การติดต่อส่ือสาร ในองคก์ ร
การสื่อสารภายในองคก์ รท่ีดี ที่จะช่วยสร้างความเข้าใจในนโยบาย ของผู้บริหาร และเป็ นสิ่งเช่อื มความสัมพันธร์ ะหว่างบุคลากรในองคก์ ร และเพ่ือให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อองคก์ รในทางบวก เพราะนโยบายการบริหารงานการจัดการขององคก์ รเป็ นส่วนสาคัญ และเพื่อให้การดาเนินงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ การส่ือสารภายใน องคก์ รจึงเป็ นส่ิงจาเป็ นยงิ่ สาหรับกิจกรรมและการดาเนินงานต่างๆ ที่ จะเกิดขนึ้ ในองคก์ ร ทั้งนีห้ ากการสอื่ สารภายในองคก์ รดชี ัดเจน กจ็ ะ ส่งผลใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านตามนโยบายเป็ นไปในทศิ ทางเดยี วกัน บุคลากร ในองคก์ รเกิดความพึงพอใจ และเข้าใจนโยบายได้อย่างชัดเจน และ ส่งผลตอ่ ประสทิ ธิภาพในการทางาน
ดังนั้น กระบวนการทางานขององคก์ รเพ่ือให้บรรลุเป้าหมาย จะต้องทาให้การตดิ ต่อส่อื สารระหว่างบุคลากรในฝ่ ายต่างๆ ทั้ง ภายใน และภายนอกองคก์ รเป็ นไปอย่างคลองตัว เพื่อให้เกิด ความเข้าใจท่ี ตรงกันเกิดความร่วมมือ และการประสานงาน อย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้การทางานขององคก์ รสามารถ บรรลุ เป้าหมาย และประสบผลสาเร็จด้วยดี
ความหมายของการส่ือสาร แดเนียล และสไปเกอร์ (Daniels and Spiker, 1994) กล่าวว่า การ สื่อสารคือ ความหมายทีบ่ ุคคลสองคน หรือมากกว่าสองขึน้ ไปสร้าง ขึน้ ร่วมกันโดยใช้วัจนภาษาและอวัจนภาษา และเกิดการรับรู้และ แปลความหมาย นั้น วิลเบอร์ แชรมป์ (Wibur Schramm, 1971) กล่าวว่า การสื่อสาร หมายถึง การแลกเปลี่ยนสัญญาณข่าวสาร ระหว่างบุคคลโดยตั้งอยู่ บนพนื้ ฐานของความสัมพนั ธร์ ะหว่างมนุษย์
ดังนั้น การส่ือสาร หมายถึง การแลกเปล่ียนข่าวสาร ระหว่างผู้ส่งสาร และผู้รับสาร โดยใช้ส่ือหรือช่องทาง ต่าง ๆ เพื่อมุ่งหมายโน้มน้าวจิตใจให้เกิดผลในการให้เกิดการ รับรู้ หรือเปล่ียน ทัศนคติ หรือเพื่อให้เปลี่ยน พฤติกรรม อย่างใดอยา่ งหน่ึงหรือหลายอยา่ ง
ความหมายของการติดต่อสื่อสาร การตดิ ตอ่ สอ่ื สาร (Communication) หมายถงึ การส่ง ข้อมูลข่าวสารจากบุคคลหน่ึงไปยงั บุคคลหน่ึง หรือหลายคน เพอ่ื ให้เข้าใจความหมายของข้อมูลข่าวสารทผ่ี ู้ส่งสง่ ไป และ เกดิ ความเข้าใจอันดรี ะหว่างกัน ซงึ่ การส่งข่าวสารอาจอยู่ในรูป ของการสอื่ สารดว้ ยวาจา ลายลักษณอ์ ักษร การใช้กริ ิยาท่าทาง อย่างหนึ่งอยา่ งใดกไ็ ด้ โดยอาศัยช่องทางในการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร
การสื่อสารในองคก์ ร ซาแรมบา้ (Zaramba, 2003 : 5) กล่าวถงึ การสอ่ื สารในองคก์ ารว่า การ สื่อสารในองคก์ ารเป็ น องคป์ ระกอบสาคัญที่มีผลต่อความสาเร็จขององคก์ าร และช่วยใหบ้ ุคลากรในองคก์ ารไดร้ ับทราบกจิ กรรมตา่ ง ๆ ดว้ ย การสื่อสารในองคก์ ร คือ เคร่ืองสร้างความเข้าใจ และสร้างวัฒนธรรมตลอดจน สามารถสร้างความม่ันคง ใหก้ ับองคก์ รนั้นๆ เป็ นศูนยร์ วมให้องคก์ รนั้นๆ ทางาน ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิผล โดยผู้ใช้จะต้องเข้าใจและ เข้าถึงกระบวนการ สื่อสารเป็ นอย่างดี เป็ นการติดต่อระหว่างบุคคลในองค์การ มีลักษณะเป็ น เครือข่าย (Network) ซึง่ อาจกระทาได้โดยใช้เครื่องมอื ในการส่ือความหมาย ด้วยการพูด การเขยี น การใช้สัญลักษณ์ เพอื่ ใหผ้ ู้อน่ื รับทราบได้
ความหมายของการติดต่อส่ือสารในองคก์ ร การติดต่อส่ือสารในองคก์ ร หมายถึง กระบวนการสาคัญใน การทางาน เป็ นกิจกรรมที่ต้องถ่ายทอดจากบุคคลหน่ึงไปยัง คนอน่ื ๆ ในองคก์ ร ซง่ึ จะช่วยให้เกิดการสร้างความสัมพันธอ์ นั ดีแก่ทั้งสองฝ่ ายหรือทุกฝ่ าย ช่วยให้เกิดการพัฒนาและการ ทางานในองคก์ รบรรลุเป้าหมายอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
วตั ถปุ ระสงคข์ องการติดต่อส่ือสาร 1) เพอื่ แจ้งให้ทราบ 2) เพอื่ ความบนั เทงิ ใจ 3) เพอื่ ชักจูงใจ การรับและส่งขา่ วสารดา้ น การรับส่งความรู้สกึ ทด่ี ี และ การนาเสนอเรื่องราวหรือ ตา่ งๆ การนาเสนอเรื่องราว มุ่งรักษามติ รภาพต่อกัน สงิ่ อนื่ ใดเพอ่ื จูงใจให้เกดิ ความรู้สกึ นึกคดิ ความรู้ เป็ นการนาเสนอเร่ืองราว ความร่วมมอื สร้างกาลังใจ หรือสง่ิ อนื่ ใด ทต่ี ้องการให้ หรือสง่ิ อน่ื ใดทจี่ ะทาให้ผู้รับ เพอ่ื ให้ผู้รับสารเกดิ ผู้รับสารรู้และเข้าใจข้อมูล สารเกดิ ความพงึ พอใจ ความคดิ คล้อยตาม หรือ นั้นๆ โดยมุ่งใหค้ วามรู้และ ปฏบิ ัตติ ามทผี่ ู้ส่งสาร สร้างความเข้าใจทถี่ ูกต้อง ตอ้ งการ และนาไปสู่การ ปรับปรุงแก้ไข
กระบวนการ ติดต่อสื่อสาร
เป็ นกระบวนการท่ีบุคคลใช้ในการแลกเปลี่ยนข่าวสาคัญและการสื่อ ความคิด ความรู้สึกซ่ึงกันและกัน การติดต่อสื่อสารเป็ นการท่ีบุคคลตั้งแต่ สองคนขึน้ ไป มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนข่าวสารความคิดหรือทัศนคติ เพอ่ื สร้างความเข้าใจตอ่ กัน การสอ่ื สารเป็ นกจิ กรรมสาคัญทม่ี นุษยต์ ้องการ บอกผู้อ่ืนให้รู้ว่าตนเองต้องการอะไร ทาอย่างไรโดยผ่านสื่อหรือช่องทาง ต่าง ๆ ที่เหมาะสมให้เข้าใจตรงกันระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสาร การอยู่ ร่วมกันของมนุษยเ์ ป็ นหมู่เป็ นพวกในสังคม ทุกคนจะมีหน้าทตี่ ่าง ๆ ในการ อยู่ร่วมกัน ทางานพร้อมกัน มีการติดต่อกัน ซ่ึงต้องอาศัยศาสตรแ์ ละศิลป์ ในการสอื่ สาร เพอื่ ให้เกดิ ความเข้าใจอันดตี ่อกันส่งผลต่อประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลของงาน การส่ือสารท่ีขาดประสิทธิภาพจะก่อให้เกิดความ ล้มเหลวของงาน อิทธิพลของการส่ือสารส่งผลในการทาลายความสามัคคี หรือก่อใหเ้ กดิ ความเข้าใจอันดี ได้
องคป์ ระกอบของกระบวนการติดต่อสื่อสาร 1) แหล่งข้อมูล ( Information Source ) คือ แหล่งทมี่ าของข่าวสาร ( Message ) 2) ข่าวสาร ( Message ) คอื เนือ้ หาทจ่ี ะต้องนาไปส่ง 3) ผู้ส่ง ( Transmitter) คือ บุคคลทจ่ี ะเป็ นผู้ดาเนินการส่งข่าวสารน่ันเอง 4) ส่ือหรือช่องทาง ( Media ) คอื สิ่งทจี่ ะช่วยนาพาข่าวสารได้ดหี รือเร็วยง่ิ ขึน้ 5) ผู้รับ ( Receiver ) คอื ผู้เป็ นเป้าหมายในการรับข่าวสาร
องคป์ ระกอบของกระบวนการติดต่อสื่อสาร สง่ิ รบกวน (noise) คอื สง่ิ จากัดประสทิ ธิภาพการถ่ายทอดสารหรือสง่ิ ทเ่ี ป็ นอุปสรรคต่อการสอื่ สาร ทาใหก้ ารสอื่ สารไม่บรรลุผลเทา่ ทคี่ วร หรือบางครั้งอาจทาใหก้ ารสอื่ สารไม่สามารถดาเนินตอ่ ไปได้ มกี ารแบ่งประเภทของสงิ่ รบกวนหลายวธิ ดี ว้ ยกัน เช่น แชนนอนและวี เวอร์ (Shannon and Weaver) แบง่ สงิ่ รบกวนเป็ น 2 ประเภท
1. สงิ่ รบกวนทางกายภาพ 2. สง่ิ รบกวนทางจติ ใจ (physical noise) (psychological noise) สง่ิ รบกวนซงึ่ เกดิ ขนึ้ ภายนอก สง่ิ รบกวนซง่ึ เกดิ ขนึ้ ภายใน ตวั บุคคล เชน่ เสยี งรถยนต์ ตวั บุคคล ภายในความคดิ เสยี งคนคุยกัน เสยี งประตู จติ ใจ และอารมณข์ องผู้ ฯลฯ สอื่ สาร เช่น ผู้พูดมอี คตติ อ่ เร่ือง มปี ัญหาในใจก่อนการ พูด หรืออารมณไ์ ม่ดี หรือ ผู้ฟังขาดสมาธใิ นการฟัง เป็ น ต้น
องคป์ ระกอบของกระบวนการติดต่อส่ือสาร
ประเภทของการติดต่อส่ือสารท่ีใชใ้ นองคก์ ร สื่อหรือช่องทางใช้เพอ่ื ใหข้ ่าวสารนั้นไหล หรือผูกหาไปยังผู้รับนั้น พอแบง่ ออกได้กว้าง ๆ 3 ประเภทดังนี้ 1. ประเภทการใช้ภาษา 2. ประเภทไม่ใช้ภาษา 3. ประเภทส่ิงทอี่ าศัยการแสดง / ไดแ้ ก่ การพดู คาพดู พฤตกิ รรม และบรรยากาศ ได้แก่ สัญลักษณ์ เขยี น ข้อความ ภาพ และ ได้แก่ บบี มอื ทาสที าสีหน้า เครื่องหมายต่าง ๆ แดง ท่าโกรธ ท่าหวั เราะ เป็ นต้น สื่อแตล่ ะประเภทเหล่านี้ ควรจะตอ้ งถกู เตรียมและนามาใช้ประกอบในการส่ือสาร เพอ่ื เป็ นส่อื ทจ่ี ะทาใหเ้ กดิ การสือ่ สารทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพ
ความสาคญั ของการติดต่อส่ือสารภายในองคก์ ร 1. เป็ นเคร่ืองมือของผู้บริหารในการบริหารงาน เพราะการส่ือสารภายในองคก์ รจะช่วย ทาให้สามารถทางานได้สาเร็จลุล่วงไปด้วยดี เน่ืองจากการทางานต้องอาศัยหลายฝ่ าย หลายสว่ นงานเข้ามาช่วยเสรมิ สร้างศักยภาพใหก้ ับองคก์ ร 2. เป็ นเคร่ืองมอื ทชี่ ่วยสร้างความสัมพนั ธร์ ะหว่างผู้บริหารกับบุคลากรตา่ งๆ ภายใน องคก์ รเดยี วกนั เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเข้าใจทต่ี รงกัน และสร้างความไว้วางใจต่อกนั โดยเฉพาะการเปิ ดโอกาสใหบ้ ุคลากรในระดบั ต่างๆได้มีส่วนร่วมในการบริหารงานของ ผู้บริหาร
ความสาคญั ของการติดต่อสื่อสารภายในองคก์ ร 1. เป็ นเคร่ืองมือของผู้บริหารในการบริหารงาน 2. เป็ นเคร่ืองมอื ทชี่ ่วยสร้างความสัมพนั ธร์ ะหว่างผู้บริหาร เพราะการสอื่ สารภายในองคก์ รจะช่วยทาใหส้ ามารถ กบั บคุ ลากรตา่ งๆ ภายในองคก์ รเดยี วกนั เพอ่ื ใหเ้ กดิ ทางานได้สาเร็จลุล่วงไปด้วยดี เน่ืองจากการทางาน ความเข้าใจทตี่ รงกัน และสร้างความไว้วางใจตอ่ กัน ต้องอาศัยหลายฝ่ าย หลายส่วนงานเข้ามาช่วย โดยเฉพาะการเปิ ดโอกาสใหบ้ ุคลากรในระดบั ตา่ งๆได้มี เสริมสร้างศักยภาพใหก้ ับองคก์ ร ส่วนร่วมในการบริหารงานของผู้บริหาร 3. การช่วยกันปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ขององคก์ รและมกี าร 4. การช่วยใหเ้ กดิ การพฒั นาและการทางานทมี่ ี ประสานงานระหว่างกนั พร้อมทงั้ ทางานสอดคล้อง ประสทิ ธิภาพ จากปัจจยั ตา่ งๆ ข้างต้นเมอ่ื ผสมผสาน กนั แมว้ ่าจะตา่ งฝ่ ายกนั กต็ าม แต่เพอื่ องคก์ รเดยี วกนั ผู้บริหารสามารถใช้การสือ่ สารใหเ้ ป็ นการส่ือสารเพอ่ื เข้ากนั แล้ว สามารถช่วยทาใหเ้ กดิ การพฒั นาองคก์ รได้ สร้างความเป็ นหน่ึงเดยี วภายในองคก์ รใหไ้ ด้ โดยเฉพาะพลังขับเคลื่อนทนี่ าโดยผู้บริหารทร่ี ู้จกั การ สอ่ื สารภายในองคก์ รเป็ นอย่างดี
สรปุ ไดว้ ่า การส่ือสารคือเครื่องมืออย่างหนึ่งของผูบ้ ริหาร ที่จะทา ใหเ้ กิดความสมั พนั ธท์ ี่ดีภายในองคก์ ร ถา้ ผูบ้ ริหารเปิ ดโอกาสให้ บคุ ลากรทุกระดบั บริหารมีส่วนในการบริหาร ถา้ ขาดการสื่อสารก็ ไม่สามารถท่ีจะทาใหก้ ารงานมีประสิทธิภาพและก่อใหเ้ กิดคณุ ภาพ ชีวิตที่ดีแก่บคุ ลากรได้
กระบวนการติดต่อส่ือสารภายในองคก์ ร ท่ีมีประสิทธิภาพ เป็ นกิจกรรมท่ีทุกคนจะต้องปฏิบัติอยู่เสมอไม่ว่าจะต้องตาแหน่งใดใน องคก์ ร ทัง้ ในแง่ส่วนตัว บุคคลต่างๆ กต็ ้องมกี ารสอ่ื สารกันเพอื่ ให้ได้มา ซ่ึงข้อมูลการทางาน หรือเพ่ือการประสานงานและความเข้าใจต่างๆ อย่างเหมาะสม และในแง่องคก์ รการส่ือสารจะช่วยสร้างและจรรโลง วัฒนธรรมขององค์กรให้ยาวสืบต่อไป และสร้างองค์กรให้ก้าวไปสู่ องคก์ รแห่งการเรียนรู้ด้วย การตดิ ต่อสื่อสารขององคก์ รประกอบด้วย 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ การติดต่อส่ือสารภายในองคก์ ร และการติดต่อสื่อสาร ภายนอก การสอื่ สารภายในองคก์ รซง่ึ สรุปไดอ้ ยู่ 4 ทศิ ทางใหญ่ๆ คอื
1. การตดิ ตอ่ ส่อื สารจากบนลงล่าง (Downward Communication) ซงึ่ เป็ นการตดิ ตอ่ จากผู้บงั คบั บญั ชาไปยัง ผู้ใต้บงั คบั บญั ชา เป็ นลักษณะของการส่ังงาน บอก เป้าหมายวัตถปุ ระสงค์ การมอบหมายงาน การให้ ข้อมูลย้อนกลับในการทางาน (Performance Feedback) รวมทงั้ การประชุม (Meeting) ก็ เป็ นวาระทด่ี ตี ่อกนั ได้ ในปัจจุบนั การตดิ ต่อจากบนมา ล่างทผี่ ู้บริหารนิยมใช้มากคอื การประชุมงาน การ จัดทาวารสารภายใน ตลอดจนพยายามใหบ้ ุคลากร เหน็ ความสัมพนั ธว์ า่ งานของเขามคี วามสาคัญและมผี ล ตอ่ แผนงานโครงการขององคก์ รอย่างไรบา้ ง เพอื่ จะได้ ช่วยกันสร้างสรรคผ์ ลงานใหส้ ูงขนึ้
2. การติดต่อสื่อสารจากล่างขึ้นบน (Upward Communication) เป็ นการส่ือสารจากบุคลากรไปยังผู้บริหาร เช่น การขอ คาแนะนา การรายงานผลการปฏบิ ตั ิงานใหผ้ ู้บริหารได้ ทราบ ซ่งึ การส่ือสารแบบนีม้ ักจะสั้นและไม่ค่อยเกิดขึน้ เพราะบุคลากรไม่กล้าพอที่จะติดต่อกับผู้บริหารเพราะ กลัวว่าผู้บริหารจะประเมนิ ตนเองว่า ไม่มีความสามารถ ไม่เก่ง หรือกลัวว่าจะได้รับผลในทางลบกลับคืนมา หรือถ้าจะสื่อก็อาจจะส่ือข้อมูลท่ีเป็ นเร่ืองดีเพ่ือเอาใจ ผู้บริหารจะอย่างไรก็ตามองคก์ รควรต้องส่งเสริมให้มี การติดต่อสื่อสารจากล่างขึ้นบนให้มากขึ้น จาก งานวิจัยของแกรีแครพ (1990) พบว่า การส่ือสารจาก ล่างขนึ้ บนจะก่อใหเ้ กดิ ประโยชนห์ ลายประการดังนี้
1 ทาให้ผู้บริหารได้ข้อมูลย้อนกลับจากการทางาน เช่น ปัญหาจาก ดังนั้นผู้บริหารจึงควรส่งเสริมให้ การปฏิบัติงานซ่ึงผู้บริหารจะได้ใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็ นฐานในการ บุคลากรมีการส่ือสารกับผู้บริหาร กาหนดเป้าหมาย นโยบาย และทศิ ทางขององคก์ รดว้ ย มากขึน้ ในรูปแบบต่างๆ ดังต่อไปนี้ 2 ทาให้ผู้บริหารได้รับทราบประสิทธิผลและปัญหาอุปสรรคจากบน เช่น จัดให้มีกล่องรับความคิดเห็น ลงล่าง จัดสารวจทัศนคติของบุคลากรใน 3 ให้พนักงานลดความกดดัน และความเครียดต่างๆ ลงได้ระดับ เรื่องต่างๆ เช่น สารวจความคิดเห็น หนึ่ง เพราะได้โอกาสสื่อสารให้ผู้บริหารได้รับทราบข้อมูลและ ด้านการสื่อสาร , ประกาศนโยบาย ปัญหา เปิ ดประตูกว้างให้สามารถเข้าพบ 4 ทาให้บุคลากรได้มีส่วนร่วมและมีความผูกพันกับองคก์ รมากขึ้น ผู้บริหารได้สะดวกขึ้น ,การประชุม จงึ เพม่ิ แรงยดึ เหน่ียวขององคก์ รใหส้ ูงขนึ้ ได้ นัดพิเศษ ,การพูดคุยกันอย่างไม่ เป็ นทางการ
3. การสือ่ สารในแนวนอน (Later หรือHorizontal Communication) เป็ นการสื่อสารในแนวทางเดยี วกัน กลุ่มงานเดยี วกนั หรือในระดับเดยี วกันจะมีความเป็ นมติ ร เป็ นกันเอง จะช่วยใหก้ ารประสานงานได้ดขี นึ้ ซง่ึ ช่วยลดเวลา การสอื่ สารตามสายงาน และยังเป็ นช่องทางในการสร้าง นวัตกรรมใหมๆ่ ในองคก์ รเพราะได้มโี อกาสรับรู้ข่าวสาร ข้อมลู ระหว่างกนั ทาใหเ้ หน็ โอกาสต่างๆ มากขึน้ 4. การตดิ ตอ่ ส่ือสารในแนวทแยง (Diagonal Communication) มักเป็ นการสอื่ สารข้ามแผนกและข้าม ระดบั โดยปกตมิ กั จะเป็ นการสื่อสารของฝ่ ายใหค้ าแนะนา (Staff) กับฝ่ ายปฏบิ ัตกิ าร (Line) เช่น ผู้จัดการฝ่ ายบุคคล ตดิ ต่อไปยงั พนักงานฝ่ ายการผลติ เพอ่ื แจง้ ข้อมลู ดา้ นกฎระเบยี บ ทป่ี ระกาศใหใ้ ช้ ใหพ้ นักงานไดท้ ราบ
สรุปได้ว่าผู้บริหารคอื บุคคลทส่ี าคัญทสี่ ุดในองคก์ ร ทจ่ี ะเลอื กใช้ กระบวนการสอ่ื อย่างใด อยา่ งหนึ่งใหม้ คี วามเหมาะสมกับวัฒนธรรม องคก์ รและสามารถเหน็ ความแตกต่างของบุคลากรโดยเฉพาะ องคก์ รทมี่ บี ุคลากรจานวนมากและต่างสาขาวชิ าชพี และจะต้องใส่ ใจในรายละเอยี ดส่วนนีด้ ้วย เน่ืองจากการทางานต้องอาศัยส่วนงาน หลายๆ ฝ่ าย จงึ จาเป็ นตอ้ งอาศัยการสอ่ื สารทสี่ ามารถสอื่ ให้เข้าใจ ถงึ ภารกจิ แต่ละด้านได้เป็ นอย่างดี และเป็ นการช่วยลดทอนปัญหา ภายในองคก์ ร ซง่ึ ผู้บริหารจะต้องรู้จักบุคคลกรในแตล่ ะฝ่ ายใหม้ าก ขนึ้ รู้จักสภาพทแ่ี ทจ้ ริงขององคก์ รเป็ นอยา่ งดี จงึ จะเออื้ ประโยชน์ ใหก้ ับองคก์ รไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์
ช่องทางการติดต่อส่ือสาร 1. ช่องทางการตดิ ต่อสือ่ สารแบบเป็ นทางการ 2. ช่องทางการตดิ ต่อสอ่ื สารแบบไม่เป็ นทางการ (formal communication channels) (informal communication channels) เป็ นการตดิ ตอ่ สอ่ื สารทม่ี รี ะเบยี บแบบแผน มขี ั้นตอน โดย เป็ นการตดิ ต่อสือ่ สารระหว่างบคุ คลในองคก์ ารตามกลุ่มสังคม ผ่านระเบยี บข้อบงั คับโครงสร้างการบริหารขององคก์ าร โดย หรือความชอบพอโดยตรง อาศัยความสนิทสนม คุน้ เคย การ อาจจะเป็ นการสื่อสารจากบนลงล่าง หรือล่างขึน้ บน หรือใน แนะนาจากเพอ่ื นฝูง การรู้จกั เป็ นการส่วนตวั โดยไม่เกย่ี วข้อง ระดบั เดยี วกนั กไ็ ด้ การตดิ ต่อส่อื สารแบบเป็ นทางการนีจ้ ะมี กับโครงสร้างของการบริหารองคก์ าร เป็ นลกั ษณะของการ เงอ่ื นไขทสี่ อดคล้องกบั อานาจหน้าทขี่ องผู้ส่ง และผู้รับ พบปะพดู คุยสนทนากัน การระบายความทุกข์ หรือการขอ ข่าวสาร คาปรึกษากนั ในงานเลยี้ ง ซงึ่ จะเป็ นลักษณะแบบปากต่อปาก ประสทิ ธิภาพของการตดิ ต่อสือ่ สารจะมมี าก หรือน้อยขึน้ กับ การยอมรับความเข้าใจ และความสัมพนั ธร์ ะหว่างบุคคลใน กลุ่มทไี่ ม่เป็ นทางการดว้ ยกัน
ช่องทางการติดต่อสื่อสาร 1. ช่องทางการตดิ ต่อส่ือสารแบบเป็ นทางการ 2. ช่องทางการตดิ ตอ่ สื่อสารแบบไมเ่ ป็ นทางการ (formal communication channels) (informal communication channels) เงอ่ื นไขทส่ี อดคล้องกับอานาจหน้าทข่ี องผู้ส่ง และผู้รับ การติดต่อส่ือสารแบบไม่เป็ นทางการ มีลักษณะการกระจาย ข่าวสาร ข่าวแบบพวงองุ่น ซึ่งอาจเป็ นบ่อเกิดของข่าวลืออันเป็ นการ ❖ การตดิ ต่อส่อื สารนั้นต้องสร้างความเข้าใจทดี่ ี และถกู ตอ้ ง ทาลายขวัญ ชื่อเสียง และท้าทายอานาจหน้าที่ที่มีอยู่ใน แก่ผู้รับข่าวสาร องคก์ ารได้ อย่างไรก็ตามถ้านาการติดต่อส่ือสารลักษณะนีม้ า ❖ ข่าวสารทสี่ ่งออกไปตอ้ งสอดคล้องกับวัตถุประสงคข์ อง ใช้เสริมการติดต่อส่ือสารในลักษณะท่ีเป็ นทางการได้นั้น ก็ องคก์ าร อาจจะช่วยส่งผลใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมายขององคก์ ารได้ ❖ การตดิ ต่อส่ือสารนั้นควรสอดคล้องกับความสนใจของ ผู้รับข่าวสาร ❖ ผู้รับข่าวสารต้องสามารถทจี่ ะปฏบิ ตั ิ หรือยอมรับข่าวสาร นั้นได้ทงั้ ทางจติ ใจ และร่างกาย
ช่องทางการติดต่อสื่อสาร 1. ช่องทางการตดิ ต่อสอื่ สารแบบเป็ นทางการ 2. ช่องทางการตดิ ตอ่ ส่อื สารแบบไม่เป็ นทางการ (formal communication channels) (informal communication channels) การติดต่อส่ือสารแบบเป็ นทางการจะประสบความสาเร็จ กุญแจสาคัญท่ีจะนาไปสู่ความเข้าใจของระบบการ และมีประสิทธิภาพได้ ต่อเมื่อผู้บริหารมีความรอบรู้ และ ตดิ ต่อสอ่ื สารแบบไมเ่ ป็ นทางการของผู้บริหาร คอื ชานาญในการติดต่อสื่อสาร และระบบการบริหารองคก์ ารที่ ❖ ใหค้ วามสาคญั กับกลุ่ม แตกต่างกันก็ย่อมมีผลต่อการติดต่อส่ือสารด้วย ตัวอย่างการ ❖ เอาใจใส่กบั ผู้นากลุ่ม ติดต่อส่ือสารลักษณะนี้ เช่น การติดต่อราชการ หรือการ ❖ ใหค้ วามสนใจกลุ่ม กระทาทต่ี อ้ งมลี ายลักษณอ์ ักษรตามระเบยี บบริหารองคก์ าร
โครงสรา้ งของการติดต่อสื่อสารในองคก์ ร สามารถเรยี กอกี อย่างว่า “สายใยของการตดิ ตอ่ สื่อสาร” หรือ “ตาข่ายของการตดิ ต่อส่อื สาร” มหี ลายแบบดว้ ยกนั 1. เครือข่ายการส่ือสารแบบลูกโซ่ 2. เครือข่ายแบบวงล้อ (Chain Network) (Wheel Network) เป็ นรูปแบบทีม่ ีการติดต่อสื่อสารไปหรือมา ขึน้ หรือลง เป็ นการส่ือสารท่ีมีผู้นาอยู่ตรงกลาง ดังนั้นสมาชิกทุก ไปทางเดียวแล้วจึงย้อนกลับสวนทางกัน เป็ นลักษณะ คนจึงสามารถติดต่อส่ือสารกับผู้นาได้โดยตรง การ ของการสื่อสารหลายระดับ จงึ มักเกดิ ความล่าช้า ติดต่อส่ือสารในลักษณะนี้กิจกรรมต่างๆ ถูกส่ังออก ข้อดี จากส่วนกลางและหากสมาชิกจะติดต่อกันก็จะติดต่อ ▪ ข้อมลู น่าจะมาจากแหล่งทเี่ ช่ือถอื ได้ ผ่านส่วนกลาง ข้อเสยี ข้อดี ▪ อาจจะเชื่องช้าเพราะสอ่ื สารคล้ายกับบนลงล่าง ▪ ผู้บริหารจะเป็ นศูนยก์ ลางของการส่อื สาร ▪ ลดความเช่อื งช้าของการสื่อสารจากบนลงล่าง ข้อเสยี ▪ เป็ นการรวมอานาจและตดั สนิ ใจเพยี งคนเดยี ว
ภาพโครงสรา้ งของการติดต่อส่ือสารในองคก์ ร
โครงสรา้ งของการติดต่อสื่อสารในองคก์ ร 3. เครือข่ายรูปแบบตวั วาย 4. เครือข่ายการส่ือสารแบบวงกลม (Y Network) (Circle Network) เป็ นเครือข่ายท่ีมีบุคคลหน่ึงทาหน้าที่ติดต่อส่ือสารไป เ ป็ น ก า ร ส่ื อ ส า ร ท่ี ส ม า ชิ ก แ ต่ ล ะ ค น ส า ม า ร ถ ยังสมาชิกในระดับถัดไป โดยที่สมาชิกลาดับถัดไปมี ติดต่อสื่อสารกับสมาชิกข้างเคียงกับตนโดยตรงได้ แต่ โอกาสตดิ ต่อส่อื สารกันเองได้บางส่วน สมาชิกคนกลาง ละคนในกลุ่มจะมฐี านะเทา่ เทยี มกนั จะทาหน้าท่ีรับและส่งข่าวสารให้กับสมาชิกคนอ่ืนๆซึ่ง ข้อดี จะตดิ ต่อสือ่ สารแบบลูกโซก่ ับสมาชิกทอี่ ยู่ถัดไป ▪ เป็ นการส่อื สารแบบประชาธิปไตย ข้อดี ▪ เหมาะกบั การแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ▪ ข้อมลู เข้าถงึ ผู้บริหารได้ 2 ทาง ข้อเสีย ข้อเสีย ▪ ใช้เวลามาก ▪ อาจเกดิ ความสับสนได้ ▪ ไม่เหมาะกบั การตัดสินปัญหาโดยเร็ว
ภาพโครงสรา้ งของการติดต่อส่ือสารในองคก์ ร
โครงสรา้ งของการติดต่อส่ือสารในองคก์ ร 5. เครือข่ายการสือ่ สารรูปดาว (Star Network) เป็ นการเปิ ดโอกาสใหส้ มาชิกทุกคนได้ติดต่อสื่อสารกัน ได้ท่วั ถงึ และเป็ นอสิ ระ ไม่เข้มงวด ไม่มศี ูนยก์ ลางทเ่ี ป็ น ทางการ เครือข่ายประเภทนี้จะรวดเร็วและเกิด ประสิทธิภาพของงานสูง ข้อดี ▪ ข้อมูลกระจายไปไดห้ ลายทศิ ทาง ข้อเสยี ▪ อาจตอ้ งใช้เวลามากขึน้
ลกั ษณะการสื่อสาร ในองคก์ าร
1. ระบบรวม (Macro Approach) 2. ระบบย่อย (Micro Approach) 3. ระบบเฉพาะบคุ คล (Individual ภาพรวมทงั้ องคก์ าร หน่วยงานย่อยในองคก์ าร Approach) 1.1 การตดิ ตามรายงานและวิเคราะห์ 2.1 การเป็ นสมาชิกของกลุ่ม สอื่ สาร เป็ นพฤติกรรมทางการสื่อสารแต่ละบคุ คล ข้อมลู ทเี่ กดิ ขึน้ ภายนอก กาหนดให้ สร้างความเข้าใจ มีเป้าหมายร่วมกัน พนักงานมหี น้าทรี่ ับผิดชอบตดิ ตาม 2.2 การปฐมนิเทศและการฝึ กอบรม 3.1 การพดู กันในกลุ่มทที่ างานด้วยกัน ข้อมูล รายงาน วิเคราะหถ์ งึ ผลกระทบ ใหบ้ ุคลากรมคี วามรู้ ความสามารถใน เพอื่ สร้างความเข้าใจ แลกเปลี่ยน จากข้อมลู ภายนอก การปฏบิ ัตงิ าน ทศั นคติ ความคดิ เหน็ ซงึ่ กนั และกนั 1.2 การพสิ ูจนใ์ หเ้ หน็ จริง ทาได้ตามที่ 2.3 การสร้างบรรยากาศในการทางาน 3.2 การเข้าร่วมประชุม :การนาเสนอ ตกลงไว้หรือไม่ พดุ คุยปรึกษากันอยา่ งเสรี การเปิ ด ข้อมลู การแกป้ ัญหา การโน้มน้าวให้ 1.3 การตดิ ตอ่ กับองคก์ ารอนื่ โดยหา เพลงเบาๆ บุคคลอน่ื ยอมรับ ข้อมูลทางวารสารหนังสือพมิ พ์ 3.3 การเขยี นคูม่ อื แนวทางการ อนิ เตอรเ์ น็ท - การแสดงความคดิ เหน็ ปฏบิ ตั งิ าน และเป็ นการส่อื สาร ของผู้เชย่ี วชาญอน่ื ๆ แลกเปล่ียน ระหวา่ งองคก์ ารกบั บุคคลภายนอก ข้อมลู ในกลุ่มเครือข่ายเดยี วกนั
1. ระบบรวม (Macro Approach) 2. ระบบย่อย (Micro Approach) 3. ระบบเฉพาะบุคคล (Individual ภาพรวมทง้ั องคก์ าร หน่วยงานย่อยในองคก์ าร Approach) เป็ นพฤติกรรมทางการสื่อสารแต่ละบคุ คล 1.4 การกาหนดวตั ถุประสงค์ พจิ ารณา 2.4 การควบคุมและการส่ังงาน ตอ้ ง 3.4 การร่างจดหมาย ใช้เวลาทจี่ ากัด จากการวิเคราะหข์ ้อมูลจากภายนอก อาศัยเคร่ืองมอื ทางการสือ่ สารทด่ี ี และต้องทาใหผ้ ู้อา่ นเกดิ ความ ขดี ความสามารถของลูกคา้ และตดิ ต่อ และมปี ระสทิ ธิภาพ เช่น การประชุม ประทบั ใจ กับสถาบนั อน่ื กอ่ น ภายใน หนังสือเวียน วทิ ยุสือ่ สาร 3.5 การทาสัญญาขาย มีความยดึ หยุ่น Internet Fax โทรศัพท์ เป็ นต้น ตอบสนองความต้องการของลูกค้า 2.5 การสร้างความพอใจ สร้างระบบ 3.6 การโต้แยง้ ผู้ทจี่ ะประสบผลสาเร็จ การส่อื สารในองคก์ ารทเี่ หมาะสม เช่น ในการโต้แย้งจะต้องเป็ นทผี่ ู้ชักนาให้ เสียงตามสาย วารสาร บอรด์ บุคคลอน่ื คล้อยตาม ประชาสัมพนั ธ์ อเี มล์ จุดนัดพบ (Meeting Point) สรุปการสื่อสารของผบู้ ริหารตอ้ งมีความถกู ตอ้ งแน่นอน มีขอ้ มลู สนั้ กระชบั กระจ่างชดั เจนตรง เป้าหมายผรู้ บั เขา้ ใจง่ายมีผลยอ้ นกลบั ทบทวน หรือ Two – way communication
ส่ิงแวดลอ้ มทง้ั ภายในและภายนอกอนั มีผลตอ่ การ ส่ือสารภายในองคก์ าร
ประโยชนข์ องการส่ือสารท่ีมีต่อองคก์ ารและต่อสมาชิกขององคก์ ร ดา้ นการทางาน ดา้ นความพอใจในงาน ดา้ นความสมั พนั ธใ์ นกลุ่ม - ขอ้ มลู ท่ีถกู ตอ้ งเหมาะสมท่ีไดจ้ ากการส่อื สาร - บคุ คลท่ีมีสว่ นอยใู่ นเครอื ข่ายของการส่อื สาร - การส่อื สารท่ีมีประสทิ ธิภาพมากขนึ้ ก็ย่ิงทา จะทาใหร้ ูว้ ่าการทางานนนั้ เป็นไปไดด้ ว้ ยดี จะมีความพอใจในการทางานมากกวา่ บคุ คล ใหเ้ กิดความสามคั คใี นกลมุ่ มากขนึ้ หรอื ไม่ ท่ีอยโู่ ดดเด่ยี วลาพงั - การปรบั ปรุงการส่ือสารใหด้ ขี นึ้ จะช่วยลด - ขอ้ มลู จากการส่อื สารชว่ ยในการตดั สินใจ - บคุ คลท่ีมีโอกาสตดิ ตอ่ ส่อื สารโดยตรงแบบ ผลกระทบท่ีเกิดจากความขดั แยง้ ในกล่มุ ได้ เรอ่ื งตา่ งๆ เก่ียวกบั การทางานได้ เผชิญหนา้ จะมีความพอใจมากย่ิงขนึ้ เพราะ - การใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั เก่ียวกบั การทางานจะ การไดข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั ทนั ทีทาใหร้ ูค้ วามสาเรจ็ ทาใหส้ ามารถแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งไดท้ นั ก่อน หรอื ความลม้ เหลวในการติดตอ่ ส่อื สาร ซ่งึ เกิดผลเสียหายรา้ ยแรง หากการส่อื สารลม้ เหลวก็สามารถท่ีจะแกไ้ ข - กลมุ่ งานท่ีมีการตดิ ต่ออย่างเปิดเผยสามารถ ขอ้ ผิดพลาดและปรบั ความเขา้ ใจไดท้ นั เวลา แกไ้ ขปัญหาและขอ้ ขดั แยง้ ท่ีเกิดขึน้ ได้ - ความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู และการส่อื สารอย่าง - ความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู และการส่อื สารอย่าง เปิดเผยทาใหเ้ กิดความพงึ พอใจในงานและ เปิดเผยจะชว่ ยใหก้ ารทางานของกลมุ่ และของ หวั หนา้ งาน องคก์ ารมีประสิทธิผล
ประโยชนข์ องการสื่อสารที่มีต่อองคก์ ารและต่อสมาชิกของ องคก์ ร ดา้ นการบริหารงาน - เพอ่ื แจง้ ข้อมูลข่าวสาร คอื การแจง้ ขอ้ มลู ขา่ วสารของ - เพอ่ื สร้างความสัมพนั ธใ์ นหมู่คณะ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง องคก์ ารตอ่ พนกั งาน เพ่ือใหพ้ นกั งานสามารถประสานและ ผบู้ รหิ ารกบั พนกั งานผบู้ รหิ ารกบั ผบู้ รหิ าร พนกั งานกบั บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคร์ ว่ มกนั พนกั งานทงั้ ในสายการบงั คบั บญั ชาท่ีเป็นทางการและไมเ่ ป็น - เพอ่ื กระตุน้ และจูงใจ การจงู ใจเป็นองคป์ ระกอบสาคญั ท่ี ทางการก็จะเกิดจากการส่อื สารระหว่างกนั ทงั้ สิน้ การส่อื สาร ก่อใหเ้ กิดการพฒั นาการทางานของพนกั งานในองคก์ ารจะ จงึ เป็นตวั สรา้ งความสมั พนั ธท์ ่ีดตี อ่ กนั และทาใหอ้ งคก์ ารดารง ไดร้ บั การจงู ใจและการกระตนุ้ จากการส่ือสาร องคก์ ารจะมี อย่แู ละพฒั นาไปไดใ้ นทกุ สถานการณ์ ประสิทธิภาพหรอื ไมจ่ งึ ขนึ้ อยกู่ บั ความสามารถในการชกั จงู - เพอื่ วินิจฉัยส่ังการ หนา้ ท่ีอยา่ งหนง่ึ ของฝ่ายบรหิ ารก็คอื ผา่ นการส่อื สารดงั กลา่ ว การออกคาส่งั กบั กลมุ่ บคุ คลท่ีอย่ใู นองคก์ าร การออกคาส่งั - เพอื่ ประเมนิ ผลการทางาน ปัจจบุ นั องคก์ ารมีการ ดงั กลา่ วจาเป็นตอ้ งใชก้ ารส่อื สารท่ีรวดเรว็ แนน่ อนและถกู ตอ้ ง เปล่ยี นแปลงตลอดเวลาจึงทาใหต้ อ้ งมีการประเมินผลการ ดงั นนั้ ถา้ ผบู้ รหิ ารไม่ใชก้ ารส่อื สารก็ไม่สามารถส่งั การหรอื ทางานสม่าเสมอเพ่ือประเมินความกา้ วหนา้ ของการทางาน มอบหมายหนา้ ท่ีใหพ้ นกั งานดาเนินการไดเ้ ลย
อปุ สรรคของ การติดต่อส่ือสาร
ปั ญหาหลายอย่างสามารถแทรกแซงถ่ายทอด ใ น ข ณ ะ เ ดี ย ว กั น ก ร ะ บ ว น ก า ร สื่ อ ส า ร อ า จ มี ความคิดอย่างราบรื่นระหว่างบุคคลได้ ปั ญหา ส่ิงรบกวน (Noise) เกดิ ขนึ้ ในหลายลักษณะดังนี้ การมี เหล่านีอ้ าจจะเกดิ ขึน้ จากลักษณะของบุคคล ปัญหา ตวั กรอง (Filtering) ในสมยั เด็กๆ เราคงเคยเล่นเกม บางอย่างอาจจะเกิดขึน้ ในลักษณ์ขององคก์ ร และ ก ร ะ ซิ บ ซ่ึ ง จ ะ เ ห็ น ไ ด้ ว่ า ข้ อ มู ล จ า ก ต้ น ท า ง แ ล ะ ปั ญหาบาง อย่างอาจเกิดขึ้น ในลั กษณ ะของ วัฒนธรรมองคก์ ร ภายใต้วัฒนธรรมที่หลากหลาย ปลายทางจะแตกต่างกัน ในองคก์ รก็เช่นเดียวกัน ของโลก อุปสรรคของการติดต่อส่ือสารจะมีมาก เมื่อข้อมูลเคล่ือนผ่านระดับชั้นการบริหารต่างๆ ขึน้ และยุ่งยากต่อการเอาชนะมากขึน้ ข้อมูลก็จะเปล่ียนแปลงไปโดยอาจจะตกหล่นหรือ บดิ เบอื นไปจากเดมิ ได้
อุปสรรคอ่ืนๆ เช่นการเลือกรับรู้ การมีอารมณ์ขัน สรปุ ในขณะสื่อสารกัน หรือปัญหาเน่ืองจากภาษาที่ใช้ ซ่ึง ก า ร ส่ื อ ส า ร ภ า ย ใ น อ ง ค์ ก ร จ ะ ป ร ะ ส บ ผ ล ส า เ ร็ จ แ ล ะ ผู้บริหารจะต้องแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสม เช่น ต้อง ประสิทธิภาพได้นั้น จะต้องอยู่กับการมีส่วนร่วมของ วเิ คราะหผ์ ู้รับสารเพอ่ื เลอื กใช้ภาษาทเี่ หมาะสม รวมทงั้ ผู้บริหารและบุคลากรในทุกระดับ ตลอดจนบุคคลภายนอก ต้องระมัดระวังภาษาที่ไม่ใช่ภาษาพูดที่อาจทาให้เกิด องคท์ ี่เก่ียวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดต่อส่ือสารที่จะ ทาให้สมาชิกทุกคนร่วมมือกัน เพ่ือให้องค์กรบรรลุผล ความเข้าใจผิดได้ ต้องร่วมสร้างบรรยากาศของความ สาเร็จตามเป้าหมายขององคก์ ร ดังนั้นผู้บริหารท่ีฉลาด ไว้วางใจกัน เพอื่ ใหเ้ กดิ การส่ือสารอย่างกว้างขวางและ และทันสมัยก็ต้องรู้จักใช้การสื่อสารเป็ นเคร่ืองมือในการ เปิ ดเผย ต้องเลือกใช้ส่ือและช่องทางท่ีเหมาะสมต้อง บริหาร และส่งเสริมให้มีการติดต่อสื่อสารระหว่าง ตั้งใจฟัง และมีการให้ข้อมูลย้อนกลับอย่างเหมาะสม ผู้ปฏิบัติงานจึงจะทาให้การบริหารงานและการดาเนิน กจิ การขององคก์ รเป็ นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ดว้ ย
การประยุกตใ์ ชแ้ ละการพฒั นาการ ติดต่อส่ือสารทวั่ ทงั้ องคก์ ร 1 การสนบั สนุนการติดต่อสื่อสาร 4 การใชเ้ ครือข่าย แบบไม่เป็ นทางการ 2 มีการใชก้ ารติดต่อส่ือสารแบบสองทาง 5 การสนบั สนุนการไม่มีขอบเขต 3 เนน้ การติดต่อสื่อสารแบบตวั ต่อตวั 6 การใชเ้ ครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ 7 การจดั รปู แบบข่าวสารใหเ้ หมาะสมกบั ผรู้ บั ข่าวสาร
บญั ญตั ิ 10 ประการในการ ติดต่อสื่อสาร บทบาทของผู้บริหารในองคก์ ร คือ ดาเนินงานต่าง ๆ ใหส้ าเร็จลุล่วงไปด้วยดี การ ดาเนินงานทุกอย่างในองค์การนั้น ต้องอาศัยบุคลากรผู้เกี่ยวข้อง การ ตดิ ตอ่ ส่ือสารนับได้ว่าเป็ นเรื่องทส่ี าคัญอีกประการหนึ่ง เพราะถ้าการตดิ ต่อสื่อสาร ดี ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้อง ก็จะทาให้การดาเนินงานทุก อย่างบรรลุเป้าหมายขององคก์ รนั้นเช่นนั้น
อรุณ รกั ธรรม ( 2521 : 327 – 329 ) ไดใ้ หบ้ ญั ญตั ิ 10 ประการ เพ่ือช่วยในการส่ือสารของท่านกบั ผูร้ ่วมงานไว้ ดงั น้ี 1 แสวงหาความกระจา่ งในเร่ืองทจ่ี ะถา่ ยทอดก่อนทจี่ ะทาการ ตดิ ต่อสือ่ สารออกไปเพอ่ื ช่วยใหก้ ารตดิ ต่อสอื่ สารชัดเจนขนึ้ 5 จงระมัดระวังในขณะทที่ าการตดิ ต่อสื่อสาร 2 ตรวจสอบวัตถุประสงคท์ แ่ี ทจ้ ริงของการตดิ ต่อสื่อสารแต่ ทงั้ ด้านบุคลิกภาพและกายวาจาโดยสังเกต ละครั้งว่าตอ้ งการส่งข่าวสารอะไร มจี ุดมุง่ หมายอยา่ งไร การตอบสนองจากผู้รับฟัง 3 พจิ ารณาเตรียมการเมอื่ ทา่ นจะตดิ ตอ่ สื่อสาร โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมของบคุ คล 4 ปรึกษาหารือกับคนอนื่ ตามความเหมาะสม ในการ วางแผน การตดิ ต่อสอ่ื สาร เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความกระจา่ ง
อรุณ รกั ธรรม ( 2521 : 327 – 329 ) ไดใ้ หบ้ ญั ญตั ิ 10 ประการ เพ่ือช่วยในการส่ือสารของท่านกบั ผูร้ ่วมงานไว้ ดงั น้ี 6 โอกาสแรกต้องแสดงถงึ ผลประโยชนแ์ ละการสร้าง 10 เปิ ดโอกาสใหผ้ ู้ฟังไดร้ ับความเข้าใจ ผู้ ความสาคัญของผู้รับ (received) สื่อสารควรตงั้ ใจฟังและสังเกตปฏกิ ริ ิยาของ ผู้รับเป็ นส่ิงสาคัญ 7 ตดิ ตามผลการตดิ ตอ่ สื่อสารของทา่ น เพอ่ื นามาปรับปรุง 8 การตดิ ตอ่ สอื่ สารสาหรับพรุ่งนีก้ ับวันนี้ โดย ยดึ หลักว่าวันพรุ่งนีต้ ้องดกี ว่าวันนี้ 9 ม่นั ใจว่าการกระทาของทา่ นสนับสนุนการ ตดิ ต่อส่ือสารใหเ้ กดิ ผลดี
การสื่อสารกบั กิจกรรมขององคก์ าร 1 การตดั สินใจ ผู้บริหารตอ้ งอาศัยข้อมูลที่ 4 เทคโนโลยี จัดใหม้ คี ู่มอื การแนะแนว ถูกตอ้ งเพอ่ื ใหเ้ กดิ การผดิ พลาดน้อยทส่ี ุด โครงการฝึ กอบรมใหม้ คี วามรู้ทนั ตอ่ การ เปลี่ยนแปลงเคร่ืองมอื เคร่ืองใช้สมัยใหม่ 2 ความเจริญและพฒั นา การพฒั นาบุคลากร 5 ควรหาแหล่งข้อมลู ข่าวสารทเี่ ป็ นประโยชน์ การควบคุมและการประสานงาน สร้าง ตอ่ บุคลากร บรรยากาศและช่องทางการสอื่ สารใหท้ ่วั ถงึ 3 ความเชย่ี วชาญเฉพาะดา้ น ต้องสร้างความ 6 ท่งั องคก์ าร เข้าใจดว้ ยส่อื สาร จูงใจใหเ้ กดิ ความรู้สกึ ทดี่ ี เตม็ ใจและยนิ ดที จี่ ะทางานทต่ี นมคี วามถนัด สภาพแวดล้อม เศรษฐกจิ เทคโนโลยี การเมอื ง สังคม ตอ้ งตดิ ตามข่าวสารต่างๆ เพอ่ื ใหส้ ามารถปรับตวั เข้ากบั สภาพแวดล้อม ได้
การสื่อสารในสถานศึกษา
ความสาคญั ของการส่ือสารในสถานศึกษา การติดต่อส่ือสารมีความสาคญั และประโยชนใ์ นการบริหารงานของผบู้ ริหารสถานศึกษา ดงั น้ี 1 ทาใหบ้ ุคลากรทราบนโยบาย พนั ธกจิ วสิ ยั ทศั น์ วัตถุประสงคแ์ ละมาตรฐาน ของสถานศกึ ษา เพราะผู้บริหารต้องถ่ายทอดสงิ่ เหล่านีใ้ หบ้ คุ ลากรเข้าใจ เพอื่ ใหก้ ารบริหารบรรลุเป้าหมาย 2 ทาใหบ้ ุคลากรทราบบทบาทและหน้าทขี่ องตน โดยผู้บริหารจะตอ้ ง มอบหมายงานใหช้ ัดเจน 3 ผู้บริหารจะต้องสอนและแนะนาวธิ ีการทางานใหบ้ คุ ลากรแตล่ ะคนเข้าใจ การปฏบิ ตั งิ านในหน้าทข่ี องตน
ความสาคญั ของการส่ือสารในสถานศึกษา การติดต่อส่ือสารมีความสาคญั และประโยชนใ์ นการบริหารงานของผบู้ ริหารสถานศึกษา ดงั น้ี 4 ช่วยเสริมสร้างขวญั และกาลังใจในการปฏบิ ัตงิ าน โดยการยกย่องชมเชย เผยแพร่ผลการปฏบิ ตั งิ าน 5 ช่วยใหผ้ ู้บริหารได้ข้อมลู ป้อนกลับเกยี่ วกับการปฏบิ ตั งิ านของ ผู้ใต้บงั คับบญั ชา ทงั้ ในส่วนทกี่ ้าวหน้าและเป็ นปัญหา ทาใหน้ ามาปรับปรุง การทางานของตนได้ 6 ช่วยใหเ้ กดิ ความร่วมมอื ร่วมใจกบั ชุมชนในการจดั การศึกษา 7 สร้างบรรยากาศแหง่ การอบอุน่ เป็ นมติ ร และเป็ นกันเอง เกิด ความร่วมมอื ร่วมใจในการปฏบิ ัตงิ าน
Search