หนงั สอื เอเิ ล็กทรอนิกสน์ ีเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ของวิชาวิทยาการคานวณ (ว31191) และวชิ าพระพุทธศาสนา(ส31101) จดั ทาขน้ึ เพอ่ื ศึกษาเรือ่ ง มโหสถชาดก ผู้จดั ทาหวงั เป็นอยางยิ่งวา่ หนงั สอื อิเลก็ ทรอนกิ ส์เลม่ นจ้ี ะเป็นประโยชน์ ตอ่ ผู้ทีน่ าไปศกึ ษา หากมีข้อผดิ พลาดประการใด ตอ้ งขออภัยมา ณ ทีน่ ีด่ ้วย คณะผูจ้ ดั ทา
เนื้อเรื่องมโหสถชาดก........................................................... 1บรรณานกุ รม.......................................................................19
ในเมืองมิถลิ า มเี ศรษฐีผู้หนึง่ มีนามว่า สิริวัฒกะ ภรรยาช่ือนางสมุ นาเทวี นางสมุ นาเทวมี บี ตุ รชายคนหน่งึ ซงึ่ เมือ่ คลอดออกมานั้นมีแท่งโอสถอยใู่ นมือ เศรษฐีสริ ิวฒั กะเคยเป็นโรคปวดศรี ษะมานาน จึงเอาแท่งยานน้ั ฝนทีห่ ินบดยาแล้วนามาทาหนา้ ผาก อาการปวดศีรษะกห็ ายขาด คร้นั ผู้อ่นื ทม่ี ีโรคภัย ไข้เจ็บมาขอปนั ยาน้นั ไปรักษาบา้ ง ก็พากนั หายจากโรค เปน็ ท่ีเลือ่ งลือไปท่ัว เศรษฐจี ึงตงั้ ชอื่ บุตรวา่ \"มโหสถ\" เพราะทารกนัน้ มแี ท่งยาวเิ ศษเกดิ มากับตัว เมอื่มโหสถเตบิ โตขึ้นปรากฏวา่ มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด กว่าเด็กในวัยเดยี วกนั ครงั้ หนง่ึ มโหสถเหน็ ว่า ในเวลาฝนตกตนและเพ่ือนเล่นทั้งหลายต้องหลบฝนลาบากลาบนเลน่ ไมส่ นุก จึงขอให้เพื่อนเล่นทกุ คนนาเงินมารวมกันเพ่ือสร้างสถานทีเ่ ลน่มโหสถจัดการออกแบบอาคารน้นั อย่างวิจิตรพิสดาร นอกจากทเี่ ลน่ ท่กี นิ และทพ่ี ักสาหรบั คนที่ผ่านไปมาแล้ว ยังจดั สร้างห้องวินจิ ฉยั คดีด้วย เพราะความที่มโหสถเป็นเด็กฉลาดเฉลียวเกนิ วัย จงึ มักมผี ู้คนมาขอให้ตัดสนิ ปญั หาขอ้ พพิ าท หรือแก้ใขปญั หาขดั ข้อง ต่างๆ อยู่ เสมอ ชอ่ื เสยี งของมโหสถเลอ่ื งลอื ไปไกลทวั่ มิถลิ านคร
ในขณะนัน้ กษตั รยิ ์เมืองมถิ ิลา ทรงพระนามว่า พระเจา้วิเทหราช ทรงมีนักปราชญร์ าชบณั ฑิตประจา ราชสานัก 4คน คือ เสนกะ ปตุ กสุ ะ กามนิ ท์ และ เทวินทะ บัณฑติทง้ั 4 เคยกราบทูลว่าจะมีบัณฑติ คนทีห่ ้ามาสรู่ าชสานักพระเจา้ วเิ ทหราช พระองคจ์ งึ โปรดให้เสนาออกสบื ขา่ ววา่ มีบณั ฑติ ผู้มสี ติปญั ญาปราดเปรือ่ งอยู่ทีใ่ ดบ้าง เสนาเดินทางมาถึงบรเิ วณบ้านของสิรวิ ัฒกะเศรษฐีเหน็ อาคารงดงามจัดแตง่ อย่างประณีตบรรจง จงึถามผคู้ นว่าใครเป็นผ้อู อกแบบ คนก็ตอบวา่ ผูอ้ อกแบบคือมโหสถบณั ฑติ บุตรชายวยั 7 ขวบของสิริวัฒกะเศรษฐีเสนาจึงนาความไปกราบทลู พระเจา้ วเิ ทหราช พระองค์ตรสั เรียก บณั ฑติ ทง้ั 4 มา ปรกึ ษาวา่ ควรจะไปรบั มโหสถมาส่รู าชสานกั หรือไม่ บณั ฑติ ทง้ั 4 เกรงวา่ มโหสถจะได้ดีเกนิ หน้าตนจงึ ทลู ว่า ลาพังการออก แบบตกแตง่ อาคารไม่นบั ว่าผู้น้ันจะมสี ติปัญญาสูงถงึ ขัน้ บัณฑติ ขอใหร้ อดูตอ่ ไป
ฝา่ ยมโหสถนั้น มชี าวบา้ นนาคดีความตา่ งๆ มาให้ตดั สนิ อยู่เปน็นิตย์ เปน็ ต้นวา่ ชายเลย้ี งโคนอนหลบั ไป มีขโมยเข้ามาลกั โค เมอ่ืตามไปพบ ขโมยกอ็ ้างวา่ ตนเป็นเจา้ ของโค ตา่ งฝ่ายต่างถกเถียงอา้ งสิทธ์ิ ไม่มีใคร ตดั สนิ ไดว้ ่าโคนัน้ เปน็ ของใคร จงึ พากนั ไปหามโหสถ มโหสถถามชาย เจ้าของโคว่า เรอื่ งราวเป็นอยา่ งไร ชายนัน้ก็เล่าให้ฟัง มโหสถจึงถามขโมยวา่\"ทา่ นให้โคของท่านกินอาหารอะไรบ้าง\"ขโมยตอบว่า\"ขา้ พเจา้ ใหก้ ินงา กินแปง้ ถ่วั และยาคู\"มโหสถถามชายเจา้ ของโค ชายนัน้ ก็ตอบว่า\"ข้าพเจ้าใหโ้ คกิน หญ้าตามธรรมดา\"
มโหสถจึงให้ เอาใบไมม้ าตาใหโ้ คกนิ แลว้ ใหก้ ินนา้โคก็สารอกเอาหญา้ ออกมา จึงเปน็ อันทราบวา่ ใครเป็นเจา้ ของโคทแี่ ทจ้ ริง พระเจ้าวเิ ทหราชไดท้ ราบเร่ืองการตัดสินความของมโหสถก็ปรารถนาจะเชิญมโหสถาสู่ราชสานกั แต่บัณฑิตทง้ั สี่กค็ อยทลู ทัดทานไว้เรอื่ ยๆ ทุกครั้งที่มโหสถแสดงสติปญั ญาในการตัดสนิ คดีพระเจ้าวเิ ทหราชทรงทดลองสติปัญญามโหสถดว้ ยการตงั้ปญั หา ต่างๆกป็ รากฏว่า มโหสถแก้ปญั หาได้ทุกครั้ง เช่นเรอ่ื งท่อนไม้ ท่ีเกลาได้เรียบเสมอกัน พระเจ้าวเิ ทหราชทรงต้งั คาถามวา่ ขา้ งไหนเปน็ ขา้ งปลาย ข้างไหนเป็นข้างโคน มโหสถกใ็ ช้วธิ ีผกู เชอื ก กลางท่อนไมน้ ้นั แลว้ หย่อนลงในน้า ทางโคนหนักกจ็ มลง ส่วนทาง ปลายลอยน้า เพราะนา้ หนกั เบากวา่ ไม้ มโหสถก็ชีไ้ ด้วา่ ทางไหน เปน็ โคนทางไหนเปน็ ปลาย
นอกจากนีม้ โหสถยงั แก้ปัญหาเรอื่ งตา่ งๆ อีกเปน็อนั มาก จนในที่สุดพระราชาก็ไมอ่ าจทนรอตามคาทดั ทานของบณั ฑิตท้ังสี่ อีกตอ่ ไป จงึ โปรดใหร้ าชบรุ ษุ ไปพาตวั มโหสถกบั บิดามาเข้าเฝ้าพร้อมกับใหน้ าม้าอัสดรมาถวายดว้ ย มโหสถทราบดวี ่าครง้ั นี้ เปน็ การทดลองสาคัญ จึงนัดหมายการอยา่ งหน่งึ กบั บิดาและในวันทีไ่ ปเฝ้าพระราชามโหสถให้คนนาลามาด้วยหนึง่ ตัว เม่ือเขา้ ไปถึงที่ประทบัพระราชาโปรดใหส้ ิริวัฒกะเศรษฐีนั่งบนท่ีอนั สมควรแก่เกยี รตยิ ศ ครัน้ เม่อื มโหสถเข้าไปสริ วิ ฒั กะก็ลุกขึน้ เรยี กบตุ รชายวา่\"พอ่ มโหสถ มาน่งั ตรงน้ีเถดิ \"
แล้วก็ลุกขึน้ จากทีน่ ง่ั มโหสถกต็ รงไปน่ังแทนที่บิดา ผ้คู นก็พากนั มองดอู ย่างตาหนิ ท่มี โหสถทาเสมือนไม่เคารพบิดา มโหสถจึง ถามพระราชาว่า\"พระองค์ไม่พอพระทยั ทีข่ า้ พเจ้าน่ังแทนทีบ่ ิดาใช่หรอื ไม่\"พระราชาทรงรบั คา มโหสถจึงถามว่า\" ข้าพเจ้าขอทูลถามว่าธรรมดาบดิ าย่อมดีกวา่ บุตร สาคัญกวา่ บุตรเสมอไปหรือ\"พระราชา ตรสั วา่\"ยอ่ มเป็นอย่างนนั้ บิดายอ่ มสาคญั กว่าบุตร\"มโหสถทูลตอ่ วา่\"เมื่อขา้ พเจา้ มาเฝา้ พระองค์มีพระกระแส รับส่ังว่าให้ข้าพเจา้ นาม้าอสั ดรมาถวายด้วย ใช่ไหมพระเจา้ ค่ะ“พระราชาทรงรับคา มโหสถจึงใหค้ นนาลาที่เตรียมเขา้ มาต่อพระพกั ตร์ แลว้ ทูลว่า
\"เม่ือพระองคต์ รสั วา่ บดิ าย่อมสาคัญกว่าบุตรลาตัวนีเ้ ป็นพอ่ ของมา้ อสั ดร หากพระองค์ทรงเหน็เช่นน้นั จรงิ โปรดทรงรบั ลาน้ไี ปแทนม้าอสั ดรเถดิ พระเจ้าคะ่ เพราะมา้ อัสดรเกิดจากลานี้ แต่ถา้ ทรงเห็นวา่บุตรอาจดกี ว่าบิดา กท็ รงรับเอาม้าอัสดรไปตามทีท่ รงมพี ระราชประสงค์ ถา้ หากพระองค์เหน็ วา่ บดิ าย่อมประเสริฐกว่าบุตรก็ทรงโปรด รับเอาบิดาของข้าพเจ้าไว้ แต่หากทรงเห็นวา่ บตุ รอาจประเสรฐิ กวา่ บดิ าก็ขอให้ทรงรับข้าพเจา้ ไว้\" การทีม่ โหสถกราบทูลเช่นน้ัน มิใชจ่ ะลบหล่ดู ูหมิ่นบิดา แตเ่ พราะ ประสงค์จะใหผ้ คู้ นทั้งหลายตระหนกัใน ความเปน็ จรงิ ของโลก และเพือ่ แกไ้ ขปัญหาที่มีผ้จู งใจผูกขึน้ คือบณั ฑิตทั้งสี่นนั้ เองพระราชาทรงพอพระทยั ในปัญญาของมโหสถจึงตรสัแก่ สริ ิวฒั กะเศรษฐีว่า\"ทา่ นเศรษฐี เราขอมโหสถไว้ เป็นราชบุตรจะขัดข้องหรือไม่\"
เศรษฐที ลู ตอบวา่\"ข้าแต่พระองค์ มโหสถยงั เดก็ นกั อายุ เพง่ิ 7 ขวบ เอาไว้ใหโ้ ตเป็นผู้ใหญ่ก่อนนา่ จะดีกว่าพระเจา้ ค่ะ\"พระราชาตรสั ตอบวา่\"ท่านอยา่ วิตกในขอ้ ที่วา่ มโหสถยังอายุ นอ้ ยเลย มโหสถเปน็ ผมู้ ี ปัญญาเฉียบแหลมย่งิ กว่าผใู้ หญ่ จานวนมาก เราจะเลี้ยงมโหสถในฐานะราชบุตรของเรา ท่านอยา่ กังวล ไปเลย“ มโหสถจึงไดเ้ ร่ิมรับราชการกับ พระเจา้ วิเทหราชนับต้ังแต่นั้นมา ตลอดเวลาทอ่ี ย่ใู นราชสานกั มโหสถได้แสดงสติปัญญา และความสขุ มุ ลึกซึ้งในการพิจารณาแก้ไขปัญหาขอ้ ขัดข้องท้งั ปวง ไมว่ า่ จะเป็นปญั หาทพี่ ระราชาทรงผูกขน้ึ ลองปัญญา มโหสถ หรือทีบ่ ณั ฑติ ทงั้ ส่ีพยายามสร้างข้ึนเพือ่ ให้มโหสถอับจนปญั ญา แตม่ โหสถกแ็ ก้ปัญหาเหลา่ นน้ั ได้ทุกคร้งั ไป
มิหนาซ้าในบางครง้ั มโหสถยังได้ช่วยให้บณั ฑิตท้งัสี่นน้ั รอดพน้ ความอบั จน แต่บณั ฑิตเหล่าน้นั มไิ ดก้ ตญั ญูรู้คุณ ทีม่ โหสถกระทาแก่ตน กลับพยายามทาให้พระราชาเขา้ พระทัยวา่ มโหสถด้อยปัญญา พยายามหาหนทางให้พระราชา ทรงรงั เกยี จมโหสถ เพื่อที่ตนจะไดร้ งุ่ เรืองในราชสานักเหมอื นสมยั กอ่ น มโหสถรุง่ เรืองอยู่ในราชสานักของพระเจ้าวเิ ทหราชไดร้ บัการสรรเสริญจากผู้คนทัง้ หลายจนมีอายไุ ด้ 16 ปี พระมเหสีของ พระราชาผทู้ รงรกั ใครม่ โหสถเหมือนเป็นนอ้ งชาย ทรงประสงค์จะหาคู่ครองให้แต่มโหสถขอพระราชทานอนุญาตเดินทาง ไปเสาะหาคู่ครองท่ตี นพอใจด้วยตนเองพระมเหสกี ็ทรงอนญุ าตมโหสถเดนิ ทางไปถงึ หมูบ่ า้ นแหง่ หนงึ่ ไดพ้ บหญงิ สาวคนหนงึ่ เป็นลกู สาวเศรษฐเี กา่ แก่ แต่ได้ยากจนลง หญิงสาวนัน้ ชอ่ื วา่ อมร มโหสถปลอมตัวเปน็ ช่างชุนผา้ ไปอาศยั อยู่กบั บิดามารดาของนาง และได้ทดลอง สติปัญญาของนางด้วยประการตา่ งๆเปน็ ตน้ วา่ ในครง้ั แรกทีพ่ บกันนนั้
มโหสถถามนางว่า\"เธอชือ่ อะไร\"นางตอบวา่\"ส่ิงทีด่ ิฉนั ไมม่ ีอยูท่ ้งั ในอดีต ปัจจบุ นั และอนาคต นนั่ แหล่ะ เป็นชอื่ ของดิฉัน\"มโหสถ พจิ ารณาอยูค่ รู่หนงึ่ กต็ อบวา่\"ความไม่ตายเปน็ สิ่ง ไมม่ อี ยใู่ นโลก เธอช่ือ อมร ( ไม่ตาย) ใช่ไหม \"หญงิ สาวตอบว่า \"ใช่\" มโหสถถามต่อวา่ นางจะนาขา้ วไปให้ใคร นางตอบวา่นาไป ให้บุรพเทวดา มโหสถก็ ตีปรศิ นาออกว่า บรุ พเทวดาคือเทวดา ท่มี กี ่อนองค์อน่ื ๆ ได้แก่ บิดา มารดา เมื่อมโหสถได้ทดลองสติปัญญาและความประพฤตติ า่ งๆของ นางอมรจนเปน็ ทพี่ อใจแลว้ จึงขอนางจาก บิดามารดา พากลับ ไปกรงุ มถิ ิลา
เมื่อไปถงึ ยงั เมืองกย็ งั ไดท้ ดลองใจนางอกี โดย มโหสถแสร้งลว่ งหน้าไปก่อน แล้วแต่งกายงดงามรออย่ใู นบา้ นให้คนพานางมาพบ กล่าวเกีย้ วพาราสนี าง นางกไ็ มย่ ินดีด้วย มโหสถจึงพอใจนาง จงึ พาไปเฝ้าพระราชาและพระมเหสี พระราชาก็โปรดใหม้ โหสถแต่งงานอยู่กนิ กับนางอมรตอ่ มา บณั ฑติ ทง้ั สี่ยงั พยายามทจ่ี ะกลั่นแกล้งมโหสถด้วยประการ ต่างๆ แตก่ ไ็ ม่เปน็ ผล แม้ถงึ ขนาดพระราชาหลงเขา้ พระทัยผดิ ขับไล่มโหสถออกจากวัง มโหสถกม็ ิไดข้ ่นุเคอื ง แตย่ ังจงรักภักดี ตอ่ พระราชา พระราชาจงึ ตรสัถามมโหสถว่า\"เจ้าเป็นผมู้ ีสตปิ ัญญา หลักแหลมยงิ่ หากจะหวงั ชว่ งชิงราชสมบัตจิ ากเราก็ย่อมได้ เหตุใดจึงไม่คดิ การรา้ ยตอ่เรา\"
มโหสถทูลตอบว่า\"บัณฑิตยอ่ ม ไม่ทาชว่ั เพอ่ื ให้ไดค้ วามสุข สาหรับตน แม้จะถูกทบั ถมให้เสือ่ มจาก ลาภยศ กไ็ มค่ ดิ สละธรรมะด้วยความหลงในลาภยศ หรือดว้ ย ความรกั ความชัง บุคคลนง่ันอนอยู่ใต้ร่มไม้ ยอ่ มไม่ควรหัก กงิ่ ต้นไม้นน้ั เพราะจะได้ชอื่ วา่ ทารา้ ยมิตร บคุ คลทไี่ ด้รับการ เก้ือหนุนอุปการะจากผใู้ ด ยอ่ มไมท่ าให้ไมตรนี ้ันเสียไปด้วย ความโง่เขลา หรือความ หลงในยศอานาจ บุคคลผ้คู รองเรอื น หากเกียจครา้ น กไ็ มง่ าม นกั บวชไมส่ ารวม ก็ไมง่ าม พระราชา ขาดความพนิ ิจพจิ ารณากไ็ ม่งาม บณั ฑติ โกรธงา่ ย กไ็ ม่งาม“ไม่วา่ บัณฑิตทั้งสีจ่ ะกลนั่ แกล้งมโหสถอย่างใด มโหสถก็สามารถเอาตัวรอดไดท้ ุกคร้ัง และมไิ ดต้ อบแทน ความชัว่ร้าย ด้วยความชั่วร้าย แตก่ ลบั ให้ความเมตตากรณุ าตอ่บณั ฑติ ทั้งส่ีเสมอมา นอกจากจะทาหนา้ ทพี่ จิ ารณาเร่อื งราว แก้ไขปัญหาต่างๆ มโหสถยงั ไดเ้ ตรยี มการปอ้ งกันพระนครใน ดา้ นตา่ งๆ ให้พรอ้ มเสมอด้วย และยงัจัดผคู้ นไปอยู่ตามเมืองต่างๆ เพ่อื คอยสืบขา่ ววา่ จะมีบ้านเมืองใด มาโจมตีเมืองมิถลิ าหรอื ไม่
มีพระราชาองคห์ นึง่ ทรงพระนามว่า จุลนพี รหมทตัครองเมือง อตุ รปัญจาล ประสงคจ์ ะทาสงครามแผ่เดชานุภาพ จึงทรงคิด การกบั ปุโรหติ ชอ่ื เกวฏั พราหมณ์ หมายจะลวงเอากษตั ริยร์ อ้ ยเอด็ พระนครมากระทาสัตย์สาบานแล้วเอาสรุ าเจือยาพิษ ใหก้ ษตั ริยเ์ หล่าน้นั ดืม่ จะได้รวบรวมพระนครไว้ในกามือ มโหสถ ได้ทราบความลบั จากนกแก้วท่สี ง่ ออกไปสืบข่าว จงึ หาทางชว่ ยชวี ติ กษัตรยิ ์ทงั้ รอ้ ยเอ็ดไวไ้ ด้ โดยที่กษัตริยเ์ หลา่ นัน้ หารตู้ วั ไม่ พระเจา้ จุลนีทรงเหน็ ว่ามิถิลาเป็นเมืองเดยี วท่ีไมย่ อมทาสัตย์สาบาน จึงยกทพั ใหญม่ งุ่ ไปโจมตมี ถิ ลิ า มเี กวฏั พราหมณ์ เป็นท่ปี รกึ ษาใหญ่ แตไ่ ม่ว่าจะโจมตดี ้วยวิธใี ด มโหสถ กร็ ทู้ นั สามารถตอบโตแ้ ละแกไ้ ขได้ ทกุ ครัง้ ไป
มีพระราชาองคห์ นึง่ ทรงพระนามว่า จุลนพี รหมทตัครองเมือง อตุ รปัญจาล ประสงคจ์ ะทาสงครามแผ่เดชานุภาพ จึงทรงคิด การกบั ปุโรหติ ชอ่ื เกวฏั พราหมณ์ หมายจะลวงเอากษตั ริยร์ อ้ ยเอด็ พระนครมากระทาสัตย์สาบานแล้วเอาสรุ าเจือยาพิษ ใหก้ ษตั ริยเ์ หล่าน้นั ดืม่ จะได้รวบรวมพระนครไว้ในกามือ มโหสถ ได้ทราบความลบั จากนกแก้วท่สี ง่ ออกไปสืบข่าว จงึ หาทางชว่ ยชวี ติ กษัตรยิ ์ทงั้ รอ้ ยเอ็ดไวไ้ ด้ โดยที่กษัตริยเ์ หลา่ นัน้ หารตู้ วั ไม่ พระเจา้ จุลนีทรงเหน็ ว่ามิถิลาเป็นเมืองเดยี วท่ีไมย่ อมทาสัตย์สาบาน จึงยกทพั ใหญม่ งุ่ ไปโจมตมี ถิ ลิ า มเี กวฏั พราหมณ์ เป็นท่ปี รกึ ษาใหญ่ แตไ่ ม่ว่าจะโจมตดี ้วยวิธใี ด มโหสถ กร็ ทู้ นั สามารถตอบโตแ้ ละแกไ้ ขได้ ทกุ ครัง้ ไป
ในท่สี ดุ พระเจ้าจลุ นีทรงสง่ เกวฏั พราหมณม์ าประลองปญั ญาทาสงครามธรรมกบั มโหสถ มโหสถออกไปพบเกวัฏพราหมณ์ โดยนาเอาแกว้ มณคี ่าควรเมอื งไปดว้ ยแสรง้ บอกว่าจะยกใหพ้ ราหมณ์ แตเ่ มือ่ จะสง่ ใหก้ ว็ างให้ที่ปลายมือพราหมณ์เกวัฏ เกรงวา่ แก้วมณจะตกจงึ ก้มลงรบั แตก่ ไ็ ม่ทัน แกว้ มณตี กลงไปกบั พื้นเกวฏั ก้มลงเก็บดว้ ยความโลภ มโหสถจงึ กดคอเกวฏั ไว้ ผลักใหก้ ระเดน็ ไป แล้วให้ทหารรอ้ งประกาศวา่เกวฏั ปราหมณ์ก้มลงไหว้มโหสถ แล้วถูกผลักไปดว้ ยความรังเกียจ บรรดาทหารของพระเจา้ จุลนีมองเห็นแต่ภาพเกวฏัพราหมณ์ ก้มลงแทบเท้า แต่ไมท่ ราบวา่ กม้ ลงด้วยเหตุใด ก็เชือ่ ตามที่ ทหารของมโหสถปา่ วประกาศ พากนั กลวั อานาจมโหสถ ถอยหนไี ปไม่เปน็ กระบวน กองทพั พระเจ้าจุลนกี แ็ ตกพา่ ยไปเกวฏั พราหมณค์ ิดพยาบาทมโหสถอย่ไู มร่ หู้ าย จงึ วางอุบายให้พระเจ้าจลุ นีสง่ ทตู ไปทลู พระเจ้าวิเทหราชวา่ จะขอทาสัญญาไมตรี และขอถวายพระราชธดิ าใหเ้ ปน็ ชายา พระเจา้ วิเทหราชทรงมีความยินดี จงึ ทรงตอบรบั เปน็ ไมตรี พระเจ้าจลุ นีก็ขอให้พระเจ้าวิเทหราชเสด็จมาอุตรปญั จาล
มโหสถพยายามทูลคัดค้านพระราชากม็ ไิ ดฟ้ งั คามโหสถกเ็ สียใจว่าพระราชาลมุ่ หลงในสตรี แตก่ ระนนั้ ก็ยังคงจงรักภักดี จึงคดิ จะแก้อุบายของพระเจ้าจุลนีมโหสถจึงทลู ขออนุญาตไปจัดเตรียมทีป่ ระทบั ให้พระราชอาคนั ตุกะในเมืองอุตรปัญจาล ก็ได้รับอนญุ าต มโหสถจึงให้ ผูค้ นไปจดั สร้างวังอนั งดงาม และท่ีสาคัญคือจัดสรา้ งอุโมงคใ์ ตด้ ิน เป็นทางเดนิ ภายในอุโมงค์ประกอบดว้ ยกลไกและประตลู บั ต่างๆซับซอ้ นมากมายเม่ือเสร็จแลว้ มโหสถจงึ ทูลเชญิ ใหพ้ ระเจา้ วเิ ทหราชเสดจ็ไปยงั อตุ รปญั จาล ขณะที่พระเจา้ วเิ ทหราชประทับอย่ใู นวงัรอทีจ่ ะอภิเษกกับพระธดิ าพระเจ้าจุลนี
พระเจ้าจุลนที รงยกกองทหารมาล้อมวังไว้ มโหสถซ่ึงเตรยี มการไว้แล้วกล็ อบลงไปทางอุโมงคเ์ ข้าไปใน ปราสาทพระเจา้ จลุ นี ทาอบุ ายหลอกเอาพระชนนี พระมเหสี พระราชบตุ ร และราชธดิ าพระเจ้าจุลนีมากักไวใ้ ต้วงั ทสี่ รา้ งข้นึน้นั แล้วจึงกลงั ไปเฝ้าพระเจา้ วเิ ทหราช พระเจา้ วิเทหราชตกพระทัยว่ากองทหารมาลอ้ มวงั ตรสั ปรึกษามโหสถมโหสถจงึ ทูลเตือนพระราชาวา่\"ขา้ พระองค์ได้กราบทูล หา้ มมใิ ห้ทรงประมาท แตก่ ็มไิ ด้ทรงเชื่อ พระราชบิดา พระเจา้ จลุ นีนน้ั ประดุจเหยอื่ ทนี่ ามาตกปลา การทาไมตรีกับผู้ไมม่ ศี ีลธรรม ยอ่ มนาความทุกข์มาให้ ธรรมดาบคุ คลผมู้ ี ปญั ญา ไมพ่ ึงทา ไมตรสี มาคมกับบุคคลผูไ้ ม่มีศีล ซง่ึ เปรยี บเสมือนงู ไวว้ างใจมไิ ด้ ย่อมนาความเดือดรอ้ นมาสู่ไมตรนี ัน้ ไม่มีทางสาเรจ็ ผลได้\"พระเจ้าวิเทหราชทรงเสยี พระทัยทไ่ี ม่ทรงเชอ่ื คาทดั ทานของมโหสถแต่แรก มโหสถจดั การนาพระเจ้าวิเทหราช ไปพบพระชนนี พระมเหสี และพระโอรสธิดาของพระเจ้าจลุ นีที่ตนนามาไวใ้ นอุโมงค์ใตด้ ิน แล้วจดั การให้กองทพั ท่ีเตรยี มไว้ นาเสดจ็ กษัตริยท์ งั้ หลายกลบั ไปมถิ ิลา ส่วนตวั มโหสถเองอยู่ เผชิญหนา้ กับพระเจา้ จลุ นี
เมื่อพระเจ้าจุลนเี สดจ็ มา ประกาศวา่ จะจบั พระเจ้าวิเทหราช มโหสถจงึ บอกให้ทรงทราบวา่ พระเจา้ วเิ ทหราชเสด็จกลบั มถิ ิลาแล้วพรอ้ มด้วย พระราชวงศ์ ของพระเจ้าจลุ นีพระราชากท็ รงตกพระทยั เกรงวา่ พระญาติวงศจ์ ะเปน็อนั ตราย มโหสถจงึ ทูลว่า ไมม่ ีผใู้ ดจะทาอนั ตราย แล้วจงึทูลเชญิ พระเจ้าจลุ นีทอดพระเนตรวงั และ อโุ มงคท์ ่ีจัดเตรียมไวอ้ ย่างวจิ ิตรงดงาม ขณะท่พี ระเจ้าจุลนีกาลังทรงเพลิดเพลนิ มโหสถกป็ ิดประตกู ลทง้ั ปวงและหยบิ ดาบทซ่ี ่อนไว้ ทาทวี ่าจะ ตัดพระเศยี รพระราชา พระราชาตกพระทัยกลวั มโหสถจึงทลู วา่\"ขา้ พระองคจ์ ะไมท่ าร้ายพระราชา แตห่ ากจะฆา่ ขา้พระองคเ์ พราะแค้นพระทัย ข้าพระองค์กจ็ ะถวายดาบน้ีให้พระราชาเหน็ มโหสถส่งดาบถวายก็ทรงได้สติ เห็นว่ามโหสถนอกจากจะประกอบด้วยความสตปิ ญั ญาประเสริฐแลว้ยังเป็น ผ้ไู มม่ จี ติ ใจม่งุ ร้ายพยาบาทผูใ้ ด พระเจา้ จุลนีจงึตรสั ขออภยั ที่ไดเ้ คยคิดร้ายต่อเมืองมิถลิ าต่อพระเจ้าวิเทหราช และต่อมโหสถ
มโหสถจงึ ทลู ลากลบั ไปมถิ ลิ า จดั ใหก้ องทหารนาเสด็จพระชนนี พระมเหสี และ พระราชบตุ ร ของพระเจ้าจุลนีกลบั มายงั อุตรปญั จาล สว่ นราชธดิ านั้นคงประทับอยู่มถิ ิลา ในฐานะพระชายาพระเจ้าวเิ ทหราชต่อไป พระเจ้าจลุ นีทรงตรัสขอใหม้ โหสถมาอยู่กบั พระองค์มโหสถ ทูลวา่\"ข้าพระองคร์ บั ราชการรุ่งเรืองในราชสานักของพระเจา้ วิเทหราช ผูเ้ ป็นเจ้านายของขา้ พระองคแ์ ตเ่ ดิม ไม่อาจจะไปอยทู่ ่ี อื่นได้ หากเม่ือใด พระเจา้ วิเทหราชสวรรคต ข้าพระองคจ์ ะไปอยเู่ มืองอตุ รปัญจกาลรบั ราชการอยใู่ นราชสานักของพระองค์\" เมื่อพระเจา้ วเิ ทหราชสิน้ พระชนม์ มโหสถกท็ าตามทล่ี นั่วาจาไว้ คือไปรับราชการอยกู่ บั พระเจา้ จุลนี และยังถกูกลั่นแกล้งจากเกวัฏพราหมณ์ค่ปู รับเก่า แตม่ โหสถก็เอาตัวรอดได้ทกุ ครัง้
http://www.dhammathai.org/chadok/legend05.php_
1.นายสริ วิชญ์ อปุ ลา ม.4/10 เลขที่ 32.นายพันธ์นารา สันติรฐั กร ม.4/10 เลขท่ี 43.นายปํญญชาติ พ่อคา้ ทอง ม.4/10 เลขท่ี 84.นายอินทัช จริ วาณิช ม.4/10 เลขท่ี 95.นายบรู พา หล่อเรอื งศิลป์ ม.4/10 เลขที่ 186.นายณชพน มวี ฒุ สิ ม ม.4/10 เลขที่ 247.นายภูมิพัฒน์ พงษ์ชัยไกรกติ ิ ม.4/10 เลขที่ 288.นายศริ วิชญ์ รัตนโกสม ม.4/10 เลขท่ี 299.น.ส.ฐติ ริ ตั น์ ธญั คณุ ากร ม.4/10 เลขท่ี 3110.นายอภิวัฒน์ ธรรมโม ม.4/10 เลขที่ 4211.นายกติ ตทิ ตั เฉลิมฉัตร ม.4/10 เลขที่ 45
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: