นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ เพอื่ การสอื่ สารการศึกษาและการเรยี นรู้ วิชา สขุ ศึกษา เร่อื ง ระบบอวยั วะของรา่ งกาย ผู้จดั ทา นายดนยั ฤทธ์ิ ศิริเรอื ง รหัสนกั ศกึ ษา 63121880048 สาขาวิชาการประถมศึกษา คระครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
ร่างกาย การท่ีมนุษยม์ ารถดารงซีวติ อยแู่ ละส้นั มารถประกอบกิจกรรมประจาวนั ต่างๆ น้นั เกิดข้ึนจากการสร้าง พลงั งานและการนาพลงั งานไปใชข้ องหน่วยท่ีเลก็ ที่สุดของร่างกาย ซ่ึงเรียกวา่ เซลลเ์ ซลลท์ ่ีมีโครงสร้างและ หนา้ ท่ีคลา้ ยคลึงกนั จานวน หลายพนั ลา้ นเซลลจ์ ะรวมกนั เป็นเน้ือเยอ่ื เน้ือเยอ่ื แต่ละชนิดจะประกอบกนั เป็น อวยั วะ อวยั วะที่ทาหนา้ ท่ีประสานสมั พนั ธก์ นั รวมเรียกวา่ ระบบ การทางานของระบบต่างๆในร่างกายจะตอ้ ง ประสานสมั พนั ธก์ นั อยตู่ ลอดเวลาจึงทาใหม้ นุษยส์ ามารถดารงชีวติ อยไู่ ดอ้ ยา่ งปกติ ระบบต่างๆ ของร่างกายจะ ทางานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและเป็นปกติจาเป็นที่จะตอ้ งไดร้ ับการดูแลรักษาส่วนประกอบของทุกระบบเป็น ประจาสม่าเสมอเพราะหากระบบการทางานของร่างกายไม่ทางานประสานสมั พนั ธก์ นั จะทาใหเ้ กิดความ ผดิ ปกติข้ึนไดท้ ุกคนจึงควรเอาใจใส่และมีการปฏิบตั ิตนอยา่ งเหมาะสมในการดูแลรักษาระบบอวยั วะต่างๆ ใน ร่างกาย
อวยั วะต่างๆ ของร่างกาย อวยั วะของร่างกายน้นั มีท้งั อวยั วะท่ีเรามองเห็นและอวยั วะท่ีเรามองไม่เห็น อวยั วะท่ีเรามองเห็นส่วน ใหญ่จะอยภู่ ายนอกร่างกาย เช่น ปาก จมูก แขน ขา มือ เทา้ อวยั วะที่เรามองไม่เห็นจะอยภู่ ายในร่างกาย เช่น สมอง หวั ใจ ลาไส้ และต่อมต่างๆ ในร่างกาย ระบบการทางานของร่างกาย ประกอบดว้ ยโครงสร้างที่ สลบั ซบั ซอ้ น จาแนกไดเ้ ป็น ๑๐ ระบบ คือ 1. ระบบผวิ หนัง (Integumentary system) 6. ระบบหายใจ ( Respiratory system) 2. ระบบโครงกระดกู (Skeletal system) 7. ระบบไหลเวยี นโลหิต ( Vascular system) 3. ระบบกล้ามเน้ือ (Muscular system) 8. ระบบประสาท (Nervous system) 4. ระบบย่อยอาหาร (Digestive system) 9. ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive system 5. ระบบขบั ถ่ายปัสสาวะ (Urinary system) 10. ระบบต่อมไรท้ อ่ (Endocrine system)
ระบบประสาท (Nervous system) • เราเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทาไมอวัยวะส่วนตา่ งๆ ของร่างกายจงึ เคลอ่ื นไหว หรือทางานรว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งอตั โนมตั ิ เชน่ ร้องเพลง เตน้ ตามจังหวะ ทาท่าทาง และใช้สายตาสือ่ ความหมายได้ตามสาระของเนอ้ื เพลงได้ หรือเมือ่ เรา รู้สกึ เสียใจ รอ้ งไห้ และน้าตาไหลออกไดพ้ ร้อมกนั หรอื เมื่อปลายน้วิ เราสมั ผสั เปลวไฟ เราจะดงึ มอื ออกทนั ทีโดย อตั โนมตั แิ ละระบบการทางานของร่างกายส่วนใดทาหนา้ ทีด่ ังกล่าว สามารถรับรูค้ วามร้สู กึ และควบคุมการทางาน ของอวยั วะตา่ งๆ ใหเ้ ปน็ ปกติ • ระบบประสาททาหนา้ ท่รี ับความรสู้ กึ มกี ารทางานสัมพันธก์ บั ฮอรโ์ มนทผ่ี ลติ จากตอ่ มไร้ทอ่ เพ่อื ควบคมุ การ ทางานของรา่ งกายใหต้ อบสนองต่อสง่ิ เรา้ รวมทั้งทางานสัมพนั ธ์กบั ระบบอน่ื ๆเพอื่ ให้รา่ งกายทางานได้ตามปกติ • ระบบประสาท ประกอบด้วยสมอง ไขสนั หลัง และเส้นประสาทในรา่ งกาย ทุกองคป์ ระกอบจะทาหนา้ ท่ีร่วมกนั ในการรบั ความร้สู กึ ของอวยั วะตา่ ง ๆ และตอบสนองตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม ได้แก่รสู้ กึ หนาว รอ้ น อึดอัด หรือสบาย เป็น ตน้ นอกจากนยี้ ังควบคมุ การทางานของร่างกาย ตลอดจนอารมณ์ ความรูส้ กึ นกึ คิด ความทรงจาตา่ งๆ ระบบ ประสาทแบ่งออกเปน็ ๓ สว่ น คือ ระบบประสาทส่วนกลาง
ระบบประสาทส่ วนกลาง • ประกอบดว้ ยสมอง และไขสนั หลงั เป็นศูนย์กลางควบคมุ และประสานการทางานของร่างกายทัง้ หมด •1.1 สมอง (Brain) บรรจุอยู่ภายในกะเหลกศีรษะ สมองแบง่ ออกเปน็ ๓ สว่ น • ก. สมองส่วนหน้า (Forebrain) ประกอบดว้ ย เซรบี รัม (cerebwm) ทาลามัส(Thalamus) และไฮโปทา ลามัส (Hypothalamus) • -> เซรีบรัม ทาหนา้ ทด่ี ้านความทรงจา ความฉลาด ไหวพรบิ เป็นศูนยร์ ับความรู้สึกในการมองเหน็ การไดย้ นิ การได้กลิน่ และการรบั รส • ->ทาลามสั เป็นศนู ย์รับและถ่ายทอดความร้สู กึ ไปยงั เซรบี รมั • -> ไฮโปทาลามสั เปน็ ศูนยค์ วบคมุ อุณหภูมิของรา่ งกาย การเต้นของหัวใจ ความดันเลอื ด ความหิว การนอน หลบั การหลัง่ ฮอรโ์ มนของต่อมไรท้ ่อ การหลัง่ นา้ ย่อยจากกระเพาะอาหาร ความสมดุลของน้าในรา่ งกาย และการ แสดงออกทางอารมณแ์ ละความรสู้ ึกต่างๆ
• ข. สมองสว่ นกลาง (Midbrain) ทาหนา้ ท่ีเกีย่ วกับการเคลอ่ื นไหวของลูกตา และ มา่ นตา • ค. สมองส่วนทา้ ย (Hindbrain) ประกอบด้วย เซรีเบลลมั (Cerebellum) พอนส์(pons) และเมดลั ลาออบล องกาตา (Medullaoblongata) หรือเรยี กว่า ก้านสมองส่วนท้าย • -> เซรเี บลลมั ทาหน้าทีใ่ นการดูแลการทางานของส่วนตา่ งๆ ในรา่ งกายและระบบกลา้ มเน้ือต่างๆ ให้ประสาน สัมพนั ธ์กนั ควบคุมการทรงตวั ของรา่ งกาย • -> พอนส์ ทาหนา้ ทค่ี วบคุมการเค้ียวอาหาร การหล่ังนา้ ลาย การหายใจ การฟัง การเคล่อื นไหวกล้ามเน้ือ บริเวณใบหน้าและเปน็ สะพานเชื่อมระหวา่ งสมองกับไขสันหลงั • -> เมดัลลาออบลองกาตา ทาหน้าทีเ่ ป็นศนู ย์ควบคมุ การทางานของระรบประสาทอตั โนมตั ิตา่ งๆ ได้แก่ การ หายใจ การไหลเวยี นเลือด การเต้นของหัวใจ การไอ การจามการกลืน
1.2 ไขสันหลงั (spinal cord) เปน็ สว่ นท่ตี ่อก้านสมองส่วนทา้ ยลงไปตามแนวฟองกระดกู สนั หลงั ทาหนา้ ท่ีเปน็ ตวั เชอื่ มในการรับกระแสประสาทจากส่วนตา่ งๆ ของรา่ งกายสง่ ตอ่ ไปยงั สมอง และรบั จากสมองส่งั ไปยังอวัยวะ ต่าง ๆ ในร่างกาย นอกจากนย้ี ังควบคมุ ปฏิกริ ิยาตอบสนอง สิ่งเรา้ อย่างกะทนั หันโดยไมต่ อ้ งรอคาสัง่ จากสมอง หรือที่เรียกวา่ ปฏกิ ิริยารเี ฟลก็ ซ์ (Refelx Action) เชน่ เมอื่ มือไปถกู ของรอ้ น คนเราจะกระตกุ มอื หนีทันที
2. ระบบประสาทส่วนปลาย •ประกอบดว้ ย เสน้ ประสาทสมอง เสน้ ประสาทไขสันหลัง ทาหน้าทน่ี าความร้สู กึ จากสว่ นต่างๆ ของรา่ งกายเขา้ สู่ ระบบประสาทสว่ นกลางและสง่ กลบั ไปยังอวัยวะต่างๆ • 2.1 เส้นประสาทสมอง (CraniaI Nerve) มี 12 คู่ ทอดมาจากสมองสมองผ่านรตู า่ ง ๆของกะโหลกศรี ษะ เสน้ ประสาทสมองบางคู่จะทาหน้าทรี่ บั ความรูส้ ึก บางคู่จะทาหนา้ ทเ่ี กยี่ วกบั การเคล่ือนไหว บางคจู่ ะทาหนา้ ท่ที ง้ั รับความรสู้ ึกและเก่ยี วกบั การเคลอื่ นไหว •2.2 เส้นประสาทไขสนั หลงั ( Spinal Nerve) มี 31 คู่ เปน็ เสน้ ประสาทท่แี ตกออกมาจากไขสันหลัง เส้นประสาททกุ คู่เป็นเส้นประสาทรวม คือ ทาหนา้ ทีร่ บั ความรู้สกึ และรบั รู้เกย่ี วกบั การเคลือ่ นไหว เส้นประสาทไข สันหลังจะเปน็ ระบบประสาทท่อี ยู่นอกอานาจจติ ใจ ทาหน้าทคี่ วบคมุ อวัยวะตา่ งๆ ท่ที างานได้ด้วยตัวเอง เชน่ การ เต้นของหัวใจ การเคล่อื นไหวของอวัยวะภายใน
3. ระบบประสาทอตั โนมัติ 3.1 ระบบประสาทซมิ พาตกิ (Sympathetic Nervous System) เป็นระบบที่ทาใหร้ า่ งกายเตรียมพรอ้ ม สาหรับเผชิญภาวะอันตรายหรือฉกุ เฉิน
•3.2 ระบบประสาทพาราซมิ พาเทตกิ (Parasympathetic Nervous System) เป็นระบบทีท่ าหนา้ ท่คี วบคมุ การสะสมพลงั งาน ควบคุมการทางานของอวยั วะภายใน หลอดเลอื ด และต่อมตา่ งๆ ให้มีสภาพการทางานเป็น ปกติ • ระบบประสาททั้งสองระบบนจี่ ะทางานรว่ มกนั เพอื่ รักษาความสมดลุ ของร่างกายให้สามารถดารงชวี ติ ไดอ้ ย่าง ปกติ ตัวอย่าง เมอื่ เผชญิ กับภาวะฉกุ เฉนิ เช่น ไฟไหม้ หรอื ประสบอบุ ัติเหตุ ระบบประสาทซมิ พาเทตกิ จะทาให้ ร่างกายต่นื ตวั เพื่อเตรยี มพรอ้ มท่ีจะสู้หรือหนีจากสถานการณเ์ หลา่ นน้ั ปฏกิ ริ ิยาของรา่ งกายทเี่ กดิ ขน้ึ เมอ่ื ระบบ ประสาทซมิ พาเทติกทางาน ตือ ชีพจรเตน้ เรว็ กว่าปกติ ความดนั เลือดเพมิ่ ขึน้ หวั ใจเต้นเรว็ ตอ่ มหมวกได (Adrenal Gland) จะหลง่ั ฮอร์โมนอะดรีนาลนิ (Adrenalin) เพื่อเพม่ิ พลงั งานพิเศษใหร้ ่างกาย สามารถทาให้เรา วง่ิ หนีได้อยา่ งไม่คิดชีวติ หรอื สามารถยกของหนักๆ เชน่ ตเู้ ย็น โทรทัศนว์ ิง่ หนไี ด้ ในขณะที่เวลาปกติเราจะไม่ สามารถทาได้ เปน็ ต้น เมือ่ ร่างกายพน้ จากการเผชญิ ภาวะฉกุ เฉนิ ไปแล้ว การทางานของระบบประสาทซมิ พาเทติก จะส้นิ สดุ ลง ระบบประสาทพาราซมิ พาเทตกิ จะชว่ ยทาใหร้ า่ งกายกลับคนื สู่สภาพปกติ เชน่ ชพี จรและความดัน เลอื ดลดลง
การดูแลรักษาระบบประสาท •ระบบประสาทเป็นระบบทม่ี คี วามสาคญั มาก ดงั นัน้ จึงควรมีการป้องกนั และดูแลรักษาดังนี้ • 1. ป้องกันการเกดิ อบุ ัตเิ หตุทจี่ ะมีผลกระทบบริเวณศรี ษะ และไขสนั หลงั เพราะ อาจทาให้อมั พฤกษ์หรอื อมั พาต ได้ เชน่ สวมหมวกนิรภัยขณะขร่ี ถจกั รยานยนต์ คาดเขม็ ขัดนิรภยั ขณะขบั หรอื เป็นผโู้ ดยสารรถยนต์ ไมใ่ ช้ของแขง็ เชน่ เหลก็ ไม้ ตีศรี ษะของเพ่ือน เปน็ ตน้ • 2. หลีกเลย่ี งการใช้สารเสพตดิ ทุกชนดิ และเคร่ืองด่มื ทมี่ แี อลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์เปน็ สารเสพติดท่ีมีฤทธิ์ กดประสาท เม่อื ดื่มในปรมิ าณมากมีระยะเวลาต่อเน่อื งกนั จะทาใหร้ ะบบประสาทถูกทาลาย • 3. รับประทานอาหารทีม่ ีประโยชน์ตอ่ ร่างกาย โดยเฉพาะอาหารทม่ี ีวิตามนิ บี 1 สูง เชน่ ข้างกล้อง ถั่วลสิ ง เมลด็ ทานตะวัน เป็นต้น • 4. พกั ผ่อนใหเ้ พียงพอ และมีการผอ่ นคลายความเครยี ด เชน่ ฟงั เพลง เดนิ หรอื ทากิจกรรมอื่นๆ ทรี่ ูส้ กุ ผ่อน คลาย • 5. ถนอมการใชส้ ายตาบ้าง เชน่ ไมค่ วรใชส้ ายตากับเคร่อื งคอมพิวเตอรเ์ ป็นเวลานานๆ ไมค่ วรอา่ นหนังสือในที่ มืด • 6. ออกกาลงั กายเปน็ ประจาอยา่ งสมา่ เสมอ เลอื กกจิ กรรมการออกกาลงั กายที่ตนเองชอบและไมก่ ่อใหเ้ กดิ อันตรายตอ่ สมองและไขสนั หลงั โดยใชอ้ ุปกรณ์ป้องกนั อนั ตรายตามชนิดของกฬี าน้นั ๆ
ระบบต่อมไร้ท่อ ทาหน้าท่สี ร้างฮอร์โมน ต่อมไรท้ อ่ เปน็ ต่อมทีท่ าหนา้ ทสี ร้างสารประกอบอินทรยี ์เคมที เ่ี รยี กว่า ฮอร์โมน (Homone) ซงึ่ มคี วามสาคัญตอ่ การดารงชีวติ ของคนเรามาก ฮอรโ์ มนจะซึมเขา้ สกู่ ระแสเลอื ดไปยงั สว่ น ตา่ งๆของร่างกาย ฮอร์โมนแต่ ละชนิดทาหน้าทีเ่ ฉพาะและมอี ิทธพิ ลต่อระบบการทางานของอวยั วะในรา่ งกาย ต่อมไร้ทอ่ ในรา่ งกายของเรามีองคป์ ระกอบและการทางานดังน้ี
•1. ต่อมใต้สมองหรือต่อมพทิ ูอทิ ารี (Pitutary GIand) เป็นต่อมขนาดเลก็ แต่มีความสาคญั ที่สุด ต้งั อยบู่ ริเวณ ใตส้ มองแบ่งออกเป็น๒ส่วน คือ ต่อมใตส้ มองส่วนหนา้ และต่อมใตส้ มองส่วนหลงั • 1.1 ต่อมใต้สมองส่วนหน้า (Anterior Pituitary) ทาหนา้ ที่ผลิตฮอร์โมนต่างๆมากมาย ไดแ้ ก่ ฮอร์โมนควบคุม การเจริญเติบโตของร่างกาย ฮอร์โมนที่กระตุน้ ต่อมไทรอยดฮ์ อร์โมนที่กระตุน้ ต่อมหมวกไตส่วนนอก ฮอร์โมน เพศ ฮอร์โมนท่ีกระตุน้ การเจริญเติบโตของเตา้ นมและต่อมน้านม •1.2 ต่อมใต้สมองสวนหลง (Posterior Pituitary) ทาหนา้ ที่ผลิตฮอร์โมนที่มีผลตอการหลงั่ ของน้านมและการ บีบตวั ของมดลูกขณะคลอดบุตร •2. ต่อมไทรอยด์ (Thyroid Gland) เปน็ ต่อมไร้ท่อทมี ีขนาดใหญ่ทีส่ ุดในรา่ งกายอยบู่ ริเวณลูกกระเดอื ก ทา หนา้ ทีผ่ ลิตฮอร์โมนทค่ี วบคมุ การเจรญิ เตบิ โตของร่างกาย •3. ต่อมพาราไทรอยด์ (Parathyroid Gland) อยดู่ า้ นหลังของตอ่ มไทรอยด์ เป็นต่อมท่เี ล็กที่สุด มี ๒ คู่ ทา หน้าที่ผลติ ฮอรโ์ มนทค่ี วบคมุ ปรมิ าณของแคลเซยี ม (Calcium) และฟอสเฟต(Phosphate) ในเลอื ด •4. ต่อมไทมัส (Thymus Gland) ต้งั อยบู่ รเิ วณทรวงอก ผลิตฮอร์โมนออกมาควบคุมการทางานของระบบ ภมู ิค้มุ กนั ของร่างกาย •5. ตอ่ มไพเนยี ล (PineaI Gland) เปน็ ต่อมขนาดเล็ก อยบู่ ริเวณก่งึ กลางของสมองส่วนเซรบี รัมซา้ ยและขวา ต่อมไพเนยี ลจะสร้างฮอรโ์ มนทีท่ าหน้าท่ียบั ยงั้ การเจรญิ เตบิ โตของตอ่ มเพศในช่วงก่อนวยั รุน่ และมผี ลตอ่ การเข้าสู่ วัยร่นุ วา่ จะเรว็ หรอื ช้า
•6. ต่อมหมวกไต (Adrenal Gland) มรี ูปร่างแบนคลา้ ยหมวกครอบอยู่บนไตทั้งข้างซา้ ยและข้างขวา ทาหนา้ ที่ ผลติ ฮอร์โมนทคี่ วบคุมความรสู้ ึกทางเพศและกระบวนการเผาผลาญอาหารในรางกาย •7. ต่อมทีอ่ ย่ใู นตบั ออ่ น (Islets of Langerhans) ทาหน้าทผี่ ลิตฮอร์โมนทีค่ วบคุมปริมาณน้าตาลของร่างกาย •8. ตอ่ มเพศ (Gonad) เปน็ ตอ่ มท่ที าหน้าที่สร้างเซลลเ์ กี่ยวกับการสืบพนั ธ์ุ ตอ่ มเพศของผู้ชาย คือ อัณฑะ ส่วน ต่อมเพศของผูห้ ญิง คือ รังไข่ •8.1 อณั ฑะ(Testis) มลี ักษณะคลา้ ยรูปไข่อย่ภู ายในถุงอณั ฑะ ทง้ั สองข้างอาจมขี นาดเทา่ กนั หรอื ต่างกนั เล็กน้อย ทาหน้าทส่ี รา้ งตวั อสจุ ิซง่ึ เป็นเซลล์สืบพนั ธเุ์ พศชายและสรา้ งฮอรโ์ มนเพศชายชอื่ เทสทอสเทอโรน (Testostcrone) ทคี่ วบคุมพฒั นาการและกาหนดลักษณะเฉพาะในความเป็นชาย เชน่ หนวด เครา การหลั่งน้า อสุจิ ขนหน้าแขง้ เสียงหา้ ว เป็นตน้ 8.2 รงั ไข่ (Ovary) มลี ักษณะและขนาดเทา่ นว้ิ หวั แม่มือของผชู้ าย ตงั้ อยู่ ๒ ขา้ งของมดลกู ทาหน้าทส่ี รา้ งเซลล์ ไข่ ซึ่งเป็นเซลลส์ ืบพนั ธุ์ เพศหญิง และสร้างฮอร์โมนเพศเพศหญงิ และสร้างฮอรโ์ มนเพศหญิงช่ือเอสโทรเจน (Estrogcn) และโพรเจสเทอ โรน (Progesterone) ทค่ี วบคมุ พัฒนาการในความเปน็ หญิง เช่น เสยี งเล็กแหลม เอวคอด มปี ระจาเดอื น เต้านมขยายขนาดใหญ่ขน้ึ ใบหนา้ และแกม้ เปลง่ ปลง่ั กระดูกเชงิ กรานขยายออก และมีไขมันพอกตามสว่ นตา่ งๆ ของร่างกาย
การดูแลรักษาต่อมไร้ท่อ 1.รับประทานอาหารที่มีคุณคา่ ทางโภชนาการโดยเฉพาะผกั ผลไมท้ ม่ี วี ติ ามนิ หลากหลายและมีปริมาณท่ี เพียงพอตอ่ ความตอ้ งการของร่างกายจะชว่ ยทาใหอ้ วยั วะตา่ งๆ ทางานตามปกติ 2. ด่มื น้าอยา่ งนอ้ ยวนั ละ 6-8 แกว้ เพราะน้าช่วยให้ต่อมไรท้ อ่ ทางานไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 3.งดเวน้ เคร่ืองดืม่ ทม่ี ีแอลกอฮอล์เพราะจะมผี ลต่อการทางานของระบบตอ่ มไรท้ อ่ บางตอ่ มให้ด้อยประสิทธภิ าพ ลง เช่น ต่อมใต้สมอง ต่อมไทรอยด์ รวมท้งั รังไข่และอัณฑะด้วย 4.หลีกเล่ียงสภาพแวดล้อมทีจ่ ะสง่ ผลตอ่ ระบบต่อมไรท้ ่อ เชน่ โรงงานอุตสาหกรรมหลอมโลหะ โรงงาน อุตสาหกรรมสี โรงงานอุตสาหกรรมยาฆ่าแมลง การใชย้ าฆา่ แมลง เปน็ ตน้ 5. พักผ่อนอยา่ งเพียงพอ ควรมีการทากิจกรรมนนั ทนาการและการนอนหลบั ใหเ้ พียงพอ 6. คิดในแงด่ ี คดิ สรา้ งสรรค์ ไม่คิดในแง่รา้ ยหรือคดิ ในเชงิ ลบ ตอ้ งร้วู ิธีการจัดการกบั ความเครียด เพราะ ความเครียดจะสง่ ผลต่อการเพมิ่ หรือลดปรมิ าณฮอรโ์ มนบางตวั และฮอรโ์ มนตัวน้นั อาจสง่ ผลต่อฮอร์โมนตัวอนื่ ทา ให้เกิดความผดิ ปกตขิ องอวัยวะต่างๆ ได้
ขอบคุณครับ
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: