บทที่ 6แหลง่ การเรยี นรแู ้ ละเครอื ขา่ ยการเรยี นรู ้
เน้อื หา ความหมาย/ ความสาคญั / ประเภทของแหลง่ เรยี นรู้ ทรัพยากรสารสนเทศ แนวโน้มทางเทคโนโลยีการศึกษา เครือข่ายการเรียนรู้
70/20/10 Model for Learning andDevelopment 1960s until present.70% from tough jobs20% from ICT10% from courses and reading
ความหมายของแหล่งการเรยี นรู้แหล่งการเรยี นรู้ หมายถึง แหล่งข่าวสารขอ้ มลู สารสนเทศ แหล่งความรทู้ างวทิ ยาการและประสบการณ์ทส่ี นับสนนุ ส่งเสริมใหผ้ ้เู รยี น ใฝเ่ รยี น ใฝ่รู้ แสวงหาความรแู้ ละเรียนรู้ด้วยตนเองตามอัธยาศัยอยา่ งกว้างขวางและต่อเนื่องจากแหลง่ต่าง ๆ เพอ่ื เสริมสรา้ งให้ผเู้ รยี นเกิดกระบวนการเรียนรู้ และเปน็ บคุ คลแห่งการเรยี นรู้ (กรมสามญั ศกึ ษา, 2544, หน้า 6)
ตวั อย่างของ แหล่งเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้ตามมาตรา 25 ในพระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 ไดแ้ ก่ ห้องสมดุ ประชาชน พพิ ิธภณั ฑ์ หอศลิ ป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อทุ ยานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ศูนยก์ ารกีฬาและนนั ทนาการ แหล่งขอ้ มูลและแหลง่ การเรียนรู้อ่นื (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ )
ความสาคัญของแหล่งการเรียนรู้ 1. เป็นแหลง่ การศกึ ษาตามอัธยาศยั 2. เปน็ แหลง่ การเรียนรตู้ ลอดชวี ิต 3. เป็นแหล่งปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน การศกึ ษาค้นคว้าและการแสวงหาความรูด้ ว้ ยตนเอง 4. เป็นแหล่งสร้างเสรมิ ประสบการณภ์ าคปฏบิ ัติ 5. เปน็ แหลง่ สร้างเสรมิ ความรู้ ความคดิ วิทยาการและประสบการณ์
ประเภทของแหล่งการเรียนรู้
แหล่งการเรียนรใู้ นโรงเรียน แหลง่ การเรยี นรทู้ ่ีมอี ยู่แลว้ ตามธรรมชาติ เช่น บรรยากาศ สง่ิ แวดล้อม ปรากฏการณธ์ รรมชาติ สง่ิ มชี วี ติ ฯลฯ แหล่งการเรยี นรทู้ ม่ี นษุ ยส์ รา้ งขนึ้ เช่น หอ้ งสมุดโรงเรยี น ห้องสมดุ กลุ่มสาระ ห้องสมดุ เคลอ่ื นที่ หอ้ งเรยี น ห้องปฏบิ ัติการต่าง ๆ ห้องโสตทศั นศึกษา ห้องมัลตมิ ีเดยี เว็บไซต์ ฯลฯ
แหล่งการเรียนรู้นอกโรงเรียน แหล่งการเรยี นรู้ที่มอี ย่แู ล้วตามธรรมชาติ เช่น สภาพแวดล้อม ปา่ ภูเขา แหลง่ นา้ ทะเล สตั ว์ ฯลฯ แหล่งการเรยี นรทู้ ี่มนุษย์สรา้ งข้นึ เชน่ ชมุ ชน วถิ ีชีวิต อาชีพ ภมู ิ ปัญญา ประเพณี วฒั นธรรม สถาบนั โบราณสถาน สถานทีส่ าคญั แหล่งประกอบการ
ทรัพยากรสารสนเทศทรัพยากรสารสนเทศ คือ วัสดทุ ใี่ ช้ในการศกึ ษาคน้ คว้าและวิจยั ในรปู แบบต่างๆ ทกุ สาขาวิชา
ประโยชน์ของทรัพยากรสารสนเทศ 1. ใหค้ วามรู้ในรูปแบบตา่ ง ๆ 2. เปน็ หลกั ฐานอา้ งองิ ประกอบการคน้ ควา้ 3. เสรมิ สร้างสติปัญญาทาใหม้ ีความคดิ สรา้ งสรรค์และวิสยั ทัศน์อันกวา้ งไกล ทันโลก ทันเหตกุ ารณ์ และความเคลอื่ นไหวต่าง ๆ 4. สามารถนาความรทู้ ีไ่ ด้จากทรพั ยากรสารสนเทศ มาพัฒนาตนเอง ในดา้ นตา่ ง ๆ ทาให้ ประสบผลสาเรจ็ ในการดาเนนิ งานต่าง ๆ อย่างมปี ระสิทธิภาพ
ประเภทและลกั ษณะของทรัพยากรสารสนเทศ ทรัพยากรสารสนเทศแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ 1. วัสดตุ พี มิ พ์ 2. วสั ดุไมต่ พี ิมพ์ หรอื โสตทัศนวัสดุ
1. วสั ดุตพี มิ พ์ คอื สง่ิ พมิ พท์ ม่ี ีการบันทึกความรู้ ความคดิ ของมนุษย์นามารวบรวมเปน็ เลม่ ใหผ้ ูอ้ า่ นได้ศึกษาค้นคว้าและใช้อ้างอิง แบง่ ตามลักษณะเนือ้ หาได้ ดงั น้ี หนังสอื ส่งิ พมิ พ์ตอ่ เนอ่ื ง
1. วัสดุตพี ิมพ์ - หนงั สือหนังสือสารคดี คอื หนงั สอื ที่ม่งุ ให้ความรแู้ ก่ หนงั สอื บันเทิงคดี อา่ นเพอ่ื ความบันเทงิ เป็น ผู้อา่ นเป็นสาคญั เช่น ส่วนใหญ่ เช่น ตาราวิชาการ นวนยิ าย หนังสืออา่ นประกอบ หนงั สอื สาหรับ เด็ก หนังสอื ความรู้ทว่ั ไป รวมเร่อื งสนั้ หนงั สืออา้ งอิง ปริญญานิพนธ์ หรอื วทิ ยานิพนธ์ สง่ิ พมิ พ์รฐั บาล
1. วสั ดุตพี ิมพ์ - สิ่งพิมพต์ ่อเนอื่ ง สามารถเลอื กใชไ้ ดต้ ามวัตถุประสงค์ ดงั นี้ 2.1 หนงั สอื พิมพร์ ายวนั 2.2 นติ ยสารและวารสาร 2.3 จลุ สาร 2.4 กฤตภาค
2. วัสดไุ ม่ตพี ิมพ์ หรือ โสตทัศนวัสดุ คอื วัสดุทใ่ี ห้ความรู้ความคดิ ผา่ นทางตา ทางหู ทาให้เกิด ความ เข้าใจในการเรยี นรไู้ ดเ้ รว็ ขน้ึ แบง่ ออกเป็นประเภทได้ ดงั นี้ • โสตวัสดุ • ทัศนวสั ดุ • โสตทัศนวสั ดุ • วสั ดยุ อ่ ส่วน
เครือข่ายการเรยี นรู้ ความหมาย การเรยี นรใู้ นระบบคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื ใช้ประกอบกิจกรรมทางการ ศกึ ษาของมนุษย์ ทัง้ ในระดับประถมศึกษา มัธยมศกึ ษา อดุ มศึกษา และ การศึกษาผู้ใหญ่
เครือขา่ ยการเรยี นรู้ องคป์ ระกอบสาคญั • อปุ กรณค์ อมพวิ เตอร์ • โปรแกรมที่ใชค้ วบคุมระบบการทางาน • เครอื ข่ายการสื่อสาร • ความสามารถในการส่ือสารของตวั ผูเ้ รียนเอง • สภาวะแวดลอ้ มในการเชื่อมโยงขอ้ มูล
คุณลกั ษณะพิเศษของเครือข่ายการเรยี นรู้1. สามารถเข้าถงึ ได้กว้างขวาง ง่าย สะดวก เชือ่ มโยงเขา้หานกั เรียนคนอ่นื และสามารถเรียกใช้ขอ้ มลู ไดท้ กุ เวลาทกุ สถานที่2. เปน็ การเรียนแบบร่วมกนั และทางานร่วมกนั เปน็ กล่มุคณุ ลกั ษณะพ้ืนฐานของเครอื ขา่ ยการเรยี นรู้
คณุ ลักษณะพเิ ศษของเครอื ข่ายการเรยี นรู้ 3. สร้างกิจกรรมการเรียนรู้ โดยเนน้ ให้ผู้เรียนเปน็ ผกู้ ระทา มากกวา่ เป็นผถู้ ูกกระทา 4. ผเู้ รียนเป็นศูนยก์ ลางการเรียนการสอน และเน้นบทบาท ทเี่ ปลยี่ นแปลงไป 5. จดั ให้เครอื ขา่ ยการเรียนรู้เป็นเสมือนชุมชนของการเรียนรู้ แบบออนไลน์
แนวทางการบรหิ ารจัดการและพัฒนาเครอื ขา่ ยการเรยี นรู้1. ขั้นการกอ่ รูปเครอื ข่ายการเรียนรู้ (learning network forming)2. ข้ันการจดั ระบบบรหิ ารเครือข่ายการเรยี นรู้ (learning network organizing)3. ขน้ั การใชเ้ ครอื ขา่ ยการเรยี นรู้ (learning network utilizing )4. ขน้ั การธารงรกั ษาเครือข่ายการเรยี นรู้ (learning network maintaining)
แนวทางการบริหารจดั การและพัฒนาเครือขา่ ยการเรยี นรู้1. ข้ันการกอ่ รูปเครือข่ายการเรยี นรู้ (learning network forming) การสรา้ งความตระหนกั ในปัญหา การสร้างสานึกในการรวมตวั การสร้างจดุ รวมของผลประโยชน์/การแสวงหาแกนนาท่ดี ขี องเครือข่าย การสร้างแนวรว่ มของสมาชกิ เครือขา่ ย
แนวทางการบริหารจัดการและพฒั นาเครอื ขา่ ยการเรยี นรู้2. ข้ันการจัดระบบบรหิ ารเครอื ขา่ ยการเรียนรู้ (learning network organizing) การจดั ผงั กลมุ่ เครือข่าย การจัดบทบาทหนา้ ทข่ี องสมาชิกในเครอื ข่าย การจดั ระบบการตดิ ตอ่ ส่ือสาร การจดั ระบบการเรียนรรู้ ว่ มกนั การจดั ระบบสารสนเทศ
แนวทางการบรหิ ารจัดการและพัฒนาเครือขา่ ยการเรยี นรู้3. ขน้ั การใช้เครอื ขา่ ยการเรียนรู้ (learning network utilizing ) การใชเ้ ครอื ขา่ ยเพอ่ื ให้เปน็ เวทกี ลางประสานงานร่วมกันระหว่างสมาชิกภายในและ นอก เครอื ขา่ ย การใชเ้ ครือขา่ ยเพื่อเปน็ เวทแี ลกเปลีย่ นสารสนเทศและความร้ขู องสมาชกิ และผู้สนใจ การใช้เครอื ข่ายเพ่อื ใหเ้ ปน็ เวทีแลกเปลีย่ นระดมทรพั ยากรร่วมกนั ของสมาชกิ เครอื ขา่ ย การใชเ้ ครอื ข่ายเพื่อให้เป็นเวทีรว่ มสร้างสรรคแ์ ละพัฒนาความรใู้ หมๆ่ ใหแ้ กส่ มาชิกทั้ง ภายในและภายนอก เครือข่าย การใช้เครอื ข่ายเพื่อให้เป็น เวทีสร้างกระแสผลักดนั ประเดน็ ใหม่ๆ ท่ีเป็นปญั หาของชมุ ชน และสงั คม
แนวทางการบรหิ ารจดั การและพัฒนาเครอื ขา่ ยการเรยี นรู้4. ขัน้ การธารงรกั ษาเครือข่ายการเรียนรู้ (learning network maintaining) การจดั ดาเนินการกจิ กรรมตา่ งๆ รว่ มกันอย่างต่อเน่ือง การรกั ษาสัมพันธภาพทด่ี ตี ่อกันระหว่างสมาชิกเครอื ข่าย การกาหนดกลไกและการสรา้ งระบบแรงจูงใจใหแ้ กส่ มาชิกของเครือข่าย การใหค้ วามช่วยเหลอื และช่วยแกไ้ ขปญั หาอยา่ งจริงจงั การสรา้ งผ้นู ารุ่นใหมอ่ ยา่ งตอ่ เน่ือง
กระบวนการและวิธกี ารสร้างเครอื ข่ายการเรยี นรู้ 1. การตระหนกั ถึงความจาเปน็ ในการสร้างเครือขา่ ย 2. การตดิ ต่อกบั องคก์ รที่จะร่วมเปน็ เครอื ขา่ ย 3. การสร้างพันธกรณรี ่วมกนั 4. การพัฒนาความสมั พนั ธ์รว่ มกัน 5. การทากจิ กรรมร่วมกนั 6. การรวมตัวกนั จัดตงั้ องคก์ รใหม่รว่ มกัน
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขนึ้1. รูปแบบการเรียนการสอน เนน้ ใหผ้ ู้เรียนเปน็ หลกั ในการแสวงหา คน้ ควา้ ขอ้ มลูดว้ ยตนเอง2. บทบาทของผูส้ อน เปลีย่ นไปสู่ระบบทคี่ รู เปน็ เพยี งผู้ช้แี นะหรือเป็นท่ีปรกึ ษา3. บทบาทของผเู้ รียน ต้องเปน็ ผแู้ สวงหาด้วยตนเอง ตอ้ งกระตือรือร้น และต่ืนตัวอยู่ตลอดเวลา เพ่ือให้ทันกบั ความกา้ วหนา้ ของวทิ ยาการ และสนองต่อความต้องการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง ได้
ความเปล่ียนแปลงท่เี กิดขึ้น4. บทบาทของการเรยี นการสอน มีการนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ และการใช้อินเทอรเ์ นต็ เพ่ือเปิดชอ่ งทางไปสู่แหล่งความร้ตู า่ งๆ ไดท้ ั่วโลก5. ห้องเรยี น สาหรับผูส้ อน ประกอบดว้ ยอุปกรณ์ทใี่ ชใ้ นการสอน คือ เคร่อื งคอมพวิ เตอรท์ เี่ ชือ่ มต่อกับอปุ กรณ์ แสดงภาพ วิดีโอโปรเจคเตอร์ เชือ่ มเขา้ สูร่ ะบบเครอื ขา่ ย และระบบอินเทอรเ์ น็ต6. ศนู ยค์ อมพวิ เตอร์สาหรบั นักเรยี น สามารถใช้เครือ่ งคอมพิวเตอร์ในการ คน้ ควา้เช่ือมตอ่ เขา้ ส่รู ะบบเครือข่ายภายในสถาบันการศกึ ษา รวมท้ังสามารถใช้ผา่ นโมเดม็จากบ้านของผูเ้ รียนเขา้ สู่ เครอื ข่ายได้ตลอด 24 ช่วั โมง
ความเปลย่ี นแปลงทีเ่ กิดข้นึ7. ฐานบรกิ ารขอ้ มูลการเรยี น ซึ่งผ้เู รียนสามารถเรียกใชง้ านได้ตลอดเวลาประกอบดว้ ย 7.1 ฐานบริการเวบ็ จัดเก็บข้อมลู เนือ้ หา ตารา วชิ าการ ในรูปของอักษรภาพ และเสียง 7.2 ฐานบริการ Real Audio เปน็ สถานี วทิ ยุเพ่อื การศกึ ษาบนเครอื ข่าย 7.3 ฐานบริการ Real Video เป็นสถานบี ริการทีวอี อนดีมานด์ 7.4 ฐานบริการกระดานข่าว (Web board) 7.5 Virtual library และ Digital library8. Student Homepage เปน็ ทีเ่ ก็บขอ้ มลู ขา่ วสารของนกั เรียน และสง่ การบ้านใหค้ รูตรวจไดโ้ ดยแจง้ pointer บอกตาแหนง่ ให้ครทู ราบ
ตวั อยา่ งเครอื ขา่ ยการเรยี นรู ้ ไทยสาร (Thai Social/Scientific Academic and Research Network - ThaiSarn)คอื เครอื ข่ายคอมพวิ เตอรเ์ พือ่ สงั คม วิทยาศาสตร์ การศกึ ษาและวจิ ัยของประเทศไทย จดั ต้งั ขนึ้ ในปี พ.ศ. 2535 เพ่ือสง่ เสรมิ ใหเ้ กิดการพฒั นาสังคม พัฒนาคณุ ภาพการศึกษา และพัฒนางานวจิ ยั
ตวั อย่างเครอื ขา่ ยการเรยี นรู ้ UNINET เปน็ เครอื ขา่ ยเพอื่ การเรยี นการสอน จดั ทาโดยทบวงมหาวทิ ยาลยั ในปี พ.ศ. 2540
ตวั อยา่ งเครอื ขา่ ยการเรยี นรู ้ SchoolNet เปน็ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์เพ่ือโรงเรยี นไทย ไดร้ บั การดูแลและสนับสนุนโดยศนู ยเ์ ทคโนโลยีอเิ ลก็ ทรอนิกส์และคอมพวิ เตอร์แห่งชาติ เครอื ขา่ ยนีเ้ ช่อื มโยงโรงเรียนในประเทศไทยไวก้ ว่า 100 แหง่
ตวั อยา่ งเครอื ขา่ ยการเรยี นรู ้ เครือขา่ ยนนทรี (2535) เป็นเครือข่ายของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นับเป็นเครือข่ายทสี่ มบูรณ์แบบและใช้เทคโนโลยชี ้ันสงู สามารถตอบสนองความต้องการใชข้ องนสิ ิต อาจารย์ และบุคคลากร
ตวั อยา่ งเครอื ข่ายการเรยี นรู ้ เครอื ข่ายกระจายเสียงวทิ ยุ อสมท. (2497) จะรวมผงั รายการวทิ ยใุ นเครือขา่ ย อสมท. มไี ฟลเ์ สียงรบั ฟังทางอนิ เทอร์เน็ตได.้ (http://www.mcot.net/radio) เครือขา่ ยสมานฉนั ทเ์ พื่อการปฏริ ูปการเมือง เปน็ เครือขา่ ยท่ใี ชแ้ ลกเปลีย่ นความคิดเหน็ ประเด็นตา่ ง ๆ ทางการเมอื ง และบทวเิ คราะห์ดา้ นการเมือง(http://www.thaicpra.org) ThaiSafeNet.Org เปน็ เครอื ข่ายผปู้ กครองออนไลน์ มีพนั ธกจิ ดา้ นการเช่ือมโยงครู ผปู้ กครอง นักการศึกษา ... โครงการพฒั นาเครอื ขา่ ยผูป้ กครองออนไลน์พันธกจิ : ฝึกอบรมครู ผ้ปู กครอง
แนวโนม้ ทางเทคโนโลยีการศึกษา Twenty two trends in education technology
กจิ กรรมทา้ ยบท ขอ้ มูลพนื้ ฐาน Google Docs ลกั ษณะการทางาน Wordpress ขน้ั ตอนการใชง้ าน Moodle Linkedin ตวั อย่างการประยกุ ตใ์ ช ้ Prezi งาน slideshare Blogger TED Taliks/Ed Pinterest Articulate Dropbox
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: