Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชาวตลาด 2563

ชาวตลาด 2563

Published by พัชรี อักษรณรงค์, 2021-08-16 09:37:31

Description: ชาวตลาด 2563

Search

Read the Text Version

คำนำ ตามที่ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอประโคนชัย ได้จัดโครงการ ห้องสมุดเคลื่อนท่ีสำหรับชาวตลาด เดือนตุลาคม ๒๕๖๒ - เดือนกันยายน ๒๕๖๓ ณ ตลาดสดเทศบาลตำบล ประโคนชัย และตลาดนัดในเขตพื้นที่อำเภอประโคนชัย เพื่อเป็นการส่งเสริมการอ่านเป็นวัฒนธรรมในการ แสวงหาความรู้ ของมนุษย์ และเป็นพื้นฐานสำคัญเพื่อใช้ในการศึกษาหาความรู้ การติดต่อสื่อสาร ในการ ดำรงชีวิตประจำวัน ดงั นน้ั การวางแผนรากฐานการมนี ิสัยรักการอ่าน จึงนำไปส่กู ารเรียนรทู้ ี่ดี ทำให้นักเรียนมี ความมั่นใจและภาคภูมิใจในการอ่านออกเขียนได้ พร้อมที่จะเรียนรู้สาระอื่นได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ เป็นการ พัฒนาตนเองใหร้ ูจ้ ักปรับตัวอยูใ่ นสังคมได้อย่างสงบสุข ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์สังคมไทยให้เปน็ สังคมแห่งการ เรียนรู้ต่อไป ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอประโคนชัย ได้จัดโครงการส่งเสริม นสิ ยั รกั การอา่ นขน้ึ บัดนี้ ได้ดำเนินการร่วมกิจกรรมเรียบร้อยแล้วและได้รวบรวมข้อมูลและภาพกิจกรรม เพื่อให้ผู้ที่ สนใจได้ศึกษาและเป็นแนวทางในการปฏิบตั ติ อ่ ไป นางสาวพัชรี อักษรณรงค์ ผูจ้ ัดทำ

สารบญั เรอ่ื ง หนา้ บทที่ ๑ บทนำ........................................................................................................................... ๑ บทที่ ๒ เอกสารท่เี กี่ยวขอ้ ง……………………………………………………………………….……………........ ๓ บทท่ี ๓ วธิ ีดำเนินงาน………………………………………………………………………………..…………………. ๑๔ บทที่ ๔ ผลการดำเนนิ งาน…………………………………………………………………………………………….. ๑๗ บทท่ี ๕ สรปุ และ ๑๙ ข้อเสนอแนะ……………………………………………………………………………………….. ภาคผนวก ประมวลภาพกจิ กรรมโครงการ

บทท่ี ๑ บทนำ หลกั การและเหตผุ ล การอ่านจัดเปน็ พ้ืนฐานที่สำคญั ของการเรียนรแู้ ละการพฒั นาสติปญั ญาของคนในสงั คมไทย การอ่าน ทำให้เกิดการพัฒนาด้านสติปัญญา ความรู้ ความสามารถ พฤติกรรมและค่านิยมต่าง ๆ รวมทั้งช่วยในการ เปลย่ี นแปลง การดำเนนิ ชีวิตโดยพัฒนาไปส่สู ่ิงทด่ี ีทีส่ ุดของชีวิต การอา่ นจึงมีความสำคญั ต่อชีวิตมนษุ ย์อย่างยิ่ง จึงไม่เพียงระบุให้สถานศึกษาต้องจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนเท่าน้ัน หากยังต้องให้ผู้เรียนรักการอ่าน เขียน เพื่อให้เกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย การอ่าน การเขียนเป็นการ แสวงหาความรู้ที่ครอบคลุมกิจกรรมหลายด้าน เช่น การรับรู้ การตระหนัก การพัฒนา การสนองตอบ และการใช้จินตนาการ เป็นต้น การอ่าน เขียน จึงสัมพันธ์กับการทำงานของสมอง การตอบสนองทาง ร่างกาย และอารมณ์ ซง่ึ จะส่งผลไปถึงการเปลี่ยนแปลงทัศนคติบุคลิกภาพตลอดจนการประพฤติปฏิบัติของ ผู้อ่าน เขียนเอง ด้วยคุณค่าดังกล่าว กศน.อำเภอประโคนชัย จึงมุ่งจัด “โครงการเสริมสร้างการอ่านสู่การ เรยี นรูต้ ลอดชวี ติ ” ขึน้ เพือ่ ปลกู ฝงั ให้นกั ศกึ ษา กศน.อำเภอประโคนชยั มีทกั ษะดา้ นการอ่าน เขียนอันจะเป็น ประโยชนต์ ่อการเรียนรู้ และการดำรงชวี ติ ของนักศกึ ษาทง้ั ในปัจจุบันและ ในอนาคต ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอประโคนชัย เห็นว่ากิจกรรมเสริมสร้าง ทกั ษะด้านการอา่ น เขยี น จะสามารถพฒั นาทกั ษะต่าง ๆ ใหก้ ับนักศกึ ษา กศน. อำเภอประโคนชัยได้ในหลาย ๆ ด้าน จึงได้จัดทำ “โครงการห้องสมุดเคลื่อนที่สำหรับชาวตลาด” ขึ้น เพื่อให้นักศึกษาได้นำความรู้ และประสบการณท์ ไี่ ดจ้ ากการเข้าร่วมกจิ กรรม ไปปรบั ใชใ้ นการดำเนินชวี ิต และอยู่ในสงั คมไดอ้ ย่างปกตสิ ุข วัตถุประสงค์ ๑. เพ่ือส่งเสรมิ ใหน้ กั ศกึ ษาและประชาชนทว่ั ไปมีนสิ ยั รกั การอา่ น ๒. เพอื่ สง่ เสริมใหน้ กั ศึกษาและประชาชนทว่ั ไปรจู้ ักใช้เวลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ดว้ ยการอ่านหนงั สือ เปา้ หมาย - ดา้ นปริมาณ นกั ศกึ ษา และประชาชนทว่ั ไป จำนวน ๑,๑๒๐ คน - ด้านคุณภาพ ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ มีความรู้ความเขา้ ใจ ใช้กิจกรรมยามว่างใหเ้ ปน็ ประโยชนด์ ้วยการอา่ น หนังสอื และเหน็ คุณค่าของการอา่ นและมีนิสยั รกั การอา่ น

ระยะเวลาในการดำเนินการ เดือนตุลาคม ๒๕๖๒ - เดอื นกันยายน ๒๕๖๓ สถานทใ่ี นการดำเนินกจิ กรรม ตลาดสดเทศบาลตำบลประโคนชัย และตลาดนดั ในเขตพ้นื ที่อำเภอประโคนชยั

บทที่ ๒ เอกสารที่เก่ียวข้อง (ตามความเหมาะสมของกิจกรรม) รายละเอียดของกจิ กรรม เดอื นตุลาคม ๒๕๖๒ - เดอื นกนั ยายน ๒๕๖๓ จดั กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน - กจิ กรรมส่งเสริมการอา่ นออนไลน์ และสง่ เสรมิ การอ่านจากควิ อารโ์ ค้ด - อ่นื ๆ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอประโคนชัย ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการ ส่งเสริมการเรียนรู้ โดยให้ ห้องสมุดประชาชนอำเภอประโคนชัย จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านแก่ผู้เข้าร่วม กิจกรรม ดังน้ี การอ่าน เป็นทักษะที่จำเป็นต่อชีวติ คนเรามาก ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร เพศใด วัยใด ก็ต้องการท่จี ะ เพิ่มพูนความรูข้ องตนเองอยู่เสมอ เพราะการอ่านน้ัน นอกจากที่จะอา่ นเพื่อเก็บความรแู้ ลว้ การอ่าน ยังให้ ความบนั เทงิ แก่ชีวิตอกี ดว้ ย โดยเฉพาะนักเรียน นกั ศกึ ษา ซง่ึ ต้องใชก้ ารอา่ นเป็นสว่ นหน่ึงของชีวิตประจำวัน จึงจำเปน็ ต้องมีหลกั การอา่ นและทักษะการอ่าน นอกจากนี้ ยังจำเปน็ ต้องมีความรกั ในการอา่ น เพราะถ้ารัก การอ่านแล้ว จะทำให้เป็นผู้ที่รู้มาก หรือเป็น “พหูสูต” หลักการอ่านหนังสือนัน้ เมื่อกล่าวโดยท่ัวไปแล้ว หนังสือแต่ละชนิดจะมีหลักการอ่านที่ไม่เหมือนกัน ต้องพิจารณาถึงจุดมุ่งหมายของการอ่านหนังสือแต่ละ ประเภท เช่น การอ่านหนงั สือตำราวิชาการ จะต้องมกี ารอ่านอย่างครา่ ว ๆ และกลับมาอ่านซ้ำอกี หลาย ๆ รอบ แลว้ จึงจะสรปุ ประเด็น, การอา่ นหนงั สืออา้ งอิง เปน็ การอา่ นเฉพาะสว่ น เพอ่ื ใหไ้ ด้คำตอบในสิ่งท่ี ตนเองอยากรู้ เป็นตน้ ไมว่ ่าจะเปน็ การหนงั สอื ประเภทใด ล้วนแลว้ แต่ก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้อ่านได้ท้ังน้ัน ผู้อ่านต้องมีความใจกับสิ่งที่อ่าน และฝึกฝนการอ่าน ตั้งใจอ่านอย่างมีสมาธิแน่วแน่ นำกลวีการอ่านตา่ ง ๆ มาปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั จงึ จะเปน็ กระบวนการอา่ นท่ีมปี ระสิทธภิ าพ ความหมายของการอา่ น การอ่าน ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๒ วา่ ไว้ว่า “ วา่ ตามตัวหนังสือ , ถ้าออกเสยี งด้วย เรยี กว่า อา่ นออกเสียง, ถา้ อา่ นไมอ่ อกเสยี ง เรยี กวา่ อา่ นในใจ, สงั เกตหรือพิจารณาดู เพอื่ ใหเ้ ข้าใจ เช่น อา่ นสีหน้า อา่ นรมิ ฝีปาก อา่ นใจ ; ตีความ เชน่ อา่ นรหัสอา่ นลายแทง ; คิด, นับ. (ไทย เดมิ ).” จะเห็นไดว้ า่ จากความหมายของการอา่ นน้ัน ต้องการให้ผอู้ ่านมีความเข้าใจ, รับรู้เกี่ยวกับเรื่องที่ อา่ นไป และการอ่านนั้น จะตอ้ งมกี ารเก็บความรู้ เพือ่ ให้รวู้ า่ ผ้แู ตง่ ต้องการส่อื อะไร การอ่าน คือ การรับรู้ความหมายจากถ้อยคำที่ตีพิมพอ์ ยู่ในสิ่งพิมพ์หรือในหนังสอื เป็นการรับร้วู า่ ผ้เู ขยี นคิดอะไรและพูดอะไร โดยเริม่ ต้นทำความเข้าใจถ้อยคำแต่ละคำเข้าใจวลี เขา้ ใจประโยค ซึ่งรวมอยู่ใน ย่อหน้า เข้าใจแต่ละย่อหน้า ซึ่งรวมเป็นเรือ่ งราวเดียวกัน การอ่านเป็นการบริโภคคำทีถ่ ูกเขียนออกมาเปน็

ตัวหนังสอื หรอื สัญลักษณ์ การอ่านโดยหลกั วทิ ยาศาสตร์ เร่มิ จากการทแี่ สงตกกระทบที่สื่อ และสะท้อนจาก ตัวหนังสือผ่านทางเลนส์นัยน์ตา และประสาทตาเข้าสู่เซลล์สมองไปเป็นความคิด (Idea) ความรับรู้ (Perception) และกอ่ ใหเ้ กดิ ความจำ (Memory) ทงั้ ความจำระยะส้นั และความจำระยะยาว กระบวนการอา่ น มี ๔ ขัน้ ตอน คอื ขั้นแรก การอา่ นออก อา่ นได้ หรืออา่ นออกเสยี งได้ถกู ต้อง ขั้นท่ีสอง การอ่านแล้วเขา้ ใจ ความหมายของคำ วลี ประโยค สรปุ ความได้ ขั้นที่สาม การอ่านแล้วรู้จักใช้ความคิด วิเคราะห์ วิจารณ์และออกความเห็นในทางที่ขัดแย้งหรือ เหน็ ดว้ ยกับผู้เขยี นอยา่ งมีเหตผุ ล ขั้นสุดท้าย คือการอ่านเพื่อนำไปใช้ ประยุกต์ใช้ในเชิงสร้างสรรค์ ดังนั้นผู้ที่อ่านได้และอ่านเป็น จะต้องใช้กระบวนการทั้งหมดในการอ่านที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการถ่ายทอดความหมายจาก ตวั อกั ษรออกมาเปน็ ความคิด และจากการคิดท่ีได้จากการอ่านผสมผสานกับประสบการณ์เดิม และสามารถ ความคดิ นนั้ ไปใชป้ ระโยชน์ต่อไป จดุ มุ่งหมายของการอา่ น อ่านเพื่อความรู้ ได้แก่ การอ่านจากหนงั สือตำราทางวิชาการ สารคดีทางวิชาการ การวิจัยประเภท ต่าง ๆ หรือการอ่านผ่านสื่ออเี ล็กทรอนิกส์ ควรอ่านอย่างหลากหลาย เพราะความรู้ในวิชาหนึ่ง อาจนำไป ชว่ ยเสริมในอีกวิชาหน่งึ ได้ อ่านเพื่อความบันเทิง ได้แก่ การอ่านจากหนังสือประเภทสารคดีท่องเที่ยวนวนิยาย เรื่องส้ัน เรื่องแปล การ์ตูน บทประพันธ์ บทเพลง แม้จะเป็นการอ่านเพื่อความบันเทิง แต่ผู้อ่านจะได้ความรู้ท่ี สอดแทรกอยู่ในเรื่องดว้ ย อ่านเพื่อทราบข่าวสารความคิด ได้แก่ การอ่านจากหนังสือประเภทบทความ บทวิจารณ์ ข่าว รายงานการประชมุ ถ้าจะให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จรงิ ตอ้ งเลือกอา่ นให้หลากหลาย ไมเ่ จาะจงอ่านเฉพาะสื่อ ที่นำเสนอตรงกับความคิดของตน เพราะจะทำให้ได้มุมมอง ที่กว้างขึ้น ช่วยให้มีเหตุผลอื่น ๆ มา ประกอบการวิจารณ์ วิเคราะหไ์ ดห้ ลายมมุ มองมากข้ึน อา่ นเพือ่ จดุ ประสงค์เฉพาะทางแต่ละคร้ัง ไดแ้ ก่ การอา่ นทไ่ี ม่ไดเ้ จาะจง แต่เปน็ การอ่านในเร่ืองที่ ตนสนใจ หรืออยากรู้ เชน่ การอา่ นประกาศตา่ ง ๆ การอ่านโฆษณา แผ่นพบั ประชาสัมพันธ์ สลากยา ข่าว สงั คม ข่าวบนั เทงิ ข่าวกีฬา การอา่ นประเภทนม้ี ักใชเ้ วลาไมน่ าน ส่วนใหญเ่ ปน็ การอา่ นเพือ่ ให้ไดค้ วามรู้และ นำไปใช้ หรือนำไปเปน็ หวั ขอ้ สนทนา เชอ่ื มโยงการอ่านสกู่ ารวิเคราะห์ และคิดวิเคราะห์ บางครง้ั ก็อ่านเพ่ือ ใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ ข้ันตอนกอ่ นลงมืออา่ นหนงั สอื สำรวจตนเอง กล่าวคือ ก่อนที่ผู้อ่านจะเร่ิมอ่านหนังสือน้ัน ผู้อ่านจะต้องสำรวจตนเองก่อนว่าจะ อ่านหนังสืออะไร จุดมุ่งหมายของการอ่านหนังสือครั้งนี้คืออะไร อ่านแล้วได้อะไร และเมื่อผู้อ่านสำรวจ ตนเองเรยี บร้อยแล้ว จงึ ตอ้ งลงมือหาหนังสอื ที่ตนเองต้องการ ในขอ้ นี้เป็นการกำหนดจดุ ม่งุ หมายในการอ่าน หนงั สือ สำรวจหนังสือ กล่าวคือ ผู้อ่านต้องสำรวจว่าหนงั สือเล่มน้ีกล่าวถึงอะไร มีเนื้อความกล่าวถึงสิ่งท่ี ผ้อู า่ นตอ้ งการจะทราบ หรือผู้อา่ นตอ้ งการจะอา่ นหรอื ไม่ โดยสามารถดไู ด้จาก สารบัญของหนังสอื ซึ่งเป็น

สิ่งที่บ่งบอกโครงเรื่องของหนังสือว่า หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อหาใดบ้าง การอ่านหนังสือที่ตรงกับ จดุ ประสงคข์ องผู้อา่ นนนั้ จะชว่ ยให้ผอู้ ่านย่นระยะในการอา่ นหนังสอื มากข้นึ สำรวจสิ่งแวดล้อม กล่าวคือ หลักจากที่สำรวจหนังสือแล้ว ผู้อ่านจะต้องสำรวจสิ่งแวดล้อมว่า สถานที่และเวลานี้ เหมาะสมหรอื ไม่สำหรับการอ่านหนังสือ ผู้อา่ นแต่ละท่าน มคี วามเคยชินและความถนัด ในสิ่งแวดล้อมของการอ่านหนังสือไม่เหมือนกัน เช่น นักเรียน นักศึกษา ส่วนใหญ่ชอบหนังสือในเวลา กลางคนื หรือชว่ งเวลาก่อนนอน เนอ่ื งจาก มีความเปน็ ส่วนตัว มสี มาธิ ทำให้สามารถจดจำในรายละเอียด ได้มากขน้ึ , ส้นิ สุดภารกิจในชีวิตประจำวัน เป็นตน้ ลักษณะของการอา่ นทด่ี ี ไม่นอนอ่านหนังสือ กล่าวคือ การนอนเป็นอิริยาบถที่เหมาะแก่การพักผ่อนมากกว่าการที่จะเก็บ เนอ้ื หาสาระจากการอ่าน เพราะฉะนนั้ ถ้าเกิดว่าผอู้ า่ นนอนอ่าน จะทำให้สามารถเผลอหลับไปได้ทุกเวลา ควรสร้างสมาธิก่อนอ่าน กล่าวคือ ในขณะเวลาที่อ่านนัน้ ไม่ควรทจ่ี ะอยูใ่ นท่ีพลุกพล่านควรอยู่ในท่ีท่ี มีความเงียบ ไม่สมควนดูโทรทัศน์ หรือฟังวิทยุในขณะอ่าน เพราะจะทำให้เสียสมาธิในการอ่าน ทำให้ไม่ สามารถเก็บสาระในการอ่านได้ และไม่มีความพร้อมในการอ่าน เนื่องจากการอ่านต้องมีสมาธิอย่างมาก เพราะการอา่ นที่ดี ผ้อู ่านควรเนือ้ หาสาระจากการอา่ นให้ได้มากที่สดุ และทำความเข้าใจ ทักษะการอ่านและทกั ษะการเขียนเป็นของคู่กนั กล่าวคือ ในขณะที่ผู้อา่ น อ่านหนังสอื นั้น ควร จะมีกระดาษและปากกาหรือสมุดบันทึก เพื่อบันทึกสาระสำคัญในขณะการอ่าน เพราะว่าการบันทึก สาระสำคัญในขณะการอ่านนั้น จะช่วยทำให้การอ่านมีประสิทธิภาพมากขึ้น กล่าวคือ จะทำให้ผู้อ่านน้ัน จดจำสาระ สำคัญของหนังสือที่อ่านได้ด้วย นอกจากนี้ การเขียนบันทึกสาระสำคัญ หลังจากการอ่านหรือ ในขณะการอ่านนนั้ จะช่วยทบทวนในสง่ิ ท่อี ่านมาทง้ั หมดได้อกี ด้วย การอ่านหนังสือที่ดีต้องรู้ทีม่ า กล่าวคือ ผู้อ่านควรจดจำแหล่งที่มาของหนังสือหรือข้อเขียนที่อ่าน บางที่อาจจะมีประโยชน์ต่อการอ้างอิง นอกจากนี้เมื่อผู้อ่านต้องการความรู้แบบต่อยอดแต่ไม่สามารถหา ตน้ ฉบับหนงั สอื ทผ่ี อู้ ่านอา่ นได้ แต่ผอู้ ่านรจู้ กั จดจำหรือสังเกตแหล่งท่ีมาของหนังสอื รวมทัง้ ศกึ ษาภูมิหลังของ หนงั สือ ทัง้ ผแู้ ต่งหรอื ทม่ี าของหนงั สอื จะทำใหผ้ ู้อ่านสามารถหาความรตู้ ่อยอดได้ ผู้อ่านที่ดีควรติดตามและมีวิจารณญาณในการอ่าน กล่าวคือ ผู้อ่านที่ดีควรติดตามในสิ่งที่อ่าน อาจจะเพื่อวิเคราะห์สิ่งที่อ่านว่า มีความเป็นข้อคิดเห็นหรือข้อเท็จจริง และถ้าผู้อ่านคิดตาม ผู้อ่านจะมี ความสามารถในการอา่ น การคิดตามอาจจะตัดสินได้ว่าขอ้ มลู น้ีเป็นข้อมลู ที่ถกู ต้องหรือผิดประการใด ผู้อ่านที่ดีควรรูจ้ ักทบทวน กล่าวคือ หลังจากท่ีอ่านหนังสือแล้ว ผู้อ่านจะต้องหมั่นทบทวนในส่งิ ท่ี อ่านอยู่เสมอ ประการหนึ่งก็เพื่อให้ผู้อ่านนั้นรูส้ ึกว่าการอ่านหนังสือนั้นจะช่วยเพิ่มพูนความรู้ให้กับผู้อ่านได้ โดยทีผ่ ูอ้ ่านจะต้องหมน่ั ทบทวนซำ้ ๆ หลาย ๆ คร้ังจนจำขึ้นใจ ในยคุ ปัจจุบันเปน็ ยุคแหง่ เทคโนโลยี สารสนเทศ และข้อมูลขา่ วสาร มีขา่ วสารต่าง ๆ เลอื่ นไหลเข้า มาในกระแสของโลกอยา่ งมากมาย ท้งั ข้อมูลดา้ นดี และขอ้ มูลด้านลบ ท่ีทำให้ผ้อู ่านต้องอ่านและใช้ดุลพินิจ ในการตีความ การอ่านเร็วมีความจำเปน็ อย่างยง่ิ เพราะถ้าย่งิ อา่ นเร็วและสามารถเข้าใจได้เลย ก็จะทำให้เรา สามารถตักตวงในส่งิ ทอี่ ่านไดม้ าก เพราะยคุ นคี้ นตอ้ งมีความรูม้ าก เป็นยุคทีต่ ้องแข็งขัน ตอ้ งตกั ตวงไม่ว่าจะ เป็นสิ่งที่มีสาระหรือมีความบันเทิง การจะอ่านได้เร็วนัน้ ต้องฝกึ หัดใหม้ าก ๆ และอ่านบ่อย ๆ ผู้อ่านตอ้ งมี ความรูพ้ ื้นฐานในเรอ่ื งที่จะอา่ นพอสมควร หรอื มคี วามสนใจในเรอ่ื งท่ีจะอา่ น รวมทัง้ ควรเรยี นรูศ้ พั ท์ใหม่ ๆ ที่ เกิดจากการอ่าน เพราะเมือ่ ผู้อ่านไม่มีความรู้พ้นื ฐาน หรือไม่มคี วามสนใจในเรื่องท่ีจะอ่านแล้ว จะทำให้การ

อ่านนั้นไมป่ ระสบความสำเรจ็ หรือประสบความสำเรจ็ น้อย ผู้อ่านต้องฝึกจับใจความ กล่าวคือ ผู้อ่านอา่ น สิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสารคดี หรือบันเทิงคดี ล้วนจะต้องมีใจความสำคัญอยู่ ดังนั้นผู้อ่าน จะตอ้ งจับใจความสำคัญของเรอื่ งท่ีอา่ นใหไ้ ด้ อ่านแลว้ เลา่ ต่อ กลา่ วคือ การอา่ น ถ้าอา่ นอย่างเดียวโดยไมม่ ีการทบทวนหรือเล่าต่อ ก็อาจจะทำ ให้ผู้อ่านลืมในสิ่งที่อ่านไปทั้งหมดได้ หรือจำได้เพียงบางอย่าง แต่เมื่อผู้อ่านไปเล่าต่อแล้ว ความรู้นั้นก็จะ กลับมาเหมอื นกับเปน็ การทบทวนให้ผู้อา่ นอีกครั้งหนึ่ง ประโยชนข์ องการอ่าน ๑. เปน็ การสนองความตอ้ งการของมนษุ ย์ ๒. ทำให้มนษุ ย์เกดิ ความรู้ ทกั ษะตา่ ง ๆ ตลอดจนความก้าวหนา้ ทางวชิ าชพี ๓. ทำให้มนษุ ย์เกดิ ความคิดสรา้ งสรรค์ ความเพลิดเพลนิ บนั เทิงใจและเกดิ ความบันดาลใจ ๔. เป็นการใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ ๕. ทำใหม้ นุษยท์ นั ต่อเหตุการณค์ วามเคล่ือนไหวต่าง ๆ ของโลก ๖. เปน็ การสง่ เสริมสุขภาพของมนษุ ย์ ๗. ช่วยใหม้ นษุ ย์แกป้ ญั หาสังคม การเมือง เศรษฐกิจและปญั หาส่วนตัว คณุ สมบัติของนักอา่ นทีด่ ี ๑. มีนิสัยรกั การอา่ น ๒. มีจติ ใจกว้างขวางพรอ้ มท่จี ะอ่านหนงั สอื ท่ีดมี คี ณุ ค่าได้ทุกประเภท ๓. มเี จตคติที่ดีต่อการอ่านและเรื่องท่ีอ่าน ๔. หม่ันหาเวลาหรือจดั เวลาสำหรบั การอ่านใหก้ ับตนเองทุกวันอยา่ งสม่ำเสมอ ๕. เป็นคนรักหนังสือและแสวงหาหนังสือท่ีดีอ่านอยเู่ สมอ ๖. มคี วามสามารถในการเลือกหนงั สือทีด่ ีอา่ น ๗. มคี วามอดทน มอี ารมณ์หรือมีสมาธใิ นการอ่าน ๘. มีสุขภาพกาย สุขภาพจติ ที่สมบรู ณ์ ๙. มคี วามเบิกบาน แจม่ ใส และปลอดโปรง่ อยเู่ สมอ ๑๐. มนี ิสยั ใฝห่ าความรู้ ความคดิ และประสบการณใ์ หม่ ๆ อยเู่ สมอ ๑๑. มีทกั ษะในการอ่านสรุปความ วเิ คราะหค์ วาม และวินจิ ฉยั ความ ๑๒. มคี วามคิดหรอื มีวิจารณญาณท่ดี ีตอ่ เร่ืองทีอ่ ่านสามารถท่ีจะแยกแยะข้อเทจ็ จริง ความถกู ตอ้ ง ความเหมาะสมต่าง ๆ และสามารถเลอื กนำไปใชป้ ระโยชน์ ๑๓. มีนสิ ยั ชอบจดบันทึกเรือ่ งราวต่าง ๆ ทพ่ี บในการอ่านและเหน็ ว่ามคี ุณคา่ ๑๔. มคี วามจำดี รจู้ ักหาวธิ ีชว่ ยจำ และเพ่ิมประสทิ ธิภาพของการจำ ๑๕. มนี สิ ยั ชอบเข้ารา้ นหนังสอื และห้องสมดุ ๑๖. มีโอกาสหรือหาโอกาสพดู คยุ กับผู้รกั การอ่านดว้ ยกันอยู่เสมอ เพือ่ แลกเปลย่ี น ทรรศนะในการ อา่ นใหแ้ ตกฉานย่ิงขน้ึ ๑๗. มีนิสยั หม่ันทบทวน ติดตาม ค้นคว้าเพม่ิ เติม

วิธีการอ่านหนังสอื ที่ดี มขี ้ันตอน ดังนี้ อา่ นทง้ั ยอ่ หน้า การฝึกอ่านท้ังยอ่ หนา้ ควรปฏบิ ตั ิ ดังนี้ ๑. พยายามจบั จุดสำคญั ของเนอ้ื หาในย่อหนา้ น้นั ๒. พยายามถามตวั เองว่าสามารถตั้งช่อื เรอื่ งแต่ละย่อหน้าไดห้ รอื ไม่ ๓. ดูรายละเอียดนั้นว่ามีอะไรบ้างที่สัมพันธ์กับจุดสำคัญ มีอะไรบ้างที่ไม่เกี่ยวข้อง และ อะไรบ้างท่เี กย่ี วขอ้ ง เก่ียวข้องกนั อย่างไร ๔. แต่ละเร่อื งตดิ ต่อกนั หรือไม่ และทราบไดอ้ ย่างไรว่าตดิ ตอ่ กัน ๕. วธิ กี ารเขยี นของผูเ้ ขยี นมีอะไรบา้ งท่ีเสริมจดุ สำคญั เข้ากับจุดยอ่ ย สำรวจตำรา หรอื หนังสือนนั้ ๆ ก่อนท่ีจะทำการอ่านจรงิ ดงั น้ี ๑. ดสู ารบญั คำนำ เพอื่ ทราบวา่ ในเล่มนั้น ๆ มเี น้ือหาอะไรบา้ ง ๒. ตรวจดูบททจ่ี ะอา่ นวา่ มหี ัวขอ้ อะไรบ้าง ๓. อ่านคำนำของหนังสือและบทนำในแต่ละบทดว้ ย ๔. พยายามต้งั คำถามแลว้ คน้ หาคำตอบอยา่ งครา่ ว ๆ อ่านเป็นบท ๆ หลังจากได้ทำการสำรวจหนังสือแล้ว ผู้อ่านจะได้ความรู้เกี่ยวกับผู้แต่ง ภูมิหลัง ตลอดจนความม่งุ หมายในการแตง่ หนงั สือ แลว้ จงึ เรมิ่ อ่านหนงั สอื เป็นบท ๆ โดยปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ ๑. อา่ นทลี ะบทโดยไมห่ ยุดจนจบบท อาจจะหยดุ เพื่อจดบันทึกใจความสำคญั บา้ ง ในบางคร้ัง กไ็ ด้ ๒. อ่านบทเดิมอกี คร้ัง เลือกอา่ นเฉพาะหวั ข้อและประโยคแรกของแต่ละย่อหน้า ถ้าอ่านแล้ว ยังไม่เข้าใจ ก็อ่านข้อความในแต่ละย่อหนา้ ใหม่ ถ้าอ่านประโยคแรกแลว้ จำได้วา่ เนือ้ ความอะไรบ้างทีผ่ ่านไป ยงั ยอ่ หน้าอ่ืนได้ ๓. จดบนั ทึก เพอื่ ตอบคำถามทต่ี ั้งไว้ตอนแรก การอา่ นแบบขา้ มหรืออา่ นแบบคร่าว ๆ การอา่ นแบบข้ามหรืออ่านแบบคร่าว ๆ มไิ ดใ้ หค้ วามเข้าใจ อะไรมากนัก ๑. ตอ้ งการทราบขอ้ ความบางอย่างเท่าน้ัน เชน่ หมายเลขโทรศพั ท์ ความหมายของ คำใดคำ หนึ่ง ๒. ตอ้ งการทราบว่าควรอ่านทง้ั หมดหรือไม่ ชว่ ยให้ทราบคร่าว ๆ วา่ ในแต่ละบท เปน็ อย่างไร เพราะเปน็ การอ่านเฉพาะหวั ข้อหรอื ขอ้ สรปุ เทา่ น้ัน สะสมประสบการณแ์ ละคำศัพท์ใหม้ ากทีส่ ดุ การที่ผอู้ า่ นจะเข้าใจเร่อื งทีอ่ ่านได้ดีนั้นจำเปน็ ต้องอาศัย ประสบการณ์เดมิ และความรู้ เก่ียวกบั คำศพั ทท์ สี่ ะสมไว้ เมื่ออา่ นเรอ่ื งใหม่จงึ สามารถนำเอาความรู้เดมิ มาถ่าย โยงสัมพันธ์กับความรู้ใหม่ เพื่อเพิ่มความเข้าใจในเรื่องทีอ่ ่านได้ดียิง่ ข้ึน การสะสมประสบการณ์ความรู้และ คำศัพท์นั้นสามารถทำได้โดยการอ่าน ปทานุกรม พจนานุกรม เพื่อรู้ศัพท์ต่าง ๆ และอ่านให้มาก ๆ เพ่ือ สะสมประสบการณแ์ ละเพ่มิ พูนความรูอ้ ยตู่ ลอดเวลา

การเตรียมพรอ้ มเพอื่ การอ่าน ๑. การอ่านจะดำเนนิ ไปไดด้ ีเพียงใดขึ้นอยู่กบั ส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ และองคป์ ระกอบทีอ่ ยูภ่ ายใน ๒. รา่ งกาย การอา่ นท่ามกลางบรรยากาศและสิง่ แวดลอ้ มทีเ่ หมาะสม จะนำมาซ่ึงประสิทธิและ ประสิทธิผลในการอ่าน ท้งั น้ีควรคำนงึ ถึง ๓. การจดั สถานทแ่ี ละสง่ิ แวดล้อม สถานทีท่ เ่ี หมาะกบั การอ่านควรมคี วามเงยี บสงบ ตัดส่ิงตา่ ง ๆ ที่รบกวนสมาธิออกไป มีอณุ หภูมิและแสงสวา่ งทีเ่ หมาะสม มีโตะ๊ ทีม่ ีความสูงพอเหมาะและเกา้ อ้ีที่น่ังสบายไม่ นุม่ หรอื แขง็ จนเกนิ ไป ๔. การจัดท่าของการอ่าน ตำแหน่งของหนังสือควรอยูห่ า่ งประมาณ ๓๕-๔๕ เซนติเมตร และหนา้ หนังสือจะต้องตรงอยู่กลางสายตา ควรนั่งให้หลังตรงไม่ควรนอนอ่าน ทั้งนี้เพื่อให้สมองได้รับเลือดไปหล่อ เลย้ี งอยา่ งเตม็ ที่ กจ็ ะทำให้เกิดการต่ืนตวั ต่อการรับรู้ จดจำ และอา่ นได้นาน ๖. การจัดอุปกรณ์ช่วยในการอ่าน การอ่านอาจมีอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น กระดาษสำหรับบันทึก ดนิ สอ ปากกา ดนิ สอสี ๗. การจดั เวลาท่เี หมาะสม สำหรับนกั ศึกษาทีต่ อ้ งมีการทบทวนบทเรียนควรอา่ นหนงั สือในช่วงที เหมาะสมคือชว่ งที่ท่ีไม่ดกึ มาก คือ ตั้งแต่ ๒๐.๐๐ – ๒๓.๐๐ น. เนื่องจากร่างกายยังไมอ่ ่อนล้าเกนิ ไปหรือ อา่ นในตอนเชา้ ๕.๐๐-๖.๓๐ น. หลังจากทร่ี ่างกายได้รบั การพกั ผอ่ นอย่างเพยี งพอ ทงั้ น้ีในการอา่ นแตล่ ะคร้งั ไม่ควรเกนิ ๕๐ นาทีและใหเ้ ปลี่ยนแปลงอริ ยิ าบถสกั ๑๐ นาทกี อ่ นลงมอื อ่านต่อไป ๘. การเตรยี มตนเอง ได้แก่ การทำจติ ใจใหแ้ จ่มใส มีความมงุ่ ม่ัน มีความตง้ั ใจ และมสี มาธิในการ อา่ น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ มีสุขภาพสายตาที่ดี ตัดปัญหารบกวนจิตใจให้หมด การแบ่งเวลาให้ถูกต้อง และมีระเบียบวินัยในชีวิตโดยให้เวลาแต่ละวันฝึกอ่านหนังสือ และพยายามฝึกทักษะใหม่ ๆ ในการอ่าน เช่น ทกั ษะการอ่านเร็วอย่างเข้าใจ เปน็ ตน้ การเลือกสรรวสั ดุการอ่าน การเลือกสรรวัสดุการอ่าน ขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ของการอ่าน เช่น การอ่านเพอื่ การศึกษา การอ่านเพื่อหาข้อมูลประกอบการทำงาน การอ่านเพื่อความเพลิดเพลิน การอ่านเพื่อฆ่าเวลา การรู้จักเลือกวัสดุการอ่านท่ีมีประโยชน์จะช่วยให้ผู้อ่านได้รับประโยชน์ตามเป้าหมาย การเลือกสรรวัสดุการ อ่านมีความสมั พันธก์ ับการเลอื กใช้ทรพั ยากรสารสนเทศในหอ้ งสมุด เชน่ ๑. การอา่ นเพอ่ื ความรู้ เช่น ตำราวิชาการ ๒. การอา่ นเพอื่ ความบนั เทงิ ใจ ๓. การอ่านเพอ่ื เปน็ กำลงั ใจ เสรมิ สร้างปัญญา เช่น หนงั สือจิตวิทยา หนงั สอื ธรรมะ ๔. การอ่านเพ่อื ใชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์ เมื่อเลือกวัสดุการอ่านหรือหนังสือไดแ้ ล้ว ก็จะต้องกำหนดว่าต้องการอะไรข้อมูลในลักษณะใดจาก หนังสือเล่มน้ัน ขอบเขตของข้อมูลในลักษณะกว้างหรือแคบแต่ลึกซึ้ง ทั้งนี้เพื่อกำหนดรูปแบบการอ่านเพื่อ ความต้องการต่อไป

วิธีการอ่านที่เหมาะสม การอ่านมีหลายระดับและมีวิธีการต่าง ๆ ตามความมุ่งหมายของผู้อ่าน และ ประเภทของสื่อการอ่าน ๑. การอา่ นเพ่ือการศึกษา คน้ ควา้ และเขียนรายงาน อาจใชว้ ธิ ีอ่านต่าง ๆ เช่น การอ่านสำรวจ การอา่ น ขา้ ม ๒. อ่านผ่าน การอ่านจบั ประเด็น การอ่านสรุปความ และการอา่ นวเิ คราะห์ ซ่ึงมรี ายละเอียดดงั นี้ ๓. การอา่ นสำรวจ คอื การอา่ นข้อเขยี นอย่างรวดเร็ว เพื่อรลู้ กั ษณะโครงสร้างของขอ้ เขียน สำนวน ภาษา เนื้อเรื่องโดยสังเขป เป็นวิธีอ่านที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเลือกสรรสิ่งพิมพ์ สำหรับใช้ประกอบการ ค้นควา้ หรือการหาแนวเรื่องสำหรับเขียนรายงาน และรวบรวมบรรณานุกรมในหัวข้อที่เขียนรายงาน ๔. การอ่านข้าม เป็นวิธีอ่านอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าใจเนื้อหาของข้อเขียน โดยเลือกอ่านข้อความบาง ตอน เช่น การอ่านคำนำ สาระสงั เขป บทสรปุ และการอ่านเน้ือหาเฉพาะตอนท่ตี รงกับความตอ้ งการ เป็น ต้น ๕. การอ่านผ่าน เป็นการอ่านแบบกวาดสายตา (Scanning Reading) โดยผู้อ่านจะทำการกวาด สายตาอยา่ งรวดเรว็ ไปยงั ส่ิงท่เี ป็นเป้าหมายในขอ้ เขียน เช่น คำสำคญั ตวั อักษร หรือ สญั ลักษณ์ แล้วอ่าน รายละเอยี ด เฉพาะท่ีเก่ียวกบั ส่ิงท่ีตอ้ งการ เช่น การอา่ นเพ่อื ค้นหาช่ือในพจนานุกรม และการอา่ นแผนที่ ๖. การอ่านจับประเดน็ หมายถึง การอ่านเร่ืองหรือข้อเขียนโดยทำความเข้าใจสาระสำคัญในขณะท่ี อา่ น มกั ใชใ้ นการอ่านขอ้ เขยี นท่ีไมย่ าวนัก เช่น บทความ การอ่านเร็ว ๆ หลายครัง้ จะชว่ ยใหจ้ ับประเดน็ ได้ โดย การอ่านมีเทคนิคคือ ต้องสังเกตคำสำคัญ ประโยคสำคัญที่มีคำสำคัญ และทำการย่อสรุปบันทึกประโยค สำคัญไว้ เพอื่ ใช้ประโยชนต์ อ่ ไป ๗. การอา่ นสรุปความ หมายถงึ การอา่ นโดยสามารถตีความหมายสิ่งทอี่ ่านไดถ้ ูกต้องชดั เจนเขา้ ใจ เรื่องอย่างดี สามารถแยกส่วนที่สำคัญหรือไม่สำคัญออกจากกนั รู้ว่าส่วนใดเป็นข้อเท็จจริง หรือข้อคิดเห็น สว่ นใดเป็นความคิดหลกั ความคดิ รอง การอา่ นสรปุ ความมีสองลักษณะคือ การสรุปแตล่ ะย่อหน้าหรือแต่ ละตอน และสรุปจากทั้งเรื่อง หรือทั้งบท การอ่านสรุปความควรอย่างอย่างคร่าว ๆ ครั้งหนึ่งพอให้รู้เรื่อง แล้วอ่านละเอียดอีกคร้ังเพือ่ เข้าใจเรือ่ งอย่างดี หลักจากนั้นตั้งคำถามตนเองในเรื่องที่อ่านว่าเกี่ยวกับอะไร มี เรอื่ งราวอย่างไร แลว้ เรยี บเรียงเนื้อหาเป็นสำนวนภาษาของผู้สรปุ ๘. การอ่านวิเคราะห์ การอ่านเพื่อค้นควา้ และเขียนรายงานโดยทัว่ ไปตอ้ งมีการวเิ คราะห์ความหมาย ของข้อความ ทั้งนี้เพราะผู้เขยี นอาจใช้คำและสำนวนภาษาในลักษณะต่าง ๆ อาจเป็นภาษาโดยตรงมีความ ชดั เจนเข้าใจง่าย ภาษาโดยนยั ที่ตอ้ งทำความเขา้ ใจ และภาษาที่มคี วามหมายตามอารมณ์และความรู้สึกของ ผู้เขียน ผู้อ่านที่มีความรู้เรื่องคำศัพทแ์ ละสำนวนภาษาดี มีประสบการณ์ ในการอ่านมากและมีสมาธิในการ อ่านดี ยอ่ มสามารถวเิ คราะหไ์ ด้ตรงความหมายทผ่ี ู้เขยี นตอ้ งการสือ่ และสามารถเข้าใจเร่ืองทอ่ี า่ นได้ดี ลักษณะของนกั อา่ นท่ีดี ผ้ทู ่จี ะเปน็ นักอา่ นที่ดี ควรมลี ักษณะ ดงั ต่อไปน้ี ๑. มีสมาธิ ๒. มีสมรรถภาพในการอา่ น ๓. อา่ นหนงั สือเรว็ ๔. มีพืน้ ฐานความรู้ทางภาษาดี ๕. มนี สิ ัยรกั การอา่ นและชอบบันทึก

๖. มคี วามจำดี ๗. มีความรู้เรือ่ งการใช้หอ้ งสมดุ ๘. ชอบสนทนากบั ผมู้ ีความรู้ ๙. หม่ันทบทวนตดิ ตาม เร่อื งท่อี า่ นสมำ่ เสมอ ๑๐. มวี จิ ารณญาณในการอ่าน ๑๑. อา่ นทน ๑๒. อ่านเป็น เคล็ดลบั ๑๐ ประการทท่ี ำให้เป็นคนอ่านเรว็ ๑. เรม่ิ อา่ นในตอนเช้า มคี ำพดู ทีว่ า่ คนเราสามารถมีสมาธิและอ่านไดน้ านขึ้นเปน็ สองเท่าเมื่อเร่ิมการ อา่ นตั้งแตเ่ ช้าของวัน ๒. อ่านในสภาวะแวดล้อมทีเ่ หมาะสม สร้างสภาพแวดลอ้ มทีเ่ หมาะสมโดยอยู่ให้ห่างจากสิง่ ทีท่ ำให้ ไขวเ้ ขว นนั่ หมายถึงยา้ ยไปอย่หู อ้ งที่เงียบ ๆ ปดิ ทวี ี วทิ ยุและโทรศพั ทม์ ือถือ หลีกเล่ยี งสถานท่ีทใี่ กล้หน้าต่าง หรอื ประตเู พราะเปน็ ที่ท่ีมแี นวโนม้ ทจ่ี ะมีเสียงรบกวน คุณไมค่ วรปลอ่ ยให้ลกู อ่านหนงั สอื ในทที่ ี่สบายจนเกินไป เช่น บนเตียงนอนเพราะเป็นที่ที่ใจและกายเราต้องการจะพักผ่อน ลูกควรมีความรู้สึกตื่นตัวโดยนั่งที่ โต๊ะอ่านหนังสอื ๓. อ่านคร่าว ๆ เพื่อใจความหลัก ให้ลูกคุณทำความคุ้นเคยกับโครงสร้างของสิ่งที่จะอ่าน อ่าน สารบัญผ่าน ๆ มองหาหัวข้อและการแบ่งบท เนื่องจากสิ่งเหล่านีจ้ ะสามารถบอกไดว้ า่ ส่วนไหนควรอ่านโดย ละเอยี ดและส่วนไหนสามารถอ่านแบบผ่าน ๆ ได้ลูกคุณควรจะฝกึ ตคี วามใจความสำคญั ของสง่ิ ทอี่ ่านโดยดูจาก ประโยคแรกและประโยคสุดทา้ ยของยอ่ หน้า ๔. ใช้ตัวชี้ ลูกคุณอาจใช้ นิ้ว ปากกา หรือการ์ดเป็นตัวชี้ มันจะช่วยเพิม่ ประสิทธิภาพของดวงตา โดยการใชส้ ิ่งช้เี พอื่ นำสายตาเวลาอ่านระหว่างบรรทดั ได้เรว็ ขึน้ และยังชว่ ยให้เขา้ ใจขอ้ มูลไดเ้ ร็วข้ึน ๕. ฝึกฝนการอ่านหลายคำในคราวเดียว ถึงแม้ว่าเราจะเคยถูกสอนให้อ่านทุกคำ ทุกตัวอักษรมา ก่อน แต่มันไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภายในการอ่านเพราะไม่ใช่ว่าคำทุกคำจะสำคัญ ลูกคุณสามารถพัฒนา ความเร็วในการอ่านไดอ้ ย่างมากด้วยการอ่านหลาย ๆ คำในบรรทดั ในคราวเดียวกนั ๖. เรียนรู้ที่จะแยกแยะคำหลัก การเน้นความสนใจที่คำหลักในประโยคเป็นอีกทางหนึ่งทีจ่ ะช่วยให้ ลูกพัฒนาความเร็วในการอ่าน ลูกคุณควรเรียนรู้ที่จะอ่าน “คำเสริม” อย่างผ่าน ๆ เช่น พวก คำเชื่อม อย่างคำว่า และ, แต,่ ท้งั ๆ ท่ี ฯลฯ และควรมองหาคำซ้ำ คำทต่ี ัวอักษรหนา และคำทบ่ี ่งช้ีถึงความสำคัญ ของแนวคิดของเร่ืองนน้ั ๆ ๗. จดโน้ต ลกู คณุ ควรเขียนโน้ตสรุปความคิด ความเข้าใจคร่าว ๆ จากสิง่ ทีอ่ ่าน วิธีนี้ทำให้ลูกคุณ กลับมาอ่านจากโน้ตได้โดยไม่ตอ้ งไปอ่านซ้ำใหม่ทัง้ หมด ๘. ฝึกตัวเอง ไม่ใหอ้ ่านซ้ำ คนสว่ นใหญจ่ ะหยุดและอ่านประโยคหรือข้อความเดิมซ้ำเพ่ือให้แน่ใจว่า พวกเขาเข้าใจความหมายอย่างถูกต้อง แตก่ ารกระทำนีอ้ าจทำให้ติดเป็นนิสัยและจรงิ ๆ แลว้ การอ่านซ้ำก็ไม่ จำเปน็ ๙. หยุดพกั เมื่อเหน่อื ย หากลูกคณุ อ่านในเวลาทพี่ วกเขารู้สึกเหนือ่ ย มันจะทำให้การอ่านและการทำ ความเขา้ ใจของพวกเขาชา้ ลง และการอา่ นนจ้ี ะจบลงอย่างเสียเวลาเปล่า เน่ืองจากเด็ก ๆ จะไม่สามารถจับ ใจความจากสิ่งที่อ่านได้ ดังนั้นควรให้ลูกคุณหยุดพักจากการอ่านในระยะเวลาสั้น ๆ และกลับไปอ่านใหม่ หลงั จากไดพ้ กั เพยี งพอแลว้

๑๐. หม่นั ฝึกฝน ทา้ ยทสี่ ุด ฝกึ เทคนคิ ต่าง ๆ เหล่าน้เี พือ่ ค้นหาว่าวิธไี หนท่ีเหมะกบั ลูกของคุณท่สี ดุ การอา่ นจับใจความ ๑. การอ่านจับใจความ คือ การอ่านทีม่ ุ่งค้นหาสาระของเรื่องหรือของหนังสอื แตล่ ะเล่มทีเ่ ป็น สว่ น ๒. ใจความสำคญั และสว่ นขยายใจความสำคัญของเรอ่ื ง ๓. ใจความสำคัญของเรื่อง คือ ข้อความที่มีสาระคลุมข้อความอืน่ ๆ ในย่อหน้านั้นหรือเรื่อง นัน้ ท้ังหมด ๔. ขอ้ ความอื่น ๆ เปน็ เพยี งส่วนขยายใจความสำคัญเท่าน้ัน ขอ้ ความหนงึ่ หรือตอนหน่ึงจะมี ใจความสำคัญท่สี ุด ๗. เพยี งหนง่ึ เดียว นอกนนั้ เป็นใจความรอง คำวา่ ใจความสำคัญนี้ ผูร้ ู้ได้เรยี กไวเ้ ป็นหลายอยา่ ง เชน่ ข้อคดิ สำคัญ ๘. ของเรื่อง แก่นของเรื่อง หรือ ความคิดหลัก ของเรื่องแต่จะเป็นอย่างไรก็ตาม ใจความ สำคญั ก็ คอื สง่ิ ท่ีเปน็ สาระที่สำคัญที่สุดของเรื่องนั่นเอง ใจความสำคัญส่วนมากจะมีลักษณะเป็นประโยค ซึ่งอาจ ปรากฏอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของย่อหน้าก็ได้จุดที่พบใจความสำคัญของเรื่องในแต่ละย่อหน้ามากที่สุดคือ ประโยคที่อย่ตู อนต้นย่อหน้า เพราะผเู้ ขียนมกั บอกประเด็นสำคัญไว้กอ่ น แล้วจงึ ขยายรายละเอียดให้ชัดเจน รองลงมาคือประโยคตอนท้ายย่อหน้าโดยผู้เขียนจะบอกรายละเอียดหรอื ประเด็นย่อยก่อน แล้วจึงสรุปด้วย ประโยคที่เป็นประเด็นไว้ภายหลังสำหรับจุดที่พบใจความสำคัญยากขึ้นกค็ ือ ประโยคตอนกลางย่อหน้า ซึ่ง ผู้อ่านจะต้องใช้ความสังเกตและพิจารณาให้ดี ส่วนจุดที่หาใจความสำคัญยากที่สุดคือย่อหน้าที่ไม่มีประโยค ใจความสำคัญปรากฏชัดเจน อาจมีประโยค หรืออาจอยู่รวม ๆ กันในย่อหน้าก็ได้ ซึ่งผู้อ่านจะต้องสรุป ออกมาเอง แนวการอ่านจบั ใจความ การอ่านจับใจความให้บรรลุจดุ ประสงค์ มีแนวทางดังนี้ ๑. ตัง้ จุดมงุ่ หมายในการอา่ นได้ชัดเจน เชน่ อ่านเพื่อหาความรู้ เพ่ือความเพลิดเพลิน หรือเพื่อบอกเจตนาของผู้เขียน เพราะจะเป็นแนวทางกำหนดการอ่านได้อย่างเหมาะสม และจับ ใจความหรือคำตอบไดร้ วดเร็วยิง่ ขน้ึ ๒. สำรวจส่วนประกอบของหนังสืออย่างคร่าว ๆ เช่น ชื่อเรื่อง คำนำ สารบัญ คำชี้แจง การใชห้ นงั สอื ภาคผนวก ฯลฯ เพราะส่วนประกอบของหนังสือจะทำให้เกิดความเข้าใจเก่ียวกับเร่ือง หรือหนงั สือทอี่ ่านไดก้ วา้ งขวางและรวดเรว็ ๓. ทำความเข้าใจลักษณะของหนงั สอื วา่ ประเภทใด เช่น สารคดี ตำรา บทความ ฯลฯ ซง่ึ จะชว่ ยใหม้ ีแนวทางอ่านจบั ใจความสำคัญ ไดง้ า่ ย ๔. ใช้ความสามารถทางภาษาในด้านการแปลความหมายของคำ ประโยค และข้อความ ตา่ ง ๆ อย่างถูกต้องรวดเรว็ ๔. ใช้ประสบการณ์หรือภูมิหลังเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านมาประกอบจะทำความเข้าใจและจับ ใจความท่ีอา่ นไดง้ า่ ยและรวดเรว็ ขน้ึ

ขัน้ ตอนการอ่านจบั ใจความ ๑. อา่ นผ่านๆโดยตลอด เพอื่ ใหร้ ้วู ่าเรือ่ งทอี่ ่านวา่ ดว้ ยเรอื่ งอะไร จุดใดเปน็ จดุ สำคัญของเรือ่ ง ๒. อ่านใหล้ ะเอียด เพอ่ื ทำความเข้าใจอยา่ งชดั เจน ไม่ควรหยดุ อา่ นระหวา่ งเรอื่ งเพราะจะทำ ๓. ให้ความเขา้ ใจไม่ตดิ ตอ่ กัน ๔. อา่ นซำ้ ตอนที่ไม่เข้าใจ และตรวจสอบความเขา้ ใจบางตอนใหแ้ นน่ อนถูกต้อง ๕. เรียบเรียงใจความสำคญั ของเรื่องด้วยตนเอง วิธกี ารอ่านขอ้ ความงา่ ย ๆ มดี ังนี้ ๑. อ่านไป ๑ รอบก่อน ๒. อา่ นรอบที่ ๒ แลว้ ตงั้ คำถามว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมอ่ื ไหร่ อยา่ งไร (who, what, when , where , why ) เขียนไว้ขา้ ง ๆ โจทย์ เราจะได้จำได้ ไม่หลงลืม ๓. ตัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ออกทลี ะข้อ (ควรจะหัดทำข้อสอบการอ่านให้มาก ๆ จะได้รู้หลักการทำและ เกดิ ทกั ษะและเกิดความกระจางในความคดิ เมือ่ เราทราบจุดประสงค์แล้วก็ทำ ใหเ้ ลือกคำตอบได้ว่า ขอ้ ใดควรจะเป็นชื่อเรอื่ งมากทีส่ ดุ การอา่ นกบั วิธีจำ ๑. ผู้ประสบความสำเรจ็ ทางการศกึ ษาในทุกสาขาวิชา จะมีคุณสมบตั ทิ เ่ี หมือนกันข้อหนง่ึ คือ รักการ อา่ น และสามารถจับใจความได้เร็ว เพราะการอา่ น เป็นวธิ หี าความรูใ้ ส่ตวั ท่ีง่ายที่สดุ สะดวกท่ีสุด ประหยัด ท่ีสุด ๒. ทกุ คร้ังท่ีจะอา่ น ควรจินตนาการลว่ งหนา้ ถึงเรื่องทจ่ี ะอา่ นก่อนว่าเกยี่ วข้องกับอะไร การอ่านดว้ ย วิธนี ้จี ะทำใหจ้ ำแม่น จำเฉพาะเน้ือหาสำคญั และมองภาพองคร์ วมแบบแผนผงั ได้ (mind mapping) โดยมี ศนู ยก์ ลางเร่ิมตน้ จากสว่ นทีส่ ำคญั ท่สี ุด แลว้ แตกแขนงไปทสี่ ว่ นประกอบอ่ืน ๆ ๓. การอ่านเป็นภาพ จะช่วยใหจ้ ำแมน่ เชน่ ในเด็กเลก็ ที่อ่าน ก.เอ๋ยกอไก่ หรือ A แอน๊ ท์ มด ก็ คือ การแปลงอักษรใหเ้ ป็นภาพ ทุกคร้งั ทีน่ กั เรียนทอ่ ง ภาพไก่ กบั ภาพมดจะผดุ ขน้ึ มา ทำให้จำได้งา่ ยขึ้น ๔. การจำเป็นภาพ เมื่อเวลาเรียกข้อมูลย้อนกลับขึ้นมา ก็จะออกมาเป็นภาพ เปรียบเสมือนการ เปิดคลิปวิดีโอ ที่เก็บสะสมไว้ในสมอง แต่ถ้าจำเป็นคำ ก็เหมือนกับการเปิดไฟล์ตัวอักษรที่เก็บไว้ ซ่ึง รายละเอียดน้อยกว่ากันมาก ๕. ขณะอ่านทกุ คร้ัง ควรพักเป็นระยะ ๆ เพือ่ หลับตา และจนิ ตนาการถึงภาพท่ีได้จากการอ่านเป็น การเหน็ เรื่องที่อ่านโดยใช้ตาใน ซง่ึ ในทางการแพทย์พบว่า ภาพท่เี ห็นขณะหลับตา สมองจะเก็บไว้เป็นความ ทรงจำระยะยาว ๖. ข้อมูลบางอย่าง การนำมาเขียนในรูปของแผนผงั แผนภาพ จะเข้าใจง่ายขึ้น เช่นเดียวกับการ จับสลากแบ่งสายในการแข่งขันฟุตบอลโลก จะมีการเขียนเป็นแผนภาพโยงไปมาเพื่อให้ผู้ชมสามารถจำได้ ภายในครงั้ เดียว ๗. ในการอ่าน ถา้ สามารถนำข้อมูลทอี่ ่านมาเขียนเปน็ แผนภูมิ แผนผัง กราฟ หรือใช้ตารางทาง สถิติ จะช่วยให้จดจำได้งา่ ยขึ้น การนำข้อมูลในหนังสือเรียน มาทำเป็นภาพ ตารางหรือกราฟ ด้วยตนเอง จะมปี ระโยชนม์ าก

เทคนคิ การอ่านตำราเรียนให้ไดด้ ี ๑. สำรวจหนังสือ : เพือ่ รู้จกั คนุ้ เคย ๒. อ่านแนวคิดหลัก : จบั ประเด็นสำคญั ๓. ต้งั คำถามขณะอ่าน : อะไร ทำไม อย่างไร ใคร เมอื่ ไหร่ ๔. เนน้ ประเด็นสำคัญ : ทำเคร่อื งหมาย ๕. ประสานคำบรรยายกบั ตำรา : ช่วยให้เข้าใจลกึ ซ้งึ ๖. ทบทวน : บอ่ ย ๆ จะจำได้ดี

บทท่ี ๓ วธิ ีดำเนนิ งาน วธิ กี ารดำเนนิ งาน กิจกรรมหลัก วตั ถปุ ระสงค์ กล่มุ เปา้ หมาย เปา้ หมาย พ้นื ทดี่ ำเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ เสนอโครงการ กำหนดวิธกี าร - บุคลากร จำนวน กศน.อำเภอ ตุลาคม เพื่อขออนุมัติ ทำงานให้บรรลตุ าม กศน. ๔4 คน ประโคนชัย 256๒ วัตถปุ ระสงค์ ประชมุ เพ่อื กำหนดขนั้ ตอน - บคุ ลากร จำนวน กศน.อำเภอ ตลุ าคม คณะทำงาน การดำเนนิ งาน กศน. ๔4 คน ประโคนชยั 256๒ และผเู้ ก่ยี วขอ้ ง ประสานงาน เพ่ือรองรับการจัด - บคุ ลากร จำนวน กศน. ตำบล ท้ัง ตุลาคม บคุ ลากรและ กจิ กรรมให้เปน็ ไป กศน. ๔4 คน 16 ตำบล 256๒ สถานทีจ่ ัด ตามวัตถุประสงค์ กิจกรรม ดำเนนิ งานตาม เพื่อให้การ - นกั เรยี น จำนวน กศน. ตำบล ทงั้ ตุลาคม โครงการ ปฏบิ ตั ิงานบรรลุ นักศกึ ษา และ ๑,๑๒๐ 16 ตำบล ๒๕๖๒ ตามวัตถุประสงค์ ประชาชนทวั่ ไป คน – กนั ยายน ๒๕๖๓ สรปุ เพือ่ สรุปและ - บคุ ลากร จำนวน กศน.อำเภอ กนั ยายน ประเมินผล/ รายงานผลการ กศน. ๔4 คน ประโคนชัย 256๓ รายงาน ดำเนินงาน

แตง่ ต้งั คณะทำงานเพ่อื ดำเนินการตามแผนการทีก่ ำหนดไว้ รายละเอียดของคำส่งั คณะกรรมการดำเนินงาน ๑. ฝ่ายรว่ มงาน โครงการห้องสมดุ เคลอื่ นทีส่ ำหรับชาวตลาด ประกอบดว้ ย นางภณู ชิ าภคั มนัสธนกจิ ผู้อำนวยการ นายรุ่งรตั น์ แป้นประโคน ครู คศ. ๑ นางสาวนิสราวดี โรปรมั ย์ ครู ผชู้ ว่ ย นายเทวินทร์ แววโคกสงู ครูอาสาฯ นายธีรศกั ด์ิ กลอยประโคน ครู กศน.ตำบล นางสาวกลั ยาณี มหามาตร ครู กศน.ตำบล นางสาวแพรวนำ้ ผง้ึ จันทรป์ ระโคน ครู ศรช. นางธันยลกั ษณ์ ตลงุ คงพนิ ิจ ครู กศน.ตำบล นางสาวสุวมิ ล มากะเต ครู กศน.ตำบล นายอศิ รานุวัฒน์ กลอยประโคน ครู ศรช. นายปญั ญา ผลวิเศษสทิ ธ์ิ ครู กศน.ตำบล นางสาวแสงแข ศรีธรี ประเสรฐิ ครู ศรช. นางมณรี ัตน์ ปะโนรัมย์ ครู กศน.ตำบล นายธีรศกั ด์ิ ภาษาสขุ ครู กศน.ตำบล นายอคั รพงษ์ มะเรอื งศรี ครู กศน.ตำบล นางสาวสนธกิ านต์ ไชยนา ครู ศรช. นาสาวอุษา สะหนุ นั ท์ ครู ศรช. นางสาววนิดา หรกี ประโคน ครู กศน.ตำบล นายปรีชา ทอทับทมิ ครู กศน.ตำบล นางสาวศนั สนีย์ ป่มุ ประโคน ครู กศน.ตำบล ว่าท่ี ร.ต.หญิงปญุ ชรสั ม์ิ อะโรคา ครู กศน.ตำบล นายอธิภัทธ พรหมประโคน ครู กศน.ตำบล นายศกั ดา วงษาวดี ครู กศน.ตำบล นายพลากร ต่างประโคน ครู ศรช. นายธนกฤต กระมล ครู กศน.ตำบล นางสาวพัชรากร กฤษณการ ครู กศน.ตำบล นายภานุ ธนูศลิ ป์ ครู ศรช. นางสนุ นั ทา ราชประโคน ครู กศน.ตำบล นางวลิ าวลั ย์ เรอื งไพศาล ครู ศรช. นางรักชนก สบายจติ ร ครู กศน.ตำบล

นางสาวณฏั ฐนชิ า จีนประโคน ครู กศน.ตำบล นายศิวชั ชาญประโคน ครู ศรช. นายไพโรจน์ แก้วพา ครู กศน.ตำบล นางสาวกญั ญ์วรา เสขะกลุ ครู กศน.ตำบล นายจกั รวัฒน์ จีนประโคน ครู กศน.ตำบล นางสาวนำ้ พราว ปานะโปย ครู กศน.ตำบล นายธรี พงษ์ ธรรมานกุ ลู วงศ์ ครู กศน.ตำบล นางสาวพรปวณี ์ ปญั ญาพรี ะพฒั น์ ครู ศรช. นายทวีศักด์ิ เพ็งประโคน ครู กศน.ตำบล นายวรวุฒิ ทวันเวช ครู กศน.ตำบล นายสมเดช เมาลี ครู ศรช. นายชยั พร เรง่ เหมิ ครู กศน.ตำบล นางสาวจุรรี ัตน์ ธิราชรัมย์ ครู กศน.ตำบล นางสาวพชั รี อักษรณรงค์ เจ้าหนา้ ท่ีบรรณารกั ษ์ หนา้ ท่ี - ร่วมดำเนินงานโครงการหอ้ งสมุดเคล่ือนท่ีสำหรับชาวตลาด เดอื นตลุ าคม ๒๕๖๓ - เดอื นมนี าคม ๒๕๖๔ ณ ตลาดสดเทศบาลตำบลประโคนชัย และในเขตพื้นที่อำเภอประโคนชัย ๒. ฝ่ายจดั สถานท่ี ประกอบด้วย นายธรี ศักด์ิ กลอยประโคน ครู กศน.ตำบล นายไพโรจน์ แกว้ พา ครู กศน.ตำบล นางสาวน้ำพราว ปานะโปย ครู กศน.ตำบล นายอัครพงษ์ มะเรืองศรี ครู กศน.ตำบล นางสาวพัชรี อักษรณรงค์ เจ้าหนา้ ท่ีบรรณารกั ษ์ มหี น้าที่ - จัดเตรยี มสถานท่ี จดั หาโต๊ะ เกา้ อ้ีและอปุ กรณใ์ ช้ในการจดั กิจกรรม ๓. ฝา่ ยบนั ทกึ ภาพ ประกอบดว้ ย วา่ ที่ ร.ต.หญิงปญุ ชรัสม์ิ อะโรคา ครู กศน.ตำบล หวั หนา้ คณะทำงาน คณะทำงาน นายภานุ ธนูศิลป์ ครู ศรช. มีหนา้ ที่ - บนั ทกึ ภาพกจิ กรรม ตามความเหมาะสม ๔. ฝา่ ยประมลผลและสรุป ประกอบดว้ ย นางสาวพชั รี อกั ษรณรงค์ เจา้ หน้าที่บรรณารักษ์ มหี นา้ ที่ – สรุปรายงานผลหลังจากรว่ มงานโครงการหอ้ งสมดุ เคลื่อนท่ีสำหรบั ชาวตลาด

บทที่ 4 ผลการจัดกิจกรรม กิจกรรมโครงการห้องสมุดเคลอ่ื นที่สำหรบั ชาวตลาด เปน็ กิจกรรมที่ศนู ย์การศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอประโคนชัย สังกัดสำนกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศัยจงั หวัดบุรีรมั ย์ เดือนตุลาคม ๒๕๖๒ - เดือนกันยายน ๒๕๖๓ ณ ตลาดสดเทศบาลตำบลประโคนชัย และตลาดนัดในเขตพ้นื ท่อี ำเภอประโคนชัย ผลการดำเนนิ การมีดงั น้ี ๑. การประเมนิ กลุม่ เปา้ หมาย จำนวนกลมุ่ เปา้ หมายทงั้ หมด จำนวนกำหนดตาม จำนวนผู้เขา้ ร่วมโครงการ คิดเป็น โครงการ ๑,๑๒๐ ร้อยละ จำนวนกลุ่มเป้าหมายทงั้ หมด เปน็ นกั ศกึ ษา และประชาชนท่ัวไป ๑,๑๒๐ ๑๐๐ จากการประเมินผลจำนวนกลมุ่ เป้าหมายท่กี ำหนดไว้ตามโครงการ จำนวน ๑,๑๒๐ คน มี ผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน ๑,๑๒๐ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๑๐๐ ของกลุ่มเป้าหมายทตี่ ้ังไว้ แบบสอบถามความพึงพอใจกิจกรรมโครงการอบรมชีแ้ จ้งผ้เู รยี นดา้ นหลักสตู รการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน ตอนที่ ๑ ข้อมลู เกย่ี วกบั ผู้ตอบแบบประเมนิ แสดงค่ารอ้ ยละของสถานภาพทวั่ ไปของผู้ตอบแบบประเมิน บุคลากร (ตำแหน่ง) จำนวน รอ้ ยละ นกั ศึกษา และประชาชนท่ัวไป ๑,๑๒๐ ๑๐๐ ๑,๑๒๐ ๑๐๐ รวม จากตารางที่ ๑ พบว่า ผู้ตอบแบบประเมนิ ส่วนใหญท่ ี่เข้าโครงการห้องสมดุ เคลื่อนท่ีสำหรบั ชาวตลาด ของศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอประโคนชยั เปน็ นกั ศึกษา และประชาชนทว่ั ไป จำนวน ๑,๑๒๐ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๑๐๐

ตารางท่ี ๒ แสดงคา่ เฉลยี่ และคา่ ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานของระดับความพึงพอใจเก่ียวกบั ความ เหมาะสมขององคป์ ระกอบตา่ งๆ โดยแสดงเป็นภาพรวม N ระดับความพงึ พอใจ ร้อยละ คา่ เฉลยี่ มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยท่ีสดุ รายละเอยี ด มากท่ีสุด (๔) (๓) (๒) (๑) (๕) ๒๐ - - - ๑๐๐ ๔.๘ (๒๐) - ๙๐ ๔.๓๕ ๑.ท่านมีความเขา้ ใจถึง ๑๐๐ ๘๐ ๑๕ ๑๐ - - ๑๐๐ ๔.๙ วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ (๘๐) (๑๕) (๑๐) - ๑๐๐ ๔.๙ ๒.ท่านสามารถนำไปพัฒนาดา้ น ๑๐๐ ๗๕ - ๑๐๐ ๔.๙๕ - ๙๐ ๔.๔ การศึกษาตอ่ การทำงาน (๗๕) - ๑๐๐ ๔.๙๕ การประกอบอาชีพได้ ค่าเฉล่ียรวม ๔.๗๕ ๓.ลำดบั ข้นั ตอน/เนื้อหา/และ ๑๐๐ ๙๐ ๑๐ - - (๑๐) วิธีการดำเนินงานโครงการฯ มี (๙๐) ความเหมาะสม ๔.ระยะเวลาในการจัดโครงการฯมี ๑๐๐ ๙๐ ๑๐ - - (๑๐) - ความเหมาะสม (๙๐) - ๕- - ๕.สถานทท่ี ี่ใช้ในการจัดโครงการฯ ๑๐๐ ๙๕ (๕) มีความเหมาะสม (๙๕) ๑๐ ๑๐ (๑๐) (๑๐) ๖.ประโยชน์ทไี่ ด้รบั จากการจดั ๑๐๐ ๘๐ ๕- โครงการฯและการนำไปใช้ (๘๐) (๕) ๗.ภาพรวมของการจัดโครงการฯมี ๑๐๐ ๙๕ ความสมบรู ณ์ครบถว้ น (๙๕) การหาค่าเฉล่ียเปรียบเทยี บค่าเฉลี่ยกับเกณฑก์ ารประเมนิ คา่ เฉลย่ี ของบญุ ชมศรีสะอาด ๒๕๓๒:๑๑๑ คา่ เฉลี่ยระดบั ๔.๕๑- ๕.๐๐ มีความพงึ พอใจมากท่ีสุด คา่ เฉลี่ยระดับ ๓.๕๑- ๔.๕๐ มคี วามพงึ พอใจมาก คา่ เฉลย่ี ระดบั ๒.๕๑- ๓.๕๐ มีความพึงพอใจปานกลาง ค่าเฉลย่ี ระดบั ๑.๕๑- ๒.๕๐ มคี วามพึงพอใจนอ้ ย ค่าเฉล่ียระดับ ๑.๐๐- ๑.๕๐ มีความพึงพอใจน้อยท่สี ดุ จากตารางแสดงใหเ้ หน็ วา่ โครงการสง่ เสรมิ นิสยั รักการอ่าน(โครงการห้องสมดุ เคลือ่ นที่) โดยภาพรวม มีความพงึ พอใจอยูใ่ นระดับมาก โดยเฉลีย่ ค่า ๔.๗๕

บทท่ี ๕ สรุปและข้อเสนอแนะ สรปุ ผลการดำเนนิ การ จากการเข้าร่วมกิจกรรมโครงการหอ้ งสมุดเคลอื่ นที่สำหรับชาวตลาด ประโยชนต์ ่อตนเอง ๑. ไดว้ างรากฐานการอ่าน สง่ เสริมนิสัยรักการอ่านท่ที ำให้ผอู้ ่านมคี วามสขุ และเห็นความสำคญั ของ การอ่าน ๒. เกดิ ความมน่ั ใจ และภาคภมู ิใจในความเปน็ ไทย อนรุ ักษ์วัฒนธรรมไทย เปน็ เอกลกั ษณข์ อง ชาติไทยสืบไป ๓. เปน็ การประชาสัมพนั ธ์ รณรงค์ให้ชมุ ชนมีนสิ ยั รกั การอา่ น และนำความรู้ท่ีไดจ้ ากการอ่านไปใช้ใน ชวี ิตประจำวนั ๔. ไดร้ ูจ้ กั จับใจความสำคญั จากการอา่ น การฟงั การดแู ละการพดู มีความร้คู วามเขา้ ใจในวรรณคดี และวรรณกรรมท่อี ่านได้ ๕. ทำให้ร้จู กั การใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ โดยมแี หล่งค้นคว้าหาความรู้ ส่งเสรมิ และฝกึ กิจกรรม ให้เปน็ บุคคลที่คดิ เปน็ ทำเป็นและแกป้ ัญหาได้ ประโยชนต์ อ่ สงั คม ชุมชนและประเทศ สามารถนำความรู้ที่ไดไ้ ปพฒั นาคุณภาพชีวติ ตนเองและพัฒนาสงั คมและชมุ ชนตอ่ ไป ข้อเสนอแนะ ๑. ควรจัดใหม้ ีกิจกรรมสง่ เสรมิ การอ่าน นทิ รรศการตา่ ง ๆ ให้หลากหลายมากขึ้น ๒. ระยะเวลาจดั กิจกรรมมากข้นึ

ภาคผนวก

แบบสอบถามความพึงพอใจ โครงการหอ้ งสมดุ เคลือ่ นที่สำหรับชาวตลาด ณ. ตลาดสดเทศบาลตำบลประโคนชยั และตลาดนัดในเขตพนื้ ทอี่ ำเภอประโคนชยั จงั หวัดบุรีรมั ย์ คำชี้แจง แบบสอบถามความพึงพอใจโครงการโครงการห้องสมุดเคลอื่ นทีส่ ำหรบั ชาวตลาด ณ. ตลาดสดเทศบาลตำบลประโคนชยั และตลาดนดั ในเขตพ้ืนทีอ่ ำเภอประโคนชัย จังหวัดบรุ รี ัมย์น้ี แบง่ ออกเป็น ๓ ตอน ตอนที่ ๑ ข้อมลู ทว่ั ไป ๑. เพศ ( ) ชาย ( ) หญงิ ๒. ช่วงอายุ ( ) ๑๕ – ๓๐ ปี ( ) ๓๑ – ๔๐ ปี ( ) ๔๑ – ๕๐ ปี ( ) ๕๑ ปขี ้ึนไป ๓. ระดบั การศกึ ษา ( ) ประถมศกึ ษา ( ) ม.ตน้ ( ) ม.ปลาย ตอนท่ี ๒ ความพงึ พอใจเกีย่ วกบั โครงการ N ระดบั ความพงึ พอใจ รอ้ ยละ ค่าเฉล่ยี รายละเอยี ด มากท่ีสดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยท่ีสุด (๕) ๑.ทา่ นมคี วามเข้าใจถึง (๔) (๓) (๒) (๑) วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ ๒.ท่านสามารถนำไปพัฒนาด้าน การศึกษาตอ่ การทำงาน การประกอบอาชีพได้ ๓.ลำดบั ขน้ั ตอน/เนอื้ หา/และ วิธกี ารดำเนนิ งานโครงการฯ มี ความเหมาะสม ๔.ระยะเวลาในการจัดโครงการฯมี ความเหมาะสม ๕.สถานท่ีท่ีใชใ้ นการจัดโครงการฯ มีความเหมาะสม ๖.ประโยชน์ที่ได้รบั จากการจดั โครงการฯและการนำไปใช้ ๗.ภาพรวมของการจดั โครงการฯ มคี วามสมบูรณ์ครบถว้ น ค่าเฉล่ียรวม ตอนที่ ๓ ปญั หาและข้อเสนอแนะเพื่อการปรบั ปรงุ ในคร้ังต่อไป .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………

กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอา่ น

กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอา่ น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook