หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 แนวคิด กระทรวงศกึ ษาธิการได้ประกาศใหใ้ ชห้ ลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เมอ่ื วันท่ี 18 กนั ยายน พ.ศ. 2551 เป็นหลกั สูตรท่ีม่งุ จัดการศกึ ษาเพ่อื ตอบสนองอุดมการณ์ การจดั การศกึ ษาตลอดชวี ติ การสรา้ งสังคมไทยให้เปน็ สังคมแหง่ การเรียนร้ตู ามปรชั ญา “คดิ เป็น” เพอื่ สร้าง คุณภาพชีวติ และสงั คม มีการบูรณาการอยา่ งสมดุลระหว่างปญั ญาธรรม ศลี ธรรม และวฒั นธรรม ม่งุ สร้าง พื้นฐานการเปน็ สมาชิกทีด่ ีของครอบครัว ชุมชน สังคม และพฒั นาความสามารถเพื่อการทางานท่ีมคี ณุ ภาพ โดยใหภ้ าคีเครือข่ายมสี ่วนร่วมจัดการศึกษาให้ตรงตามความตอ้ งการของผู้เรียน และสามารถตรวจสอบไดว้ า่ การศกึ ษานอกระบบเป็นกระบวนการของการพฒั นาชีวติ และสังคม สามารถพง่ึ พาตนเองได้ และรู้เท่าทันการ เปล่ยี นแปลง เป็นหลักสูตรที่มคี วามเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปญั หา ความต้องการของบคุ คลท่ีอยนู่ อก ระบบโรงเรียน ซึ่งเปน็ ผ้มู คี วามรู้ ประสบการณจ์ ากการทางาน และการประกอบอาชีพ โดยการกาหนดสาระ การเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ การจดั การเรียนรู้ การวัดและประเมนิ ผล ให้ความสาคญั กับการพัฒนา กลุ่มเป้าหมายด้านจิตใจใหม้ ีคณุ ธรรมควบคไู่ ปกบั การพฒั นาการเรยี นรู้ สร้างภูมคิ ุ้มกัน สามารถจัดการกบั องค์ ความรู้ ทง้ั ภูมิปัญญาท้องถ่ินและเทคโนโลยเี พ่ือใหผ้ ู้เรยี นสามารถปรบั ตัวอย่ใู นสังคมที่มกี ารเปล่ียนแปลง ตลอดเวลา สรา้ งภูมิคุ้มกันตามแนวปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งคานึงถึงธรรมชาตกิ ารเรียนรขู้ องผทู้ ี่ อย่นู อกระบบ และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกจิ สังคม การเมอื ง การปกครอง ความเจริญก้าวหน้าของ เทคโนโลยแี ละการส่อื สาร หลักการ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 กาหนดหลกั การไว้ดังน้ี 1. เป็นหลกั สูตรที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นดา้ นสาระการเรียนรู้ เวลาเรียนและการจัดการเรียนรโู้ ดยเนน้ การบูรณาการเนื้อหาให้สอดคลอ้ งกับวถิ ชี ีวติ ความแตกตา่ งของบุคคล ชุมชน และสังคม 2. ส่งเสรมิ ให้มีการเทยี บโอนผลการเรียนจากการศกึ ษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษา ตามอัธยาศยั 3. ส่งเสริมให้ผู้เรยี นไดพ้ ัฒนาและเรียนรู้อยา่ งต่อเนอ่ื งตลอดชวี ิต โดยตระหนักว่าผู้เรยี นมคี วามสาคัญ สามารถพฒั นาตนเองไดต้ ามธรรมชาตแิ ละเต็มตามศักยภาพ 4. ส่งเสริมใหภ้ าคเี ครือข่ายมีส่วนรว่ มในการจดั การศึกษา จดุ หมาย หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 ม่งุ พฒั นาใหผ้ ้เู รยี นมี คณุ ธรรม จรยิ ธรรม มีสติปญั ญา มีคณุ ภาพชวี ิตท่ีดี มศี ักยภาพในการประกอบอาชีพและการเรยี นรู้อย่างต่อเนือ่ ง ซง่ึ เปน็ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคท์ ่ตี ้องการจึงกาหนดจุดหมายดังต่อไปน้ี 1. มีคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มทดี่ งี าม และสามารถอย่รู ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งสนั ตสิ ุข
2. มีความร้พู ้นื ฐานสาหรบั การดารงชวี ติ และการเรยี นรู้อยา่ งต่อเนอื่ ง 3. มีความสามารถในการประกอบสัมมาอาชีพใหส้ อดคล้องกบั ความสนใจ ความถนัด และตามทนั ความเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ สงั คม และการเมือง 4. มีทกั ษะการดาเนินชวี ิตทด่ี ี และสามารถจดั การกบั ชีวิต ชมุ ชน สังคมได้อย่างมคี วามสขุ ตามแนว ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 5. มคี วามเข้าใจประวัติศาสตร์ชาติไทย ภูมใิ จในความเป็นไทย โดยเฉพาะภาษา ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี กีฬา ภูมิปญั ญาไทย ความเปน็ พลเมืองดี ปฏิบตั ติ นตามหลักธรรมของศาสนายึดมนั่ ในวิถีชีวติ และการ ปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ 6. มีจิตสานึกในการอนรุ ักษ์ และพฒั นาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม 7. เป็นบคุ คลแห่งการเรียนรู้ มที ักษะในการแสวงหาความรู้ สามารถเข้าถึงแหล่งเรยี นรู้ และบรู ณา การความรูม้ าใช้ในการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ระดบั การศึกษา ระดับการศกึ ษาแบ่งระดับการศึกษาออกเปน็ 3 ระดบั คือ - ระดับประถมศึกษา - ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ - ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย โดยแตล่ ะระดบั ใช้เวลาเรียน 4 ภาคเรยี น ยกเวน้ กรณที ม่ี ีการเทยี บโอน แต่ทง้ั นีต้ ้องลงทะเบียนเรียน ในสถานศกึ ษาอย่างน้อย 1 ภาคเรยี น สาระการเรยี นรู้ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ตามหลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ประกอบด้วย 5 สาระการเรยี นรู้ และ 18 มาตรฐานการเรยี นรู้ ดงั นี้ 1. สาระทกั ษะการเรยี นรู้ ประกอบด้วย 5 มาตรฐาน ดังนี้ มาตรฐานที่ 1.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตทิ ่ีดีต่อการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง มาตรฐานที่ 1.2 มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคติทด่ี ีต่อการใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ มาตรฐานที่ 1.3 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตทิ ี่ดตี อ่ การจดั การความรู้ มาตรฐานที่ 1.4 มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตทิ ด่ี ีต่อการคิดเป็น มาตรฐานที่ 1.5 มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติท่ีดตี อ่ การวจิ ัยอยา่ งงา่ ย 2. สาระความรู้พ้ืนฐาน ประกอบด้วย 2 มาตรฐาน ดงั น้ี
มาตรฐานท่ี 2.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และทกั ษะพน้ื ฐานเกย่ี วกับภาษาและการส่ือสาร มาตรฐานท่ี 2.2 มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพน้ื ฐานเก่ยี วกบั คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี 3. สาระการประกอบอาชีพ ประกอบดว้ ย 4 มาตรฐาน ดังนี้ มาตรฐานท่ี 3.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติท่ดี ีในงานอาชพี มองเหน็ ชอ่ งทาง และ ตัดสนิ ใจประกอบอาชีพได้ตามความต้องการ และศักยภาพของตนเอง 4. สาระทกั ษะการดาเนนิ ชีวิต ประกอบดว้ ย 3 มาตรฐาน ดังนี้ มาตรฐานที่ 4.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ เจตคตทิ ่ดี เี ก่ียวกับปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งและสามารถ ประยุกตใ์ ชใ้ นการดาเนนิ ชวี ิตได้อย่างเหมาะสม มาตรฐานท่ี 4.2 มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติทด่ี ีเก่ียวกับการดูแล ส่งเสริมสุขภาพ อนามยั และความปลอดภยั ในการดาเนนิ ชีวติ มาตรฐานที่ 4.3 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคตทิ ่ีดเี กยี่ วกับศิลปะและ สนุ ทรียภาพ 5. สาระการพฒั นาสังคม ประกอบด้วย 4 มาตรฐาน ดังน้ี มาตรฐานท่ี 5.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และตระหนักถึงความสาคัญเกี่ยวกับภมู ิศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื ง การปกครอง สามารถนามาปรับใชใ้ นการดารงชวี ติ มาตรฐานท่ี 5.2 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ เหน็ คุณคา่ และสบื ทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี เพือ่ การอยรู่ ว่ มกันอย่างสนั ตสิ ุข มาตรฐานที่ 5.3 ปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธิปไตย มจี ติ สาธารณะ เพ่ือความสงบสุข ของสังคม มาตรฐานที่ 5.4 มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นความสาคญั ของหลกั การพัฒนา และสามารถพฒั นา ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน/สงั คม หมายเหตุ สาระการเรียนร้คู วามร้พู น้ื ฐาน มาตรฐานที่ 2.1 มคี วามร้คู วามเข้าใจทกั ษะพื้นฐานเกยี่ วกับภาษา และการสอื่ สาร ซึ่งภาษาในมาตรฐานน้หี มายถึง ภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ
การลงทะเบียนเรยี นรายวชิ า การลงทะเบียนเรียนตามโครงสรา้ งหลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ใหล้ งทะเบียนเรียนเป็นรายวิชาและตามจานวนหน่วยกิต ในแต่ละภาคเรียนดังน้ี 1. ระดับประถมศกึ ษา ลงทะเบียนเรยี นทั้งหมด ไมน่ ้อยกว่า 48 หน่วยกิต ให้ลงทะเบยี นเรียนได้ภาค เรยี นละไมเ่ กิน 14 หน่วยกติ 2. ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ลงทะเบียนเรยี นทั้งหมด ไม่นอ้ ยกว่า 56 หน่วยกิต ให้ลงทะเบียนเรียน ไดภ้ าคเรยี นละไม่เกนิ 16 หนว่ ยกติ 3. ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ลงทะเบยี นเรียนทัง้ หมด ไมน่ ้อยกวา่ 76 หนว่ ยกิต ใหล้ งทะเบียน เรียนได้ภาคเรยี นละไม่เกนิ 20 หนว่ ยกิต
วิธกี ารเรียนรู้ตามหลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 จะมวี ิธี เดยี ว คอื “วธิ ีเรยี น กศน.” ทส่ี ามารถจัดการเรียนรู้ไดห้ ลายรปู แบบ เช่น - การเรียนรแู้ บบพบกลุ่ม - การเรียนรู้ด้วยตนเอง - การเรียนรแู้ บบทางไกล - การเรียนรแู้ บบชนั้ เรียน - การเรียนร้แู บบอน่ื ๆ ซ่งึ ในแตล่ ะรายวิชา ผูเ้ รยี นสามารถเลือกเรยี นรูปแบบใดรูปแบบหนงึ่ หรือหลายรปู แบบก็ได้ แต่ทั้งนี้ ต้องขึน้ อยู่กับสถานศึกษาและนกั ศึกษา การวัดและประเมินผลรายวิชา สถานศกึ ษาดาเนินการประเมินผลรายวชิ าดังน้ี 1.1. การวดั และประเมนิ ผลกอ่ นเรียน เปน็ การตรวจสอบความรู้ ทักษะและความพร้อมต่าง ๆ ของผู้เรียนเพือ่ เป็นข้อมลู พ้ืนฐานในการจดั กระบวนการเรียนรูใ้ ห้เหมาะสมกับสภาพความพรอ้ มและความรู้ พนื้ ฐานของผู้เรยี น 1.2. การวัดและประเมนิ ผลระหว่างภาคเรียน สถานศึกษาดาเนินการประเมินผลระหว่าง ภาคเรยี นเพอื่ ทราบความก้าวหน้าท้งั ด้านความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และพฤติกรรมการเรียนการรว่ มกจิ กรรมและ ผลงาน อนั เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รายละเอยี ดของคะแนนระหว่างภาค ประกอบดว้ ย 1). การใหค้ วามร่วมมอื กบั สถานศึกษา หมายถึง การทผี่ ู้เรียนมีส่วนร่วมใน กิจกรรมต่างๆ ของสถานศึกษา เช่น การร่วมเดินรณรงคต์ ่อตา้ นยาเสพติด การเข้ารว่ มในวนั สาคัญ ร่วมกจิ กรรม ของสถานศึกษา เป็นตน้ 2). ผลงานท่ีกาหนดเป็นรอ่ งรอยในแฟ้มสะสมงาน 3). การแสดงออกและการมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมการเรยี นรู้ หมายถึง การร่วม อภิปรายการชว่ ยงานกลมุ่ การตอบคาถาม 1.3. การวัดผลประเมินผลปลายภาคเรยี น มวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือทราบผลการเรยี นรู้โดยรวม ของผู้เรียนในแต่ละรายวิชา โดยใชเ้ ครือ่ งมือ เช่น แบบทดสอบปรนัย แบบทดสอบอัตนยั แบบประเมินการปฏบิ ัติ เป็นต้นการวดั และประเมินผลปลายภาคเรียนน้นั ผู้เรียนท่จี ะผ่านการประเมินรายวิชาใดจะตอ้ งเขา้ สอบปลายภาค เรียนและมีคะแนนปลายภาคเรียนรวมกบั คะแนนระหว่างภาคเรียนผ่านเกณฑข์ น้ั ต่าตามเกณฑ์ทีส่ านกั งาน กศน. กาหนด 1.4 การตัดสินผลการเรยี นรายวชิ า การตัดสินผลการเรียนรายวชิ า ใหน้ าคะแนนระหวา่ ง ภาคเรยี นมารวมกบั คะแนนปลายภาคเรียน และจะต้องได้คะแนนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 50 จึงจะถือวา่ ผา่ นการเรียน ในรายวชิ าน้ัน
ทั้งน้ี ผเู้ รียนต้องเข้าสอบปลายภาคเรียนดว้ ย แลว้ นาคะแนนไปเปรียบเทยี บกบั เกณฑ์ทก่ี าหนดโดยใหค้ ่าระดบั ผล การเรยี นเปน็ 8 ระดบั 2. การประเมินกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ การประเมินกิจกรรมพฒั นาคุณภาพชีวติ (กพช.)เป็นเงือ่ นไขหนง่ึ ทผ่ี ู้เรียนทกุ คนจะต้องไดร้ บั การ ประเมินตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนดโดยผู้เรียนจะต้องทากิจกรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิตไมน่ อ้ ยกว่า 100 ช่วั โมง จงึ จะได้รับการพจิ ารณาอนุมัตใิ ห้จบหลักสูตรในแตล่ ะระดับการศึกษา 3. การประเมนิ คุณธรรม เปน็ เง่อื นไขหนึง่ ทีผ่ ้เู รยี นทุกคนต้องได้รบั การประเมินตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด จึงจะได้รบั การพิจารณาให้ จบหลักสตู รในแตล่ ะระดบั การศกึ ษา โดยคณะกรรมการวดั และประเมนิ ผลของสถานศึกษาพิจารณาคณุ ธรรม เบอื้ งต้น ทสี่ านักงาน กศน. กาหนด ท้ังนี้สถานศึกษาสามารถกาหนดเพิ่มเติมได้ โดยเสนอขอความเห็นชอบจาก คณะกรรมการสถานศึกษาและประกาศใหผ้ ูเ้ กีย่ วขอ้ งได้รับทราบและมสี ่วนรว่ มในการประเมนิ คุณธรรม เกณฑ์การจบหลกั สูตร ผู้เรียนทัง้ ระดบั ประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มีเกณฑ์การ จบหลักสูตรในแตล่ ะระดบั การศกึ ษา ดงั นี้ 1. ผา่ นเกณฑ์การประเมินการเรยี นร้รู ายวชิ าในแตล่ ะระดับการศึกษาตามโครงสร้างหลกั สตู ร 1.1 ระดับประถมศึกษา ไม่นอ้ ยกว่า 48 หนว่ ยกติ แบง่ เปน็ รายวชิ าบงั คับ 36 หนว่ ยกิต และ วิชาเลือกไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต 1.2 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ไมน่ ้อยกวา่ 56 หนว่ ยกติ แบ่งเปน็ วิชาวบังคับ 40 หนว่ ยกิต และวชิ าเลือกไม่น้อยกว่า 16 หน่วยกิต 1.3 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ไม่นอ้ ยกว่า 76 หนว่ ยกติ แบ่งเป็นวิชาบังคบั 44 หน่วยกติ และวิชาเลือกไม่น้อยกวา่ 32 หน่วยกิต 2. ผา่ นเกณฑ์การประเมินกจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ (กพช.)ไม่น้อยกว่า 200 ชัว่ โมง 3. ผา่ นการประเมินคณุ ธรรม ในระดับพอใชข้ ้ึนไป 4. เขา้ รับการประเมินคุณภาพการศกึ ษานอกระบบระดับชาติ
โครงการจดั การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน หลักการและเหตุผล โครงการจัดการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน เป็นการจดั การศึกษาขัน้ พน้ื ฐานแกป่ ระชาชนวัยแรงงาน เพ่ือยกระดบั ความรู้จากประชาชนท่ีพลาดโอกาสทางการศกึ ษาในระบบโรงเรียนไดร้ บั การศึกษานอกระบบ ระดับประถม, มธั ยมศกี ษาตอนต้น, มธั ยมศึกษาตอนปลาย ซ่งึ เราตระหนักและเลง็ เหน็ ความสาคญั ถงึ เยาวชนท่ีอย่ใู นชุมชน ทอ้ งถ่นิ โดยเฉพาะประชาชนทพ่ี ลาดโอกาสทางการศึกษาและประชาชนท่ีอยู่ห่างไกล ปัจจบุ นั นไี้ ด้มี สถาบนั การศึกษาหลากหลายใหป้ ระชาชนไดเ้ ลือกศึกษา หากมีพืน้ ฐานทางการศึกษาที่ดี มีการกระตนุ้ และ ส่งเสริมเปดิ โลกความคิด และจนิ ตนาการของผู้เรยี นได้อย่างกวา้ งไกล ยอ่ มจะพฒั นาผู้ท่จี ะเปน็ กาลังของชาตไิ ด้ ใหม้ โี อกาสทางการศึกษาทเ่ี หมาะสมกบั วยั และความสนใจ เพอื่ ส่งเสริมนิสยั รกั การเรียนและเห็นความสาคัญของ การเรยี นรู้ตลอดชีวติ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ เพม่ิ โอกาสทางการศึกษาให้กบั ประชาชนวัยแรงงาน 2. เพอ่ื ยกระดบั ความรูจ้ ากประชาชนท่พี ลาดโอกาสทางการศกึ ษาในระบบโรงเรยี นได้รบั การศกึ ษานอก ระบบ 3. สามารถนาความรทู้ ี่ได้รับจากการเรยี น กศน.ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ให้เกดิ ประโยชน์ได้ 4. เพอ่ื ส่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนทั่วไปและชุมชนในท้องถ่ิน ตระหนกั และเลง็ เหน็ ความสาคญั ของการศึกษา ซง่ึ จะนาไปสู่การพัฒนาตน ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติต่อไป
บทนา 1. หลักการและเหตุผล เน่ืองจาก กศนตาบลวงั หลวง ไดเ้ หน็ ความสาคัญของศึกษาในปัจจบุ นั และเปน็ กิจกรรมท่เี น้นจัดการเรยี นรู้ การบรกิ ารความรพู้ ้ืนฐานทีจ่ าเปน็ ต่อการดารงชวี ิต และเพื่อการศกึ ษาต่อแบบมีระดับชั้น โดยมีหลกั สูตรการ เรียนรู้ มกี ารกาหนดคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ของผ้เู รยี นชัดเจน มกี ารจดั การศึกษา เช่น 1.1 การจดั การศึกษา กศน.พ้นื ฐานระดบั ประถม 1.2 การจดั การศึกษา กศน.พนื้ ฐานระดบั ม.ตน้ 1.3 การจัดการศึกษา กศน.พนื้ ฐานระดบั ม.ปลาย และยงั ไดม้ กี ารปฏริ ูปการศึกษาเร่ือยมาตามยุคสมัย เพื่อใหส้ อดคล้องกบั วิถชี ีวิตของประชาชน การจดั การศึกษา เทยี บเทา่ การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานเป็นการจดั การศกึ ษาสาหรับกลมุ่ เปา้ หมายนอกระบบโรงเรียนด้วยรปู แบบ วิธีการท่ี เหมาะสมและมสี าระหลักสตู รท่ีหลากหลาย สอดคล้องกบั ความต้องการ เพื่อให้กล่มุ เป้าหมายมคี วามรู้และ ทกั ษะพื้นฐานในการดาเนนิ ชีวิต การทางานและการศึกษาต่อเนอ่ื ง ก่อให้เกดิ ชวี ิตท่ีมั่นคงและสามารถอยูร่ ่วมใน สังคมได้อย่างมคี วามสขุ และสรา้ งสังคมไทยใหเ้ ปน็ สงั คมแห่งการเรียนรู้ ตามหลักปรชั ญา “คดิ เปน็ ” 2. วตั ถุประสงค์ 1.เพอ่ื ใหน้ ักศึกษามีคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มทด่ี ีงาม และสามารถอยรู่ ่วมกันในสงั คมอย่างสันติสขุ 2.เพื่อใหน้ ักศึกษามีความรู้พ้นื ฐานสาหรับการดารงชีวติ และการเรียนรตู้ ่อเน่ือง 3.เพื่อใหน้ ักศึกษามีความสามารถในการประกอบสัมมาอาชีพ ให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนดั และ ตามทันความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกจิ สงั คม และการเมอื ง 4.เพือ่ ใหน้ ักศึกษามที กั ษะการดาเนนิ ชีวิตทดี่ ี และสามารถจัดการกบั ชวี ิต ชมุ ชน สังคม ไดอ้ ย่างมี ความสขุ ตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 5.เพอ่ื ใหน้ ักศึกษามคี วามเข้าใจประวัตศิ าสตร์ชาติไทย ภูมใิ จในความเปน็ ไทย โดยเฉพาะภาษา ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี กีฬา ภมู ปิ ญั ญาไทย ความเป็นพลเมืองดี ปฏิบัติตนตามหลกั ธรรมของศาสนา ยึดมัน่ ใน วิถชี วี ติ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมขุ 6.เพื่อใหน้ ักศึกษามีจติ สานกึ ในการอนุรักษ์ และพฒั นาทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม 7.เพอื่ ให้นักศึกษาเปน็ บุคคลแห่งการเรยี นรู้ มที กั ษะในการแสวงหาความรู้ สามารถเข้าถึง แหล่งเรียนรู้ และบูรณาการความรู้มาใช้ในการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ 3. ขอบเขตของโครงการ 3.1 เปา้ หมาย - ประชาชนทั่วไปทีไ่ มไ่ ด้อยู่ในระบบโรงเรียนในเขตตาบลวงั หลวง - ระยะเวลา 1 พฤศจิกายน 2562 ถงึ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563 - สถานที่การเรียน 1. กศน.ตาบลวังหลวง อาเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคาย
สรปุ ผลการดาเนินงานและข้อเสนอแนะ 1. ปัจจัยปอ้ น จานวนนักศกึ ษา วงั หลวง ภาคเรียนที่ 1/2563 - ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 32 คน - ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 43 คน รวมทง้ั สิน้ จานวน 75 คน 2. กระบวนการจดั การรู้ 2.1 โดยครู กศน. เป็นผู้ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเป็นรายกลุ่มใหญ่ กลุ่มย่อย และ รายบุคคล ( Individualized Education Program /Plan) ในขณะเดียวกันครูและผู้เรียนตอ้ งร่วมกันในการ อภปิ ราย แลกเปลี่ยนความร้แู ละประสบการณแ์ ละสรปุ ผลการเรียนร้รู ่วมกนั อนั จะทาให้ไดอ้ งคค์ วามรู้ใหม่ๆ 2.2 ผู้เรียนใช้วิธีการเรียนรู้หลายวิธผี สมกันท้ังการเรียนร้ดู ้วยตนเอง การเรียนรู้แบบทางไกล การพบกลุ่ม การเข้าค่าย การสอนเสริม หรือ การเรยี นโดยโครงงาน การเรียนรู้ท่ีหลากหลายวธิ ีจะตอ้ งมีแผนการเรียนรู้ โดยครู และผู้เรียนจัดทาสัญญาการเรียนรู้ร่วมกัน และครูจะเป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุนและกากับให้การเรียนรู้ของผู้เรียน เปน็ ไปตามแผนและบรรลเุ ป้าหมาย - ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ จานวน 32 คน - ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 43 คน รวมทั้งสน้ิ จานวน 75 คน 3. ผลผลติ เชงิ ปรมิ าณ จานวนนักศึกษาท่มี าเรียน เชงิ คุณภาพ สภาพการจัดกิจกรรม เป็นไปตามตวั ชี้วัดและวัตถุประสงค์ เชน่ นกั ศึกษาทมี่ าเรียนให้ ความร่วมมอื เป็นอยา่ งดีทาให้การจัดกิจกรรมเปน็ ไปตามแผนและผ้เู รียนก็มีความสขุ สนุกกบั การพบกลุ่มไดค้ วามรู้ กลบั ไปพัฒนาตนเองครอบครัว
ผลการดาเนินงานดา้ นการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน ตารางข้อมลู นกั ศึกษาภาคเรยี นที่ 1 /2563 กศน.ตาบลวงั หลวง ระดบั ชน้ั ภาคเรยี นท1่ี /2563 การพบกลมุ่ ชาย หญงิ รวม อยา่ งนอ้ ย ประถมศึกษา 24 8 32 6 ช.ม./สปั ดาห์ มธั ยมศึกษาตอนต้น 25 18 43 6ช.ม./สัปดาห์ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 49 26 75 ยอดรวม ( ทมี่ าของข้อมูล: ข้อมูลพืน้ ฐานทางการศึกษาจากการลงทะเบยี นเรยี น ประจาภาคเรยี น 1 / 2563) ข้อมลู เขา้ สอบ- ขาดสอบ นักศกึ ษาภาคเรียนที่ 1/2563 ระดบั ชน้ั จานวน ภาคเรียนที่1/256 รอ้ ยละ นกั ศึกษา เขา้ สอบ รอ้ ยละ ขาดสอบ ประถมศึกษา ท้งั หมด 0 มัธยมศกึ ษาตอนตน้ 32 100 - 11.63 มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 32 38 88.37 0 6.67 43 70 93.33 5 ยอดรวม 75 5
สรปุ แบบประเมนิ ความพึงพอใจการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน ภาคเรียนที่ 1/2563 กศน.ตาบลวังหลวง อาเภอเฝา้ ไร่ จงั หวัดหนองคาย ********************************************************************** คาชแ้ี จง กรุณาเติมขอ้ ความลงในชอ่ งว่าง และทาเครือ่ งหมาย ลงในช่อง □ ทตี่ รงกบั ความคิดเห็นของทา่ น ตอนท่ี 1 ข้อมูลทั่วไป 1. ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ จาแนกตามเพศ (N = 75 คน) ชาย หญงิ รวม(คน) 49 26 75 จากตารางท่ี 1 แสดงว่านักศกึ ษา ส่วนใหญ่เป็นชาย คอื จานวน 49 คน คดิ เปน็ ชาย รอ้ ยละ 65.33 และ เป็นหญิง จานวน 26 คน รอ้ ยละ 34.67 2. ผู้เข้ารว่ มโครงการจาแนกตามอายุ ชว่ งอายุ จานวน(คน) ร้อยละ 15-19 ปี 37 49.33 20-29 ปี 20 26.67 30-49 ปี 19 22.67 50 ปีขึน้ ไป 75 100 รวม จากตารางที่ 2 แสดงว่านกั ศึกษาส่วนใหญ่มอี ายุระหวา่ ง 15-19 ปี คิดเปน็ ร้อยละ 49.33 ลาดับที่ 2 อายุ ระหว่าง 20-29 ปี คิดเปน็ รอ้ ยละ 26.67 ลาดบั ที่ 3 มีอายุระหวา่ ง 30-49 ปี คิดเปน็ ร้อยละ 22.67 และลาดับที่ 4 มอี ายุ 50 ปี ข้นึ ไป คิดเปน็ ร้อยละ 1.33 3. ผ้เู ข้ารว่ มโครงการจาแนกตามระดับการศึกษา จานวน(คน) รอ้ ยละ ลาดับ ระดับ 1 32 42.66 2 ม.ต้น 43 57.34 3 ม.ปลาย 75 100 รวม จากตารางที่ 3 แสดงวา่ แสดงว่านกั ศึกษา ส่วนใหญ่มรี ะดับการศกึ ษาในระดับ ม.ปลาย จานวน 43 คน คดิ เป็นร้อยละ 57.34 มีระดบั การศึกษาในระดบั ม.ตน้ จานวน 32 คน คิดเปน็ ร้อยละ 42.66
4. ผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการจาแนกตามอาชีพ ลาดับ อาชพี จานวน(คน) 1 เกษตร 10 2 รบั จา้ ง 59 3 คา้ ขาย 5 4 อน่ื ๆ 3 รวม 75 จากตารางท่ี 4 แสดงว่า ผเู้ ข้ารว่ มโครงการสว่ นใหญ่มีอาชีพ รับจา้ ง (รอ้ ยละ 69.33) รองลงมามอี าชีพ เกษตรกร (รอ้ ยละ 10.66) และ มีอาชีพ ค้าขาย (รอ้ ยละ 6.66) สดุ ท้ายมีอาชีพอื่นๆเชน่ พระ แม่บา้ น บริการ เสรมิ สวย (ร้อยละ 4.00) สว่ นท่ี 2 ดา้ นกระบวนการจัดกิจกรรมและความพงึ พอใจของผู้เรียน/ผ้รู บั บริการ 5 หมายถึง มากท่สี ดุ 4 หมายถงึ มาก 3 หมายถงึ ปานกลาง 2 หมายถงึ น้อย 1 หมายถงึ นอ้ ยทส่ี ุด ข้อ สาระทป่ี ระเมิน ระดบั ความคิดเหน็ 1 5432 - - 1 เนอื้ หาสาระ 98% 2% - - - - 2 วัสดุ/สอื่ การจัดกิจกรรม 99% 1% - - - - 3 ความรทู้ ่ไี ดร้ บั จากเน้ือหา 98% 2% - 4. การจัดการเรียนการสอนของครูประจาศนู ย์ 100% - - - 5. การบรรลุตามวตั ถุประสงค์ 100% - - - 6. การนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั 100% - - - ตอนที่ 3 ข้อคิดและข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ๑. นักศึกษาควรมใี นการศึกษาค้นคว้าหาขอ้ มลู เพ่ิมเติมจากแหลง่ เรยี นรู้ เชน่ ห้องสมดุ ประชาชน ตอนท่ี 4 การนาไปใช้ 1. ผ้เู รียนสามารถนาความรทู้ ่ตี นเองเรยี นมาใชใ้ นชีวิตประจาวันได้ 2. ผเู้ รียนสามารถนาความรไู้ ปใชเ้ ผยแพร่ในชุมชนได้ 3. ผู้เรียนสามารถนาความรู้ไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจาวันให้เข้ากบั เศรษฐกจิ ของโลกอาเซยี น ได้ ขอขอบคุณท่ีใหค้ วามรว่ มมอื กศน.ตาบลวังหลวง
ภาพกิจกรรมการดาเนนิ งาน การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน ปฐมนิเทศนกั ศกึ ษาสายสามญั ภาคเรียนท่ี 2/2562 ณ หอประชมุ ทว่ี า่ การอาเภอเฝ้ าไร่ ลงพนื ้ ทรี่ ับสมคั รนกั ศกึ ษา ลยุ ถึงที่ เข้าถงึ กลมุ่ เป้ าหมาย
เยยี่ มบ้านผเู้ รียน กจิ กรรมการพบกล่มุ
โครงการพฒั นาผู้เรยี น
โครงการพัฒนาทักษะการเรยี นรู้ผูเ้ รยี นดา้ นภูมิปญั ญาท้องถ่ิน โครงการสง่ เสรมิ คณุ ธรรมจริยธรรมเพื่อพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี น โครงการอบรมส่งเสริมสขุ ภาพ และป้องกนั โรคติดตอ่ ในวยั เรยี น โครงการอบรมวัยรุน่ วัยใส ห่างไกลยาเสพติด
โครงการคา่ ยวชิ าการเติมเตม็ ความรกู้ ลุ่มสาระวชิ าพ้นื ฐาน กจิ กรรมอบรมทักษะการทาโครงงานส่ิงประดษิ ฐ์ และนวัตกรรมนกั ศกึ ษา
แบบประเมินความพงึ พอใจhttps://forms.gle/Yy6kkEKkCjnQfE6XA แบบติดตามนกั ศึกษาข้นั พืน้ ฐาน กศน.ตาบลวังหลวง https://forms.gle/cadipC5iTUNg97Pw8 Facebook เผยแพร่ข้อมลู การจัดกิจกรรม
การเผยแพร่ผลงานกิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียนผา่ นช่องทาง Facebook กศน.ตาบลวงั หลวง
หอ้ งเรยี นออนไลน์ ครู ร่งุ นภา กลา้ หาญ
Website กศน.ตาบลวังหลวง
คานา กจิ กรรมดา้ นการศึกษาขน้ั พื้นฐาน จดั เป็น Best Practice ของ กศน.ตาบลวงั หลวง เปน็ การยกระดบั การจดั การศึกษาเพ่ือพฒั นาศักยภาพและขดี ความสามารถให้ประชาชน ไดม้ กี ารเสริมทักษะความรู้ สามรถเป็น บุคคลทีม่ ีคุณธรรม จริยธรรม มีจติ สานึกความรับผิดชอบต่อตนเอง ผอู้ นื่ และสงั คม กจิ กรรมด้านการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน จัดเป็น Best Practice ของ กศน.ตาบลวังหลวงเพื่อการส่งเสรมิ กิจกรรมการเรยี นการสอนให้กบั ผ้พู ลาดโอกาส ของตาบลวงั หลวง ตอ่ ไปไดอ้ ย่างเปน็ รปู ธรรมและมีคุณภาพ กศน.ตาบลวงั หลวง เปน็ อยา่ งยิง่ วา่ เอกสารเล่มนีจ้ ะบ่งบอกถึงการบรรลุวตั ถุประสงค์ของการจัด กิจกรรม ดา้ นการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน จดั เปน็ Best Practice ของ กศน.ตาบลวังหลวง และจะเป็นประโยชน์ตอ่ การจดั กิจกรรมของ สานกั งาน กศน. ทั้งในการบริหารงาน การพัฒนางาน การทางาน ทต่ี รงตามความต้องการของผเู้ รียน ผรู้ ับบรกิ ารและชมุ ชนและสามารถเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนได้ ขอขอบคุณผ้มู ีสว่ นเก่ียวข้องและให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามทุกท่านไว้ ณ โอกาสน้ีด้วย กศน.ตาบลวงั หลวง
สารบญั ความเป็ นมา วตั ถุประสงค์ จดุ เดน่ การบรหิ ารจัดการ สถานท่ดี าเนนิ การ/ตดิ ตอ่ สอบถามรายละเอยี ด ภาคผนวก
ทป่ี รกึ ษา 1. นายทวีศกั ดิ์ สุทธศรี ผู้อานวยการ กศน.อาเภอเฝ้าไร่ 2. นายอภวิ ัฒน์ จริ ะชาติ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรยี น ผูจ้ ดั ทา 1. นางรุ่งนภา กล้าหาญ กศน.ตาบลวังหลวง รวบรวม/เรียบเรยี ง/จดั พิมพ์ 1. นางรงุ่ นภา กล้าหาญ กศน.ตาบลวังหลวง ออกแบบปก/รูปเล่ม 1. นางร่งุ นภา กล้าหาญ กศน.ตาบลวังหลวง
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: