หน่วยที่ 3 การออกแบบ กับงานธุรกิจ
หลักการออกแบบ สาระการเรียนรู้ ประเภทของการออกแบบ การออกแบบ อักษร ข้อความ สี การออกแบบตราสัญลักษณ์ (LOGO) หลักการออกแบบมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ
หลักการออกแบบ มีดังนี้ 1. เอกภพ ( unity) 2. ความสมดุลย์ ( balance) 3. การเน้นให้เกิดจุดเด่น ( Emphasis) 4. เส้นแย้ง ( opposition) 5. ความกลมกลืน ( Harmony ) 6. จังหวะ (rhythm) 7. ความลึก / ระยะ ( Perspective) 8. ความขัดแย้ง (Contrast) 9. การซ้ำ ( Repetition)
1. ความเป็นหน่วย / เอกภพ ( Unity) ในการออกแบบ ผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงงานทั้งหมดให้อยู่ในหน่วย งานเดียวกันเป็นกลุ่มก้อน หรือมีความสัมพันธ์กันทั้งหมดของงานนั้น ๆ และพิจารณาส่วนย่อยลงไปตามลำดับในส่วนย่อยๆ ก็คงต้องถือ หลักการนี้เช่นกัน การสร้างเอกภพในทางปฎิบัติมี 2 แบบคือ - Static unity การจัดกลุ่มของ from และ shape ที่แข็ง เช่น รูปทรงเรขาคณิต จะให้ผลทรงพลังเด็ดขาด แข็งแรก และ แน่นอน - Dynamic unity เป็นการเน้นไปทางอ่อนไหวการเคลื่อนไหว ซึ่งอยู่รูปในลักษณะ gradation or harmony or contrast อย่างใด อย่างหนึ่งให้แสดงออกมาจากงานชิ้นนั้นด้วยจะทำให้งานสมบูรณ์ขึ้น การจัดองค์ประกอบที่ดีนั้นควรให้ส่วนประกอบรวมตัวเป็นอันหนึ่งอัน เดียวกันไม่แตกกระจาย การรวมตัวกันจะทำให้เกิดหน่วย หรือเอกภพ จะได้ส่วนประธานเป็นจุดสนใจ และมีส่วนประกอบต่างๆ ให้น่าสนใจ
2. ความสมดุล ( Balance ) คือ ความเท่ากันหรือเท่าเทียมกันทั้งสองข้าง แบ่งออกเป็น - สมดุลแบบทั้ง 2 ข้างเหมือนกัน (Symmetrical balance) ทั้งซ้ายขวาเหมือนกัน การสมดุลแบบนี้จะทำให้ดูมั่นคงหนักแน่น ยุติธรรม เช่น งานราชการ ใบวุฒิบัตร ประกาศนียบัตร การถ่ายรูปติด บัตรเป็นต้น - สมดุลแบบ 2 ข้างไม่เหมือนกัน (Asymmetrical balance )ด้านซ้ายและขวาจะ ไม่เหมือนกัน แต่มองดูแล้วเท่ากันด้วยน้ำหนักทางสายตา เช่น สมดุลด้วยน้ำหนัก และขนาดของรูปทรง ด้วยจุดสนใจ ด้วยจำนวนด้วยความแตก ต่างของรายละเอียด ด้วยค่าความเข้ม – จางของสี เป็นต้น
3. การเน้นให้เกิดจุดเด่น (Emphasis ) ในการออกแบบจะประกอบด้วยจุดสำคัญหรือส่วนประธานในภาพ จุด รองลงมาหรือส่วนรองประธาน ส่วนประกอบหรือพวกรายละเอียดปลีก ย่อย ต่างๆ หลักและวิธีในการใช้การเน้น - เน้นด้วยการใช้หลักเรื่อง Contrast - เน้นด้วยการประดับ - เน้นด้วยการจัดกลุ่มในส่วนที่ต้องการเน้น - เน้นด้วยการใช้สี - เน้นด้วยขนาด - เน้นด้วยการทำจุดรวมสายตา
4. เส้นแย้ง ( Opposition) เป็นการจัดองค์ประกอบโดยการนำเอาเส้นในลักษณะแนว นอนและแนวตั้งฉากมาประกอบกันให้เป็นเนื้อหาที่ต้องการ มี ลักษณะของภาพแบบเส้นแย้งในธรรมชาติรอบๆ ตัวเรา อยู่ มากมาย นับว่าเป็นรากฐานของการจัดองค์ประกอบ การจัดองค์ประกอบให้เกิดความแตกต่างเพื่อดึงดูด ความสนใจหรือให้เกิดความสนุก ตื่นเต้น น่าสนใจ ลดความ เรียบ น่าเบื่อ ให้ความรู้สึกฝืนใจ ขัดใจ แต่ชวนมอง
5. ความกลมกลืน ( Harmony ) การจัดองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกันหรือคล้ายๆ กันมาจัดภาพทำให้เกิดความนุ่มนวลกลมกลืนกันมี 3 แบบดังนี้ A. กลมกลืนในด้านประโยชน์ใช้สอย คือ ทำให้เป็นชุดเดียวกัน B. กลมกลืนในความหมาย เช่น การออกแบบเครื่องหมายการค้า และ โลโก้ C. กลมกลืนในองค์ประกอบได้แก่ - กลมกลืนด้วยเส้น – ทิศทาง - กลมกลืนด้วยรูปทรง – รูปร่าง - กลมกลืนด้วยวัสดุ – พื้นผิว - กลมกลืนด้วยสี มักใช้โทนสีที่ใกล้กัน - กลมกลืนด้วยขนาด – สัดส่วน - กลมกลืนด้วยน้ำหนัก
6. จังหวะ (Rhythm) จังหวะเกิดจากการต่อเนื่องกันหรือซ้ำซ้อนกัน จังหวะที่ดีทำให้ภาพดูสนุก เปรียบได้กับเสียงเพลงอันไพเราะในด้านการออกแบบ แบ่งจังหวะ เป็น 4 แบบ คือ - จังหวะแบบเหมือนกันซ้ำๆกัน เป็นการนำเอาองค์ประกอบหรือรูปที่เหมือ นๆ กันมาจัดวางเรียงต่อกัน ทำให้ดูมีระเบียบ ( order ) เป็นทางการ การ ออกแบบลายต่อเนื่อง เช่น ลายเหล็กดัด ลายกระเบื้องปูพื้นหรือผนัง ลายผ้า เป็นต้น - จังหวะสลับกันไปแบบคงที่ เป็นการนำองค์ประกอบหรือรูปที่ต่างกันมา วางสลับกันอย่างต่อเนื่อง เป็นชุด เป็นช่วง ให้ความรู้สึกเป็นระบบ สม่ำเสมอ ความแน่นอน - จังหวะสลับกันไปแบบไม่คงที่ เป็นการนำองค์ประกอบหรือรูปที่ต่างกัน มาวางสลับกัน อย่างอิสระ ทั้งขนาด ทิศทาง ระยะห่าง ให้ความรุ้สึกสนุกสนาน - จังหวะจากเล็กไปใหญ่ หรือจากใหญ่ไปเล็ก เป็นการนำรูปที่เหมือนกัน มาเรียงต่อกันแต่มีขนาดต่างกัน โดยเรียงจากเล็กไปใหญ่ หรือ จากใหญ่ไป เล็กอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพมีความลึก มีมิติ
7. ความลึก / ระยะ ( Perspective ) ให้ภาพดูสมจริง คือ ภาพวัตถุใดอยู่ใกลัจะใหญ่ ถ้า อยุ่ไกลออกไปจะมองเห็นเล็กลงตามลำดับ จนสุด สายตา ซึ่งมีมุมมองหลักๆ อยู่ 3 ลักษณะ คือ วัตถุ อยู่สูงกว่าระดับตาวัตถุอยู่ในระดับสายตา และวัตถุ อยู่ตต่ำกว่าระดับสายตา
8. ความขัดแย้ง ( contrast ) ความขัดแย้ง หมายถึง ความไม่ลงรอยกันเข้ากันไม่ได้ ไม่ประสาน สัมพันธ์กัน ขององค์ประกอบศืลป์ ทำให้ขาดความกลมกลืน ใน เรื่องรูปทรง สี ขนาดลักษณะผิวที่แตกต่างกัน ดังนั้นนักออกแบบ ที่ดี จะต้องลดความขัดแย้งดังกล่าว ให้เป็นความกลมกลืน จึง จะทำให้งานออกแบบมีคุณค่า ลักษณะของความขัดแย้ง เช่น ความขัดแย้งของรูปร่าง ความขัดแย้งของขนาดต่างๆ เป็นต้น
9. การซ้ำ ( Repetition ) คือ การปรากฎตัวของหน่วยที่เหมือนกันตั้งแต่ 2 หน่วยขึ้นไปเป็นการรวมตัวกันของ สิ่งที่มีอยูฝ่ายเดียวเข้าด้วยกัน เช่น การซ้ำของน้ำหนักตำ การซ้ำของเส้นตั้ง การ ซ้ำของน้ำหนักเทา การซ้ำของรูปทรงที่เหมือนกัน เป็นต้น การซ้ำสามารถใช้ประกอบโครงสร้างสิ่งต่างๆ ให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น เช่น กราฟฟิคบนบรรจุภัณฑ์ ลวดลายผ้า เป็นต้น สิ่งสำคัญของการซ้ำ คือ ส่วน ประกอบของการซ้ำและหลักการจัดองค์ประกอบของการซ้ำ เพื่อใช้เป็นข้อมูล ใน การสร้างและต้องเข้าใจในหลักการประกอบส่วนย่อยนั้นเข้าด้วยกัน ซึ่งการซ้ำสามารถแบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 รูปแบบ - การเรียงลำดับ ( Translation in step ) - การสลับซ้าย – ขวา (Reflection about line ) - การหมุนรอบจุด (Rotation about a point ) - การสลับซ้าย – ขวา และหมุนรอบจุด (Reflection and rotation) - การสลับซ้ายขวา และเรียงลำดับ ( Reflection and translation ) - การหมุนรอบจุด และเรียงลำดับ (Rotation and translation) - การเรียงลำดับสลับจังหวะ (Reflection and alternate translation ) - การผสมระหว่างเรียงลำดับ สลับจังหวะและหมุนรอบจุด ( Reflection, rotation and translation )
การออกแบบกับงานธุรกิจ สำหรับทุกธุรกิจแล้ว “การสื่อสาร” ถือเป็นสิ่งสำคัญที่อยู่ในทุกขั้น ทุกตอนของช่วงเวลาการทำธุรกิจ แต่ปัญหาและคำถามที่มักจะเกิดขึ้นก็ คือ เราจะทำอย่างไรให้การสื่อสารนั้นมีประสิทธิภาพอย่างที่ใจคิด? ในการสื่อสาร หาก “เนื้อหา” คือพระราชา “การออกแบบที่ดี” ก็น่าจะ เปรียบได้กับนกพิราบสื่อข่าวตัวเก่ง ที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ เพราะ สามารถส่งสารที่ต้องการให้ไปถึงมือผู้รับได้อย่างไม่ผิด และชัดเจน เคล็ดลับการออกแบบเบื้องต้น ที่ช่วยให้การสื่อสารการตลาดได้ อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานสื่อสารของ ธุรกิจได้ ดังต่อไปนี้
การออกแบบกับงานธุรกิจ 1. ทำให้เป็นระเบียบ การออกแบบสื่อสารนั้น มีเป้าหมายเพื่อทำให้คนที่รับสาร (audience) เข้าใจง่าย ฉะนั้น การออกแบบที่ดีส่วนใหญ่จึงมักจะออกมาเรียบร้อย เป็น ระเบียบ เทคนิคการออกแบบที่จะทำให้งานออกมาดูเป็นระเบียบนั้น สามารถ ทำได้หลายอย่าง เช่น ให้ความสำคัญกับการจัดเรียง (Alignment) การจัด Alignment จึงสำคัญเพราะเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ข้อมูลเป็นระเบียบ เพื่อรับสาร ได้ง่าย การจัดกลุ่มความใกล้ชิด (Proximity) การจัดกลุ่มข้อมูลที่มีความ หมาย หรือเรื่องที่ใกล้เคียงกันเอาไว้ด้วยกัน การทำเช่นนี้เป็นการช่วยผู้อ่านใน การจัดกลุ่มข้อมูลก่อนเบื้องต้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปตีความทุกอย่างเอง
การออกแบบกับงานธุรกิจ 2. ทำซ้ำ “คนสายครีเอท จะมาให้ทำอะไรซ้ำๆ ...ไม่ได้!” การทำซ้ำในที่นี้ หมายถึง การกำหนด “ระบบ” การใช้ออกแบบขึ้นมา เพื่อจุดประสงค์หลัก 2 ข้อ 2.1 สร้างการรับรู้ในเรื่องของแบรนด์ สื่อสารเรื่องเดิมซ้ำๆ ให้คนจำแบรนด์ ได้ เช่น ถ้ากำลังจะซื้อโค้ก ก็ต้องไปหยิบกระป๋องสีแดงโดยอัตโนมัติตาม ความทรงจำที่ฝังแน่นที่ว่า “กระป๋องแดง” = “โค้ก” แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าโค้ก เปลี่ยนดีไซน์กระป๋องไปใช้สีคู่แข่งอย่างเป๊บซี่? การทำเช่นนี้ จะทำให้โค้กเสีย รายได้ไปให้เป๊บซี่วันละเป็นล้านบาท
การออกแบบกับงานธุรกิจ 2.2 ทำให้ผู้รับสารใช้ความจำ แทนที่จะต้องมองหาและตีความใหม่ทุกครั้ง เช่น ที่ทุกครั้งที่เข้าแอปเฟซบุ๊ค แล้วพบว่าเมนูต่างๆ นั้นเหมือนเดิมทุกครั้ง? ในเรื่องของการออกแบบการสื่อสารและการออกแบบเพื่อการใช้งาน การทำ ซ้ำถือเป็นสิ่งที่แยกระหว่างงานที่ดี กับงานที่ไม่ดีออกจากกันได้ การเปลี่ยน เพื่อทำให้ดีขึ้นนั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ควรจะต้องนึกถึงความคาดหวังของคน และ เวลาที่ลูกค้าจะต้องเสียไปกับการเรียนรู้วิธีใช้งานใหม่ที่เกิดจากการ เปลี่ยนแปลงด้วยว่าคุ้มกันหรือเปล่า
การออกแบบกับงานธุรกิจ 3. รู้จักเรียกร้องความสนใจ การเรียกร้องให้เกิดความสนใจในงานออกแบบนั้นมีจุดประสงค์อยู่เสมอ เรียกร้องเพื่อให้คนสะดุด หยุด แล้วหันมามอง เรียกร้องเพื่อให้คนโฟกัสไป ยังสิ่งที่อยากให้คนสนใจหรือ เรียกร้องเพื่อให้คนตัดสินใจซื้อสินค้า สามารถ เรียกร้องความสนใจได้ โดยใช้หลักการออกแบบง่ายๆ เช่น การใช้ความแตก ต่างอย่างเห็นได้ชัดกับสิ่งที่ต้องการเน้น (Contrast) สามารถทำได้โดยการ ออกแบบสิ่งที่ต้องการเน้นให้เด่น แล้วทำให้แตกต่างจากสิ่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ขนาด สี หรือตำแหน่ง ฯลฯ การชี้นำด้วยภาพ (Visual Cue) การชี้นำด้วยภาพ ถือเป็นสิ่งที่ช่วยให้สิ่งที่ต้องการจะเน้น ได้รับความสนใจ มากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการสามารถทำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการชี้ด้วยลูกศร ตรงๆ หรือชี้นำแบบอ้อมๆ เช่น การใช้รูปคนที่มองไปทางนั้น เป็นต้น
รู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศ https://youtu.be/tMfnkx4Wutk
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: