สือ่ ประกอบการสอน การออกแบบและวิทยาการคานวณ 5 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรอื่ ง การใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยสร้างช้นิ งานหรอื โครงงานอย่างมี จติ สานึกและความรบั ผิดชอบ ผสู้ อน 1 นางสาวอมรรตั น์ พันธพ์ุ ิมพ์ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นบางปะหัน จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา 25/01/64 สานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษาเขต 3
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 การใชค้ อมพวิ เตอรช์ ว่ ยสรา้ งชิ้นงานหรือโครงงานอย่างมจี ิตสานกึ และความรบั ผิดชอบ
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 การใช้คอมพวิ เตอรช์ ่วยสรา้ งชิ้นงานหรือโครงงานอย่างมจี ิตสานึกและความรับผดิ ชอบ 1. ลกั ษณะการใชง้ านลขิ สิทธโ์ิ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ถูก จดั เปน็ งานลขิ สิทธป์ิ ระเภทหนึ่ง ซง่ึ ได้รับความคมุ้ ครองในฐานะงานวรรณกรรม การคุ้มครองงานลิขสิทธ์ิเป็นไปโดยอัตโนมัติไม่ต้องจดทะเบียน หรือต้องมี ข้อความหรือสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของของลิขสิทธิ์ปรากฏอยู่กับ ผลงานลิขสิทธิ์ โดยทั่วไปการซื้อโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากผู้จาหน่ายไม่ได้ หมายความว่าผู้ซ้ือสามารถกระทาการใดๆแก่โปรแกรมน้ันได้โดยเสรี แต่เป็น การได้มาซ่ึงสิทธิในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ตามสัญญาอนุญาตที่ได้มา พรอ้ มกบั การตกลงซื้อขายโปรแกรมคอมพิวเตอร์เท่าน้ัน ผู้ใช้จึงต้องพึงระวังว่า โปรแกรมคอมพิวเตอร์นัน้ มีลิขสิทธิ์ และไม่อาจทาซ้า ดัดแปลงหรือกระทาการ ใดๆแกโ่ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์ไดโ้ ดยไมต่ ้องขออนญุ าตจากเจา้ ของลขิ สทิ ธ์ิ
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 การใชค้ อมพิวเตอรช์ ว่ ยสร้างชน้ิ งานหรอื โครงงานอย่างมจี ติ สานกึ และความรับผดิ ชอบ 2. ประเภทของโปรแกรมคอมพวิ เตอรแ์ ละการนามาใช้งาน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน มีหลากหลายประเภทและมีการนามาใช้ งานที่แตกต่างกัน เน่ืองจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีการพัฒนาการเปล่ียนแปลงอยู่เสมอ ฉะนน้ั ประเภทและการนาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์มาใช้งานจงึ เปล่ียนแปลงตามไปด้วย ตัวอย่าง ประเภทของโปรแกรมคอมพิวเตอรแ์ ละการนามาใช้งาน มีดังตอ่ ไปน้ี
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การใชค้ อมพิวเตอร์ชว่ ยสร้างชิ้นงานหรือโครงงานอย่างมีจิตสานึกและความรบั ผิดชอบ 2.1 โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพ่ือการจาหน่ายและแสวงหากาไร เป็น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ท่ีเจ้าของลิขสิทธ์ิมุ่งเน้นผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนใน เชิงพาณชิ ยจ์ ากผใู้ ช้ เชน่ - โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพ่ือการจาหน่าย (Commercial Software) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทน้ีเป็นโปรแกรมที่ออกแบบและพัฒนาข้ึนมาเพื่อ จาหน่ายและหากาไร ผู้ซ้ือได้สิทธิในการใช้เท่าน้ัน โดยเจ้าของลิขสิทธ์ิจะกาหนด เงื่อนไขหรือขอ้ จากัดการใชแ้ ตกตา่ งกันไป -โ ป ร แ ก ร ม ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ แ บ บ ท ด ล อ ง ใ ช้ ( Shareware Software หรือ Trail ware) เจ้าของลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ อนญุ าตใหผ้ ูใ้ ชท้ ดลองใชไ้ ด้ก่อนตดั สินใจซอื้ โดยกาหนดระยะเวลาของการทดลอง ใช้ไว้ อันเป็นมาตรการทางการตลาดอย่างหน่ึง ทั้งน้ี ไม่อนุญาตให้ผู้ทดลองใช้ นาไปจาหนา่ ย หรือแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้าหรือหากาไร
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 การใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยสรา้ งชิ้นงานหรือโครงงานอย่างมจี ิตสานกึ และความรับผิดชอบ 2.2 โปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ใี่ ห้ใช้โดยไมแ่ สวงหากาไร เปน็ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เจ้าของลิขสิทธิ์เปิดโอกาสให้สาธารณชนทาซ้าได้โดยไม่ คดิ มูลคา่ เชน่ - โปรแกรมคอมพวิ เตอรแ์ บบใชไ้ ดเ้ สรี (Freeware Software) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเทน้ีมีลิขสิทธิ์โดยเจ้าของลิขสิทธิ์จะเป็นผู้กาหนด เง่ือนไขการอนญุ าตให้ใช้ลิขสิทธิ์ ซึ่งจะมขี ้อจากดั การใช้น้อยกว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อการ จาหน่ายและโปรแกรมคอมพิวเตอร์แบบทดลองใช้ เช่น อาจกาหนดเง่ือนไขให้ผู้ใช้สามารถ ทาซา้ ไดฟ้ รี แต่หา้ มจาหน่ายหรืออาจอนุญาตให้บุคคลท่ัวไปใช่ได้ ยกเว้นหน่วยราชการ อาจมี การมอบรหัสต้นฉบับ(souce code) พรอ้ มกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ผใู้ ช้สามารถดดี แปลงหรือ ทาวิศวกรรมย้อนกลับได้
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 การใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยสรา้ งช้ินงานหรอื โครงงานอย่างมจี ติ สานกึ และความรบั ผิดชอบ 2) โปรแกรมคอมพิวเตอร์สาธารณะ (Public Domain Software) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทน้ีเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์สาธารณชน สามารถใช้ได้โดยไม่มีข้อจากัด เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ผู้พัฒนาสละลิขสิทธิ์แล้ว โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่หมดอายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์แล้วอาจไม่มีการส่งมอบรหัสต้นฉบับ (source code) พร้อมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์แต่ผู้ใช้สามารถดัดแปลงหรือทาวิศวกรรม ย้อนกลับได้ สามารถพัฒนาต่อยอดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต และไม่มี เงอ่ื นไขในการใช้และจาหนา่ ยจา่ ยแจกโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ที่ได้มกี ารพัฒนาต่อยอดขึน้ มานนั้
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 การใช้คอมพิวเตอร์ชว่ ยสรา้ งชิน้ งานหรือโครงงานอย่างมีจติ สานกึ และความรบั ผดิ ชอบ 3) โปรแกรมคอมพวิ เตอรแ์ บบรหสั เปดิ (Open-source Software) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทนี้มักพัฒนาข้ึนโดยกลุ่มผู้พัฒนา (community) มากกว่าผู้พัฒนาเพียงผู้เดียว ผู้พัฒนาจะแจกจ่ายรหัสต้นฉบับหรือชอร์สโค้ด (source code) ไปพร้อมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ภายใต้เง่ือนไขของสัญญาอนุญาต เช่น GNU/GPL (GNU General Public License) หรือ BSD License (Berkeley Software Distribution License) ส่วนใหญ่แล้วโปรแกรมคอมพิวเตอร์แบบรหัสเปิดมักให้ ดาวนโ์ หลดทางอินเตอร์เน็ตได้ฟรี หรืออาจคิดราคาจาหน่ายแผ่นโปรแกรมคอมพิวเตอร์กรณี ซอ้ื จากผู้จัดจาหนา่ ยท่วั ไป ซ่ึงราคาจาหน่ายน้ีรวมถึงรหัสต้นฉบับ บริการด้านเทคนิคและการ พัฒนาหลงการจาหน่ายด้วย
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 การใช้คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสร้างช้ินงานหรอื โครงงานอย่างมจี ิตสานึกและความรบั ผิดชอบ 3.ขอ้ ยกเว้นการละเมดิ ลิขสิทธิ์ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 35 กาหนดข้อยกเว้นการละเมิด ลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ไว้หลายประการ ทั้งนี้ การกระทาดังกล่าวจะต้องภายใต้ กฎเกณฑ์ของการใช้ลิขสิทธท์ ่เี ป็นธรรม 3 ประการ คอื 1) ต้องไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธ์ตามปกติของ เจ้าของลิขสิทธิ์ 2) ต้องไม่กระทบกระเทือนสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธ์ิ เกินสมควร และ 3) ไม่มีวัตถุปะสงค์เพ่ือหากาไร ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธ์ิโปรแกรม คอมพวิ เตอรม์ ีดังน้ี
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 การใชค้ อมพวิ เตอร์ชว่ ยสร้างชิน้ งานหรอื โครงงานอย่างมีจิตสานึกและความรับผิดชอบ 1.) วิจัยหรือศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อาจรวมถึงการทาวิศวกรรมย้อนกลับ (reverse engineering) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อศึกษาดูรูปแบบวธิ กี ารเขียนโปรแกรม โดย ไม่ได้ทาประการอน่ื ใดแก่โปรแกรมคอมพิวเตอร์น้นั เพอ่ื หากาไร 2.) ใช้เพื่อประโยชน์ของเจ้าของสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ท่ีได้สาเนาโปรแกรม คอมพิวเตอร์น้ันมาโดยถูกต้องตามกฎหมาย เช่น นาสาเนาโปรแกรมเกมคอมพิวเตอร์ที่ได้รับ มาโดยชอบด้วยกฎหมายมาใช้เล่นส่วยตัว ไม่ได้นาออกแสวงหากาไรโดยการให้ผู้อ่ืนเช่าหรือ เรยี กเกบ็ เงนิ จากการให้ผ้อู น่ื ได้เล่นเกม 3.) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนาผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ใน โปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น เช่น นักข่าวคอลัมน์เก่ียวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) เขียน วิจารณ์ผลติ ภณั ฑ์ซอฟต์แวร์ออกใหม่ลงในนติ ยสาร โดยระบุชือ่ ผู้สร้างสรรค์และเจ้าของลิขสิทธิ์ ไว้ดว้ ย 4.) เสนอรายงานข่าวทางส่ือสารมวลชนโดยมีการรับรถู้ งึ ความเปน็ เจ้าของลิขสิทธ์ิใน โปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น เช่น ผู้สื่อข่าวเสนอรายงานข่าวการนาโปรแกรมต้านไวรัสชนิดใหม่ ออกจาหน่ายโดยมีการรบั รู้ถงึ ความเป็นเจ้าของลขิ สิทธิ์ในงานน้นั
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสรา้ งช้ินงานหรอื โครงงานอย่างมจี ิตสานึกและความรับผดิ ชอบ 5.) ทาซ้า ดัดแปลง นาออกแสดง หรือทาให้ปรากฏเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาล หรือเจ้าพนักงานท่ีมีอานาจตามกฎหมายหรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว เช่น พนกั งานอยั การนาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ออกแสดงถึงวิธีการทางานเพ่ือศาลพิจารณาในคดี ละเมดิ ลขิ สิทธิ์ 6.) นาโปรแกรมคอมพิวเตอรน์ นั้ มาใช้เปน็ ส่วนหนง่ึ ในการถามและตอบในการสอบ เช่น ใน การสอบเพ่ือผ่านหลักสูตรวิชาคอมพิวเตอร์ อาจารย์ผู้สอนให้นักศึกษาตอบคาถามเกี่ยวกับ โครงสร้างของโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ตามกรณปี ญั หา 7.) ดัดแปลโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในกรณีท่ีจาเป็นแก่การใช้ เช่น ผู้ใช้สามารถดัดแปลง โปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ ท่าทจี่ าเป็นได้ เพ่ือให้สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์น้ันกับเคร่ือง คอมพวิ เตอร์หรือโปรแกรมคอมพวิ เตอร์อน่ื ท่มี อี ยไู่ ด้ 8.) จัดทาสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บรักษาไว้สาหรับการอ้างอิงหรือค้นคว้าเพ่ือ ประโยชน์ของสาธารณชน เช่น หอ้ งสมุดเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) จัดทาสาเนาโปรแกรม คอมพิวเตอร์จานวนเล็กน้อยรวบรวมไว้เพ่ือเป็นข้อมูลให้สาธารณชนค้นคว้า โดยไม่เป็นการ กระทาเพอ่ื หากาไร
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การใชค้ อมพวิ เตอรช์ ว่ ยสร้างช้นิ งานหรอื โครงงานอย่างมจี ิตสานึกและความรบั ผิดชอบ 4. เกณฑก์ ารพิจารณา ขอ้ ควรพจิ ารณาในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอรท์ ี่ผู้ใชค้ วรตระหนัก มีดังนี้ ผู้ได้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาโดยถูกต้องตามกฎหมายสามารถทาสาเนาโปรแกรม คอมพิวเตอร์ในจานวนท่ีสมควร เพื่อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในการบารุงรักษาหรือป้องกันการ สญู หาย แต่ไมส่ ามารถทาสาเนาโปรแกรม 1) คอมพิวเตอร์เพ่ือขายหรือแจกจ่ายเพื่อนฝูงหรือญาติพ่ีน้องได้ เพราะการ กระทาดงั กลา่ วจะมีผลกระทบต่อการตลาดของเจ้าของลิขสิทธ์ิ ทาให้รายได้ของเจ้าของ ลขิ สทิ ธ์ิโปรแกรมคอมพิวเตอร์ลดลงอยา่ งมีนยั สาคญั 2) ผ้ใู ช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทางานไม่สามารถนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ นนั้ มาลงในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีบ้าน แม้จะเป็ นการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในเวลาท่ี ตา่ งกนั เว้นแตก่ รณีท่ีสญั ญาอนญุ าตระบใุ ห้สามารถทาได้
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 การใช้คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสรา้ งชิน้ งานหรอื โครงงานอย่างมีจติ สานกึ และความรับผดิ ชอบ 3) โรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์ไม่สามารถลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ได้รับ อนุญาตให้ใช้สาหรับเคร่ืองคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว(Single License) ในเคร่ือง คอมพิวเตอร์ 6 เคร่ือง เพื่อใช้สอนนักเรียน 6 คนในเวลาเดียวกัน เน่ืองจากเป็นการทาซ้า เกินจานวนทไ่ี ดร้ บั อนุญาต 4) การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในสานักงาน นายจ้างไม่สามารถลงโปรแกรม คอมพิวเตอร์ท่ีได้รับอนุญาตให้ใช้สาหรับเคร่ืองคอมพิวเตอร์เพียงเคร่ืองเดียว ใน คอมพิวเตอร์ของลูกจ้างคนอื่นๆ ได้แม้ว่าเคร่ืองคอมพิวเตอร์อื่นๆ นั้นจะอยู่ในสานักงาน เดยี วกนั ก็ตาม 5) การนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ออกให้เช่า หรือให้ยืมเพ่ือผลประโยชน์ทาง การค้า ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยอ้อมไม่สามารถกระทาได้ นอกจากได้รับอนุญาตจาก เจ้าของลขิ สทิ ธิ์ก่อน เช่น การเชา่ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ตามร้านอินเทอร์เนต็ คาเฟ
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 การใช้คอมพวิ เตอรช์ ่วยสรา้ งช้นิ งานหรอื โครงงานอย่างมจี ติ สานึกและความรบั ผดิ ชอบ 5. การรับร้คู วามเปน็ เจา้ ของลขิ สิทธ์ิ การนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาใช้ตามมาตรา 35(3) ติชม วิจารณ์หรือแนะนา ผลงานโดยมกี ารรับรู้ถงึ ความเปน็ เจา้ ของลขิ สิทธใิ์ นโปรแกรมคอมพวิ เตอรน์ ั้น และมาตรา35 (4) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธ์ิใน โปรแกรมคอมน้ัน ผู้ใช้ต้องแจ้งให้ทราบถึงชื่อผลงาน ช่ือเจ้าของลิขสิทธ์ิ และผู้สร้างสรรค์ (ถา้ ม)ี ดว้ ย
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 การใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยสรา้ งช้นิ งานหรอื โครงงานอย่างมจี ติ สานกึ และความรบั ผิดชอบ 6. บทกาหนดโทษสาหรบั ผู้ละเมิดลิขสิทธ์ิ
25/01/64 16
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: