Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ หน่วยที่ 2 การออกแบบสื่อดิจิทัล

ใบความรู้ หน่วยที่ 2 การออกแบบสื่อดิจิทัล

Published by Wanwisa Jaranan, 2021-11-11 12:56:02

Description: ใบความรู้ หน่วยที่ 2 การออกแบบสื่อดิจิทัล

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ รหัสวชิ า 30204-2102 ชอ่ื วชิ า สอ่ื สรา้ งสรรคธ์ รุ กจิ ดจิ ทิ ลั (ท-ป-น 2-2-3) หนว่ ยท่ี 2 การออกแบบสอื่ ดิจิทลั แผนกวชิ าคอมพวิ เตอรธ์ รุ กจิ วทิ ยาลัยเทคโนโลยแี ละการจัดการตากฟา้

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เร่อื ง การออกแบบสื่อดจิ ทิ ลั การออกแบบสื่อดจิ ิทลั (Digital Media Design) การออกแบบสอื่ ดิจทิ ัลเป็นหนึ่งในการส่อื สารแบบ Visual Communication Arts หรือ นิเทศศลิ ป์ ซง่ึ เปน็ ศลิ ปะท่ี เกย่ี วข้องกบั การสอ่ื สารทางการมองเห็น (Visual Communication) เพราะเป็นการสื่อสารไปยังผู้รับสาร ด้วยภาพเป็นสำคัญ (Visual Image) แม้จะมบี างองค์ประกอบจะมีการส่ือสารทางเสยี ง มาประกอบกต็ าม แตส่ ื่อ หลักก็ยังเป็นการ สื่อสารดว้ ยภาพ โดยเสยี งเปน็ ตวั เสรมิ ให้ภาพนนั้ สมบูรณ์ขึ้น ทง้ั นี้เพราะการรับร้ขู องมนุษย์เรานัน้ รับร้จู าก จกั ษุประสาทมากที่สดุ (รบั รูท้ างตา 83% หู 11%) Communication Arts หรือ นิเทศศาสตร์ คือ ศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับศิลปะในการสื่อสาร โดยให้ ความสำคัญกบั การสื่อสาร จากองคป์ ระกอบของการส่ือสาร กลา่ วคอื ผู้ส่งสาร และผู้รบั สาร ซง่ึ ผสู้ ่งสารอาจเป็นตัว บุคคล องคก์ ร หรอื บรษิ ทั ก็ได้ ขา่ วสารจะต้องเป็นเนื้อหาสาระท่ีผู้ส่งต้องการทจี่ ะกระจายใหป้ ระชาชนได้รับทราบ สื่อหรือช่องทาง เป็นการหาวิธีการ กระจายข่าวสารต่างๆ ไปสู่กลุ่มเป้าหมายให้ได้มาก และกว้างไกล ตาม วัตถุประสงค์ของผู้ส่ง และผู้รับสาร หรือกลุ่มเป้าหมาย จะต้องสามารถรับข่าวสารนั้นได้ โดยผู้สงสารจะต้องหา วธิ กี ารทำให้ขา่ วสารท่ีสง่ ไป ถึงผู้รบั สารไดม้ ากทสี่ ดุ Visual Communication คือ การสื่อสารด้วยการมองเห็น เป็นการสื่อสารท่ีมุ่ง ที่จะให้ความคิดความ เข้าใจของผู้อืน่ ให้เหมือนกับความคิดความเขา้ ใจของเรา หรือทำอย่างไรจึงจะเอาความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่นได้ โดย ให้มคี วามร้สู กึ นึกคิด เช่นเดียวกบั เรา เพราะธรรมชาติมนุษย์ได้รบั ข่าวสารอย่างเดยี วกันมา แตจ่ ะมคี วามเข้าใจและ ความรู้สึกนึกคิด แตกต่างกัน ออกไป การสื่อสารที่ดีก็ต้องมีการวางแผน โดยสิ่งที่ Visual Communication เห็น นั้นได้สื่อสารผ่านภาพ (Image), เครื่องหมาย (signs), ตัวพิมพ์ (Typography), ภาพวาด (Drawing), ออกแบบ กราฟฟิก (Graphic Design), ภาพประกอบ (Illustration), สี (Color) และทรัพยากรอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Resources) เปน็ ตน้ c

Visual Communication Arts หรือ นเิ ทศศลิ ป์ หมายถึง งานศลิ ปะเพ่ือการนำเสนอใหป้ รากฎ ในรปู แบบ ต่าง ๆ ผ่าน การมองเห็นเป็นสำคัญ นอกจากจะเกี่ยวข้องกับการสื่อสารแล้ว ยังต้องเกี่ยวข้องกับวิชาการสาขา ต่าง ๆ อีกกค็ อื จติ วิทยา ธรุ กิจ เทคโนโลยี ระบวนการสรา้ งสรรค์ และศลิ ปะ Digital Media Design หรือ การออกแบบสอ่ื ดิจิทัล จึงหมายถงึ การสร้างสรรค์ผลงานในเชิงนเิ ทศศลิ ป์เพื่อ สื่อสารต่างๆ ให้กับผู้รับสาร โดยใช้สื่อระบบดิจิทัลในกระบวนการออกแบบและการสื่อสาร การออกแบบด้วยส่ือ ดิจิทัลแบง่ เป็น 2 ลักษณะ คือ 1. ผลงานการออกแบบสิ่งพิมพ์ด้วยสื่อดิจิทัล เช่น หนังสือ (Book), นิตยสาร (Magazine), วารสาร (Periodical), ภาพโฆษณา (Poster), เครื่องหมายและการค้า (Trademark & Logo), ตราสัญลักษณ์ (Logo), บรรจภุ ณั ฑ์ (Packaging) เป็นต้น 2. ผลงานการออกแบบเพื่อนำไปใช้สื่ อดิจิทัลโดยตรง เช่น Web Page, Banner, Animation, E-Newsletter, Blog, E-Book, Wallpaper, VDO เป็นตน้ ทม่ี า : https://sites.google.com/view/digitalbusinesscreativemedia/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8% A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E 0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%97-2

หลักการนำเสนอข้อมูลและสรา้ งสอื่ นำเสนอ การนำเสนองานหรือผลงานน้ันส่ือนำเสนอเปรียบเสมือนสะพานเช่ือมเน้ือหา ของผ้บู รรยายไปยังผู้ฟังและ ผู้ชม ดงั น้ันสื่อจงึ มบี ทบาทสำคัญอย่างมาก ส่อื ที่ดี จะช่วยให้การถา่ ยทอดเนื้อหาสาระทำได้อย่างรวดเรว็ ยิง่ ขึ้น ผู้ฟัง และผู้ชมจะสามารถ จดจำเนอ้ื หาสาระไดน้ านและเข้าใจในเน้ือหาได้ดมี ากข้ึน ความหมายการนำเสนอ การนำเสนอ ข้อมูล หมายถึง การสื่อสารเพื่อเสนอข้อมูล ความรู้ ความคิดเห็น หรือความต้องการไปสู่ผู้ชม ผู้ฟังโดยใช้เทคนิค หรอื วิธีการตา่ ง ๆ อนั จะทำให้บรรลุ ผลสำเร็จตามจดุ มุ่งหมายของการนำเสนอ จุดมงุ่ หมายในการนำเสนอ 1. เพือ่ ใหผ้ ชู้ ม ผ้ฟู ังรับเข้าใจสาระสำคัญของการนำเสนอข้อมูล 2. ให้ผูช้ ม ผู้ฟังเกดิ ความประทับใจและนำไปสคู่ วามเช่ือถือในข้อมลู ที่นำเสนอ การนำเสนอผลงานโดยใช้สื่อโสตทัศนูปกรณ์ มีผลในทางจิตวิทยาการเรียนรู้ ซึ่งได้มีการ ค้นพบจากการ วิจัยว่าการรับรู้ข้อมูลโดยผ่านทางประสาทสัมผัสสองอย่าง คือ ตา และหูพร้อมกันนั้น ทำให้เกิดการรับรู้ที่ดีกว่า ส่งผลในด้านความสามารถในการจดจำได้มากกว่าการรับรู้โดยผ่านตา หรือ หูอย่างใดอย่างหนึง่ เพียงอย่างเดียว จึง ไดม้ กี ารพัฒนาสือ่ โสตทศั นูปกรณร์ ปู แบบต่าง ๆ ขนึ้ มาใช้งาน โดยเฉพาะส่อื ประสม หลกั การพ้ืนฐานของการนำเสนอผลงาน มีจุดเน้นสำคัญดังน้ี 1) การดึงดูดความสนใจ โดยการออกแบบใหส้ ิง่ ท่ปี รากฏต่อสายตานั้นชวนมอง และมคี วามสบายตาสบายใจขึน้ เม่อื ชมการนำเสนอ ดังน้ันการเลอื กองค์ประกอบตา่ ง ๆ เชน่ สีพื้น แบบ สี และขนาดของตวั อกั ษร รปู ประกอบ ต้องเหมาะสม สวยงาม 2) ความชัดเจนและความกระชบั ของเนื้อหา สว่ นท่ีเป็นขอ้ ความตอ้ งสนั้ แต่ได้ใจความชดั เจน ส่วนทเ่ี ป็นภาพประกอบต้องมีส่วนสัมพนั ธ์อย่างสร้างสรรค์ กับข้อความที่ต้องการสื่อความหมาย การใช้ภาพประกอบ มีประโยชน์มาก ดังคำพังเพยภาษาอังกฤษที่ว่า \"A picture is worth a thousand words\" หรือ \"ภาพภาพหนึ่งนั้นมีค่าเทียบเท่ากับคำพูดหนึ่งพันคำ\" แต่ประโยคนี้ คงไมเ่ ปน็ จริงหากภาพน้นั ไม่มีความสัมพนั ธ์ อยา่ งสร้างสรรค์กับความหมายท่ีต้องการสอ่ื ดงั นน้ั กอ่ นท่จี ะตัดสินใจใช้ ภาพใดประกอบ จึงควรตอบคำถาม ให้ได้เสยี กอ่ นวา่ ต้องการใช้ภาพเพื่อสื่อความหมายอะไรและภาพทีเ่ ลือกมาน้นั สามารถทำหน้าท่ีส่ือความหมายเช่นนัน้ จริงหรือไม่ 3) ความเหมาะสมกับกลมุ่ เป้าหมาย การสร้างจดุ เน้นตามข้อ 1 และ 2 ข้างต้นต้องคำนึงถงึ กลุ่มเป้าหมายด้วย เช่น กลุ่มเป้าหมายเปน็ เด็ก การ ใช้สีสด ๆ และภาพการ์ตูนมีความเหมาะสม แต่ถ้ากลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใหญ่และเนื้อหาที่นำเสนอเป็นเรื่องวิชาการ หรอื ธุรกิจ การใช้สสี ันมากเกนิ ไปและการใชร้ ปู การ์ตนู อาจทำให้ดูไมน่ ่าเช่ือถือเพราะขาดภาพลกั ษณ์ของการเอาจริง เอาจงั ไป

หลักการเลือกใช้ซอฟตแ์ วรส์ ำเรจ็ รูปเพ่ือการนำเสนองาน พรพิมล อรัญเวศ ได้เสนอหลักการเลือกซอฟต์แวร์ และหลักการนำเสนอผลงานโดยใช้ซอฟต์แวรไ์ ว้ ดังนี้ 1) ทำความเข้าใจกับงานท่ีเราต้องการนำเสนอ ก่อนการเลือกระบบสารสนเทศมาใช้ในการนำเสนองานนั้น เราต้องเข้าใจถึงลักษณะงานที่เราต้องการ นำเสนอก่อนว่า เป็นงานในลักษณะใด เช่น เป็นข้อความ หรือมีการคำนวณหรือเป็นงานที่เก่ียวกับการค้น การเก็บ รักษาข้อมูล เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกระบบสารสนเทศทเี่ หมาะสมกบั งานนัน้ ๆ 2) เลือกโปรแกรมสำเร็จรปู มาใช้ เมอื่ ทราบลักษณะของงานท่ตี ้องการนำเสนอแลว้ เราจะเลือกระบบสารสนเทศที่เหมาะสมกับการนำเสนอ งานนั้น งานบางอย่างเราอาจใช้ระบบสารสนเทศในการนำเสนอได้หลายอย่าง เราอาจต้องเลือกว่าจะใช้ระบบใด ผู้ใช้ต้องมีความเข้าใจในความสามารถของระบบนั้น โดยเฉพาะในส่วนของซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมว่าแต่ละ โปรแกรมมคี วามสามารถใดบ้าง เราอาจจะต้องทำการประเมินวา่ โปรแกรมใดมีความเหมาะสมเพยี งใด แล้วจึงเลือก โปรแกรมท่ีเห็นว่าเหมาะสมทีส่ ดุ 3) จดั หาเครื่องมือตามความต้องการของซอฟตแ์ วร์ ซอฟตแ์ วร์หรอื โปรแกรมแตล่ ะโปรแกรมมีความสามารถไมเ่ หมอื นกนั ขนาดของโปรแกรมกไ็ ม่เทา่ กัน ทำให้ ความต้องการของฮาร์ดแวร์ในการทำงานตามโปรแกรมน้ันแตกต่างกัน ในคู่มือการใช้งานโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ นั้นจะบอกข้อกำหนดของฮาร์ดแวร์ที่ต้องการสำหรับการใช้งานไว้ว่าจะต้องมีส่วนประกอบอะไรบ้าง เราจะต้อง จัดหาฮาร์ดแวร์ให้ได้ตามข้อกำหนดนั้นเพื่อให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับระบบ โปรแกรมสำเร็จรปู ทีใ่ ช้กบั ไมโครคอมพิวเตอร์น้นั สว่ นใหญส่ ามารถนำมาใช้กบั ไมโครคอมพิวเตอร์มาตรฐานท่ีมีขาย ทั่วไปได้เลย ยกเว้นอุปกรณ์ประเภทเครื่องพิมพ์ที่อาจเลือกได้ตามความต้องการว่าเป็นเครื่องพิมพ์สีขาว/ดำ หรือ หลายสี จอภาพจะใชข้ นาดใหญ่ก่ีนว้ิ หรือฮาร์ดดิสก์ทอ่ี าจต้องดขู นาดความต้องการว่าซอฟตแ์ วร์มีขนาดเทา่ ใด และ ฮาร์ดดิสก์จะพอใช้หรือไม่ เพราะในไมโครคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องนั้นเรามักจะบรรจุโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ไว้ หลายชนิด และปริมาณแฟ้มข้อมูลที่มีอยู่เดิมอาจมากจนกระทั่งพื้นที่ที่เหลือไม่เพียงพอต่อการใช้งานโปรแกรม สำเร็จรูปใหมน่ ้นั 4) การใช้งานโปรแกรม ในการใช้งานนั้น นอกาจากผู้ใช้จะต้องทำความเข้าใจการทำงานของฮาร์ดแวร์ว่าใช้งานอย่างไรแล้ว รายละเอียดการใช้งานซอฟต์แวร์ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้จะต้องทำความเข้าใจใหช้ ัดเจนก่อนการใช้งาน ส่วนใหญ่จะ ศึกษาจากคู่มือของโปรแกรมสำเร็จรูปนั้นเพื่อความเข้าใจในความสามารถก่อน ปกติแล้วคู่มือการใช้งานมาจาก เจ้าของผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ซึ่งมักจะอธิบายถึงความสามารถตามฟังก์ชั่นที่มีอยู่ แต่มักจะไม่ค่อยมีตัวอย่างการ ประยุกต์ใช้ ผู้ใช้ต้องทดลองเอง จึงได้มีผู้ที่มีความรู้ความสามารถในโปรแกรมนั้น ๆ ทำคู่มือการใช้งานในลักษณะ การประยกุ ต์ มีตวั อยา่ งของงานแสดงให้เหน็ ทำให้สามารถเรยี นรไู้ ด้รวดเร็วข้ึนและในปัจจุบนั น้ีมีการทำคู่มือการใช้ งานในรูปของสื่อคอมพิวเตอร์ที่เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น ทำเป็นซีดีการใช้งาน เป็นต้น ฉะนั้นผู้ใช้งานที่ยังไม่มี ประสบการณ์จงึ ควรเรยี นร้จู ากคูม่ ือการใชง้ าน ทำความเขา้ ใจใหช้ ัดเจนกอ่ น แลว้ จงึ ลงมอื ปฏิบตั ดิ ้วยตนเอง

รูปแบบการนำเสนอข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์ ปจั จบุ ันทีน่ ิยมใชก้ ันมี 2 รูปแบบ คอื 1. การนำเสนอแบบ Web page เป็นรูปแบบการนำเสนอที่ใช้บนอินเทอร์เน็ต การนำเสนอแบบนี้สามารถสร้างการเช่ือมโยงทีส่ ลับซับซอ้ น ระหว่างส่วนต่าง ๆ ตลอดจน สามารถสร้างการเชื่อมโยงเอกสารที่ต่างรูปแบบกันได้แต่ต้องใช้เวลาในการจัดทำ มากกวา่ รปู แบบอน่ื และผูจ้ ดั ทำต้องมคี วามรคู้ วามชำนาญในโปรแกรมทีใ่ ชส้ รา้ งเว็บเพจ 2. การนำเสนอแบบ Slide Presentation เป็นการนำเสนอโดยใช้โปรแกรมนำเสนอ ซึ่งเป็นโปรแกรม ที่ใช้ง่ายมากมีรูปแบบการนำเสนอให้เลือกใช้ หลายแบบ สามารถเรียกใช้ตาราง แผนภูมิ หรือรูปภาพประกอบ และตกแต่งด้วยสีสัน ทั้งสีพื้น สีของตัวอักษร รูปแบบฟอนต์ ของตัวอักษรได้ง่ายและสะดวก ในปัจจุบันสื่อนำเสนอรูปแบบ Slide Presentationหรือ สไลด์ ดิจิทัล มักจะสร้างด้วยโปรแกรมในกลุ่ม Presentation เช่น Microsoft PowerPoint, OfficeTLE Impress เทคนิคการออกแบบสื่อนำเสนอ สื่อนำเสนอที่ดี ความมีความโดดเด่น น่าสนใจ จะเน้นความคิด “ หนึ่งสไลด์ต่อ หน่งึ ความคิด ” มกี ารสรุปประเด็น หรือสาระสำคัญโดยมแี นวทาง 3 ประการในการออกแบบ ไดแ้ ก่ 1) สื่อความหมายได้รวดเร็ว สื่อนำเสนอที่ดีต้องสามารถสื่อความหมายให้ผู้ฟัง ผู้ชมได้อย่าง รวดเร็ว การออกแบบ สื่อนำเสนอในประเด็นนี้ผู้ออกแบบจะต้องทราบกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาสาระที่ ต้องการนำเสนอ สถานที่ และเวลาที่ต้องการนำเสนอเพื่อประกอบการออกแบบสื่อ เช่น กลุ่มเป้าหมาย ขนาดเล็ก สื่อควรมีให้ความสำคัญกับผู้ฟังมากกว่าเนื้อหา สามารถนำเทคนิค หรือ Effect ต่าง ๆ ของ โปรแกรมสร้างสื่อมาใชไ้ ด้อย่างเต็มที่ กลุ่มเป้าหมายที่มีลักษณะโต้ตอบ เช่นการนำเสนอทางวชิ าการ การ บรรยาย หรอื ฝึกอบรม สื่อนำเสนอควรให้ ความสำคัญกับเน้ือหารวมทั้งยังสามารถนำเทคนิค หรอื Effect ตา่ ง ๆ ของโปรแกรมสร้างส่ือ มาใช้ไดอ้ ยา่ งเต็มที่เช่นกัน กลมุ่ เปา้ หมายเฉพาะกจิ เช่นผ้บู รหิ าร นกั วชิ าการ สอื่ นำเสนอจะต้องให้ความสำคัญกบั เน้ือหาและตวั ผูน้ ำเสนอเป็นสำคัญเน้อื หาควรม่งุ เฉพาะเป้าหมายของ การนำเสนอ ไม่เน้น Effect มากนัก กลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ การนำเสนอมักใชค้ วามสำคัญกับผู้บรรยาย มากกว่าเนื้อหาที่นำเสนอ ดังนั้น สื่อนำเสนอไม่ควรเน้นที่ Effect แต่ควรให้ความสำคัญกบั ขนาดตัวอักษร สีตวั อกั ษร และลักษณะของสพี นื้ สไลด์

2) เนอื้ หาเปน็ ลำดบั สือ่ นำเสนอท่ดี คี วรมกี ารจดั ลำดบั เนื้อหาเปน็ ลำดับ มีระเบยี บ ดงู า่ ย ไมส่ บั สน สง่ิ ที่ จะชว่ ยใหก้ ารออกแบบส่อื นำเสนอท่ตี อ้ งการจัดลำดับเนือ้ หาให้เปน็ ระเบียบ และดูง่าย คอื 2.1) รปู แบบเนื้อหา สือ่ นำเสนอแต่ละสไลด์ ควรหลกี เลย่ี งการนำเสนอแบบย่อหน้า หาก ไม่สามารถหลีกเล่ียงได้ควรใช้ เทคนิคการเน้นแนวคิดหลัก (Main Idea) ในแต่ละย่อหน้าด้วยสีท่ี โดดเด่น เชน่ พื้นหลงั สขี าว ตัวอักษรสดี ำ ควรเนน้ แนวคิดหลกั (Main Idea) ดว้ ยสแี ดงเปน็ ตน้ แต่ ละสไลด์เนื้อหาไม่ควรเกิน 6 – 8 บรรทัด ควรสรุปเนื้อหาให้เป็นหัวเรื่อง (Title) และหัวข้อ (Topic) หรือแนวคดิ หลกั (Main Idea) 2.2) แบบอักษร การควบคุมการแสดงข้อความในแต่ละสไลด์ ควรให้ความสำคัญ กับ ขนาดตัวอกั ษร ดงั น้ี - หวั ขอ้ ใหญก่ ำหนดขนาดตัวอักษรใหญ่กว่าหัวขอ้ ย่อย - เลือกใชแ้ บบอักษรทเ่ี หมาะสม - เปลี่ยนลกั ษณะของตัวอักษรนนั้ ใชต้ วั หนาในขอ้ ความทีต่ ้องการเนน้ - ใชช้ ่องวา่ งในการจดั กลุ่มของเนอื้ หา - ขอ้ ความที่ตอ้ งการให้อ่านก่อน ควรจัดไวท้ ี่ตำแหนง่ มุมซา้ ยบนของหนา้ - พิมพ์ตวั อักษรลงกรอบที่วางแบบไว้แลว้ - ขึ้นหวั ขอ้ ก่อนแล้วจงึ อธิบายอย่างละเอยี ด - ใช้สีที่แตกต่างกัน หรือตวั อักษรสีสลบั กนั 3) สือ่ นำเสนอตอ้ งสะดุดตาและนา่ สนใจ ส่ือนำเสนอทีด่ ีน้นั จะตอ้ งมีจุดเด่นนา่ สนใจ สามารถดึงดูด สายตาของผู้ดู ผู้ฟังได้ ซึ่งจุดเด่นนี้ได้มาจากขนาดของตัวอักษรที่ใหญ่ หรือจากการใช้สีที่แตกต่างออกไป รวมถึง การเลือกใช้ภาพ การใช้สี และการใช้ Effect ควบคุมการนำเสนอ ที่เหมาะสมประกอบ การ นำเสนอ 3.1) การใช้ภาพ เนื่องจากภาพจะช่วยให้ผู้ชม ผู้ฟัง สามารถจดจำได้นานกว่าตัวอักษร ดังนั้น การแปลงเนื้อหาใหเ้ ปน็ รูปภาพหรือผังภาพก็เป็นเทคนิคหนึ่งทีส่ ามารถสร้างความน่าสนใจ ให้กับสื่อท่ีนำเสนอการเลือกใช้ภาพก็ควรเลือกใช้ภาพที่มีลักษณะทีเ่ หมาะสมกันและกัน คือถ้าใน สไลด์นัน้ เลือกใช้ ภาพถ่ายกค็ วรใช้ภาพถา่ ยกับภาพทุกภาพในสไลด์ แตถ่ า้ เลือกใชภ้ าพวาด ก็ควร เลือก ภาพวาดทั้งสไลด์เช่นกันดังนั้นจึงไม่ควรใช้ภาพวาดผสมกับภาพถ่าย ใส่เทคนิคที่น่าสนใจ ใหก้ บั ภาพเพอ่ื สร้างจุดเด่น การเอียงภาพ การเว้นชอ่ งว่างรอบภาพ การเปลยี่ นสภี าพให้แตกตา่ งจากปกติ ควรระวังการเลือกใชภ้ าพเป็นพนื้ หลังสไลด์ เพราะ อาจจะทำให้ผู้ชมสนใจ พื้นสไลด์มากกว่าเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ หรืออาจทำให้ผู้ชมไม่สนใจ มองสไลด์เลยก็ได้ เน่อื งจากภาพทำใหต้ วั อกั ษรไม่โดดเดน่ ไม่น่ามอง หรอื อา่ นยาก 3.2) การใช้สี การเลือกใช้สี ควรเลือกใช้สีท่ีตัดกันระหว่างสีตัวอักษร สีวัตถุ และสีพ้ืน เช่น เลือกใช้พื้นสไลด์เป็นสีขาวหรือสีอ่อน ๆ สีตัวอักษรก็ควรจะเป็นสีดำ สีน้ำเงินเข็มหรือสีแดง เลือดหมู กรณีเลือกใช้พื้นสไลด์เป็นสีเข็ม ควรเลือกใช้สตี ัวอักษรที่มองเห็นได้ชัด ในระยะไกลเช่น สีขาว สีฟ้าอ่อน ควรหลีกเลี่ยงการใช้สีในโทนร้อน เช่น สีแดงสด สีเหลือกสด สีเขียวสด สีวัตถุ สี

แท่งกราฟหรือสีของตาราง ก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับสีตัวอักษร และสีพื้นด้วย การเลือกใช้สีใด ๆ ก็ควรเปน็ สใี นชดุ เดียวกันสำหรับสไลดท์ ้งั หมด ไม่ควรใช้หนึ่งสี หนง่ึ ไลด์ 3.3) การใช้ Effect ควบคุมการนำเสนอ ไม่ควรใส่ Effect มากเกินไป เพราะจะส่งผลให้ ผู้ชม ผู้ฟัง สนใจ Effect มากกว่าเนื้อหาที่นำเสนอ หรืออาจไม่สนใจการนำเสนอเลยก็ได้ และ Effect ท่มี ากน้จี ะเปน็ การรบกวนการจดจำ การอา่ น หรอื การชมอย่างรุนแรง เลือกใช้ Effect ไม่ ควรเกนิ 3 แบบ ในแต่ละสไลดค์ วรเลือกใช้ Effectแสดงขอ้ ความทีเ่ ล่ือนจากขอบ ซ้ายมาขอบขวา ของจอ เนื่องจากธรรมชาติการอ่านของคนไทยจะอ่านข้อความจากกรอบบนลงมา และอ่านจาก ด้านซ้ายไปดา้ นขวา อปุ กรณ์ดิจิทลั ท่ชี ่วยในการนำเสนอผลงาน อุปกรณ์ดิจิทัลที่สามารถถ่ายทอดภาพและเสียงในงานนำเสนอเพื่อให้งานนำเสนอมีคุณภาพ เข้าถึงผู้ชม และผู้ฟงั ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ มดี ังน้ี 1. โพรเจกเตอร์ (Projector) เป็นอุปกรณ์ฉายภาพที่ใช้ในการนำเสนอ โดยสามารถรองรับสัญญาณภาพ จากคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวีซีดี เครื่องเล่นดีวีดี และเครื่องกำเนิดภาพอื่น ๆ แล้วแสดงผล ขยายขนาดบน จอรับภาพช่วยให้มองเห็นได้ไกลขึ้น เหมาะสำหรับการนำเสนอข้อมูลในห้องประชุม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุม สามารถมองเหน็ ภาพหรือข้อความได้อยา่ งชัดเจน

2. วิชวลไลเซอร์ (Visualizer) เป็นอุปกรณ์ฉายภาพระบบดิจิทัลประเภทหนึ่ง ซึ่งพัฒนามาจากโอเวอร์เฮด หรือเครื่องฉายขา้ มศีรษะ ใชแ้ สดงภาพวตั ถุและเอกสารสู่จอรับภาพท่มี ีอยูจ่ ริงไดเ้ ลย โดยไม่ต้องดัดแปลง อุปกรณ์น้ี เหมาะสำหรับใช้ในการนำเสนองานต่าง ๆ โดยเฉพาะครู-อาจารย์ที่สอนหนังสือ และใช้ได้ดีในการนำเสนอภาพนิ่ง มากกวา่ ภาพเคลื่อนไหว แตภ่ าพทแ่ี สดงออกมาน้ันก็ให้ความคมชัด มีสีสดใส และมีโหมดของการแสดงภาพให้ปรับ การทำงานดว้ ย การควบคมุ การทำงานสามารถทำไดโ้ ดยใชร้ ีโมต 3. กล้องถ่ายรูปดิจิทัล (Digital Camera) เป็นอุปกรณ์รับภาพที่เปลี่ยนจากฟิล์มมาเป็นอุปกรณ์ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ซ่งึ เมอ่ื ถ่ายรูปทตี่ อ้ งการแล้ว รปู จะถูกเก็บลงในหนว่ ยความจำ (memory) ทอี่ ยใู่ นกล้อง เมอ่ื ต้องการ ดูรูปทำได้โดยการถ่ายข้อมูลจากหน่วยความจำลงบนเคร่ืองพิมพ์หรือเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ภาพที่ได้จะมีขนาดตามที่ ต้องการ สามารถย่อหรือขยาย ปรับแสงหรือเงาแล้วแต่ความพอใจหรือจะเพิ่มรูปแบบก็สามารถทำได้ และเมื่อจะ ถา่ ยใหม่ กส็ ามารถใช้หนว่ ยความจำเดิมไดเ้ ลย โดยไม่ต้องเสียเงนิ ซอื้ ฟิล์ม

4. กล้องถ่ายวีดทิ ัศน์ดจิ ทิ ัล เป็นอปุ กรณ์รบั ภาพท่ีบนั ทึกขอ้ มูล ภาพนิ่ง ภาพเคลอ่ื นไหว และเสียง เกบ็ ไว้ใน หน่วยความจำแบบแฟลชภายในกล้อง สามารถย่อหรือขยาย ปรับแสงเงาของภาพได้ และในปัจจุบันสามารถ คัดลอกขอ้ มูลลงในแผ่นดวี ีดไี ดเ้ ลย โดยไมต่ อ้ งโอนลงในเครอื่ งคอมพิวเตอร์ 5. คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและคอมพิวเตอร์ขนาดสมุดบันทึกหรือโน้ตบุ๊ก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สร้างงานนำเสนอ เป็นสื่อกลางในการเชือ่ มโยงอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น โพรเจกเตอร์ เพื่อนำเสนองาน และใช้นำเสนองานผ่านจอภาพของ เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ 6. เครื่องเล่นเสยี ง หรอื เคร่ืองเล่นเอม็ พีสาม (MP3) เปน็ อปุ กรณ์ซงึ่ บรรจุข้อมูลเสียงทีใ่ ชเ้ ลน่ ในคอมพิวเตอร์ และสามารถถา่ ยโอนข้อมูลเข้าไปในคอมพวิ เตอร์ได้ โดยขอ้ มูลเสยี งน้นั ใชเ้ ทคโนโลยีบีบอดั ให้มีขนาดเล็กลงมากกว่า ข้อมูลเสียงปกติถึง 12 เท่า แม้ขนาดข้อมูลจะเล็กลง แต่คุณภาพเสียงไม่ได้เสียไป อย่างไรก็ตาม หากเรานำข้อมูล เสียงจากเคร่อื งเลน่ MP3 ไปเล่นในเครือ่ งคอมพิวเตอร์ร่นุ เกา่ จะได้เสียงในลักษณะกระตุกหรอื ใชก้ ารไม่ไดเ้ ลย

7. โทรศัพท์เคลื่อนที่บางรุ่น เป็นอุปกรณ์ตัวกลางที่ผู้ใช้สามารถนำเสนองานที่สร้างด้วยซอฟต์แวร์ ไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยต์ผ่านเครื่องโพรเจกเตอร์ได้สะดวก ง่ายต่อการติดตั้ง เพียงเชื่อมต่อโพรเจกเตอร์เข้ากับ โทรศัพทเ์ คลอื่ นทีผ่ ่านสายเคเบิล แลว้ เชอื่ มตอ่ โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นท่ดี ว้ ยบลทู ูธ นอกจากอุปกรณ์ดิจิทัลที่ช่วยในการนำเสนอผลงานแล้ว ยังมีส่วนประกอบที่สำคัญในการนำเสนองานคือ คำบรรยาย หรอื บทพากย์ ซึ่งเปน็ องค์ประกอบด้านโสตหรือเสยี งนั่นเอง โดยมวี ธิ ีการและหลกั ในการพจิ ารณาดังนี้ 1. การบรรยายสด เหมาะสำหรับการประชุมหรือสัมมนาที่ต้องการให้ผู้ชมมีส่วนร่วม เพราะผู้บรรยายใน กรณีนี้เป็นผู้ที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเนื้อหาเป็นอย่างดีรู้ว่าควรจะเน้นตรงจุดใดและปฏิกิริยาจากผู้ชมทำให้ผู้บรรยายรู้ วา่ ผชู้ มสามารถติดตามทำความเข้าใจไดเ้ พียงพอหรอื ไมร่ ู้วา่ สว่ นไหนจะต้องอธิบายขยายความมากน้อยเพียงใด 2. การพากย์ เหมาะสำหรับเนื้อหาที่สามารถถ่ายทอดได้โดยไม่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้ชม ข้อดีคือ สามารถเลือกใช้เสยี งพากยท์ ี่มคี วามไพเราะนา่ ฟัง สามารถเลือกใช้ดนตรี หรือเสียงประกอบ (Sound effect) เพ่ือ สร้างบรรยากาศ แตข่ อ้ เสียคอื ไม่มคี วามยืดหยุน่ ไม่สามารถปรับให้เหมาะสมกบั ความรู้สกึ ของผชู้ มในขณะน้นั

ทมี่ า : https://sites.google.com/view/media-business- digital/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81/%E0%B8% AB%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E 0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%97-2


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook