถา ย ภาพถายเกาวดั พนญั เชิง \"มาดวยพระองคก็โดยยาก เม่ือมาถึงพระราชวังแลว เปนไฉนพระองค ทีม่ า: https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=patisonii จึงไมมารับ ถาพระองคไมเสด็จมารับก็จะไมไป\" เม่ือเสนาบดีนําความไป &month=01-2014&date=18&group=75&gblog=1 กราบทูล พระเจาสายน้ําผ้ึง คิดวาพระนางหยอกเลน จึงกลาวเลน ๆ วา \"เม่ือมาถึงแลวจะอยทู น่ี ่นั กต็ ามใจเถิด\"
หลังพระนางสรอยดอกหมากทราบวาพระเจาสายนํ้าผึ้ง ๑๕ ตรัสเชนน้ัน ก็รูสึกนอยพระทัยย่ิงนัก ครั้นรุงเชาพระเจาสายน้ําผ้ึง ก็เสด็จมารับดวยพระองคเอง พระนางสรอยดอกหมากจึงตัดพอ ภาพถา ย ตึกเจาแมส รอ ยดอกหมาก ตอ วา พระองค พระเจาสายนา้ํ ผ้งึ จึงงตรัสสัพยอกอกี วา ทม่ี า: https://sites.google.com/a/longwittaya.ac.th/wad-phnay- cheing-wrwihar/khxmul-thawpi/tahnak-cea-mae-srxy-dxk- \"เอาละ เมอื่ ไมอ ยากข้นึ กจ็ งอยทู ่นี ี่เถิด\" hmak เม่ือไดฟง ดงั นั้น ดว ยความนอ ยพระทัย พระนางสรอ ยดอกหมากจงึ กล้นั พระทัยตายทันทที าํ ใหพระเจาสายนา้ํ ผงึ้ ทรงเสียพระทยั เปนอยา งมาก ภาพถา ย เจาแมสรอ ยดอกหมากประทับบนสาํ เภามงั กร ดวยเหตุน้ี พระเจาสายน้ําผ้ึง จึงโปรดเกลาฯ ใหอัญเชิญ ทีม่ า: https://www.thethaipress.com/2020/9056/ พระศพของพระนางสรอยดอกหมากขึ้นมาพระราชทานเพลิงพระศพ ทแี่ หลมบางกะจะ ทามกลางความอาลัยรักของประชาชนชาวจีนและ ชาวไทย และทรงใหสรางวัดขึ้นเพื่อเปนอนุสรณถึงพระนางสรอย ดอ กห มา ก โด ยต้ั งชื่ อ วั ดนี้ วา \"วั ดเ จา พ ร ะ น า ง เชิ ง \" ห รื อ \"วดั พนัญเชงิ \" (ในปจ จุบัน) แตนนั้ มา ตํานานเร่อื ง “พระนางสรอยดอกหมาก” จงึ เปน ตาํ นานทีอ่ ยคู กู ับการสรา งวัดพนญั เชงิ มาจนถึงปจจบุ ัน
๑๖ “ทั้งเจก ยานบา นน้ันกน็ บั ถอื รอ งเรียกชอื่ วาพระเจาปุนเถากง ดว ยบนบานการไดดงั ใจจง ฉลององคพ ุทธคณุ การุณัง อน่งึ วาถา แมนใครน้ําใจบาป จะเขา กราบเกรงจะทับตองกลบั หลัง ตรงหนาทา สาชลเปน วนวงั ดูพล่งั พลั่งพลงุ เช่ียวนา เสยี วใจ” (นิราศวัดเจา ฟา ฉบบั หอพระสมุดวชริ ญาณ, ออนไลน) ถอดคาํ ปรพันธไ ดว า มีชาวบานคนจีนนิยมสักการะและนับถือ ปุนเถากง เทพเจาตามความเช่ือของชาวจีน กลา ว วา ห า กใค รบ น บ า นก็ จะ ส มดังป รา ร ถนา แตห า กใ ครเป นคน ใจบ า ป แล วเขา กรา บ ทา น เมื่อขอพรกจ็ ะไมสมดงั ปรารถนา
ปุนเถากง ๑๗ ภาพถา ย เจาพอ ปนุ เถากง ในตกึ เจาแมส รอ ยดอกหมาก เนื่องจากชาวไทยและชาวจีนไดไ ปมาหาสูและตดิ ตอสมั พันธก ันมา ท่ีมา: https://www.touronthai.com/article/2094 ตั้งแตโบราณ ขณะเดยี วกนั พบวา มีกลมุ ชาวตางชาตทิ ่ีอพยพมาตั้งถนิ่ ฐานใน เมอื งไทย เปนชาวจีนมากท่สี ดุ และยังคงรกั ษาความเชอื่ และประเพณีของตน ไวถายทอดกันมาจนถงึ ปจจบุ ัน ซ่ึงความเช่อื เรอ่ื งการนับถือเทพเจาท่คี นไทย เช้ือสายจีนรจู กั คือ เทพเจา กวนอู พระโพธ์สิ ัตวก วนอิม เจาแมท บั ทมิ และ โปย เซยี น นอกจากนีย้ ังมีเทพเจาทีค่ นุ เคย และคนไทยเชื้อสายจนี ไหวบ อย ทส่ี ดุ ในเทศกาลสาํ คัญๆ คือ ปุนเถากง และตจ้ี เู อี๊ย เพอ่ื สบื ทอดความเช่ือและ ประเพณใี หอยูคูลูกหลานชาวไทยเช้อื สายจีน เมื่อ ชา วจีนออ กไปทํามา หา กิน ออ กมาสูโพนทะ เล ก็ไมสามารถเอ าปายสถิตวิญ ญาณ มา ดวยได เพราะรากฐานยังตองอยูท่ีเดิม หากนําปายสถิตวิญญาณมาถือวาคนๆ นั้นขาดจากเมืองจีน ดังนั้นคนจีนจึงไมมีผีบรรพบุรุษ คุมครอง ท้ังนี้ในเอเชียอาคเนยคําเรียกเจาแหงชุมชนจะตางกัน ดังนั้นคนจีนที่มากอนโดยเฉพาะรุนบุกเบิกมาตายในเมืองไทย บางคนมีคุณงามความดี มีความรูสูงเม่ือตายแลวคนในทองถ่ินก็ยกยองเซนไหวเปนเจาและเอาไปโยงกับโถวต่ีของจีน คนจีนที่อาศัยในไทย น้ันเรียกวา ปุนเถากง และสรางรูปปนปุนเถากงกับเทพเจาอีกมากมายไวในตึกเจาแมสรอยดอกหมาก เพือ่ ใหคนจีนในระแวกนน้ั ไดเคารพสักการะ
๑๘ “เขา จอดเรือเหนอื หนา ศาลาวัด โสมนัสนอ งไมเ ส่ือมทีเ่ ล่อื มใส ขึ้นเดินเดียวเท่ียวหาสุมาลยั จาํ เพาะไดดอกโศกทโี่ คกนา กับดอกรักหกั เดด็ ไดเจด็ ดอก พอใสจ อกจัดแจงแบง บปุ ผา ใหก ลนั่ มงั่ ทงั้ บนุ นาคเพอ่ื นยากมา ทา นบิดาดใี จกระไรเลย วาโศกรกั มกั รา ยตอ งพรายพลัด ถวายวัดเสยี ก็ถกู แลวลกู เอย แลวหมดองครองงามเหมือนตามเคย ลลี าเลยเลยี บตะพานข้ึนลานทราย” (นิราศวดั เจาฟา ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน) ถอดคาํ ปรพนั ธไดว า จากนนั้ สุนทรภูไดเ ขา จอดเรือทห่ี นาศาลาวัด มคี วามรสู ึกเล่ือมใสไมเส่ือมศรัทธาจึงไดเดินเก็บดอกไม ไดแก ดอกโศก ดอกรกั เจ็ดดอก และดอกบนุ นาค สุนทรภจู งึ เตรยี มดอกไมจัดใสจอกไว พอสนุ ทรภูไ ดเ หน็ จึงมี ความดีใจจึงไดบ อกกบั สนุ ทรภูวา ความทกุ ข ความโศก ความโชครายจะจางหายไป ส่ิงทจี่ ัดเตรยี มมาทง้ั หมดให นํามาถวายวดั ทิง้ ไวที่น่ีดีแลว
ดอกไมถ วายพร ๑๙ ก า ร ท่ี เ ร า นํ า ด อ ก ไ ม ไ ป บู ช า พ ร ะ น้ั น มี ค ว า ม เ ช่ื อ ว า ดอ ก ไม ท่ี เร า เลื อ กใ ช บูช า พ ร ะ นั้น จ ะ ต อ ง เ ป นด อ กไ ม ที่ส ด ให ม แ ล ะ ส ว ยง า ม จึงตอ งมีความพถิ พี ถิ นั ในการเลือกดอกท่งี ดงามเปนพิเศษเพื่อมาถวายหรือบูชาตอพระ โดย เชอื่ วาดอกไมถวายพระจะตองงาม ๆ เพ่ือท่ีจะชวยใหชีวิตเราสวยงามตามไปดวยด่ังดอกไม หากเราเลอื กดอกไมท เี่ หี่ยวเฉามา ชวี ิตกโ็ รยราตามดอกไมด วยเชนกนั ในพระพุทธศาสนา มคี ตเิ กี่ยวกับดอกไมปรากฏอยูใ นพระสูตรตาง ๆ โดยยกยองใหด อกไมน านาพรรณเปนของสงู ควร คาแกก ารนํามาบชู าสมเด็จพระสัมมาสมั พุทธเจา ดงั นน้ั ดอกไมจ ึงอยใู นฐานะวตั ถบุ ชู าทางพระพุทธศาสนา ตามคติความเชือ่ ของ คนไทยมาตั้งแตโบราณ แมกอนยคุ ที่พทุ ธศาสนาและศาสนาพราหมณฮ นิ ดูจะเขา มามีอทิ ธพิ ลในสงั คม วฒั นธรรมการใชดอกไม เปนเครื่องสักการะเซนสรวงวิญญาณหรือพลงั อาํ นาจเหนือธรรมชาติตา ง ๆ ก็ดํารงอยูม ากอ นแลว พนิ ิจจากคาํ ประพนั ธ์ ลกั ษณะกรวยดอก ดอกบนุ นาค ไมท้ ่ีปรากฏใน สุนทรภนู่ าํ ดอกโศกดอกรัก นิราศวดั เจา้ ฟา้ และดอกบนุ นาคมาถวายพระ และ บิดาของสุนทรภู่จึงกล่าวว่า ดีแลว้ ท่ีนาํ ดอกโศกดอกรักมาถวายพระ จะไดไ้ ม่ตอ้ งโศกเศร้าเพราะความ รักอีก และใหท้ ิ้งความโศกไวท้ ี่วดั ดอกรกั ดอกโศก แห่งน้ีเสีย
๒๐ “โอรินรินกลิ่นพกิ ุลมาฉุนชนื่ ดอกแกว รืน่ เรณไู มรหู าย ดอกกระจายแจม กลีบดงั จีบเจียน หอมจาํ ปาหนาโบสถสาโรชราย รุกขชาติพุม ไสวเหมือนไมเ ขียน ดูกฏุ วิ หิ ารสะอา นสะอาด ตา งเดนิ เวยี นทกั ษณิ พระชินวร ทีภ่ ูมพิ ื้นรืน่ ราบดว ยปราบเตียน เขาในหองเห็นพระเจาเทาสงิ ขร ไดสามรอบชอบธรรมทา นนํานอ ง ทานบดิ รไดป ระกาศวา ชาตินี”้ ตางจุดธูปเทียนถวายกระจายจร (นิราศวดั เจา ฟา ฉบบั หอพระสมุดวชริ ญาณ, ออนไลน) ถอดคาํ ปรพันธไ ดว า เม่ือสุนทรภูเดินทางถึงบริเวณหนาอุโบสถ ทานไดกล่ินของดอกพิกุล ดอกแกว ดอกจําปา และดอกบัวท่ีมีดอกกระจายแบงบาน ทานไดสังเกตเห็นกุฏิท่ีสะอาดตา และตนไมหรือหมูไมที่เปนพุมพล้ิวไสวเหมือน ภาพวาด สวนท่ีพ้ืนน้ันมีลักษณะเปนที่ราบเตียนท่ีสามารถเดินเวียนรอบโบสถได โดยเดินเวียนตามหลักทักษิณาวรรต เมือ่ เดินเวียนไดสามรอบก็เขา หอ งเหน็ หลวงพอ โต ซึ่งสุนทรภูไ ดเหน็ พระพทุ ธรูปแลว ไดเ ปรยี บวามขี นาดใหญเ ทาภเู ขา
ทศิ ท้งั ๘ ๒๑ ทศิ ทง้ั ๘ ทักษณิ าวรรต หมายถงึ การเวียนขวา, วนรอบไปทางขวา, หรือ เดินเลี้ยวขวาไปรอบ ๆ สิ่ง ๆ หนึ่ง กลาวคือ เปนการเดินวนไปขางหนาใน อดุ ร : ทิศเหนือ ขณะที่แขนขวาหรือรางกายทางดานขวาหันเขาหาจุดศูนยกลางหรือ อสี าน : ทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ แกนกลาง จึงเทากับเปนการเวียนตามเข็มนาฬิกา อีกนัยหน่ึงคือ บูรพา : ทศิ ตะวันออก เปน การเดนิ เลย้ี วขวาไปตลอดเวลาอยางเข็มนาฬิกา อาคเนย : ทิศตะวันออกเฉียงใต ทกั ษณิ : ทิศใต หรดี : ทศิ ตะวนั ตกเฉยี งใต ประจิม : ทศิ ตะวันตก. พายัพ : ทิศตะวนั ตกเฉยี งเหนือ คํา \"ทักษิณาวรรต\" นี้ มักใชบอยในขนบธรรมเนียมประเพณีและ N คติความเชื่อของผูท่ีนับถือ ศาสนาพราหมณและศาสนาพุทธวา การเดิน ทักษิณาวรรตหรือเวียนขวา ๓ รอบสิ่งของหรือบุคคลใดก็ตามแต ถือเปนบุญบารมี โบสถ และส่ิงมงคลชีวิตเปนอยางมาก การเวียนขวา ๓ รอบตามคติความเช่ือน้ัน ชาวอนิ เดียในสมัยโบราณเชื่อกันวา ถาหากเดินเวียนขวารอบส่ิงของครบทั้ง ๓ รอบ จะเทากับเดินเวียนรอบพระรัตนตรัยท้ัง ๓ คือพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ แตถาหากเดินเวียนรอบบุคคล นอกจากผูเวียนจะไดรับบุญบารมีและส่ิงมงคลแก ชีวิตแลว ตัวผูถูกเวียนก็จะไดรวมรับบุญและความเปนสิริมงคลจากการเดินเวียน ขวาเชน กัน
๒๒ “ท้ังรูปช่ัวตัวดาํ แลวต่ําศักด์ิ ถวายรักเสียกบั พระชินสหี แมนเมอื่ ไรใครเขารกั มาภักดี จะอารีรักตอบเพราะขอบคุณ ท้ังหนกู ลนั่ น้นั วา จะหาสาว ที่เล็บยาวโงง โงง เหมือนกง กระสุน ท้ังเนือ้ หอมกลอมเกล้ียงเพยี งพกิ ุล กอดใหอ ุน ออ นก็วาไมนา ฟง” (นิราศวดั เจา ฟา ฉบบั หอพระสมดุ วชริ ญาณ, ออนไลน) ถอดคําปรพันธไดว า พอของสุนทรภูไดบอกวา ตนน้ันชาตินี้รูปชั่วตัวดําหรือมีฐานะตํ่าศักดิ์ จงเลื่อมใส ศรัทธาในพระพุทธศาสนา แมนเม่ือใดใครเขามารักมาภักดี ตนน้ีน้ันจะรักตอบผูนั้นและ ขอบคุณ สุนทรภูไดพูดถึงการเลือกผูหญิงวาตองเลือกผูหญิงท่ีมีลักษณะเล็บท่ียาวเนื้อตัว หอมเหมือนดอกพิกุล
๒๓ “ฉนั กบั นอ งมองแลดแู ตพ ระ สาธสุ ะสงู กวาฝาผนงั แตพ ระเพลาเทา ปอมทีล่ อ มวัง สาํ รวมนง่ั ปลัง่ เปลง เพง พินจิ ตัวของหนูดูจวิ๋ เทานวิ้ หัตถ โตสนดั หนกั นกั จึงศักด์ิสิทธิ์ กบั หนตู าบกราบกมบังคมคดิ ราํ พนั พิษฐานในใจจินดา ขอเดชะพระกศุ ลท่ปี รนนบิ ตั ิ ท่หี นูพัดพศิ วาสพระศาสนา มาคํารบพบพุทธปฏิมา เปน มหามหศั จรรยในสันดาน ขอผลาอานสิ งสจงสําเร็จ สรรเพชญพน หลงในสงสาร แมนยังไปไมถงึ ทีพ่ ระนีฤพาน ขอสําราญราคอี ยา บฑี า” (นิราศวัดเจา ฟา ฉบับหอพระสมุดวชริ ญาณ, ออนไลน) ถอดคําปรพันธไ ดว า จากนั้นสุนทรภูก็ไดเขากราบสักการะหลวงพอโตแลวไดสังเกตเห็นศีรษะองคหลวงพอโตที่สูงกวาฝาผนัง ตักทานเทากับปอมท่ีลอมวัง ลักษณะทา นัง่ ดสู ํารวมและดูสงางาม เปรียบตัวของตนน้ันเล็กเทาน้ิวมือของหลวงพอโตดวยลักษณะที่ใหญโตจึงทําใหรูสึกวาศักสิทธ์ิมาก สุนทรภูกม กราบและอธิฐานใหส มหวังดงั ปรารถนาขอใหป ระสบความสําเรจ็ ขอใหพระพุทธเจาเห็นความดีในตน แมตนยังไมถึงจุดนิพพานก็ขอใหมีความสุขและ ขออยาใหค วามทกุ ขค วามเจ็บปวดเขามาเบียดเบยี น
๒๔ ลว นพรลกั ษณแหง องคพ รพุทธไตรรตั นายก พระพุทธไตรรตั นนายก เปน พระพุทธรูปปน ปางมารวชิ ยั ในทาํ เนียบพระพุทธรปู ๑. เสน พระศกมี ๔ ขนาดโต ๖,๘,๑๐,๑๒ นว้ิ ๙. พระอังสากวา ง ๘.๗๐ ม. รวม ๘๑๗ ปุม ๑๐. พระหนถุ งึ พระเพลา ๘.๐๐ ม. ๒. พระเศยี รวดั โยรอบ ๑๒.๖๐ ม. ๑๑. พระอรุ ถึงพระชานุ ๖.๖๐ ม. ๓. พระเมาลีจากพระศกสงู ๕.๑๐ ม. ๑๒. พระชานถุ งึ ปลายพระบาท ๑๒.๕๐ ม. ๔. พระเมาลีถึงพระองั สา ๙.๓๐ ม. ๑๓. พระเพลากวาง ๑๔.๒๐ ม. ๕. พระกรรณยาว ๓.๒๐ ม. ๑๔. พระรตั นบลั ลงั กถ งึ พระเมาลีสูง ๑๙.๒๐ ม. ๖. พระพักตรกวา ง ๖.๐๐ ม. ๑๕. พระวหิ ารเปนทส่ี ถิตย สงู ตั้งแตพ น้ื ถึงอก ๓๗ ม. ๗. พระโอษฐกวาง ๑.๔๐ ม. กวาง ๒๖ เมตร ๘. พระศกถึงพระหนุ ๓.๘๐ ม.
๒๕ “จะพากเพยี รเรยี นวสิ ัยแลไตรเพท ใหวเิ ศษแสนเอกทง้ั เลขผา แมน รักใครใหค นนั้นกรรณุ า ชนมายนื เทา เขาพระเมรุ ขอรูธ รรมคําแปลแกว มิ ตุ ิ เหมือนพระพทุ ธโฆษามหาเถร มกี าํ ลงั ดงั มาฆะสามเณร รจู ดั เจนแจงจบทง้ั ภพไตร อน่งึ เลา เจานายที่หมายพง่ึ ใหทราบซ่ึงสุจริตพสิ มัย อยาหลงล้ินหินชาตขิ าดอาลัย น้ําพระทยั ทลู เกลาใหย าวยืน” (นริ าศวัดเจาฟา ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน) ถอดคําปรพนั ธไ ดว า สวนตนจะต้ังใจพากเพียรศึกษาคัมภีรไตรเพท ใหชํานานในศาสตรตาง ๆ แมถารักใครก็ขอใหคนน้ันรัก และกรุณาตน มีอายุยืนเทาเขาพระเมรุ ขอใหตนนั้นบรรลุและรูในพระธรรมใหเหมือนพระพุทธโฆษามหาเถร และมีกําลงั ดงั มาฆะสามเณร รรู อบรชู ัดใหแจมแจง ท้ัง ๓ ภพ ใหเจานายทห่ี วงั พง่ึ พาอาศัยใหพระองคทราบวาใครมี จิตใจสุจรติ ไมหลงเช่ือพวกที่ชอโกงชาติ และมีจิตใจเมตรตาอยางย่งั ยนื
ไตรภมู ิ ๒๖ ภาพถา ย ภาพแสดงภมู ิทง้ั ๓๑ ภมู ิ ไตรภูมิ หรือ ไตรโลก (หมายถึง สามโลก) ซึ่งเปนคติเก่ียวกับโลกสัณฐานตาม ที่มา: https://sites.google.com/site/amornratxacaryxe/home/ ความเชื่อในศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ ไตรภูมิประกอบดวย กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ สตั วโลกทั้งหลายก็จะตอ งเวยี นวา ยตายเกดิ ในไตรภูมิน้จี นกวาจะสาํ เรจ็ เปนพระอรหนั ต กามภูมิ คือ โลกของผทู้ ่ียงั ติดอยใู่ นกามกิเลส แบง่ ออกเป็นดนิ แดน ๒ ฝ่ายและแบง่ โลกยอ่ ย ๆ ได้ ๑๑ แหง่ ไดแ้ ก่ ๑. สคุ ติภมู ิ หรอื ดนิ แดนฝ่ายดหี รอื ฝ่ายเจรญิ ประกอบดว้ ยโลกยอ่ ย ๆ รวม ๗ แหง่ ไดแ้ ก่ มนสุ สภมู หิ รอื โลกมนษุ ย์ ๑ แหง่ และสวรรคภ์ มู ิหรอื ฉกามาพจรภมู ิซง่ึ หมายถงึ สวรรค์ ๖ ชนั้ ไดแ้ ก่ จาตมุ หาราชิกา ดาวดงึ ส์ ยามา ดสุ ิต นิมมานรดี และปรนิมมิตวสวตั ดี ๒. อบายภมู ิ หรอื ดินแดนฝ่ายไมด่ ีหรอื ฝ่ายเส่อื ม ประกอบดว้ ยโลกยอ่ ย ๆ ๔ แหง่ ไดแ้ ก่ นรกภมู ิ ดิรจั ฉานภมู ิ เปรตภมู ิและอสรุ กายภมู ิ รูปภูมิ เป็นดินแดนของพรหมทม่ี ีรูป มที งั้ สนิ้ ๑๖ ชนั้ ผมู้ าเกิดตอ้ งบาํ เพญ็ สมาธิจนไดญ้ าณสมาบตั ิ พรหมในชนั้ เหลา่ นีไ้ มม่ ีการเคลอ่ื นไหวใด ๆ ทงั้ สนิ้ พรหมทงั้ ๑๖ ชนั้ นีเ้ รยี กวา่ โสฬสพรหม พรหม ๕ ชนั้ สงู สดุ คอื พรหมตงั้ แตช่ นั้ ที่ ๑๒ - ๑๖ เป็นพรหมชนั้ พิเศษท่ีเรยี กวา่ พรหมชนั้ ปัญจสทุ ธาวาส เป็นทีเ่ กิด ของพระอนาคามคี อื ผทู้ ี่จะไมม่ าสกู่ ามภมู ิอกี ไดแ้ ก่ อวหิ าภมู ิ อตปั ปาภมู ิ สทุ สั สีภมู ิ และอกนิฏฐาภมู ิ อรูปภูมิ เป็นดินแดนของพรหมไมม่ รี ูป มแี ตจ่ ิตหรอื วิญญาณ มี ๔ ชนั้ ผทู้ ม่ี าเกิดในดนิ แดนทงั้ ๓ โลกนีม้ าเกิดตามผลของการทาํ กรรมหรอื ทาํ บญุ ในชาตกิ ่อนๆ อนั เป็นเหตใุ หต้ อ้ งเวยี นวา่ ยตายเกิดอยใู่ นสงั สารวฏั อยา่ งไมม่ ที ี่สนิ้ สดุ
๒๗ อางองิ สุนทรภู. (๒๕๕๘). นิราศวดั เจาฟา. กรงุ เทพฯ: กรมศิลปากร. ณัฏฐภทั ร จันทวชิ . (๒๕๕๓). วดั พนัญเชิงวรมหาวิหาร พระนครศรอี ยุธยา. กรงุ เทพฯ: อมรนิ ทรพริ้นต้ิง. (ออนไลน) เขาถึงไดจ าก : https://sites.google.com/site/thongtot/classroom-news. (วันท่คี น ขอ มูล : ๑๑ กนั ยายน ๒๕๖๓) (ออนไลน) เขาถึงไดจาก : http://www.royin.go.th/?knowledges. (วันทค่ี นขอ มูล : ๑๒ กันยายน ๒๕๖๓) (ออนไลน) เขาถงึ ไดจ าก : http://www.siammongkon.com. (วนั ทีค่ นขอมลู : ๑๒ กันยายน ๒๕๖๓) (ออนไลน) เขาถงึ ไดจาก : http://www.visitsk.org. (วันท่ีคนขอมลู : ๑๓ กันยายน ๒๕๖๓) (ออนไลน) เขาถงึ ไดจาก : https://sites.google.com. (วนั ที่คนขอ มลู : ๑๔ กันยายน ๒๕๖๓) (ออนไลน) เขาถึงไดจาก : https://ww2.ayutthaya.go.th. (วนั ทค่ี นขอ มลู : ๑๔ กันยายน ๒๕๖๓) (ออนไลน) เขาถึงไดจ าก : https://www.voicetv.co.th. (วันที่คนขอมูล : ๑๔ กันยายน ๒๕๖๓)
๒๘ ผูจดั ทํา ๑. างสาวเรณู หนั สมร รหัส ๐๐๑ ๒. างสาวพัชรินทร านพ รหัส ๐๐๒ ๓. ายกฤษณ ธรี กุาร รหสั ๐๑๓ สาาวชิ าภาษาไทย วทิ าลัยการึกหดั ครู มหาวิทาลัยรชภฏั พรนคร
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: