รายงานการสอนออนไลน์ ของครูสุรีรัตน์ พวงศิริ

ระหวา่ งวนั ที่ 14 กนั ยายน 2564 ท 23101 ภาษาไทย นางสาวสุรรี ัตน์ พวงศิริ ม.3/3 จำนวน 35 คน ขั้นนำ - ครูสนทนากับนกั เรียนเก่ยี วกบั การใช้คำทับศพั ทใ์ นสมัยเร่มิ มี ความสัมพันธก์ บั ต่างชาติเมอื่ ต่างชาตใิ ชค้ ำที่ไม่มใี นภาษาไทย เรากจ็ ะ พดู ทบั ศพั ทใ์ นภาษาของเขา เชน่ มาดาม ไทยใช้ แมด่ ำ ขั้นสอน - ใหน้ ักเรียนศึกษา PowerPoint เรือ่ ง คำทบั ศพั ท์ และ รว่ มกันอภิปรายพรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ - การใช้คำทับศัพท์เป็นความเจริญทางภาษาหรือความเส่อื ม ของภาษา เพราะเหตุใด - นกั เรยี นคิดว่า มีความจำเป็นหรือไมท่ ่ีจะตอ้ งบญั ญตั ศิ พั ท์ อืน่ โดยใช้ภาษาอื่นขึน้ มาแทน - คำภาษาอังกฤษท่ีมีอยู่แล้ว ข้ันสรปุ - ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ การใช้คำทบั ศพั ท์ ศพั ท์ บัญญัติศพั ทโ์ ดยใช้คำถามถามนกั เรียนเป็นรายบุคคลเพอ่ื ให้ นกั เรียนเกิดความร้คู วามเขา้ ใจในบทเรียนย่ิงขึ้นใหน้ กั เรยี นทำ ใบงาน เรือ่ ง “คำทับศัพท์และคำศัพทบ์ ญั ญัต”ิ ครูและนกั เรียนรว- มกันสรปุ การใช6คำทับศพั ท< ศัพท<บญั ญตั แิ ละบัญญัติศพั ท< โดยใชค6 ำถามถามนักเรียนเปนD รายบคุ คลเพื่อให6นกั เรียนเกิดความรคู6 วามเขา6 ใจ ในบทเรียนย่ิงขน้ึ ให6นักเรียนทำใบงาน เรอ่ื ง “คำทับศัพทแ< ละคำศัพท<บัญญัตใิ นบทเรียนหนังสือ หลักภาษาไทยประกอบเพือ่ ใหน6 กั เรียนศกึ ษาหาความรเู6 พ่มิ เตมิ

กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ข้นั นำ ครูสนทนากับนกั เรียนเกีย่ วกบั การใช้คำทบั ศพั ทใ์ นสมัยทไ่ี ทยเรม่ิ มีความสมั พันธก์ บั ต่างชาติ เมื่อต่างชาตใิ ช้คำทไ่ี ม่มีในภาษาไทย เรากจ็ ะพดู ทับศพั ทใ์ นภาษาของเขา เชน่ - มาดาม ไทยใช้ แม่ดำ - เทเลกราฟ ไทยใช้ ตะแลบแกรบ คณุ พระท่าน จะไป “อิหรอบ” เจ้าค่ะ \"อีหรอบ\" หมายถงึ ยโุ รป, ทวีปยุโรป

ขนั้ สอน 1. ใหน้ ักเรียนศกึ ษา PowerPoint เรอ่ื ง คำทับศพั ท์ และร่วมกนั อภปิ รายพรอ้ มยกตัวอยา่ งประกอบ 1) การใชค้ ำทบั ศัพท์เป็นความเจริญทางภาษาหรอื ความเสอื่ มของภาษา เพราะเหตใุ ด 2) นกั เรยี นคดิ วา่ มคี วามจำเป็นหรอื ไมท่ ่ีจะต้องบัญญตั ิศัพท์อืน่ โดยใช้ภาษาอ่นื ขึน้ มาแทน คำภาษาอังกฤษทีม่ ีอยู่แล้ว 2. นกั เรียนศกึ ษาความร้เู รอ่ื ง การใชค้ ำทับศพั ท์และศพั ทบ์ ัญญัตติ ่างๆ จากหนงั สือเรยี น และแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ 3. นกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายความร้เู ร่ือง การใช้คำทบั ศพั ทแ์ ละศพั ท์บญั ญตั ติ ่างๆ นักเรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด นกั เรียนคดิ ว่า ในสังคมปัจจุบันการใชค้ ำทับศพั ท์และการบญั ญัติศพั ท์ วิธกี ารใด มคี วามจำเป็นมากกว่า กนั เพราะเหตใุ ด





ขั้นสรุป ครูและนักเรยี นร-วมกนั สรปุ การใชค6 ำทบั ศัพท< ศัพท<บญั ญัตแิ ละบัญญตั ิศพั ทโ< ดยใชค6 ำถามถามนกั เรยี นเปนD รายบุคคลเพือ่ ให6นักเรยี นเกดิ ความร6คู วามเข6าใจในบทเรยี นยิ่งข้ึนให6นักเรยี นทำใบงาน เรื่อง “คำทบั ศพั ท<และ คำศัพทบ< ัญญัติในบทเรยี นหนงั สือหลกั ภาษาไทยประกอบเพ่อื ใหน6 ักเรียนศกึ ษาหาความร6เู พ่มิ เตมิ

บนั ทกึ หลังสอน ผลการจดั การเรียนร4ู นักเรยี นร6อยละ 99 มคี วามสนใจต้ังใจฟงT ในเรอื่ งทีค่ รอู ธบิ าย เข6าเรยี นออนไลนท< กุ ตรัง้ ตามตารางเรยี น สามารถทำกจิ กรรมท่คี รกู ำหนดใหไ6 ด6อยา- งดี ใชภ6 าษาได6อย-างถูกตอ6 ง สามารถตอบคำถามได6 ผ-านเกณฑ<ที่ครู กำหนด มนี กั เรียนร6อยละ 1 ท่ียงั ไมเ- ขา6 ใจ ไม-สามารถตอบคำถามได6 และใชภ6 าษาไมถ- กู ต6อง ทำใหไ6 มผ- า- นเกณฑ<ท่คี รู กำหนด ป5ญหาและอปุ สรรค มนี กั เรียนร6อยละ 1 ทยี่ ังไมเ- ข6าใจ ไม-สามารถตอบคำถามได6 และใชภ6 าษาไม-ถกู ต6อง ทำให6ไมผ- -านเกณฑ<ที่ ครูกำหนด แนวทางการแกป4 ญ5 หา ครูอธิบายเพิ่มเติมใหแ6 กน- กั เรยี นทยี่ ังใชภ6 าษาไมถ- ูกต6อง และให6ฝ[กทำแบบฝก[ โดยมีเพื่อนแนะนำใน ลักษณะเพื่อนชว- ยเพื่อน และมีครคู อยดแู ลจนสามารถใช6ภาษาได6อยา- งถกู ต6อง เมือ่ เขา6 ใจดีแลว6 กใ็ หท6 ำแบบทดสอบ อกี คร้งั จนผ-านเกณฑ<ทคี่ รกู ำหนด ลงชอ่ื ผร6ู ายงาน (นางสาวสุรรี ัตน< พวงศิริ) 14 กนั ยายน 2564

ÀÒ¤¼¹Ç¡ - วฒุ ิบตั ร ผา่ นการอบรม เร3ืองทกั ษะความเข้าใจ และใช้เทคโนโลยีดจิ ิทลั (Digital Literacy) - แผนการสอน - สอื3 การสอน

วุฒบิ ตั ร ผ่านการอบรม เร3ืองทกั ษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั (Digital Literacy)

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี0 2 การใชค้ ำทับศพั ทแ์ ละ 1 ช่ัวโมง ศพั ทบ์ ญั ญัติตา่ งๆ (1) 1 สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การศกึ ษาเรือ่ งการใช้คำในภาษาไทย จะชว่ ยใหส้ ามารถใชค้ ำทับศพั ท์และศัพทบ์ ญั ญัตติ ่างๆ ได้อย่างถูกต้อง 2 ตวั ชว้ี ดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตัวชว้ี ัด ท 4.1 ม.3/4 ใชค้ ำทบั ศพั ท์และศพั ทบ์ ัญญตั ิ 2.2 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - ใชค้ ำทบั ศพั ท์และศพั ท์บัญญตั ิได้ 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง 1) คำทับศพั ท์ 2) คำศพั ทบ์ ัญญตั ิ 3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สูตรสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 4.1 ความสามารถในการส่อื สาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการสำรวจคน้ หา 2) ทกั ษะการนำความร้ไู ปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 2. ใฝ่เรียนรู้ 4. รกั ความเปน็ ไทย 1. มีวนิ ยั 3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 6 กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครูสนทนากับนกั เรยี นเกี่ยวกับการใช้คำทบั ศพั ทใ์ นสมยั ท่ไี ทยเรม่ิ มีความสมั พนั ธ์กบั ต่างชาติ เม่ือตา่ งชาตใิ ช้คำท่ไี ม่มีในภาษาไทย เราก็จะพูดทบั ศัพทใ์ นภาษาของเขา เช่น - มาดาม ไทยใช้ แมด่ ำ - เทเลกราฟ ไทยใช้ ตะแลบแกรบ 2. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับคำทับศัพทท์ ่ีใช้ในสมยั ปจั จุบนั พรอ้ มยกตัวอย่างประกอบ 3. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด ข้อ 1-2 1) การใช้คำทับศพั ทเ์ ปน็ ความเจรญิ ทางภาษาหรอื ความเสอื่ มของภาษา เพราะเหตุใด (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยู่ในดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 2) นักเรยี นคดิ วา่ มคี วามจำเปน็ หรอื ไมท่ ี่จะต้องบัญญตั ิศพั ทอ์ น่ื โดยใชภ้ าษาอน่ื ขน้ึ มาแทน คำภาษาอังกฤษท่ีมีอยูแ่ ล้ว (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 4. นักเรยี นศึกษาความรู้เรือ่ ง การใช้คำทับศพั ท์และศพั ทบ์ ัญญตั ิต่างๆ จากหนงั สอื เรยี น และแหลง่ ข้อมูล สารสนเทศ 5. นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายความรู้เร่อื ง การใช้คำทบั ศัพทแ์ ละศพั ทบ์ ัญญัติตา่ งๆ 6. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ Ÿ นกั เรยี นคดิ ว่า ในสงั คมปัจจุบันการใชค้ ำทบั ศัพท์และการบัญญตั ิศัพท์ วธิ ีการใด มคี วามจำเป็นมากกว่ากนั เพราะเหตุใด (พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยให้อยูใ่ นดุลยพนิ ิจของครผู ู้สอน) 7 การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความมีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มั่นในการทำงาน แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ และรกั ความเป็นไทย

8 ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรยี นรู้ - หนงั สอื เรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.3 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ Ÿ แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ - http://www.royin.go.th/th/knowledge/content-list.php?ID=41 - http://www.krama6.su.ac.th/activity/activity07.htm - http://www.ipesp.ac.th/learning/thai/chapter3-4.html

ส่อื การสอน







¢Íº¤Ø³¤Ðè