สงขลานครินทร์ |ฉบับสังคมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์ Husband and Wife Perception as Reflected in 267 Phra Aphai Manee: Thai Famous Novel ปีที่ 21 Thailand: for Thai family Care Perpectives ฉบบั ที่ 3 ก.ค. Patchanee Somkumlung1, Wisai Kata2, - Nadnapa Arayasinlapathon3and Nutcharat Mungklakeree4 ก.ย. 2558 1M.N.S. (Master of Nursing), Assistant professor Science Nursing Administration E-mail: [email protected] 2-3M.N.S. (Master of Nursing), Lecturer Science Nursing Administration 4Ph.D. (Doctor of Philosophy (Community Health)), Assistant professor Boromarajonani College of Nursing Nakhon Phanom Abstractby SuPnhtrhaoAnpPhhaui .MDaenseceriibseas ctlhaesshicusTbhaanidp/woeifmerelationship in different aspects, such as the wife asYuk (ogre), Mianoi (luckless mistress), Miatang(married wife), servant wife and attractive wife. Thehusband is described as Phoban (leader of thefamily) but also as Choachu (husband who hassexual relationships outside marriage). Although the
มโนทัศน์สามีภรรยาภาพสะท้อนจากวรรณคด:ี ... | พชั นี สมก�ำลงั และคณะ poem does not portray actual historical facts, it does illustrate the underlying socio-cultural context of the marriage relationship. This study reveals 5 key concepts of thai family care as follows: 1) a couple building a successful family by oneness of body, mind and spirit. 2) a mutual sexual satisfaction 3) The Patriarchy concept. 4) encouragement of the social supportsystem, family counseling. 5) enforcing legal system and promotion monagamy monogamy.268 Keywords : pTfaehmraciielnpyotvhioeenla,lthPcharrae,AhpuhsabiaMndanaenad, wife Vol. 21 No. 3 Jul. - Sep. 2015
สงขลานครินทร์ |ฉบบั สังคมศาสตรแ์ ละมนุษยศาสตร์มโนทัศนส์ ามีภรรยาภาพสะท้อนจากวรรณคดี 269 พระอภยั มณี : บทวพิ ากษเ์ พ่ือการดูแล ครอบครวั ไทย ปที ี่ 21 ฉบบั ท่ี 3 พชั นี สมก�ำลงั 1, วิสยั คะตา2, ก.ค. นาฏนภา อารยะศิลปธร3 และ นุชรัตน์ มงั คละคีรี4 - ก.ย. 1พย.ม. (พยาบาลศาสตรมหาบณั ฑติ การบรหิ ารการพยาบาล), 2558 ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ E-mail : [email protected]พย.ม. (พยาบาลศาสตรมหาบณั ฑติ การบรหิ ารการพยาบาล), อาจารย์ 4ปร.ด. (พยาบาลศาสตรมหาบณั ฑติ การบรหิ ารการพยาบาล), ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครพนม มหาวิทยาลยั นครพนม บทคัดยอ่ วรรณคดีเร่ืองพระอภัยมณีของสุนทรภู่สะท้อนมโนทัศน์ความเป็นสามีภรรยาไว้อย่างน่าสนใจย่ิงไดแ้ ก่มโนทศั นเ์ รอื่ งภรรยาแบบนางยกั ษจ์ ำ� แลง เมยี นอ้ ยด้อยวาสนา เมียแต่ง เมียผู้ช่วยงาน และเมียสาวเจ้าเสน่ห์ ส่วนมโนทัศน์เร่ืองสามไี ด้แก่ สามีเจ้าชหู้ ลายรักสามีที่ลมุ่ หลงในเพศรส และ สามีท่ีเปน็ พ่อบา้ น ถงึ แม้วรรณคดี จะไมส่ ามารถนำ� มาอา้ งองิ ในฐานะขอ้ เทจ็ จรงิทางประวัติศาสตร์ได้ แต่วรรณคดีมักแสดงให้เห็นแนวคิด ความเช่ือของคนในสังคมนั้นๆ แฝงไว้เสมออย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์และวิพากษ์ ท�ำให้ได้แนวทางเพอื่ ดแู ลครอบครวั ไทย 5 ประการดงั น้ี 1) การเร่ิมต้นของการสร้างครอบครัวด้วยการผูกพันกันใน
มโนทศั นส์ ามภี รรยาภาพสะท้อนจากวรรณคดี:... | พชั นี สมก�ำลงั และคณะ ระดับร่างกาย จิตใจ และจิตวญิ ญาณ 2) การคำ� นึงถึง เพศสัมพนั ธใ์ นทางทสี่ รา้ งสรรค์ 3) การเขา้ ถงึ แกน่ แท้ ของปรัชญาสังคมนิยมชาย 4) ส่งเสรมิ ระบบสนับสนุน ทางสังคม การให้คำ� ปรึกษา 5) การบังคับใช้กฎหมาย ทใ่ี หค้ วามเปน็ ธรรม และสนบั สนนุ วฒั นธรรมผวั เมยี ใจ เดยี วอนั เปน็ หนึ่งในสญั ลกั ษณแ์ ห่งรฐั อารยะ ค�ำสำ� คัญ : การดเู เลครอบครวั , พระอภัยมณ,ี มโนทัศน์สามีภรรยา270 Vol. 21 No. 3 Jul. - Sep. 2015
สงขลานครนิ ทร์ |ฉบบั สังคมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์ 271 บทนำ� ปีท่ี 21 “พระอภยั มณ”ี เปน็ วรรณคดที โ่ี ดง่ ดงั เลม่ หนงึ่ ของไทย ผลงานการประพนั ธ์ ฉบบั ท่ี 3ของสุนทรภู่ กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ประพันธ์เป็นนิทานค�ำกลอนที่มี ก.ค.ความยาวมากถงึ 94 เลม่ สมดุ ไทย หรอื มคี วามยาวกวา่ หนงึ่ พนั สองรอ้ ยหนา้ -หนงั สอื คาดวา่ เรม่ิ ประพนั ธร์ าว พ.ศ. 2364 สนิ้ สดุ การประพนั ธร์ าว พ.ศ. 2388 ก.ย.รวมเวลามากกว่า 20 ปี ตวั ละครภายในเรื่อง นกั วชิ าการเช่ือวา่ น�ำเคา้ โครง 2558ของบุคลกิ ลักษณะบางสว่ นมาจากชวี ิตจริงของบคุ คล เช่น ลักษณะหุนหนัพลนั แลน่ และอารมณร์ า้ ยของนางผเี สอื้ สมทุ ร กบั ความขหี้ งึ ของนางสวุ รรณมาลีพ้องกับลักษณะนสิ ัยของแมจ่ นั ภรรยาคนแรกของสุนทรภู่ สว่ นลักษณะอันอ่อนหวานละมุนละไม หัวอ่อนเชื่อคนง่าย มาจากลักษณะนิสัยของแม่นิ่มภรรยาคนทส่ี อง (ปรญิ ญา ทงุ่ กระโทก, 2556) ขอ้ สนั นษิ ฐานเหลา่ นน้ั จะเปน็เรื่องจริงหรือไม่นั้นไม่ส�ำคัญเท่ากับอิทธิพลของวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีตอ่ วถิ ชี วี ติ คนไทย โดยเฉพาะมโนทศั นเ์ รอ่ื งสามภี รรยา คงไมม่ ใี ครปฏเิ สธวา่นางผีเส้ือสมุทรที่ปรากฏในวรรณคดีได้กลายเป็นภาพความจริงที่มีชีวิตอยู่ในสงั คมไทยตราบเทา่ ทกุ วนั น้ี เหตเุ พราะคนไทยใชม้ โนทศั นน์ แ้ี ทนการอธบิ ายภาพของภรรยาอารมณ์รา้ ยตลอดมา แมไ้ มส่ ามารถนำ� วรรณคดมี าเปน็ หลกั ฐานในทางประวตั ศิ าสตรไ์ ด้ แตเ่ ปน็ประดษิ ฐกรรมทางวฒั นธรรมที่ถกู สร้างขน้ึ โดยใช้ภาษาเปน็ หลกั ซงึ่ เชือ่ กนัว่าวรรณกรรมและสงั คมในยุคเดยี วกันจะมีความคิด ความเชอื่ และค่านยิ มบางอยา่ งรว่ มกนั อยู่ (ไชยรตั น์ เจรญิ สนิ โอฬาร, 2543) โดยเฉพาะวรรณคดีชอ่ื ดงั อยา่ งพระอภยั มณี ไดม้ นี กั วชิ าการจำ� นวนมากนำ� ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นฐานะผลิตผลทางวัฒนธรรมที่สอดแทรกค่านิยมและก�ำหนดคุณค่าให้กับสังคม(สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร์, 2550) เช่น การใช้เป็นค�ำสอนเพื่อการด�ำเนินชีวติ ของเด็กโดยเฉพาะตอนกำ� เนิดสุดสาคร เป็นตน้ แต่ยงั มมี โนทัศน์หนึง่ท่ียงั มีคนกลา่ วถึงนอ้ ยในวรรณคดีเรอื่ งน้ี น่ันคอื มโนทศั น์ “สามีภรรยา” ซึ่งเปน็ เรอื่ งทโ่ี ดดเดน่ ไมแ่ พเ้ รอื่ งอน่ื ๆ ทง้ั ยงั มอี ทิ ธพิ ลตอ่ ชวี ติ ผคู้ นในสงั คมวงกวา้ งและเกย่ี วขอ้ งกบั สถาบนั ครอบครวั อนั เปน็ สถาบนั ทเ่ี ลก็ ทส่ี ดุ แตส่ ำ� คญั ทสี่ ดุ ดว้ ย
มโนทศั น์สามีภรรยาภาพสะท้อนจากวรรณคดี:... | พชั นี สมกำ� ลงั และคณะ272 จากการสำ� รวจของดเู รก็ ซ์ พบวา่ ชายไทยขนึ้ แทน่ รบั ตำ� แหนง่ นอกใจคสู่ มรส เปน็ อนั ดบั หน่งึ ของโลก (โกวิท คำ� พทิ กั ษ์, 2545) ค�ำถามสำ� คัญท่ตี ามมาคอื Vol. 21 เพราะเหตใุ ดจงึ เปน็ เชน่ นนั้ แลว้ คา่ นยิ มเหลา่ นส้ี บื ทอดรนุ่ ตอ่ รนุ่ มาไดอ้ ยา่ งไร No. 3 “พระอภยั มณ”ี แมป้ ระพนั ธข์ น้ึ ในบรบิ ทสงั คมไทยสมยั สนุ ทรภู่ หากแต่ Jul. วรรณคดเี รอ่ื งนถี้ กู นำ� มาบรรจใุ นแบบเรยี นสำ� หรบั เยาวชนทพี่ ฒั นาการของ - สมองส่วนความคิดและการใช้เหตุผลยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ การคิดอย่างมี Sep. วจิ ารณญาณจงึ แตกตา่ งจากวยั ผใู้ หญท่ เี่ ขา้ ใจวา่ วรรณคดคี อื งานประพนั ธท์ ่ี 2015 มงุ่ ใหค้ วามบนั เทงิ คณุ คา่ ทางภาษาและมที มี่ าจากจนิ ตนาการของผปู้ ระพนั ธ์ อิทธิพลของวรรณคดีหรืองานประพันธ์ท่ีบรรจุทั้งในแบบเรียนและการเล่า ขานนอกห้องเรียนเหล่านี้จึงมีส่วนในการหล่อหลอมค่านิยมในชีวิตของ เยาวชนเหลา่ นนั้ อยบู่ า้ งไมม่ ากกน็ อ้ ย การวเิ คราะหม์ โนทศั นเ์ รอ่ื ง สามภี รรยา ทเ่ี ปน็ ภาพสะทอ้ นจากวรรณคดพี ระอภยั มณจี งึ เปน็ เรอื่ งทท่ี า้ ทาย และนา่ จะ เป็นประโยชนต์ อ่ ผสู้ นใจและนำ� ผลการวเิ คราะห์นีไ้ ปประยุกตใ์ ช้ตอ่ ไป บรบิ ทและภมู หิ ลงั ทางสงั คมวฒั นธรรมสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ “พระอภยั มณ”ี เปน็ วรรณคดที ปี่ ระพนั ธข์ นึ้ ในสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ ซงึ่ สงั คมไทยในยคุ นนั้ มบี รบิ ทและภมู หิ ลงั ทางสงั คมและวฒั นธรรมทแี่ ตกตา่ ง จากปจั จบุ นั อยมู่ าก เปน็ สงั คมแบบปติ าธปิ ไตย หรอื สงั คมนยิ มชายอยา่ งเดน่ ชดั บทบาทของผหู้ ญงิ ในทกุ ลกั ษณะเปน็ ไปเพอ่ื ตอบสนองระบบปติ าธปิ ไตยทงั้ สนิ้ ดังตัวอย่างตอ่ ไปน้ี ดา้ นศาสนา ความเชอื่ ในทางพทุ ธศาสนาสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ แม้ จะให้ความเสมอภาคในการเข้าถึงธรรมะส�ำหรับผู้หญิงและผู้ชายไว้อย่าง เท่าเทยี มกนั แตเ่ มอ่ื พจิ ารณาในสว่ นของขนบประเพณแี ละพธิ กี รรมอนั เปน็ กจิ กรรมทางศาสนาแลว้ พบวา่ มคี วามเหลอ่ื มลำ�้ ในการเขา้ ถงึ ศาสนาระหวา่ ง ผหู้ ญงิ และผชู้ ายอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั เชน่ ผชู้ ายไดส้ ทิ ธใิ นการบวชเรยี นตง้ั แตเ่ ลก็ จนกระท่ังบวชเป็นพระภิกษุอันเป็นหนทางน�ำสู่โลกุตรธรรม ซ่ึงฐานะน้ีจะ เกดิ กบั ชายเทา่ นน้ั นอกจากน้ี ยงั มคี วามเชอื่ วา่ การเกดิ เปน็ หญงิ มาจากผลกรรม
สงขลานครินทร์ |ฉบบั สงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์ 273ทมี่ จี ติ หวน่ั ไหวเมอื่ ประกอบกศุ ลกรรม อกี ดา้ นหนง่ึ กลา่ ววา่ การเกดิ เปน็ หญงิมาจากการปวัตติกาลหรือการลว่ งศลี ข้อกาเมสมุ ิฉาจาร (ปรชี า เสือพิทักษ,์ ปที ่ี 212554) ดงั นนั้ ความเชอ่ื ของศาสนาจงึ สง่ ผลตอ่ วรรณกรรมในยคุ สมยั นี้ ทำ� ใหช้ าย ฉบับท่ี 3มีความสูงสง่ กวา่ ผูห้ ญิงอย่างเดน่ ชัด ก.ค. - ดา้ นการศกึ ษา สงั คมสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ ไดก้ ำ� หนดบทบาทของ ก.ย.ผหู้ ญงิ และผชู้ ายไวต้ งั้ แตแ่ รกเกดิ เชน่ ถา้ เกดิ เปน็ เดก็ หญงิ ผใู้ หญจ่ ะวางเขม็ 2558กบั ดา้ ยมาไวข้ า้ งตวั เปน็ เคลด็ วา่ เมอื่ โตขนึ้ จะเกง่ ดา้ นงานบา้ นการเรอื น แตห่ ากเป็นเด็กชายจะวางสมุดดินสอเมื่อเติบโตจะมีโอกาสรับราชการเป็นเจ้าคนนายคน ดังน้ัน โอกาสทางการศึกษาจึงเป็นของผู้ชาย แม้สตรีจะมีโอกาสทางอักขรวิธีบ้างในสมัยรัชกาลที่ 2 แต่ก็จ�ำกัดอยู่ในวงสังคมชั้นสูงและเพ่ือเตรยี มพรอ้ มจะเปน็ แมบ่ า้ นแมเ่ รอื น เพราะคา่ นยิ มของสงั คมสมยั รตั นโกสนิ ทร์ตอนตน้ นนั้ มงุ่ ทจี่ ะใหผ้ หู้ ญงิ ไดร้ บั การศกึ ษาอบรมทางดา้ นหตั ถศกึ ษา เคหศาสตร์ตลอดจนการปรนนิบตั ิบรุ ุษเชน่ บิดา สามีและบตุ รชายมากกวา่ จะเนน้ หนักดา้ นอกั ขรวธิ ี (พพิ าดา ยงั เจรญิ และสวุ ดี ธนประสทิ ธพิ์ ฒั นา, 2529 ) หากเรานำ� ลกั ษณะเฉพาะดงั กลา่ วมาพจิ ารณา ผหู้ ญงิ มกั จะถกู จำ� กดั ใหใ้ ชช้ วี ติ อยใู่ นพ้ืนที่ส่วนตัว (private) มีเพียงผู้ชายเท่าน้ันที่มีบทบาทส�ำคัญในพื้นท่ีสาธารณะ (public) จะมีก็แต่ด้านเศรษฐกิจท่ีผู้หญิงมีความเด่นชัดมากถึงระดบั เปน็ ผนู้ ำ� ในดา้ นธรุ กจิ บางประเภทซงึ่ มลี กั ษณะทต่ี อ้ งขอสมั ปทานจากรฐักลา่ วคอื เปน็ คนกลางรบั ซอื้ สนิ คา้ เปน็ นายเงนิ รบั ซอื้ ทาส ดแู ลทาส เปน็ กำ� นนัตลอดจนมีหนา้ ท่ดี ูแลจัดเกบ็ เงินอากรตลาดตามรายการสนิ คา้ ทีถ่ ูกก�ำหนดเปน็ ตน้ สว่ นผชู้ ายตอ้ งทำ� งานรบั ราชการตามกำ� หนดกฎเกณฑจ์ งึ ทำ� ใหผ้ ชู้ ายขาดทกั ษะในการประกอบอาชพี เนอ่ื งจากไมม่ รี ะยะเวลาในการฝกึ ฝนอาชพีบทบาททางเศรษฐกิจในครอบครวั จงึ ได้รบั การถา่ ยโอนมาเปน็ ของผู้หญิง ด้านกฎหมาย การเมือง การปกครอง ในสมยั รัตนโกสนิ ทรต์ อนตน้ ใช้กฎหมายตราสามดวงในการปกครองซึ่งเป็นกฎหมายท่ีให้สิทธิกับผู้หญิงค่อนข้างมาก เช่น การรับมรดกหรือการยกระดับทางสังคม ท�ำให้สถานะตามกฎหมายของผู้หญิงสยามดีกว่าผู้หญิงอื่นอีกหลายประเทศในเอเชีย
มโนทศั นส์ ามีภรรยาภาพสะท้อนจากวรรณคดี:... | พัชนี สมก�ำลงั และคณะ274 อยา่ งไรกต็ าม หากพจิ ารณาจากกฎหมายพระไอยการลกั ษณะผวั เมยี นอกจาก ชายสามารถมภี รรยาได้ 3 ประเภทแลว้ ฐานะของหญงิ ยงั เป็นรองฝ่ายชาย Vol. 21 อยูม่ าก นบั ตัง้ แตเ่ มยี กลางเมอื งซ่ึงกลา่ ววา่ เป็น “หญิงอันบดิ ามานดากมุ มือ No. 3 ใหเ้ ปนเมยี ชาย” เมยี กลางนอกซงึ่ กลา่ ววา่ “ชายขอหญงิ มาเลยี้ งเปนอนภุ รรยา หลน่ั เมยี หลวงลงมา” และเมยี กลางทาสี ซง่ึ กลา่ ววา่ “ชายชว่ ยไถไ่ ดม้ าเหนหมด Jul. หนา้ เลยี้ งเปนเมยี ” แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความตำ�่ ตอ้ ยของเพศหญงิ ทเี่ ปน็ เสมอื นภณั ฑะ - ทางเพศของชาย (sexual property) ทจ่ี ะซอ้ื ขายแลกเปลย่ี นกนั อยา่ งไรกไ็ ด้ Sep. ตามแตจ่ ะตกลง นอกจากนห้ี ากมกี ารละเมดิ ประเวณขี องฝา่ ยชายและฝา่ ยหญงิ 2015 กฎหมายตราสามดวงจะกำ� หนดโทษฝา่ ยหญงิ ไวร้ นุ แรงกวา่ (หลยุ ส์ ดปู ลาสตร์ อ้างใน ไพโรจน์ กัมพูสิริ, 2533 (ผแู้ ปล)) มโนทศั น์เกยี่ วกับ “ภรรยา” จากวรรณคดพี ระอภัยมณี 1. นางยักษจ์ ำ� แลง นางยกั ษจ์ ำ� แลงหรอื นางผเี สอื้ สมทุ รในวรรณคดพี ระอภยั มณเี ปน็ มโนทศั น์ ทชี่ ายไทยใชแ้ ทนภาพภรรยามาชา้ นาน เมอ่ื พเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรมนางผเี สอื้ สมทุ ร จะพบว่า ภรรยาตามมโนทัศนน์ ีม้ ีลักษณะสำ� คัญ คือ เมือ่ แรกพบกส็ วยราว นางฟา้ และเผยเรอื นรา่ งอปั ลกั ษณต์ ามกาลเวลาทเ่ี ปลยี่ นไป ซง่ึ แตกตา่ งจาก พระอภัยมณที ไี่ ม่เปลย่ี นแปลงไปมากมาย แมก้ าลเวลาจะเปลี่ยนไป ยังคง หล่อเหลาเจ้าส�ำอางดังเดิม ซึ่งสุนทรภู่บรรยายว่า “ท้ังทรวดทรงองค์เอวก็ ออ้ นแอน้ เปน็ หนุ่มแน่นน่าชมประสมสอง” (ตำ� รา ณ เมอื งใต,้ 2548) ดงั นน้ั พระอภยั มณีจงึ เปน็ ท่พี ึงใจของผหู้ ญิงเม่ือพบเห็นไมส่ ร่าง ไม่เวน้ แม้จะเปน็ สาวสวยรวยเสน่ห์อย่างนางละเวงวัณฬา นางผเี สอ้ื สมทุ รมกั ถกู ตงั้ เปน็ สมญานามใหก้ บั ภรรยาทอ่ี ปั ลกั ษณ์ มรี ปู รา่ ง ใหญ่โตปล่อยเน้ือปล่อยตัวให้น่าเกลียด โดยเฉพาะเมื่อแต่งงานอยู่กินกับ สามีนานหลายปี ซ่ึงแตกต่างจากเม่ือแรกพบอย่างมาก ซ่ึงเป็นเหตุให้เกิด ความไม่พึงใจและเบื่อหน่ายของผู้เป็นสามี จิตใจดุร้าย หึงหวงเอ็ดอึง ไม่เกรงใจใคร ชอบการบีบบังคับไม่ใหอ้ ิสระและเสรีภาพแก่สามี ทา่ ทกี ริ ิยา
สงขลานครินทร์ |ฉบบั สงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์ 275เกินงาม แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเปิดเผย ท�ำให้บรรยากาศในบา้ นไมม่ คี วามสขุ สรา้ งความหวาดกลวั แกผ่ รู้ ว่ มชายคา ไมท่ ำ� หนา้ ทแี่ มต่ าม ปีท่ี 21ทค่ี วรจะเปน็ ภาพของนางผเี สอ้ื สมทุ รทเ่ี ดน่ ชดั คงไมพ่ น้ เนอ้ื ความในตอนนี้ ฉบับท่ี 3“อียักษาตาโตโมโหมาก รูปก็กากปากก็เปราะไม่เหมาะเหม็ง นมสองข้าง ก.ค.อยา่ งกระโปรงดโู ตงเตง ผวั ของเอง็ เขาระอาไมน่ า่ ชม” (ตำ� รา ณ เมอื งใต้ , 2548) - ก.ย. 2. เมยี นอ้ ยดอ้ ยวาสนา 2558 ภาพของนางเงอื กนอ้ ยทถ่ี กู บรรยายผา่ นวรรณคดเี รอื่ งนไี้ ดส้ ะทอ้ นมโนทศั น์ผหู้ ญงิ ทหี่ ลวมตวั ปลงใจเปน็ เมยี นอ้ ย เมยี เกบ็ ใหก้ บั ผชู้ ายไดด้ ที เี ดยี ว ทง้ั ในดา้ นเหตผุ ลของการตดั สนิ ใจและวถิ ชี วี ติ ในภายหลงั การตกเปน็ เมยี นางเงอื กสาวในสายตาของพระอภัยมณีนั้นช่างแสนดีและรูปร่างงามเด่นไม่แพ้ใครทง้ั ยงั คอยใหค้ วามเหน็ อกเหน็ ใจในยามยาก ตา่ งจากเมยี แรกทเ่ี อาใจตนเปน็ ใหญ่จะอยา่ งไรกต็ ามทา้ ยสดุ ถงึ จะทำ� ตวั ดเี พยี งไร กเ็ ปน็ ไดเ้ พยี งเมยี ชวั่ คราว และขาดอ�ำนาจในการต่อรอง จ�ำต้องระทมทุกข์อยู่ล�ำพังในท่ีสุด ดังความตอนหนึง่ ว่า“อกี ทุกขห์ นึง่ ถึงตวั ทผ่ี วั รา้ ง เปรยี บเหมอื นอยา่ งหญงิ รา้ ยอายอดสูฝงู มัจฉานาคินทรใ์ นสินธู ทล่ี ่วงรกู้ จ็ ะวา่ เป็นราค”ี (ต�ำรา ณ เมืองใต้ , 2548) ซำ�้ รา้ ยการเปน็ เมยี นอ้ ยนน้ั ตอ้ งมชี วี ติ ทหี่ ลบๆ ซอ่ นๆ อยา่ งไรกไ็ มเ่ ปน็ท่ียอมรับ เพราะสังคมมองเห็นเป็นความผิดปกติ ดังภาพของนางเงือกที่มีหางอย่างไรอย่างนั้น จะเล้ียงดูอบรมลูกที่ให้ก�ำเนิดยังมิอาจท�ำได้ น�ำความเสอ่ื มเสยี และสรา้ งความทกุ ขเ์ ดอื ดรอ้ นแกบ่ พุ การี เชน่ เดยี วกบั นางเงอื กทสี่ นิ้ พอ่ เสยี แมด่ ว้ ยเรอ่ื งสามขี องคนอนื่ ทา้ ยทส่ี ดุ กม็ คี า่ เพยี งทพี่ กั กายหยอ่ นใจของผู้ชายจากความวุ่นวายในครอบครัวเท่าน้ัน ไม่ได้รับการอุปถัมภ์ค�้ำชูตามควรจะเปน็ ไดแ้ คค่ �ำสัญญาเพยี งลมๆ ไมห่ วนคนื เห็นค่า เชน่ เดยี วกบัพระอภยั ท่ีไมเ่ คยแมจ้ ะพูดถงึ นางเงือกสาวอีกเลย
มโนทัศนส์ ามภี รรยาภาพสะท้อนจากวรรณคด:ี ... | พัชนี สมกำ� ลัง และคณะ276 3. เมยี แตง่ สวุ รรณมาลนี บั เปน็ ตวั แทนภรรยาทมี่ าพรอ้ มกบั อำ� นาจบารมี ความสวย Vol. 21 ที่มาพร้อมกบั ความรวย เป็นเมียทไ่ี ดร้ ับการยกยอ่ งใหเ้ กียรติ แสดงให้เหน็ No. 3 ความทดั เทยี มในยศเกยี รตเิ สมอกนั กบั ชายทเ่ี ปน็ สามี สญั ลกั ษณข์ องเมยี ใน มโนทศั นน์ ค้ี อื การแตง่ งาน จะเหน็ วา่ นางผเี สอ้ื สมทุ รคอื ตวั แทนเมยี ทไ่ี ดโ้ ดย Jul. ไม่ไดต้ ้งั ใจและนำ� ความยงุ่ ยากใจมาใหต้ ลอดเวลาทอ่ี ย่รู ่วมกนั นางเงอื กคือ - เมยี ท่เี ป็นไปไม่ไดใ้ นโลกของความจริงดงั ทกี่ ล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ซ่งึ แตกตา่ ง Sep. จากนางสวุ รรณมาลอี ยา่ งสนิ้ เชงิ ทเ่ี ปน็ เมยี เดยี วทพี่ ระอภยั มณเี ขา้ รว่ มพธิ แี ตง่ งาน 2015 จากการแต่งงานนี้ท�ำให้นางสุวรรณมาลีดูเป็นผู้ท่ีมีสิทธิในตัวสามีมากกว่า หญิงอืน่ ใด และพระอภยั มณกี ็เกรงใจเธอไมน่ ้อย เปน็ เมยี ท่ตี อ้ งรับผิดชอบ ตอ่ ญาตฝิ า่ ยสามแี ละงานบา้ นการเมือง ดูจะเป็นเงาสะท้อนใหเ้ หน็ ภาพของ เมยี แตง่ ไดด้ เี หลอื เกนิ วา่ เธอตอ้ งมที ง้ั คณุ สมบตั ิ รปู สมบตั ิ และการปรนนบิ ตั ิ อยา่ งไรกต็ ามสง่ิ หนง่ึ ทเ่ี ธอตอ้ งพบเจอซง่ึ ถอื เปน็ ขอ้ สอบวดั ความสามารถใน แบบฉบบั การเปน็ เมยี แตง่ ของสงั คมไทย คอื การรกั ษาเสถยี รภาพของครอบครวั ในยามทีส่ ามนี อกใจ ภาพการสรู้ บปรบมือกับนางละเวงวัณฬานบั เปน็ ฉาก ทเี่ ดน่ สำ� หรบั เธอ แลว้ บทพสิ จู นค์ วามสำ� เรจ็ อยา่ งทส่ี ามพี งึ ใจและคาดหวงั กค็ อื การยอมรบั พฤตกิ รรมเจา้ ชู้ ใหอ้ ภยั ความเขา้ ใจ สดุ ทา้ ยจบลงดว้ ยการปรบั ตวั เพอื่ ใหค้ รอบครวั อยไู่ ด้ ถงึ แมเ้ ธอตอ้ งหวานอมขมกลนื ไปตลอดชวี ติ กต็ ามที เพราะน่ันถือเป็นศักดิ์ศรีของเมียแต่ง มโนทัศน์เมียแต่งในแบบนางสุวรรณ มาลนี ้ียงั คงพบเหน็ อยู่มากในสงั คมไทย 4. เมยี ผชู้ ว่ ยงาน ผหู้ ญงิ วยั สามสบิ ส่ี รปู รา่ งอปั ลกั ษณแ์ ตม่ ปี ญั ญาเปน็ เลศิ นามวา่ นางวาลี คือภรรยาอีกคนของพระอภัยมณี ถึงแม้เจ้าหล่อนจะไม่ได้มีรูปเป็นทรัพย์ เหมือนหญิงอื่นแต่หากว่ามีปัญญาเป็นอาภรณ์ประดับกาย นางวาลีผู้นี้จึง เปน็ ตวั แทนของเมยี ผชู้ ว่ ยแบง่ เบาภาระ เปน็ หญงิ ทม่ี สี ตปิ ญั ญาดี ลกั ษณะเดน่ คือให้ความสนใจและอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ในยามท่ีสามีกลัดกลุ้มใจใน หน้าที่การงาน
สงขลานครนิ ทร์ |ฉบับสังคมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์ 277 5. เมียสาวเจ้าเสนห่ ์ ละเวงวณั ฬา หญงิ สวยรวยเสนห่ ช์ าวตา่ งชาตผิ นู้ ี้ นบั เปน็ หญงิ ทเ่ี ปน็ ตวั แทน ปที ี่ 21ของเมีย สาวเจ้าเสน่ห์ท่ีท�ำให้พระอภัยมณีลุ่มหลงจนเสียผู้เสียคน ถึงแม้ ฉบับที่ 3ตามเรอ่ื งจะกำ� หนดใหน้ างละเวงวณั ฬาเปน็ หญงิ ทที่ ำ� เสนห่ ใ์ หช้ ายหลงใหลกต็ าม ก.ค.แต่โดยความนยั ที่ซอ่ นไว้ คือ เพศรสกลกามเปน็ เสน่ห์ของผูห้ ญงิ ตามบท -ละเวงวณั ฬาเปน็ หญงิ ชาวตา่ งชาตกิ เ็ พอ่ื สอื่ ใหร้ วู้ า่ เจา้ หลอ่ นไมถ่ อื ธรรมเนยี ม ก.ย.ใหม้ ากความ กลา้ พอทจี่ ะทำ� ทกุ อยา่ งใหช้ ายพงึ ใจ และดเู หมอื นจะเปน็ เมยี เดยี ว 2558ทท่ี ำ� ใหเ้ มยี แตง่ อยา่ งสวุ รรณมาลตี อ้ งนำ้� ตาไหล ทงั้ ความดแี ละความงามทสี่ งั่ สมมาไมอ่ าจมดั ใจภสั ดาไวไ้ ดอ้ กี ตอ่ ไป ทา้ ยสดุ ตอ้ งมอบตำ� แหนง่ เมยี รกั ใหน้ างไปมโนทศั นเ์ มยี ในแบบฉบบั นางละเวงวณั ฬาน้ี มลี กั ษณะเดน่ ทรี่ ปู สวย ยงั สาวและพราวเสน่ห์ในเรื่องเพศ สุนทรภู่ได้บรรยายความรู้สึกของตัวละครชายในขณะทล่ี ่มุ หลงมนต์เสน่หไ์ วด้ งั นี้อนั สตรีท่ีอ่ืนอ่ืนสักหมืน่ แสน ไม่มแี ม้นเหมือนหญงิ ชาวสงิ หลทัง้ สาวแกแ่ ม่หม้ายเหมอื นไก่ชน เขารกู้ ลปรนนบิ ตั ภิ สั ดา (ต�ำรา ณ เมืองใต้ , 2548) จากมโนทัศน์ภรรยาภาพสะท้อนจากวรรณคดีพระอภัยมณีท่ีกล่าวมาข้างต้น เปน็ ส่ิงท่ีให้ข้อคดิ ที่เปน็ ประโยชน์ไมน่ อ้ ยวา่ สิง่ ท่ีผู้ชายในฐานะสามีคาดหวังจากคนท่ีเป็นภรรยาคือ การให้เกียรติ ไม่ควบคุมสามีจนขาดอสิ รภาพ รักษาเรือนร่างไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้น่าเกลียด ตอบสนองความต้องการทางเพศ ช่วยงานและอยเู่ คยี งข้าง นบนอบเชือ่ ฟัง เป็นหญงิท่ีมีปัญญางาม คอยรับฟังความทุกข์ใจ มีความประพฤติและฐานะทางสังคมดีเปน็ ทนี่ า่ ยกยอ่ ง ดแู ลการบา้ นงานเรอื น และใหก้ ารอบรมเลย้ี งดบู ตุ รหากคุณสมบัติเหล่านี้จะมีในหญิงเพียงคนเดียวสุนทรภู่คงไม่ก�ำหนดให้ตัวละครอย่างพระอภัยมณีตอ้ งร่อนเรห่ ารกั จนเข้าวยั ชราเปน็ แน่
มโนทศั น์สามภี รรยาภาพสะทอ้ นจากวรรณคด:ี ... | พัชนี สมก�ำลงั และคณะ มโนทศั นเ์ กี่ยวกับ “สามี” จากวรรณคดีพระอภัยมณี 1. สามีเจา้ ช้หู ลายรัก ถงึ มว้ ยดนิ สนิ้ ฟ้ามหาสมุทร ไม่สิน้ สุดความรกั สมัครสมาน แมเ้ กิดในใต้หลา้ สธุ าธาร ขอพบพานพศิ วาสไมค่ ลาดคลา แม้เนอ้ื เย็นเปน็ ห้วงมหรรณนพ พีข่ อพบศรีสวัสดิ์เปน็ มจั ฉา แมเ้ ปน็ บัวตวั พเี่ ปน็ ภมุ รา เชยผกาโกสุมประทมุ ทอง แม้เป็นถ�้ำอ�ำไพใคร่เป็นหงส์ จะร่อนลงสงิ สู่เป็นคู่สอง ขอตดิ ตามทรามสงวนนวลละออง เปน็ คคู่ รองพศิ วาสทกุ ชาตไิ ป278 บทกลอนในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีตอนนี้มีอิทธิพลต่อความรู้สึก ของผคู้ นในสงั คมไทยมาชา้ นาน มกี ารนำ� มารอ้ งเปน็ บทเพลงอนั ไพเราะและ Vol. 21 โด่งดัง บ้างก็ใช้ในบทละครและนวนิยาย เพราะผู้ที่ได้ฟังย่อมเคลิบเคล้ิม No. 3 หลงใหลในถ้อยค�ำที่แสดงความรักท่ีมั่นคงของชายท่ีมีต่อหญิงอันเป็นท่ีรัก แต่แท้จริงแล้วบทกลอนนี้เขียนข้ึนเพื่อใช้บรรยายค�ำเก้ียวของพระอภัยมณี Jul. ทีม่ ีต่อภรรยาคนทีห่ า้ คอื นางละเวงวณั ฬา ซง่ึ เมือ่ พจิ ารณาแลว้ ไมต่ า่ งจาก - ถ้อยค�ำสารภาพรักของพระอภัยมณีท่ีมีต่อนางสุวรรณมาลีภรรยาคนที่สาม Sep. ถงึ แมว้ า่ วรรณคดเี รอื่ งนส้ี นุ ทรภจู่ ะเขยี นในชว่ งทสี่ งั คมไทยเปน็ สงั คมผวั เดยี ว 2015 หลายเมียอย่างถูกต้องก็ตามที ก็ไม่อาจปิดบังมโนทัศน์เกี่ยวกับชายไทยท่ี มคี วามเจา้ ชหู้ ลายรกั และความไมซ่ อื่ สตั ยต์ อ่ ภรรยาเพยี งคนเดยี วอยวู่ นั ยงั คำ่� หากมีโอกาสพบหญิงที่ถูกตาต้องใจก็พร้อมที่จะผูกสัมพันธ์สวาทด้วยเรื่อย ไปโดยไม่ละอายและไม่ถือเป็นเร่ืองผิดศีลธรรม ดังค�ำท่ีสุนทรภู่ได้บรรยาย ไว้ในนิราศพระปฐมความว่า “ยมบาลน้ันเหนอเกลอกับพี่ เธอปราณีว่าจะ ชุบอุปถัมภ์ ถ้าแม้นหญิงยินยอมให้คร่อมท�ำ ท่ีบาปกรรมนั้นไม่มีดีสุดใจ” (ตำ� รา ณ เมอื งใต้, 2548) ดังนน้ั ผหู้ ญงิ ต้องเป็นฝ่ายยอมรับและปรับตวั ให้ เขา้ กบั คา่ นยิ มหรอื พฤตกิ รรมของผชู้ ายทเี่ รยี กตวั เองวา่ พอ่ และสามมี าเนนิ่ นาน ตอ้ งตกอย่ใู นสภาพเมียหลวงเมียน้อย และถา้ จะรวมหยาดน้ำ� ตาของผ้หู ญงิ
สงขลานครนิ ทร์ |ฉบบั สงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์ทร่ี ำ่� ไหด้ ว้ ยความระทมทกุ ขจ์ ากเหตนุ ค้ี งเปน็ สายนำ�้ กวา้ งใหญร่ าวมหาสมทุ รเหตเุ พราะความเจา้ ชู้ของสามใี นแบบฉบบั พระอภยั มณี คอื คลำ� ไปแม้มีหางยงั ไมเ่ วน้ ปรากฏในวรรณคดตี อนพระอภยั มณไี ด้นางเงอื ก ความว่า“เจ้าโฉมงามทรามสงวนนวลละออง อย่าขัดขอ้ งคิดหมางระคางใจประเวณมี ที ว่ั ทกุ ตวั สตั ว์ ไมจ่ ำ� กดั หา้ มปรามตามวสิ ยันาคมนษุ ยค์ รฑุ าสรุ าลยั สดุ แตใ่ จปรองดองจะครองกนั ” หากเกดิ เปน็ ชายแลว้ ไมเ่ จา้ ชยู้ อ่ มเหมอื นงไู มม่ พี ษิ ดจู ะเปน็ การยอมรบั 279จากสงั คมไทยวา่ ความเจา้ ชหู้ ลายรกั นน้ั เปน็ เรอื่ งธรรมดา และไมใ่ ชเ่ รอ่ื งเสยี หายการมีภรรยาหลายคนของผ้ชู ายเป็นเร่ืองธรรมชาติ จนกระทั่งกลายเป็นสงิ่ ปีที่ 21ท่ีท�ำลายสถาบันครอบครัวให้อ่อนแอ และเป็นบ่อเกิดของปัญหาสังคม ฉบับที่ 3หลากหลายรปู แบบซึง่ มาจากปญั หาครอบครวั ทั้งสิ้น เชน่ เดก็ และเยาวชน ก.ค.ที่มีพฤติกรรมการเบี่ยงเบนทางเพศ การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร -ยาเสพตดิ เอดสแ์ ละโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ เปน็ ตน้ และหากสงั คมไทย ก.ย.ยงั คงยอมรบั มโนทศั นค์ วามเจา้ ชขู้ องผชู้ ายทแี่ ตง่ งานแลว้ กเ็ ทา่ กบั การยอมรบั 2558ความไมซ่ อื่ สตั ยว์ า่ เปน็ เรอื่ งธรรมดา สงั คมไทยคงไมพ่ น้ วงเวยี นของปญั หาสงั คมทม่ี าจากความไมซ่ อื่ สตั ยไ์ มม่ วี นั จบสนิ้ คงไดแ้ ตห่ วงั วา่ เมอื่ ไรคนไทยจะเกลยี ดชงั การผดิ ศลี ธรรมชนดิ นแี้ ละลกุ ขนึ้ สรา้ งมโนทศั นพ์ ระอภยั มณที มี่ ีภรรยาเพยี งคนเดยี ว อนั เปน็ หนงึ่ ในเครอ่ื งหมายของความเปน็ อารยะ นยิ มในความซอ่ื สตั ยต์ อ่ คสู่ มรสเปน็ เครอ่ื งหมายของเกยี รตคิ วามเปน็ ชาย เปน็ พอ่ ทเ่ี ปน็แบบอยา่ งทดี่ ใี หแ้ กบ่ ตุ รชาย ดำ� เนนิ ชวี ติ สมชายดว้ ยศกั ดศิ์ รคี วามเปน็ มนษุ ย์ทน่ี ยิ มในความถกู ตอ้ งดงี ามมากกวา่ การเหน็ แกโ่ ลกยี สขุ สว่ นตวั เพราะวฒั นธรรมผวั เดยี วหลายเมียนี้ ไมว่ ่าจะเกิดขน้ึ เมื่อใด ในอดีตท่ีผา่ นมา ปจั จุบนั หรอื ที่จะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต จะมเี หตผุ ลและหลกั การอธบิ ายจากชายเจา้ ปญั ญาดว้ ยคำ� พดู ที่เลิศหรูสักปานใด ก็ไม่อาจลบความจริงท่ีว่าสิ่งน้ีสร้างความบอบช้�ำใหแ้ กผ่ หู้ ญงิ ทกุ คนไมว่ า่ จะเปน็ หลวงหรอื นอ้ ย เปน็ ทาสหรอื ไท สงู สง่ หรอื ตำ่� ศกั ดิ์
ลักในภาษาส่อ มโนทศั น์สามภี รรยาภาพสะทอ้ นจากวรรณคด:ี ... | พัชนี สมกำ� ลงั และคณะ ลว้ นปรารถนารกั เดยี วดว้ ยใจภกั ดจ์ิ ากผเู้ ปน็ สามเี ทยี มกนั ทงั้ สน้ิ คงดว้ ยเหตนุ ้ี ละครโทรทศั นจ์ งึ มสี ถติ ผิ หู้ ญงิ เขา้ ชมสงู เสมอในสงั คมไทย เพราะพระเอกรกั เดยี วใจเดยี วอยา่ งทเ่ี ธอฝนั ใฝค่ งมเี พยี งในจนิ ตนาการเทา่ นนั้ เธอจงึ ปรารถนาอยู่ ในโลกของความฝันวันละนิด หวังหล่อเลี้ยงชีวิตให้มีก�ำลังเพื่ออยู่กับคน ทำ� ลายฝนั ในความจรงิ ตอ่ ไป จงึ ไมใ่ ชเ่ รอื่ งทน่ี า่ แปลกวา่ ทำ� ไมปจั จบุ นั ผหู้ ญงิ นิยมอยู่คนเดียวมากขึ้น (วรวุฒิ โรมรัตนพันธ์, 2554) อาจเพราะเธอคิด วา่ การเปน็ ตัวจริงก็คงถกู ลืมเขา้ สกั วนั จงึ ขอเลอื กทจี่ ะเป็นหญงิ ในฝันตลอด ไปจะดกี วา่ สงิ่ ทนี่ า่ คดิ อกี ประการหนง่ึ คอื การทสี่ ามเี จา้ ชนู้ อ้ี าจจะเปน็ เพราะ วา่ เขาเหลา่ นนั้ เทา่ ทนั และเขา้ ใจธรรมชาตขิ องความเปน็ ผหู้ ญงิ วา่ ลองไดร้ กั ใคร เป็นเมียใครแล้วไม่มีวันเสื่อมรักแลภักดี ถึงก่อนน้ีจะยโสทะนงตนสักเพียง ใดก็ตาม ดังท่ีสนุ ทรภ่ไู ด้กล่าวไว้ผ่านวรรณคดเี รือ่ งนว้ี ่า280 “อรณุ เขาเจ้ากระบวนสำ� นวนมาก ท้งั ฝปี ากคารมจะขม่ ผัว ถา้ ทหี ลังฟงั แมว่ า่ เถดิ อยา่ กลัว เข้าถึงตัวแล้วไมต่ ายสบายใจ Vol. 21 อันวสิ ยั ใจจริงหญงิ มนษุ ย์ รักบรุ ษุ สดุ รักสมคั รหมาย No. 3 ซงึ่ มารยาพาทีเพราะมีอาย เขาไมต่ ายจรงิ ดอกบอกใหร้ ู้ ดว้ ยรนุ่ ราวสาวแสแ้ ลว้ แตแ่ รก เปรยี บเหมอื นแขกคดิ เคยี ดดว้ ยเกลยี ดหมู Jul. ต่อเมื่อไรได้เปน็ เหมอื นเช่นชู้ จึงกลบั รรู้ กั ชายถวายตัว” - Sep. 2015 จึงเข้าท�ำนองว่าผู้หญิงยากตรงที่ท�ำให้รักแต่เมื่อได้รักแล้วไม่มีวันลืม จนวันตาย ส่วนชายนั้นเม่ือได้สมรสก็เริ่มต้นคลายรักในทันที ผู้ชายจึงใช้ ความพยายามเพอ่ื ความรกั แคต่ อนจบี สว่ นผหู้ ญงิ ตอ้ งพยายามตลอดชพี เพอ่ื ความรกั จึงสังเกตไดไ้ ม่ยากวา่ ชายหญงิ ทเ่ี ดินเคยี งกันมา คไู่ หนครู่ กั หรือ คไู่ หนสามภี รรยา เพราะเขา้ คำ� ทสี่ นุ ทรภปู่ ระพนั ธไ์ วเ้ พอื่ แสดงถงึ ความกงั วล ของนางละเวงวณั ฬา ความวา่ “ เขายอ่ มเปรยี บเทยี บความวา่ ยามรกั แตน่ ำ�้ ผกั ตม้ ชมวา่ หวาน ครนั้ จดื จางหา่ งเหนิ ไปเนน่ิ นาน แตน่ ำ�้ ตาลกว็ า่ เปรย้ี วไมเ่ หลยี วแล”
สงขลานครนิ ทร์ |ฉบบั สังคมศาสตรแ์ ละมนุษยศาสตร์ 2. สามีทีห่ วั่นไหวและลมุ่ หลงในเรอ่ื งเพศ บทอศั จรรยห์ รอื บทประพนั ธท์ ใี่ ชบ้ รรยายฉากรว่ มรกั ระหวา่ งชายหญงิมใี หเ้ หน็ ตลอดทง้ั เลม่ ตงั้ แตต่ น้ จนจบเรอ่ื ง แมจ้ ะถกู กลบดว้ ยศลิ ปะในการใช้ภาษาข้ันสูงอย่างหาท่ีเปรียบได้ยากจากปลายปากกาของกวีเอกของโลกอยา่ งสนุ ทรภกู่ ต็ ามที กไ็ มส่ ามารถปดิ บงั ธรรมชาตคิ วามลมุ่ หลงและพงึ ใจในเพศรสของผชู้ ายไดเ้ ลย ตวั ละครชายในพระอภยั มณชี า่ งเปน็ ตวั แทนอธบิ ายเรื่องราวของความเป็นสามีในเร่ืองนี้ได้ดีว่าเม่ือใดต้องมนต์เสน่ห์สตรีเพศมีอนั ตอ้ งทงิ้ การบา้ นงานศกึ สนิ้ ในใจหมกมนุ่ เพยี งรสรกั ดงั ความพระอภยั มณีตอนหนึ่งว่า\"ในเพลงปีว่ ่าสามพ่พี ราหมณเ์ อ๋ย ยงั ไม่เคยชมชิดพิสมัย 281ถึงรอ้ ยรสบุปผาสุมาลัย จะช่ืนใจเหมอื นสตรไี มม่ ีเลยพระจนั ทรจรสวา่ งกลางโพยม ไมเ่ ทยี บโฉมนางงามเจา้ พราหมณเ์ อย๋ ปีท่ี 21แมน้ ไดแ้ กว้ แลว้ จะคอ่ ยประคองเคย ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน ฉบับที่ 3แม้ไดแ้ ต่แม่ละเวงทเี่ ปล่งปล่ัง มาเหมือนดงั มงุ่ มาดปรารถนา ก.ค.ถงึ ยากเย็นเป็นไพรจ่ กั ไถนา สปู้ ลูกงา ปลูกถั่ว กินผัวเมยี -ขนื จะใคร่ไปบวชชวดมีลกู นงุ่ หนงั ผกู คากรองท้ังต้องอด ก.ย.อยู่ถิ่นฐานบา้ นเมอื งมเี ครอ่ื งยศ ลองชิมรสลกู ฝรง่ั มง่ั เปน็ ไร 2558อร่อยจรงิ ยิง่ กว่ากินลูกล้ินจ่ี จะหานางอย่างนห้ี าที่ไหนเขมรลาวชาวละครทั้งมอญไทย พอ่ กไ็ ดล้ องแลว้ นะแก้วตา\" ความลุ่มหลงในกามไม่เว้นจะเป็นพรตหรือพราหมณ์ ดังค�ำสุดสาครตอนหนึง่ ว่า\"แลว้ ลาพรตปลดเปลอ้ื งเครอ่ื งหนงั เสอื ทรงใสเ่ ส้อื เสน้ ทองดูผอ่ งใสดว้ ยโลกยี ์นี้มันปล้มื ให้ลืมไตร เหมอื นศกึ ใหมม่ เี มยี เฝา้ เคลยี คลอ
มโนทัศนส์ ามภี รรยาภาพสะท้อนจากวรรณคด:ี ... | พัชนี สมกำ� ลัง และคณะ และ \"พราหมณห์ วั รอ่ พอ่ อยา่ ประมาทหมน่ิ อนั รปู กลนิ่ รสเสยี งสำ� เนยี งหวาน กบั สัมผัสสตรีฤดีดาล เหน็ วมิ านลิบลบิ ไม่พริบตา\" ดงั นนั้ การเกย้ี วพาราสจี งึ กลายเปน็ ศลิ ปะทผ่ี ชู้ ายตอ้ งเรยี นรเู้ พอื่ พสิ จู น์ ความเปน็ ชายแทโ้ ดยเฉพาะการเรยี นรจู้ ากผทู้ ม่ี ปี ระสบการณม์ ากอ่ น ความเจา้ ชู้ และการเกี้ยวผู้หญิงเป็นกระบวนการส�ำคัญในการเติบโตเป็นผู้ชายเต็มตัว เปน็ ดา่ นทดสอบทีผ่ ้ชู ายตอ้ งผา่ นสู่ความเป็นผ้ใู หญ่ (วรนุช จรงุ รัตนาพงศ,์ 2551) ซง่ึ สะทอ้ นความคดิ ในเรอ่ื งนผี้ า่ นบทประพนั ธท์ กี่ ลา่ วถงึ ตวั ละครอยา่ ง282 สนิ สมทุ รทข่ี อความรูจ้ ากนายทา้ ยเรอืVol. 21 จ�ำจะถามความรู้เจา้ ชกู้ ่อน ไปผันผอ่ นพดู ประโลมโฉมเฉลาNo. 3 แล้วตรัสสง่ั นายประจำ� ลำ� ส�ำเภา หาคนเกา่ มีคชู่ ดิ ชเู้ มียJul. มาซกั ถามความเทีย่ วเกี้ยวผู้หญงิ เดมิ พาดพิงพดู อยา่ งไรจงึ ไดเ้ สีย - หรอื มหี มอบรกิ รรมชว่ ยท�ำเยยี หรอื คลอเคลยี คลำ� ตอ้ งทำ� นองในSep.2015 3. พอ่ บา้ น: ชีวติ ของสามีในกลมุ่ ชนช้ันนำ� “ไดเ้ มยี กพ็ รอ้ มเมอื ง มลี กู กพ็ รอ้ มรบ” นา่ จะเปน็ คำ� พดู ทเี่ หมาะกบั ตวั ละคร พระอภยั มณี ซง่ึ สะทอ้ นผา่ นเนอ้ื เรอื่ งในวรรณคดี ตวั เอกในเรอ่ื งไดข้ น้ึ ชอ่ื วา่ เป็นสามีที่อยู่ในชนช้ันสูง ภายใต้วัฒนธรรมสังคมนิยมชาย (Patriarchy) ผัวเดียวหลายเมีย และฝ่ายชายเป็นผู้ปกครอง มีอ�ำนาจสูงสุดในบ้าน พระอภัยมณีจึงนับเป็นสามีที่เป็น “พ่อบ้าน” ที่ให้ความส�ำคัญกับผู้ที่อยู่ใน ความดแู ลปกครอง โดยเฉพาะลกู ๆ ถงึ แมจ้ ะสน้ิ สดุ ความเปน็ สามภี รรยาแลว้ แตใ่ นความเปน็ พอ่ ลกู พระอภยั มณยี งั คงแสดงความรบั ผดิ ชอบตอ่ ลกู ทกุ คน ไมว่ า่ ลกู คนนน้ั จะเกดิ กบั ภรรยาคนไหนกต็ ามที บทประพนั ธย์ ำ�้ แนวคดิ เรอ่ื ง อำ� นาจของความเปน็ พอ่ บา้ นชดั เจนเมอื่ กำ� หนดใหน้ างละเวงวณั ฬา สญู เสยี
สงขลานครนิ ทร์ |ฉบับสงั คมศาสตร์และมนษุ ยศาสตร์ 283พอ่ และพชี่ าย นางสวุ รรณมาลเี องกพ็ อ่ ตายแลว้ เชน่ เดยี วกนั แสดงใหเ้ หน็ ถงึความปรารถนาลกึ ๆ ของผชู้ ายวา่ ตอ้ งการเปน็ ผมู้ อี ำ� นาจเตม็ ในบา้ นแตเ่ พยี ง ปที ่ี 21ผูเ้ ดยี วนน่ั เอง ฉบับท่ี 3 ก.ค. กหุ ลาบ สายประดษิ ฐ์ (2519) อา้ งถงึ ใน (อมยั ษา ไทรงาม สสิ กลุ , 2554) -ไดใ้ หค้ วามเหน็ เกย่ี วกบั “ครอบครวั พอ่ บา้ น” ในสงั คมไทยสมยั รตั นโกสนิ ทร์ ก.ย.ตอนต้นไว้ว่า เป็นครอบครัวที่ประกอบด้วย บุคคลหลายคน ทั้งที่เป็นทาส 2558และเป็นไท สามีท่ีเป็นพ่อบ้านจะมีภรรยาหลายคน ความมุ่งหมายในการจัดการครอบครัวแบบน้ีก็เพื่อท่ีจะได้แรงคนท้ังหมดไว้ใช้ในการดูแลฝูงปศสุ ตั ว์ ลกั ษณะสำ� คญั คอื การผกู พนั ผทู้ อ่ี ยใู่ นความดแู ลไวก้ บั อำ� นาจปกครองดงั บดิ าทมี่ ตี อ่ บตุ ร ครอบครวั แบบนท้ี ำ� ใหผ้ หู้ ญงิ ตอ้ งจงรกั ภกั ดตี อ่ ผชู้ ายตลอดไปและเพ่ือเรียกร้องให้ผู้หญิงจงรักภักดีต่อผู้ชายตลอดกาล จึงมีประเพณีว่าหากหวั หนา้ ครอบครวั ประหารชวี ติ ภรรยาของเขา กไ็ มถ่ อื วา่ เปน็ การฆาตกรรมแตถ่ อื วา่ เปน็ การใชส้ ทิ ธขิ องเขาในฐานะทเ่ี ปน็ หวั หนา้ ครอบครวั เทา่ นนั้ ดงั นน้ัการมภี รรยาหลายๆ คนนนั้ จงึ กลายเปน็ คา่ นยิ มและเอกสทิ ธข์ิ องคนมง่ั มี คนใหญ่คนโต หรอื ผดู้ ชี น้ั สงู ของสงั คมไทย เพศสมั พนั ธจ์ งึ มคี วามหมายสำ� หรบั สามีทเี่ ปน็ พอ่ บา้ นเพราะเปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ของความสมั พนั ธ์ และตามมาดว้ ยการรบัผิดชอบเล้ียงดู ซ่ึงจะแตกต่างจากค�ำว่าการร่วมเพศซึ่งไม่ผูกมัดด้วยความสมั พนั ธใ์ ดๆ อยา่ งในกรณขี องโสเภณี ผหู้ ญงิ ไทยจงึ ไมเ่ สยี ใจและถอื เปน็ เรอื่ งธรรมดาหากสามจี ะนอกใจโดยการเทย่ี วหญงิ โสเภณี (knodel , 1997) โสเภณีจึงอยู่ผดุงระบบผัวเดียวเมียเดียวแบบไทยๆ มาเนิ่นนาน ท้ังน้ีเพื่อรองรับผชู้ ายไทยทไี่ มอ่ าจซอื่ สตั ยต์ อ่ ภรรยาเพยี งคนเดยี วตามแนวคดิ ของรฐั อารยะ บทวพิ ากษเ์ พอื่ การนำ� ไปประยุกต์ใช้ในครอบครวั ไทย วรรณคดแี มไ้ มส่ ามารถนำ� มาเปน็ หลกั ฐานในทางประวตั ศิ าสตร์ แตถ่ อืเปน็ ประดษิ ฐกรรมทางวฒั นธรรมทถี่ กู สรา้ งขนึ้ โดยเชอื่ กนั วา่ วรรณกรรมและสงั คมในยคุ เดยี วกนั จะมคี วามคดิ ความเชอื่ และคา่ นยิ มบางอยา่ งรว่ มกนั อยู่โดยเฉพาะวรรณคดีช่ือดังอย่างพระอภัยมณีท่ีถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็น
มโนทศั นส์ ามีภรรยาภาพสะทอ้ นจากวรรณคดี:... | พชั นี สมก�ำลัง และคณะ284 วรรณคดที ยี่ งั คงมชี วี ติ และมบี ทบาทสำ� คญั ในสงั คมไทย เชน่ บรรจไุ วใ้ นแบบ เรยี นสำ� หรบั นกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษา จึงยากทจ่ี ะปฏเิ สธวา่ วรรณคดเี ร่ืองน้ี Vol. 21 ไมม่ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั บรบิ ทสงั คมไทยในสมยั ปจั จบุ นั จากการวเิ คราะห์ พบว่า No. 3 วรรณคดพี ระอภยั มณไี ดส้ ะทอ้ นมโนทศั นส์ ามภี รรยาไวอ้ ยา่ งนา่ สนใจยง่ิ อยา่ งไร ก็ตามผู้เขียนเห็นว่ามโนทัศน์เหล่านั้นเป็นประโยชน์ไม่น้อยหากเราน�ำมา Jul. พนิ จิ พเิ คราะหแ์ ลว้ เชอ่ื มโยงสกู่ ารนำ� ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดแู ลสถาบนั ครอบครวั - ไทย ซึง่ นับเป็นสถาบนั ทเ่ี ล็กทส่ี ดุ แต่มีความส�ำคัญมากท่สี ดุ เหนือสงิ่ อื่นใด Sep. ปจั จบุ นั พบวา่ ครอบครวั ไทยกำ� ลงั ออ่ นแอลงจนกระทงั่ เขา้ สภู่ าวะวกิ ฤต และ 2015 เปน็ ทม่ี าของปญั หาสงั คมในหลากหลายรปู แบบ (ชาย โพธสิ ติ า, 2552 ) ผเู้ ขยี น ขอนำ� เสนอทางเลอื กซงึ่ เปน็ ผลมาจากการวเิ คราะหเ์ พอ่ื การนำ� ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น การดูแลครอบครวั ไทยตามรายละเอยี ด ดังน้ี 1. การเรมิ่ ตน้ สรา้ งครอบครวั นนั้ เปน็ การผกู พนั ทลี่ กึ ซง้ึ ของบคุ คลมากกวา่ การมีความสมั พนั ธท์ างรา่ งกาย คอื การมีเพศสัมพนั ธ์ ความสมั พนั ธท์ างใจ คอื ความรกั ใครช่ อบพอ และทางสงั คมคอื พธิ กี ารสมรสเทา่ นน้ั สงิ่ เหลา่ นล้ี ว้ น เป็นความสัมพันธ์ในความหมายแบบต้ืนๆ ขาดความมั่นคง แต่การสร้าง ครอบครวั จะต้องเริ่มต้นที่สิ่งส�ำคัญยิ่งกว่าน้ัน น่ันคือการผูกพันกันในระดับ จติ วิญญาณ ซงึ่ คนทงั้ สองจะตอ้ งมคี วามเช่ือศรัทธาในอุดมการณ์ของการมี ชีวิตคู่ที่มเี กยี รติร่วมกัน เปน็ การทำ� ตามเป้าหมายและความหมายของชวี ติ มีความมุ่งมั่นตั้งใจแน่วแน่ที่จะผดุงเกียรติและสร้างสรรค์สิ่งดีงามผ่าน ทางการมคี รอบครวั เพราะแนน่ อนวา่ เมอื่ เวลาผา่ นไปทกุ ครอบครวั ยอ่ มพบเจอ กับอุปสรรค หากขาดซึ่งส่ิงท่ีกล่าวมาก็จะท�ำให้ตัดสินใจจบอนาคตของ ครอบครัวด้วยการหย่าร้างอยา่ งงา่ ยดาย การเรมิ่ ตน้ ของครอบครวั จงึ ตอ้ ง พถิ พี ถิ นั เรมิ่ ตงั้ แตก่ ารเลอื กคคู่ รองด้วยความระมัดระวัง ไม่ใช่แค่เกิดขึ้นโดย บังเอิญเหมือนกรณีนางผีเสื้อสมุทรกับพระอภัยมณี หรือบนพื้นฐานของ ความไมถ่ กู ตอ้ งเชน่ กรณขี อง นางเงอื ก นางละเวงวณั ฬา นางวาลี หรอื แมแ้ ต่ นางสุวรรณมาลีท่ีท้ายสุดแล้วไม่มีใครได้มีความสุขจากการใช้ชีวิตคู่เลย แม้แตค่ นเดียว
สงขลานครินทร์ |ฉบับสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ 285 2. เพศสมั พนั ธ์ในทางที่สรา้ งสรรค์ จากเนื้อหาที่กล่าวมาขา้ งต้นนั้นจะเหน็ วา่ เพศสมั พนั ธเ์ ปน็ เรอ่ื งทมี่ บี ทบาทและความสำ� คญั ไมน่ อ้ ยในชวี ติ ครอบครวั ปีที่ 21การสมรสเปน็ วธิ กี ารเดยี วทท่ี ำ� ใหเ้ พศสมั พนั ธอ์ ยบู่ นพนื้ ฐานของความถกู ตอ้ ง ฉบับท่ี 3และบรสิ ทุ ธ์ิ เปน็ สง่ิ ทที่ ำ� ใหส้ ามภี รรยามคี วามผกู พนั เปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั ก.ค.ทางกาย คสู่ มรสจงึ ไมค่ วรปฏเิ สธซงึ่ กนั และกนั ในเรอ่ื งนเี้ วน้ เสยี แตไ่ ดต้ กลง -กันเป็นการช่ัวคราวเพ่ือกิจกรรมทางศาสนา (สหสมาคมพระคริสต-ธรรม ก.ย.สากล, 2011) อย่างไรก็ตาม เพศสัมพันธ์ในความคิดของหญิงและชายให้ 2558ความหมายทแ่ี ตกตา่ งกนั คู่สมรสควรปรบั ตัวและท�ำความเขา้ ใจซ่ึงกนั และกันในเร่ืองน้ี โดยส่วนใหญ่ผู้หญิงต้องการการแสดงความรักมากกว่าความใคร่ ซงึ่ ผชู้ ายกลบั เปน็ คนทข่ี าดความละเอยี ดออ่ น มคี สู่ มรสหลายรายทต่ี อ้ งหย่าร้างกันด้วยเรื่องนี้ อย่าให้เป็นเหมือนกรณีของพระอภัยมณีท่ีมีความสัมพันธ์กับหญิงอ่ืนนอกสมรสซึ่งตามมาด้วยความวุ่นวายและท�ำให้ชีวิตครอบครวั ยงุ่ เหยงิ หาใครสกั คนทมี่ คี วามสขุ ไมไ่ ดเ้ ลย และอยา่ ไดเ้ ปน็ เหมอื นนางสวุ รรณมาลแี ละนางละเวงวณั ฬาทต่ี า่ งกไ็ มเ่ ขา้ ใจความตอ้ งการของสามีในตอนท้ายเรื่อง พระอภยั มณจี งึ จบเรอื่ งราวของตนดว้ ยการถอื เพศบรรพชติอนั เปน็ ความสขุ แทต้ ลอดไปซ่ึงถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ส�ำหรับสังคมปัจจุบันความเป็นไปได้ท่ีพระอภยั มณใี นชวี ติ จรงิ จะลาบวชคงนอ้ ยเตม็ ที แตโ่ อกาสทจ่ี ะหลงไปในการมเี พศสัมพันธ์นอกสมรสคงมากกว่า และนั่นคือท่ีมาของปญั หาทั้งปวงของครอบครัว 3. การเข้าถึงแก่นแท้ของปรัชญาสังคมนิยมชาย ต้องยอมรับว่าสังคมนิยมชาย หรือชายเป็นใหญ่ (Patriarchy) มีอิทธิพลต่อสังคมไทยมาช้านาน (อมัยษา ไทรงาม-สินสกุล, 2554) ถึงแม้จะมีกระแสเรียกร้องความเทา่ เทยี มระหวา่ งหญงิ ชายทว่ั โลกกต็ ามที แตเ่ มอื่ ศกึ ษาในแกน่ แทข้ องปรชั ญาสงั คมนยิ มชายกลบั พบวา่ เปน็ ประโยชนต์ อ่ การครองเรอื นอยไู่ มน่ อ้ ยเพราะมีการจัดล�ำดับโครงสร้างอ�ำนาจการปกครองสมาชิกในครอบครัวบนพนื้ ฐานของความรกั และยตุ ธิ รรม แตท่ สี่ รา้ งปญั หาในปจั จบุ นั คอื การใชอ้ ำ� นาจในทางทไี่ มถ่ กู ตอ้ ง ขาดความยตุ ธิ รรม และสว่ นของผหู้ ญงิ กข็ าดการทำ� หนา้ ที่
มโนทศั นส์ ามภี รรยาภาพสะท้อนจากวรรณคด:ี ... | พัชนี สมกำ� ลงั และคณะ286 ของตนทพ่ี งึ ปฏบิ ตั ิ แตก่ ลบั ไปเรยี กรอ้ งอำ� นาจในการปกครอง ความวนุ่ วาย ทงั้ หลายจงึ เกดิ ขนึ้ ในครอบครวั ไทย (วรวฒุ ิ โรมรตั นพนั ธ,์ 2554) ในสงั คมไทย Vol. 21 นน้ั ไดม้ ปี ระเพณบี วชกอ่ นเบยี ดซงึ่ ผชู้ ายเทา่ นนั้ ทสี่ ามารถบวชได้ โดยนยั กค็ อื No. 3 สามใี นฐานะผนู้ ำ� ครอบครวั ไมเ่ พยี งแตม่ รี า่ งกายทแี่ ขง็ แรงกวา่ ภรรยา แตใ่ น ดา้ นศลี ธรรมจรรยากต็ อ้ งเปน็ ผนู้ ำ� ดว้ ยเชน่ กนั ไมเ่ ชน่ นนั้ ผชู้ ายจะไมส่ ามารถ Jul. ครองตนในทางธรรมในการครองเรอื นและความออ่ นแอในดา้ นจรยิ ธรรมกจ็ ะนำ� - ใหช้ วี ติ ตกตำ่� ลงดว้ ยความชวั่ และอบายมขุ ทำ� ใหผ้ ทู้ อี่ ยใู่ นความปกครองดแู ล Sep. คบั ขอ้ งอดึ อดั มชี วี ติ ทไ่ี มเ่ ปน็ สขุ ในทางกลบั กนั หากชายทถ่ี อื วา่ ตวั เปน็ ใหญ่ 2015 มชี วี ติ ทเ่ี ปน็ ผนู้ ำ� ในทกุ ดา้ น โดยเฉพาะดา้ นจรยิ ธรรม ครอบครวั ทอี่ ยภู่ ายใต้ การคมุ้ ครองดแู ลยอ่ มอยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ความนบนอบเชอ่ื ฟงั การใหเ้ กยี รติ และ ความไว้วางใจจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องเรียกร้อง เพราะโดยเพศสภาพของ ความเปน็ หญงิ ถกู ออกแบบมาเพอื่ รบั การปกปอ้ งคมุ้ ครองทะนถุ นอมดว้ ยความรกั ดงั คำ� กลา่ วทว่ี า่ “ Woman is created from a rib of man not from his head to be above not from his feet to be walked upon but from his side to be equal near his arm to be protected close his heart to be loved.” แปลเปน็ ไทยได้ดงั น้ี อันว่าหญงิ เกดิ ทีซ่ ่โี ครงชาย ไมม่ งุ่ หมายจะเปน็ นายเหนอื สามี มิไดเ้ กดิ จากส่วนต�ำ่ อยา่ ย่�ำยี แต่เธอนอ้ี ยูแ่ นบชดิ สนทิ กาย ใกลส้ องแขนหมายตะกองปอ้ งภยั พน้ ใกลก้ มลหวงั ใหร้ กั ไม่วางวาย ใหค้ รองคชู่ เู กยี รตกิ นั จนวนั ตาย เปน็ ความหมายแทจ้ รงิ ของหญงิ ชาย 4. บังคับใช้กฎหมายท่ีให้ความเป็นธรรม วรรณคดีพระอภัยมณีได้ สะท้อนสถานภาพชายหญิงทส่ี อดคล้องกับสภาพจริงของผูค้ น ในสมัยก่อน การเปลี่ยนแปลงกฎหมายครอบครัว พ.ศ. 2478 ได้ดีทีเดียว เพราะใน วรรณคดีดูเหมือนผู้หญิงจะมีสถานะท่ีต�่ำกว่าชาย และตกเป็นผู้ถูกกระท�ำ ยกเว้นนางผีเสื้อสมุทรที่ถูกออกแบบมาให้เป็นผู้กระท�ำ และได้กลายเป็น
สงขลานครินทร์ |ฉบบั สังคมศาสตร์และมนษุ ยศาสตร์ 287สัญลักษณ์ของหญิงไม่ดี ไม่เป็นไปตามข้อก�ำหนดทางสังคมท้ายที่สุดถกู ลงโทษใหถ้ งึ ตาย เชน่ เดยี วกนั กบั สงั คมไทยในสมยั กอ่ นการเปลยี่ นแปลง ปีที่ 21กฎหมายครอบครวั สถานะของหญงิ ตำ่� กวา่ ชาย เหน็ ไดช้ ดั เจนจากบทลงโทษ ฉบบั ที่ 3หญงิ ผเู้ ปน็ เมยี ทบ่ี กพรอ่ งตอ่ หนา้ ที่ ทง้ั การเปน็ ชกู้ บั ชายอนื่ ไมเ่ คารพสามี ทะเลาะ ก.ค.วิวาท โดยเฉพาะเปน็ ชกู้ บั ชายอน่ื ถอื วา่ มคี วามผดิ รา้ ยแรง ทงั้ การปรบั ไหม -โบยตี และการประจานใหเ้ กดิ ความอบั อาย หรอื กรณที เี่ มยี ไมเ่ คารพ เถยี งดา่ ก.ย.วา่ สามี กฎหมายกำ� หนดใหส้ ามสี ามารถทบุ ตภี รรยาได้ และเมยี ทมี่ คี วามผดิ 2558ตอ้ งโทษน่งุ คาดเต่ียว ขึน้ ขาหยง่ั แลว้ ตีดว้ ยหวาย หรือกรณที ม่ี ีชายใหมห่ ลังสามเี สยี ชวี ติ โดยทย่ี งั เกบ็ ศพอยใู่ นบา้ นผหู้ ญงิ คนนนั้ อาจตอ้ งโทษเอาตะกรอ้ครอบหัวแล้วเวียนรอบบา้ นท่ีเก็บศพสามี สามรอบ เป็นต้น ผู้หญิงจึงเป็นเหมือนทรัพย์สินในครอบครองมากกว่าจะเป็นบุคคลที่มีศักด์ิศรี ในขณะท่ีผชู้ ายสามารถมเี มยี ไดห้ ลากหลายประเภท เชน่ เมยี กลางเมอื ง เมยี กลางนอกเมียกลางทาสี เมยี พระราชทาน เป็นต้น ในปจั จบุ นั แมป้ ระเทศไทยหนั มาใชก้ ฎหมายทใ่ี หม้ ภี รรยาเพยี งคนเดยี วแตก่ ไ็ มไ่ ดห้ มายความวา่ หากชายมเี มยี นอ้ ย นอกใจภรรยาจะไดร้ บั โทษหรอืมคี วามผดิ อนั สมควรแกก่ ารณ์ นกั วชิ าการและนกั วจิ ารณส์ งั คมมคี วามเหน็ วา่รัชกาลท่ี 6 นั้นคัดค้านกฎหมายผัวเดียวเมียเดียวผ่านบทความและบทประพนั ธต์ า่ งๆ (อริ ภทั ร สรุ ยิ พนั ธ,์ุ 2552) แตห่ ากพเิ คราะหใ์ หด้ จี ะพบวา่ เปน็ความเห็นอันเป็นประโยชน์ย่ิงเรื่องช่องว่างของกฎหมายและการไม่จรงิ จงักบั การบงั คบั ใชก้ ฎหมายของไทยรวมอยดู่ ว้ ย ความวา่ “การเปดิ โอกาสใหแ้ ก่ระบบผัวเดียวเมียเดียว เป็นการโง่และเหลวไหล เป็นการแพงเงินไปโดยใชเ่ หตุ ผชู้ ายมเี มยี หลายคน เกบ็ ไวร้ วมกนั ทเี ดยี วได้ คา่ ใชจ้ า่ ยสำ� หรบั เมยี ๆเหลา่ นก้ี ย็ อ่ มเสยี แตน่ อ้ ย แตค่ รนั้ ไปสรา้ งระบบผวั เดยี วเมยี เดยี วอยา่ งฝรง่ั ขนึ้มนั เปน็ การไมจ่ รงิ ตามกฎหมายมเี มยี ไดค้ นเดยี ว แตม่ เี มยี เกบ็ หรอื นางบำ� เรอไดอ้ กี มากหลายไมถ่ กู หา้ ม เมยี เกบ็ หรอื นางบำ� เรอเหลา่ นจี้ ำ� ตอ้ งแยกบา้ นกนั อยู่ท�ำให้ผู้ชายเปลืองเงินโดยใช่เหตุแท้ๆ ผู้ชายมีเมียหลายคนเป็นธรรมชาติหลีกเล่ียงไม่ได้ ฉะน้ันถึงจะให้มีเมียได้เพียงคนเดียวตามกฎหมาย มันก็
มโนทัศน์สามีภรรยาภาพสะท้อนจากวรรณคด:ี ... | พชั นี สมกำ� ลัง และคณะ288 มเี มยี เกบ็ ไวอ้ กี หลายๆ คนวนั ยงั คำ�่ ดงั นน้ั ไหนๆ จะมหี ลายคนแลว้ กเ็ อามารวมกนั ไวแ้ หง่ เดยี วกนั จะถกู เงนิ กวา่ ” (อนิ ทรายทุ ธ , 2495 อา้ งถงึ ใน อมยั ษา ไทรงาม Vol. 21 สนิ สกลุ , 2554 ) ดงั นนั้ หากจะดำ� รงไวซ้ งึ่ สถาบนั ครอบครวั ทเี่ ขม้ แขง็ สงั คมไทย No. 3 ควรใหค้ วามสำ� คญั กบั การบงั คบั ใชก้ ฎหมายครอบครวั ทเี่ ปน็ ธรรมอยา่ งแทจ้ รงิ ลดชอ่ งวา่ งทางกฎหมายและมบี ทลงโทษทใ่ี หค้ วามยตุ ธิ รรม แสดงความเคารพ Jul. ในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษยเ์ สมอกันท้งั หญงิ ชาย - Sep. 5. ผวั เมยี ใจเดยี วเครอื่ งหมายแหง่ อารยะ ขณะทสี่ นุ ทรภปู่ ระพนั ธว์ รรณคดี 2015 พระอภัยมณีน้ันเป็นห้วงเวลาที่ประเทศไทยมีกฎหมายครอบครัวท่ีให้มี ผัวเดียวหลายเมียอย่างถูกต้อง จึงไม่น่าแปลกใจในเร่ืองที่พระอภัยมณีไม่ รสู้ กึ ว่าเปน็ ความผิดในการทจ่ี ะมีเมยี หลายๆ คน คือ สามคน หน่งึ ตน และ หนงึ่ ตวั นน่ั เลย อยา่ งไรกต็ าม ถงึ แมส้ นุ ทรภจู่ ะกำ� หนดใหต้ วั เอกของเรอื่ งคอื พระอภัยมณีอยู่ในชนชั้นสูงมีความสามารถแบบชายเหนือชาย เป็นชายท่ี นา่ ปรารถนา และเปน็ ตน้ แบบของผชู้ าย (Proto-male) (วรนชุ จรงุ รตั นาพงศ,์ 2551) แตจ่ ากการมเี มยี หลายคนกท็ ำ� ใหช้ วี ติ ของพระอภยั มณแี ละผคู้ นรอบ ข้างหาความสงบสุขไม่ได้เลยเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่าวัฒนธรรมผัวเดียว หลายเมียมีผลเสียมากกว่าผลดีท้ังต่อตัวเองและสังคม ซึ่งสอดคล้องกับ ผลวิจัยของนงพะงา ลิ้มสวุ รรณ (2541) พบว่า ร้อยละร้อยของผูท้ ี่มภี รรยา มากกว่าหน่ึงคนมีปัญหาครอบครัวตามมาทงั้ หมด และภรรยาคนแรกได้รบั ผลกระทบมากท่สี ดุ และมีปฏิกิริยาโตต้ อบไปทางลบ เช่น ไมส่ บายใจ ไม่มี ความสุข พยายามฆ่าตัวตาย ส่วนผู้ชายก็ต้องแก้ปัญหาที่ตามมาไม่ว่าจะ เกดิ ขน้ึ กบั บตุ รและภรรยา จงึ ควรสรา้ งเปน็ คำ� เตอื นทางสงั คม (Public health warning) ว่า การมีภรรยาหลายคนจะน�ำปัญหามากมายมาสู่ชีวิตสมรส และสงั คม อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมผัวเดียวหลายเมียหรือผัวเดียว เมียเดียวกไ็ มส่ ามารถเปน็ คำ� ตอบทดี่ ที สี่ ดุ ใหก้ บั สงั คมไทยได้ หากปราศจาก การสร้างวัฒนธรรมผัวเมียหัวใจเดียวกัน ซ่ึงการเปล่ียนแปลงกฎหมาย ครอบครวั ของไทยจากระบบผวั เดยี วหลายเมยี มาสกู่ ารมผี วั เดยี วเมยี เดยี วนน้ั
สงขลานครินทร์ |ฉบบั สังคมศาสตร์และมนษุ ยศาสตร์ 289ส่วนหน่ึงมาจากการรับอิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ (อริ ภทั ร สรุ ยิ พนั ธ์,ุ 2552 ) และแนวคิดในการสร้างครอบครัว ปที ่ี 21ในแบบผวั เดยี วเมยี เดยี วนไี้ มไ่ ดอ้ าศยั เพยี งกฎหมายเพยี งอยา่ งเดยี วทชี่ ว่ ย ฉบับที่ 3คำ้� จนุ สถาบนั ครอบครวั แตต่ อ้ งอาศยั ปรชั ญาความเชอ่ื ในการสรา้ งครอบครวั ก.ค.ทแ่ี ขง็ แกรง่ ไมแ่ พก้ นั จะเหน็ ไดจ้ ากพธิ แี ตง่ งานทกี่ ำ� หนดใหส้ ถาบนั ศาสนามี -บทบาทสำ� คญั ทส่ี ดุ (วรรณภา เรอื งเจรญิ สขุ , 2552) นบั ตง้ั แตช่ นชนั้ กษตั รยิ ์ ก.ย.จนกระทง่ั สามญั ชน พธิ ปี ฏญิ าณตนกอ่ นการสวมแหวนถอื เปน็ คำ� มน่ั สญั ญา 2558ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนท้ังสองซึ่งมีเนื้อหาท่ีลึกซ้ึงกินใจย่ิงนักความว่า“ต่อจ�ำเพาะพระพักตร์พระเจ้าขอสัญญาว่าจะซ่ือสัตย์ต่อเขาหรือเธอ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ท้ังในเวลาป่วยและเวลาสบาย จะรักและยกย่องให้เกียรติเขาหรอื เธอ จนกว่าความตายจะพรากเราจากกัน” ขอ้ ความเหลา่ นแี้ สดงถงึ ปรชั ญาความเชอื่ ตอ่ การดำ� รงครอบครวั ไวใ้ นทางทมี่ เี กียรติจนกว่าความตายจะมาพรากคนทง้ั สองจากกนั นอกจากนี้ยงัมคี ำ� สอนจากคมั ภรี ศ์ าสนาทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ความประพฤตขิ องสามแี ละภรรยาเชน่ “จงยอมเชอื่ ฟงั กนั และกนั เนอ่ื งดว้ ยความยำ� เกรงพระครสิ ต์ สว่ นภรรยาจงยอมเช่ือฟังสามีของตน เหมือนยอมเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าสามเี ป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเปน็ ศรี ษะของครสิ ตจกั รซ่ึงเปน็ พระกายของพระองค์ โดยพระองคเ์ ปน็ พระผชู้ ว่ ยใหร้ อด ครสิ ตจกั รยอมเช่อื ฟงั พระคริสต์อย่างไร ภรรยากค็ วรยอมเชือ่ ฟงั สามที ุกประการอยา่ งนนั้ส่วนสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนพระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และประทานพระองคเ์ องเพอ่ื ครสิ ตจกั ร เพอื่ จะทำ� ใหค้ รสิ ตจกั รบรสิ ทุ ธโ์ิ ดยการชำ� ระดว้ ยนำ้� และพระวจนะ เพอื่ พระองคจ์ ะไดค้ รสิ ตจกั รทม่ี ศี กั ดศิ์ รี ไมม่ ดี า่ งพรอ้ ยริ้วรอยหรอื มลทนิ ใดๆ เลย บริสุทธิป์ ราศจากต�ำหนิ ในทำ� นองเดยี วกนั สามีตอ้ งรกั ภรรยาของตนเหมอื นรกั รา่ งกายของตวั เอง คนทร่ี กั ภรรยาของตวั เองก็รักตัวเองด้วย เพราะว่าไม่มีใครเกลียดชังกายของตนเอง มีแต่จะเลี้ยงดูทะนถุ นอมเหมอื นดงั พระครสิ ตท์ รงทำ� แกค่ รสิ ตจกั ร เพราะวา่ เราเปน็ อวยั วะของพระกายของพระองค์ เพราะเหตนุ ีเ้ อง ผชู้ ายจะละบดิ ามารดาไปผกู พนั
มโนทศั น์สามีภรรยาภาพสะท้อนจากวรรณคด:ี ... | พัชนี สมกำ� ลงั และคณะ290 อยกู่ บั ภรรยา และเขาทง้ั สองจะเปน็ เนอ้ื เดยี วกนั ” (สหสมาคมพระครสิ ตธรรม สากล , 2011) และท่สี �ำคญั สถาบนั ศาสนายงั คงทำ� หน้าท่แี ละมีบทบาทใน Vol. 21 ชีวิตสมรสตลอดจนการอบรมเลี้ยงดูบุตรของคนท้ังสองตลอดไป (วรรณ No. 3 ภา เรอื งเจริญสุข, 2552) ส�ำหรบั ในสงั คมไทยจากผลการวจิ ยั พบวา่ สาเหตุ สำ� คญั ทสี่ ดุ ของความออ่ นแอของสถาบนั ครอบครวั ครอบครวั ไมส่ ามารถท�ำ Jul. หนา้ ที่ไดอ้ ย่างสมบรู ณ์ สัมพนั ธภาพภายในครอบครัวเสือ่ มถอย น้ันมาจาก - การท่ีบุคคลขาดปรัชญา คุณธรรม จริยธรรมในการด�ำเนินชีวิต อันเป็น Sep. รากฐานทสี่ ำ� คญั ยงิ่ ของการดำ� รงอยขู่ องสถาบนั ครอบครวั (วนิ ดั ดา ปยิ ะศลิ ป,์ 2015 2546) ดงั นนั้ ทกุ ภาคสว่ นจงึ ควรหนั มาสรา้ งวฒั นธรรม ผวั เมยี ใจเดยี วอนั เปน็ สัญลกั ษณ์แหง่ รัฐอารยะอยา่ งแท้จรงิ 6. ระบบสนบั สนนุ ทางสงั คม การใหค้ ำ� ปรกึ ษา จากวรรณคดพี ระอภยั มณี สะทอ้ นใหเ้ หน็ ระบบสนบั สนนุ ทางสงั คมทม่ี ผี ลตอ่ ชวี ติ ครอบครวั เชน่ พระฤาษี ให้การดูแลและอบรมสุดสาคร บาทหลวงให้ค�ำแนะน�ำแก่ครอบครัวของ นางละเวงวณั ฬา สะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ ครอบครวั ไมอ่ าจดำ� รงอยไู่ ดโ้ ดยการขาด แหลง่ สนบั สนุนทางสังคม หรอื การเรียนรู้ จากผลการวิจยั ในปัจจบุ ัน พบว่า ปัญหาสัมพันธภาพภายในครอบครัวของคนไทยส่วนใหญ่เกิดจากการขาด ทกั ษะการสอ่ื สารทดี่ ี ทำ� ใหข้ าดความเขา้ ใจกนั และทสี่ ำ� คญั คนไทยสว่ นใหญ่ ไม่ค่อยให้ความส�ำคัญกับการเรียนรู้ ในขณะที่การด�ำเนินชีวิตครอบครัว จำ� เปน็ ต้องมีการเรยี นรู้ ตอ้ งได้รบั คำ� แนะน�ำ มีที่ปรึกษา ท้งั ในดา้ นแนวคิด การด�ำเนนิ ชีวิต และการเรยี นรู้ในการอยรู่ ว่ มกนั (วินัดดา ปิยะศิลป์, 2546) และในวฒั นธรรมไทยนนั้ มคี วามเชอ่ื วา่ “ความในหา้ มออก ความนอกหา้ มเขา้ ” หมายถงึ ไมน่ ยิ มนำ� ปญั หาครอบครวั ไปแพรง่ พรายใหค้ นอน่ื รู้ ดงั นนั้ หนว่ ยงาน หรอื แหลง่ สนบั สนนุ ทางสงั คมทเ่ี กยี่ วขอ้ งจะตอ้ งคน้ หาวธิ กี ารทจี่ ะเขา้ ถงึ และ เขา้ ใจปญั หาสภาพของครอบครวั ไทย ทง้ั นเ้ี พอื่ สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การแกป้ ญั หา อย่างยงั่ ยืน
สงขลานครินทร์ |ฉบบั สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ 291 สรปุ ปีที่ 21 วรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่ได้สะท้อนมโนทัศน์ความเป็น ฉบับที่ 3สามีภรรยาไว้อย่างน่าสนใจย่ิง ได้แก่ มโนทัศน์เร่ืองภรรยาแบบนางยักษ์ ก.ค.จ�ำแลง เมยี นอ้ ยดอ้ ยวาสนา เมยี แตง่ เมยี ผชู้ ว่ ยงาน และเมยี สาวเจา้ เสนห่ ์ -สว่ นมโนทศั นเ์ รอ่ื งสามไี ดแ้ ก่ สามเี จา้ ชหู้ ลายรกั สามที หี่ ลงใหลลมุ่ หลงในเพศรส ก.ย.และ สามีที่เป็นพ่อบ้าน ถึงแม้วรรณคดีจะไม่สามารถน�ำมาอ้างอิงในทาง 2558ประวตั ศิ าสตรไ์ ด้ แตว่ รรณคดมี กั แสดงใหเ้ หน็ แนวคดิ ความเชอ่ื ของคนในสงั คมนนั้ ๆ แฝงไวเ้ สมอ อยา่ งไรกต็ ามจากการวเิ คราะหแ์ ละวพิ ากษ์ ทำ� ใหไ้ ด้แนวทางเพื่อดแู ลครอบครวั ไทยดงั นี้ คอื การเรม่ิ ตน้ ของการสรา้ งครอบครวัด้วยการผูกพันกันในระดับร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ การค�ำนึงถึงเพศสัมพันธ์ในทางท่ีสร้างสรรค์ การเข้าถึงแก่นแท้ของปรัชญาสังคมนิยมชาย สง่ เสรมิ ระบบสนบั สนนุ ทางสงั คม การใหค้ ำ� ปรกึ ษา การบงั คบั ใชก้ ฎหมายที่ให้ความเป็นธรรม และสนับสนุนวัฒนธรรมผัวเมียใจเดียวอันเป็นเครอื่ งหมายแห่งอารยะ เอกสารอ้างอิงโกวทิ คำ� พทิ กั ษ.์ (2545). การวจิ ยั เรอ่ื งเพศสมั พนั ธใ์ นระดบั โลก. ศรีนครินทร์ เวชสาร 17(4). 261-264.Khampitak, K. (2002). Global Sex Reserch. Srinagarind Medical Journal. 17(4), 261-264. (in Thai).ชาย โพธสิ ติ า. (2552). บทโหมโรง เกิดอะไรขนึ้ กบั ครอบครวั ใน“ครอบครวั ไทย” ในสถานการณ์การเปล่ียนผ่านทางสงั คมและประชากร ประชากรและสงั คม 2552. (ชาย โพธสิ ติ า และ สุชาดา ทวีสทิ ธ,ิ์ บรรณาธกิ าร). นครปฐม: สถาบันประชากรและสงั คม มหาวิทยาลยั มหดิ ล.Pothisita, C. (2009). Introduction What happen in Thai Family. Nakhon Pathom : Institute for Population and Social Research Mahidol
มโนทัศนส์ ามีภรรยาภาพสะท้อนจากวรรณคด:ี ... | พชั นี สมก�ำลงั และคณะ292 University. ( in Thai). ไชยรตั น์ เจรญิ สนิ โอฬาร. (2543). วาทกรรมการพฒั นา. กรงุ เทพฯ: วภิ าษา. Vol. 21 Charoensin-o-larn, C. (2000). Development Discourse. Bangkok: No. 3 Vibhasa Publish house. (in Thai) Jul. ต�ำรา ณ เมืองใต้. (2548). เล่าเรื่องพระอภยั มณี. พิมพ์ครั้งที่3.กรุงเทพฯ: - Sep. สถาพรบุ๊คส์ จำ� กัด. 2015 Na-MuangTai, T. (2005). The Story Telling: The Classic Thai Literature Phra-Aphai-Manee. Bangkok: Satapornbook Publish House. (in Thai). นงพะงา ลมิ้ สวุ รรณ. (2541). สาเหตกุ ารมเี มยี นอ้ ยในชายไทย 20 ราย. วารสาร สมาคมจิตแพทยแ์ ห่งประเทศไทย 43(3), 207-216. Leamsuwan, N. (1998). Causes of Having Mistresses in 20 Thai Men. Journal of the Psychiatric Association of Thailand, 43(3), 207-216. (in Thai). พพิ าดา ยงั เจรญิ และสวุ ดี ธนประสิทธิพ์ ฒั นา. (2529). การศึกษาและผลก ระทบต่อสงั คมไทยสมยั ต้นรตั นโกสินทร์ (พ.ศ. 2325-2394). กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. Youngchareon, P., Thanaprasitphattana, S. (1986). The study of Thai Socio-Cultural During the Early Rattanakosin period (1782- 1851). Bangkok : Chulalongkorn University Press. (in Thai). ปรีชา เสือพิทักษ.์ (2554). การศึกษาบทบาทของผหู้ ญิงและผชู้ ายในบท ละครนอก สมยั รตั นโกสินทรต์ อนต้น (2325-2394). วทิ ยานพิ นธ์ ปรญิ ญาอกั ษรศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าภาษาไทย บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยศิลปากร. Suapitak, P. (2011). A Study of Roles of Women and Men in Lakornnok Role Play of the Early Ratanakosin Period (1782-1851). Master of Arts Thesis. Silpakorn University. (in Thai).
สงขลานครนิ ทร์ |ฉบบั สังคมศาสตร์และมนษุ ยศาสตร์ 293ปรญิ ญา ทงุ่ กระโทก. (2556). พระอภยั มณี. สบื คน้ เมอื่ 9 ตลุ าคม 2557, สบื คน้ ปที ่ี 21 จาก http://parinya20090.blogspot.com/2013/12/blog-post_7641. ฉบบั ที่ 3 html. ก.ค. -Tungkratok, P. (2013). Phra Aphai Manee. Retrieved October 9, 2014 ก.ย. from http://parinya20090.blogspot.com/2013/12/blog-post_7641. 2558 html. (in Thai).วนิ ดั ดา ปยิ ะศลิ ป.์ (2546). ครอบครวั กบั วยั รนุ่ . กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งาน กิจการสตรแี ละสถาบันครอบครัว.Piyasil, V. (2003). Family and Adolescent. Bangkok: Office of Woman’s Affairs and Family Development. (in Thai).วรรณภา เรอื งเจรญิ สขุ . (2552). จริยธรรมคริสเตียน. เชยี งใหม:่ ACTSCO.Reongjareonsook, W. Christian Ethics. Chiang Mai: ACTSO Publishing House. (in Thai).วรนุช จรุงรตั นาพงศ.์ (2551). พระ นาง ยกั ษ์ ฝรงั่ :การแบง่ เพศสถานะใน นิทานคำ� กลอนพระอภยั มณี. วทิ ยานพิ นธศ์ ลิ ปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาสตรีศกึ ษา บณั ฑิตวิยาลยั มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์.Charungrattanapong, W.(2008). Analysis of Gender in Pra-Apaimanee. Master of Arts Thesis. Thammasart University. (in Thai).วรวุฒิ โรมรัตนพันธ์. (2554). รายงานผลกิจกรรมพฒั นาระบบข้อมูล สารสนเทศด้านครอบครัว รายงานสถานการณ์ครอบครัว. สถาบันวจิ ัยและใหค้ ำ� ปรกึ ษาแหง่ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์.Roamrattanapan V.(2011).Thai family Report.Thammasart University Research and consultancy Institute . Thammasart University.สหสมาคมพระครสิ ตธรรมสากล. (2011). พระครสิ ตธรรมคมั ภรี ฉ์ บบั มาตรฐาน. กรงุ เทพฯ: สมาคมพระครสิ ตธรรมไทย.The Bible Society. (2011). The Holy Bible – Thai Standard Version. Bangkok: Thailand Bible Society. (in Thai).
มโนทศั น์สามีภรรยาภาพสะทอ้ นจากวรรณคดี:... | พชั นี สมกำ� ลงั และคณะ294 สวุ รรณา เกรยี งไกรเพช็ ร. (2550). พระอภยั มณี: กรณีศึกษาเชิงวรรณคดี วจิ ารณ.์ (พิมพ์ครง้ั ที่ 2). กรงุ เทพฯ: ศยาม. Vol. 21 No. 3 Kreangkripetch, S. (2007). The Comparative Literature Study: Phra-aphi Manee. Bangkok: SIAM Publishing House. (in Thai). Jul. - หลยุ ส์ ดปู ลาสตร.์ (2533). สถานะของหญิงมสี ามใี นประเทศสยาม. (ไพโรจน์ Sep. กัมพูสิริ, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: ธรรมศาสตร์. 2015 Duplas, L.(1990). The study of wife roles in Siam. Bangkok: Thammasart University. (in Thai). อมยั ษา ไทรงาม- สนิ สกลุ . (2554). ขอ้ วิพากษม์ โนทศั นเ์ รอื่ งเมยี ในสังคมไทย พ.ศ.2394-2478. วารสารเพศวิถีศึกษา 1(1). 217-230. Thaingam-Sinsakul, A. (2011). Journal of Sexuality Studies. 1(1) 217- 230. (in Thai). อริ ภทั ร สรุ ยิ พนั ธ.์ุ (2552). มโนทศั น์เรอ่ื งเมียในสงั คมไทย พ.ศ.2394-2478. วิ ท ย า นิ พ น ธ ์ อั ก ษ ร ศ า ส ต ร ์ ม ห า บั ณ ฑิ ต ส า ข า ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร ์ บัณฑิตวิยาลยั จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. Suriyapun, I. (2009). Concepts of \"Mia\" in Thai Society 1851-1935. Master of Arts Thesis . Chulalongkorn University. (in Thai). Knodel J.(1997). “An Evolutionary Perspective on Thai Sexual Attitude and Behavior”.Journal of Sex Research 34: 292-294.
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: