แหล่งเรียนรู้ กศน.ตำบลไร่ขิง
แหล่งเรียนรู้ กศน.ตำบลไร่ขิง วิสาหกจิ ชมุ ชนทอ่ งเทีย่ วเกาะลดั อีแท่น พื้นท่ีตำบลไร่ขงิ บางเตย ทรงคะนอง พิกดั ทางภูมศิ าสตร์ สถานที่ติดตอ่ เทศบาลเมืองไร่ขงิ X 635923 Y 1519244 วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกาะลัดอีแท่น เป็นความร่วมมือระหว่าพื้นที่ตำบลไร่ขิง ตำบลบางเตย และ ตำบล ทรงคนอง ซึ่งมี นายจำรัส ตั้งตระกูลธรรม เป็นประธานวิสาหกิจชุมชน บริการ โดยให้นักท่องเที่ยวนั่ง รถราง ชม บรรยากาศสวนผลไม้ เยี่ยมชมพพิ ธิ ภณั ฑ์พนื้ บ้านซงึ่ เก็บเคร่ืองมอื เคร่ืองใชส้ มยั โบราณ เพื่อใหไ้ ด้ศกึ ษา นมัสการหลวงพ่อ โป๋หลุย วัดทรงคนอง ชมต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง ศึกษาการปลูกข้าวไรซ์เบอร์ร่ี ตามระบบเกษตรอินทรีย์ ชิมไอศกรีมข้าว ไรซเ์ บอร์รี่ รวมท้งั การจำหนา่ ยผลผลิตการเกษตร จุดเดน่ ของกลุ่ม จุดที่ 1 ชมพิพธิ ภณั ฑด์ า้ นการเกษตร โดย นายพนม ศรสี นทิ - ชมเครอื่ งมือ เคร่ืองใชใ้ นการท าการเกษตรในสมัยโบราณ - เครอื่ งเรอื นต่างๆ - ภาพวถิ ีชีวิตสมยั กอ่ น จดุ ที่ 2 ชมสวนส้มโอสายพันธุ์ทองดีและขาวน้ าผ้ึง โดย นายณรงคฤ์ ทธิ์ โถคา้ - ชมวิถีชีวิตเกษตรกรผปู้ ลกู ส้มโอ - สวนส้มโอแบบยกรอ่ ง - ชม ชิม ซอ็ ป ผลผลิตการเกษตร จุดท่ี 3 นมสั การหลวงพ่อโปห๋ ลยุ วดั ทรงคนอง ( พจิ ารณาตามความเหมาะสม ) - นมสั การหลวงพอ่ โป๋หลยุ - ชมโพธเิ์ งินโพธิ์ทอง - เก๋งจนี โบราณ - ชมธรรมชาตริ ิมฝง่ั แม่น้ำทา่ จนี จดุ ท่ี 4 เรียนรรู้ ะบบการปลกู พชื อินทรยี ์ โดย นายประกิต สุนประชา - เรยี นรกู้ ารปลูกขา้ วตามระบบเกษตรอินทรยี ์ - ผลติ ภณั ฑ์แปรรูปจากขา้ ว เช่น ไอศกรีมข้าวไรซเ์ บอรร์ ี่ ข้าวกลอ้ งไร่ซเ์ บอรร์ ี่ - ชม ชมิ ซอ็ ป ผลผลิตการเกษตร
แหลง่ เรยี นรู้ กศน.ตำบลไร่ขงิ วัดไรข่ ิง พระอารามหลวง ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จงั หวดั นครปฐม ประเทศไทย Wat Rai Khing, Nakhon Pathom Province, Thailand วัดไร่ขิง (Wat Rai Khing) พระอารามหลวงที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่งดงามด้วยพุทธศิลป์เชียงแสน คือหลวงพอ่ วัดไรข่ งิ ซงึ่ เป็นหนง่ึ ในตำนานพระศักดส์ิ ทิ ธล์ิ อยน้ำ 5 พระองค์ ได้แก่ หลวงพอ่ โต วัดบางพลใี น สมุทรปราการ , หลวงพ่อทอง วัดเขาตะเครา เพชรบุรี, หลวงพ่อโสธร ฉะเชิงเทรา, หลวงพ่อวัดบ้านแหลม สมุทรสงคราม และหลวงพ่อ วดั ไร่ขงิ ซ่ึงลอยมาตามแมน่ ำ้ นครไชยศรี นครปฐม นอกจากนี้นกั ท่องเทีย่ วยังจะได้ล่องเรือชมทิวทัศนร์ ิมแม่น้ำนครไชยศรี และแวะซื้อของฝากทตี่ ลาดนำ้ ดอนหวายได้อีกด้วย
ประวัติหลวงพ่อวดั ไรข่ งิ องค์หลวงพ่อวัดไร่ขิงเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 4 ศอก 2 นิ้วเศษ สูง 4 ศอก 16 นิ้วเศษ ประดิษฐานอยู่บนฐานอยู่บนฐานชุกชี 5 ชั้น เบื้องหน้าผ้าทิพย์ปูทอดลงมาองค์หลวงพ่อวัดไร่ขิงประดิษฐานเป็นพระ ประธานอยู่ภายในอุโบสถ หันพระพักตร์ไปทางทิศอุดร (ทิศเหนือ) ซึ่งหน้าวัดมีแม่น้ำนครชัยศรีหรือแม่น้ำทา่ จีนไหลผา่ น จากหนังสอื ประวตั ิของวัดไร่ขิงได้กล่าวไวว้ ่า สมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (พกุ ) ไดอ้ ัญเชญิ มาจากวัดศาลาปูน โดยนำล่องมาทาง น้ำด้วยการทำแพไม้ไผ่หรือที่เรียกกันว่าแพลูกบวบรองรับองค์พระปฏิมากรณ์ เมื่อถึงหน้าวัดไร่ขิงจึงได้อัญเชิญขึ้น ประดิษฐานไว้ภายในอุโบสถ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งเป็นวันสงกรานต์พอดีจึงมีประชาชนจำนวนมากมาชุมนุม กนั ในขณะที่อัญเชญิ องคห์ ลวงพ่อขึ้นจากแพ สู่ปะรำพิธไี ด้เกิดอัศจรรย์แสงแดดที่แผดจา้ กลบั พลันหายไป ความร้อนระอุ ในวนั สงกรานตก์ บ็ งั เกิดมเี มฆดำมดื ทะมนึ ลมป่นั ป่วน ฟา้ คะนอง และบันดาลให้มฝี นโปรยลงมาทำให้เกดิ ความเยน็ ฉ่ำและ เกิดความปิติ ยินดีกันโดยทัว่ หนา้ ประชาชนที่มาต่างก็พากันตั้งจิตรอธิษฐานเป็นหนึ่งเดียวกัน ว่า “หลวงพ่อจะทำใหเ้ กดิ ความร่มเย็นเป็นสุข ดับความร้อนร้ายคลายความทุกข์ให้หมดไป ดุจสายฝนที่เมทนีดลให้ชุ่มฉ่ำ เจริญงอกงามด้วย ธัญญาหารฉะนนั้ ” ดังน้ัน วันดงั กล่าวทต่ี รงกับวันสงกรานตห์ รือวันขึ้นปีใหมข่ องคนไทย ทางวดั จงึ ไดถ้ อื เปน็ วันสำคัญ และ ไดจ้ ดั ใหม้ งี านเทศกาลนมสั การปิดทองประจำปีหลวงพอ่ วดั ไร่ขิง สืบตอ่ มาจนถงึ ทกุ วนั นต้ี ำนานหลวงพ่อวดั ไรข่ ิงนน้ั จากคำ บอกเลา่ สืบตอ่ กนั มา หรือท่เี รียกวา่ \"มุขปาฐะ\" มหี ลายตำนาน ดังน้ี • ตำนานที่ 1 ครั้งเมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(พุก)ชาวเมอื งนครชัยศรี ได้มาตรวจเยี่ยมวดั ในเขตอำเภอสาม พราน ได้เข้าไปในพระอโุ บสถวัดไร่ขิง หลงั จากกราบพระประธานแล้ว มีความเห็นว่าพระประธานมีขนาด เล็กเกินไป จึงบอกให้ท่านเจ้าอาวาสพร้อมชาวบ้านไปอัญเชิญมาจากวัดศา ลาปูนฯ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา โดยวางลงบนแบบไม้ไผ่และนำล่องมาตามลำน้ำและอัญเชิญขึ้นประดิษฐานในพระ อโุ บสถ ตรงกับวนั พระข้นึ 15 คำ่ เดอื น 5 วนั สงกรานตพ์ อดี • ตำนานที่ 2 วัดไร่ขงิ สรา้ งเมื่อปกี ุน พุทธศักราช 2394 ตรงกับปีสุดท้ายในรัชกาลท่ี 3 ต้นปี ในรัชการที่ 4 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก)ซึ่งเป็นชาวเมืองนครชัยศรี ในขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์พระราชาคณะที่ \"พระ ธรรมราชานุวัตร\" ปกครองอยู่ที่วัดศาลาปูนวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้กลับมาสร้างวัดที่บ้าน เกิดของตนที่ไร่ขิง เมือ่ สร้างพระอโุ บสถเสร็จแลว้ จึงไดอ้ ญั เชญิ พระพทุ ธรูป สำคญั องค์หน่งึ จากกรุงเกา่ ( จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา ) มาเพ่ือประดษิ ฐานไว้ในพระอโุ บสถแตก่ ารสรา้ งยงั ไม่แล้ว เสร็จสมบูรณ์ ท่านได้มรณภาพเสียก่อน ส่วนงานที่เหลืออยู่พระธรรมราชานุวัตร(อาจ จนฺทโชโต) หลานชายของท่านจึง ดำเนินงานต่อจนเรียบร้อย และบูรณะดแู ลมาโดยตลอดจนถึงแกม่ รณภาพ • ตำนานที่ 3 ตามตำนานเป็นเรื่องราวทเ่ี ล่าสืบต่อกันมาเก่ยี วกบั มีพระพุทธรูปลอยน้ำมา 5 องค์ก็มี 3 องค์ ก็มีโดยเฉพาะในเรื่องที่เล่าว่ามี 5 องค์นั้น ตรงกับคำว่า \" ปัญจภาคี ปาฏิหาริยกสินธุ์โน \" ซึ่งได้มีการเล่า เป็นนิทานว่า ในกาลครั้งหนึ่ง มีพี่น้องชาวเมืองเหนือ 5 คน ได้บวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจน สำเร็จเป็นพระอรยิ บุคคล ชั้นโสดาบัน มีฤทธิ์อำนาจทางจิตมากได้พรอ้ มใจกันตั้งสัตย์อธษิ ฐานวา่ เกิดมา ชาตินี้จะขอบำเพ็ญบารมีช่วยให้สัตว์โลกได้พ้นทุกข์ แม้จะตายไปแล้ว ก็จะขอสร้างบารมีช่วยสัตว์โลกให้ ได้พ้นทุกข์ต่อไปจนกว่าจะถึงพระนิพานครั้งพระอริยบุคคลทั้ง 5 องค์ ได้ดับขันธ์ไปแล้ว ก็เข้าไปสถิตใน พระพุทธรูปทั้ง 5 องคจ์ ะมคี วามปรารถนาท่จี ะช่วยคนทางเมืองใต้ท่ีอยู่ตดิ แม่น้ำให้ได้พน้ ทกุ ข์ จงึ ได้พากัน
ลอยน้ำลงมาตามลำน้ำทั้ง 5 สาย เมื่อชาวบ้านตามเมืองที่อยู่ริมแม่น้ำเห็นเข้า จึงได้อัญเชิญและ ประดษิ ฐานไวต้ ามวดั ตา่ งๆ มีดงั นี้ o พระพุทธรูปองค์ที่ 1 ลอยไปตามแม่น้ำบางปะกง ขึ้นสถิตที่วัดโสธรวรวิหาร เมืองแปดริ้ว จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา เรยี กกนั ว่า \"หลวงพ่อโสธร\" o พระพุทธรูปองค์ที่ 2 ลอยไปตามแม่น้ำนครชัยศรี (ท่าจีน)ขึ้นสถิตที่วัดไร่ขิงเมืองนครชัย ศรี เรยี กกันวา่ \"หลวงพ่อวัดไรข่ ิง\" o พระพุทธรูปองค์ที่ 3 ลอยไปตามแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นสถิตท่ีวัดบางพลี เรียกกันว่า \"หลวง พ่อวัดบางพลี\" แต่บางตำนานก็ว่า หลวงพ่อวัดบางพลีเป็นองค์แรกในจำนวน 5 องค์ จึง เรยี กวา่ \"หลวงพอ่ โตวัดบางพลี \" o พระพุทธรูปองค์ที่ 4 ลอยไปตามแม่น้ำแม่กลอง ขึ้นสถิตที่วัดบ้านแหลม เมืองแม่กลอง เรียกวา่ \"หลวงพ่อวดั บา้ นแหลม\" o พระพุทธรูปองค์ที่ 5 ลอยไปตามแม่น้ำเพชรบุรี ขึ้นสถิตที่วัดเขาตะเคราเมืองเพชรบุรี เรยี กวา่ \"หลวงพอ่ วัดเขาตะเครา\" ส่วนตำนานของเมอื งนครปฐมน้ันเลา่ วา่ มพี ระ 3 องค์ ลอยนำ้ มาพร้อมกนั และแสดงปาฏิหารยิ ์จะเข้าไปยงั บ้านศรี มหาโพธิ์ ซึ่งมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ จึงได้เรียกตำบลนั้นว่า \"บางพระ\" พระพุทธรูป 3 องค์ลอยไปจนถึงปากน้ำท่าจีนแล้วกลับ ลอยทวนนำ้ ขนึ้ มาใหม่ จึงเรยี กตำบลนน้ั วา่ \"สามประทวน\" หรอื \"สัมปทวน\" แต่เนอ่ื งจากตำบลทีช่ าวบ้านพากันไปชักพระ ขึ้นฝั่งเพื่อขึ้นประดิษฐาน ณ หมู่บ้านของตน แต่ทำไม่สำเร็จ ต้องเปียกฝนและตากแดดตากลมจึงได้ชื่อว่า \"บ้านลานตาก ฟ้า\" และ \"บ้านตากแดด\" ในทส่ี ดุ พระพุทธรูปองค์แรกจึงยอมสถิต ณ วดั ไรข่ งิ เรียกกนั ว่า \"หลวงพ่อวัดไรข่ ิง\" ส่วนองค์ที่ 2 ลอยน้ำไปแลว้ สถติ ขึ้นทีว่ ดั บ้านแหลมจงั หวดั สมุทรสงคราม เรยี กว่า \"หลวงพ่อวดั บ้านแหลม\" และองคท์ ่ี 3 ลอยตามน้ำไป ตามจังหวัดเพชรบุรี แล้วขนึ้ สถติ ทีว่ ดั เขาตะเครา เรียกวา่ \"หลวงพอ่ วัดเขาตะเครา\"
แหลง่ เรยี นรู้ กศน.ตำบลไร่ขงิ พิพธิ ภณั ฑ์วถิ ีชวี ิตชมุ ชนบ้านคลองผเี สื้อ พิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตชุมชนคลองผีเสื้อ ตั้งอยู่ในชุมชนเกาะลัดอีแท่น ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพาน จังหวัดนครปฐม เกาะลัดอีแท่นเป็นเกาะที่เกิดจากการขุดคลองลัด เพื่อเชื่อมคลองขุดจากแม่น้ำท่าจีนจากฝั่งหนึ่ง โดยให้ทะลุผ่านไปอีก ทางด้านหนึ่งของแม่น้ำท่าจีน พิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตชุมชนคลองผีเสื้อเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกษตรวิถีชุมชน เป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนบุคคลที่ก่อตั้งโดยคุณพนม ศรีสนิท ซึ่งเป็นคนดั้งเดิมของชุมชนเกาะลัดอีแท่น คุณพนมชื่นชอบและสะสมเครื่องมือ ทางการเกษตร รวมถึงเครื่องมือเคร่ืองใช้พื้นบ้านของภาคกลางอื่นๆ ไว้จำนวนมาก จึงคิดก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้น ในปี พ.ศ. 2557 เพ่อื จดั แสดงข้าวของที่ตนเองสะสมไว้ อาทิ เชน่ อปุ กรณก์ ารทำนา เคร่ืองมอื ทางการเกษตรสมัยก่อน จำพวกคันไถ ระหัดชกมวย มดี สมุ่ จบั ปลา หม้อตาล เคร่อื งลายคราม เปน็ ต้น https://www.facebook.com/profile.php?id=100039766932461
แหลง่ เรียนรู้ กศน.ตำบลไร่ขิง วัดท่าพูด ตำบลไร่ขงิ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ประเทศไทย วดั ท่าพดู เดิมชื่อว่า วัดเจตภูต มีเรือ่ งเล่าวา่ มีพี่น้องสองคนนั่งอยู่ใกล้จอมปลวกใหญ่ พอพชี่ ายนอนหลบั ไป น้องชายมองเหน็ ตวั แมงคาเรืองคลานออกมาจากจมูกของพชี่ ายแล้วคลานหายเขา้ ไปในจอมปลวก ต่อมาตวั เองกน็ อน หลับไปเชน่ กนั และฝนั ว่ามีภตู มาบอกวา่ มีทรัพยส์ มบัติอยูใ่ นภูเขา ขอให้ขุดสมบตั ิมาสรา้ งวัด พอสะดุ้งตืน่ ขน้ึ จึงได้ช่วยกัน ขดุ สมบัตแิ ต่ไม่พบ จงึ ไดห้ วนนึกถึงเร่ืองท่ภี ูตมาบอกและแมงคาเรืองเดินเขา้ ไปในจอมปลวก เมื่อขุดก็พบสมบตั ิ จงึ นำเงิน มาสรา้ งวัด แลว้ เรียกชือ่ วดั วา่ \"วดั เจตภตู \" ตอ่ มาคำกร่อนเปน็ วัดตะพดู และ \"วัดท่าพดู \" ตามลำดับ แต่อีกข้อมูลหนึ่ง ที่มาของชื่อมาจากต้นมะพูดที่ข้นึ บริเวณวดั จากหลกั ฐานจารึกบนแผ่นอฐิ มอญบนผนังพระอโุ บสถ สนั นิษฐานว่าสร้างสมัยอยธุ ยาตอนปลายประมาณสมยั พระ เจา้ อยู่หวั บรมโกศ โดยกลุ่มคนที่อพยพโยกย้ายมาจากกรุงศรีอยุธยาเพื่อหลบภยั สงครามหลังเสียกรงุ ศรีอยธุ ยาแก่พม่า พ.ศ. 2310 แล้วมาตง้ั ถ่นิ ฐานรมิ แมน่ ้ำทา่ จนี และในขณะนั้นวดั ท่าพดู กําลงั จะกลายเปน็ วัดร้าง เน่ืองจากไม่มพี ระภกิ ษุจำ พรรษา ชาวบา้ นทา่ พดู ทราบขา่ วว่า มพี ระภกิ ษรุ ปู หนงึ่ หนีพมา่ มาพร้อมกับชาวกรงุ ศรีอยธุ ยามาต้งั สำนกั สงฆ์ทกี่ ลางทุ่งนา จึงพร้อมใจกนั อาราธนาใหท้ ่านมาจำพรรษา ณ วัดท่าพูด มีหลวงพ่อรดซึ่งเปน็ อดีตพระราชาคณะกรงุ ศรีอยธุ ยา เปน็ เจา้ อาวาสคนแรก ครัน้ สงครามสงบ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงกอบกู้เอกราชชาติไทยได้ พระองคต์ ดั สินพระทัยจะ รวบรวมพระราชาคณะก่อนกรุงแตกกลบั มาอยู่พระอารามหลวงในกรงุ ธนบุรี ไดท้ รงให้ทหารติดตามจนพบพระอาจารยร์ ด ทวี่ ดั ทา่ พดู แต่ทา่ นขอจำพรรษาอยู่ ณ วัดท่าพดู น้ี เพราะท่านรับอาราธนาจากชาวบา้ นท่าพดู แลว้ เมอ่ื สมเด็จพระเจ้าตาก สนิ มหาราชทรงทราบจึงไดพ้ ระราชทานเรอื กญั ญา 2 ลำ คานหาม 1 อัน กระโถน และกาน้ำลายเทพนม อยา่ งละ 1 ชิน้ มาถวายเปน็ เครื่องประดับเกียรตยิ ศแก่พระอาจารยร์ ด ในสมัยรัชกาลท่ี 3 วดั ไดส้ ร้างพระจุฬามณีเจดีย์ และมีการบรู ณะพระเจดยี ์เม่อื ปี พ.ศ. 2527 ได้พบพระเขย้ี วแกว้ ภายในพระจุฬามณีเจดยี ์ ลกั ษณะเป็นแกว้ ใสเจือสีเหลืองเล็กน้อย คล้ายลกู โป่งในท้องปลาตะเพยี น ชาวบ้านเรียกวา่ โปง่ ปลาตะเพยี น ภายหลังบรู ณะ ไดท้ ำพธิ ีและอัญเชญิ ไปบรรจไุ วท้ ่ีเดมิ ในสมยั พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั วดั มี หลวงพ่อมากเปน็ เจ้าอาวาส เล่าขานกนั ว่าท่านนนั้ สามารถฟังภาษาสตั ว์ได้
พิพธิ ภณั ฑ์วัดทา่ พดู พิพธิ ภณั ฑว์ ัดท่าพูด กอ่ ต้งั ขึ้นหลังการมรณภาพของท่านพระครูพิศาลสาธวุ ัฒน์ อดีตเจา้ อาวาสวดั ท่าพูด เม่ือ พ.ศ. 2540 โดยคณะกรรมการของวัดได้มีมติให้จัดทำพิพิธภัณฑ์ของวัดขึ้นด้วยเกรงว่าวัตถุโบราณทั้งหลายจะสูญหาย โดยใช้ หอไตรของวัดเป็นพิพิธภัณฑ์ ในการจัดทำพิพิธภัณฑ์ได้มีการรวบรวมโบราณวตั ถุเก่าแก่และมีคา่ ที่เป็นวัตถดุ ั้งเดมิ ของวัด ต่อมาได้มีการขยายพื้นที่จัดแสดงปัจจุบันมีอาคารจัดแสดง 3 หลังได้แก่ อาคารหลังแรก เดิมเป็นหอไตรของวัด เป็น อาคารชั้นเดยี วใตถ้ ุนสูง ต่อมาดัดแปลงใหจ้ ัดแสดงสิ่งของทง้ั ชน้ั บนและลา่ ง ของสำคญั อาทิ พระยานมาศ กระโถนถมปัทม์ กานำ้ ชา และหวั เรือกญั ญา ซงึ่ เป็นสิง่ ของท่ีสมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราชพระราชทานแดห่ ลวงพ่อรด เจ้าอาวาสองค์แรก ของวดั ท่าพดู อาคารหลังทีส่ อง เดมิ เป็นกฏุ ขิ องท่านเจ้าอาวาสองค์ก่อน(พระครูพิศาลสาธวุ ฒั น์) เป็นอาคารไม้สองชั้น ช้ัน ล่างจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของพระครูพิศาลสาธุวัฒน์ เครื่องลายคราม ธนบัตร เปลือกหอย เถรอดเพล เป็นต้น โดย สิ่งของจำนวนหนึ่งได้ขนย้ายมาจากหอไตร เพื่อมาจัดแสดงไว้ที่อาคารหลังใหม่นี้ ส่วนชั้นบน เดิมนั้นเป็นนิทรรศการ ชั่วคราว จัดแสดงกิจกรรมต่าง ๆ ของทางพิพิธภัณฑ์ ต่อมาในกลางปี พ.ศ. 2548 ทางพิพิธภัณฑ์ได้ดัดแปลงชั้นบน เป็น คลังวัตถุของพิพิธภัณฑ์ อาคารหลังที่สาม เดิมเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมของวัด ชั้นบนจัดแสดงตู้พระธรรมลายรดน้ำ ตาลปัตร หนงั สือพมิ พ์เกา่ ยอ้ นยุค รปู ถา่ ยเกา่ ของวดั เปน็ ต้น สว่ นช้นั ล่าง จัดแสดง เครื่องมือทางการเกษตร
แหลง่ เรียนรู้ กศน.ตำบลไร่ขิง ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” อำเภอสามพราน ตำบลไรข่ ิง อำเภอสามพราน จงั หวัดนครปฐม ประเทศไทย ประวตั ิความเป็นมา ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” อำเภอสามพราน ต้ังอย่เู ลขที่ 52 ม.2 ต.ไรข่ งิ อำเภอสามพราน จงั หวดั นครปฐม 73210 กระทรวงศึกษาธิการ โดยกรมการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้ดำเนินงานจัดสรา้ ง ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ใน วโรกาสทรงเจริญ พระชนมายคุ รบ 3 รอบพระนักษตั ร กรมการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) จึงได้ร่วมกับจงั หวัดนครปฐม ทำการก่อสร้างห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ข้นึ บนที่ดินของวัดไรข่ ิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยไดร้ บั ความอุปการะคา่ ใชจ้ ่ายการก่อสร้างและดำเนินงาน ทั้งหมดจากวัดไร่ขิง โดยการนำของ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินทปญโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และ ประชาชนในจังหวัดนครปฐม ซึ่งเล็งเห็นถงึ ความสำคัญของ ห้องสมุดในการเป็นแหลง่ ศึกษาค้นคว้าทางการศึกษาใหแ้ ก่ ประชาชนในจงั หวดั นครปฐม ซ่ึงเล็งเห็นถงึ ความสำคญั ของห้องสมุดในการเปน็ แหล่งศึกษาค้นคว้างทางการศึกษาให้แก่ ประชาชนในทอ้ งถ่ินและจงั หวดั ใกล้เคยี ง สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสดจ็ พระราชดำเนนิ เป็นองคป์ ระธานเปดิ ห้องสมุดประชาชน “เฉลิม ราชกมุ ารี” อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เมือ่ วนั จันทร์ท่ี 2 กุมภาพันธ์ 2547
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: