การนาเสนองานการวิเคราะห์ผลงานวิจยั เชงิ นวตั กรรม รายวชิ านวตั กรรมผลติ ภณั ฑ์ทางเทคโนโลยชี วี ภาพ เร่ือง (ภาษาไทย) การพัฒนาผลติ ภณั ฑน์ ้าตาลจากผลตะขบเพื่อเพิ่มมูลคา่ ผลผลติ ทางการเกษตร (ภาษาองั กฤษ) DEVELOPMENT OF SUGAR PRODUCT FROM MUNTINGIA CALABURAL. FOR ADDING VALUE TO AGRICULTURAL PRODUCTS นาเสนอโดย นางสาววชั รากร ก้านขวา รหสั ประจ้าตัว 61603129 ประเภทนกั ศกึ ษา นักศึกษาปรญิ ญาโท ประจาภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2561 วันท่ี 11/05/2562 ************************************************************************************************** บทคัดย่อ งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากรรมวิธีการผลิตน้าตาลจากผลตะขบที่เหมาะสม ศึกษา คุณภาพ ทางกายภาพ ทางเคมี และทางจุลินทรีย์ของน้าตาลจากผลตะขบ ศึกษาการยอมรับของ ผู้บริโภคท่ีมีต่อ ผลติ ภัณฑ์น้าตาลจากผลตะขบ และศึกษาต้นทุนการผลิตน้าตาลจากผลตะขบ การศึกษาสภาวะท่ีเหมาะสมในการท้างานของเอนไซม์เพคติเนสในการผลิตไซรัปจากผลตะขบ ปจั จัย ที่ศึกษามี 3 ปจั จัย ได้แก่ ปริมาณเอนไซม์เพคตเิ นส โดยแปรเป็น 2 ระดับ คือ ร้อยละ 0.5 และ 1 อณุ หภูมิใน การบ่ม โดยแปรเป็น 2 ระดับ คือ 40 และ 60 องศาเซลเซียส และระยะเวลาในการบม่ โดยแปรเป็น 2 ระดับ คือ 120 และ 240 นาที วางแผนการทดลองแบบ Factorial in CRD ท้าการระเหยโดยใช้วิธีระเหย แบบ สญุ ญากาศทา้ ให้เข้มขน้ 65 องศาบริกซ์ ทีอ่ ณุ หภูมิ 60 องศาเซลเซยี ส จากนน้ั น้ากลูโคสผงเตมิ ลงใน ไซรัปจาก ผลตะขบให้ได้ความเข้มข้น 80 องศาบริกซ์ ทิ้งไว้ให้เกิดผลึกใช้เวลาในการตกผลึก 14วัน น้าผลึก น้าตาลท่ีได้ ไปท้าให้แห้งโดยใช้ต้อู บลมร้อนท่ีอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 48 ชั่วโมงได้ผลิตภณั ฑ์ น้าตาลจากผล ตะขบ น้าไปวิเคราะห์คุณภาพทางกายภาพทางเคมีทางจุลินทรีย์ท้าการคัดเลือกตัวอย่างท่ีดี ที่สุดโดยพิจารณา จากรอ้ ยละของน้าตะขบท่ีสกดั ได้ และร้อยละของน้าตาลจากผลตะขบท่ีผลิตได้ ท้าการ ส้ารวจการยอมรับของ ผู้บรโิ ภค จา้ นวน 100 คน และศกึ ษาตน้ ทนุ การผลติ น้าตาลจากผลตะขบ ผลการวิจัยพบว่า สภาวะท่ีเหมาะสมในการท้างานของเอนไซม์เพคติเนสในการผลิตไซรัปจาก ผล ตะขบ คอื เอนไซม์เพคตเิ นสปรมิ าณร้อยละ 1 บ่มท่อี ุณหภมู ิ 40 องศาเซลเซียส เปน็ เวลา 240 นาที ผลิตภัณฑ์ น้าตาลจากผลตะขบที่ผลิตได้มีคุณภาพทางกายภาพค่าสี 3,890 หน่วย คุณภาพทางเคมีค่าความช้ืน ปริมาณ เถ้า และปริมาณน้าตาลรีดิวซ์ร้อยละ 11.38 1.02 และ 85.47 ตามล้าดบั ปริมาณแอนตอิ อกซิแคนท์ 75447 มิลลิกรัม/100 กรัมน้าหนักแห้ง และคุณภาพทางจุลินทรีย์ พบวา่ มีปริมาณจุลินทรีย์ท้ังหมด <10โคโลนีกรัม
ไม่พบยีสต์และราในผลิตภัณฑ์น้าตาลจากผลตะขบมีความชอบโดยรวมเฉลี่ยอยู่ในระดับ ชอบปานกลาง และมี การยอมรบั เฉลยี่ อยูใ่ นระดับมาก มตี น้ ทนุ การผลิตเทา่ กบั 480 บาท/กโิ ลกรัม เอกสารอา้ งองิ [1] นิดดา หงสว์ ิวฒั น์ และทวที อง หงส์ววิ ัฒน์, ผลไม้ 111 ชนิด คณุ ค่าอาหารและการกนิ กรุงเทพมหานคร : สา้ นกั พิมพแ์ สงแดด, 2550. [2] ชนนิ ทร์ อคั รปญั ญาวิทย,์ สถติ พงศ์ ผลาเกษ และอรสา สุริยาพนั ธ, “การศึกษาข้ันตน้ การผลติ ไวน์ จาก ตะขบผสมนา้ อ้อย” วารสารวิทยาศาสตร์เกษตร, ปที ่ี 43, ฉบับท่ี 2, หนา้ 33-36, 2555. [3] อรวลั ภ์ อปุ ถมั ภานนท์, “การพฒั นาผลิตภัณฑจ์ ากลกู ตะขบโดยการทา้ แห้ง” คณะเทคโนโลยีคหกรรม ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ,ี 2554 [4] อุษา ภูคสั มาส, “นา้ ตาลและบทบาทสา้ คัญของสารใหค้ วามหวาน” วารสารอาหาร, ปีที่ 43, ฉบบั ท่ี 1 หนา้ 33-39, 2556. [5] สวลี ดปี ระเสรฐิ ศภุ ชยั บุญนา้ มา วทิ ยา บตุ รทองมลู บปุ ผา ชนิ เชกิ วงศ์ และวรี ะ โลหะ, “การใชป้ ระโยชน์ จากกากมนั สา้ ปะหลังเพื่อผลติ เป็นนา้ ตาล,” วารสารมหาวิทยาลยั ทักษณิ , ปที ่ี 15, ฉบับท่ี 3, หนา้ 39-46, 2555. [6] กลา้ ณรงค์ ศรรี อต, เทคโนโลยีน้าตาล, กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร,์ 2532. [7] วิไลรัตน์ ว่องวรานนท์, “การวเิ คราะห์ความตอ้ งการและแนวโน้มการบรโิ ภคนา้ ตาลทรายของ ครวั เรือน ไทย,” ปรญิ ญาวทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์, 2540. [8] กรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, คู่มอื การจดั การเรียนการสอนแบบบูรณาการ ตะขบต้นไมใ้ จดี กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2546. [9] ฐานข้อมูลพรรณไม้ องคก์ ารสวนพฤกษศาสตร,์ ข้อมลู พันธุ์ไม้ (ออนไลน)์ , (ม.ป.ป.), สืบคน้ จาก http://www.qsbg.org/database/botanic_book%20full%20option/search.asp?txtsearch =%E09%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%9A%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E 0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87 (4 ตุลาคม 2558). [10] สา้ นักงานหอพรรณไม,้ ตะขบ (ออนไลน)์ , (ม.ป.ป.), สบื ค้นจาก http://web3.dnp.go.th/botany/detail.aspx?words=%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8 %829%E0%B8%9A&typeword=group (3 กมุ ภาพันธ์ 2558).
[11] Zainul Amiruddin Zakaria, Tavamani Balan, Velan Suppaiah, Syahida Ahmad, & Fadzureena Jamaludin, a. “Mechanism(s) of actioninvolvedinthegast roprot ec tiveactivity of Muntingia calabura,” Journal of Ethnopharmacology, Journal of Ethnopharmacology (Electronic), Vol. 151, 2014, pp.1184-1193, Available: Science Direct (11 มกราคม 2558) [12] ตน้ ตะขบ (ออนไลน)์ , สืบค้นจาก http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd300478_1527312_1830031_9778920phot o.jpg (29 มิถุนายน 2558) [13] ดอกตะขบ (ออนไลน์), สบื คน้ จาก http://shareherb.com/hub/245.html (29 มถิ ุนายน 2558) [14] สา้ นกั สารนิเทศ ส้านกั งานปลดั กระทวงสาธารณสขุ , คุณค่าทางโภชนาการของตะขบ (ออนไลน)์ , 2557, สืบค้นจาก http://goodhealth.moph.go.th/index.php?user=1&tnews=220 (2 มกราคม 2558). [15] กองโภชนาการ, ปริมาณใยอาหาร นา้ ตาล และแร่ธาตุในผลไม้ (ออนไลน)์ , 2552, สบื คน้ จาก nutrition.anamai.moph.go.th/temp/files/health/lab2.doc (3 กุมภาพนั ธ์ 2558) [16] นราพร พรหมไกรวร, “แอนโธไซยานนิ กบั ประเดน็ ดา้ นสขุ ภาพ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes, T2D),” วารสารอาหาร, ปีท่ี 43, ฉบับที่ 2 หนา้ 34-39, 2556. [17] การแปรรูปผลติ ภณั ฑ์จากตะขบ (ออนไลน)์ , สบื ค้นจาก http://bverd.vec.go.th/innovation/bverd/bb project detail.php?project id=600 (29 มถิ ุนายน 2558) [18] พิศาลมโนสีหกุล และนจิ ธร ยมนา, นา้ ตาล, กรุงเทพมหานคร : ส้านักพิมพ์มาร์เก็ทต้งิ มเี ดีย, 2521. [19] อษุ า ภูคัสมาส, “นา้ ตาลและบทบาทส้าคัญของสารใหค้ วามหวาน, วารสารอาหาร, ปที ่ี 43, ฉบบั ท่ี 1, หนา้ 33-39, 2556. [20] อสั วิทย์ ปัทมะเวณ, ตามรอยน้าตาล, กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ที.พ.ี พร้ิน จ้ากัด, 2541 [21] กล้าณรงค์ ศรีรอต, สารให้ความหวาน กรงุ เทพมหานคร : บริษทั จาร์พา เทคเซน็ เตอร์ จ้ากดั , 2542 [22] วัฒนา พัฒนากูล, “นา้ ตาลและสารใหค้ วามหวานทพี่ บในพืช,” วารสารวิทยาศาสตร์ มข., ปีท่ี 33, ฉบบั ท่ี 3-4, หนา้ 77-86, 2548. โกลร์ก [23] เนตรนภสิ วัฒนสชุ าต,ิ “นา้ ตาลฟรกั โทสโรคอ้วน” วารสารอาหาร, ปที ี่ 39, ฉบับท่ี 4 หน้า 299-304, 2552
[24] อัจฉรา คลวทิ ยาคณุ การทดลองอาหาร, พิมพค์ รง้ั ท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : สา้ นกั พิมพ์โอเดยี น สโตร,์ 2556. [25] สันต์ิ ฉายตะกุล, กระบานการผลิตน้าตาลทรายและปญั หาทางเทคนคิ ในกระบวนการผลิตน้าตาลทราย. กรุงเทพมหานคร : กองวิทยาศาสตร์น้าตาล ศูนยส์ ง่ เสรมิ นา้ ตาลทราย, 2510. [26] เนตรนภสิ วฒั นสชุ าต,ิ “นา้ ตาลฟรักโทสโรคอ้วน,” วารสารอาหาร, ปที ่ี 39, ฉบบั ท่ี 4 หน้า 299-304, 2552 [27] สุมาลี เหลืองสกลุ , จุลชวี วทิ ยาทางอาหาร, พมิ พค์ รง้ั ท่ี 3. กรงุ เทพมหานคร : ส้านักพมิ พช์ ัยเจริญ, 2539. [28] อนุชิตา มงุ่ งาม, แอนติออกซิแดนท์ในธัญพชื Antioxidants in Cereals. มหาสารคาม : สา้ นักพมิ พ์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, 2555 [29] ศริ ิธร ศิริอมรพรรณ, สารต้านอนุมูลอิสระในอาหาร. กรงุ เทพมหานคร : ส้านักพมิ พ์โอเดยี นสโตร์,2557. [30] เจนจิรา จริ มั ย์ และ ประสงค์ สหี านาม, “อนุมลู อสิ ระและสารตา้ นอนมุ ลู อิสระ: แหลง่ ท่มี าและกลไกการ เกิดปฏิกิริยา” วารสารวชิ าการมหาวิทยาลัยราชภฏั กาฬสินธุ์, ปีที่ 1, ฉบับที่ 1หน้า 59-70, 2554 [31] บหุ งนั พนั ธุส์ วรรค,์ “อนมุ ลู อิสระ สารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ และการวิเคราะหฤ์ ทธติ์ ้านอนุมูลอสิ ระวารสาร วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย,ี ปีที่ 21, ฉบับที่ 3, หนา้ 275-286, 2556. [32] พัชราวระกะลสั , เอนไซม์, กรุงเทพมหานคร : สา้ นกั พิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั , 2541. [33] ปราณี อ่านเปรื่อง, เอนไซมท์ างอาหารตอนท่ี 1, พมิ พ์ครั้งที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : สา้ นกั พิมพ์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, 2535 [34] นิธิยา รัตนาปนนท,์ เคมอี าหาร, พิมพ์ครง้ั ที่ 3.กรุงเทพมหานคร : สา้ นักพมิ พ์โอเดียนสโตร,์ 2551. [35] ปราณี อา่ นเปรอื่ ง, หลักการวิเคราะห์อาหารดว้ ยประสาทสมั ผสั , พิมพ์ครัง้ ท่ี 3. กรงุ เทพมหานคร : ส้านักพมิ พแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั , 2557. [36] ชดิ ชยั ปญั ญาสวรรค,์ “การพฒั นาไซรปั เข้มข้นจากกล้วยหอมทองโดยการใช้เอนไซม์,”ปริญญาวทิ ยา ศาสตรมหาบณั ฑิต, มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์, 2547. [37] ค้ารงพล คลังทอง และปยิ ะณฐั เชิดชู “การหมักเอทานอลจากตะขบ,” คณะวศิ วกรรมศาสตร,์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น, 2556. [38] วทนั ยา ลมิ ปพยอม, “สารให้ความหวานชนดิ ไซรปั จากหญา้ หวาน, ปรญิ ญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุร,ี 2556.
[39] อังคาร กานแก้ว และนภาภรณ์ มูลทองหลาง, “การปรบั ปรุงกระบวนการผลิตไซรปั น้าอ้อย” คณะ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครราชสมี า, 2550. [40] จุฑามาศ ถริ ะสาโรช และเฉลิมพล ถนอมวงค,์ “การศกึ ษาการสกดั ไซรัปกล้วย, มหาวิทยาลยั เทคโนโลยี ราชมงคลล้านนา, 2548. [41] ธรี พร กงบงั เกิด, “การผลติ ไซรัปจากน้าตาลสค” ปริญญาวิทยา ศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวทิ ยาลยั นเรศวร, 2545. [42] นวพล แสนใจบาล, “การคดั เลือกสายพนั ธสุ์ ตรอเบอร่ีและสภาวะการใชเ้ อนไซม์เพคตเิ นสท่ีเหมาะสมเพื่อ การสกัดน้าสตรอเบอร,ี่ ” ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑติ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่, 2550. [43] กฤษณา ทองทั้งสาย, “การพฒั นาผลติ ภัณฑ์ผลึกน้าตาลเกาะไม้สา้ หรบั เคร่ืองด่ืมร้อน” ปริญญาวิทยา ศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์, 2547. [44] เมทณี นพคณุ , “การผลิตผลกึ น้าตาลจากน้าผึ้งดอกทานตะวัน” ปรญิ ญาวทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่, 2556. [45] ขนษิ ฐา ศรนี วล, “ปัจจัยท่มี ผี ลต่อการตกผลึกและการเปลย่ี นแปลงสมบตั ิทางเคมกี ายภาพของน้าผึ้งไทย, ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑติ , มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2550. [46] Sandhan Jyoti Bora Jyotishman Handique and Nandan Sit, “Effect of ultrasound and enzymaticpre-treatment on yield and properties of banana juice,\" Ultrasonics Sonochemistry,Volume 37, Pages 445-451, 2017. [47] Hassan K. Sreenath Kadambi R. Sudarshanakrishna and Krishnaswamy Santhanam,“Improvement of juice recovery from pineapple pulp/residue using cellulases and pectinases,\" Journal of Fermentation and Bioengineering, Volume 78, Issue 6,Pages 486-488, 1994. [48] ICUMSA., Methods book, International commission for uniform methods of sugar analysis,Norwich Research Park, Conley, England. 2011. [49] A.O.A.C., Official Methods of Analysis of the Association of Official Analytical Chemists,Vol.1, 15th ed., Washington D.C., 2012. [50] Katsuke T, Screening for antioxidant activity in edible plant products: comparison of lowdensity lipoprotein oxidantion assay, DPPH radical scavenging assay, and Folin- Ciocalteu assay, Journal of Agricutural and Food Chemistry 52:2391-2396, 2004.
การวเิ คราะหผ์ ลงานวิจัยในเชิงนวัตกรรม *************** 1. ความเป็นมาและความสาคญั ของงานวิจัย ตะขบ เปน็ ตน้ ไมท้ ข่ี ึน้ งา่ ยพบไดท้ ว่ั ไปในบริเวณทุกภาคของประเทศไทย นยิ มปลกู ท่วั ไป ปลูกเปน็ ไม้ให้ ร่มเงาในสวนผลไม้ [1] ตะขบ 100 กรัม มีปริมาณน้าตาลอยู่ในปริมาณ 16.1 องศาบริกซ์ (\"Brix) [2] ตะขบถือ วา่ เปน็ ผลไม้ทีม่ ีใยอาหารสูง มีแรธ่ าตุท่ีจา้ เปน็ ต่อรา่ งกาย เชน่ โพแทสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) และฟอสฟอรัส (P) นอกจากน้ี ตะขบยงั มสี ารทใี่ หส้ แี ดงคือ สารไลโคปนี กรดเอลลาจิก แอนโธไซยานิน และกรดแกลลึก ทั้งยัง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด ช่วยดูดซับคลอเรสเตอรอล (Cholesterol) และช่วยลดความเส่ียงเส้นเลือดสมองแตก [3] ผลตะขบ เป็นท่ีนิยมรับประทานเป็นผลไม้สด และน้าไปแปรรูป เป็นแยมหรือแปรรูปเป็นไวน์ และน้าใบไปแปรรูป เป็นชา ทางค้านสมุนไพร ใช้คอกเป็นยาแก้ปวด และแก้ อกั เสบ [1] มีการปลูกตะขบเปน็ ไร่มีชือ่ ว่า ไรฟ่ ้าใหม่ ที่จงั หวดั สระบุรี เพือ่ ใชใ้ นการแปรรปู น้าตะขบ นา้ ตาล (Sugar) คอื ผลกึ ซูโครส (Sucrose) มีสตู รทางเคมี คือ CH,0, และเป็นแหล่งของ พลังงาน จัด อยู่ในกลุ่มสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตท่ีมีรสหวาน [4] อีกท้ังน้าตาลยังเป็นสารต้ังต้น ประเภทสารให้ ความหวาน น้าไปใช้กับอุตสาหกรรมอาหาร เครอื่ งด่มื และสารให้ความหวาน [5] นา้ ตาลเป็นสินค้าแปรรูปท่ีได้ จากการเกษตรกรรมชนิดหนึ่งท่ีมีบทบาทต่อประเทศผู้ผลิตเป็นอย่างมาก [6] และการบริโภคน้าตาลใน ครัวเรือนไทยมีมาต้ังแต่อดีตถึงปัจจุบัน และการบริโภคน้าตาล ภายในประเทศ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นท้ังภาค ครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรม และพบวา่ การบริโภค น้าตาลในปัจจุบันมีการบริโภคทางตรงสูงกว่าทางออ้ ม [7] จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า ตะขบเป็นผลไม้ที่มีความหวาน 16.1 องศาบริกซ์ มีใยอาหารสูง มีรส หวานธรรมชาติ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีสารอาหารที่จ้าเป็นตอ่ ร่างกาย และยังมีสาร ต้านอนุมูลอิสระ และเป็น ผลไม้ท่ีพบได้ทั่วไปของประเทศ มีผลตลอดท้ังปี จากคุณสมบัติดังกล่าว ตะขบจึงเหมาะที่จะน้ามาท้าเป็น ผลติ ภัณฑน์ ้าตาล ดงั น้นั ผูว้ ิจัยจึงสนใจทจ่ี ะท้าการพฒั นาผลิตภัณฑ์น้าตาลจากผลตะขบ เพื่อเพม่ิ มูลค่าผลผลิต ทางการเกษตร เพื่อเป็นการเพ่ิมมูลค่าเพ่ิมให้กับตะขบ และ เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาด อาหารเพ่ือสขุ ภาพ 2. ทฤษฎแี ละหลักการทางวิทยาศาสตร์/เทคโนโลย/ี กระบวนการผลิต ที่ใชใ้ นงานวจิ ยั -นวัตกรรม วธิ ดี าเนินงานวิจัย การวิจัยเรื่อง การพัฒนาผลิตภัณฑ์น้าตาลจากผลตะขบเพื่อเพ่ิมมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร มี วัตถุประสงค์เพ่ือศึกษากรรมวิธีการผลิตน้าตาลจากผลตะขบที่เหมาะสม โดยใช้เอนไซม์เพคติเนส ศึกษา
คุณภาพทางกายภาพ ทางเคมี ทางจุลินทรีย์ และทางประสาทสัมผัสของน้าตาลจากผลตะขบ ศึกษาการ ยอมรับของผู้บริโภคท่ีมีต่อผลิตภัณฑ์น้าตาลจากผลตะขบ และศึกษาต้นทุนการผลิตน้าตาล จากผลตะขบ มี ข้ันตอนและวธิ กี ารวจิ ยั ดงั ต่อไปนี้ กระบวนการผลติ ไซรัปจากผลตะขบ
กระบวนการผลติ น้าตาลจากผลตะขบ
3. ข้อมลู ทางนวัตกรรม 3.1 มคี วามใหม่ ในปัจจุบันมีการวิจัยผลิตภัณฑ์น้าตาลจากผลไม้หลากหลายชนิด เช่น เงาะ ล้าไย กล้วย เป็นต้น จะ เห็นได้ว่า ตะขบเป็นผลไม้ที่มีความหวาน 16.1 องศาบริกซ์ต่อตะขบ 100 กรัม มีใยอาหารสูง มีรสหวาน ธรรมชาติ มีกล่ินหอมเฉพาะตัว มีสารอาหารที่จ้าเป็นต่อร่างกาย และยังมีสาร ต้านอนุมูลอิสระ และเปน็ ผลไม้ ท่ีพบได้ท่ัวไปของประเทศ มีผลตลอดท้ังปี จากคุณสมบัติดังกล่าว ตะขบจึงเหมาะท่ีจะน้ามาท้าเป็นผลิตภัณฑ์ น้าตาล 3.2 มคี วามแตกตา่ ง-ไม่ซาและเลียนแบบ ความแตกต่างของผลติ ภัณฑ์นา้ ตาลจากผลตะขบ คอื การสกดั น้าตาลจากผลตะขบ ซ่งึ ในปัจจุบันยังไม่ มีใครน้าผลตะขบมาวจิ ัย เนื่องจากผลตะขบผลตะขบนิยมรับประทานเป็นผลไม้สด และน้าไปแปรรูปเป็นแยม หรือแปรรูปเป็นไวน์ เป็นชา ทางด้านสมุนไพร ใชค้ อกเป็นยาแก้ปวด และแก้อักเสบ และมีการปลูกตะขบเป็น ไร่มชี อ่ื วา่ ไร่ฟ้าใหม่ ทจ่ี ังหวดั สระบุรี เพ่อื ใช้ในการแปรรปู น้าตะขบเทา่ น้ัน 3.3 มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ เป็นการนา้ ผลตะขบที่เปน็ ตน้ ไม้ทข่ี ึ้นง่ายพบไดท้ ่วั ไปในบรเิ วณทกุ ภาคของประเทศไทย นิยมปลกู ท่วั ไป ปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงาในสวนผลไม้ มาใช้ประโยชน์ โดยสกัดเป็นน้าตาล เพราะสรรพคุณของผลตะขบมีมากมาย เช่น เป็นผลไม้ท่ีมีใยอาหารสูง มีแร่ธาตุท่ีจ้าเป็นต่อร่างกาย มีสารท่ีให้สีแดงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วย ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด ช่วยดูดซับคลอเรสเตอรอล (Cholesterol) และช่วยลดความเสี่ยงเส้น เลอื ดสมองแตก เปน็ ต้น 3.4 สามารถใชป้ ระโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์น้าตาลจากผลตะขบ สามารถใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ ได้จากการต่อยอด และศึกษา วิธีการท่ีเหมาะสมในสกัดไซรัป การรักษาอุณหภูมิต่างๆ ในแต่ละขั้นตอนอย่างเมาะสม ความหวานที่ผู้บริโภค ใหก้ ารยอมรบั มากท่สี ดุ และอายกุ ารเกบ็ รักษาผลติ ภัณฑ์นา้ ตาลจากผลตะขบ 3.5 สามารถขยายผลเพือ่ สร้างมูลค่าเพมิ่ ต่อเนอ่ื ง เนอื่ งจากสง่ิ ท่ีเหลือจากการผลิตภัณฑ์น้าตาลจากผลตะขบ คือ กากของผลตะขบ อาจจะมีการวิจัยตอ่ ยอดท้าผลิตภัณฑ์ท่ีท้าจากกากผลตะขบ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลตะขบมากข้ึน และควรมีการเผยแพร่ หรือโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์น้าตาลจากผลตะขบ เพื่อเป็นรู้จักของบุคคลท่ัวไป และเป็นทางเลือกในการ เลือกบริโภคนา้ ตาลให้กับคนรักสุขภาพตอ่ ไป
4. แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมอื่น ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับงานวิจัย หรือนวัตกรรม (ที่มีการค้นคว้าเพ่ิมเติม) เช่น ช่ือ ผลงานวจิ ยั ทีเ่ ผยแพรใ่ นวารสาร ส่ิงพมิ พ์ตา่ ง ๆ ช่ือหน่วยงาน และเวปไซต์ 1. ชอ่ื เร่ือง : การพัฒนาไซรัปเขม้ ข้นจากกล้วยหอมทองโดยการใชเ้ อนไซม์ ผ้วู จิ ยั : นายชิดชยั ปัญญาสวรรค์ ที่มา : http://fic.nfi.or.th/knowlegdedatabankResearch-detail.php?id=874 2. ชอื่ เร่ือง : การผลติ นา้ ตาลล้าไย (Longan Sugar Production) ผู้วจิ ัย : ชรนิ ทร์ เตชะพันธุ์ และนพพล เลก็ สวสั ดิ์ ท่ีมา : https://prcmu.cmu.ac.th/perin_detail.php?perin_id=230 3. ช่ือเรื่อง : ผลของวิธีการสกัดน้าเงาะและการท้าให้เข้มข้นต่อคุณภาพของไซรัปเงาะและการ ประยุกต์ใช้เป็นสารให้ความหวานในผลิตภัณฑ์อาหาร Effect of Juice Extraction and Concentration Methods on Quality of Rambutan Syrup and its Application as Sweetener in Food Products ผวู้ ิจยั : กุลพร พุทธม,ี วริศชนม์ นลิ นนท์ ทีม่ า : วารสารวิจยั รว่ มรา้ ไพพรรณี ปที ่ี 10 ฉบบั ท่ี 2 เดือนกมุ ภาพนั ธ์ พฤษภาคม 2559
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: