สรปุ หนังสือเรื่อง “สังคมและวัฒนธรรมในอุษาคเนย์” ผูเ้ ขียน ..ปราณี วงษ์เทศ
เสนอ รองศาสตราจารย์ ดร.สมศกั ด์ิ ศรีสนั ติสขุ โดย.. นางสาวลดั ดาวลั ย์ สพี าชยั รหสั 587220013-7 ปรชั ญาดุษฎีบนั ฑิต สาขาวิชาวิจยั ศิลปะและวฒั นธรรม(ภาคพเิ ศษ) คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอษุ าคเนย์ ทฤษฎีวิวฒั นาการทางศาสนา Robert Bellah : การเปลีย่ นแปลงทางสงั คมวฒั นธรรมสามารถ พจิ ารณาหรือวิเคราะหผ์ ่าองคป์ ระกอบในสถาบนั ศาสนาแต่ละ สงั คมได้ โดยดูจาก ระบบสญั ลกั ษณ์ พธิ ีกรรม องคก์ รทางศาสนา อิทธิพลทีศ่ าสนามีต่อสงั คม เมอื่ สงั คมเปลีย่ นไปสถาบนั ต่างๆก็ ตอ้ งเปลยี่ นแปลงตามดว้ ย
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอษุ าคเนย์ สงั เขปทฤษฎีวิวฒั นาการ ปรากฏคร้งั แรกในคริสตวรรษที1่ 9 โดย ชาร์ล ดาร์วนิ (Charles Darwin) ส่งผลต่อแนวคิดนกั มานุษยวิทยาในเวลาต่อมา เช่น Johann J.bachofan สงั คมยุคแรกเกดิ จากผูห้ ญงิ ก่อกบฏ การสาส่อนทางเพศ Sir Henry Maine สงั คมใหค้ วามสาคญั กบั ฐานะสงั คมของปัจเจกชน John Mclennen สงั คมเริม่ ตน้ ป่ าเถอื่ น มีการแต่งงานในกลุ่มและวิวฒั นาการ แต่งงานนอกกลุ่ม Lewis Henry Morgan สงั คมไดพ้ ฒั นาสามระดบั 1.ยคุ คนป่ า 2.ยคุ อานารยชน 3.ยคุ อารยชน
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอุษาคเนย์ มติ ิทนั สมยั เบลล่าห์ จาแนกวิวฒั นาการสงั คมวฒั นธรรม 5 ระดบั คือ 1.สงั คมด้งั เดิม 2.สงั คมโบราณ 3.สงั คมยุคประวตั ิศาสตร์ 4.สงั คมตน้ สมยั ใหม่ 5.สงั คมสมยั ใหม่ ก่อนจะนามาใชต้ อ้ งพจิ ารณาดา้ นต่างๆ ดงั น้ ี
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอษุ าคเนย์ มิติทนั สมยั (ต่อ ) 1.การจดั ระเบียบทางสงั คม การเมืองและเศรษฐกจิ 2.เครือญาติและโครงสรา้ งครอบครวั 3.ความแตกต่างทางสงั คม (Social differentiation) ก า ร เ ลื่ อ น ส ถ า น ะ ท า ง ส ัง ค ม ( mobility) แ ล ะ ก า ร เปลีย่ นแปลง(Change)
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอษุ าคเนย์ ศาสนาและอุดมการณ์ แนวโนม้ ของศาสนาและอุดมการณใ์ นสงั คมสมยั ใหม่จะมุ่งไปสู่ “จริยธรรมที่เป็ นสากล” โดยมีหลกั การว่า มนุษยจ์ ะถูกประเมินหรือตดั สนิ บนพ้ นื ฐานของผลงานหรือความสามารถของตน มากกว่าบนพ้ ืนฐานของ สถานภาพที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ไดร้ บั มาแต่กาเนิด ยิ่งสงั คมทนั สมยั มาก เพียงใด สมาชิกก็จะเชื่อนอ้ ยลงว่าสังคมที่ตนอยู่จะมีอิทธิพลควบคุม จักรวาลและอุดมคติของคนได้ ในทางกลับกนั ในสงั คมด้งั เดิม เชื่อว่า จักรวาลมิไดถ้ ูกแบ่งแยกออกจากสงั คม แต่มีส่วนในการควบคุมสงั คม มนุษยด์ ว้ ย
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอษุ าคเนย์ เทคโนโลยี ความทันสมัยของเทคโนโลยีนอกจากเกิดระบบ อุตสาหกรรมแล้ว ยังมีการนาเทคโนโลยีมาใช้ใน การเกษตรกรรมดว้ ย เครื่องยนตก์ ลไกใชใ้ นการเกษตร ก ร ร ม จึ ง มี ค ว า ม ส า คัญ เ ท่ า กัน เ ค รื่ อ ง จั ก ร ใ น อุตสาหกรรม เทคโนโลยีจึ งเปลี่ยนจากสังคม เกษตรกรรมใหเ้ ป็ นอุตสาหกรรม
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอุษาคเนย์ ทิศทางของประวตั ิศาสตรโ์ ลก สงั คมที่ทนั สมยั มากเพียงไร ก็ยิ่งมีความสามารถที่จะ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมไปถึงมนุษย์ สิ่งแวดลอ้ ม ทางสงั คม และบุคลิกภาพจิตใจของสมาชิกในสงั คมดว้ ย หลกั ของกระบวนการวิวฒั นาการเชื่อว่า ผูอ้ ยู่รอดไดจ้ ะเป็ นผูผ้ ลิต วฒั นธรรม ผูไ้ ม่สามารถปรบั ตวั หรือปรบั ตวั ไดน้ อ้ ยกว่า จะไม่ สามารถอยู่รอดได้ วฒั นธรรมบางอย่างจึงจะสูญหายไปตาม กาลเวลาพฒั นาการของสงั คมวฒั นธรรมในอษุ าคเนย์
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอุษาคเนย์ สงั คมด้งั เดิม ดารงชีพดว้ ยการหาของป่ า ล่าสตั ว์ ไม่รูจ้ กั การทาการ เกษตรกรรมหรือเล้ ยี งสตั ว์ เร่ร่อนหาอาหาร อดุ มคติและโลกของความเป็ นจริงท้งั จกั รวาลและสงั คมเป็ น หนงึ่ เดียวกนั ใหค้ วามสาคญั กบั ระบบเครือญาติ ในการจดั ระเบยี บสงั คม การแลกเปลีย่ นสนิ คา้ และบริการ ทาตามบริบทของเครือ ญาติและพธิ ีกรรม
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอษุ าคเนย์ รฐั โบราณในอุษาคเนย์ สังคมประกอบด้วยกลุ่มคน 2ช้ัน คือผู้นาทางศาสนา การเมือง กบั สามญั ชนที่ทางานหนกั เพือ่ สนบั สนุนชนช้นั ปกครอง แม้ ปรบั รูปแบบมาจากอินเดียแต่บรรดาพราหมณท์ ี่ประกอบพิธีกรรมจะ อยู่ภายใตบ้ งั คบั บญั ชาของเทวราช มีการรวมศูนยอ์ านาจ จะกระจุกตัวอยู่ในเมือง อาณาจักร การรวมศูนยอ์ านาจทาใหก้ ษตั ริยส์ งั คมโบราณควบคุมประชากร และ ใชแ้ รงงานก่อสรา้ งสิง่ ใหญ่ๆโตๆได้
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอษุ าคเนย์ สงั คมยุคประวตั ิศาสตร์ พ้ ืนฐานวฒั นธรรมมาจากศาสนา ไดแ้ ก่ พุทธ คริสต์ อิสลาม โดยมีทศั นะความเชื่อว่ามีช่องว่างระหว่างโลกน้ ีกบั โลกหนา้ และมที ศั นะว่าโลกน้ ไี ม่มคี ณุ ค่าเท่าโลหหนา้ พระสงฆใ์ นพุทธศาสนา มีหนา้ ที่เผยแผ่ธรรมะของพระพุทธเจ้า มีบทบาท เป็ นผูน้ าด้านภูมิปัญญา เป็ นที่พึ่งทางจิตใจของชาวบา้ น มากกว่ารฐั
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอษุ าคเนย์ ระบบราชการกบั กษตั ริยไ์ ทย กษตั ริยท์ รงมฐี านะเป็ นจกั รพรรดิราช ท้งั ในทางโลกที่ ตอ้ งทาสงครามกบั ผูท้ ี่เป็ นอริกบั พุทธศาสนา และทรงเป็ น จกั รพรรดิผูพ้ ิทกั ษแ์ ละปกป้ องพุทธศาสนาโดยเป็ นพุทธมาม กะดว้ ย ความสมั พนั ธร์ ะหว่างพระสงฆก์ บั รฐั มอี ยูอ่ ยา่ งใกลช้ ิด เสมอ ระบบกษตั ริยแ์ ละการจดั ระเบียบราชการของไทย เดิน ตามความเชื่อของโลกภูมิทีเ่ นอื่ งในศาสนาพุทธและฮินดู
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอุษาคเนย์ สงั คมวฒั นธรรมสมยั ใหม่ยุคตน้ ไดแ้ ก่ สงั คมที่นบั ถือศาสนาคริสต์นิกานโปรแตสแตนต์ ตาม แนวคิดจริยธรรมโปรแตสแตนตข์ อง แมกซ์ เวเบอร(์ Max Waber) ลทั ธิแคลวนิ นิสต์ เป็ นลกั ษณะของศาสนายคุ ใหม่ คือ 1.ปฏิเสธโครงสรา้ งของชนช้นั ที่ใชเ้ ป็ นบนั ไดสู่พระเจ้า เชื่อว่ามนุษย์ ติดต่อกบั พระเจา้ ไดโ้ ดยตรง 2.พวกแคลวินนิสตไ์ ม่เห็นดว้ ยกบั วิถีชีวิตของนกั บวช แต่ดาเนินชีวิต แบบนกั บวชเสยี เอง
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอษุ าคเนย์ สงั คมวฒั นธรรมสมยั ใหม่ยุคตน้ (ต่อ) 3.ไม่เห็นดว้ ยกบั ความคิดเรื่องโซ่ตรวจมนุษย์ ที่เชื่อว่าพระเจ้ามี อานาจสูงสุดเพยี งผูเ้ ดยี ว 4.การทางานหนักคือ สิ่งที่พระเจ้าเรียกร้องจากมนุษย์ ปฏิเสธ พธิ ีกรรม ศึกษาคมั ภีรใ์ นภาษาทอ้ งถนิ่ เวเบอร์ อธิบายว่าสงั คมใดมีจริยธรรมของโปรแตสแตนตเ์ กิดข้ ึน อย่างมนั่ คง ลทั ธิทุนนิยมและจิตวิญญาณ ของทุนนิยมก็จะเกิดข้ ึนอย่าง แพร่หลาย ขณะที่ในสงั คมที่ไม่มีจริยธรรมทางศาสนาแบบโปรแตสแตนต์ ระบบทุนนิยม ก็จะมพี ฒั นาการอยา่ งจากดั ตามไปดว้ ย
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอุษาคเนย์ สรุป ไดว้ ่า - พฒั นาการทางศาสนาแสดงใหเ้ ห็นถงึ ความเชื่อในแต่ ละยุคทีเ่ ปลีย่ นไป - สงั คมยคุ ประวตั ิศาสตร์ มคี วามเป็ นสากลมากกว่า สงั คมด้งั เดิมและสงั คมโบราณ การเขา้ ถงึ สถานภาพ ทางศาสนาก็เป็ นสงิ่ ทีม่ นุษยท์ ุกคนแสวงหาไดไ้ ม่ว่าจะมี สถานภาพใด
1.แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกบั พฒั นาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของมนุษยใ์ นอุษาคเนย์ - สงั คมสมยั ใหม่ คนจะไม่สนใจโครงสรา้ งของชนช้นั แต่จะถูกทดแทนดว้ ยกลุ่มที่มีความสมคั รใจในรูปแบบ ต่างๆมีหลายศูนยก์ ลางและมีความยีดหยุ่นมากกว่า เครือญาติหรือขุนนางต่างๆ และลว้ นแข่งขนั กนั เพือ่ จะ มีส่วนร่วมในอานาจ ไม่มีองคก์ รใด เช่นรฐั หรือศาสน จกั รทีจ่ ะผูกขาดอานาจได้
2.พฒั นาการทางสงั คมและวฒั นธรรมของกล่มุ ชน ด้งั เดิมและชนเผ่าต่างๆ ในอุษาคเนย์ ว ัฒ น ธ ร ร ม แ บ บ ด้ ัง เ ดิ ม แ ล ะ แ บ บ ช น เ ผ่ า ใ น อุ ษ า ค เ น ย ์ส ม ัย ก่ อ น ประวตั ิศาสตรแ์ ละสมยั ประวตั ิศาสตร์ สภาพภูมิศาสตรท์ ีเ่ ป็ นเทือกเขาสูงตา่ หบุ เขาทีร่ าบสูง ทุ่งราบ แสดงใหเ้ ห็นถึงวิถีชีวิตการปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั สภาพแวดลอ้ ม ของคนแถบน้ ี
2.พฒั นาการทางสงั คมและวฒั นธรรมของกล่มุ ชน ด้งั เดิมและชนเผ่าต่างๆ ในอษุ าคเนย์ มนุษยย์ คุ แรกในอษุ าคเนยภ์ าคพ้ นื ทวีป - มนุษยย์ คุ แรก คือ พวกมนุษยว์ านรมเี ครื่องมือหิน ทาเป็ นเครือ่ งตดั ส้นั เป็ น เครื่องมือหินกรวดประกอบดว้ ยสะเก็ดหินหยาบๆ กะเทาะเพียงหนา้ เดียวหรือ สองหนา้ - เชื่อว่ามนุษยใ์ นปัจจุบนั สืยเช้ ือสายมาจากมนุษยว์ านร แต่จุดเริ่มตน้ ความ แตกต่างทางเช้ ือชาติระหว่างชนเผ่ามองโกลอยด์ และออสโตรลอยด์ ยงั มดื มน แต่ดูเหมือนว่าท้งั สองอยู่ร่วมกนั บนพ้ ืนแผ่นดินใหญ่ของเอเชีย ชนเผ่า ออสโตรลอยดไ์ ดค้ รองพ้ ืนที่อุษาคเนย์ ส่วนมองโกลอยด์ จะอาศยั ทางตอน เหนอื คือ ประเทศจีนปัจจุบนั
2.พฒั นาการทางสงั คมและวฒั นธรรมของกล่มุ ชน ด้งั เดิมและชนเผ่าต่างๆ ในอษุ าคเนย์ มนุษยย์ คุ แรกในอษุ าคเนยภ์ าคพ้ ืนทวีป (ต่อ) - จนประมาณ3,000-2,500ปี ก่อนคริสตศกั ราช คน้ พบใน ภาคอีสานของประเทศไทย ในกมั พูชาและเวียดนามใตว้ ่าอุษาคเนยไ์ ด้ ทาโลหะสมั ฤทธ์ิก่อนจีนและอินเดีย - ยุคหลังวัฒนธรรมโฮบินเนียน เช้ ือชาติที่เขา้ ครอบครอง อุษาคเนยไ์ ดเ้ ปลีย่ นจาก ออสโตรลอยดเ์ ป็ นเผ่ามองโกลอยด์
2.พฒั นาการทางสงั คมและวฒั นธรรมของกล่มุ ชน ด้งั เดิมและชนเผ่าต่างๆ ในอุษาคเนย์ กลุ่มภาษาศาสตรแ์ ละประวตั ิศาสตรว์ ฒั นธรรมในอุษาคเนย์ ภาคพ้ นื ทวีป ในขณะน้ กี ารศึกษาเกยี่ วกบั ภาษาของอษุ าคเนย์ ยงั เป็ นเรื่อง ทีส่ รุปไม่ได้ และยงั มีขอ้ ขดั แยง้ ทีข่ ้ ึนอยูก่ บั ทฤษฎีเกยี่ วกบั การ กาเนิดของยุคก่อนประวตั ิศาสตรแ์ ละการแพร่กระจายของกล่มุ ภาษาศาสตร์ ของชนชาติต่างๆในอุษาคเนยด์ ว้ ย
2.พฒั นาการทางสงั คมและวฒั นธรรมของกล่มุ ชน ด้งั เดมิ และชนเผ่าต่างๆ ในอุษาคเนย์ ขา้ วนาดาและการเกดิ อารยธรรม (ต่อ) - การทานาดาในอุษาคเนย์ มิไดค้ น้ พบทางโบราณคดีเท่าน้นั แต่มาจาก เอกสารจีนดว้ ย มีการบนั ทึกว่ามีวฒั นธรรมการปลูกขา้ วดว้ ยวิธีทดน้า ทาง ตอนใต้ของจีน และดินดอนสามเหลี่ยมของตังเก๋ีย อย่างน้อยต้ังแต่ ตอนกลางของพนั ปี แรกก่อนคริสตกาล - ภายหลงั จีนแพร่อารยธรรมออกเขา้ มาควบคุม สงั คมเมืองเล็กๆกเ็ กิดข้ ึน บริเวณน้ ี พฒั นาไปสู่การต้ังคลงั สินคา้ ตามชายฝั่งทะเลของมาเลยแ์ ละ เวียดนามใต้ - คลงั สินคา้ ไดก้ ลายเป็ นศุนยก์ ลางของการแพร่กระจายของอารยธรรม อินเดียในอษุ าคเนย์
2.พฒั นาการทางสงั คมและวฒั นธรรมของกล่มุ ชน ด้งั เดิมและชนเผ่าต่างๆ ในอษุ าคเนย์ โครงสรา้ งของความสมั พนั ธต์ ามประเพณรี ะหว่างชาวเขาและทุ่งราบ การเกิดข้ ึนของอารยธรรมของชาวทุ่งราบ ก่อให้เกิด ความสมั พนั ธแ์ บบใหม่ข้ ึนระหว่างชาวเขาและชาวทุ่งราบในอุษาคเนย์ ในเขตภูเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป ผูค้ นจะดาเนินชีวิตในเขตหมู่บา้ น ชาวเขาโดยไม่เกี่ยวขอ้ งกบั คนที่ราบมากนกั หลงั จากชาวเวียดนาม ยา้ ยลงไปทางใต้ ยงั ดินแดนที่เคยถูกครอบครองโดยพวกจามและ เขมรมาก่อน พวกชาวจีนไดต้ ้งั กองทหารเฝ้ าตามเขตแดนระหว่าง ชาวเขา-ชาวทุ่งราบ มีผลทาใหค้ วามสมั พนั ธร์ ะหว่างชาวเขาและชาว ทุ่งราบใหเ้ หลอื เพยี งจ่ายค่าทดแทน และมีการคา้ ขายในวงจากดั
2.พฒั นาการทางสงั คมและวฒั นธรรมของกล่มุ ชน ด้งั เดิมและชนเผ่าต่างๆ ในอุษาคเนย์ ชาวเขาเผ่าต่างๆระหว่างยคุ อาณานิคม ยุคอาณานคิ มไดเ้ กิดการเปลีย่ นแปลงแก่ชาวเขาอยู่ 2 ประเด็น 1. การเผยแผ่ศาสนาโดยหมอสอนศาสนา ส่งผลให้บาง หมู่บา้ นของชาวกะเหรี่ยงเปลี่ยนศาสนาเป็ นศาสนาคริสต์ หลายแห่ง กลายเป็ นชุมชนคาธอลิก นอกจากน้ ียงั มีการจัดต้งั โรงเรียน ศูนย์ ปรึกษาพยาบาลในเขตภูเขาของพม่าและอินโดจีน
2.พฒั นาการทางสงั คมและวฒั นธรรมของกล่มุ ชน ด้งั เดมิ และชนเผ่าต่างๆ ในอุษาคเนย์ ชาวเขาเผ่าต่างๆระหว่างยคุ อาณานคิ ม (ต่อ) ... 2.การเปลี่ยนแปลงทางดา้ นเศรษฐกิจ เช่นที่สูงของพม่าเป็ น แหล่งทรพั ยากรไมส้ กั ส่วนทางเหนือของตงั เก๋ียเป็ นแหล่งถ่านหิน นกั ลงทุนชาวฝรงั่ เศสและเวียดนามไดเ้ พาะปลูกยาง บนทีส่ ูงในเวียดนาม ใต้ มีการทาไร่ชาในรฐั ชานของพม่า และการปลูกฝิ่ น เจ้าหนา้ ที่ของ ฝรงั่ เศสไดส้ นบั สนุนพวกแมว้ ในลาวและตง๋ั เก๋ียขยายผลผลิตฝิ่ น และ ใชอ้ ษุ าคเนยเ์ ป็ นตลาดดว้ ย
2.พฒั นาการทางสงั คมและวฒั นธรรมของกล่มุ ชน ด้งั เดมิ และชนเผ่าต่างๆ ในอุษาคเนย์ ชาวเขาในอุษาคเนยภ์ าคพ้ ืนทวีปสมยั ใหม่ ชาวเขาตอ้ งตกอยู่ในภาวะที่ตอ้ งสูก้ บั ความเป็ นชนชาติของตนเองที่ ถูกกวาดลา้ งทาลายในดนิ แดนแถบน้ หี ลงั สงครามโลกคร้งั ที่ 2 เช่น - พวกกะเหรี่ยงในพม่าไดก้ ่อกบฏโดยไดร้ บั การสนบั สนุนจากภายนอกรวมท้งั คอมมิวนิสตอ์ ย่างนอ้ ยสองสาย และบรรดามิชชนั นารี พ่อคา้ คนกลางขายฝิ่ น ซีไอเอและพวกอืน่ ๆอีก - ในเวียดนาม ภายหลังสถาปนาความเป็ นอิ สระของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยของเวียดนาม(DRV) มีการก่อต้งั เขตอิสระของชาวเวียดนาม แต่ภายหลงั บรรดาผูน้ าด้งั เดิมของชาวเขาถูกกีดกนั ออกเพราะเคยใหก้ าร สนบั สนุนรฐั บาลฝรงั่ เศสและภายหลงั ผลกั ดนั ความเป็ นเวียดนามเขา้ ไปใน เขตภูเขา
2.พฒั นาการทางสงั คมและวฒั นธรรมของกล่มุ ชน ด้งั เดิมและชนเผ่าต่างๆ ในอุษาคเนย์ ชาวเขาตอ้ งตกอยูใ่ นภาวะทีต่ อ้ งสูก้ บั ความเป็ นชนชาติของตนเองทีถ่ ูกกวาดลา้ ง ทาลายในดินแดนแถบน้ หี ลงั สงครามโลกคร้งั ที่ 2 (ต่อ) - ชาวเขาในเขมรตอนเหนอื และลาว กถ็ ูกรบกวนจากสงคราม พวก คอมมวิ นสิ ตไ์ ดส้ รา้ งเสน้ ทางขนส่งเสบยี งระหว่างเวียดนามเหนือและ ลาว กมั พูชาและเวียดนามใต้ แมว้ ในลาวถูกกวาดลา้ งในสงครามดว้ ย - ชาวเขาในไทยก็พบกบั นโยบายผสมกลมกลืนกบั ชาวเขา คดั คา้ น การทาไร่เลือ่ นลอยและมโี ครงการส่งเสริมสวสั ดกิ ารชาวเขาใหด้ ขี ้ ึน
2.พฒั นาการทางสงั คมและวฒั นธรรมของกล่มุ ชน ด้งั เดมิ และชนเผ่าต่างๆ ในอษุ าคเนย์ ลกั ษณะของชนด้งั เดิมและระบบของชนเผ่าในอษุ าคเนย์ วิธีการผลติ พวกชนเร่ร่อนในทะเล จะจบั ปลาและขาย ผลิตผลทางทะเล ส่วนชนเผา่ อืน่ ๆจะยงั ชีพดว้ ยการล่าสตั ว์ หา อาหารป่ า การทาเกษตรกรรมกจ็ ะทาดว้ ยการ “ทาไร่เลอื่ น ลอย” หรือ “ถางและเผาป่ า”ปลูกขา้ วเป็ นหลกั แต่พวกแมว้ และเยา้ กลบั ไม่ปลูกขา้ วเลย แต่ปลูกขา้ วโพดและฝิ่ นพวกชิน จะปลูกขา้ วฟ่ างและถวั่ และน้าเตา้ เสริม ภายหลงั กม็ ีการทานา ดาแบบทดน้าเพมิ่ ข้ ึน
2.พฒั นาการทางสงั คมและวฒั นธรรมของกล่มุ ชน ด้งั เดมิ และชนเผ่าต่างๆ ในอุษาคเนย์ ลกั ษณะทางสงั คมและการเมอื ง - สงั คมชาวเขาส่วนใหญ่เป็ นสงั คมที่มีการแบ่งแยกโดยระบบ เครือญาติ - ชาวเขาในอุษาคเนย์ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างจากระบบ “ประชาธิปไตย” ไปเป็ นระบบ “นายปกครองบ่าว” ศาสนา - เดิมหวั หนา้ ของคนไท จะไดร้ บั ความชอบธรรมจากลทั ธิความ เชื่อเรื่องภูตผี ส่วนหวั หนา้ ในรฐั ชานและลาวจะอยู่บนพ้ ืนฐานของ พุทธศาสนา
2.พฒั นาการทางสงั คมและวฒั นธรรมของกล่มุ ชน ด้งั เดิมและชนเผ่าต่างๆ ในอุษาคเนย์ ลกั ษณะทางสงั คมและการเมอื ง (ต่อ) - ระหว่างยุคอาณานิคมไดเ้ ปลีย่ นชาวเขามานบั ถอื คริสตศ์ าสนา ภาษาศาสตร์ - ภาษาของชาวเขามิไดจ้ ากดั อยู่ในตระกูลภาษาใดภาษาหนึง่ แต่แบบ แผนการกระจายทางภาษา ทาใหเ้ ขา้ ใจพ้ ืนฐานของสงั คมด้งั เดิมและ ชาวเขาในอุษาคเนย์
3.ระบบความเชื่อและพธิ ีกรรมในอษุ าคเนย์ ความเชือ่ และพธิ ีกรรมด้งั เดิมในอษุ าคเนย์ - เชื่อเกีย่ วกบั โลกภูมิที่รบั อิทธิพลจากศาสนาฮินดูและศาสนา พุทธโลกภูมดิ ้งั เดิมของชาวอษุ าคเนย์ - ยุคหินใหม่ การทาการเกษตรกรรม จึงใหค้ วามสาคญั ต่อดิน การฝังศพคนตาย เสมือนเป็ นการส่งคนตายกลบั สู่พ้ นื ดนิ การบูชาดิน ตามถ้าเหนือการต้งั หินต้งั (Megalith)ใกลห้ ลุมศพคนตาย การบูชา สตั ว์ เช่น งู เงือก หรือนาค - ยุคสมั ฤทธ์ิ ความเชื่อเรือ่ งผีฟ้ า การใชก้ ลองมโหระทึกติดต่อ รอ้ งขอต่อผีฟ้ า
3.ระบบความเชือ่ และพธิ ีกรรมในอษุ าคเนย์ พธิ ีขอฝน:พธิ ีกรรมเกีย่ วกบั ความอดุ มสมบูรณ์ - อุษาคเนยเ์ ป็ นดินแดนที่มีความสมั พนั ธร์ ะหว่างมนุษยแ์ ละ น้า น้าจึงเป็ นตวั กาหนดวฒั นธรรมหลายๆดา้ น - พิธีกรรมขอฝนเกิดข้ ึนในอารยธรรมต่างๆที่มีวิถีชีวิตข้ ึนอยู่ กบั การเกษตรกรรม เนื่องจากน้าเป็ นพ้ ืนฐานในการดารงชีวิต คือ ตอ้ งการมีอาหารพอกินและกลวั ความอดอยาก
3.ระบบความเชื่อและพธิ ีกรรมในอษุ าคเนย์ พธิ ีขอฝน:พธิ ีกรรมเกีย่ วกบั ความอุดมสมบูรณ์ - อุษาคเนยเ์ ป็ นดินแดนที่มีความสมั พนั ธร์ ะหว่างมนุษยแ์ ละ น้า น้าจึงเป็ นตวั กาหนดวฒั นธรรมหลายๆดา้ น - พิธีกรรมขอฝนเกิดข้ ึนในอารยธรรมต่างๆที่มีวิถีชีวิตข้ ึนอยู่ กบั การเกษตรกรรม เนื่องจากน้าเป็ นพ้ ืนฐานในการดารงชีวิต คือ ตอ้ งการมอี าหารพอกินและกลวั ความอดอยาก
3.ระบบความเชื่อและพิธีกรรมในอษุ าคเนย์ สภาพแวดลอ้ มและภูมิอากาศของอุษาคเนย์ - สภาพแวดล้อมและภมู ิอากาศของอุษาคเนย์ ถูกล้อมรอบด้วย ทะเล 3 ด้าน ด้านเหนือถูกก้ันด้วยเทือกเขาเป็ นแนวยาว การ ตดิ ต่อระหว่างผู้คนในอดีตเตม็ ไปด้วยความยากลาบากจากป่ าทบึ แต่กม็ ีแม่นา้ 4 สาย คือแม่นา้ แดง แม่นา้ โขง แม่นา้ เจ้าพระยา และแม่นา้ สาละวินท่ชี ่วยให้การเดินทางติดต่อง่ายข้ึนและการนา ความอดุ มสมบูรณม์ าให้แก่ดินแดนอษุ าคเนย์
3.ระบบความเชื่อและพิธีกรรมในอษุ าคเนย์ สภาพแวดลอ้ มและภูมิอากาศของอุษาคเนย์ - สภาพแวดล้อมและภมู ิอากาศของอุษาคเนย์ ถูกล้อมรอบด้วย ทะเล 3 ด้าน ด้านเหนือถูกก้ันด้วยเทือกเขาเป็ นแนวยาว การ ตดิ ต่อระหว่างผู้คนในอดีตเตม็ ไปด้วยความยากลาบากจากป่ าทบึ แต่กม็ ีแม่นา้ 4 สาย คือแม่นา้ แดง แม่นา้ โขง แม่นา้ เจ้าพระยา และแม่นา้ สาละวินท่ชี ่วยให้การเดินทางติดต่อง่ายข้ึนและการนา ความอดุ มสมบูรณม์ าให้แก่ดินแดนอษุ าคเนย์
3.ระบบความเชื่อและพธิ ีกรรมในอุษาคเนย์ สภาพแวดลอ้ มและภูมอิ ากาศของอษุ าคเนย์ (ต่อ) - ลมมรสุม ทาใหเ้ กิดฝนตกและส่งผลใหก้ บั ชีวิต คน สตั ว์ และพืช พ้ ืนที่ ส่วนน้ ีอยู่ในเขตศูนยส์ ูตรไดร้ บั อิทธิพลลมมรสุมจากเอเชียและออสเตรเลีย ทาใหส้ ่วนใหญ่มีอากาศช้ ืน มีฝนตกชุก อุณหภูมิไม่แตกต่างมากนกั ในฤดู รอ้ นและฤดูหนาว หลายประเทศมเี พยี ง 2 ฤดู คือฤดูแลง้ และฤดูฝน - สภาพภูมิศาสตรแ์ ละดินฟ้ าอากาศของอุษาคเนย์ ทาให้ ผูค้ นต้อง เผชิญปัญหาพ้ ืนฐานในการทามาหากิน ฝนตกมากบา้ งนอ้ ยบา้ ง ลว้ นเป็ น ปัญหาในการทามาหากิน เพือ่ ปกป้ องขา้ วในนาและขบั ไล่สิง่ ชวั่ รา้ ยที่ทาให้ แม่โพสพไม่พอใจ พิธีกรรมต่างๆจึงเกิดข้ ึน เพือ่ มนั่ ใจว่าขา้ วในนาจะอุดม สมบูรณ์
3.ระบบความเชื่อและพธิ ีกรรมในอษุ าคเนย์ -พิธีกรรมในระบบความเชื่อที่สาคญั ต่อการดารงชีวิตและการอยู่ร่วมใน สงั คมคือ พิธีกรรมที่เนือ่ งมาจากความอุดมสมบูรณ์ สิ่งที่ทาใหอ้ ุดมสมบูรณ์ คือ ฝน นนั่ เอง พธิ ีขอฝน ชาวอษุ าคเนย์ นับถอื สตั ว์ท่เี ก่ยี วข้องกบั นา้ คือพญานาค ซ่ึงเป็นเจ้าแห่ง ดินและนา้ เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ตามท่ปี รากฏในวรรณกรรม พ้ืนเมืองต่างๆ สัตว์ท่ีมีความสัมพันธ์กับนา้ และมีบทบาทต่อความเช่ือคือ กบ เพราะเม่ือกบร้องมักจะมีฝนตก กบจึงเป็นสตั ว์ศักด์ิสทิ ธ์ิ ท่มี นุษย์นามาประดับ ตกแต่งกลองมโหระทกึ เพ่ือขอฝน เช่น ชนเผ่าเย้า ลัวะ กะเหร่ียง ตลอดตอน ใต้ของจนี ถงึ เกาะสมุ าตรา
3.ระบบความเชื่อและพธิ ีกรรมในอุษาคเนย์ พธิ ีขอฝน (ต่อ) - ชาวไทดาในเวียดนามเหนอื มีพธิ ีฆ่างูและเขียด เพอื่ เซ่นเจา้ แม่ เพราะเชือ่ ว่าฆ่าแลว้ ฝนแสนห่าจะโปรยลงมา - ในลาว พม่าและไทย มพี ธิ ีจบั แมวปล่อยลงน้าหรือเอาน้าสาด แมว เพราะแมวเป็ นสญั ลกั ษณข์ องความแหง้ แลง้ ในภาคอีสานของ ไทย ก็มีการแห่งบ้งั ไฟและจุดบ้งั ไฟเพอื่ ขอฝน - การขอฝนที่แฝงอยู่ในพธิ ีกรรม เช่น เล้ ยี งผีเมอื งสงั เวยควายดา ในไทขาว ล้ ือ ลาวหลวงพระบาง การทาพธิ ีเสนบา้ นหรือเล้ ียงผีบา้ น จะ ไหวผ้ ี ท้งั ผีน้า ผีดนิ ผีลมผูใ้ หฝ้ น เพอื่ ความอุดมสมบูรณ์
3.ระบบความเชื่อและพธิ ีกรรมในอุษาคเนย์ พิธีศพ - การฝังศพสมยั แรก หกไม่ใช่บุคคลสาคญั ก็จะท้ ิงใหแ้ รง้ กากิน แต่ถา้ ฐานะสงั คมสูงมกั ฝังในสถานทีท่ ีส่ งั คมกาหนดข้ ึน และวางสิง่ ของเครือ่ งใช้ ใหก้ บั ผูต้ าย - การฝังศพนงั่ เชื่อว่าเป็ นท่าทารกในครรภม์ ารดา หมายถงึ การเตรียม กลบั สู่การเกิดอีกคร้งั - การฝังศพคร้งั ทีส่ อง คือการนาเอากระดูกจากการเนา่ เปื่ อยมาบรรจุ ใส่ภาชนะ เช่น หมอ้ ไห ฯลฯแลว้ เอาไปฝังอีกคร้งั - การปักหินต้งั หรือเสาหิน เป็ นการกาหนดเขตศกั ด์ิสิทธ์ิ เช่นบริเวณ ฝังศพมนุษย์
3.ระบบความเชื่อและพธิ ีกรรมในอุษาคเนย์ พิธีศพ (ต่อ) - การฝังศพในไหหิน โดยนาแท่งหินขนาดใหญ่โต มาสกดั เป็ นไห ใส่ กระดูกคนทีเ่ ผาแลว้ - โลงหินในเขมร มลี กั ษณะคลา้ ยหีบหินในชวาทีใ่ ชใ้ ส่โลงศพ มีขนาดไม่ ต่างจากโกศบรรจุศพกษตั ริยแ์ ละเช้ ือพระวงศข์ องกมั พูชาและสยามในท่า คุกเข่า -ประเพณีศพของชวาและบาหลี มีการสรา้ งเทวรูป สนองพระองคผ์ ูว้ าย ชนมเ์ พอื่ เชิญวิญญาณใหเ้ ขา้ ไปสิงอยูส่ าหรบั อนุชนจะไดเ้ ซ่นสรวงต่อไป - โกศและเมรุ เชื่อว่าไดม้ าจากโกศโบราณครอบศิวลึงค์ และเมรุถวาย พระเพลิงคือเขาพระสุเมรุนนั่ เอง
4.สานกึ เกีย่ วกบั เผ่าพนั ธุข์ องชาวอุษาคเนย์ น้าเตา้ ปุง:ตานานกาเนิดเผ่าพนั ธุต์ ่างๆในอุษาคเนย์ สงั คมวฒั นธรรมเผ่าพนั ธุท์ ีส่ ะทอ้ นจากตานาน ตานานทา้ งฮ่งุ ขุนเจือง:วีรบุรุษของชาวอษุ าคเนย์
4.สานึกเกีย่ วกบั เผา่ พนั ธุข์ องชาวอุษาคเนย์ ลกั ษณะร่วมทางวฒั นธรรมของชาวอษุ าคเนยท์ ีส่ าคญั สะทอ้ นจากตานานน้าเตา้ ปุง และทา้ วฮุ่งหรือเจียง คือระบบความเชื่อ และการผสมผสานของกล่มุ คนเผ่าพนั ธุต์ ่างๆ เช่น - การถอื ผแี ถน ผีฟ้ า ผีบรรพบุรษุ และผอี ื่นๆ - ตานานตอกย้าพธิ ีกรรมผ่านคนทรงในการติดต่อกบั ผี - การเนน้ พิธีกรรม - การออ้ นวอนขอความช่วยเหลือโดยไม่คิดหกั หาญกบั อานาจ ที่เหนอื กว่า - การแกป้ ัญหาดว้ ยความอ่อนนอ้ มถอ่ มตน - การเชื่อเรื่องบนบานศาลกล่าว เสีย่ งทาย
ขอบคุณค่ะ
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: