บทเรยี นสำเรจ็ รปู แบบออนไลน์ รำยวชิ ำ ระบบควบคมุ กำรขบั เคลอื่ นเบอื้ งตน้ Online Program Instructional of basic drive control system subject นำยปยิ พทั ธ์ มณจี นั ทรส์ ขุ 62201270068 นำยวทญั ญู เกอื้ กลู 62201270075 นำงสำวเสำวลกั ษณ์ ธำระถอ้ ย 62201270089 โครงกำรนเ้ี ปน็ สว่ นหนึง่ ของกำรศกึ ษำตำมหลกั สตู รประกำศนยี บตั รวชิ ำชีพ (ปวช.) พ.ศ. 2562 สำขำงำนเมคคำทรอนกิ ส์ สำขำวชิ ำเมคคำทรอนิกส์ วทิ ยำลยั เทคนคิ สตั หบี ปีกำรศกึ ษำ 2564
บทเรยี นสำเรจ็ รปู แบบออนไลน์ รำยวชิ ำ ระบบควบคมุ กำรขบั เคลอื่ นเบอื้ งตน้ Online Program Instructional of basic drive control system subject นำยปยิ พทั ธ์ มณจี นั ทรส์ ขุ 62201270068 นำยวทญั ญู เกอื้ กลู 62201270075 นำงสำวเสำวลกั ษณ์ ธำระถอ้ ย 62201270089 โครงกำรนเ้ี ปน็ สว่ นหนึง่ ของกำรศกึ ษำตำมหลกั สตู รประกำศนยี บตั รวชิ ำชีพ (ปวช.) พ.ศ. 2562 สำขำงำนเมคคำทรอนกิ ส์ สำขำวชิ ำเมคคำทรอนิกส์ วทิ ยำลยั เทคนคิ สตั หบี ปีกำรศกึ ษำ 2564
ใบรบั รองโครงการ สาขาวชิ าเมคคาทรอนกิ ส์ วทิ ยาลยั เทคนคิ สตั หบี ชอ่ื โครงการ บทเรียนสำเรจ็ รูปแบบออนไลน์ รำยวชิ ำ ระบบควบคุมกำรขับเคล่อื นเบ้ืองตน้ โดย นำยปิยพทั ธ์ มณีจนั ทรส์ ขุ นำยวทัญญู เก้ือกลู นำงสำวเสำวลกั ษณ์ ธำระถอ้ ย ไดร้ ับอนุมตั ใิ ห้นบั เปน็ สว่ นหน่ึงของกำรศึกษำตำมหลักสูตรประกำศนียบัตรวชิ ำชีพ (ปวช.) พ.ศ.2563 สำขำเมคคำทรอนิกส์ วิทยำลัยเทคนิคสัตหีบ …………………………………………………หวั หน้าสาขาวชิ าเมคคาทรอนิกส์ (นายสมบัติ อินยนิ ) วนั ท่ี 15 เดือน ตลุ ำคม พ.ศ 2564 คณะกรรมการสอบโครงการ …………………………………………………ประธานกรรมการ (นายสมบตั ิ อนิ ยนิ ) …………………………………………………ครูท่ีปรึกษาท่ี 1 …………………………………………………ครูท่ปี รึกษาท่ี 2 (นางสาวศริ ิวรรณา ฐาปนะดิลก) (นายวิรุณชัย คลา้ ยเดือน) …………………………………………………กรรมการ ....................................................... กรรมการ (นายสมบตั ิ ฆ้องสง่ เสยี ง) (นางสาวพชิ ญ์ชนก อิ่มพิทักษ์) …………………………………………………กรรมการ ....................................................... กรรมการ (นางสาวณัฐสุดา เกยี รติธิวฒั น)์ (นำงสำวศศิกำนต์ จันทร์สมปอง)
โครงการ ข โดย บทเรียนสาเรจ็ รปู แบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคมุ การขบั เคล่ือนเบ้ืองต้น นายปยิ พทั ธ์ มณจี นั ทร์สุข สาขาวชิ า สาขางาน นายวทัญญู เกือ้ กูล ครทู ป่ี รึกษา ครทู ป่ี รกึ ษารว่ ม นางสาวเสาวลกั ษณ์ ธาระถ้อย จานวนหนา้ ปกี ารศกึ ษา เมคคาทรอนิกส์ เมคคาทรอนิกส์ นางสาวศริ วิ รรณา ฐาปนะดลิ ก นายวริ ุณชัย คลา้ ยเดือน 47 2564 บทคดั ย่อ ปัจจุบันแผนกเมคคาทรอนิกส์วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบได้มีการเปิดการเรียนการสอน ใน รูปแบบออนไลน์ เพราะสถานการณ์โควดิ -19 จึงได้มีการจดั ทำบทเรยี นสำเร็จรูปแบบออนไลน์ ในรายวิชาระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องต้น ในหัวข้ออุปกรณ์ขับเคลื่อนทางกลแบบเชิงมุม ซึ่งในวิขานี้จัดการเรียนการสอนเป็นหลักสูตรโดยแบ่งเป็นทฤษฎีและปฏิบัติควบคู่กันยังมีการ เรียนการสอนโดยหัวข้อนี้จะมีการสอนเกี่ยวกับ ความหมายของการเคลื่อนที่เชิงมุม หลัการ ของการขับเคลื่อนทางกล ชิ้นส่วนต่างๆและการนำไปประยุกต์ใช้ของอุปกรณ์ คณะจัดทำได้ เลง็ เหน็ วา่ เนอ่ื งจากสถานการณโ์ ควิด-19 ในปจั จุบันควรมีบทเรียนสำเร็จรูปแบบออนไลน์ เพ่ือ ใชใ้ นการเรียนรูเ้ กย่ี วกับอุปกรณ์ขับเคล่ือนทางกลแบบเชิงมุม เพ่ือผศู้ ึกษาสามารถได้รับความรู้ ไดอ้ ย่างครบถว้ นและมีความรใู้ นอปุ กรณ์ขับเคล่ือนทางกลแบบเชิงมุม
ค กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานการฉบับนส้ี าเร็จลูลว่ งด้วยดีเน่อื งจากความรว่ มมือร่วมใจของสมาชิกภายในกลุ่มทุกท่าน คณะผูจ้ ัดทาขอขอบคุณอาจารย์วริ ุณชัย คล้ายเดอื น และอาจารย์ศริ ิวรรณา ฐาปนะดิลก ซง่ึ เป็นอาจารย์ที่ ปรึกษาที่ได้ให้คาแนะนา แนวคิด ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องมาโดยตลอด และอาจารย์ประจาแผนกวิชา เมคคาทรอนิกส์เป็นอย่างยง่ิ ที่ได้ใหค้ าแนะนา ปรกึ ษาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ตลอดจนถึงข้อมูลอุปกรณ์ ท่เี ปน็ ประโยชน์ต่อการทดลองโครงงาน ขอบพระคุณบิดา มารดา และผู้มีพระคุณสาหรบั การให้ความสนับสนุนทุกสิ่งอย่างด้านการศึกษา มาตลอดจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งเป็นกาลังใจที่ดีเสมอ และสุดท้ายต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่ให้กาลังใจมา ตลอดมาจนโครงงานฉบบั นีส้ าเร็จลุลว่ งไปด้วยดี คณะผู้จัดทา
สารบญั ง เรอ่ื ง หนา้ ใบรบั รองโครงงาน ก บทคดั ย่อ ข กิตติกรรมประกาศ ค สารบญั ง สารบญั (ตอ่ ) จ สารบัญรูป ฉ สารบัญรปู (ตอ่ ) ช สารบัญรูป(ตอ่ ) ซ สารบัญรูป(ตอ่ ) ฌ สารบญั ตาราง ญ บทที่ 1 ท่มี าและความสาคัญ 1 1 1.1 ทมี่ าและความสาคญั 1 1.2 วัตถุประสงค์ 1 1.3 ขอบเขตของโครงงาน 1 1.4 ประโยชน์คาดจะได้รบั 3 บทที่ 2 ทฤษฎแี ละเอกสารท่ีเกย่ี วข้อง 3 2.1 การสรา้ งเว็บเพจด้วย Google Site 7 2.2 บทเรียนสาเรจ็ รปู 8 2.3 บทเรยี นสาเร็จรูปแบบออนไลน์ 15 2.4 ระบบขับเคล่ือน 24 บทท่ี 3 วธิ ีการดาเนินการ 25 3.13.1 การออกแบบโครงสร้างแต่ละส่วนของบทเรยี นสาเรจ็ รูปออนไลน์ 28 3.2 ศกึ ษาขอ้ มลู ทไ่ี ด้ 30 3.3 การออกแบบ Google Site 32 บทท่ี 4 ผลดาเนินงาน 32 4.1 ขั้นตอนการทดสอบ 33 4.2 ผลการทดลอง 34 4.3 บทเรียนสาเรจ็ รูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขับเคลือ่ นเบื้องตน้
สารบญั (ตอ่ ) จ เรอ่ื ง หนา้ บทท่ี 5 การสรุปผลและข้อเสนอแนะ 35 35 5.1 สรปุ ผลการดาเนนิ การ 36 5.2 อภิปรายปญั หา 36 5.3 ข้อเสนอแนะ 37 เอกสารอ้างองิ 38 ภาคผนวก 40 ภาคผนวก ก 41 ภาคผนวก ข 42 ภาคผนวก ค 45 ภาคผนวก ง
ฉ สารบญั รปู เรอื่ ง หนา้ รปู ท่ี 2.1 Google Site 3 รูปท่ี 2.2 การเขา้ ถึง Drive 4 รูปท่ี 2.3 การสรา้ งเว็บไซต์ 4 รปู ท่ี 2.4 การปอ้ นชื่อเวบ็ และปรับขนาดตวั อักษร 5 รปู ที่ 2.5 การแชร์เว็บไซต์ 5 รปู ที่ 2.6 การฝงั Code 6 รปู ท่ี 2.7 การฝัง Code การเข้าชมเว็บไซต์ 6 รูปท่ี 2.8 บทเรยี นสาเร็จรปู แบบเสน้ ตรง (Linear Program) 7 รูปท่ี 2.9 บทเรยี นแบบสาขา (Branching Program) 8 รูปที่ 2.10 สายพานแบน (Flat belt) 16 รูปที่ 2.11 สายพานวี (V-belt) 16 รูปที่ 2.12 สายพานกลม 17 รูปท่ี 2.13 สายพานไทม์ม่ิง (Timing belt) 17 รปู ท่ี 2.14 ตารางการแบง่ สายพาน (Conveyor Belt) 18 รปู ท่ี 2.15 ประเภทใช้งานทัว่ ไป (General Use Conveyor Belt) 19 รปู ที่ 2.16 ประเภทใชง้ านแบบพิเศษ (Special Conveyor Belt) 19 รปู ที่ 2.17 ประเภทใชง้ านแบบพเิ ศษ (Special Conveyor Belt) 20 รปู ท่ี 2.18 สายพานผ้าใบ (Fabric Conveyor Belt) 20 รปู ท่ี 2.19 สายพานลวดสลิง (Streel Cord Conveyor Belt) 21 รูปท่ี 2.20 แบบผวิ หนา้ เรียบ (Plain Surface) 21 รูปที่ 2.21 แบบผิวหน้ากา้ งปลา (Pattern Surface) 22 รปู ที่ 2.22 แบบมผี ิวหน้าพิเศษหรือมีโครงสร้างแบบพิเศษ 22 รูปที่ 3.1 ขนั้ ตอนการดาเนินการของบทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการ 24 ขับเคลื่อนเบื้องตน้ รูปท่ี 3.1 ขนั้ ตอนการดาเนินการของบทเรียนสาเร็จรปู แบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคุมการ 25 ขับเคล่อื นเบื้องตน้ รปู ท่ี 3.2 การออกแบบหนา้ เว็บไซตข์ องบทเรียนสาเรจ็ รูปออนไลน์ 26 รปู ที่ 3.3 การกรอกข้อมูลก่อนเขา้ ทาแบบทดสอบก่อนเรียน 27 รปู ที่ 3.4 การกรอกขอ้ มูลกอ่ นเขา้ ทาแบบทดสอบหลงั เรยี น 27
สารบญั รปู (ตอ่ ) ช เรอ่ื ง หนา้ รูปท่ี 3.5 การจดั วางสว่ นของเนอ้ื หา 28 รปู ท่ี 3.6 หนา้ หลักเว็บไซต์ ระบบควบคุมการขับเคลื่อนดว้ ยไฟฟ้า 30 รปู ท่ี 3.7 หนา้ เว็บหวั ขอ้ ตา่ งๆ ทเ่ี กียวกบั มอเตอรไ์ ฟฟา้ กระแสสลบั 30 รปู ที่ 3.8 หนา้ เว็บเนอ้ื หาต่างๆ ทีเ่ ก่ียวกบั มอเตอร์ไฟฟา้ กระแสสลับ 31 รปู ท่ี 4.1 บทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขบั เคลอ่ื นเบ้อื งต้น 34 รปู ท่ี ก.1 สืบคน้ ข้อมลู เกยี่ วกับหวั ข้อท่ีได้รับ 39 รปู ท่ี ก.2 คน้ หาวธิ ีการใช้ Google Site 39 รปู ที่ ก.3 ออกแบบหน้าเวบ็ Google Site 39 รูปท่ี ก.4 นาเนอ้ื หาทีห่ ามาได้ใสใ่ น Google Site 40 รปู ที่ ก.5 จดั ลาดับเน้ือหา 40 รปู ที่ ก.6 ไดบ้ ทเรียนสาเรจ็ รูปแบบไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องต้น 40 รปู ที่ ข.1 โปรแกรมทารูปเล่มโครงงาน 41 รูปท่ี ข.2 โปรแกรมทาบทเรียนสาเรจ็ รูปออนไลน์ 41 รปู ที่ ข.3 โปรแกรมทาแบบทดสอบ 41 รูปท่ี ค.1จดั ทาหนา้ เว็บสาหรับแบบทดสอบ 42 รูปที่ ค.2 จัดทาแบบฟอร์มสาหรับการทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 42 รูปที่ ค.3 เตรยี มแบบทดสอบกอ่ นและหลังเรียน 43 43 รูปที่ ค.4 ทาการทดสอบก่อนเรียน 44 รูปท่ี ค.5 ทาการทดสอบหลังเรียน
ซ สารบญั ตาราง เรอื่ ง หนา้ ตารางท่ี 4.1 ตารางสรุปผลการทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนของบทเรียนสาเรจ็ รปู แบบออนไลน์ 32 ตารางท่ี 4.2 ตารางสรุปผลการทาแบบทดสอบหลงั เรียนของบทเรียนสาเรจ็ รูปแบบออนไลน์ 33
1 บทท่ี 1 ทม่ี าและความสาคัญ 1.1 ท่ีมาและความสาคญั ปัจจุบันวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบได้เล็งเห็นถึงศักยภาพด้านการพัฒนาสมรรถนะภาพของนักเรียน นักศึกษาจากการเรียนในส่วนวิชาระบบการควบคุมการขับเคล่ือนเบื้องต้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสาขาวิชา ช่างเมคคาทรอนิกส์ท่ีทางวิทยาลัยเทคนคิ สัตหีบไดใ้ ห้ความสาคัญ จึงสนับสนุนให้นักเรียนนักศึกษาเรยี นรู้ เกี่ยวกับระบบควบคุมการขับเคลื่อนโดยการศึกษาผ่าน บทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์ เพื่อฝึกทักษะให้ เรียนรู้ระบบการเคลื่อนที่และให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียนและ การศึกษาที่ผ่านมานั้นสาขาวิชาช่าง เมคคาทรอนิกส์ยังมิไดม้ ีบทเรียนสาเรจ็ รูปแบบออนไลน์เพือ่ ใช้ในการศกึ ษา คณะผู้จัดทาจึงได้เล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเกิดแนวคิดในการแก้ปัญหาโดยสร้าง “บทเรียน สาเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องต้น” โดยประยุกต์ใช้ google site เพ่อื ให้มกี ารศึกษาและนาความรู้ไปประยุกตใ์ ชง้ านได้จริงในวิทยาลัยเทคนิคสตั หีบ 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 1.2.1 เพ่ือศึกษาระบบการควบคมุ การขบั เคลื่อนเบอื้ งตน้ 1.2.2 เพ่อื สร้างบทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคุมการขับเคล่ือนเบ้ืองตน้ 1.2.3 เพอื่ ใช้เป็นส่ือการเรียนการสอนใหน้ ักเรียนนักศกึ ษามคี วามสนใจในวิชาระบบการควบคุมการ ขบั เคลื่อน 1.3 ขอบเขตของโครงงาน 1.3.1 จดั ทาสือ่ ประกอบการเรียน ดว้ ยระบบออนไลน์ โดยประยกุ ตใ์ ช้ google site 1.3.2 จัดทาแบบทดสอบความรู้กอ่ นเรียนและหลงั เรียนดว้ ยระบบออนไลน์ โดย google form 1.3.3 สื่อการสอนวชิ าการขบั เคลอ่ื นเบื้องต้น 1.4 ประโยชน์ท่คี าดจะไดร้ ับ 1.4.1 นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจในวิชาการควบคุมการขบั เคล่ือนเบอื้ งตน้ 1.4.2 นกั ศึกษามคี วามสามัคคีร่วมมือรว่ มใจในการทางานและปฏิบตั ิหน้าทต่ี นเองได้
2 1.4.3 โครงงานบทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์สามารถนามาประยุกต์และใช้ในชีวิตประจาวันของ การเรยี นการสอนได้ดี 1.4.4 โครงงานบทเรยี นสาเรจ็ รูปแบบออนไลน์สามารถนาไปพฒั นาและต่อยอดได้ดี
3 บทที่ 2 ทฤษฎีและเอกสารท่เี กย่ี วขอ้ ง ในการศึกษาขอ้ มูลการสร้างบทเรยี นออนไลน์สาเร็จรปู น้นั ผ้ศู กึ ษาไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ ทฤษฎีและ เอกสารที่เกี่ยวข้องดงั นี้ 2.1 การสรา้ งเว็บเพจ ด้วย Google Site 2.2 บทเรียนสาเรจ็ รปู 2.3 บทเรียนออนไลน์ 2.4 ระบบขบั เคล่ือน 2.1 การสร้างเว็บเพจดว้ ย Google Site 2.1.1 Google Site Google Site คือ เว็บไซต์ของ Google ที่ให้บริการสร้างเว็บไซต์ฟรี สามารถสร้าง เว็บไซต์ได้ง่าย ปรับแต่งรูปลักษณ์ได้อย่างอิสระ และสามารถรวบรวมความหลากหลายของข้อมูล ไว้ในที่เดียว เช่น วิดีโอ, ปฏิทิน, เอกสาร อื่น ๆ สามารถนามาแทรกในหน้าเว็บเพจได้ เป็นการเพิ่ม ลูกเลน่ ใชง้ านได้ง่าย ทาให้ชว่ ยอานวยความสะดวกไดเ้ ปน็ อยา่ งมาก รูปท่ี 2.1 Google Site
4 2.1.2 การสร้างเว็บเพจด้วย Google Site 2.1.2.1 การเข้าถงึ Drive สามารถเขา้ ถึงได้จาก http://sites.google.com หรอื เมื่อ login อยูใ่ นระบบแลว้ ไปที่เมนู Google Apps เลือก \"Sites\" รปู ท่ี 2.2 การเข้าถงึ Drive 2.1.2.2 การสร้างเวบ็ ไซต์ คลิกเลือก “วา่ ง\" (ในกรอบสฟี ้า) เพอ่ื สรา้ งเวบ็ ไซต์ รปู ที่ 2.3 การสรา้ งเว็บไซต์
5 2.1.2.3 คลกิ ทปี่ ้อนช่ือเว็บและปรับขนาดตัวอักษรเพ่ือเติมหนา้ เวบ็ เพจ รูปท่ี 2.4 การป้อนช่ือเวบ็ และปรับขนาดตวั อักษร 2.1.2.4 แชร์เวบ็ ไซต์ โดยการคลิกท่ปี ุ่ม“เผยแพร\"่ รูปท่ี 2.5 การแชรเ์ ว็บไซต์
6 2.1.2.5 กดฝังทหี่ มายเลข 1 และใส่ Code ทีห่ มายเลข 2 \"การใช้ Code HTMLเรา สามารถใส่ html สาหรบั ตดิ เวบ็ ไซต์ เพื่อเเสดงรายการตา่ งๆ รปู ท่ี 2.6 การฝัง Code 2.1.2.6 การเข้าชมเว็บไซต์ โดยเปดิ หน้า Browser ใหมแ่ ล้วเขา้ ชมเวบ็ ไซต์ไดจ้ าก URL ทร่ี ะบุเป็นการเสร็จสน้ิ ข้ันตอนการสรา้ งเว็บไซต์ รูปท่ี 2.7 การฝงั Codeการเข้าชมเวบ็ ไซต์
7 2.2 บทเรียนสาเร็จรูป บทเรียนสาเร็จรปู หมายถงึ บทเรียนทผี่ สู้ อนจดั ทาขนึ้ เพือ่ ใชเ้ ปน็ เคร่อื งมือในการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ให้นักเรียน นักศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่ละสาระการเรียนรู้วิชาขับเคลื่อนเบื้องต้น แต่ละบทเรียน โดยเริ่มจาก เนื้อหาสาระที่ง่าย ๆ ไปสู่เนื้อหาที่ยากขึ้นไปตามลาดับ เป็นบทเรียน ที่สร้างขึ้นโดยกาหนดวัตถุประสงค์ เนื้อหา วิธีการ และสื่อการเรียนการสอนไว้ล่วงหน้า ผู้เรียน สามารถศกึ ษา ค้นควา้ และประเมินผลการเรียนด้วยตนเองตามขน้ั ตอนที่กาหนดไว้ 2.2.1 ลักษณะของบทเรยี นสาเรจ็ รูป ลักษณะสาคัญของบทเรียนสาเร็จรูป คือ การออกแบบการบรรจุเนื้อหาและสาระ การเรียนรู้ออกเป็น กรอบ (Frame) ซึ่งเนื้อหาและสาระการเรียนรู้ดังกล่าวนั้นจะนามาจัดทา เป็นหน่วยการเรียนรู้ย่อย ๆ แล้วบรรจุเนื้อหาสาระการเรียนรู้หน่วยย่อย ๆ ดังกล่าวลงไปในกรอบ แตล่ ะกรอบใหม้ ีความสัมพันธแ์ ละเรียงลาดับเน้ือหาจากงา่ ยไปยาก 2.2.2 ประเภทและองคป์ ระกอบของบทเรียนสาเร็จรปู 2.2.2.1 บทเรียนเชิงเส้น (Linear Program or Constructed Response Type) Skinner เปน็ ผู้คิดขน้ึ โดยอาศัยผลการวจิ ยั การเรียนรขู้ องสตั ว์ สรุปวา่ การเรยี นรู้ควรแบ่งเป็นชั้นย่อย แต่ตอนท้ายของแต่ละชั้น ผู้เรียนจะต้องแสดงให้เห็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ด้วยการตอบคาถามซึ่ง นิยมใช้เป็นแบบถูกผิดหรือเติมคา และทราบคาตอบทันที ลักษณะที่สาคัญของบทเรียนประเภทนี้ คือ ผู้เรียนจะต้องเรียนตามลาดับทีละกรอบต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ ตั้งแต่กรอบแรกจนกรอบสุดท้าย จะขา้ มกรอบใดกรอบหน่งึ ไม่ได้ องค์ประกอบเป็นแผน่ ภาพดงั นี้ รปู ท่ี 2.8 บทเรยี นสาเรจ็ รปู แบบเส้นตรง (Linear Program)
8 2.2.2.2 บทเรียนแบบสาขา (Branching Program) นอร์แมนเอคราวเดอร์ องค์การ อุตสาหกรรมในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้คิดขึ้น โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นขั้นย่อย ๆ ที่สมบูรณ์ตามด้วย คาถามที่มีคาตอบให้เลือก เมื่อผู้เรียนเลือกคาตอบผิดจะมีคาอธิบายสาเหตุที่ผิดผู้เรียนต้องเลือกใหม่ จนกว่าจะถูก รูปท่ี 2.9 บทเรยี นแบบสาขา (Branching Program) 2.3 บทเรยี นสาเร็จรูปแบบออนไลน์ 2.3.1 ความหมายของเวบ็ เพจ วิทยา เรืองพรวิสุทธิ์ กล่าวว่า เว็บเพจ หมายถึง ไฟล์ข้อมูลเอชทีเอ็มแอล (HTML) หรือเป็นข้อมูลในระบบเวิล์ดไวด์เว็บ (WWW) ซึ่งประกอบด้วยคาหรือวลีพิเศษต่าง ๆ ที่เรียกว่า “ไฮเปอรเ์ ท็กซ์” หรอื เปน็ การเชอ่ื มโยงแบบไฮเปอร์ลิงค์เป็นการเช่ือมโยงเพื่อติดต่อไปยัง เวิลด์ ไวด์เว็บ เซิร์ฟเวอร์ แหล่งข้อมลู ตา่ ง ๆ ท่ีถูกกาหนดไวบ้ นเวิล์ดไวดเ์ วบ็ เพจนนั้ เจนวิทย์ เหลืองอร่าม กล่าวว่าเว็บเพจ คือ หน้ากระดาษอิเล็กทรอนิกส์ใน เวิลด์ไวด์เว็บ เรียกว่า เว็บเพจ ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับหน้ากระดาษของหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารมาก โดยมีทั้งตัวอักษร ข้อความ และภาพนิ่ง นอกจากนี้ยังสามารถใส่เสียงและวีดีทัศน์ในหน้าเว็บเพจได้ สาหรับเว็บเพจหน้าแรกเราเรียกว่า “โฮมเพจ” โดยปกติแล้วเราสามารถใช้คาว่าเว็บเพจ เรียกแทน คาวา่ โฮมเพจ หรอื เว็บไซต์ กไ็ ด้
9 จากขอ้ มูลข้างต้นสรุปได้ว่า เวบ็ เพจ คอื เอกสาร (Hyper Text Markup Language) ที่มีข้อมูลโดยประกอบด้วย ข้อมูล ภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว สามารถเชื่อมโยงไปยังหน้าเอกสาร HTML หรอื หน้าเวบ็ เพจอน่ื ๆ ได้ 2.3.2 องค์ประกอบของเว็บเพจ 2.2.2.1 โฮมเพจ วิทยา เรืองพร ได้กล่าวงถึงองค์ประกอบส่วนที่เป็นโฮมเพจว่าลักษณะโดยทั่วไป โฮมเพจนัน้ มคี วามคลา้ ยคลึงกันมากอาจต่างกันทเี่ ทคนิคและวิธีการนาเสนอ ดงั นนั้ องค์ประกอบหลัก ของโฮมเพจจึงแบ่งออกได้ ดงั นี้ 1. ส่วนรูปภาพหรือโลโก้ (Logo) แสดงความเป็นเจ้าของโฮมเพจ เป็นรูปที่มีขนาด ไม่ใหญ่มากนัก เพ่ืองา่ ยต่อการโอนยา้ ยข้อมูลบนครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 2. สว่ นหัวเรอ่ื งของขอ้ มลู เป็นหวั ขอ้ ของข่าวสาร บรษิ ัท องคก์ รหรือสถานบันท่ีเป็น เจา้ ของโฮมเพจ 3. ส่วนเนื้อหาข้อมูล และการเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นส่วนของ ข่าวสารที่เป็นเนื้อความแสดงถึงรายละเอียดหรือเนื้อหาข้อความแบบคัดย่อที่สามารถเชื่อมโยงไปยัง ขอ้ มลู แบบแสดงรายละเอยี ดของโฮมเพจทเ่ี กย่ี วข้องโดยผ่านไฮเปอรเ์ ท็กซ์ 2.3.2.2 เว็บเพจท่เี ป็นข้อมูล กิตติ ภักดีวัฒนะกุล กล่าวว่า เว็บเพจที่เป็นข้อมูลเป็นส่วนที่เสนอรายละเอียดของ หัวข้อที่อย่ใู นหนา้ โฮมเพจ โดยทั่วไปเวบ็ เพจมอี งคป์ ระกอบ ดงั นี้ 1. Text เปน็ ขอ้ ความปกตสิ ามารถตกแตง่ มีรปู แบบการทางาน Word Processing 2. Graphic มีรูปภาพ ลายเส้น พนื้ หลงั ตา่ ง ๆ มากมายขึ้นอยกู่ ับผูอ้ อกแบบเลือก 3. Multimedia ภาพเคลือ่ นไหวและเสยี งประกอบ 4. Counter ใช้สาหรบั นับจานวนผทู้ ี่เข้าเย่ยี มชมเว็บเพจ 5. Link ใชเ้ ชอ่ื มตอ่ ไปยังเว็บเพจอืน่ ๆ 6. Form เป็นแบบฟอร์มใชส้ าหรับผใู้ ชก้ รอกขอ้ มลู 7. Frame การแบ่งจอภาพเปน็ ส่วน ๆ แตล่ ะจะแสดงขอ้ มลู ที่แตกตา่ งกันออกไป 8. Image Map รูปภาพขนาดใหญท่ ี่และสามารถเช่ือมโยงไปยงั เว็บเพจอน่ื ๆ 9. Java Applet โปรแกรมสาเรจ็ รูปที่ใช้ในเวบ็ เพจ เพือ่ การใช้งานทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ 2.3.3 กฎพ้ืนฐานของการออกแบบเวบ็ เพจ (Web Pages) 2.3.3.1 กฎแหง่ ความแปลกแตกต่าง (Contrast) การออกแบบสอื่ การเรยี นการสอน ทางอินเทอร์เน็ตต้องมีความโดดเด่นหลีกเลี่ยงการใช้องค์ประกอบบนจอภาพที่ดูคล้ายกัน แต่ถ้า
10 องค์ประกอบของเนื้อหาไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ควรสร้างให้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน สิ่งที่มี ความหมายหรือตอ้ งการเน้นใหเ้ ห็นชัดเจนต้องมลี กั ษณะที่นา่ สนใจ เชน่ การเน้นขนาด สี ของวั อกั ษร 2.3.3.2 กฎการย้าซ้า (Repetition) ในการออกแบบสื่อการเรียนทางอินเทอร์เน็ต ควรมีรูปแบบที่เป็นแบบแผนซึ่งจะประกอบด้วย พื้นหลัง รูปภาพ สี ความสัมพันธ์ของระยะห่าง ระหวา่ งตวั อักษร เสน้ และขนาดที่สอดคล้องกันทัง้ หมด วิธีการสรา้ งสอ่ื การเรยี นการสอนทางออนไลน์ แบบย้าช่วยเสริมสร้างให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียว (Unity) แม้ว่าในการออกแบบเว็บเพจจะมีผู้จัดทา หลายคนแต่จะตอ้ งมีรูปแบบเดียวกัน 2.3.3.3 กฎการจัดแถววางแนว (Alignment) การจัดวางองค์ประกอบต้องมีแถว มีแนวต้องมองวัตถุที่อยู่ข้างหน้าเสมอ เช่น ตัวอักษร หรือรูปแบบที่อยู่ตอนล่างไม่ควรล้าแนว องค์ประกอบที่อยู่ด้านบน หากอยู่ขวาก็ดูสิ่งที่อยู่ซ้ายมือที่มาก่อน การวางแถวจะทาให้เว็บเพจ ดูสะอาดและเปน็ ไปในลกั ษณะไม่ขัดกบั ความรู้สกึ ของผอู้ า่ น 2.3.3.4 ความเกี่ยวเนื่องของสิ่งที่อยูใ่ กล้เคียงกัน (Proximity) การจดั วางวัตถตุ ่าง ๆ ที่อยู่บนสื่อการเรียนอินเตอร์เน็ตต้องมีความเป็นระเบียบ โดยจัดให้มองเห็นได้ง่าย ไม่กระจัดกระจาย การรวมกลุ่มเป็นวิธีการลดความยุ่งเหยิงและสร้างความเป็นระเบียบการใช้ไฟล์ภาพหรือกราฟิก ที่มีความหลากหลายแต่ซ้ากันในส่วนต่าง ๆ ของแต่ละหน้าเอกสาร ยังช่วยให้การเปิดเว็บไซด์ เป็นไปอย่างรวดเร็วและน่าสนใจ เมื่อโปรแกรมเว็บบราวเซอร์จะอ่านไฟล์ภาพหรือกราฟิกนั้น แล้วเก็บไว้ในหน่วยความจาของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ เมื่อมีการใช้งานไฟล์ภาพนั้นอีก ก็จะปรากฏ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว เพราะโปรแกรมเวบ็ บราวเซอรจ์ ะนามาจากหน่วยความจาแคชของเครอื่ ง 2.3.4 โครงสรา้ งของเวบ็ นักออกแบบเว็บส่วนใหญ่จะมีรูปแบบการสร้างที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไป จะขึ้นอยู่กับความถนัด และความพอใจของตนเองเป็นหลัก โดยคานึงถึงหลักการออกแบบที่ถูกต้อง เท่าที่ควร ลินช์ และฮอร์ตัน จึงได้เสนอแนวคิดสาหรับออกแบบเว็บไซต์ว่าการออกแบบเว็บไซต์ที่ดี ควรจะตอ้ งวางโครงสรา้ งใหส้ มดลุ มกี ารเชอ่ื มต่อสัมพันธ์กันระหวา่ งรายการ (Menu) หรือโฮมเพจกับ หน้าเนื้อหาอื่น ๆ รวมถึงการเชื่อมโยงไปสู่ภาพและข้อความต่าง ๆ โดยต้องวางแผนโครงสร้างให้ดี เพื่อป้องกันอุปสรรคที่จะเกิดต่อผู้ใช้ เช่น การหลงทางของผู้ใช้ในขณะเข้าสู่เนื้อหาในจุดร่วม (Node) ต่าง ๆ เป็นตน้ แยงก์ และมอร์ ได้แบ่งลักษณะโครงสร้างของสื่อหลายมิติ (Hypermedia) 3 แบบ เพื่อการจัดเกบ็ และเรยี งข้อมูลทีต่ ้องการขึน้ มาดังน้ี
11 1. สื่อหลายมิติแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured) เป็นแบบที่ไม่มีโครงสร้าง ความรู้ ผู้เรียนต้องเปิดเข้าไปโดยมีการเชื่อมโยงระหว่างหน้าจอแต่ละเรื่อง มีความยืดหยุ่นสูงสุดของ การจดั รวบรวมเป็นการใหผ้ เู้ รียนไดก้ าหนดความก้าวหน้า และตอบสนองความสาเร็จด้วยตนเอง 2. สื่อหลายมิติแบบลาดับขั้น (Hierarchical) เป็นการกาหนดวิธีการจัดเก็บความรู้ เป็นลาดับขั้นมีโครงสร้างเป็นลาดับขัน้ ต้นไม้ โดยผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าไปทีละขั้น โดยสารวจได้จาก บนลงลา่ งและจากล่างขึน้ บน โดยระบบขอ้ มูลและรายการคอยบอก 3. สื่อหลายมิติแบบเครือข่าย (Network) เป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างจุดร่วมของ ฐานข้อมูล ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ความซับซ้อนของเครือข่ายพึ่งพาความสัมพันธ์ ระหว่างจดุ ร่วมต่าง ๆ 2.3.5 การออกแบบเว็บเพจทีด่ ี 2.3.5.1 มีรายการแสดงรายละเอียดของเว็บเพจนั้น เราควรแสดงรายการทั้งหมด ที่เว็บมีอยู่ให้ผู้ใช้ทราบ โดยอาจทาในรูปของสารบัญการสร้างสารบัญนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้าหา ข้อมลู ภายในเวบ็ อย่างรวดเร็ว 2.3.5.2 เชื่อมโยงขอ้ มูลไปยังเปา้ หมายโดยตรงตามความต้องการมากทีส่ ุด การสร้าง Link จะสร้างในรูปแบบของตัวอักษร หรือรูปภาพก็ได้ แต่ควรที่จะแสดงจุดเชื่อมโยง โดยการให้ผู้ใช้ ทราบได้งา่ ยนอกจากนี้ในแต่ละเพจควรมีจดุ เชอ่ื มโยงกลบั มายังหนา้ แรกของโฮมเพจ 2.3.5.3 มเี นอื้ หากระชบั ส้นั และทนั สมยั ถ้าเปน็ โครงสร้างโฮมเพจหน้าแรก ไม่ควร ที่จะยาวเกินไป ขนาดที่ดี คือ กาหนดให้แต่ละเว็บเพจแสดงผลได้เพียงอย่างเดียวถ้าไม่สามารถ แสดงผลทงั้ หมดในหนา้ เดยี วต้องพยายามสรา้ งใหแ้ สดงผลในจานนวนหนา้ นอ้ ยทีส่ ดุ เท่าท่จี ะทาได้ 2.3.5.4 สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ทันที ควรมีจุดแสดงความคิดเห็น หรือคาแนะนา กับเราได้ เช่น ใส่ E=mail ลงในเพจตาแหน่งที่เขียนควรอยู่ส่วนล่างสุด หรือบนสุดของเว็บนั้น ๆ ไมค่ วรท่จี ะเขียนแทรกไวใ้ นตาแหน่งใด ๆ ของจอภาพ 2.3.5.5 มีรูปภาพประกอบการนาเสนอที่ดี แต่ไม่ควรมีรูปภาพมากเกินไป โดยใช้ ภาพแทนคาพูด เช่น นารูปบ้านมาแทนคาว่า กลับไปจุดเริ่มต้น หรือ Home และควรใช้รูปให้ตรง กับความหมาย 2.3.5.6 เข้าสู่กลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้อง โดยคานึงถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เพราะ การกาหนดกลุ่มเป้าหมายจะทาให้สามารถกาหนดเนื้อหา และเรื่องราวเพื่อให้ตรงกับความต้องการ ของผูใ้ ชไ้ ด้มากกว่า
12 2.3.5.7 ใช้งานงา่ ย ทาอย่างไรจึงจะสร้างเว็บเพจให้ใช้งานได้ง่าย สิ่งเหล่านี้ข้ึนอยูก่ ับ เทคนิคและประสบการณ์ของผู้สร้างแต่ละคนบางสิ่งคนหนึ่งอาจบอกจะว่าง่าย แต่บางคนอาจกลับ กายเป็นยาก 2.3.5.8 การกาหนดเป้าหมายข้อมูลตามมาตรฐานเดียวกัน โดยจะต้องมีการแบ่ง ข้อมูลออกเป็นส่วน ๆ ข้อมูลชุดใดที่สามารถจัดเป็นกลุ่ม เป็นหมวดหมู่ได้ก็ควรจัดทา จะทาให้ข้อมูล ทุกอยา่ งเป็นระเบียบในการนามาใชง้ าน 2.3.6 เคร่ืองมือในการสร้างเวบ็ เพจ เครื่องมือที่ใช้ในการสร้างและพัฒนาเว็บเพจนั้นมีมากมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ที่มีหน้าที่ ในการสร้างและพฒั นาเว็บเพจ หรอื เวบ็ มาสเตอร์ จะเลอื กใชง้ านเคร่ืองมือท่เี กี่ยวขอ้ งกับการสร้างเว็บ มีจานวนมาก ซึ่งรวมถึงโปรแกรมสร้างไฟล์เอกสาร HTML โปรแกรมสร้างเว็บเพจ มีจานวนมาก ซึง่ รวมถงึ โปรแกรมปรับเปลี่ยนไฟล์ที่เกีย่ วข้องกบั เว็บเพจ 2.3.7 ขัน้ ตอนการพฒั นาเวบ็ เพจ หลักการและขั้นตอนการพัฒนาบทเรียนออนไลน์สาเร็จรูป ในลักษณะรูปแบบของ Intreactive Multimedia Computer Instruction Package : IMMCIP โดยเริ่มจากวิธีการกาหนด เป้าหมาย กาหนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมและกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บทเรียน โดยในการพัฒนา จะประกอบไปดว้ ย 5 ข้นั ตอนหลกั ๆ ดงั น้ี 2.3.7.1 ขนั้ ตอนการวิเคราะห์เนือ้ หา (Analysis) แบง่ เป็น 3 ขัน้ ตอนดังนี้ 1. สร้างแผนภูมิระดมสมอง (Brainstorm Chart Drafting) เป็นการค้นหาหัวเรื่อง ทั้งหมดอันเป็นเป้าหมายขององค์ความรู้และความเกี่ยวข้องของหัวเรื่อง ที่จะทาให้เห็นภาพบทเรียน ว่าควรจะมเี นอ้ื หาโดยรวมเช่นไร 2. สร้างแผนภูมิหัวเรื่องสัมพันธ์ (Concept Chart Drafting) เป็นขั้นตอนของการ วเิ คราะห์หวั เร่ืองโดยละเอียดจากแผนภูมิการระดมสมอง เพือ่ คดั เลือกหวั เร่อื งต่าง ๆ 3. สร้างแผนภูมิโครงข่ายเนื้อหา (Concept Network Analysis Chart Drafting) เป็นการสร้างแผนภูมิจากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของเนื้อหาในลักษณะของข่ายงานการนาเสนอ เป็นการแสดงให้เห็นภาพของความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันของการนาเสนอว่าเน้ือหาส่วนใดควรนาเสนอ กอ่ นหลังหรือพร้อมกนั ได้ 2.3.7.2 ข้ันตอนการออกแบบการเรยี นการสอน (Design) แบ่งเป็น 2 ขนั้ ตอนดังน้ี 1. กาหนดการนาเสนอ (Strategic Presentation Plan & Behavior Objectives) เป็นการกาหนดกลวิธีการนาเสนอพร้อมกับจดลาดับแผนการการนาเสนอเป็นแผนภูมิบทเรียน (Course Flow Chart Drafting) และกาหนดวัตถปุ ระสงค์เชิงพฤตกิ รรมให้สอดคล้องกบั หวั ข้อทีต่ ้งั ไว้
13 2. สร้างแผนภูมกิ ารนาเสนอแต่ละโมดลู (Module Presentation Chart Drafting) เป็นการสรา้ งแผนภมู กิ ารนาเสนอในแตล่ ะโมดลู เพ่ือแสดงถงึ ความต่อเน่ือง และกาหนดมาตรฐานของ เวลาการนาเสนอในแต่ละโมดลู น้ัน ๆ 2.3.7.3 ขั้นตอนการออกแบบกรอบเนอื้ หา (Development) แบ่ง 4 ขั้นตอนดังน้ี 1. เขียนรายละเอียดเนื้อหา (Script Development) โดยการนามาเขียนลงใน กรอบตามแผนการนาเสนอ ซึ่งจะเป็นการสร้างต้นแบบการนาเสนอ ก่อนการนาเสนอจรงิ แต่ละเฟรม จะกาหนดเนื้อหาลงในกรอบเป็นการกาหนดทัง้ ภาพนิ่ง ภาพเคลอ่ื นไหว เสียงและภาพวดี ที ศั น์ 2. การจัดทาลาดับเนื้อหา (Storyboard Development) โดยเมื่อกาหนดเนื้อหา ลงในกรอบเสรจ็ แลว้ นาเฟรมที่ไดม้ าจดั เรยี งลาดบั การนาเสนอตามท่ีได้ทาการวางแผนและออกแบบไว้ 3. การตรวจความถูกต้องของเนื้อหา (Content Correctness Examination) คือ ขน้ั ตอนของการตรวจสอบความถูกต้อง ความเหมาะสม และความสมบูรณ์ของลาดบั เนื้อหาทจ่ี ัดทาลง บนกรอบเนื้อหา 4. การสร้างแบบทดสอบ (Test Item Check-up) ขั้นตอนการสร้างแบบทดสอบ ในบทเรียน เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนว่า ได้รับการพัฒนาจากการเรียนมากน้อย เพียงใดซึ่งจะต้องนาแบบทดสอบเหล่านี้ไปทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับ เนื้อหาในบทเรยี น 2.3.7.4 ขน้ั ตอนการสรา้ งบทเรยี น (Implementation) แบง่ เปน็ 3 ขนั้ ตอนดังนี้ 1. การเลือกโปรแกรมในการจัดทาบทเรียน เป็นวิธีการเลือกโปรแกรมที่เหมาะสม ในการที่จะสนองตอบต่อความต้องการ ของบทเรียนที่ได้กาหนดไว้ ทั้งนี้ในการจัดทาบทเรียน จะมีหลายส่วนที่อาจดาเนินการจากหลายโปรแกรม เพราะวิธีการใช้โปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง ในการดาเนนิ การจดั ทาจะไมส่ ะดวก 2. การเตรียมส่วนประกอบมัลติมีเดีย การจัดเตรียมส่วนประกอบของมัลติมีเดีย ทเ่ี ปน็ ตวั อักษรธรรมดา ภาพน่ิง ภาพเคลื่อนไหว เสียงและรูปแบของวดี ีทศั นท์ จ่ี ะใช้ประกอบ 3. การจัดทาโปรแกรมบทเรียน เป็นขั้นตอนการนาบทเรียนที่ได้วางแผนการมา จดั เตรยี มดาเนินการเป็นโปรแกรมกรนาเสนอโดยคอมพวิ เตอร์สมบูรณ์ 2.3.7.5 ขน้ั ตอนตรวจสอบคณุ ภาพบทเรียน (Evaluation) แบง่ เป็น 4 ขั้นตอนดงั น้ี 1. การตรวจสอบคุณภาพ (Quality Evolution) 2. ทาการทดลองกลุม่ ย่อย (Small Group Rehearsal) 3. ทดสอบประสิทธิภาพของบทเรียนและประสิทธผิ ลทางการเรียน 4. จดั ทาคูม่ ือการใช้ Package (User Manual)
14 2.3.8 คุณลกั ษณะของเว็บไซต์ การนาระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อนามาทาเป็นสื่อสาหรับการเรียนการสอนในรูปของ เว็บช่วยสอนหรือจะเรียกว่าเป็นโฮมเพจ เพื่อการศึกษาหรอื จะเป็นการออกแบบติดตั้งระบบการเรยี น การสอนรายวิชาใด ๆ บนเวบ็ ผเู้ ขียนจะตอ้ งตัดสนิ ใจดว้ ยตนเอง 2.3.9 ประเภทของเว็บช่วยสอน พารส์ นั (Parson) ไดแ้ บง่ ประเภทของเวบ็ ช่วยสอนออกเปน็ 3 ลกั ษณะ คือ 1. เว็บช่วยสอนแบบรายวิชาอย่างเดียว (Stand – Alone Courses) คือ รายวิชา ที่มีเครื่องมือและแหล่งที่มาไปถึงและเข้าหาได้โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต อย่างมากที่สุดถ้าไม่มีการ สือ่ สารก็สามารถที่จะไปผ่านระบบคอมพวิ เตอรส์ ือ่ สารได้ 2. เว็บไซต์ช่วยสอนแบบเว็บเพจสนับสนุนรายวิชา (Web Supported Courses) เป็นรายวิชาที่มีลักษณะเป็นรูปธรรมมีการพบปะครูกับนักศึกษา เช่น การกาหนดงานที่ให้ทาเว็บไซต์ การกาหนดใหอ้ ่าน การส่ือสารผา่ นระบบคอมพวิ เตอร์ 3. เว็บไซต์ช่วยสอนแบบเว็บศูนย์การศึกษา (Web Pedagogical Resources) คือ ประเภทของเว็บไซต์ที่มีวัตถุดิบและเครื่องมือ ซึ่งสามารถรวบรวมวิชาขนาดใหญ่เข้าไว้ด้วยกัน หรือ เป็นแหล่งสนับสนุนกจิ กรรมทางการศกึ ษา 2.3.10 โครงสรา้ งเว็บไซต์ทางการศกึ ษา การสร้างเว็บไซต์ เพื่อใช้ในทางการศึกษามีลักษณะโครงสร้างที่หลากหลายรูปแบบ แบ่งตามประโยชน์ใช้งานตามแนวคิดของ เจมส์ สามารถแบง่ ได้ 3 รูปแบบใหญ่ คอื 1. โครงสร้างแบบการค้นหา (Electric Structures) ลักษณะของโครงสร้างเวบ็ ไซต์ เป็นแหล่งของเว็บไซต์ที่ใช้ในการค้นหามีการกาหนดขนาดและรูปแบบ ไม่มีโครงสร้างที่ผู้เรียนต้องมี เวบ็ ลักษณะของเว็บไซตแ์ บบนี้จะมีแต่การให้ใช้เคร่ืองมือในการสบื ค้นหรือ เพือ่ บางสิง่ ที่ตอ้ งการค้นหา หรอื ผเู้ ขียนเวบ็ ไซต์ต้องการ โครงสร้างแบบน้ีจะเปน็ แบบเปิดใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ ข้ามาค้นควา้ เน้ือหาในบริบท โดยไมม่ ีโครงสรา้ งข้อมูลเฉพาะใหไ้ ดเ้ ลอื ก 2. โครงสร้างแบบสารานุกรม (Encyclopedia Structures) การควบคุมการสร้าง ของเว็บไซต์ที่เราสร้างขึ้นเองได้ ก็จะใช้โครงสร้างข้อมูลในแบบตน้ ไม้ในการเข้าสู่ข้อมูล ซึ่งเหมือนกับ หนังสือที่มีเนื้อหาและมีการจัดเป็นบทตอน จะกาหนดให้ผู้ใช้ได้ผ่านเข้าไปค้นหาข้อมูลและเครื่องมือ ที่อยู่พื้นที่ของเว็บหรืออยู่ภายนอกเว็บไซต์จานวนมาก มีโครงสร้างในลักษณะดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะ เว็บไซต์ทางการศึกษาที่ไม่ได้กาหนดทางการค้าองค์กร แต่ในเว็บไซต์ทางการศึกษาต้องรับผิดชอบ ต่อการเรยี นของผูเ้ รียน
15 3. โครงสร้างแบบการเรียนการสอน (Pedagogic Structures) มีการจัดทารูปแบบ โครงสรา้ งหลายอย่างในการนามาสนองความต้องการ ทั้งหมดเปน็ ท่รี จู้ กั ดีในบทบาทของการออกแบบ ทางการศึกษา สาหรับคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน หรือเครือ่ งมือมัลติมีเดีย ซึ่งความจริงมหี ลกั การแตกต่าง ระหว่างคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกับเว็บช่วยสอน นั้นคือ ความสามารถของ HTML ในการที่จะจัดทา ในแบบ ไฮเปอรเ์ ทก็ ซ์ กับการเขา้ ถงึ ข้อมูลหน้าจอโดยผา่ นระบบอนิ เตอร์เนต็ 2.4 ระบบขับเคล่อื น ระบบขับเคลื่อน คือ ระบบที่พาหนะเคลื่อนที่อัตโนมัติ เป็นพาหนะขนส่งเคลื่อนที่อัตโนมัติ ซึ่งนิยมนามาใช้ในการขนถ่ายสินค้าทางด้านอุตสาหกรรม ทาให้สามารถประหยัดในเรื่องของแรงงาน และเวลาไดเ้ ป็นอย่างดี ตวั อย่างเชน่ ชุดสาธิตการขบั เคลือ่ นแผนกเมคคาทรอนกิ ส์ โดยการสร้างชุดสาธิตการขับเคลื่อนนั้นจะอาศัยการใช้หลักและอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยท่ี จะประกอบด้วยสองส่วนหลัก ได้แก่ ชุดสายพานลาเลยี ง และชุดบอลสกรู ดังนี้ 2.4.1 สายพานลาเลียง (Conveyor) สายพานลาเลียง คือ อุปกรณ์ทาหน้าทีล่ าเลียง หรือเคลื่อนย้ายสิ่งของอุปกรณ์ชิ้นงาน หรือวัสดุต่าง ๆ จากจุด ๆ หนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยใช้สายพาน เป็นตัวนาพาวัสดุและมอเตอร์เกียร์ เป็นตัวขับเคลื่อนสายพานลาเลียงวัสดุหลังจากวัสดุหรือชิ้นงานผ่านกระบวนการต่าง ๆ ตามขั้นตอน ของทางโรงงานเรียบร้อยแล้ว และต้องการจะลาเลียง หรือเคลื่อนย้ายก็จะใช้ระบบสายพานลาเลียง ในการเคลื่อนย้ายวัสดุหรือชิ้นงาน โดยระบบสายพานลาเลียงจึงจะเหมาะกับโรงงานอุตสาหกรรม ทุกประเภทท้งั ขนาดเล็กและขนาดใหญ่มีการลาเลยี งของจานวนมากในกระบวนการผลิตสว่ นประกอบ ดังน้ี 2.4.1.1 สายพาน (Belt) 2.4.1.2 พูลเลย์(Pulley) 2.4.1.3เพลา (Shaft) 2.4.1.4 มอเตอร์ (Motor) (Omron Servo Motor R7M-A05030-S1) 2.4.1.5ฐานและสว่ นซพั พอร์ต (Base) 2.4.1.6 หนา้ แปลนมอเตอร์ (Flange Motor) 2.4.1.7 สายพาน (Belt) ในหลาย ๆ อุปกรณ์ และหลาย ๆ โรงงานอุตสาหกรรมแทบจะทุกโรงงานจะมีการใช้ สายพานในการใช้งาน โดยสายพานจะเป็นตัวคล้องระหว่างตัวขับและตัวตาม ซึ่งจะส่งกาลังและ หมุนไปพร้อม ๆ กัน สายพานจึงถือว่าเป็นวิธีการเลือกที่ราคาถูกและประหยัดที่สุดในแง่ของงานซ่อม
16 ในทางอุตสาหกรรม เนือ่ งจาก ราคาถกู ขนั้ ตอนการซ่อมไมซ่ ับซ้อน และทาไดอ้ ย่างรวดเร็วกว่าแบบอ่ืน สายพานสามารถแบง่ ออกตามการใช้งานแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. สายพานส่งกาลัง (Transmission belt) สายพานนิยมใช้อยู่ในเครื่องจักรกล โดย ทาหน้าที่หลัก ๆ ในการส่งกาลังระหว่างตัวขับ (Driver) และ ตัวตาม (Driven) โดยสายพานจะคล้อง ไปที่ล้อสายพาน หรือ pulley ของทั้งตัวขับ และตัวตามโดยการส่งกาลังชนิดนี้จะมีการทดรอบ และ ทดกาลังเสมอ เช่น 2. สายพานแบน (Flat belt) สายพานทน่ี ิยมใช้กนั อย่างแพรห่ ลายในการส่งถ่ายกาลัง จากพูลเลย์ของเพลาขับไปยังพูลเลย์ของเพลาตาม มีหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความสามารถใน การส่งกาลังในระยะทางไกลระหว่างศูนย์รอกและไม่สร้างเสียงรบกวนหรือเสียงดัง ซึ่งสามารถ แบง่ เป็น 3 แบบย่อย ๆ ตามกาลังการใช้งาน ไดแ้ ก่ Light Drives (สายพานท่ีใช้กับงานเบา), Medium Drives (สายพานทีใ่ ช้กบั งานหนัก ปานกลาง), Heavy Drives (เป็นสายพานทใ่ี ช้กับงานหนัก) รูปท่ี 2.10 สายพานแบน (Flat belt) 3. สายพานวี (V-belt) มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู หน้าตัดเป็นรูปตัว V เหมาะสมกับเครื่องจักรรอบที่ไม่สูงมากนัก ดังนั้น พื้นที่สัมผัสในการส่งถ่ายกาลังจะเยอะกว่า 2 แบบ แรก ดงั นนั้ จึงเปน็ ท่ีนิยมใชใ้ นเคร่ืองจกั รกลในโรงงานอตุ สาหกรรม รูปท่ี 2.11 สายพานวี (V-belt)
17 4. สายพานกลม (Circular belt หรือ Rope belt หรือ Round belt) สายพาน ประเภทนี้ทาจากพลาสติกโพลียูริเทน จะต้านทานจาระบีน้ามันเบนซิน และสายพานกลมสามารถ ปรับตง้ั ทิศทางการหมนุ ได้หลายทิศทางและมีหน้าตัดเป็นรูปวงกลม โดยการสง่ กาลังดว้ ยสายพานกลม จะใหค้ วามยืดหยุ่น สงู มากและขณะการทางานของสายพานจะไม่เกดิ เสียงดัง มกั จะใช้งานร่วมกับรอก แบบร่อง รูปที่ 2.12 สายพานกลม(Circular belt หรอื Rope belt หรอื Round belt) 5. สายพานไทม์มิ่ง (Timing belt) ตัวสายพานจะมีลักษณะพิเศษ แบบแรกจะมี ฟันเฟืองตลอดความยาวของสายพาน ลักษณะพื้นที่หน้าตัดเป็นรูปสี่เหลียมคางหมูสายพานชนิดนี้ สามารถงอตัวได้ดีจะขับกับ Pulley ทมี่ ฟี ันเป็นไทม์ม่ิงเหมือนกันทาให้เกิดการขบกัน เหมือนฟันเฟือง จึงไม่เกิดการลื่นไถลขณะส่งกาลัง สามารถใช้เป็นตัวส่งกาลังงานในเครื่องยนต์, พัดลมอุตสาหกรรม หรอื ในเคร่อื งจักรที่ต้องการการสูญเสยี งในการส่งกาลงั น้อย ๆ รูปที่ 2.13 สายพานไทม์ม่ิง (Timing belt)
18 2.4.2 สายพานลาเลยี ง (Conveyor belt) ทาหน้าที่ขนย้าย หรือลาเลียง สิ่งของ หรือวัสดุต่าง ๆ จากจุด ๆ หนึ่งไปยังอีกจุดหน่ึง โดยอุตสาหกรรมแทบจะทุกประเภท ที่มีการลาเลียงของจานวนมาโดยหากแบ่งประเภทย่อย ๆ สามารถแบง่ ได้7 แบบตามวัสดดุ ังน้ีคอื 2.4.2.1ระบบสายพานลาเลยี งพยี ู (PU belt conveyor) 2.4.2.2ระบบสายพานลาเลยี งแบบ PVC (PVC Belt Conveyor System) 2.4.2.3ระบบสายพานลาเลียงยางดา (Rubble belt conveyor) 2.4.2.4ระบบสายพานลาเลยี งโวลตา้ (Volta belt conveyor) 2.4.2.5ระบบสายพานลาเลยี งไวเมท (Wire mesh belt conveyor) 2.4.2.6ระบบสายพานลาเลยี งโมดลู ่า (Modular belt conveyor) 2.4.2.7ระบบสายพานลาเลียงไม้ (Wood belt Conveyor) การแบ่งสายพาน (Conveyor Belt ) ยังสามารถแบ่งประเภทออกไดเ้ ป็นอีก 3 ทาง คอื รปู ท่ี 2.14 ตารางการแบ่งสายพาน (Conveyor Belt ) แบ่งตามคณุ สมบัติของผิว (Cover Rubber) ของสายพานลาเลยี ง (Rubber Conveyor Belt) แบ่งได้ 2 ประเภท ได้แก่ - ประเภทใช้งานทั่วไป (General Use Conveyor Belt) หรือเรียกกันว่า สายพานทนสึก (Wear Resistance Conveyor Belt)
19 รปู ที่ 2.15 ประเภทใชง้ านทัว่ ไป (General Use Conveyor Belt) ผวิ ของสายพาน (Rubber Cover)แบบเรยี บ - ประเภทใช้งานแบบพิเศษ (Special Conveyor Belt) ซง่ึ คาก็มีกนั มากมายหลายแบบ เชน่ รปู ที่ 2.16 ประเภทใชง้ านแบบพิเศษ (Special Conveyor Belt) ประเภทใช้งานแบบพเิ ศษ (Special Conveyor Belt) - Heat Resistant Conveyor Belt (สายพานทนรอ้ น) - Oil /Fat/Grease Resistant Conveyor Belt (สายพานทนนา้ มนั /ไขมนั /จาระบี) - Flame Resistant Belt (สายพานทนเปลวไฟ) - Cold Resistant Belt๖สายพานทนความเย็น) - Chemical Resistant Conveyor Belt. (สายพานทนสารเคม)ี - Antistatic (สายพานมีคุณสมบัติปอ้ งกนักระแสไฟฟา้ สถติ ย์) -Food Grade (สายพานสาหรบั ลาเลยี งอาหาร)
20 Code ท่ใี ช้กาหนดคุณสมบัตขิ องผิวสายพานแบบพเิ ศษตามมาตรฐาน DIN รูปท่ี 2.17 ประเภทใชง้ านแบบพิเศษ (Special Conveyor Belt) แบ่งตามประเภทของวัสดุที่ใช้รับแรง (Tension Member) ของสายพานลาเลียง (Rubber Conveyor Belt) แบ่งได้หลายชนดิ แต่ประเภทท่ีนยิ มใช้กันก็จะมี 2 ประเภท ได้แก่ - สายพานผ้าใบ (Fabric Conveyor Belt) ซึ่งวัสดุที่ใช้รับแรง (Tension Member) ทาด้วย วัสดตุ ่าง ๆ กันไปแต่เรยี กรวม ๆ กันวา่ ผ้าใบ เช่น Cotton, Nylon, EP(Polyester/ Nylon) หรือเรยี ก อกี อยา่ งวา่ PNและ Kevlar (Aramid),Fiberglass รูปที่ 2.18 สายพานผ้าใบ (Fabric Conveyor Belt)
21 - สายพานลวดสลิง (Steel Cord Conveyor Belt) คือ สายพานที่มีวัสดุรับแรง (Tension Member) เป็นเสน้ ลวด (Steel cord) รูปท่ี 2.19 สายพานลวดสลงิ (Steel Cord Conveyor Belt) แบ่งตามประเภทของลักษณะของผิวหน้า (Rubber Cover Surface) ของสายพานลาเลียง (Rubber Conveyor Belt) แบง่ ได้หลายชนิดแต่ประเภทท่ีนยิ มใช้กันก็จะมี 3 ประเภท -แบบผิวหนา้ เรียบ (Plain Surface) ใช้ลาเลียงวัสดใุ นแนวราบหรือเอียงเล็กน้อยใช้ในงานทั่ว ๆ ไปในประเทศไทยนิยมใช้สายพานแบบนี้มากกว่า 80% รูปที่ 2.20 แบบผวิ หน้าเรียบ (Plain Surface) - แบบผิวหน้าก้างปลา (Pattern Surface) ซึ่งก็แบ่งเป็นอีกหลายลักษณะ (Pattern) เรียก รวม ๆ วา่ กา้ งปลาจะมีสัน (Cleat) บนตวั สายพานใช้ลาเลยี งวัสดใุ นแนวราบหรือเอยี งได้ดีกว่าแบบผิว เรยี บ แตก่ จ็ ะแลกมาด้วยราคาทแ่ี พงกว่าก่อนซื้อต้องศึกษาว่าวัสดุทล่ี าเลียงสามารถข้ึนได้สูงกี่องศาถ้า มมุ เอียงของระบบสายพาน (Conveyor System) มีมากว่ามมุ กองของวัสดุอาจจะเกดิ การไหลกลบั ได้
22 รปู ที่ 2.21 แบบผวิ หนา้ ก้างปลา (Pattern Surface) -แบบมีผวิ หนา้ พิเศษหรือมีโครงสร้างแบบพิเศษ ตามลักษณะการใช้งาน เชน่ Sidewall Belt และPipe conveyor Belt เป็นตน้ รูปที่ 2.22 แบบมีผิวหนา้ พิเศษหรอื มโี ครงสร้างแบบพิเศษ 2.4.2 บอลสกรู (Ball Screw) บอลสกรู คือ ชิ้นส่วนกลไกที่ใช้ในระบบขับเคลื่อนหรือระบบส่งกาลังของเครื่องกล เช่น เครื่องจักรกลในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยมีเพลาเกลียว เกลียวกลม และตลับลูกปืน หรือนัท ซึ่งมีเม็ดลูกปืนกลมจานวนมากอยู่ภายในตัวนัท เป็นตัวรับน้าหนักและลดแรงเสียดทาน มีหลักการทางาน โดยแปลงการเคลื่อนที่เชิงมุมเป็นการเคลื่อนที่เชิงเส้น หรือเปลี่ยนจากแรงบิดเป็น แรงผลักมีการควบคุมการเคลื่อนที่ของแกนต่าง ๆ ผ่านการควบคุมจากมอเตอร์นั้น เมื่อมอเตอร์หมุน ขับสกรู นัทก็จะเคลื่อนไปตามความยาวของสกรูพาแท่นเลื่อน หรือโต๊ะงานเคลื่อนที่ไปตามรางเลื่อน ทาให้แต่ละแกนสามารถขยับโต๊ะงานที่มีนา้ หนักเคลื่อนที่ไป-กลับ ตามแนวเกลียวของแกนเพลาไปยัง
23 ตาแหน่งที่ต้องการ หรือเคลื่อนที่ไปตามระยะทางด้วยสัญญาณจากคอนโทรลเลอร์ได้อย่างราบรื่น Ball Screw มีส่วนดีกว่า Drive แบบอื่นๆ คือ สามารถผลิตตามความต้องการได้อีกทั้งการใช้งาน ก็มีสว่ นประกอบน้อยไมส่ ลับซับซ้อน และมคี วามแข็งแรงทนทานกว่าระบบอื่น ๆ มสี ว่ นประกอบดั้งน้ี 2.4.2.1 ชุดบอลสกรู (Ball Screw) 2.4.2.2 ฐานและสว่ นซพั พอรต์ (Base) (Linear Slide Base) 2.4.2.3 คปั ปลง้ิ แบบยดื หยุ่น (Flexible coupling) 2.4.2.4 มอเตอร์ (Motor) 2.4.2.5 หนา้ แปลนมอเตอร์ (Flange Motor) 2.4.2.6 เซนเซอร์ (Sensor)
24 บทที่ 3 วิธกี ารดาเนนิ งาน ในการศึกษาสร้างแบบเรียนสาเร็จรูปออนไลน์รายวิชาระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องต้น เริ่มจาก การหาข้อมูลของความหมายของระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องต้น ความเป็นมาของระบบควบคุม องค์ประกอบพื้นฐานของระบบควบคุม ประเภทของระบบควบคุม การประยุกต์ระบบควบคุมการขับเคลื่อน เบ้ืองต้น และทาการออกแบบบทเรียนสาเรจ็ รูปออนไลน์ โดยมจี ุดประสงค์ในการทาโครงงานนี้เพ่ือท่ีจะได้ให้ผู้ ทีส่ นใจในเรอ่ื งระบบควบคมุ การขับเคล่อื นเบ้ืองต้นได้ศกึ ษา รปู ท่ี 3.1 ขั้นตอนการดาเนินการของการจัดทาบทเรยี นสาเร็จรปู ออนไลน์
25 รปู ท่ี 3.1.1 ข้ันตอนการดาเนินการของการจดั ทาบทเรยี นสาเรจ็ รปู ออนไลน์ (ต่อ) 3.1 การออกแบบโครงสรา้ งแตล่ ะสว่ นของบทเรียนสาเรจ็ รปู ออนไลน์ การออกแบบบทเรียนสาเร็จรูปออนไลน์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การออกแบบหน้า เว็บไซตข์ องบทเรยี นสาเร็จรปู ออนไลน์ แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียน และการออกแบบการจัด วางส่วนเน้ือหา 3.1.1 การออกแบบหนา้ เว็บไซตข์ องบทเรียนสาเรจ็ รูปออนไลน์
26 การออกแบบหน้าเว็บไซต์คณะผู้จัดทาจะออกแบบหน้าเว็บไซต์ให้มี ขนาดที่เหมาะสม โดยทข่ี นาดของหวั ขอ้ ท่ีจัดทาจะมลี ักษณะเด่น สามารถมองเหน็ ได้ชัดเจน เพ่อื ที่ผู้เขา้ ไปศึกษาจะได้ไม่ เกิดความสบั สน รปู ท่ี 3.2 การออกแบบหนา้ เว็บไซต์ของบทเรียนสาเร็จรูปออนไลน์ 3.1.2 แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรยี น แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรียน คณะผจู้ ดั ทาออกแบบให้มกี ารทาแบบทดสอบใน รูปแบบ Google ฟอร์ม เพือ่ ความสะดวกและรวดเรว็ ในการทา และต้องทาการกรอกข้อมลู ของ นกั ศึกษา เพื่อเรม่ิ เขา้ ทาแบบทดสอบทัง้ ก่อนและหลังเรียน ดงั ภาพตอ่ ไปนี้
27 รปู ที่ 3.3 การกรอกข้อมูลกอ่ นเข้าทาแบบทดสอบก่อนเรยี น รปู ที่ 3.4 การกรอกข้อมลู กอ่ นเขา้ ทาแบบทดสอบหลงั เรียน 3.1.3 การออกแบบการจัดวางสว่ นของเนื้อหา การออกแบบการจัดวางสว่ นของเนื้อหา ได้ออกแบบการจดั วางแต่ละหวั ข้อสาหรบั บทเรยี นสาเรจ็ รปู ของรายวิชาระบบควบคุมการขบั เคล่อื นด้วยไฟฟ้า จัดวางใหพ้ อดีกับพ้นื ท่กี าหนดไว้ และเรยี บง่ายสะดวกต่อการใช้งาน สามารถใชง้ านไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
28 รปู ท่ี 3.5 การจดั วางสว่ นของเน้ือหา 3.2 ศกึ ษาขอ้ มลู ทไ่ี ดร้ บั ในการศึกาข้อมูลและจดั ทา บทเรยี นออนไลน์สาเรจ็ รูป ทางคณะผู้จัดทาได้ทาการศึกษา คน้ ควา้ และหาข้อมูลทีเ่ ก่ียวข้องกบั ระบบควบคุมการขับเคลือ่ นทีด่ ว้ ยไฟฟา้ พร้อมทง้ั รวบรวมข้อมูลท่ี ได้เพ่ือนาไปจดั ทาบทเรียนสาเร็จรปู แบบออนไลน์ โดยแบ่งออกเป็นสว่ นๆ ดงั น้ี 3.2.1 ประเภทของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลบั (AC Motor) 3.2.1.1 มอเตอร์ไฟฟา้ กระแสสลับ 1 เฟส 3.2.1.1.1 สปลิทเฟส มอเตอร์ (Split – Phase Motor) มอเตอรไ์ ฟฟ้ากระแสไฟฟ้าสลบั ชนิดเฟสเดยี วแบบสปลิทเฟสมอเตอร์ มีขนาดแรงม้า ขนาดตง้ั แต่ 1/4 แรงมา้ , 1/3 แรงม้า, 1/2 แรงม้า จะมีขนาดไม่เกิน1 แรงม้า บางทนี ยิ มเรยี กสปลทิ เฟสมอเตอร์น้วี ่าอนิ ดักชนั่ มอเตอร์ (Induction motor) มอเตอร์ชนิดนี้นยิ มใชง้ านมากในตู้เยน็ เครอ่ื ง สบู นา้ ขนาดเล็ก เคร่ืองซักผา้ 3.2.1.1.2 คาปาซเิ ตอร์มอเตอร์ (Capacitor Motor) คาปาซิเตอรม์ อเตอรเ์ ป็นอุปกรณไ์ ฟฟา้ กระแสสลบั แบบเฟสเดยี ว ทาหนา้ ที่แปลง พลังงานไฟฟา้ กระแสสลบั เปน็ พลังงานกล มอเตอร์ชนดิ น้ีจะมคี าปาซิเตอรต์ ่อรว่ มในวงจรดว้ ยทาให้กนิ กระแสน้อยในช่วงเวลาการสตาร์ท และมีแรงบดิ สูง ในชว่ งเวลาการสตาร์ท มอเตอรช์ นดิ นี้จะมขี นาด ประมาณ 1.5 - 12 แรงมา้ มอเตอรช์ นดิ นน้ี ิยมเอาไปทาปั้มน้า เครื่องทาความเย็น
29 3.2.1.1.3 รีพัลช่ันมอเตอร์ (Repulsion Motor) รีพลั ชนั่ มอเตอร์เป็นมอเตอรท์ ี่มขี ดลวดโรเตอร์ (Rotor) จะตอ่ เขา้ กับคอมมิวเตเตอร์และ มแี ปรงถา่ นเป็นตวั ตอ่ ลดั วงจร จงึ ทาให้ปรบั ความเรว็ และแรงบิดได้โดยการปรบั ตาแหน่งแปรงถา่ นสเต เตอร์ (Stator) จะมีขดลวดพันอยู่ในรอ่ งเพียงชดุ เดียวเหมือนกับขดรนั ของสปลิทเฟสมอเตอร์ เรียกวา่ ขดลวดเมน (Main winding) ต่อกับแหลง่ จา่ ยไฟโดยตรง แรงบดิ เริ่มหมุนสงู ความเร็วคงที่ มขี นาด 0.37-7.5 กโิ ลวตั ต์ (10 แรงม้า) ใช้กับงาน ปม๊ั คอมเพลสเซอร์ ปมั๊ ลม ปมั๊ น้าขนาดใหญ่ 3.2.1.1.4 ยนู เิ วอร์แซลมอเตอร์ (Universal Motor) ยนู เิ วอรแ์ ซลมอเตอร์เป็นมอเตอรข์ นาดเล็กมขี นาดกาลังไฟฟ้าต้งั แต่ 1/200 แรงมา้ ถึง 1/30 แรงมา้ นาไปใช้ได้กบั แหล่งจ่ายไฟฟา้ กระแสตรงและใช้ได้กบั แหล่งจ่ายไฟฟา้ กระแสสลับชนดิ 1 เฟส มอเตอร์ชนิดน้ีมีคณุ สมบัติ ที่โดดเดน่ คอื ให้แรงบิดเริ่มหมนุ สงู นาไปปรับความเร็วได้ท้ังปรบั ความเรว็ ไดง้ า่ ยทงั้ วงจรลดแรงดันและ วงจรควบคุมอิเล็กทรอนิกส์นิยมนาไปใช้เป็นตัวขับ เคร่อื งใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เครอื่ งบดและผสม อาหาร มดี โกนหนวดไฟฟ้า เคร่ืองนวดไฟฟ้า มอเตอร์จกั รเยบ็ ผ้า สวา่ นไฟฟ้า 3.2.1.1.5 เชด็ เด็ดโพลมอเตอร์ (Shaded Pole Motor) เชด็ เดด็ โพลมอเตอรเ์ ป็นมอเตอร์ขนาดเล็กท่สี ดุ มแี รงบิดเริ่มหมนุ ต่ามาก นาไปใช้งานได้ กบั เครื่องใชไ้ ฟฟ้าขนาดเล็ก ๆ เช่น ไดรเ์ ปา่ ผม พัดลมขนาดเลก็ 3.2.1.2 มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลบั 3 เฟส 3.2.1.2.1 สควิ เรลเคจโรเตอรม์ อเตอร์ (Squirrel Cage Rotor Motor) อินดักชน่ั มอเตอร์สามเฟส แบบสควิ เรลเคจโรเตอรเ์ ป็นโรเตอรท์ ีใ่ ห้กาลงั แรงม้าตา่ เม่ือ เทยี บกับ มอเตอรแ์ บบอ่ืนๆ แตจ่ ะมีข้อดีคอื จะมคี วามเรว็ รอบการทางานคงท่ีในโหลดที่มีขนาด ต่างๆกนั และการบารุงรกั ษามอเตอร์แบบนี้ไมย่ ุง่ ยาก จึงทาให้อนิ ดักชัน่ มอเตอรส์ ามเฟสแบบสควิ เรล เคจโรเตอร์ เปน็ ทนี่ ยิ มใชอ้ ยา่ งแพร่หลาย 3.2.1.2.2 วาวด์โรเตอรม์ อเตอร์ (Wound Rotor) มอเตอร์แบบวาวด์โรเตอร์ (Wound-rotor) หรอื แบบ Slip-ring จะมแี กนหมนุ พัน ขดลวดทีม่ ตี วั นาไฟฟ้านาไปสู่ Slip Rings เพ่ือสอดแทรกตวั ความต้านทานไว้เพิ่มแรงบดิ ในขณะ
30 สตาร์ทและลดกระแสใน การสตาร์ทและยังวางใจได้ต่อการลดความเร็วลง 50% ภายใตแ้ รงบิดขณะ รับภาระเตม็ ที่มอเตอรแ์ บบนี้ เหมาะกับอปุ กรณ์ขนถ่ายทุกชนิดที่ตอ้ งควบคุมแรงบดิ ในขณะสตาร์ท 3.3 การออกแบบเวบ็ ไซต์ 3.3.1 ในการสรา้ งบทเรยี นสาเรจ็ รปู แบบออนไลน์ โดยมีการออกแบบเวบ็ ไซต์ ดงั นี้ 3.3.1.1 ออกแบบการจดั วางเนื้อหาของหนา้ เวบ็ ไซตห์ ลกั รปู ท่ี 3.6 หนา้ หลกั เว็บไซต์ ระบบควบคุมการขับเคล่ือนดว้ ยไฟฟ้า 3.3.1.2 จัดวางหวั ข้อเน้อื หาในหนา้ หลักเว็บไซต์ รปู ท่ี 3.7 หน้าเวบ็ หวั ขอ้ ตา่ งๆ ท่ีเกยี วกับมอเตอรไ์ ฟฟา้ กระแสสลับ
31 3.3.1.3 จดั วางเนือ้ หาในหน้าเวบ็ ไซต์ในหัวขอ้ ตา่ งๆ รปู ท่ี 3.8 หนา้ เวบ็ เนือ้ หาตา่ งๆ ที่เกี่ยวกบั มอเตอรไ์ ฟฟา้ กระแสสลบั 3.3.2 การออกแบบกจิ กรรมโดยการใช้ Google form การสรา้ งแบบทดสอบ โดยการใช้ Google form เพอื่ วัดความสามารถท้งั ก่อน เรยี นและหลงั เรยี น เรอื่ งระบบควบคมุ การขบั เคลื่อนด้วยไฟฟ้า
32 บทท่ี 4 ผลการดาเนนิ งาน การทดสอบบทเรยี นสาเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขับเคล่ือน เบ้อื งต้น โดยเริม่ จากการศึกษาข้อมูลต่างๆ ในเนื้อหา ระบบขวบคมุ การขับเคล่ือนเบ้ืองตน้ แลว้ ทา การสรุปซงึ่ สามารถสรุปผลการทางานได้ 3 สว่ น ดังนี้ 4.1 ข้ันตอนการทดสอบ 4.2 ผลการทดลอง 4.3 บทเรียนสาเรจ็ รปู แบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคมุ การขบั เคล่ือนเบื้องต้น 4.1 ขน้ั ตอนการทดสอบ 4.1.1 ขนั้ ตอนท่ี 1 ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น 4.1.2 ข้ันตอนที่ 2 ศกึ ษาเนือ้ หาบทเรียนสาเรจ็ รปู ออนไลน์ 4.1.2 ขั้นตอนท่ี 3 ทาแบบทดสอบหลังเรียน 4.2 ผลการทดลอง ตารางที่ 4.1 ตารางสรปุ ผลการทาแบบฝึกหดั กอ่ นเรียนของบทเรยี นสาเรจ็ รปู ออนไลน์ รายวิชาระบบควบคุมการขบั เคลอื่ นเบ้ืองต้น บททดสอบก่อนเรียน เกณฑ์ คะแนนท่ีได้ จานวนผ้ทู ดสอบตามเกณฑ์ ดีเยยี่ ม 16-20 33 ดี 11-15 5 พอใช้ 6-10 3 ปรบั ปรงุ 0-5 1 ตารางที่ 4.1 ตารางสรปุ ผลการทาแบบทดสอบก่อนเรยี นบทเรยี นสาเร็จรปู ออนไลน์
33 จากตารางที่ 4.1 ตารางสรปุ ผลการทาแบบทดสอบก่อนเรียนบทเรียนสาเรจ็ รูปออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขบั เคล่อื นเบ้ืองต้น จากนักเรียน 42 คน จะเหน็ ไดว้ า่ นกั เรียนจานวน 33 คนทาคะแนนได้ 16 – 20 ส่วนนกั เรียนจานวน 5 คนได้คะแนน 11 – 15 คะแนนนกั เรียนจานวน 3 คนไดค้ ะแนน 6 - 10 คะแนนและนักเรยี นจานวน 1 คนได้คะแนน 0 - 5 คะแนน แบบฝึกหัดได้คะแนนรวม 20 คะแนน คะแนนเฉล่ยี ของแบบทดสอบก่อนเรียนอยู่ในช่วง 16-20 คะแนน ตารางท่ี 4.2 ตารางสรปุ ผลการทาแบบฝกึ หดั หลังเรยี นของบทเรยี นสาเร็จรูปออนไลน์ รายวชิ าระบบ ควบคุมการขับเคล่ือนเบื้องต้น บททดสอบหลังเรยี น เกณฑ์ คะแนนทไี่ ด้ จานวนผู้ทดสอบ ดีเยี่ยม 16-20 38 ดี 11-15 1 พอใช้ 6-10 1 ปรบั ปรงุ 0-5 2 ตารางท่ี 4.2 ตารางสรุปผลการทาแบบทดสอบหลงั เรียนบทเรียนสาเรจ็ รปู ออนไลน์ จากตารางท่ี 4.2 ตารางสรุปผลการทาแบบทดสอบหลังเรียนบทเรยี นสาเร็จรปู ออนไลน์ รายวชิ าระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบ้ืองตน้ จากนักเรยี น 42 คน จะเห็นได้ว่านกั เรยี นจานวน 38 คน ทาคะแนนได้ 16 – 20 ส่วนนักเรียนจานวน 1 คนได้คะแนน 11 – 15 คะแนนนกั เรยี นจานวน 1 คน ไดค้ ะแนน 6 - 10 คะแนนและนกั เรียนจานวน 2 คนไดค้ ะแนน 0 - 5 คะแนน แบบทดสอบหลังเรยี นได้คะแนนรวม 20 คะแนน คะแนนเฉลยี่ ของแบบทดสอบก่อนเรียนอยู่ในช่วง 16 – 20 คะแนน
34 4.3 บทเรียนสาเรจ็ รูปออนไลน์ ราวชิ าระบบควบคมุ การขบั เคลอ่ื นทเี่ บอ้ื งตน้ รูปท่ี 4.1 บทเรยี นสาเรจ็ รูปออนไลน์ รายวิชาควบคมุ การขับเคลอื่ นเบื้องตน้
35 บทที่ 5 การสรปุ ผลและขอ้ เสนอแนะ ในการจัดทาบทเรียนสาเร็จรูปออนไลน์ ในรายวชิ าระบบควบคุมการขบั เคล่ือนเบ้ืองต้น มี วัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อสร้างเป็นสื่อการเรียนการสอนออนไลน์ในช่วงที่สถานการณ์โควิด 19 ยังไม่ดีขึ้นมากพอที่จะให้นกั ศึกษาไปเรียนได้ตามปกติ และเพื่อเป็นการศึกษาหลักการทางาน ของมอเตอรก์ ระแสไฟฟ้า 5.1 สรปุ ผลการดาเนนิ การ การสร้างบทเรียนสาสาเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคมุ การขบั เคลือ่ นเบือ้ งต้นโดนมี การจัดเตรียมเนื้อหาอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน คือ เนื้อหาการสร้างการออกแบบ Google site เนื้อหา เกยี่ วกับอุปกรณ์ขับเคลอ่ื นทางกลแบบเชิงมมุ และ เนื้อหาการสร้าง Google Form สรุปได้ว่า ทางคณะผู้จัดทาได้ทาการศึกษา การสร้างการออกแบบ Google site Google form เนื้อหาอุปกรณ์ขับเคลื่อนทางกลแบบเชิงมุม และได้จัดทาสื่อการสอนออนไลน์ รายวิชาระบบ ควบคุมการขบั เคลื่อนเบ้อื งตน้ ตามท่ไี ด้ออกแบบไว้ ในแบบทดสอบก่อนเรยี น สรุปผลการทดสอบไดว้ ่า จากนักเรียน 41 คน ท่ไี ด้ทาแบบทดสอบ จาก Google Form จะเห็นได้ว่านักเรียนจานวน 33 คนได้คะแนนในช่วง 16-20 คะแนนซึ่งอยู่ใน เกณฑย์ อดเยย่ี ม ส่วนนกั เรียนจานวน 5 คนได้คะแนนในช่วง 11-15 คะแนนซง่ึ อยู่ในเกณฑ์ดีมาก และ นักเรียนจานวน 3 คนได้คะแนนในช่วง 6-1จ คะแนนซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี แบบฝึกหัดได้คะแนนรวม 20 คะแนน คะแนนเฉล่ยี ของแบบทดสอบกอ่ นเรยี นอยู่ในช่วง 12-16 คะแนน ในแบบทดสอบหลังเรยี น สรุปผลการทดสอบได้วา่ จากนักเรียน 41 คน ที่ได้ทาแบบทดสอบ จาก Google Form จะเห็นได้ว่านักเรียนจานวน 38 คนได้คะแนนในช่วง 16-20 คะแนนซึ่งอยู่ใน เกณฑ์ยอดเย่ียม ส่วนนกั เรยี นจานวน 1 คนได้คะแนนในช่วง 11-15 คะแนนซง่ึ อย่ใู นเกณฑ์ดีมาก และ นักเรียนจานวน 1 คนได้คะแนนในช่วง 6-10 คะแนนซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี แบบฝึกหัดได้คะแนนรวม 20 คะแนน คะแนนเฉล่ียของแบบทดสอบก่อนเรียนอย่ใู นช่วง 17-20 คะแนน
36 5.2 อภปิ รายปญั หา เกดิ การล่าชา้ ในการทารปู เลม่ นาเสนอทาให้เสียเวลา และทาใหเ้ กดิ ความลา่ ชา้ ยง่ิ ขึ้น แกไ้ ขโดยการแบ่งเวลาใหด้ ีข้ึนกว่าเดมิ ทางานและแก้ไขภายในเวลาทีก่ าหนด 5.3 ขอ้ เสนอแนะ 5.3.1 ควรวางแผนและกาหนดเวลาการทางานอยา่ งเคร่งครดั เพื่อใหไ้ ดง้ านอยา่ งตรงเวลา 5.3.2 ควรมกี ารศึกษาหาขอ้ มูลเพมิ่ เติมเร่ืองของระบบขับเคล่อื นดว้ ยไฟฟา้ เพื่อลดความ ผิดพลาดในการประกอบเน้ือหาในบทเรยี นสาเร็จรูปออนไลน์ 5.3.3 ควรมกี ารแบง่ หนา้ ทีก่ ารทางานใหแ้ กค่ ณะผูจ้ ดั ทาอย่างชัดเจน และเหมาะสม
37 เอกสารอา้ งองิ [1] ตวั อยา่ งโครงการ, 2564 แหล่งที่มา: https://drive.google.com/drive/folders/1NREYt5M8pM5zkZeI9KTWwKtIVkjBr97R [2]วธิ กี ารประยุกต์ใชม้ อเตอร์ไฟฟา้ , 2564 แหลง่ ท่ีมา: http://www.thoentechno.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=1826 [3] การประยุกต์ใช้ตลับลูกปืน, 2563 แหลง่ ทีม่ า: http://www.thaiindustryshop.com/793/ [4] หลักการ Arago disk, 2559 แหล่งทม่ี า: https://hmong.in.th/wiki/Arago_spot [5] การประยุกตใ์ ชค้ าปาซเิ ตอร์มอเตอร์, 2558 แหลง่ ทม่ี า: http://www.csmt-shop.com/15792853 [6]หลกั การหมุนของมอเตอร์ไฟฟ้า, 2555 แหล่งที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/ [7] ประเภทของมอเตอร์, 2562 แหล่งทมี่ า: https://sites.google.com/site/mxtexr123/home/mxtexr-fifa-khux [8]โครงสรา้ งของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลบั , 2560 แหลง่ ท่ีมา: https://saiminstument.wordpress.com [9] หลกั การทางานของมอเตอร์, 2564 แหลง่ ท่ีมา: https://www.kachathailand.com/articles [10] การประยุกต์ใช้มอเตอร์ในงานตา่ งๆ, 2564 แหลง่ ทมี่ า: https://misumitechnical.com/technical/mechanical/bearing-usage/
ภาคผนวก
38 ภาคผนวก ก ขน้ั ตอนการดาเนนิ การโครงงาน
39 รูปท่ี ก.1 สืบค้นขอ้ มลู เก่ียวกับหวั ขอ้ ทไ่ี ดร้ ับ รปู ท่ี ก.2 ค้นหาวิธกี ารใช้ google site รปู ท่ี ก.3 ออกแบบหน้าเว็บ google site
Search