Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 4 การค้นหาข้อมูลด้วย Search English

หน่วยที่ 4 การค้นหาข้อมูลด้วย Search English

Published by Wanwisa Jaranan, 2021-12-14 14:31:41

Description: หน่วยที่ 4 การค้นหาข้อมูลด้วย Search English

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 4 การค้นหาข้อมูลด้วย Search English

สาระสำคัญ เมื่อข้อมูลบนหน้าเว็บมีปริมาณมากขึ้น การต้นหาข้อมูลโดยใช้การกวาด สายตาคงไม่เพียงพออีกต่อไป ผู้ออกแบบจำเป็นต้องสร้างเครื่องมืออำนวยความ สะดวกรวดเร็วในการค้นหา ดรียกเครื่องมือชนิดนี้ว่า “ส่วนค้นหาข้อมูล (Search) ” โดยมีกลไกการทำงานที่เรียกว่า “Search English” ซึ่งจะทำหน้าที่ค้นหาข้อมูล จากฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องหรือมี Keyword ตรงกับผู้ใช้ป้อน แล้วแสดงผลลัพธ์ เป็นรายการผลการต้นหาออกมาให้กับผู้ชมโดยสามารถจำแนก Search English ออกเป็น 2 ประเภท คือ Internet Search English เป็นการค้นหาข้อมูลภาบใน เว็บไซต์ และ External Search English เป็นการค้นหาข้อมูลภายนอกเว็บไซต์ ซึ่งในนทนี้จะมุ่งเน้นการนำรูปแบบอินเทอร์เน็ตเฟสของ External Search English มาปรับใช้

สาระการเรียนรู้ 1.ความหมายของ Search English 2.ประเภทของ Search English 3.การใช้งาน google 4.เว็บเบราว์เซอร์ Wed Browser 5.การใช้งาน Google Docs

ผลการเรียนที่คาดหวัง 1.อธิบายความหมายของ Search English ได้ 2.บอกประเภท Search English ได้ 3.สามารถใช้งาน Google ได้ 4.เข้าใช้เว็บบราวเซอร์ Wed Browser ได้ 5. สามารถใช้งาน Google Docs สร้างเอกสารได้

ความหมายของ Search English โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นหาข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดย ครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย. เสิร์ช เอนจินส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะ แสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมา ในปัจจุบัน เสิร์ชเอนจินบางตัว เช่น กูเกิล จะบันทึกประวัติการค้นหาและการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ไว้ด้วย และจะนำ ประวัติที่บันทึกไว้นั้น มาช่วยกรองผลลัพธ์ในการค้นหาครั้งต่อ ๆ ไป

ประเภทของ ประเภทที่ 1 Crawler Based Search Search Engine Engines Crawler Based Search Engines คือ เคร่ืองมือการ ค้นหาบนอินเตอร์เน็ตแบบอาศัยการบันทึกข้อมูล และ จัดเก็บข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นจำพวก Search Engine ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากให้ผลการ ค้นหาแม่นยำที่สุด และการประมวลผลการค้นหา สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้มีบทบาทในการ ค้นหาข้อมูลมากที่สุดในปัจจุบัน

ประเภทของ Search Engine Crawler Based Search Engine ได้แก่ Google , Yahoo, MSN, Live, Search, Technorati (สำหรับ blog) ส่วนลักษณะการทำงาน และ การเก็บข้อมูล ของ Web Crawler หรือ Robot หรือ Spider นั้น แต่ละแห่งจะมีวิธีการเก็บข้อมูล และการจัดอันดับ ข้อมูลที่ต่างกัน

ประเภทของ ประเภทที่ 2 Web Directory หรือ Blog Search Engine Directory Web Directory หรือ Blog Directory คือ สารบัญเว็บไซต์ที่ให้คุณ สามารถค้นหาข่าวสารข้อมูล ด้วย หมวดหมู่ข่าวสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกัน ในปริมาณ มาก ๆ คล้าย ๆ กับสมุดหน้าเหลือง ซึ่งจะมี การสร้าง ดรรชนี มีการระบุหมวดหมู่ อย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้การค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ตาม หมวดหมู่นั้น ๆ ได้รับการเปรียบเทียบอ้างอิง เพื่อหา ข้อเท็จจริงได้ ในขณะที่เราค้นหาข้อมูล เพราะว่าจะมีเว็บไซต์มากมาย หรือ Blog มากมายที่ มีเนื้อหาคล้าย ๆ กันในหมวดหมู่เดียวกัน ให้เรา เลือกที่จะหาข้อมูลได้ อย่างตรงประเด็นที่สุด (ลด ระยะเวลาได้มากในการค้นหา ซึ่งจะมีตัวอย่าง ดังนี้

ประเภทของ ODP Web Directory ชื่อดังของโลก ที่มี Search Engine Search Engine มากมายใช้เป็นฐานข้อมูล Directory 1.ODP หรือ Dmoz ที่หลายๆ คนรู้จัก ซึ่งเป็น Web Directory ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Search Engine หลาย ๆ แห่งก็ใช้ข้อมูลจากที่แห่งนี้เกือบทั้งสิ้น เช่น Google, AOL, Yahoo, Netscape และอื่น ๆ อีก มากมาย ODP มีการบันทึกข้อมูลประมาณ 80 ภาษาทั่ว โลก รวมถึงภาษาไทย (URL : http://www.dmoz.org ) 2. สารบัญเว็บไทย SANOOK ก็เป็น Web Directory ที่ มีชื่อเสียงอีกเช่นกัน และเป็นที่รู้จักมากที่สุด ในเมืองไทย (URL : http://webindex.sanook.com ) 3. Blog Directory อย่าง BlogFlux Directory ที่มีการ เก็บข้อมูลเกี่ยวกับบล็อกมากมายตามหมวดหมู่ ต่าง ๆ หรือ Blog Directory อื่น ๆ ที่สามารถหาได้จาก Make Many แห่งนี้

ประเภทของ ประเภทที่ 3 Meta Search Engine Search Engine Meta Search Engine คือ Search Engine ที่ใช้หลักการ ในการค้นหาโดยอาศัย Meta Tag ในภาษา HTML ซึ่งมีการประกาศชุดคำสั่งต่าง ๆ เป็นรูปแบบของ Tex Editor ด้วยภาษา HTML นั่นเองเช่น ชื่อผู้พัฒนา คำค้นหา เจ้าของเว็บ หรือ บล็อก คำอธิบาย เว็บหรือบล็อกอย่างย่อ ผลการค้นหาของ Meta Search Engine นี้มักไม่แม่นยำ อย่างที่คิด เนื่องจากบางครั้งผู้ให้บริการหรือ ผู้ออกแบบเว็บสามารถใส่อะไรเข้าไปก็ได้มากมายเพื่อให้ เกิดการค้นหาและพบเว็บ หรือ บล็อกของ ตนเอง และ อีกประการหนึ่งก็คือ มีการอาศัย Search Engine Index Server หลายๆ แห่งมากประมวลผลรวม กัน จึงทำให้ผลการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ไม่เที่ยงตรงเท่าที่ ควร.

การใช้งาน GOOGLE ปัจจุบันการใช้งาน Internet จะปรากฏ Web Site ให้เรา สามารถเยี่ยมชมได้มากมาย หลายประเภท และได้มีการบรรจุบ ฃข้อมูลข่าวสารอยู่ใน Web Site ต่าง ๆ ซึ่งถ้าเราต้องการค้นหา ข้อมูลที่อยู่ในระบบ Internet เราอาจใช้อุปกรณ์ Tools ที่เรียก ว่า ตัวค้นหา (Search Engine) โดยตัวค้นหา (Search Engine) นี้จะถูกบรรจุอยู่ใน Web Site ต่าง ๆ เช่น http://www.google.com,http://www.yahoo.com, http://www.lycos.com ในเอกสารนี้จะแนะนำถึงการใช้งาน ค้นหา (Search Engine) ของ http://www.google.com ซึ่ง จำเป็นตัวค้นหา (Search Engine) ที่นิยมใช้งานมากสุดและมี ฐานข้อมูล (data bass) ของ Web Site ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึงจะมีรูปแบบที่มีคำอธิบายการใช้งานเป็นภาษาไทยที่ web Site http://www.google.com

การใช้งาน GOOGLE รูปแสดงส่วนประกอบต่างๆ ในหน้าค้นหาของ www.google.co.th โดยที่มีส่วนประกอบต่างๆ คือ 1) เป็น Logo ของ www.google.com 2) เป็นช่องสำหรับใส่คำ (keyword) ที่เราต้องการ ค้นหา 3) ปุ่มช่วยเหลือการพิมพ์ ในกรณีใช้งานไม่ได้ โดย สามารถใช้เม้าส์คลิกเพื่อป้อนข้อมูล 4) ปุ่มกดสำหรับเริ่มการค้นหา 5) ปุ่มสำหรับค้นหาเว็บอย่างด่วน โดยการค้นหาจะ นำเว็บที่อยู่อยู่ในลำดับแรกที่อยู่ในลำดับแรกที่ค้นหา พบ มาเปิดให้ในหน้าถัดไปเลย

1.การใช้งาน GOOGLE ถ้าเราต้องการค้นหาคำว่า ธุรกิจ เราทำได้โดยพิมพ์คำว่า ธุรกิจ ลงในช่องสำหรับใส่คำที่ต้องการค้นหา (keyword) แล้วกดปุ่มค้นหาโดย Google

1.การใช้งาน GOOGLE จะได้ผลการค้นหาดังนี้

2. การค้นหาของ HTTP://WWW.GOOGLE.CO.TH 1.Google จะใช้เงือนไข “และ” (and) ในการค้นหาในรูป แบบของประโยคอยู่เสมอ เช่น ถ้าเราต้องการค้นหาประโยค ที่ว่า “ธุรกิจ sme”

2. การค้นหาของ HTTP://WWW.GOOGLE.CO.TH จะได้ผลการค้นหาต่อไปนี้

2. การค้นหาของ HTTP://WWW.GOOGLE.CO.TH 2. ถ้าเราต้องการใช้เงื่อนไข “หรือ”(OR) สำหรับการเชื่อม คำที่ต้องการค้นหา คือนำผลที่ค้นหาได้ของทั้งหมดมารวม กัน ซึ่งเราทำได้โดยใช้ตำว่า OR เป็นตัวอกษรใหญ่ระหว่าง ค่าที่ต้องการค้นหา เช่น ถ้าเราต้องค้นหาว่าประโยคที่ว่า “ธุรกิจ OR sme”

2. การค้นหาของ HTTP://WWW.GOOGLE.CO.TH จะได้ผลการค้นหาต่อไปนี้

2. การค้นหาของ HTTP://WWW.GOOGLE.CO.TH 3. การค้นหาของ Google สามารถค้นหาแบบเป็นกลุ่มคำ หรือเป็นวลีเราสามารถใช้เครื่องหมาย ” ” เช่น “physics momentum”

4. Google จะสามารถค้นหาไฟล์ในรูปแบบอื่น ๆ โดยประเภทไฟล์ที่ รองรับคือ 4.1 Adobe Portable Document Format 4.2 Adobe Post Script 4.3 Lotus 1-2-3 4.4 Lotus Wordpro 4.5 MacWrite 4.6 Microsoft Word 4.7 Microsoft Excel 4.8 Microsoft Power Point 4.9 Text File

5. Google สามารถตัดคำที่เป็นคำพ้องรูปโดยใช้ เครื่องหมาย ” – ” เช่นคำว่า bass มีความหมายเกี่ยว กับปลาและดนตรีในเวลาที่เราต้องการตัดความ หมายเกี่ยวกับดนตรีก็ทำได้โดยพิมพ์ว่า bass-music นอกจากนี้ยังสามารถตัดชนิดของไฟล์ที่ต้องการ ค้นหาได้ เช่น ต้องการค้นหาคำว่า bass โดยัดการ ค้นหาชนิดไฟล์ที่เป็น pdf ออกก็ทำได้โดยพิมพ์ bass-filetype : pdf

6. ในการค้นหาโดยปกติแล้ว Google จะลำคำทั่ว ๆ ไปในภาษาอังกฤษ เช่น the, to, of และอักษรตัวเดียว เพราะจะทำให้การค้นหาช้า แต่ถ้าเราต้องการรวมคำ เหล่านั้นในการค้นหาทำได้โดยใช้เครื่องหมาย + ไว้หน้า คำนั้นโดยต้องเว้นวรรคก่อน เช่น back + to nature

7. Google สามารถค้นหา link ทั้งหมดที่เชื่อมไปยัง Website นั้น โดยใช้คำว่า link แล้วตามด้วยชื่อ Website นั้น เช่น link : http://www.google.com

เว็บเบราว์เซอร์ เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการดูข้อมูลข่าวสารบนอินเทอร์เน็ต ซึ่ง เทียบได้กับยานพาหนะที่ใช้ท่องโลก World Wide Web โปรแกรมเบราว์เซอร์ทำงานโดยโปรโตคอลพิเศษที่เรียกว่า HTTP (Hypertext Transport Protocol) ในการติดต่อขอ ข้อมูลจากเว็บเซิร์ฟเวอร์ และแสดงข้อมูลตามรูปแบบของรหัส ของภาษา HTML (Hypertext Markup Language) โปรแกรมที่นิยมใช้มาก เช่น Google Chrome, Microsoft Edge (Internet Explorer), Netscape Navigator และ โปรแกรม Opera ถึงแม้ว่าจะมีหลากหลายเบราว์เซอร์ให้เลือก แต่โปรแกรม Google Chrome ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากใช้ งานได้ดีและยังแถมมาให้กับตัว Windows 7 และ Windows 10 และอื่นๆ อีกด้วย

การใช้งาน GOOGLE DOCS ความหมายของ GOOGLE DOCS Google Docs เป็นโปรแกรมประยุกต์บนเว็บฟรี ซึ่ง สามารถสร้างเอกสาร แก้ไข และ จัดเก็บแบบออนไลน์ สามารถเข้าถึงไฟล์เอกสารได้จากคอมพิวเตอร์ทุกครั้ง ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและ Web browser ผู้ใช้ Google Docs สามารถนำเข้า สร้าง แก้ไข และ ปรับปรุงเอกสาร ฟอนต์และรูปแบบไฟล์ต่าง ๆ รวม ข้อความเข้ากับสูตร , list , ตาราง และภาพ Google Docs ซึ่งสอดคล้องกับซอฟต์แวร์และ word processor ส่วนใหญ่ งานนี้สามารถเผยแพร่เป็นเว็บเพจหรือเพจ พร้อมพิมพ์ ผู้ใช้สามารถควบคุมผู้ใช้งานได้

การใช้งาน GOOGLE DOCS 1.เข้าเว็บไซต์ http://docs.google.com แล้วล็อกอินเข้าสู่ระบบ Google Docs 2.สำหรับผู้ที่เข้าใช้งาน Gmail อยู่แล้วให้คลิกที่ “เอกสาร” จะเข้าสู่หน้า Google Docs ได้ทั้นที 3.หลักจากเข้าสู่ระบบแล้ว จะพบกับหน้าเว็บไซต์ของ Google Docs พร้อมใช้

การสร้างเอกสาร การสร้่างเอกสารใน Google Docs สามารถทำได้เหมือนการใช้งานบน MS Office แต่เมื่อสร้าง เอกสารเรียบร้อยแล้ว เราสามารถกำหนดสิทธิ์ให้ใช้งานร่วมกันได้ เราสามารถทำได้ทั้งสร้างเอกสารขึ้น มาใหม่เลยบน Google Docs ได้ (ภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดของ Google Docs)

การสร้างเอกสาร ขั้นตอนการสร้าง 1.คลิกปุ่ม “สร้างใหม่” แล้วเลือก “เอกสาร” 2.เมณู และแถบเครืองมือ ที่มีลักษณะคล้ายกับโปรแกรม MS Word สามารถใช้ได้ง่าย 3.ตั้งค่าหน้ากระดาษให้ไปที่เมนู “ไฟล์” แล้วคลิก “การตั้งค่าหน้ากระดาษ..” 4.การเปลี่ยนชื่อเอกสาร เริ่มต้นการสร้างเอกสารใหม่โปรแกรมจำกำหนดชื่อเอกสาร เป็น “เอกสารไม่มีชื่อ” แต่เราสามารถกำหนดชื่อเองได้ โดยการ คลิกขวาแล้วเลือก “เปลี่ยนชื่อ” 5.พิมพ์เอกสาร และ จัดรูป 6.การแทรกภาพ สามารถแทรกภาพโดยการคลิกที่เมนู “แทรก” บนแถบเครื่องมือ จากนั้นจะปรากฏ “แทรกภาพ” ให้เรากด “Browse” เพื่ออัพโหลดรูป 7. การบันทึกของเอกสารโปรแกรมจะทำการบันทึกเอกสารให้อัตโนมัติเมื่ อมีการพิมพ์ หรือแก้ไขเอกสาร หรือถ้าเราต้องการจะบนทึกเอกสารด้วยตนเองก็ให้กดที่ปุ่ม “บันทึกเดี่ยวนี้”

การทำงานร่วมกันใน แบบออนไลน์ การสร้างเอกสารหรือทำรายงานบน Google Docs นั้น ไม่ได้แตกต่างจากการใช้งาน MS Office มากนัก ความสามารถในหลาย ๆ ด้านยังมิอาจ เทียบได้แต่ที่ Google Docs พิเศษกว่าก็คือเรา สามารถเข้าไปแก้ไขเอกสารของเราจากที่ใดก็ได้ ผ่านอินเทอร์เน็ต และยังสามารถแก้ไขเอกสารร่วม กับผู้อื่นได้พร้อมกันอีกด้วย ซึ่งสามารถประหยัด เวลาและลดค่าใช้จ่ายสมาชิกในกลุ่มไม่จำเป็นต้อง เดินทางมานั่งทำงานร่วมกัน เราสามรถช่วยกันคิด ช่วยกันทำรายงานได้จากทุกสถานที่เพียงแค่นัด เวลากันล่วงหน้า

การกำหนดสิทธิ์ใช้งานร่วมกัน 01 02 คลิกเลือก”แบ่งปัน” จากนั้น เลือก “เปลี่ยน” เพื่อกำหนดสิทธิ์ จะปรากฏหน้าต่างให้ตั้งค่า 2.1 สาธารณะทางเว็บ คือ เปิดโอกาสให้ ใครก็ได้สามารถค้นหาและเข้าถึงได้ 2.2 ทุกคนที่มีลิงก์ คือ ทุกคนที่มีลิงก์ของ เอกสารนี้สามารถเข้าถึงเอกสารได้ 2.3 ส่วนตัว คือ เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาต เท่านั้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook