สตั วป์ ก
คาํ นาํ สตั วป์ กเปนสัตวท์ ีสามารถบนิ ได้และมีขน จดั อยู่ใน ไฟลัม สัตวม์ แี กนสนั หลัง ชนั Aves และมี กระดูก ทกี ลวงเบา และมีหลากหลาย ชนิด นกเปนสัตวท์ ีมีความสําคญั เปนอนั มาก ทงั ต่อ ระบบนิเวศ และต่อชวี ตมนษุ ย์ ความ สมั พันธร์ ะหวา่ งคนกับนกเปนไปอยา่ ง แนน่ แฟน และการเกือกลู กนั ระหวา่ งนกกับ สรรพสิงต่าง ๆ ตามธรรมชาติกเ็ ปนไปอยา่ ง แนบแน่น ถ้าหากปราศจากนก
สาระบนั สัตวป ีก หนา้ การววิ ฒั นาการ 1 อาหาร 2 3 อา งองิ 4
สตั ว์ปก 1 สตั วปีก เป็นสตั วทีม่ ลี ักษณะแตกตา งจากสตั วม ี กระดูกสันหลงั ชนิดอ่ืนๆ โดยมลี กั ษณะภายนอก คือ มีขาคูหน าพฒั นาเป็นปีก เพ่ือใชส าํ หรบั บิน มีขา 2 ขา มเี กลด็ ท่ขี าและนิ้วเทา มปี ีก 2 ปีก มี ขนเป็นแผงแบบขนนก ขนปกคลมุ ทัว่ ทัง้ ลาํ ตวั สัตวปีกหายใจดวยปอด สืบพันธุแบบอาศัยเพศมี การปฏสิ นธิภายในโดยออกลกู เป็นไข สัตวปีกเป็นสตั วเลือดอนุ มอี ณุ หภมู ขิ องรางกาย คงทไ่ี มเ ปลย่ี นไปตามสภาพแวดลอมเป็นสตั วท ่ีมี การวิวัฒนาการมาจากสตั วเล้ือยคลานแต เน่ืองจากขาหน าของสัตวปีกเปลีย่ นแปลงไปเป็น ปีกเพ่อื ชวยในการบินจึงเรยี กสตั วก ลมุ นี้วา สัตว ปีกสามารถแบงสตั วกลมุ นี้ตามลกั ษณะการบินได 2 พวก คือ พวกบินได เชน ไก เป็ด นกยงู นกขุนทอง พวกบินไมไ ด เชน นกกระจกเทศ นกอมี ู นก เพนกวนิ พวกบินไมได
2 การววิ ัฒนาการ นกมีความคลา ยคลึงกบั ไอฟิสสัตวเ ล้อื ยคลานหลาย ประการ เชน โครงสรา งของกระดกู และกลามเน้ือ เกลด็ ที่ขา การออกลูกเป็นไข และการเจรญิ เติบโตของตัว ออ น จึงเช่อื กันวา นกในปัจจุบันถือกาํ เนิดมาจากสัตว เล้อื ยคลาน ยิง่ ไปกวา นัน้ มีหลักฐานซากดกึ ดาํ บรรพจ าํ นวนมาก ยนื ยนั วา นกมวี ิวัฒนาการมาจากไดโนเสารเ ทอโรพอด ตวั อยา งเชน ซากดึกดาํ บรรพอ ารคอี อปเทอริกซท คี่ น พบ ในแควน บาวาเรยี ประเทศเยอรมนี เม่อื ปี ค.ศ. 1861 ซากดกึ ดาํ บรรพน ี้มอี ายปุ ระมาณ 150 ลานปี บง บอกวา อารคีออพเทอรกิ ซอ าศยั อยูในยคุ จูแรสสิก และมีลักษณะ ก่ึงนกก่งึ เทอโรพอด โดยอารคีออพเทอรกิ ซต างจากนก ในปัจจบุ นั ตรงทีม่ ีสามเลบ็ ย่นื ออกมาจากองุ มอื มีฟันท่ี ปาก และมีกระดกู หางยาว แตขณะเดียวกนั บรเิ วณลําตวั ก็มีขนนกปกคลุม ทาํ ใหน ักปักษวี ิทยาเช่ือวาอารค อี อพเท อริกซน าจะเป็นบรรพบรุ ุษของนกในปัจจุบัน เม่ือเรว็ ๆ นี้ไดมกี ารคน พบซากดึกดาํ บรรพค ริพโทโว แลนสท ปี่ ระเทศจีน ซ่ึงมสี ันทกี่ ระดกู อก และสวนย่ืนรูป ตะขอตอทซ่ี โี่ ครง ซากดกึ ดาํ บรรพครพิ โทโวแลนสจ งึ นับ วามีความเป็นนกมากกวาซากดึกดําบรรพใ ดๆ ที่เคยคน พบ
อาหาร 3 ในแตล ะวนั นกตอ งการอาหารจาํ นวนมากเพ่ือนําไปใช ในกระบวนการเมแทบอลซิ มึ (metabolism) โดยนก แตละชนิดจะหาอาหารที่แตกตา งกนั ออกไป นกบางชนิด เลยี้ งชีพดว ยน้ําตอ ย บางชนิดเลีย้ งชพี ดวยธัญพืช แมลง สัตวพวกหนู สัตวพ วกกงิ้ กา ปลา ซากเนา ไปจนถึงนก ดวยกัน นกจะพฒั นารูปรา ง ปีก ขา และปาก ใหม ี ลกั ษณะเหมาะสมกบั การหาอาหาร นกสว นใหญเป็นสตั ว ทห่ี ากนิ ในเวลากลางวัน มีนกเพียงบางชนิดเทานัน้ ที่ หากินในเวลากลางคนื นกบางชนิดหากนิ รวมกนั เป็นฝูง เชน ฝูงนกนางนวลท่ี บินรอ นหาปลาตามชายทะเล หรือฝูงนกเป็ดน้ํารวมตวั กันแหวกวา ยอยใู นบงึ ซ่งึ การหากินรว มกันเป็นฝูงใหญ ชวยใหน กหาอาหารงา ยข้ึนและไดปรมิ าณมากกวาหากนิ ตามลาํ พงั รวมทงั้ ยงั ชว ยกันระวงั ภัยไดเ ป็นอยา งดี สวนนกบางชนิดก็มพี ฤติกรรมการหาอาหารรว มกบั สตั ว อ่ืน เชน นกเอีย้ งที่หากินรวมกบั ววั ควาย โดยนกเอยี้ ง จะคอยจับแมลงท่ีพากนั บินหนีข้ึนมาเม่ือววั ควายเดินย่าํ ไปบนดิน นอกจากนี้นกเอยี้ งยงั ชอบเกาะบนตัววัวควาย เพ่ือจบั แมลงท่บี ินตอมตามตวั วัวควายอกี ดวย
อ้างองิ 4 ลิงท่ี1 https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8% B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B 8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%81 ลงิ ท2ี https://sites.google.com/site/creammyaksuda/satw-bk ลงิ ที3 https://sites.google.com/site/pikscien/khna-khru-laea- bukhlakr
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: