49
50
51
52
53 ≥ ≥≥
54
55
56
57 • • •
58 • • •
59
60 ○ ○ ○ ○ ○ ○ ○ ○ ○ ○
61
62 • • •
63
64 • • • • •
65 • • • •
66 • • • • • •
67 • • • • • • • •
68
1. เพม่ิ การระบายอากาศ (hyperventilation) • ความดนั ในกะโหลกศรี ษะ (IC ภาวะ Hypocapnia ทเี่ หมาะสม • ความดนั ในกะโหลกศรี ษะเพ 2. เพม่ิ ปรมิ าณการระบายเลอื ดด าจากสมอง เนือ้ สมอง (brain injury) (> (cerebral venous drainage) โดยการจดั ทา่ • ความดนั ในการกาซาบของส ของผูป้ ่ วย ใหอ้ ยใู่ นท่าศรี ษะสงู เล็กนอ้ ย (15-30 pressure : CPP) องศา) • จะมคี า่ อยใู่ นชว่ ง 70 – 100 3. ลดภาวะสมองบวม โดยการรกั ษาดว้ ยยาในกลมุ่ • Cerebral perfusion pres osmotic diuretic ไดแ้ ก่ 20% Mannitol arterial pressure (MAP) (0.25 - 1 g/kg) (ICP) 4. ดแู ลการไดร้ บั ยาในกลมุ่ สเตยี รอยด ์ (steroids) • ICP สงู : CPP ตา่ ยามฤี ทธลิ ์ ดอาการบวมของสมอง 5. บรรเทาอาการอกั เสบและลดบวม ยาทน่ี ิยมใชใ้ น การรกั ษา กลมุ่ นี้ คอื dexamethasone, prednisolone หรอื methylprednisolone ภาวะความดนั ใน 6. ควบคมุ อณุ หภมู ริ า่ งกาย เน่ืองจากไขท้ าใหเ้ พม่ิ (Increased intracra อตั ราการเผาผลาญของสมองและท าใหส้ มอง บวม 7. ควบคมุ อาการชกั ภาวะชกั เพมิ่ อตั ราการเผา ผลาญของสมอง 8. การจากดั นา้ 9. การดแู ลเรอ่ื งการหายใจ โดยใสท่ ่อชว่ ยหายใจและ ใชเ้ ครอ่ื งชว่ ยหายใจ
69 CP) ~ 0–15 mmHg 1. Cushing 's triad พมิ่ ขนึ้ จะทาใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ • ความดนั โลหติ ชว่ งหวั ใจบบี (systolic blood pressure) สงู >20 mmHg) • คา่ ความดนั ระหวา่ งชว่ งหวั ใจบบี และคลายตวั กวา้ ง สมอง (cerebral perfusion (widened pulse pressure) 0 mmHg • หวั ใจเตน้ ชา้ ลง (bradycardia) ssure (CPP) = mean ) -intracranial pressure 2. อาการอน่ื ๆ เชน่ ปวดศรี ษะมาก อาเจยี นพุ่ง จอประสาทตา บวม (papilledema) นกะโหลกศรี ษะสงู anial pressure; IICP) 3. อาการระยะทา้ ย; coma หยดุ หายใจหรอื หายใจแบบ Cheyne- strokes อณุ หภมู ริ า่ งกายจะเพม่ิ ขนึ้ รมู า่ นตา ขยายหรอื ไม่มปี ฏกิ ิรยิ าตอ่ แสง อาการและอาการ แสดง ขอ้ วนิ ิจฉัยการ 1. การกาซาบของเนือ้ เยอื่ สมองเปลย่ี นแปลง พยาบาล เนื่องจากภาวะความดนั ในกะโหลกศรี ษะสงู 2. แบบแผนการหายใจไม่มปี ระสทิ ธภิ าพเนื่องจาก ระดบั ความรสู ้ กึ ตวั ลดลง/มกี ารเสยี หนา้ ทขี่ องระบบ ประสาท 3. ขาดประสทิ ธภิ าพในการทาทางเดนิ หายใจใหโ้ ล่ง เนื่องจากระดบั ความรสู ้ กึ ตวั ลดลง 4. ความสามารถในการปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจาวนั ลดลงเน่ืองจากมอี าการชา ออ่ นแรง เดนิ เซหรอื การ รบั สมั ผสั บกพรอ่ ง
• จดั ท่านอนศรี ษะสงู ไม่เกนิ 30 องศา การพย • จดั ศรี ษะอยใู่ นแนวตรง หลกี เลยี่ งการหกั พบั งอ หรอื ศรี ษะบดิ • หา้ มจดั ท่านอนคว่า/งอสะโพกมากกวา่ 90 องศา ไม่นอนทบั บรเิ วณทท่ี าผ่าตดั แบบ Craniectomy • ดแู ลทางเดนิ หายใจใหโ้ ลง่ โดยการดดู เสมหะเมอ่ื มี ขอ้ บง่ ชี้ • ใหก้ ารพยาบาลอยา่ งนุ่มนวล และลดการรบกวน ผูป้ ่ วย • ไม่ออกแรงเบ่ง หรอื กจิ กรรมทเ่ี พมิ่ ความดนั ใน ชอ่ งทอ้ งและชอ่ งอก • ดแู ล Ventriculostomy drain ระบาย CSF อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
ยาบาล 70 Osmotic diuretic ; mannitol serum osmolality เพมิ่ ขนึ้ ดงึ นา้ จากเนือ้ สมอง Steroid ; ลด brain edema, ลดการสรา้ ง CSF, ชว่ ยปกป้ องblood-brain barrier และผนังเซลล ์ การดแู ลเรอ่ื งการหายใจ โดยใสท่ อ่ ชว่ ยหายใจและ ใชเ้ ครอื่ งชว่ ยหายใจ • PaCO2 35-45 mmHg (PaCO2 สงู cerebral vasodilatation IICP) • PaO2 > 60 % Temperature control ; ยาลดไข ้ และใชผ้ า้ หม่ เย็น ตดิ ตามอณุ หภมู ริ า่ งกาย Restrict fluids
stiff neck : positive สาเห Brudzinski’s sign :positive Kernig’s sign :positive ไขส้ งู ปวดศรี ษะรนุแรง คลนื่ ไส ้ อาเจยี น ตากลวั แสง อาจชกั ซมึ มนึ งง สบสั น และอาจหมดสติ อาการแสดง • ใหย้ าปฏชิ วี นิ ะตามเชทื้ เี่ ป็ นสาเหตุ การรกั ษา การพยาบาลผูป้ ่ วยเยอ่ื ห • ยากนั ชกั เสบ (meningi • ยาในกลมุ่ Steroid • วดั อณุ หภมู ทิ กุ 2-4 ชม. เชด็ ตวั ลดไขท้ ุกวธิ ี การพยาบาล หากผูป้ ่ วยมไี ขส้ งู จะทพใหเ้ ผาผลาญเพมิ่ ขนึ้ และ เพมิ่ ควมดนี ในกะโหลกศรี ษะมากยง่ิ ขนึ้ • จดั ใหผ้ ูป้ ่ วยนอนใ ทางแสงเสยี ง หลก • ประเมนิ และบนั ทกึ สญั ญาณชพี รวมถงึ อาการ เปลยี่ นแปลงทางระบบประสาท อยา่ งนอ้ ยทุก 2-4 • จดั ใหผ้ ูป้ ่ วยนอนศ ชม. ระงบั อาการปวดเ • ดแู ลใหไ้ ดร้ บั สารนา้ ทางหลอดเลอื ดดาและไดร้ บั • ดแู ลใหย้ าปฏชิ วี น อาหารตรงตามแผนการรกั ษา • เตรยี มไมก้ ดลนิ้ แล • ดแู ลใหผ้ ูป้ ่ วยไดร้ บั ประทานอาหารอยา่ งเพยี งพอ ขา้ งเตยี งในรายท ซง่ึ เป็ นอาหารทม่ี แี คลอรส่ี งู โปรตนี สงู • เตรยี มอปุ กรณก์ า ราบทมี่ ปี ัญหาใน
71 • ไวรสั • เชอื้ แบคทเ่ี รยี พบบอย่ และอนัตราย (Streptococcus pneumonia) • พยาธิ อะมบาี และเชอื้ รา • เยอื่ หมุ ้ สมองจะบวมและขยายออกทางเดนินา้ ไขสนั หลงั อดุ ตนั และไหลไม่ สะดวก>>นา้ ในโพรงสมอง เพมิ่ ขนึ้ >>ความดนั ในกะโหลกศรี ษะสงู (Increased intracranial pressure;IICP)(>20 mmHg). หตุ การวนิ ิจฉัยการพยาบาล หมุ ้ สมองอกั • ไขส้ งูเนื่องจากการตดิ เชอื้ และการควบคมุ itis) ของฮยั โปทาลามสั ผดิ ปกตจิ ากความดนั ใน กะโหลกศรี ษะสงู ในหอ้ งเงยี บๆ ลดการกระตนุ ้ กี เลย่ี งการผูกมดั • เสยี่ งตอก่ ารขาดนา้ เน่ืองจากการเผา ศรี ษะสงู 15-30 องศาและใหย้ า ผลาญสงู เกรง็ กลา้ มเนือ้ บรเิ วณคอ นะตรงตามแผนการรกั ษา • ไดร้ บั ความเจ็บปวดทุกขท์ รมานเน่ืองจาก ละ Airway ไวใ้ หพ้ รอ้ มทโ่ี ตะ๊ ปวดศรี ษะ ทม่ี อี าการชกั ารใหอ้ อกซเิ จนไวใ้ หพ้ รอ้ ม ใน • เสย่ี งตอ่ ภาวะความดนั ในกะโหลกศรี ษะ นการหายใจหรอื ชกั สงู ขนึ้ จากสมองบวมนา้ (hydrocephalus) • มโี อกาสเกดิ ภาวะแทรกซอ้ น เชน่ ชกั เน่ืองจากเนือ้ สมองตาย
72
สรปุ หน่วยท่ี 11 การพยาบาลผูป้ ่ วยระบบทางเดนิ ปัสสาวะในระยะวกิ ฤต • NSAIDs การบาดเจ็บของไตแบบ สง่ ผลกระทบ • การบาดเจ็บ เฉียบพลนั : เกดิ ความ • เกดิ อาการแพ้ เสยี หาย ทเี่ กดิ ขนึ้ ภายใน เวลาทนั ที หรอื ไม่กชี่ ว่ั โมง อยา่ งรนุ แรง • สญู เสยี เลอื ดหรอื สาเหตุ ของเหล AKI • Hypotension • อวยั วะลม้ เหลว ระยะที่ 1 ปัสสาวะนอ้ ย : กลไกการเกดิ ไต ปัสสาวะไม่เกนิ 400 cc/day วายเฉียบพลนั ระยะที่ 2 ปัสสาวะมาก : ปัสสาวะ ควบคมุ ใหเ้ ลอื ด มากกวา่ 1,500 cc ไตเรมิ่ ฝื นตวั เลยี้ งไต MAP กวา่ 80 mm สญู เสยี NA ,K โรคแทรก ห ระยะที่ 3 ระยะฟื้นตวั : ปัสสาวะเขม้ ขน้ ซอ้ น และเป็ นกรดใชเ้ วลา 6-12 เดอื น ของเสยี คง่ั นา้ เกนิ ความดนั โลหติ สงู เลอื ด ป้ องกนั hype เป็ นกรด หวั ใจลม้ เหลว g/day ป้ องก
• Hypovolemia 73 • ตอ่ มลกู หมากโต ระบบไหลเวยี นโลหติ • กระเพาะปัสสาวะ และปอด เต็ม ทบตอ่ อวยั วะอนื่ ๆ • หลอดเลอื ดดาทค่ี อ อาการของไตเฉียบพลนั คง่ั Abdominal ปัญหา bruit การลา้ งไต 1. Pre-Kidney : เลอื ดมาเลยี้ งไต ลดลง 2. Post-Kidney : การอดุ ตนั ของระบบทางเดนิ ปัสสาวะ 3. Intrinsic Kidney Injury : จาก พยาธสิ รภี าพทไ่ี ต ท าใหอ้ ตั ราการกรอง ลดลง **(AGN) เจอบ่อย ดมา การดแู ลรกั ษา ป้ องกนั hyperphosphatemia P สงู คมุ ฟอสฟอรสั ในอาหารนอ้ ย กวา่ mHg 800 mg หลกี เลย่ี งการใชย้ าท่ี ป้ องกนั การเกดิ เป็ นพษิ ตอ่ ไต metabolic acidosis ใหส้ ารอาหารทเ่ี พยี งพอ (25-30 kcal/Kg/d) โปรตนี 40 g/day erkalemia คมุ K นอ้ ยกวา่ 2 กนั hyponatremia คมุ นา้ ดมื่ ชง่ั นา้ หนัก
ขาด K เรอื้ รงั การตดิ เชอื้ กรวยไต 2. eGFR นอ้ ยกวา่ 60 อกั เสบ มล/นาท/ี 1.73 โรคอนื่ ๆ เบาหวาน , SLE พยาธสิ ภาพทไี่ ต ตร.เมตร นาน ตดิ ตอ่ กนั เกนิ 3 เดอื น ความดนั โลหติ สงู สาเหตุ เบอ่ื อาหาร คลน่ื ไส ้ เกณฑก์ ารวนิ ิจฉัย อาเจยี น นา้ หนักลด ไตวายเรอื้ รงั บวม ใบหนา้ หลงั อาการ เทา้ การลา้ งไตทางชอ่ ปัสสาวะบอ่ ย นอกอยา่ งตอ่ เ ปัสสาวะขดั สะดดุ กลางคนื ขอ้ บง่ ชี้ ขอ้ หา้ ม ข • ผูป้ ่ วย CKD ระยะที่ 5 • มรี อยโรคบรเวณิ ผวิ หนังหนา้ ( • ไม่สามารถทาทางออกของ ทอ้ งทไี่ ม่สามารถวางสาย ได ้ เ เลอื ดเพอื่ ทา HD ได ้ • มพี งั ผดื ภายในชอ่ งทอ้ งไม่ • ผูป้ ่ วยทท่ี นการทา HD 1 สามารถวางสายได ้ 2 ไม่ได ้ เชน่ CHF, CAD • มสี ภาพจติ บกพรอ่ งอยา่ ง 3 รนุ แรง ซงึ่ อาจกระทบตอ่ การ รกั ษาดว้ ย วธิ ี CAPD
0 มปี ระวตั กิ าร 74 การผ่าตดั พบ กลไกของ Solute น ปลกู ถา่ ยไต Hematuria Transport Osmosis (การซมึ ผ่าน) 1. ไตผดิ ปกติ Diffusion (การแพร่ นานเกนิ 3 ผ่าน) Diffusion (การ แพรผ่ ่าน) เดอื น Ultrafiltration (การ กรองนา้ ) พบ Albumin > 30 มก/ 24 ชม องทอ้ งแบบผูป้ ่ วย เน่ือง: CAPD ขนั้ ตอนการลา้ งไตทางชอ่ งทอ้ งแบบตอ่ เนื่อง (CAPD) **ผูป้ ่ วยทาการลา้ งวนั ละ 3-6 ครงั้ โดยการ เปลย่ี นถา่ ยนา้ ยา 3 ขนั้ ตอนทาตอ่ เน่ืองเป็ นวงจร 1. ขน้ั ถา่ ยนา้ ยาออก (Drain) 2. ขนั้ เตมิ นา้ ยาใหม่ (fill) ขน้ั เตมิ นา้ ยา ใหม่แทนทขี่ องเดมิ นาน 10-15 นาที 3. ขน้ั การพกั ทอ้ ง (repression) การคง คา้ งนา้ ยา
ขอ้ บ่งชี้ 1. เสน้ ฟอกชว่ั คราว double lumen cathe (DLC) หลอดเลอื ดดาทค่ี อหรอื ขาหนีบ • Cr มากกวา่ mg/dl หรอื BUN มากกวา่ mg/dl เสน้ เลอื ดเพอ่ื การฟอก • นา้ เกนิ หรอื นา้ ทว่ มปอด เลอื ด • ความดนั โลหติ สงู ไม่ตอบสนอง ตอ่ ยา การฟอกเลอื ดดว้ ย • มภี าวะเลอื ดออกผดิ ปกติ เครอื่ งไตเทยี ม • ภาวะ Uremic pericarditis • N/V ตลอดเวลา การพยาบาล กอ่ น และหลงั ผ่าตดั ตามมาตรฐาน อปุ การ พยาบาล การดแู ลใหไ้ ดร้ บั ยากดภมู ติ า้ นทาน รกั ษ ของรา่ งกายเพอื่ ป้ องกนั การ ปฏเิ สธไตทป่ี ลกู ถา่ ย ผูเ้ ช และ Antibiotic ทาฟ นางสาวจริ นันท ์ เกตแุ กว้ เลขท่ี สรา 12 6117701001017 SEC2 สาม บ่อ สาม เกล กาห
75 eter Arteriovenous graft (AVG) Arteriovenous Fistula (AVF) 2. เสน้ ฟอกเลอดื ถาวร AVF และ AVG นิยมทาที่ Perm catheter สวนสายเขา้ ไป แขนท่อนบน ท่อนลา่ ง และ ท่ี subclavian vein ตน้ ขา ขอ้ ดี ขอ้ เสยี ปกรณท์ างการแพทยใ์ นการ การฟอกเลอื ดตอ้ งมาตามเวลาและตดิ ตาม ษาพยาบาลพรอ้ มเพรยี ง กาหนด ชย่ี วชาญใหก้ ารดแู ลรกั ษาพยาบาลขณะ จาเป็ นตอ้ งจากดั นา้ การรบั ประทานผกั ฟอกเลอื ด ผลไมท้ ม่ี ี K สงู า้ งสงั คมใหก้ บั ผูป้ ่ วยรจู ้ กั ผูป้ ่ วยรายอน่ื เสยี เวลาในการมาตามนัดบ่อยและตอ่ เน่ือง มารถขอคาแนะนาจากแพทยพ์ ยาบาลได ้ คา่ ใชจ้ า่ ยสงู สถานทใี่ หบ้ รกิ ารนอ้ ย อยครง้ั จากการนัด Vascular access อาจทาใหร้ สู ้ กึ สญู เสยี มารถลดปรมิ าณนา้ สว่ นเกนิ ปรบั สมดลุ ภาพลกั ษณ์ ลอื แรแ่ ละกรดดา่ งไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ มขี อ้ จากดั และขอ้ หา้ มในการทาหตั ถการ แขนขา้ งทม่ี ี Vascular access หนดปรมิ าณนา้ ทจี่ ะดงึ ออกไดแ้ ม่นยา
76
ชอ็ ก เป็ นภาวะทเ่ี นือ้ เยอื่ ในรา่ งกายไดร้ บั เลอื ด การพยาบาลผูป้ ไปเลยี้ งไม่เพยี งพอ ทาใหเ้ นือ้ เยอ่ื อวยั วะทส่ี าคญั ลม้ เหลวหลา Multiple o ของ รา่ งกายมกี ารกาซาบลดลงและอวยั วะตา่ งๆ syndr ขาดออกซเิ จนและสารอาหาร ชอ็ กจากการเสยี เลอื ดและนา้ ชนิดของชอ็ ก ( Classification ชอ็ กจา (Hypovolemic shock) of shock ) (Di ชอ็ กทเ่ี กดิ จากความผดิ ปกตขิ อง หวั ใจ (cardiogenic shock) ชอ็ กจากระบบประสาท ชอ็ กจากภมู แิ พ ้ (neurogenic (anaphylactic shock) shock)
77 ภาวะอวยั วะลม้ เหลวหลายระบบ Multiple organs dysfunction syndrome (MODS) ป่ วยทม่ี ภี าวะชอ็ กและอวยั วะ ภาวะลม้ เหลวหลายระบบ ายระบบ Shock and หมายถงึ กลมุ่ อาการทมี่ ี organs dysfunction อวยั วะทางานผดิ ปกตถิ งึ ขนั้ rome : MODS ลม้ เหลวตงั้ แต่ 2 ระบบขนึ ไ้ ป และอวยั วะทท่ี างานผดิ ปกติ ระยะตา่ ง ๆ ของชอ็ ก หรอื ลม้ เหลวอาจเกดิ ขนึ้ พรอ้ ม กนั หรอื เกดิ ขนึ้ ตามมา ก็ได ้ ากการกระจายของเลอื ด 1. ระยะปรบั ชดเชย (Compensatorary istributive shock ) stage ) เป็ นระยะท่ี CO เรมิ่ ลดลง รา่ งกายจะมกี ารปรบั ตวั ชดเชยโดย ชอ็ กจากภาวะการ กระตนุ ้ กลไกตา่ ง ๆ เพอื่ คงไวซ้ ง่ึ CO และ ตดิ เชอื้ (septic ความดนั โลหติ shock) 2. ระยะกา้ วหนา้ (Progressive stage) เป็ นระยะทกี่ ลไกการปรบั ชดเชยของ รา่ งกายไม่สามารถตา้ นการลดลงของ CO ได ้ จากไม่ไดแ้ กไ้ ขสาเหตุ 3. ระยะไม่สามารถฟื้นคนื (Irreversible stage) เป็ นระยะสดุ ทา้ ย เมอ่ื ภาวะชอ็ ก ไม่ไดร้ บั การแกไ้ ข ทาใหก้ ารทางานของ หวั ใจไม่มปี ระสทิ ธภิ าพ
เมอื่ ปรมิ าณในระบบไหลเวยี นลดลง จะทาใหป้ รมิ าณ Blood loss (ml) เลอื ดไหลกลบั สหู่ วั ใจลดลง ปรมิ าณเลอื ดทหี่ วั ใจบบี ออก แตล่ ะครง้ั ลดลง มผี ลให ้ cardiac output Blood loss ( % ลดลงทา ใหก้ ารไหลเวยี นของเลอื ด และการกาซาบ ของ Blood ของเนือ้ เยอื่ ไม่ เพยี งพอ เนือ้ เยอื่ ขาดออกซเิ จน volume) อตั ราการเตน้ ของ พยาธิ ชพี จร BP ชอ็ กจากการเสยี เลอื ดและนา้ (Hypovolemic shock) Pulse Pressure ระดบั ความรนุ แรง Capillary refill RR Urine (ml /hr) สภาพจติ ใจ การใหส้ ารนา้ ทดแทน
78 ระดบั ที่ 1 ระดบั ที่ 2 ระดบั ที่ 3 ระดบั ที่ 4 ) <750 750 – 1500 1500 – 2000 >2000 <15 15 -30 30-40 >40 <100 >100 >120 >140 ปกติ ปกติ ลดลง ลดลง ปกติ แคบ แคบ แคบ ปกติ ชา้ ชา้ ชา้ 14-20 20 -30 30 – 40 >40 >30 20 -30 5-10 ไม่มี วติ กกงั วลเล็กนอ้ ย วติ กกงั วลเล็กนอ้ ย สบั สน สบั สนมากหรอื ไม่ รสู ้ กึ ตวั Crystalloid Crystalloid Crystalloidและ Crystalloid และ Blood Blood
2.2 การไหลเวยี นของเลอื ดท่ี 2.1 การไหลเวยี นของเลอื ดท่ี 2. กลไ เขา้ สเู่ วนตรเิ คลิ ซา้ ยบกพรอ่ ง ออกจากเวนตรเิ คลิ ซา้ ยไปสู่ การไหล เชน่ ลนิ้ หวั ใจไมตรลั ตบี , โรคเนือ้ สว่ นตา่ งๆของรา่ งกาย งอกของ หวั ใจหอ้ งบน, ภาวะลม่ิ บกพรอ่ ง เชน่ ลนิ้ หวั ใจไมตรลั บก เลอื ดอดุ ตนั ในปอดอยา่ งรนุ แรง, รว่ั เฉียบพลนั (Acute Mitral ผนังหวั ใจกน้ั ดา้ นลา่ งรว่ั , ภาวะ สา หวั ใจบบี รดั จากผนัง หวั ใจรว่ั และ Regurgitation) และท าให ้ การฉีกเซาะของหลอดเลอื ดเอ เกดิ การฉีกขาดของ ออรต์ า้ papillary muscle 1. อาการและอาการแสดงทาง การประเมนิ ชอ็ กทเ่ี กดิ จากความผดิ ป คลนิ ิก สภาพ หวั ใจ (cardiogenic sh 1.1 ลกั ษณะอาการทางคลนิ ิกคอื มกี ารลดลงของ cardiac 2. คลน่ื ไฟฟ้ าหวั ใจ คลนื่ ไฟฟ้ าหวั ใจ ห output และมี tissue ทพ่ี บ จะพบลกั ษณะของ MI, hypoperfusion ไดแ้ ก่ หวั Myocardial injury, new left ก ใจเตน้ เรว็ ขนึ้ มากกวา่ 100 / bundle branch block และ/หรอื c นาที หายใจเรว็ และลกึ ผวิ หนัง arrhythmia e เย็นชนื้ ระดบั ความรสู ้ กึ ตวั g เปลยี่ นไป 3. ภาพถา่ ยรงั สที รวงอก แ 1.2 systolic blood pressure มกั พบลกั ษณะของ ส นอ้ ยกวา่ 80-90 มลิ ลเิ มตรปรอท pulmonary n หรอื mean arterial blood edema/congestion pressure ลดลงกวา่ เดมิ มากกวา่ หรอื เท่ากบั 30 มลิ ลเิ มตรปรอท pulse pressure แคบ
79 ไกของระบบ 1. การบบี ตวั ของหวั ใจไม่มปี ระสทิ ธภิ าพ เชน่ ลเวยี นเลอื ด ภาวะกลา้ มเนือ้ หวั ใจตายอยา่ งเฉียบพลนั (acute กพรอ่ ง myocardial infarction: AMI) กลา้ มเนือ้ หวั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ยหรอื หอ้ งลา่ งขวาวาย, หวั ใจ าเหตุ หอ้ งลา่ งซา้ ยโป่ งพอง (LV aneurysm), ภาวะ กลา้ มเนือ้ หวั ใจเสอ่ื มในระยะสดุ ทา้ ย, กลา้ มเนือ้ หวั ใจอกั เสบเฉียบพลนั , หวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะ ปกตขิ อง การรกั ษา 1. การรกั ษาแบบประคบปั ระคอง เพอ่ื พยงุ hock) ความดนั โลหติ ใหเ้ พยี งพอ • การดแู ลใหอ้ อกซเิ จนอยา่ งเพยี งพอ การตรวจทาง • ประเมนิ สารนา้ ใน รา่ งกายและให ้ หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร อยา่ งระมดั ระวงั • หลกี เลยี่ งยาทมี่ ฤี ทธิ ์ negative การตรวจ blood inotropic และ ยากลมุ่ vasodilator รวมทง้ั chemistry, cardiac nitroglycerine enzyme, arterial blood gas มกั พบภาวะ acidosis • แกภ้ าวะ acidosis และ electrolyte และ พบ cardiac enzyme imbalance สงู จากภาวะ myocardial necrosis • รกั ษาภาวะหวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะ 2. การรกษั าดว้ ยยา เพอ่ื พยงุ coronary และ systemic perfusion ไดแ้ ก่ dobutamine, dopamine, norepinephrine
กจิ กรรมพยาบาล Cardiogenic shock 1. ประเมนิ ตรวจวดั บนั ทกึ สญั ญาณชพี อยา่ งตอ่ เนื่อง รวมทง้ั การเฝ้ าระวงั Invas hemodynamic pressure monitoring 2. ประเมนิ สภาวะการกาซาบของเลอื ดไปยงั เนือ้ เยอ่ื อวยั วะตา่ งๆ โดยอาการและอา เนือ้ เยอ่ื มกี ารก าซาบของเลอื ดลดลง 3. ประเมนิ ตดิ ตามคา่ ความเขม้ ขน้ ของออกซเิ จนในเลอื ดอยา่ งตอ่ เน่ือง และดแู ลให ออกซเิ จน 4. ดแู ลระบบหายใจ จดั ใหผ้ ูป้ ่ วยนอนศรี ษะสงู หรอื ในท่าทท่ี างเดนิ หายใจเปิ ดโลง่ แล อยา่ งเต็มที่ 5. ดแู ลให ้ absolute bed rest ชว่ ยเหลอื ในการทากจิ กรรมตา่ งๆเกย่ี วกบั กจิ วตั ร ผูป้ ่ วย 6. ดแู ลใหส้ ารนา้ และยากระตนุ ้ ความดนั โลหติ ตามแผนการรกั ษา 7. เตรยี มความพรอ้ มของอปุ กรณ์ 8. ดแู ลชว่ ยแพทยท์ าหตั ถการตา่ งๆ เพอ่ื ประเมนิ ระบบการ ไหลเวยี นโลหติ อยา่ งตอ่ 9. การเฝ้ าระวงั arrhythmia โดยการตดิ ตามบนั ทกึ คลนื่ ไฟฟ้ าหวั ใจตอ่ เนื่องและ ชว่ ยเหลอื ไดท้ นั ที 10. การเฝ้ าระวงั อาการขา้ งเคยี งทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ ในผูป้ ่ วยทไี่ ดร้ บั ยากระตนุ ้ ความดนั ทงั้ และ vasopressure 11. ผูป้ ่ วยทใี่ ส่ IABP ตอ้ งมกี ารสงั เกตแผลบรเิ วณทใี่ สว่ า่ มี bleeding, hematom infection หรอื ไม่ 12. เตรยี มอปุ กรณใ์ นการชว่ ยชวี ติ และรถฉุกเฉินใหพ้ รอ้ มใช ้
80 sive าการแสดงทบี่ ง่ ชวี้ า่ หผ้ ูป้ ่ วยไดร้ บั ละปอดมกี ารขยาย รประจาวนั ของ อเนื่อง ะเตรยี มพรอ้ มใหก้ าร งในกลมุ่ inotropic ma, sign
1. การไดร้ บั บาดเจบ็ของไขสนั หลงั สว่ นบนคอื สาเหตุ กระดกู สนั หลงั สว่ นคอ ( c - spine) ชอ็ กจากระบบประส 2. ไดร้ บั ยาระงบั ความรสู ้ กึ ทางไขสนั หลงั ใน (neurogenic sho ระดบั ทส่ี งู (high block) ชอ็ กจาก 3. ภาวะเครยี ดทางอารมณ์ ขอ 4. ปวดอยา่ งรนุ แรง 5. ไดร้ บั ยาเกนิขนาด (Distribut 6. ไดร้ บั ยานอนหลบั เชน่ พวกบารบทิ ์ ูเรต การวนิ ิจ 7. ภาวะนา้ ตาลในเลอื ดตา่ ภาวะการต อาการ ชอ็ กจากภาวะการตดิ เชอื้ (septic shock) • สบั สนเฉียบพลนั 1. Clinical diagnosis ของภาวกา • เวยี นศรี ษะ ตอ้ งอาศยั ขอ้ มูลทางคลนิ ิก การซ • ปัสสาวะนอ้ ยลงหรอื ไม่ ตรวจ รา่ งกาย อาการและอาการแ ตรวจทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ผลการต ปัสสาวะ วทิ ยา สง่ิ สง่ ตรวจ • มปี ัญหาในการหายใจ 2. การตรวจทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารเป็ นก อยา่ งรนุ แรง ตดิ เชอื้ เพอ่ื ใชร้ ะบชุ นิดของเชอื้ กอ่ กระบวนการอกั เสบทไ่ี ม่เกดิ จากก • พดู ไม่ชดั • รมิ ฝี ปากคลา้ • ผวิ หนังซดี และเย็น • คลนื่ ไส ้ อาเจยี น • ทอ้ งเสยี
81 อาการแสดงทาง คลนิ ิก สาท ชอ็ กจากภมู แิ พ ้ ock) (anaphylactic shock) กการกระจาย 1. ผวิ หนังมผี นื่ แดงเป็ นลมพษิ องเลอื ด 2. หายใจลาบาก เสยี งหายใจมี wheezing tive shock ) และมี cyanosis มกี ารบวม บรเิ วณกลอ่ ง เสยี ง ทาใหเ้ สยี งแหบ และหายใจมเี สยี ง จฉัย stridor ตดิ เชอื้ 3. ความดนั โลหติ ต่า กระสบั กระสา่ ยรว่ มกบั หวั ใจเตน้ เรว็ และหายใจเรว็ ขนึ้ ารณต์ ดิ เชอื้ 4. อาจเกดิ อาการอาเจยี น ทอ้ งเสยี เป็ น ซกั ประวตั ิ การ ตะครวิ ปวดทอ้ ง แสดง ผลการ 5. กลน้ั ปัสสาวะไม่ได ้ และมเี ลอื ดออกทาง ตรวจทางรงั สี ชอ่ งคลอด ซงึ่ เป็ นผลจากการหดรดั ตวั การวนิ ิจฉัยการ ของกลา้ มเนือ้ เรยี บของระบบทางเดนิ อโรค ใชแ้ ยก การตดิ เชอื้ อาหาร ระบบทางเดนิ ปัสสาวะและ อวยวั ะ สบื พนัธุ ์
การพยาบาลผูป้ ่ วยทมี่ ภี าวะชอ็ กจากตดิ เชอื ้ 1. ประเมนิ ความรนุ แรงและความเสยี่ งของการเกดิ ภาวะชอ็ กจาก การตดิ เชอื้ 2. เฝ้ าระวงั ตดิ ตามดแู ลอยา่ งใกลช้ ดิ ในผูป้ ่ วยทเี่ กดิ ภาวะชอ็ ก เพอ่ื ป้ องกนั อนั ตรายทอ่ี าจเกดิ จาก ภาวะแทรกซอ้ นของชอ็ ก 3. การชว่ ยแพทยค์ วบคมุ หรอื กาจดั แหลง่ การตดิ เชอื้ อยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ 4. การสง่ สงิ่ สง่ ตรวจทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารอยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม 5. การดแู ลชว่ ยแพทยใ์ สส่ ายสวนหลอดเลอื ดดาสว่ นกลาง หรอื สายสวนในหลอดเลอื ดแดงปอด 6. การใหย้ าเพม่ิ ระดบั ความดนั โลหติ เพอื่ ใหห้ ลอดเลอื ดสว่ นปลาย หดตวั
82 7. การดแู ลใหผ้ ูป้ ่ วยไดร้ บั ออกซเิ จนอยา่ งเพยี งพอตามแผนการรกั ษา 8. การดแู ลใหผ้ ูป้ ่ วยไดร้ บั ความสขุ สบาย เมอ่ื มไี ขด้ แู ลใหไ้ ดร้ บั ยาลดไข ้ 9. การเฝ้ าระวงั การตดิ เชอื้ ในโรงพยาบาล สง่ เสรมิ การลา้ งมอื กอ่ นหลงั การสมั ผสั ผูป้ ่ วย 10. รว่ มมอื กบั แพทยใ์ นการรกั ษาภาวะชอ็ ก 11. ป้ องกนั ภาวะโภชนาการและเสยี สมดลุ ไนโตรเจน 12. ลดความรสู ้ กึ กลวั และวติ กกงั วลของผูป้ ่ วยและครอบครวั 13. ดแู ลใหไ้ ดร้ บั ยาปฏชิ วี นะและสงั เกตผลขา้ งเคยี งของยา 14. ส่งตรวจและตดิ ตามผลเพาะเชอื้ ของเลอื ด ปัสสาวะ เสมหะ และสารคดั หลง่ั ตา่ งๆ 15 ใชห้ ลกั aseptic technique เมอ่ื มกี ารสอดใส่สายตา่ งๆ
83
84
85 α-
86
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103