อาชพี จกั สานผลติ ภัณฑจ์ ากไม้ไผแ่ ละตน้ กก ความเปน็ มา เน่อื งจาก กศน.ตาบลหนองแวง ไดร้ บั มอบหมายภารกจิ ในการปฏบิ ตั งิ านการศึกษาต่อเนอื่ ง การศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาอาชพี จงึ ได้สารวจกลุ่มเปาู หมายประชาชน บา้ นหนองช้าง หมทู่ ี่ ๕ ตาบลหนองแวง อาเภอเกษตรวสิ ัย จังหวดั รอ้ ยเอด็ ซ่ึงได้จัดเวทพี ูดคุยเสนอความต้องการในการเรยี นรู้อาชีพจักสานผลิตภัณฑจ์ ากไม้ไผ่และต้น กกเพื่อสามารถทาให้เกดิ ประโยชน์ได้มากมายหลายอย่าง ท่ีสาคัญอาชพี จกั สานผลิตภณั ฑ์จากไมไ้ ผแ่ ละต้น กก สามารถนามาใช้ประโยชน์ไดอ้ ย่างมากมาย หลากหลาย ทง้ั จาเป็นทตี่ อ้ งใชใ้ นชีวิตประจาวัน และทนี่ ิยมใช้ กนั อยา่ งแพรห่ ลายทุกบา้ นเรอื นต้องมี ปัจจบุ นั อาชีพจักสานผลิตภัณฑจ์ ากไม้ไผ่และต้นกก มีความสาคัญมาก เพราะจะเปน็ การพัฒนาประชากร ของประเทศใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถและทักษะ ในการประกอบอาชพี เปน็ การแก้ปัญหาการวา่ งงานและ สง่ เสรมิ ความเข้มแขง็ ให้แกเ่ ศรษฐกิจชุมชน ใหป้ ระชาชนได้มีอาชีพท่ี สามารถสรา้ งรายไดท้ ่ียั่งยืน โดยเน้น การบูรณาการให้สอดคล้องกบั ศกั ยภาพดา้ นตา่ งๆ มุ่งพฒั นาคนไทยใหไ้ ด้ รักการศึกษาเพือ่ พฒั นาอาชีพและ การมงี านท าอยา่ งมีคุณภาพท่ัวถงึ และเท่าเทยี มกันประชาชนมีรายไดม้ นั่ คง และมงี านทาอย่างยงั่ ยนื มี ความสามารถเชงิ การแข่งขันท้ังในระดบั ภมู ภิ าคอาเซยี นและระดบั สากล ซงึ่ เป็นการ จัดการศกึ ษาตลอดชีวติ ใน รูปแบบใหมท่ สี่ ร้างความม่ันคงให้แกป่ ระชาชนและประเทศชาติ จากสภาพสงั คมทอ้ งถิน่ ในปัจจบุ นั พบวา่ ในแต่ ละบา้ นเรอื นของแตล่ ะชุมชนจะมวี ัสดใุ นทอ้ งถ่ิน ซ่งึ สามารถใช้ในการจกั สานผลิตภณั ฑ์จากไมไ้ ผ่และตน้ กก เช่น ไม้ไผ่ กา้ นกก เพือ่ ใช้ในครัวเรอื น และเพ่ือการจาหนา่ ยสรา้ งรายได้ให้กบั ตนเอง ครอบครัว และใช้เวลา วา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ ดังน้นั เพอ่ื ตอ้ งการสร้างอาชพี ให้แก่ประชาชนทวั่ ไป ซ่งึ เปน็ อาชีพท่ีให้ความสนใจเปน็ อยา่ งมาก นอกจากน้ียังเปน็ การนาความรภู้ ูมปิ ัญญาในท้องถน่ิ มาใชเ้ พอื่ กอ่ ใหเ้ กดิ รายได้แก่คนในชุมชน ซึ่งสามารถเพม่ิ รายไดใ้ นครัวเรือน และเปน็ การสรา้ งเอกลักษณ์ใหแ้ ก่คนในชุมชนได้ พร้อมเป็นการสรา้ งอาชพี ที่ยงั่ ยนื ใหก้ บั คนในชมุ ชนได้อกี วิธีหนงึ่ ด้วย หลกั การของหลักสตู ร การพฒั นาอาชพี เปน็ การศึกษาเพอื่ พฒั นาความรู้ความสามารถและทกั ษะในการประกอบอาชีพของ บุคคล เพื่อใหบ้ คุ คลสามารถเข้าสู่อาชีพ สามารถประกอบอาชีพ หรอื พัฒนาอาชพี ของตนเองได้ โดยพิจารณา ถงึ ความต้องการในการเรียนร้ขู องผเู้ รยี นแต่ละบคุ คล การจกั สานผลติ ภณั ฑจ์ ากไมไ้ ผแ่ ละตน้ กก เปน็ การจัดการเรียนรทู้ ัง้ ภาคทฤษฏีและภาคปฏบิ ัติ เพ่ือ พฒั นาผูเ้ รยี นให้มคี วามพรอ้ มในการทาไม้กวาดทางมะพรา้ ว พร้อมนาไปประกอบอาชพี มรี ายไดท้ ่ีม่ันคง และ ยั่งยืนอยา่ งมีประสิทธิภาพ เป็นหลักสูตรวิชาทม่ี ่งุ เนน้ ให้ผู้เรียนทไี่ ม่มีอาชีพ หรอื ผมู้ อี าชีพอยู่แลว้ แตต่ อ้ งการ พฒั นาอาชพี ของตนให้มีความม่ันคง ได้เรียนร้ไู ด้อยา่ งท่ัวถงึ และเท่าเทียมกัน ตามความสนใจ ความสามารถ ของแตล่ ะบคุ คล สามารถสรา้ งรายไดท้ ่ีมั่นคง และทาผลติ ภณั ฑจ์ ากไมไ้ ผแ่ ละตน้ กก ที่มีความแตกตา่ งและ สวยงาม ทนทานต่อการใชง้ าน เปน็ ผู้ทมี่ ีความรู้ มีคณุ ธรรม มีจติ สานกึ ความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง ผู้อน่ื และ สงั คมตอ่ ไป
จดุ มุ่งหมาย ๑. เพอื่ ใหผ้ ู้เรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจได้เรียนรูว้ ธิ ีการ ขนั้ ตอนมีทักษะจากการฝึกปฏิบัตจิ ริงใน การจกั สานผลติ ภณั ฑ์จากไม้ไผ่และต้นกก ๒. เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นมีความคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์ ตลอดจนพฒั นารูปแบบ ลวดลายของผลติ ภณั ฑ์ ๓. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นมอี าชีพเสรมิ เปา้ หมาย ประชาชนบา้ นหนองช้าง หมูท่ ี่ ๕ ตาบลหนองแวง อาเภอเกษตรวสิ ยั จงั หวัดรอ้ ยเอด็ ข้ันตอนตา่ งๆในการผลิต เลอื กเสน้ กกทีม่ ีขนาดเท่ากนั นาเส้นกกไปชุบนา้ ให้น่ิม มาทาเป็นชั่ง (เสน้ ยืน) จานวน 4 ชง่ั ๆละ 8 เสน้ แลว้ นามาก่อเป็นฐาน เอาเสน้ สาน จานวน 1 – 2 เสน้ มาสาน ครบ 3 รอบ แล้วแยกชง่ั ออกเปน็ 4 เสน้ คร้งั ท่ี 1 สานต่อไปอีกประมาณ 10 รอบ แยกชั่งคร้ังที่ 2 ตอนสานตอ้ งชบุ น้าตลอด อย่าใหเ้ ส้นกกแหง้ ต้องพรมน้า ตลอด สานไปอีกประมาณ ถา้ เอาขนาดเสน้ ผ่าศนู ยก์ ลางมากกว่า 20 ซม. ต้องเสรมิ ชั่ง ถ้าเอาขนาด 30 ซม. เม่อื ถึง 25 ซม.แล้วพบั ปาก สานตอ่ ไปอกี 5 ซม. แลว้ สอดรอบสุดทา้ ยครบรอบแล้วถงึ สั้นทเี่ ราพับดงึ ลงใหเ้ สมอ กัน ใชม้ ดี ตัดส่วนทีเ่ หลือถา้ อยากใหแ้ บนเรยี บสมา่ เสมอใชค้ ้นทบุ ข้นั ตอนและการปฏบิ ตั งิ าน 1. คดั เลอื กต้นกกทีส่ มบูรณ์ อายุ 4 – 5 เดอื น 2. ตัดตน้ กกท่ีคดั เลอื กแลว้ นาไปตากแดด ใหแ้ หง้ ประมาณ 5 – 7 วัน 3. เตรียมแบบพมิ พส์ ว่ นหัวหมวก โดยคดั เลือกจากลูกมะพร้าวแห้ง ขนาดพอเหมาะสมกบั ขนาด ของหมวกท่ีต้องการ 4. เฉอื นตดั แต่งลูกมะพรา้ วให้ไดร้ ปู ทรงของส่วนหวั หมวก ดว้ ยใบมีดที่คม (ซงึ่ ต้องอาศัยความ ชานาญพอสมควร) 5. นาต้นกกมาฉีกโดยใชเ้ ข็มแตง่ ให้ได้ขนาดเทา่ กนั แล้วนาไปแช่น้าให้ออ่ นก่อนที่จะสาน
6. เร่ิมลายสานหมวกโดยใชต้ ้นกกเป็นแกนหลกั จานวน 4 ตน้ (เริ่มต้นสานส่วนหัวของหมวก) แล้วสานขึน้ เปน็ รปู วงกลม โดยใช้ลายสานไขว้ไปไขวม้ า และเสรมิ หลักเข้าไปเรอ่ื ย ๆ จนได้แผน่ กลาง สว่ นบนหมวกเปน็ วงกลม (รศั มีประมาณ 4 นวิ้ ) 7. นาส่วนบนของหมวกท่ีไดไ้ ปวางกบั แบบพมิ พ์ แล้วใช้หมุดตอกยดึ ติดกบั แบบพมิ พ์ เพื่อทจี่ ะสาน สว่ นหวั หมวกตามลายทตี่ ้องการ ซึ่งมีหลากหลายแบบ โดยใชล้ ายสานไขว้ไปไขวม้ า และเสริมหลักเขา้ ไป เรื่อย ๆ จนไดข้ นาดความลึกของหมวกตามตอ้ งการ จงึ ถอดออกจากแบบพมิ พ์ 8. การสานปกี หมวก หลงั จากถอดออกจากแบบพมิ พแ์ ล้ว ทาการสานต่อไปจนไดค้ วามกว้างของ ปีกหมวกตามต้องการ 9. ทาการเก็บริมหมวกใหส้ วยงาม คงทน ไม่หลุดง่าย หมายเหตุ ถ้าต้องการลวดลายและสขี องหมวก ก็นาต้นกกไปยอ้ มสี สานในสว่ นทต่ี อ้ งการ วัสดุและอปุ กรณ์ 1. ต้นกกตากแหง้ 2. สี (ตามต้องการ) 3. เขม็ 4. เข็มถักเบอร์ 5 5. ขนั นา้ พลาสติก 6. มีดคัตเตอร์ 7. แปรงปัดฝุน 8. เศษผ้า
9. กรรไกร (ใชต้ ดั แต่งตน้ กกสาหรบั แกนและตัดตอกสาหรบั สานหมวก) 10. กรรไกรตดั เล็บ (ใช้ตดั ตอกทีร่ อยตอ่ ของหมวกชอ่ งแคบ ๆ) 11. ลกู มะพร้าวแห้ง (ทาแบบ) 12. แลคเกอร์ (เคลือบหมวก) 13. รบิ บ้นิ ชอ่ ดอกไม้ (สาหรบั ตกแต่งหมวก) ขอ้ ควรระวงั 1. หมวกท่ีไดผ้ ลติ มาจากวสั ดเุ สน้ ใยธรรมชาตถิ า้ สัมผสั ความช้นื อาจทาให้เกิดเชื้อรา จงึ ควรเกบ็ ไว้ในทีแ่ หง้ 2. การใชแ้ ลคเกอรเ์ คลอื บหมวกทาให้รูปทรงของหมวกสวยงาม และปอู งกันเช้อื ราได้ ในแตล่ ะ ข้นั ตอนการปฏิบัติควรใชผ้ ้าปดิ จมกู เพ่อื ปูองกันสารระเหยเข้าสรู่ ่างกายซ่งึ อาจเป็นสาเหตุให้ติดสารระเหยได้ 1. คัดเสน้ กกให้มขี นาดเสมอกนั เพอ่ื ใหไ้ ดช้ ิน้ งานท่สี วยงาม 2. การใชช้ ั่งจานวน 4 ชง่ั เพ่ือใหจ้ ดุ กึ่งกลางของถาดรองจานไม่นูนสงู ไดข้ นาดทส่ี วยงาม 3. ระหวา่ งการสานให้พรมน้าเส้นกกเสมอ เพื่อเวลาการทาช้ินงาน เส้นกกไม่แตก หรอื หัก และท่ี สาคญั จะทา ใหช้ ิ้นงานแน่นหนา แขง็ แรง 4. ขน้ั ตอนการเก็บขอบ ใหแ้ ชช่ ้ินงานในน้ากอ่ น จนกว่านา้ จะซึมเขา้ เสน้ กก เพือ่ เวลาดึกเส้นกก จะเหนียว ไม่ ขาด และทาให้ได้ช้ินงานที่แขง็ แรง หลงั จากนัน้ จงึ นาไปตากแดดใหแ้ ห้ง วธิ ีการจักกก 1. จักกกดว้ ยมอื ซ้ายห่างจากโคนประมาณ 1 คืบ ดึงมาใกล้ตัว 2. แทงกกด้วยใบมดี ปลายแหลม กะแบง่ ใหไ้ ดข้ นาด ส่วนมากกกต้นหนง่ึ ๆ จักได้ประมาณ 3-4 เส้น 3. เหยียดมือขวากรดี ไปจนสุดปลายกก หรอื ถา้ ไมส่ ดุ ก็เหยยี ดมือซา้ ยที่จบั กกช่วยด้วยก็ได้
4. เมอื่ จกั กกไดร้ อบต้นกกแล้ว จะเหลอื ไส้ในสีขาวให้ท้งิ 5. กกท่จี ักไดแ้ ล้วแบ่งเป็นกอง รวบปลายผกู ดว้ ยเสน้ กก การตากกก เมือ่ จักกกเรยี บร้อยแล้วก็มาถึงข้นั ตอนการตากแดดให้แห้ง จงึ จะสามารถนาไปทอได้ การตากกกใน ลกั ษณะตา่ งๆกนั บางรายใช้กกตากเกลย่ี กระจายไปบนราวไม้ไผใ่ นแนวนอนหรอื บางรายตากตามสถานที่ๆเป็น ลานกวา้ ง หรือทีๆ่ มคี วามกวา้ งใหญ่พอท่ีจะเกลีย่ กกกับพืน้ ใหถ้ กู แดดไดอ้ ย่างท่วั ถงึ จะเกล่ียกกใหก้ ระจายทั่วๆ ให้ถูกแดดอย่างท่ัวถงึ ถา้ แดดแรง ตากประมาณ 4-5 วันกใ็ ช้ได้ ตากจนกกเปลีย่ นสอี อกเหลอื ง แห้งสนทิ เมือ่ ตากแดดแหง้ ดแี ล้ว ก็นามารวบรวมไว้ตามขนาดมดั เป็นกาๆ เก็บรวบรวมไว้ พรอ้ มท่ีจะนาไปย้อม การย้อมสี กอ่ นย้อมสกี ก ตอ้ งนากกท่ีตากแห้งไปแชน่ า้ ประมาณ 1 วัน เพอ่ื ให้อมิ่ น้าก่อนแล้วจึงนาไปยอ้ ม สีทีน่ ามาใช้ในการยอ้ มเสอ่ื นนั้ เป็นสวี ทิ ยาศาสตร์ ซึง่ ชาวบา้ นซ้อื มาในราคากิโลกรัมละ 500 บาท อปุ กรณใ์ นการยอ้ ม 1. สยี อ้ มกก 2. นา้ เปล่า 3. ไมพ้ าย 4. กกที่ตากแห้งสนิทแลว้ นามาแชน่ า้ ทิ้งไวป้ ระมาณ 1 วนั 5. ปิ๊บเปล่า , กาลามงั 6. ฟืน 7. ราวไม้ ข้ันตอนในการย้อมสีกก 1. นาน้าใส่ปบ๊ิ ประมาณ 15 ลติ ร ตงั้ ไฟตม้ น้าให้เดอื ด 2. นากกทจ่ี ะย้อมมัดไวเ้ ปน็ กา 3. เมื่อนา้ เดอื ดแลว้ ใสส่ ีท่ตี อ้ งการยอ้ มประมาณครึง่ ชอ้ นชาต่อกก 2 กามือ แลว้ ใชพ้ ายกวนเพ่อื ให้สีกับ นา้ ผสมใหเ้ ขา้ กันดี 4. นาส่วนปลายของกกท่จี ะย้อมจมุ่ ลงไปในนา้ ท่ผี สมสเี พ่อื ทด่ี วู ่าความเขม้ ของสไี ด้ตามทต่ี อ้ งการแลว้ หรอื ยัง ถ้าสจี างไปให้ เตมิ สลี งไปอีกเพื่อใหไ้ ดส้ ีตามตอ้ งการ 5. เมือ่ จุ่มปลายกกลงไปในปบิ๊ ท่ีมีสีผสมกบั นา้ ทุกกาแล้ว แกม้ ดั ปลายกกออกแล้วมดั ปลายอกี ข้างทยี่ อ้ ม แล้วให้เรียบร้อย 6. คอ่ ยนากกลงไปย้อมในปบิ๊ ทีละกา ยอ้ มสใี ห้ทั่วแลว้ แกม้ ัดท่ีปลายกกออกแล้วมดั ปลายอีกข้างใหเ้ รียบร้อย 7. นากกทยี่ ้อมสีแลว้ ไปตากแดดทร่ี าวไมใ้ ห้แห้งสนทิ เม่อื จักเรียบรอ้ ยแล้วกม็ าถึงขน้ั ตอนในการตากแดดใหแ้ หง้ ที่จะสามารถนาไปทอได้ 0 การตากกกในลักษณะต่าง ๆ กนั บางรายใช้กกตากเกลย่ี กระจายไปบนราวไมไ้ ผใ่ นแนวนอน หรือบางรายตากตามสถานที่ ๆ เปน็ ลานกว้าง หรือที่ ๆ มคี วามกว้างใหญพ่ อทีจ่ ะเกล่ยี กกกับพ้ืน
ให้ถูกแดดไดอ้ ยา่ งทัว่ ถงึ ควรเลือกสถานทโี่ ลง่ แจง้ ไมม่ แี สงแดดราไรเพราะจะทาใหก้ กไม่ถกู แดด อย่างทั่วถงึ จะเกล่ยี กกใหก้ ระจายท่วั ๆ ใหถ้ ูกแดดอยา่ งท่วั ถงึ ถ้าแดดแรง ตากประมาณ 4 – 5 วันก็ใชไ้ ด้ ตากจนกกเปล่ยี นสีออกเหลอื ง แห้งสนทิ เมอื่ ตากแดดแหง้ ดแี ลว้ กน็ ามารวบไว้ตามขนาด มัดเป็นกา ๆ เก็บรวบรวมไว้ พรอ้ มทจ่ี ะนาไปย้อม
หน่วยงานที่สง่ เสริม ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอเกษตรวิสัย จ.รอ้ ยเอ็ด การจัดจาหนา่ ย นางนงชนก โสลาภา บา้ นหนองชา้ ง หมูท่ ่ี 5 ต.หนองแวง อ.เกษตรวิสยั จ.ร้อยเอด็ 45120 โทร 0878652110 ข้าพเจา้ ขอรับรองว่า ขอ้ มูลท้งั หมดในเอกสารฉบบั น้ี เป็นขอ้ มูลทเ่ี กิดจากการปฏิบัติงานในหนา้ ทจี่ รงิ ลงชื่อ...................................................ผรู้ ายงาน (นายจักรินทร์ ลาดศลิ า) พนักงานราชการ ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล ลงชอื่ .......................................................ผรู้ ับรองขอ้ มูล (นางมยุรี สัตยไพศาล) ผู้อานวยการ กศน.อาเภอเกษตรวิสยั
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: