Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา

คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา

Published by MayonLer 13, 2019-05-29 03:11:23

Description: Computer in education
คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา

Search

Read the Text Version

เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งแยกตามขอบเขตการต่อเชื่อมว่าต้องการใช้ในระยะใกล้หรือไกล ประเภทส�ำ คัญ ๆ ดงั นี้ 1. เครือขา่ ยบริเวณเฉพาะที่ (Local Area Network : LAN) 2. เครือข่ายบริเวณกว้าง (Wide Area Network : WAN) 3. เครอื ข่ายนครหลวง (Metropolitan Area Network : MAN) 4. เครอื ขา่ ยอนิ เตอรเ์ นต็ (Internet) เครือข่ายแลน (Local Area Network : LAN) ลกั ษณะส�ำ คัญของเครอื ข่ายแลน คอื อุปกรณ์ท่ีประกอบภายในเครือข่ายสามารถรับ สญั ญาณกันด้วยความเรว็ สงู มาก โดยท่ัวไปมีความเรว็ ต้ังแต่หลายสบิ ล้านบิตต่อวนิ าที จนกวา่ พันล้านบิตตอ่ วินาที การสื่อสารในระยะใกลจ้ ะมคี วามเรว็ ในการส่อื สาร ทำ�ให้ การรับส่งขอ้ มูลมีความผิดพลาดน้อย และสามารถรับส่งขอ้ มลู จำ�นวนมากในเวลาจำ�กัด ได้ เครือขา่ ยแลนจึงเปน็ เครือข่ายทม่ี ีบทบาทสำ�คัญในการเชอ่ื มโยงระบบคอมพวิ เตอรใ์ น องค์กรและมีแนวโน้มที่จะทำ�ให้ทรัพยากรและการประมวลผลในองค์กรเชื่อมโยงเป็นระบบ เดยี วท�ำ ให้ใช้งานร่วมกันได้ทั้งองคก์ ร เครือขา่ ยแลนหรอื เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ทอ้ งถิ่นเปน็ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ซึ่งเช่ือมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ส่ือสารท่ีอยู่ในท้องท่ีบริเวณ เดยี วกนั เข้าดว้ ยกนั เช่น ภายในอาคาร หรือภายในองค์การท่มี รี ะยะทางไมไ่ กลมากนัก พเิ ศษในการลดปญั หาข้อมลู ผดิ พลาดของการรบั ส่งสัญญาณ เครอื ข่ายแวนเป็นเครอื ขา่ ยทที่ ำ�ให้ เครือขา่ ยแลนหลาย ๆ เครือขา่ ยเชือ่ มถึงกนั ได้ เครือขา่ ยแวน (Wide Area Network : WAN) เป็นเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรท์ ่เี ช่ือมโยงระบบคอมพิวเตอร์ในระยะไกล เชน่ เชอ่ื มโยงระหวา่ ง จังหวดั ระหว่างประเทศ การสรา้ งเครือขา่ ยระยะไกล จงึ ตอ้ งอาศัยระบบบริการเครอื ข่าย สาธารณะ เชน่ สารวงจรเชา่ จากองค์การโทรศัพท์แหง่ ประเทศไทย หรือ จากการส่อื สารแห่ง ประเทศไทย ใชว้ งจรสื่อสารผ่านดาวเทยี มใช้วงจรส่ือสารเฉพาะกจิ ทมี่ ีให้บริการแบบสาธารณะ เครอื ขา่ ยแวนจึงเปน็ เครอื ขา่ ยทใ่ี ช้กบั องค์การทมี่ สี าขาหา่ งไกล และต้องการเช่อื มสาขาเหล่านน้ั เข้าดว้ ยกนั เช่น ธนาคารมสี าขาทัว่ ประเทศมีบรกิ าร รับฝากเงนิ ผ่านตู้เอทเี อ็ม เครอื ข่ายแวน เช่ือมโยงระยะไกลมาก จึงมคี วามเรว็ ในการส่อื สารไม่สงู เนอื่ งจาก มสี ญั ญาณรบกวนในสาย และ การเช่ือมโยงระยะไกลจำ�เป็นต้องใช้เทคนิคพิเศษในการลดปัญหาข้อมูลผิดพลาดของการรับส่ง สัญญาณ เครือขา่ ยแวนเป็นเครอื ข่ายท่ีทำ�ใหเ้ ครือขา่ ยแลนหลาย ๆ เครือข่ายเชื่อมถงึ กนั ได้ 51เทคโนโลยคี อมพวิ เตอรแ์ ละเครือขา่ ย

เครอื ข่ายนครหลวง (Metropolitan Area Network : MAN) เปน็ เครอื ขา่ ยใหบ้ ริการสำ�หรบั เมอื งใหญ่ ๆ ท่พี ัฒนาจากระบบโทรทัศน์ทางสายหรือเคเบิล้ ทีวีใน สมยั กอ่ น ระบบนี้ใชส้ ายโคแอกเชียลความเรว็ สงู ในการสง่ สญั ญาณโทรทัศน์ไปใหส้ มาชกิ ตามบ้านตอ่ มาพัฒนาให้รับส่งข้อมลู ไดโ้ ดยท่วั ไป รบั ส่งสัญญาณภาพเสยี ง และขอ้ มลู โดยมีวงจรอเิ ล็กทรอนิกส์ รับสง่ ท่สี ามารถแยกสญั ญาณนอ้ี อกจากกนั ท�ำ ใหบ้ ริการได้ทง้ั เคเบิลทีวี วทิ ยุทางสายและเป็นเครือ ขา่ ยคอมพิวเตอร์ เครอื ขา่ ยอนิ เตอรเ์ นต็ (Internet) ได้รับการพัฒนามาจากเครือข่ายแวน เพื่องานวิจัยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่เรยี กว่า อาร์ พาเน็ต ในปี ค.ศ. 1983 ได้ใชม้ าตรฐาน TCP/IP เปน็ มาตรฐานในการสื่อสารไดร้ บั ความนยิ มอยา่ ง มาก ทำ�ให้เครอื ขา่ ยในองค์กรตา่ ง ๆ เขา้ ร่วมใช้งานกลายเป็นเครอื ขา่ ยทางไกลทเี่ ชอ่ื มอยรู่ ะหว่าง เครอื ข่ายจ�ำ นวนมาก อินเตอร์เนต็ ท�ำ ใหเ้ ปิดโลกทศั นข์ องผ้ไู ด้กวา้ งไกลท�ำ ใหเ้ กดิ สภาวะที่เรยี กว่า “โลกไรพ้ รมแดน” เครอื ข่ายอนิ เตอร์เน็ตเป็นเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ทีค่ รอบคลุมไปทั่วโลกซง่ึ เกิดจาก การเช่ือมโยงของเครือข่ายย่อยจำ�นวนมากท่ีกระจายอยู่ทั่วไปเครือข่ายเหล่านี้เช่ือมเข้าหากันภายใต้ กฎเกณฑ์ที่เปน็ มาตรฐานเดยี วกันจนเปน็ เครอื ขา่ ยขนาดใหญ่ โดยใช้มาตรฐานการเชอ่ื มต่อเดียวกัน ทั้งหมดเรยี กว่า “ทซี ีพี/ไอพี” ทำ�ให้เครือ่ งคอมพิวเตอร์ที่แตกตา่ งกนั ทางเทคโนโลยสี ามารถแลก เปลี่ยนข้อมูลและสง่ ผา่ นขอ้ มลู ระหวา่ งกันได้ ซึ่งมลี กั ษณะการเช่ือมตอ่ แบบสลบั วงจรและสลบั ขอ้ มูล 52เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์และเครอื ข่าย

53

5.เทคโนโลยคี อมพิวเตอรแ์ ละอินเทอร์เนต็ อนิ เทอรเ์ นต็ คืออะไร อินเทอร์เนต็ (Internet)คือเครอื ข่ายนานาชาตทิ ่เี กดิ จากเครอื ข่ายขนาดเล็กมากมายรวมเป็นเครือ ขา่ ย เดยี วทงั้ โลกหรอื เครือขา่ ยส่ือสารซ่ึงเช่ือมโยงระหว่างคอมพวิ เตอร์ท้ังหมดที่ต้องการเข้ามาใน เครอื ข่าย สำ�หรบั ค�ำ ว่า internet หากแยกศัพทจ์ ะไดม้ า 2 ค�ำ คอื คำ�วา่ Inter และคำ�วา่ net ซึ่ง Inter หมายถึงระหว่าง หรือท่ามกลาง และคำ�ว่า Net มาจากค�ำ วา่ Network หรือเครือขา่ ย เม่อื น�ำ ความหมายของทั้ง 2 ค�ำ มารวมกนั จึงแปลว่า การเชอื่ มต่อกันระหวา่ งเครือขา่ ย IP (Inter- net protocal) Address คอมพิวเตอรท์ ุกเครอ่ื งท่ีเช่อื มตอ่ กนั ในinternet ต้องมี IP ประจำ�เครือ่ ง ซ่งึ IP นม้ี ผี ู้รับผดิ ชอบคอื IANA (Internet assigned number authority) ซึ่งเป็นหน่วยงานกลาง ทค่ี วบคมุ ดแู ล IPV4 ทั่วโลก เป็น Public address ทไี่ มซ่ ้�ำ กนั เลยในโลกใบน้ี การดูแลจะแยกออกไป ตามภมู ิภาคตา่ ง ๆ ส�ำ หรบั ทวีปเอเชยี คือ APNIC (Asia pacific network information center) แต่ การขอ IP address ตรง ๆ จาก APNIC ดูจะไม่เหมาะนกั 54เทคโนโลยีคอมพิวเตอรแ์ ละอนิ เทอรเ์ นต็

เพราะเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ตา่ ง ๆ เชื่อมตอ่ ด้วย Router ซงึ่ ทำ�หนา้ ท่ีบอกเสน้ ทาง ถ้าท่านมเี ครอื ข่ายของตนเองทีต่ อ้ งการเชอ่ื มต่ออินเทอร์เนต็ กค็ วรขอ IP address จาก ISP (Internet Service Provider) เพือ่ ขอเชอ่ื มต่อเครอื ข่ายผา่ น ISP และผู้ให้บรกิ ารกจ็ ะคิดคา่ ใชจ้ า่ ยในการเช่ือมตอ่ ตาม ความเร็วทีท่ ่านต้องการ เรียกว่า Bandwidth เช่น 2 Mbps แต่ถา้ ท่านอยตู่ ามบ้าน และใช้สาย โทรศัพท์พื้นฐาน กจ็ ะไดค้ วามเรว็ ในปัจจุบันไม่เกิน 56 Kbps ซึ่งเปน็ speed ของ MODEM ใน ปัจจุบัน IP address คือเลข 4 ชุด หรอื 4 Byte เชน่ 203.158.197.2 หรอื 202.29.78.12 เป็นตน้ แตถ่ ้าเป็นสถาบันการศกึ ษาโดยท่วั ไปจะได้ IP มา 1 Class C เพือ่ แจกจา่ ยให้กบั Host ในองค์กรได้ ใช้ IP จรงิ ไดถ้ ึง 254 เคร่ือง เช่น 203.159.197.0 ถึง 203.159.197.255 แต่ IP แรก และ IP สุดทา้ ย จะไม่ถูกนำ�มาใช้ จงึ เหลอื IP ใหใ้ ช้ได้จรงิ เพียง 254 หมายเลข 1 Class C หมายถึง Subnet mask เป็น 255.255.255.0 และแจก IP จรงิ ในองคก์ รได้สงู สดุ 254 1 Class B หมายถงึ Subnet mask เปน็ 255.255.0.0 และแจก IP จรงิ ในองคก์ รได้สงู สดุ 66,534 1 Class A หมายถงึ Subnet mask เป็น 255.0.0.0 และแจก IP จรงิ ในองคก์ รไดส้ ูงสดุ 16,777,214 ประโยชนข์ องอินเทอรเ์ น็ต 1 เป็นแหลง่ ขอ้ มลู ทล่ี กึ และกว้าง เพราะ 4เป็นช่องทางส�ำ หรบั ท�ำ ธรุ กจิ สะดวกทั้งผ้ซู อ้ื ขอ้ มลู ถูกสร้างไดง้ า่ ย แม้นกั เรยี น หรอื ผูส้ ูง และผูข้ าย เช่น e-commerce หรือบริการโอน อายุก็สรา้ งได้ เงนิ เป็นต้น 2 เปน็ แหล่งรับ หรอื สง่ ขา่ วสาร ไดห้ ลายรูป 5ใช้แทน หรือเสริมสือ่ ที่ใช้ติดต่อสื่อสาร ใน แบบ เช่น mail, board, icq, irc, sms หรอื ปจั จบุ นั โดยเสยี ค่าใชจ้ ่าย และเวลาทล่ี ดลง web 6เป็นช่องทางสำ�หรับประชาสัมพันธ์สินค้า 3 เปน็ แหล่งใหค้ วามบันเทิง เช่น เกม บริการ หรอื องคก์ ร ภาพยนตร์ ขา่ ว หรือหอ้ งสะสมภาพ เป็นต้น 55เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต

ประวตั ิความเป็นมา 1 ประวัตใิ นระดับนานาชาติ - อนิ เทอร์เนต็ เปน็ โครงการของ ARPAnet(Advanced Research Projects Agency Network) ซ่ึงเปน็ หนว่ ยงานท่สี ังกัด กระทรวงกลาโหม ของสหรฐั (U.S.Department of Defense - DoD) ถูก ก่อตง้ั เม่อื ประมาณ ปี พ.ศ.2503(ค.ศ.1960) - พ.ศ.2512(ค.ศ.1969) ARPA ได้รบั ทนุ สนันสนุน จากหลายฝา่ ย ซงึ่ หน่ึงในผูส้ นับสนนุ ก็คอื Ed- ward Kenedyและเปลยี่ นช่ือจาก ARPA เปน็ DARPA(Defense Advanced Research Pro- jects Agency) พร้อมเปลย่ี นแปลงนโยบายบางอยา่ ง และในปีพ.ศ.2512 นเี้ องไดท้ ดลองการเชอื่ ม ตอ่ คอมพิวเตอรจ์ าก 4 แหง่ เข้าหากนั เปน็ คร้ังแรก คือ มหาวทิ ยาลยั แคลฟิ อร์เนียทีล่ องแอนเจลิส สถาบันวจิ ัยสแตนฟอรด์ มหาวิทยาลยั แคลิฟอรเ์ นียที่ซานตาบารบ์ ารา และมหาวทิ ยาลยั ยทู าห์ เครอื ข่ายทดลองประสบ ความสำ�เรจ็ อย่างมาก ดังนนั้ ในปีพ.ศ.2518(ค.ศ.1975) จึงเปลี่ยนจากเครือขา่ ยทดลอง เป็นเครือ ข่ายใชง้ านจรงิ ซง่ึ DARPA ไดโ้ อนหน้าท่รี บั ผิดชอบใหแ้ ก่ หน่วยงานการส่อื สารของกองทพั สหรัฐ (Defense Communications Agency - ปัจจุบันคือ Defense Informations Systems Agency) แตใ่ นปัจจุบัน Internet มคี ณะท�ำ งานทรี่ ับผิดชอบบรหิ ารเครือขา่ ยโดยรวม เชน่ ISOC (Internet Society) ดแู ลวตั ถุประสงค์หลัก IAB(Internet Architecture Board) พจิ ารณาอนุมัติมาตรฐาน ใหม่ใน Internet IETF(Internet Engineering Task Force) พัฒนามาตรฐานท่ใี ชก้ ับ Internet ซึ่ง เปน็ การทำ�งานโดยอาสาสมัคร ทัง้ สนิ้ 56เทคโนโลยีคอมพวิ เตอรแ์ ละอนิ เทอรเ์ น็ต

- พ.ศ.2526(ค.ศ.1983) DARPA ตัดสนิ ใจนำ� TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol) มาใชก้ บั คอมพวิ เตอรท์ ุกเคร่ืองในระบบ ทำ�ให้เป็นมาตรฐานของวิธีการตดิ ตอ่ ในระบบ เครือขา่ ย Internet จนกระท่ังปจั จบุ นั จึงสงั เกตไดว้ า่ ในเครอื่ งคอมพิวเตอรท์ กุ เคร่อื งท่ีจะตอ่ inter- net ได้จะต้องเพม่ิ TCP/IP ลงไปเสมอ เพราะ TCP/IP คือข้อกำ�หนดทท่ี �ำ ให้คอมพวิ เตอร์ทั่วโลก ทุก platform และสอ่ื สารกนั ไดถ้ กู ตอ้ ง - การกำ�หนดชอ่ื โดเมน(Domain Name System) มีข้ึนเม่อื พ.ศ.2529(ค.ศ.1986) เพอื่ สร้างฐาน ขอ้ มลู แบบกระจาย(Distribution database) อยู่ในแตล่ ะเครอื ข่าย และให้ ISP(Internet Service Provider) ชว่ ยจดั ทำ�ฐานขอ้ มลู ของตนเอง จึงไม่จ�ำ เป็นต้องมฐี านข้อมลู แบบรวมศูนย์ เหมือนแต่ ก่อน เชน่ การเรยี กเว็บwww.yonok.ac.th จะไปทต่ี รวจสอบว่ามีชือ่ นี้ หรือไม่ ท่ี www.thnic.co.th ซึ่งมฐี านขอ้ มลู ของเวบ็ ทีล่ งทา้ ยดว้ ยth ท้งั หมด เป็นตน้ - DARPA ได้ท�ำ หนา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบดแู ลระบบ internet เร่อื ยมาจนถงึ พ.ศ.2533(ค.ศ.1990) และให้ มลู นิธิวิทยาศาสตรแ์ ห่งชาติ(National Science Foundation - NSF) เข้ามาดแู ลแทนร่วม กบั อีก หลายหน่วยงาน - ในความเป็นจรงิ ไมม่ ใี ครเปน็ เจ้าของ internet และไม่มีใครมสี ทิ ธขิ าดแต่เพียงผเู้ ดียว ในการ กำ�หนดมาตรฐานใหม่ตา่ ง ๆ ผูต้ ดั สนิ ว่าสิ่งไหนดี มาตรฐานไหนจะไดร้ บั การยอมรบั คือ ผูใ้ ช้ ที่ กระจายอย่ทู ่ัวทุกมุมโลก ท่ไี ดท้ ดลองใช้มาตรฐานเหลา่ น้นั และจะใช้ต่อไปหรือไมเ่ ท่านนั้ ส่วน มาตรฐานเดิมทเ่ี ปน็ พน้ื ฐานของระบบ เชน่ TCP/IP หรือ Domain name ก็จะต้องยึดตามนั้นตอ่ ไป เพราะ Internet เปน็ ระบบกระจายฐานขอ้ มลู การจะเปลย่ี นแปลงระบบพืน้ ฐาน จึงไม่ใชเ่ รอ่ื งงา่ ย นัก 57เทคโนโลยคี อมพวิ เตอรแ์ ละอินเทอรเ์ นต็

58

6.เทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยีคลาวดค์ อมพิวตง้ิ Cloud Computing คอื บริการที่ครอบคลมุ ถงึ การให้ใช้กำ�ลงั ประมวลผล หน่วยจดั เก็บขอ้ มูล และ ระบบออนไลน์ตา่ งๆจากผู้ใหบ้ ริการ เพ่ือลดความยุ่งยากในการตดิ ตั้ง ดูแลระบบ ชว่ ยประหยัดเวลา และลดต้นทุนในการสรา้ งระบบคอมพวิ เตอร์และเครอื ขา่ ยเอง ซงึ่ ก็มีทง้ั แบบบริการฟรแี ละแบบเกบ็ เงนิ หากแปลความหมายของค�ำ วา่ Cloud Computing ดจู ะเขา้ ใจยาก หรอื ถ้าแปลเปน็ ไทย “การ ประมวลผลบนกลุ่มเมฆ” กย็ ่งิ ดูจะงงเข้าไปใหญ่ แต่น่าจะงา่ ยกว่าถ้าบอกว่า Cloud Comput- ing คอื การทีเ่ ราใช้ซอฟต์แวร,์ ระบบ, และทรพั ยากรของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ ผา่ น อนิ เทอรเ์ น็ต โดยสามารถเลอื กก�ำ ลงั การประมวลผล เลือกจำ�นวนทรพั ยากร ได้ตามความตอ้ งการใน การใชง้ าน และใหเ้ ราสามารถเข้าถึงขอ้ มูลบน Cloud จากทไ่ี หนก็ได้ ดังแผนภาพด้านล่างนน้ี ัน่ เอง ประเภทของบริการ คลาวด์คอมพวิ ต้งิ (Cloud Service Models) บรกิ าร Cloud Computing มีหลากหลายรปู แบบ แต่ในที่น้ี เราขอพดู ถึงรูปแบบหลักๆ 3 แบบไดแ้ ก่ Software as a Service (SaaS) เปน็ การท่ีใชห้ รือเชา่ ใชบ้ ริการซอฟตแ์ วรห์ รือแอพพลิเคชน่ั ผา่ นอินเทอรเ์ น็ต โดยประมวลผลบน ระบบของผู้ใหบ้ ริการ ท�ำ ให้ไมต่ อ้ งลงทนุ ในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ ฮารด์ แวร์ ซอฟต์แวร์เอง ไม่ ตอ้ งพะวงเร่ืองค่าใช้จ่ายในการดแู ลระบบ เพราะซอฟต์แวร์จะถกู เรยี กใชง้ านผ่าน Cloud จากทไ่ี หน กไ็ ด้ ซงึ่ บริการ Software as a Service ทีใ่ กล้ตวั เรามากทส่ื ดุ ก็คอื GMail นน่ั เอง นอกจากนน้ั ก็เช่น Google Docs หรือ Google Apps ที่เปน็ รปู แบบของการใชง้ านซอฟตแ์ วรผ์ า่ นเวบ็ บราวเซอร์ สามารถใชง้ านเอกสาร 59เทคโนโลยีคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยคี ลาวด์คอมพวิ ต้ิง

คำ�นวณ และสร้าง Presentation โดยไมต่ ้องตดิ ตั้งซอฟตแ์ วรบ์ นเครื่องเลย แถมใชง้ านบนเครือ่ งไหน กไ็ ด้ ที่ไหนก็ได้ แชรง์ านรว่ มกันกับผู้อน่ื ก็สะดวก ซ่งึ การประมวลผลจะท�ำ บน Server ของ Google ท�ำ ใหเ้ ราไมต่ อ้ งการเคร่อื งท่มี กี �ำ ลังประมวลผลสงู หรือพ้ืนทีเ่ ก็บข้อมลู มากๆในการท�ำ งาน Chrome- book ราคาประหยัดซกั เครื่องก็ท�ำ งานไดแ้ ลว้ มหาวทิ ยาลัยท้งั ในไทยและตา่ งประเทศหลายแห่งใน ปจั จุบัน ก็ยกเลกิ การตงั้ Mail Server สำ�หรบั ใชง้ าน e-mail ของบคุ ลากร และนกั ศกึ ษาในมหาวทิ ย ลัยกนั เองแล้ว แต่หนั มาใชบ้ ริการอยา่ ง Google Apps แทน เป็นการลดต้นทนุ , ภาระในการดแู ล, และความยงุ่ ยากไปได้มาก Platform as a Service (PaaS) ส�ำ หรับการพฒั นาแอพพลิเคชนั่ นน้ั หากเราตอ้ งการพัฒนาเวบแอพพลิเคช่ันทีค่ อ่ นขา้ งซับซ้อน ซ่งึ รันบนเซริ ฟ์ เวอร์ หรอื Mobile application ท่มี กี ารประมวลผลท�ำ งานอยบู่ นเซริ ์ฟเวอร์ เรากต็ ้อง ต้งั เซิร์ฟเวอร์ เชอ่ื มต่อระบบเครอื ข่าย และสรา้ งสภาพแวดล้อม เพ่ือทดสอบและรันซอฟตแ์ วรแ์ ละ แอพพลเิ คชัน่ เชน่ ตดิ ต้งั ระบบฐานขอ้ มูล, Web server, Runtime, Software Library, Frame- works ต่างๆ เปน็ ต้น จากน้ันกอ็ าจยงั ตอ้ งเขียนโคด้ อีกจ�ำ นวนมาก แต่ถา้ เราใช้บริการ PaaS ผใู้ หบ้ ริการจะเตรียมพนื้ ฐานต่างๆ เหลา่ นีไ้ วใ้ ห้เราต่อยอดไดเ้ ลย พน้ื ฐาน ท้ัง Hardware, Software, และชุดค�ำ สงั่ ท่ีผ้ใู หบ้ ริการเตรยี มไวใ้ หเ้ ราต่อยอดนเ้ี รียกวา่ Platform ซ่ึงก็จะทำ�ใหล้ ดตน้ ทุนและเวลาทใี่ ช้ในการพฒั นาซอฟทแ์ วรอ์ ยา่ งมาก ตวั อย่าง เช่น Google App Engine, Microsoft Azure ทีห่ ลายๆบรษิ ัทน�ำ มาใชเ้ พื่อลดต้นทุนและเปน็ ตัวชว่ ยในการท�ำ งาน Application ดงั ๆหลายตวั เช่น Snapchat กเ็ ลือกเช่าใช้บรกิ าร PaaS อย่าง Google App Engine ท�ำ ใหส้ ามารถพฒั นาแอพท่ีให้บริการคนจำ�นวนมหาศาลได้ โดยใช้เวลาพฒั นาไมน่ านด้วยทีมงานแค่ ไมก่ ีค่ น Infrastructure as a Service (IaaS) เปน็ บริการให้ใชโ้ ครงสร้างพน้ื ฐานทางคอมพิวเตอรอ์ ยา่ ง หนว่ ยประมวลผล ระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบเครอื ข่าย ในรูปแบบระบบเสมอื น (Virtualization) 60เทคโนโลยีคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยคี ลาวดค์ อมพิวต้ิง

ข้อดีคือองค์กรไม่ต้องลงทุนสิ่งเหล่านี้เองยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างระบบไอทีของ องค์กรในทกุ รปู แบบ, สามารถขยายไดง้ า่ ย ขยายไดท้ ลี ะนดิ ตามความเตบิ โตขององคก์ รกไ็ ด้ และ ที่สำ�คัญ ลดความยงุ่ ยากในการดูแล เพราะหนา้ ที่ในการดูแล จะอยทู่ ผ่ี ้ใู ห้บริการ ตัวอย่างเชน่ บริการ Cloud storage อย่าง DropBox ซึง่ ให้บรกิ ารพื้นท่ีเก็บข้อมลู น่นั เอง แต่ นอกจากนี้กย็ ังมบี รกิ ารให้เช่ากำ�ลงั ประมวลผล, บรกิ ารใหเ้ ช่า เซริ ์ฟเวอรเ์ สมือน เพอื่ ใชล้ งและรนั แอพพลเิ คชั่นใดๆตามทีเ่ ราต้องการไม่วา่ จะเป็น Web Application หรือ Software เฉพาะดา้ น ขององคก์ ร เป็นตน้ ตวั อย่างบรกิ ารอ่นื ๆในกลุ่มน้กี ็เช่น Google Compute Engine, Amazon Web Services, Mi- crosoft Azure 61เทคโนโลยีคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีคลาวดค์ อมพิวต้งิ

62

คลิกทีร่ ปู เพอื่ รบั ชมวดิ ีโอ 7.เทคโนโลยีคอมพิวเตอรแ์ ละโมบายเลริ ์นน่ิง Appplication โมบายเลิรน์ นง่ิ เปน็ การพฒั นาอีกข้นั ของ e-Learning เปน็ การผสมผสานที่ลงตัวของการ พัฒนาการศึกษาเรยี นรู้ โดยใช้เทคโนโลยที ที่ ันสมัยเข้ามาช่วย เทคโนโลยีท่กี ลา่ วถึงนก้ี ็คอื เทคโนโลยีสือ่ สารแบบไร้สาย เราเรยี กการเรยี นแบบนว้ี ่า Wireless Learning, Mobile Learn- ing หรือ m-Learning ดั้งนั้น m-Learning คือการศกึ ษาทางไกลผ่านทางอุปกรณ์เคล่อื นท่ีแบบ ไร้สาย ต่างๆ เช่น โทรศพั ทม์ อื ถือ ,PDA และแล็ปทอป โดยมแี อปพลิเคชัน่ ท่ีส�ำ คญั ตา่ งๆ เช่น มี คบี อร์ด เปน็ การเรยี นรผู้ ่านระบบ m-Learning โดยเนน้ ท่ีการทำ�กจิ กรรมเป็นกลมุ่ เพ่อื สง่ และรับ ข้อมลู แลกเปล่ียนความรรู้ ะหว่างเพือ่ นรว่ มช้ันและครผู ้สู อน โดยสามารถสง่ ขอ้ มูลท่เี ปน็ ภาพ เสยี ง มัลติมีเดีย เวบ็ ไซต์ เพือ่ ใชใ้ นการแก้ไขปญั หาหาหรือท่ีเรยี ก ว่า Problem-Based Learning ไดเ้ ปน็ อย่างดี นอกจากนี้ยังมกี ารเรียนรผู้ า่ นเครอ่ื ง PDA ซึง่ ผู้เรียนสามารถทจี่ ะเชอื่ มต่อเข้าสู่แหล่งเรยี นร้ผู ่าน เคร่ือง PDA ที่มีความสามารถท่ีจะเลน่ แอนิเมชนั่ ระบบเสียง และคลปิ ต่างๆ เพอ่ื ทำ�ให้สะดวกตอ่ ผ้เู รียนในการท่ีจะเป็นเครอ่ื งมอื ในการทำ�โครงงาน และสบื คน้ ขอ้ มูลเพือ่ มาสนับสนุนการศกึ ษา และวิจัย เมื่อไม่นานมานี้ และเรมิ่ ได้รบั ความนยิ มอยา่ งกวา้ งขวางในปี 2012 เนอ่ื งจากมมี หาวทิ ยาลยั ชัน้ น�ำ ของโลกหลายแหง่ ใหค้ วามส�ำ คัญและมาร่วมเผยแพรบ่ ทเรยี นผ่านทาง MOOC กนั เป็นทวิ แถว จนกระทัง่ New York Times ยังกลา่ วว่า ปี 2012 เป็น “Year of the MOOC” เลยทีเดียว 63เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์และโมบายเลริ ์นนง่ิ Appplication

64

คลิกท่ีรปู เพ่ือรับชมวดิ ีโอ 8. เทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์และ Massive Open Online Course MOOC คอื อะไร ? MOOC เปน็ คำ�ท่มี าจากตัวอกั ษรตวั แรกของคำ�เต็มว่า Massive Open Online Course ซึ่ง หมายถึงรูปแบบการนำ�เสนอการเรยี นรูห้ ลักสูตรต่างๆ ทางออนไลน์ ทเี่ ข้าถึงผูเ้ รยี นจ�ำ นวนมากๆ ได้ผ่านทางหนา้ เว็บไซต์ โดยส่วนใหญ่เป็นการใหบ้ รกิ ารฟรี ซงึ่ MOOC น้เี ป็นนวัตกรรมใหม่ ของวงการการศกึ ษาของโลก โดยการนำ�เทคโนโลยีและวิธีการเรียนการสอนสมัยใหม่มาผสม ผสานกัน ทำ�ให้คนทว่ั โลกสามารถเข้าถึงการศกึ ษาไดผ้ ่านช่องทางออนไลน์ซ่ึงตอนนม้ี เี ครอื ข่าย ครอบคลมุ ไปทั่วทกุ มมุ โลกแลว้ สงิ่ ท่ี MOOC มนี อกเหนอื จากสื่อประกอบการเรียนแบบปรกติ เชน่ วีดิโอ หนังสือ และแบบฝึกหัดแล้ว ยงั มฟี อรมั (Forum) ใหผ้ ู้เรียนได้แลกเปลยี่ นสนทนา ระหว่างนักเรยี นดว้ ยกนั หรอื กบั ผสู้ อน และผชู้ ว่ ยสอนได้อกี ดว้ ย กระแสของ MOOC พ่งึ เกดิ ขน้ึ เมอื่ ไมน่ านมานี้ และเร่ิมไดร้ บั ความนยิ มอย่างกวา้ งขวางในปี 2012 เนื่องจากมีมหาวทิ ยาลยั ช้ัน นำ�ของโลกหลายแห่งใหค้ วามส�ำ คญั และมารว่ มเผยแพรบ่ ทเรยี นผา่ นทาง MOOC กนั เป็นทวิ แถว จนกระทง่ั New York Times ยงั กลา่ วว่า ปี 2012 เป็น “Year of the MOOC” เลยทีเดียว 65เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์และ Massive Open Online Course

66

9.เทคโนโลยคี อมพิวเตอรแ์ ละ Open Education Resourse การเรียนรูท้ มี่ ีคณุ ค่า กค็ ือ การเรยี นรู้แบบรว่ มมือ การแบง่ ปันความรู้ ไมย่ ดึ ถือในความเป็น เจา้ ของมากเกนิ จนไปขดั โอกาสการเข้าถงึ โอกาสการเรียนร้ขู องผู้อื่น แนวคดิ การสรา้ งช่อง ทางการเรียนรทู้ เ่ี ข้าถงึ ไดอ้ ิสระเสรี จงึ เปน็ แนวคดิ ของการสง่ เสรมิ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ (Life- long Learning) โดยมีหวั ใจส�ำ คัญอยทู่ ีก่ ารแบ่งปนั แหลง่ ทรัพยากรด้านการศึกษาท่มี ีคุณภาพสู่ สังคมโลกเพ่ือนำ�ไปใช้ประโยชนท์ างด้านการศกึ ษาได้อยา่ งเสรี แหล่งทรพั ยากรด้านการศึกษาแบบเปดิ หรอื OER : Open Educational Resources จงึ กอ่ ก�ำ หนดขน้ึ มาภายใตแ้ นวคดิ ดงั กล่าว โดยมจี ดุ เร่ิมตน้ มาจากโครงการขององค์การการ ศกึ ษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ทีร่ ่วมมอื กบั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยแี มสซาชูเซตส์ (Masschusetts Institute of Technology หรอื MIT) สถาบนั อุดมศกึ ษาทม่ี ชี ือ่ เสียงดา้ นเทคโนโลยขี องประเทศสหรฐั อเมรกิ า โดยพัฒนา รวบรวมส่อื การเรียนร้ใู นรูปแบบอิเลก็ ทรอนกิ สแ์ บบเปดิ (Open Courseware) เผยแพร่ไวใ้ นเว็บไซต์ ท่ีมี วตั ถปุ ระสงคท์ กุ คนสามารถนำ�ไปใชไ้ ด้โดยไม่มีคา่ ใช้จา่ ยและไม่มีขอ้ จำ�กดั ในการใช้งาน ความ ส�ำ เร็จของโครงการท�ำ ใหแ้ นวคดิ ในการพฒั นาและแบ่งปันความรูแ้ กม่ วลมนษุ ชาติไดร้ ับการ ยอมรับในชือ่ ของ “แหลง่ ทรพั ยากรด้านการศึกษาแบบเปดิ ” หรือ Open Educational Re- sources หรือ OER 67เทคโนโลยีคอมพิวเตอรแ์ ละ Open Education Resourse

68

10.การผลติ ส่ือคอมพิวเตอร์และส่ืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ Infographic pitochart อินโฟกราฟกิ คืออะไร อนิ โฟกราฟกิ จะหมายถึง การน�ำ เสนอขอ้ มูลสารสนเทศต่างๆ โดยใช้ภาพกราฟิกเปน็ เครื่องมือส�ำ คญั ซง่ึ อนิ โฟกราฟกิ มกั จะตอ้ งประกอบไปดว้ ย 2 ส่วนหลกั ๆ คอื ขอ้ มลู ท่เี ปน็ ตวั หนงั สอื และภาพกราฟิก ทำ�ไมตอ้ ง อนิ โฟกราฟิก 4 S’s and 2 P’s S ตัวท่ี 1 Simple จดุ เด่นของการสอ่ื สารดว้ ยอินโฟกราฟกิ คอื งา่ ยตอ่ การท�ำ ความเข้าใจ S ตัวท่ี 2 Stimulating ดึงดดู ความสนใจได้มากกว่า S ตวั ท่ี 3 Save ประหยัดเวลาในการศกึ ษาขอ้ มูล S ตัวที่ 4 Systematic Retention ช่วยใหจ้ ดจำ�ข้อมลู ไดอ้ ย่างเปน็ ระบบ P ตวั ที่ 1 PR friendly น�ำ ไปเผยแพร่ต่อไปไดง้ า่ ย และ P ตวั ท่ี 2 เปน็ ตัวทสี่ �ำ คญั ที่สามารถทำ�ให้เราดเู ปน็ มอื อาชพี นา่ เชือ่ ถอื นั่นคอื Professional ข้อมูลในอินโฟกราฟกิ ต้องสน้ั กระชับ ตัดทอนส่วนทไี่ มจ่ �ำ เปน็ ออก เพราะฉะน้ันอินโฟกราฟกิ จึง ไม่ เหมาะกบั การอธบิ ายอะไรยาวๆ วธิ กี ารคือ เมือ่ เรามีขอ้ มูล เราตดั ส่ิงทไี่ ม่จ�ำ เป็นออก แลว้ หาวธิ ีน�ำ เสนอโดยการสร้างภาพใหเ้ หมาะสม ขอยกตวั อยา่ งในการจดั การกับข้อมลู เพ่อื ใหไ้ ด้อนิ โฟกราฟกิ นะ คะ เช่น 69การผลติ สือ่ คอมพิวเตอร์และสื่ออเิ ล็กทรอนิกส์ Infographic pitochart

ตวั อยา่ ง Infographic ถ้าเรามีขอ้ มลู ตัวเลขอยู่ 1 ชดุ สิง่ ทเ่ี ราต้องการน�ำ เสนอในทน่ี ้คี ือ เลข 7 เรากต็ ดั ส่วนท่ไี มจ่ ำ�เป็น ออกแลว้ หาวธิ กี ารนำ�เสนอ โดยอาจจะน�ำ เอาเลข 7 มาเรยี งต่อกันเป็นเลข 7 ก็ไดน้ ะคะ ภาพที่ใช้ทำ� อนิ โฟกราฟิกตอ้ งเห็นแลว้ เข้าใจง่าย ไม่ซบั ซอ้ น อนิ โฟกราฟกิ ท่ดี ตี อ้ งออกแบบให้ดเู รยี บงา่ ย สบาย ตา จดั วางองคป์ ระกอบอย่างลงตวั และปลอ่ ยให้มีพื้นทวี่ ่าง หรือ ส่วนพักสายตา ตามสมควรอนิ โพกราฟกิ ออกแบบอยา่ งไร จงึ จะน่าสนใจในการสรา้ งอินโพกราฟิก ควรค�ำ นงึ ถงึ design คือการ ออกแบบ ควรออกแบบให้มคี วามนา่ สนใจ ในเรื่องของเรื่องราวตา่ งๆ นั้นต้องเข้าใจงา่ ย รวมถงึ เนอ้ื หา ควรมปี ระโยชน์ การออกแบบ อนิ โพกราฟกิ ควรมี Model Instructional Design เป็นกรอบในการ ออกแบบและโมเดลของเกอร์ลาชและอไี ลเป็นโมเดลทคี่ ิดวา่ งา่ ยที่สดุ สามารถน�ำ มาใช้ได้เลย นอกจากนีก้ ารสรา้ งอนิ โพกราฟิกควรมี บวิ ตี้ คอื ความสวยงาม อ่านง่าย เขา้ ใจงา่ ย ยทู ิลติ ้ี คอื คนอา่ นจะไดร้ ับอะไร และซาวเนส คือความสมบูรณ์ กลมกล่อมของเนือ้ หา 70การผลติ ส่ือคอมพวิ เตอรแ์ ละสอ่ื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ Infographic pitochart

คลกิ ทร่ี ปู เพ่ือรบั ชมวิดโี อ คลกิ ทรี่ ปู เพอื่ รบั ชมวิดีโอ ขัน้ ตอนการสรา้ งอินโฟกราฟกิ เราต้องต้ังวัตถุประสงค์ และเปา้ หมายของงานก่อนว่า วตั ถุประสงคข์ องงานคอื อะไร กลุ่มเป้าหมาย คือ ใคร การทเี่ ราทราบกลมุ่ เปา้ หมายจะท�ำ ใหเ้ ราทราบเรอื่ งสภาพภูมปิ ระเทศ ท่ตี งั้ ว่าเปน็ สังคมเมือง หรือต่างจังหวัด จะท�ำ ให้เราสามารถเลอื กใช้คำ�ไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสมกับกลมุ่ เปา้ หมายได้ดี เราตอ้ งมกี ารจดั ท�ำ ข้อมูลที่เราได้ก่อน โดยเราจะเขยี นหรอื ท�ำ เปน็ ตารางวิเคราะหถ์ งึ ปญั หาท่ีเกิด ข้ึน สาเหตุ ผลดี ผลเสยี วิธกี ารแกไ้ ข วา่ เปน็ อยา่ งไรบ้างเพอ่ื ช่วยในเร่อื งของการจดั การข้อมลู ใหเ้ ปน็ ระบบมากยิง่ ขน้ึ เราจะหาวิธีการเล่าเร่ืองท่ที �ำ ใหค้ นอนื่ ไม่งง ซง่ึ เราจะจำ�ลองสถาณการณ์ดวู า่ ถา้ เราเปน็ ผู้รับสารเรา จะรู้เรอื่ งและเข้าใจดีไหมและถา้ เราต้องเปน็ ผ้ทู ีต่ อ้ งสื่อสารเราจะทำ�ให้ผ้รู ับเขา้ ใจไดด้ หี รือเปลา่ และที่ สำ�คญั ควรดูว่าคนอืน่ อยากรูอ้ ะไร เราจะใส่ความสนกุ เข้าไปในอินโพกราฟกิ ของเรา โดยหวั ข้อของอนิ โฟกราฟิก ควรกระชับ เขา้ ใจง่าย ตรงประเดน็ น่าสนใจ และทส่ี �ำ คัญถ้าเราผกู เร่อื งราวไปกบั ประเดน็ ร้อนกจ็ ะท�ำ ใหอ้ ินโฟกราฟิกของ เราน่าสนใจมากย่ิงขนึ้ หลงั จากนัน้ เราจะต้องท�ำ ดราฟของเร่ืองราวที่เราจะน�ำ เสนอ โดยฝึกสรา้ งเรื่องราวแบบ ต้น กลาง จบ ซึง่ ในส่วนตอนต้นจะเป็นตวั กลา่ วว่ามีเรื่องราวทีม่ าท่ไี ปเปน็ อยา่ งไร ส่วนตอนกลางจะมีองค์ประกอบ ทีเ่ ปน้ ข้อมูล มสี ถติ ิเขา้ มาเก่ยี วข้อง และส่วนจบจะแสดงค�ำ ตอบ แสดงแนวทางในการแก้ปญั หา คลี คลายขอ้ สงสยั เป็นบทสรปุ เม่ือทำ�ดราฟแลว้ เราก็ต้องท�ำ การออกแบบ โดยเราจะย่อย 3 ค�ำ ข้างตน้ คอื ตน้ กลาง จบ ใหส้ ามารถ เล่าเร่ืองไดง้ ่าย เมอ่ื สร้างเสร็จเรยี บรอ้ ยแล้วเราต้องทำ�การทดสอบกบั กล่มุ เป้าหมายของเราก่อนว่าดูแล้ว หรอื อา่ น แลว้ เข้าใจหรือไม่ ถา้ ไม่เข้าใจหรอื ยงั ไมค่ รอบคลุมเนื้อหาเรากท้ �ำ การปรบั แกไ้ ขให้ชัดเจนและเขา้ ใจได้ ดีย่ิงข้นึ ไป 71การผลิตสือ่ คอมพวิ เตอร์และส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ Infographic pitochart

คลกิ ทร่ี ูปเพือ่ รับชมวดิ ีโอ คลกิ ทีร่ ปู เพือ่ รบั ชมวิดโี อ โปรแกรมทีใ่ ช้ คือ โปรแกรม piktochart และ CANVA ซึ่งมีข้อดี คือ ไมเ่ สยี ค่าใชจ้ า่ ยในการใช้ เวบ็ ไซต์ ไม่จำ�เปน็ ต้องลงโปรแกรม มลี ูกเล่นดๆี หลายอย่าง ยดื หยนุ่ และใชง้ านสะดวกกวา่ สามารถ เผยแพรช่ ิ้นงานผา่ น Social Network ส่วนข้อจ�ำ กดั คือ มีปญั หาในการใส่ Font ภาษาไทย ซง่ึ ฟอน์ จะไมค่ ่อยสวย มี template สวยๆ ใหเ้ ลือกพอสมควร แตม่ ี template ฟรีไม่มาก ส่วนใหญจ่ ะเสยี เงนิ การ Download ชน้ิ งานไปใช้จะได้นามสกุล .PNG และ .JPEG เทา่ นัน้ 72การผลติ สอ่ื คอมพิวเตอร์และสอื่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ Infographic pitochart

ประโยชนข์ องอนิ โฟกราฟิก ประโยชนห์ ลกั ของอนิ โฟกราฟกิ คอื ชว่ ยใหก้ ารน�ำ เสนอขอ้ มูลขา่ วสารนนั้ ๆ ดงึ ดดู ความสนใจ ของกล่มุ เป้าหมายได้มากขึน้ เพราะใช้ภาพกราฟกิ เป็นตัวเล่าเร่ือง ช่วยสร้างความน่าสนใจ แปลกตา ช่วยใหเ้ ข้าใจเนอื้ หาสาระที่ต้องการสอ่ื สารไดง้ า่ ยขนึ้ และรวดเรว็ ขึน้ เพราะข้อมูลในอิน โฟกราฟกิ มักผ่านการสรุปเรียบเรยี งใหส้ ้นั กระชบั เข้าใจง่าย ส่อื สารอยา่ งงา่ ยตรงไปตรงมา อนิ โฟกราฟกิ ใชก้ บั งานแบบไหนได้บา้ ง - งานออกแบบเวบ็ ไซตห์ รอื โซเชยี ลเนต็ เวริ ์ก - งานทีวหี รือ VDO - งานพรีเซน็ เทชัน - งานออกแบบหนงั สอื - งานออกแบบสิง่ พิมพต์ ่างๆ เชน่ โปสเตอร์ โบรชวั ร์ เราจะเรยี นร้เู รื่องอินโฟกราฟิกไปท�ำ ไม - หากเปน็ นักศกึ ษาเราสามารถนำ�อินโฟกราฟิกนำ�เสนองานหรือทำ�รายงานสง่ อาจารยไ์ ด้ - หากเป็นเว็บมาสเตอร์ สามารถใชอ้ ินโฟกราฟกิ นำ�เสนอขอ้ มลู ผ่านเวบ็ ได้ - หากเปน็ นกั การตลาด สามารใช้อินโฟกราฟกิ กบั สือ่ โฆษณาหลากหลายรปู แบบได้ - หากเป็นนักเขยี นสามารถนำ�เสนอเนื้อหาหนงั สือในรปู แบบอนิ โฟกราฟกิ ได้ 73การผลติ สอื่ คอมพิวเตอร์และสื่ออเิ ล็กทรอนกิ ส์ Infographic pitochart

74

11.หลกั การและทฤษฏกี ารผลติ สือ่ คอมพิวเตอร์ ส่อื การสอนมอี ยหู่ ลากหลายรปู แบบหลากหลายประเภทการเลือกส่อื การสอนมคี วามส�ำ คัญมาก ตอ่ กระบวนการเรยี นการสอน อยา่ งไรก็ตามในการเลือกสือ่ การสอนพึงระลกึ ไวเ้ สมอว่า “ไมม่ สี ่อื การ สอนอันใดทใี่ ชไ้ ดด้ ที ส่ี ดุ ในทุกสถานการณ์” ในการตดั สินใจเลอื กใช้สอ่ื การสอนตอ้ งพจิ ารณาถงึ ปัจจยั หลายๆ อยา่ งรว่ มกัน ผู้ใชส้ ่ือไมค่ วรยกเอาความสะดวก ความถนดั หรอื ความพอใจสว่ นตวั เปน็ ปจั จัย ส�ำ คญั ในการเลอื กสื่อการสอนเพราะอาจเกิดผลเสยี ต่อกระบวนการเรยี นการสอนได้ แนวคดิ เกีย่ วกับ การเลือกส่ือการสอนก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งท่ีมีผู้ให้ความสนใจและให้คำ�แนะนำ�ไว้หลากหลายมุมมอง ในท่ีน้ีจะนำ�เสนอเฉพาะแนวคดิ ของโรมสิ ซอว์สก้ี และแนวคิดของเคมพแ์ ละสเมลไล ซึง่ มรี ายละเอยี ด แนวคิดการเลือกส่อื การสอนของโรมิสซอวส์ กี้ J. Romiszowski (1999) ได้ เสนอแนวทางอย่างงา่ ยในการพิจารณาเลอื กใชส้ ื่อการสอนไว้วา่ ในการเลอื ก สื่อการสอนน้ันมีปัจจัยหลายอย่างท่ีมีผลต่อการเลือกสื่อท่ีจำ�เป็นต้องนำ�มา พิจารณา ปัจจัยเหล่านัน้ ได้แก่ J. Romiszowski วิธีการสอน (Instructional Method) การเลือกวิธกี ารสอนเปน็ ปจั จัยแรกทค่ี วบคมุ การเลือกสือ่ หรือ อย่างน้อยทสี่ ุดก็เป็นส่งิ ท่ีจำ�กัดทางเลือกของการใช้ส่อื การสอนในการน�ำ เสนอ เชน่ ถ้าเลอื กใช้วธิ ีการ สอนแบบอภิปรายกลุ่ม (Group Discussion) เพอ่ื แบ่งปนั ประสบการณ์ซึง่ กนั และกันระหวา่ ง 75หลกั การและทฤษฏกี ารผลติ ส่อื คอมพวิ เตอร์

งานการเรยี นรู้ (Learning Task) ส่ิงทีม่ ีอิทธพิ ลต่อทางเลือกในการเลอื กส่ือการสอนอกี ประการ หน่ึงคือ งานการเรียนรูส้ �ำ หรับผู้เรยี น เพราะส่งิ นี้จะเปน็ ส่งิ ทีจ่ ำ�กดั หรือควบคุมการเลือกวิธกี ารสอน ตวั อย่างเชน่ การฝึกอบรมผูต้ รวจการ หรอื ทักษะการบริหารงาน ลักษณะของผู้เรยี น (Learner Characteristics) ลกั ษณะพเิ ศษเฉพาะของผเู้ รยี นก็เปน็ ปจั จยั หนงึ่ ท่มี ี อิทธพิ ลโดยตรงตอ่ การเลอื กสอ่ื การสอน ตัวอยา่ งเช่น การสอนผเู้ รยี นทเ่ี รียนรู้ไดช้ า้ โดยการใชห้ นังสือ หรือเอกสารเปน็ สือ่ การสอน จะเป็นสงิ่ ทย่ี ิ่งทำ�ใหเ้ กดิ ปญั หาอ่นื ๆ ตามมาในกระบวนการเรียนการสอน ผเู้ รยี นกลุ่มนค้ี วรเรยี นร้จู ากส่ืออ่นื ๆ ทท่ี �ำ การรบั รแู้ ละเรียนรไู้ ดง้ า่ ยกว่าน้นั ขอ้ จำ�กดั ในทางปฏบิ ัติ (Practical Constrain) ข้อจำ�กัดในทางปฏบิ ัติในท่นี หี้ มายถงึ ข้อจำ�กัดท้งั ทาง ด้านการจัดการ และทางด้านเศรษฐศาสตร์ ซงึ่ เปน็ ปจั จัยทม่ี ีอิทธิพลต่อทางเลอื กในการเลือกใชว้ ธิ ี การสอนและสอื่ การสอน เช่น สถานท่ีใช้สอื่ การสอน ส่ิงอำ�นวยความสะดวก ขนาดพ้นื ที่ งบประมาณ เป็นตน้ ผู้สอนหรอื ครู (Teacher) สือ่ การสอนแต่ละชนิดไม่ว่าจะมีข้อดอี ยา่ งไร แตอ่ าจไมถ่ ูกน�ำ ไปใชเ้ พยี ง เพราะผูส้ อนไม่มที กั ษะในการใชส้ ื่อน้ันๆ นอกจากประเดน็ ในเรอ่ื งทักษะของผู้สอนแลว้ ประเดน็ ใน เรื่องทัศนคติของผูส้ อนกเ็ ปน็ ส่ิงท่มี ีอทิ ธพิ ลตอ่ การเลือกสอื่ การสอนเชน่ กัน แนวคิดการเลือกสอื่ การสอ นของเคมพแ์ ละสเมลไล Jerrold E. Kemp และ Don C. Smelle (1989) เสนอวา่ นอกจากงานการ เรยี นรหู้ รือสถานการณ์การเรยี นรูซ้ งึ่ เป็นสิ่งสำ�คญั ที่ก�ำ หนดถงึ สือ่ ทจ่ี ะเลอื กใชแ้ ล้ว สง่ิ สำ�คัญประการ ตอ่ มาในการพิจารณาเลอื กใช้สือ่ การสอนคอื คุณลกั ษณะของสือ่ ซง่ึ ผู้สอนควรศกึ ษาคณุ ลกั ษณะของ ส่ือแต่ละชนิดประกอบในการเลอื กส่อื การสอนดว้ ย คณุ ลักษณะของสอื่ (Media Attributes) หมาย ถงึ ศักยภาพของสื่อในการแสดงออกซง่ึ ลักษณะตา่ งๆ เช่น การเคล่ือนไหว สี และเสียง เปน็ ต้น คณุ ลกั ษณะของสอ่ื ที่ส�ำ คัญ ได้แก่ 76หลักการและทฤษฏกี ารผลิตส่ือคอมพิวเตอร์

Jerrold E. Kemp และ Don C. Smelle (1989) เสนอวา่ นอกจากงานการเรยี นรู้หรือสถานการณ์ การเรียนรู้ซึ่งเป็นสิ่งสำ�คัญท่ีกำ�หนดถึงสื่อท่ีจะเลือก ใช้แล้ว สง่ิ สำ�คญั ประการตอ่ มาในการพิจารณาเลอื ก ใช้ส่อื การสอนคอื คุณลกั ษณะของสอ่ื ซ่งึ ผู้สอนควร ศึกษาคุณลักษณะของส่ือแต่ละชนิดประกอบในการ เลอื กสือ่ การสอนดว้ ย คณุ ลักษณะของสอ่ื (Me- dia Attributes) หมายถึง ศกั ยภาพของสือ่ ในการ แสดงออกซึ่งลักษณะตา่ งๆ เช่น การเคลอ่ื นไหว สี และเสยี ง เปน็ ต้น คุณลกั ษณะของสอื่ ท่สี ำ�คญั ไดแ้ ก่ 1.การแสดงแทนด้วยภาพ (เช่น ภาพถ่าย ภาพ กราฟกิ ) 2.ปจั จัยทางด้านขนาด (เช่น การใช/้ ไมใ่ ช้เครื่องฉาย เพอ่ื ขยายขนาด) 3.ปัจจัยทางด้านสี (เช่น สสี นั ต่างๆ ขาว-ด�ำ ) 4.ปัจจยั ทางดา้ นการเคล่ือนไหว (เชน่ ภาพน่งิ ภาพ เคลือ่ นไหว) 5.ปัจจยั ทางดา้ นภาษา (เชน่ ขอ้ ความ/ตวั อกั ษร เสยี งพดู ) 6.ความสัมพนั ธข์ องภาพและเสียง (เช่น ภาพทม่ี ี/ ไม่มเี สียงประกอบ) 7.ปัจจยั ทางดา้ นการจดั ระเบยี บขอ้ มูล (กำ�หนดใหด้ ู ทลี ะภาพตามลำ�ดับ หรือตามลำ�ดับท่ผี ้ชู มเลือก) 77หลักการและทฤษฏีการผลติ สือ่ คอมพิวเตอร์

หลักการเลือกสอ่ื 1.เลือกสือ่ การสอนที่สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์การเรียนรู้ ผู้สอนควรศกึ ษาถึงวตั ถปุ ระสงค์การเรยี นรทู้ หี่ ลักสตู ร ก�ำ หนดไว้ วตั ถปุ ระสงค์ในท่ีนห้ี มายถงึ วัตถุประสงคเ์ ฉพาะ ในแตล่ ะส่วนของเนอื้ หายอ่ ย ไม่ใชว่ ตั ถปุ ระสงค์ในภาพรวม ของหลักสตู ร 2.เลือกสื่อการสอนที่ตรงกับลักษณะของเนื้อหาของบท เรียน เนือ้ หาของบทเรยี นอาจมีลักษณะแตกตา่ งกันไป เช่น เปน็ ข้อความ เป็นแนวคิด เป็นภาพน่งิ ภาพเคล่ือนไหว เปน็ เสียง เปน็ สี ซงึ่ การเลอื กส่อื การสอนควรเลือกให้เหมาะสม กบั ลักษณะของเนอ้ื หา 3.เลือกส่อื การสอนใหเ้ หมาะสมกบั ลักษณะของผเู้ รยี น ลกั ษณะเฉพาะตัวต่างๆ ของผเู้ รียนเปน็ สง่ิ ทีม่ ีอทิ ธพิ ลตอ่ การรับร้สู ือ่ การสอน ในการเลือกสือ่ การสอนตอ้ งพจิ ารณา ลักษณะตา่ งๆ ของผ้เู รียน เชน่ อายุ เพศ ความถนดั ความ สนใจ ระดบั สตปิ ญั ญา วัฒนธรรม และประสบการณ์ เดมิ ตวั อย่างเช่น การสอนผ้เู รยี นที่เปน็ นักเรยี นระดบั ป ร ะ ถ ม ศึ ก ษ า ค ว ร ใ ช้ เ ป็ น ภ า พ ก า ร์ ตู น มี สี สั น ส ด ใ ส 78หลกั การและทฤษฏกี ารผลติ สอื่ คอมพิวเตอร์

หรอื บรรยากาศ สงิ่ เหล่านีค้ วรน�ำ มาประกอบ การพจิ ารณาเลอื กใชส้ อ่ื การสอน ตวั อยา่ งเชน่ การ 4.เลือกส่ือการสอนให้เหมาะสมกับจำ�นวนของผู้ สอนผู้เรียนจำ�นวนมากซ่ึงควรจะใช้เครื่องฉายและ เรียน และกิจกรรมการเรยี นการสอน เครอ่ื งเสียง ในการสอนแต่ละคร้งั จำ�นวนของผเู้ รียนและ 6.เลือกสื่อการสอนที่มีลักษณะน่าสนใจและดึงดูด กจิ กรรมทีใ่ ช้ในการเรียนสอน ในห้องก็เปน็ ส่งิ ความสนใจ สำ�คัญที่ต้องนำ�มาพิจารณาควบคู่กันในการใช้สื่อ ควรเลือกใช้สอ่ื การสอนท่มี ลี ักษณะนา่ สนใจ การสอน เชน่ การสอนผู้เรยี นจ�ำ นวนมาก จ�ำ เปน็ และดึงดูดความสนใจผู้เรียนได้ ซึง่ อาจจะเปน็ ต้องใช้วธิ กี ารสอนแบบบรรยาย ซึ่งสื่อการสอนที่ เรื่องของ เสียง สสี นั รูปทรง ขนาด ตลอดจน น�ำ มาใช้อาจเปน็ เครอ่ื งฉายต่าง ๆ และเคร่อื งเสยี ง การออกแบบและการผลิตด้วยความประณีต เพอื่ ใหผ้ ู้เรยี นมองเหน็ และได้ยินอยา่ งทวั่ ถงึ ส่วน สิ่งเหล่าน้ีจะช่วยทำ�ให้สื่อการสอนมีความ การสอนผู้เรียนเป็นรายบคุ คล อาจเลอื กใชว้ ิธีการ น่าสนใจและดึงดูดความสนใจของผู้เรียนได้ สอนแบบคน้ คว้า สื่อการสอนอาจเปน็ หนังสอื บท 7.เลอื กสอื่ การสอนท่ีมีวิธีการใชง้ าน เก็บรักษา เรยี นแบบโปรแกรม หรอื บทเรยี นคอมพิวเตอร์ และบำ�รงุ รักษา ไดส้ ะดวก ชว่ ยสอน เปน็ ตน้ ในประเดน็ สดุ ทา้ ยของการพจิ ารณา ควรเลือก 5.เลอื กสอ่ื การสอนทเี่ หมาะสมกับสภาพแวดล้อม ส่ือการสอนทีม่ วี ธิ กี ารใช้งานได้สะดวก ไมย่ งุ่ ยาก สภาพแวดลอ้ มในท่นี อี้ าจได้แก่ อาคาร สถาน และหลังใช้งานควรเก็บรักษาได้ง่ายๆ ตลอดจนไม่ ที่ ขนาดพ้ืนที่ แสง ไฟฟา้ เสยี งรบกวน อปุ กรณ์ ต้องใช้วิธีการบำ�รุงรักษาท่ีสลับซับซ้อนหรือมีค่าใช้ อ�ำ นวยความสะดวก จ่ายในการบ�ำ รุงรกั ษาสูง 79หลักการและทฤษฏกี ารผลติ สอื่ คอมพิวเตอร์

1.เตรยี มตัวผสู้ อน เป็นการเตรียมความพรอ้ มของ ตัวผ้สู อนในการใชส้ ื่อการสอน โดยการท�ำ ความ เขา้ ใจในเนอื้ หาทมี่ ใี นสอื่ ขั้นตอน และวธิ กี ารใชส้ ่อื เปน็ ตน้ 2.เตรียมจัดสภาพแวดลอ้ ม เช่น สถานท่ี หอ้ งเรียน ห้อง Lab วัสดอุ ุปกรณ์ เคร่อื งไม้เคร่อื งมือ และสง่ิ อำ�นวยความสะดวกตา่ งๆ 3.เตรยี มตัวผู้เรียน เพอื่ ใหม้ คี วามพร้อมท่จี ะ เรียน อาจมีการทดสอบ มีการอธิบายวิธกี ารใชส้ ่อื อุปกรณ์ เครอื่ งมือต่างๆบอกวตั ถุประสงค์ แนะน�ำ หรือให้ความคิดรวบยอดของเนื้อหาในส่ือนั้นๆ เป็นต้น 4.การใช้สื่อให้เหมาะกับขั้นตอนและวิธีการตามท่ี ได้เตรยี มไว้แลว้ และควบคมุ การน�ำ เสนอส่อื เพ่ือ ใหก้ ารเรยี นการสอนเปน็ ไปอย่างราบรนื่ 5.การตดิ ตามผล ( Follow Up ) หลงั จากการใช้ สื่อการสอนแล้ว ควรมกี ารตดิ ตามผลเพือ่ เป็นการ ทดสอบว่า ผ้เู รยี นเขา้ ใจบทเรยี น และเรยี นรู้ จาก สื่อท่นี �ำ เสนอไปนน้ั อย่างถกู ต้องหรือไม่ เชน่ การ ใหผ้ ้เู รยี นตอบค�ำ ถาม อภปิ ราย ท�ำ รายงาน เปน็ ต้น เพื่อผู้สอนจะได้ทราบจดุ บกพร่อง สามารถ น�ำ มา แก้ไขปรับปรงุ สำ�หรบั การสอนในครั้งตอ่ ไป 80หลักการและทฤษฏกี ารผลติ ส่ือคอมพิวเตอร์

1. ขั้นนำ�เขา้ สู่บทเรียนเพอ่ื กระตุน้ ให้ผู้เรียนเกดิ ความสนใจในเน้ือหาท่ีกำ�ลังจะเรยี นนน้ั สื่อท่ีใชใ้ น ขั้นน้ีจึงเป็นส่ือที่แสดงเน้ือหากว้างๆหรือเน้ือหาท่ี เกย่ี วขอ้ งกบั การเรียนในครงั้ ก่อน ยงั มใิ ช่ส่อื ทเ่ี น้น เน้อื หาเจาะลึกอยา่ งแท้จรงิ และควรเปน็ ส่ือทีง่ า่ ย ต่อการน�ำ เสนอในระยะเวลาอันสนั้ เช่น ภาพ บัตร คำ� เปน็ ต้น 2. ข้นั ด�ำ เนนิ การสอนหรือประกอบกจิ กรรม การเรียน เป็นข้ันทจี่ ะให้ความรู้ เน้ือหาอยา่ ง ละเอยี ดเพอ่ื สนองวัตถปุ ระสงคท์ ่ตี ้งั ไว้ ผู้สอนควร เลอื กส่อื ใหต้ รงกบั เนอ้ื หา และวิธกี ารสอน ต้อง มีการจัดลำ�ดับข้ันตอนการใช้สื่อให้เหมาะและ สอดคลอ้ งกับกิจกรรมการเรียน การใชส้ ื่อในขั้นนี้ จะต้องเป็นส่ือที่เสนอความรู้อย่างละเอียดถูกต้อง และชดั เจนแกผ่ ูเ้ รียน เชน่ สไลด์ แผนภมู ิ วีดีทัศน์ เป็นต้น 3.ขนั้ วเิ คราะห์และฝกึ ปฏบิ ตั ิ เปน็ การเพ่มิ พูน ประสบการณ์ตรงแก่ผเู้ รยี น เพ่อื ให้ผู้เรียนได้ ทดลองนำ�ความรู้ท่ีเรียนมาแล้วไปใช้แก้ปัญหาใน ข้ันฝึกหัดโดยการลงมือฝึกปฏิบัติเองส่ือในข้ันน้ี จึงเป็นสื่อท่ีเป็นประเด็นปัญหาให้ผู้เรียนได้ขบคิด โดยผูเ้ รยี นเปน็ ผู้ใช้สื่อเองมากทีส่ ดุ เช่น ภาพ บตั ร ปญั หา สมุด แบบฝกึ หัด เป็นตน้ โดยอาจมภี าพประกอบดว้ ยกไ็ ด้ 81หลักการและทฤษฏีการผลติ สอื่ คอมพิวเตอร์

1.ประเมินการวางแผนการใช้ส่ือเพื่อดูว่าส่ิงต่างๆ ที่วางไวส้ ามารถด�ำ เนนิ ไป ตามแผนหรอื ไม่ หรือ เป็นไปเพียงตามหลักการทฤษฎีแต่ไม่สามารถ ปฏบิ ตั ิได้จริง จึงตอ้ งเกบ็ รวบรวมข้อมลู ไว้เพ่อื การ แก้ไขปรับปรุงในการวางแผนครั้งต่อไปให้การใช้ ส่ือการสอนเกิดความสอดคล้องและบรรลุตาม วตั ถุประสงค์ของการใช้ 2.ประเมนิ กระบวนการการใช้สือ่ เพือ่ ดวู ่าการใช้ สื่อในแต่ละข้ันตอนประสบปัญหาหรืออุปสรรค อย่างไรบ้าง มีสาเหตมุ าจากอะไรและมีการเตรยี ม การปอ้ งกันไว้หรอื ไม่ เชน่ ผู้เรียนไดย้ นิ เสียงของส่อื อยา่ งชัดเจนท่วั ถงึ 3.ประเมินผลท่ีได้จากการใช้ส่ือเป็นผลท่ีเกิดขึ้น กบั ผู้เรยี นโดยตรงว่า เมอื่ เรียนแล้วผู้เรยี นสามารถ บรรลุตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่ต้ังไว้หรือไม่ และผลทไี่ ด้นัน้ เปน็ ไปตามเกณฑห์ รอื ตำ่�กว่าเกณฑ์ 82หลกั การและทฤษฏกี ารผลิตส่อื คอมพิวเตอร์

บรรณานุกรม เอกสารและขอ้ มูลส�ำ คญั กิดานนั ท์ มลทิ อง.(2548) เทคโนโลยแี ละการสื่อสารเพอ่ื การศกึ ษา กรุงเทพฯ กิดานนั ท์ มลิทอง.(2543) เทคโนโลยีการศกึ ษาและนวัตกรรม กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั อตุ รดิตถ์ (2550) พระผู้ทรงเปน็ นกั เทคโนโลยกี ารศกึ ษา อุตรดิตถ์ : มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุตรดิตถ์, มนตรี แยม้ กสกิ ร. (2547) การวิจัยและทฤษฎเี ทคโนโลยกี ารศึกษา ม.ป.ท. : ม.ป.พ. กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2539). แผนพัฒนาการศกึ ษาแหง่ ชาติฉบบั ท่ี 8 (พ.ศ.2540-2544) กรุงเทพฯ : รงุ่ เรอื งสาสน์ การพิมพ.์ 83คอมพิวเตอร์เพื่อการศกึ ษา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook