Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เรื่องของช้าง

เรื่องของช้าง

Published by nembsuy, 2021-09-01 12:21:18

Description: เรื่องของช้าง

Search

Read the Text Version

เรอื งของช้าง ตอน ช้างไทย จดั ทาํ โดย วีรภทั ร ฉัตรไกรเลศิ ม.1/2 เลขที่32 ชา งไทยนะฮะฮา ฮะฮา

คํานํา ชางคอื สัตวประเภทหน่ึงท่มี ีลําตวั ใหญแตไ ม ดรุ า ยชา งมีความสาํ คัญอยา งมากใน ประวตั ิศาสตรไทย ตัง่ แตใ ชแบกสิง่ ของตางๆ เป็นพาภานะเป็น สัตวท ่ีใชแ สดงใชรบ ในปัจจุบนั ชางมบี ทบาทเป็น สัตวใกลสญู พันธดังนัน่ ผูเขยี น จึงเขยี นขอมลู ของชา งไทยตางๆ หากาํ ผดิ พลาดประการใดขออภัย ณ ท่ีนี่ดวย วรี ภัทร ฉัตรไกรเลศิ ผจู ดั ทาํ

สารบญั 1 ขอมูลของชาง 4 อา งอิง

ขอ้ มูลช้างไทย ช้างเปนสตั วค์ ู่บารมีของพระมหากษตั รย์ไทย ช้างเปนสัตวท์ ีดํารงอยู่คู่กบั ประเทศไทยมาเปนเวลานาน ใน รัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย รัชกาลที 2 แห่งกรุงรัตนโกสนิ ทร์ สยามประเทศเคยใช้ ธงชาติเปน รูปชา้ งเผอื ก ชาวไทยเชือกันวา่ ชา้ งเผือกเปนสัตวค์ บู่ ารมขี องพระมหากษัตรย์ ช้างเผือกจึงไดร้ ับ การยกยอ่ งเสมอื นเจ้านายชันเจา้ ฟา - ชา้ งเปนผู้ปกปองเอกราชแห่งชาติไทย ประวตั ศิ าสตร์ชาติไทยไดจ้ ารกไวว้ า่ ช้างไดเ้ ขา้ มามสี ว่ นใน การปกปองเอกราชและความเปนชาติให้แก่ชาวไทยหลายยคุ หลายสมัย โดยเฉพาะอยา่ งยงิ ในสมัยพระบาท สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไดท้ าํ ยทุ ธหตั ถี จึงทรงประกาศเอกราชและความเปนชาติ ซงึ ชา้ งทรงในสมเดจ็ พระนเรศวรนับวา่ เปนชา้ งไทยทไี ดร้ ับเกียรตอิ นั สงู สุด โดยไดร้ ับพระราชทานยศให้เปนถงึ \"เจา้ พระยาปราบ หงสาวด\"ี - ช้างสร้างความสมั พนั ธไมตรระหวา่ งประเทศ ในสมยั รัชกาลที 5 เสดจ็ ประพาสสงิ คโปร์ และ เบตาเวย (จาการ์ตา) ประเทศอนิ โดนเี ซยี ได้พระราชทานช้างสาํ รดให้แกท่ งั 2 ประเทศนี

ขอ้ มูลชา้ งไทย 13 .มี.ค วนั ชา้ งไทย ชางเป็นสตั วค ูบา นคเู มอื งชนชาตไิ ทยมาแตอดีต ครงั้ หน่ึงประเทศสยามเคยใช \"ชา ง เผอื ก\" เป็นสญั ลักษณประจาํ ชาติ ชางมีบทบาทสาํ คัญในการสรา งชาติตามประวัติการทํา ยทุ ธหตั ถี จึงเป็นสัตวท ีเ่ ก่ียวขอ งกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ  และประชาชนทวั่ ไป เพ่อื ใหค นไทยทุกคนตระหนักถึงความสําคัญของชางจึงมีประกาศในพระราชกจิ จานุเบกษา กําหนด \"วนั ชางไทย\" ข้นึ ในวันที่ 13 มีนาคมของทกุ ปี ประวัติวนั ชา งไทย วนั ชางไทยตรงกับวันที่ 13 มีนาคมของทกุ ปี มที ีม่ าจากคณะกรรมการประสานงานการ อนรุ ักษช า งไทย ซ่ึงป็นหนวยงานประสานงานองคก ารภาครฐั และเอกชน ทท่ี ํางานเกีย่ ว กับชางไทย รว มกับคณะกรรมการเอกลักษณของชาติ สาํ นักเลขาธิการนายกรฐั มนตรี คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาหาวันที่เหมาะสมเพ่อื เป็นวันระลึกและจดั กิจกรรมวันชา ง ไทย จงึ ไดเ ลือกวันท่ี 13 มนี าคมเป็น “วนั ชา งไทย” อันเป็นวนั ท่ตี รงกับการทํา ยุทธหัตถขี องสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอปุ ราชา และทรงมีชัยชนะ และ คณะกรรมการไดคัดเลอื กสตั วประจําชาติ มีมติให “ชางเผือก” เป็นสญั ลกั ษณของ ความเป็นไทย และคณะรัฐมนตรีไดหน็ ชอบประกาศใหวนั ท่ี 13 มนี าคมเป็นวนั ชา งไทย และประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาเม่อื วนั ท่ี 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 วตั ถปุ ระสงคข องการจดั กิจกรรม “วนั ชางไทย” เพ่อื ใหประชาชนคนไทยสนใจชา ง รกั หวงแหนชาง ใหความสาํ คัญตอ การชว ยเหลือและอนรุ กั ษช า งมากข้ึน รวมถึงเป็นการ ยกยอ งใหเกยี รติชา งวาเป็นสตั วท ่ีมคี วามสําคัญตอ ชาวไทยตัง้ แตอดีตจนถงึ ปัจจุบนั

ขอ้ มูลช้างไทย เกียวกบั สายพันธ์ุ ชา งมี 2 ตระกูล ชา งในโลกนี้มตี ระกลู ใหญอยู 2 ตระกูล คอื ชางเอเชยี และชา งแอฟริกาชางเอเชยี ไดแ ก ชางทอี่ าศยั อยูตามปาในประเทศไทย อินเดยี พมา มอญ กมั พชุ า ศรลี ังกา และมาเลเซยี เป็นตน ชางเอเชยี มขี นาดความสงู ในขณะทมี่ คี วามสมบรณู เต็มท่เี ฉลีย่ วัดจากปลายขาหน าถงึ ไหลป ระมาณ3เมตรหัวโหนกมองจากขางหน าจะเห็นเป็น2ลอนกะโหลกหัวใหญม มี นั สมองมาก จึงเฉลยี วฉลาดสามารถนํามาฝึกใหแสดงทา ตา งๆหรอื ทํางานไดใบหเู ป็นแผน กวา งและขอบหู ดานบนอยุในระดับหัวชา งปลายงวงมีจะงอยเดียวหลังโคงจนแลเหน็ ชัดเทา หน ามีเลบ็ ขา ง ละ5เลบ็ เทา หลงั มีขา งละ4เล็บชา งเอเชยี รวมทัง้ ชางไทยนี้ถา เป นชางตวั ผทู เี่ รยี กวาชางพลายนัน้ จะมีงา สว นชา งตวั เมียทีเ่ รียกวาชางพังนัน้ ตามปกตจิ ะไมม ีงาหรือบางครัง้ อาจมงี าสัน้ ๆเรียกวา ขนาย ชางพลายที่ไมมงี าเรยี กวา ชางสดี อ ชา งแอฟรกิ า (Loxodonta africana) ไดแ กช า งในทวปี แอฟรกิ าความสูงโดยเฉลย่ี 3.5เมตรซ่งึ นับวาสูงกวาชางเอเชยี หวั ชา งแอฟรกิ าจะ เล็กกวา หัวชางเอเชียเห็นไดอยา งชดั เจนและมีโหนกท่ีหัวเพยี งลอนเดียวลักษณะท่ีแตกตา งกบั ชา ง เอเชียทเี่ ห็นชัดอกี อง หน่ึงคือมีใบหใู หญก วา มขี อบหูดานบนสูงกวา ระดับของหวั ชา งเม่ือกางออก เตม็ ทจี่ ะเหน็ วาใบหูใหญม ากปลายงวงมี2จะงอยเทา หน ามเี ล็บขางละ5เลบ็ เทาหลังมีขา งละ3เล็บ เป็นชางที่มคี วามฉลาดน อยกวา ชางเอเชยี และดรุ ายยังไมม ผี ใู ดนํามาฝึกใชงานหรือฝึกเพ่อื การ แสดง ชางแอฟรกิ าทัง้ ตัวผูแ ละตวั เมยี มงี าดว ยกนั ทงั้ คูนอกจากชา งทงั้ 2ตระกลู ดังกลาวแลวยงั มีชาง แคระ (Pygmyelephant)สูงราว2เมตรเป็นชางแอฟริกาอยูตามลุมแมน้ําคองโกมเี หลืออยูเพยี ง จํานวนน อยเพราะชาวแอฟริกามักลา เอาเน้ือไปปรงุ อาหารชา งแคระนี้ในประเทศไทยก็เคยมอี ยู ตาม แนวชายปาชายทะเลสาบสงขลาเรียกวาชา งคอ มแตในปัจจุบนั สูญพนั ธเ พราะถกู คนลา เอาเน้ือไป ทาํ อาหารเชนกันจงึ นับเป็นเร่ืองที่นาเสียดายที่คนสมยั นี้ไมมีโอกาสไดเหน็

อา้ งองิ https://www.nectec.or.th/schoolnet/library/create- web/10000/generality/10000-4382.html https://sites.google.com/site/prawatikhxngchangthiy/khwam- sakhay-khxng-chang-thiy https://sites.google.com/site/prawatikhxngchangthiy/khwam- sakhay-khxng-chang-thiy https://sites.google.com/site/prawatikhxngchangthiy/kh wam-sakhay-khxng-chang-thiy


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook