03 17 06 22 11 24 13
//มูลนธิ ิ ค�ำ วา่ “มูลนิธ”ิ ตามมาตรา 110 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ หมายถึง ทรพั ย์สินทีจ่ ัดสรรไวโ้ ดยเฉพาะส�ำ หรบั วัตถุประสงค์เพอื่ การกศุ ล สาธารณะ การศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศกึ ษา หรือ เพอ่ื สาธารณประโยชน์อย่างอืน่ โดยมไิ ดม้ งุ่ หาประโยชน์มาแบ่งปนั กนั และได้ จดทะเบียนตามบทบัญญตั แิ หง่ ประมวลกฎหมายน้ี และการจดั การทรัพยส์ ิน ของมลู นิธิ ต้องมิใชเ่ ปน็ การหาผลประโยชนเ์ พ่อื บคุ คลใด นอกจากเพ่อื ด�ำ เนนิ การตามวัตถุประสงค์ของมูลนธิ ิน้นั เอง โดยมูลนธิ ิทไ่ี ดจ้ ดทะเบยี นแลว้ จะมีฐานะเปน็ นิติบคุ คล ตามมาตรา 122 แห่ง ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ 04
//สมาคม ค�ำ วา่ “สมาคม” ตามมาตรา 78 แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง หมายถึง การก่อตั้งสมาคมเพื่อกระท�ำ การใด ๆ อันมีลักษณะต่อเนอ่ื งร่วมกันและมใิ ช่ เปน็ การหาผลก�ำ ไรหรอื รายได้มาแบ่งปันกนั ตอ้ งมขี ้อบังคบั และจดทะเบียน ตามบทบัญญตั แิ หง่ ประมวลกฎหมายน้ี โดยสมาคมทีไ่ ด้จดทะเบียนแลว้ จะมฐี านะเปน็ นิติบุคคล ตามมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ นอกจากนีส้ มาคมยังอาจจัดต้ังข้นึ ตามกฎหมายอ่นื ๆ ดงั นี้ - พระราชบญั ญัตสิ มาคมการค้า พ.ศ. 2509 - พระราชบญั ญัตกิ ารฌาปนกจิ สงเคราะห์ พ.ศ. 2517 - พระราชบัญญัตแิ รงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ. 2518 05
// หน้าที่ของมลู นิธิหรือสมาคม ทมี่ ฐี านะเป็นนิติบุคคลในการเสยี ภาษเี งนิ ไดน้ ิติบุคคล (1) ตอ้ งขอมเี ลขประจำ�ตวั ผู้เสยี ภาษีอากร (2) ตอ้ งหกั ภาษี ณ ทจี่ ่ายเมอ่ื จ่ายเงนิ ให้แก่ผู้รับ (3) ต้องจดั ท�ำ บัญชีพิเศษแสดงการหกั ภาษี ณ ที่จ่าย และน�ำ ส่งกรมสรรพากร (4) ตอ้ งยืน่ แบบแสดงรายการและนำ�สง่ ภาษี // การขอมเี ลขประจำ�ตัวผ้เู สยี ภาษอี ากร มลู นธิ หิ รอื สมาคมซึ่งมีหน้าท่เี สียภาษเี งนิ ไดน้ ิตบิ คุ คล จะตอ้ งยืน่ ค�ำ ร้องขอมเี ลขประจำ�ตัว ผู้เสียภาษี (ล.ป.10) ภายใน 60 วัน นับแต่วันท่ไี ดจ้ ดทะเบียนเป็นนิติบคุ คล หรอื วนั ท่เี ริ่ม ประกอบกจิ การในประเทศไทย แล้วแต่วันใดจะเปน็ วันหลัง // สถานท่ียน่ื คำ�รอ้ งขอมีเลขประจำ�ตวั ผูเ้ สยี ภาษี (1) มลู นิธิหรอื สมาคมซงึ่ มสี �ำ นักงานใหญ่ตั้งอยูใ่ นเขตกรุงเทพมหานคร ใหย้ น่ื ค�ำ ร้องได้ที่ สำ�นกั งานสรรพากรพ้ืนทกี่ รุงเทพมหานครในทอ้ งท่ีท่สี �ำ นกั งานใหญต่ ัง้ อยู่ (2) มลู นิธหิ รอื สมาคมซึง่ มสี ำ�นักงานใหญ่ตั้งอยใู่ นเขตจงั หวัดอื่น ใหย้ ื่นคำ�รอ้ ง ณ สำ�นักงาน สรรพากรพน้ื ท่หี รอื สำ�นักงานสรรพากรพน้ื ท่สี าขาในจังหวดั ทส่ี ำ�นักงานใหญข่ องมูลนิธหิ รอื สมาคมต้งั อยู่ (3) มลู นธิ หิ รือสมาคมสามารถยน่ื ค�ำ รอ้ งขอมีเลขประจ�ำ ตัวผ้เู สียภาษอี ากรประเภทนิตบิ คุ คลโดย ผา่ นเว็บไซต์ของกรมสรรพากรท่ี www.rd.go.th โดยระบบจะใหบ้ นั ทกึ ข้อมูลรายการตา่ งๆ เช่น เลขทะเบียนนติ บิ ุคคล วนั ที่จดทะเบียนเปน็ นิตบิ คุ คล ทต่ี ง้ั ส�ำ นกั งานใหญ่ รอบระยะเวลาบัญชี และ ลักษณะการเปน็ นิติบุคคล เปน็ ตน้ 07
// การหักภาษเี งินได้ ณ ที่จ่าย มูลนธิ ิหรอื สมาคมต้องหกั ภาษี ณ ทจ่ี ่ายเมื่อจ่ายเงนิ ได้ดงั ต่อไปนี้ ให้แก่ผรู้ บั ซง่ึ มีหน้าท่เี สยี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือภาษเี งินได้นิตบิ ุคคลแล้วแตก่ รณี ดงั นี้ 1. เงนิ ไดเ้ น่ืองจากการจา้ งแรงงาน 2. เงนิ ได้เนื่องจากหนา้ ทห่ี รอื ตำ�แหนง่ งานท่ีท�ำ หรือจากการรบั ทำ�งานให้ 3. ค่าแห่งก๊ดู วิลล์ คา่ แห่งลขิ สทิ ธ์ิ หรือสทิ ธอิ ย่างอื่น ๆ 4. เงินไดป้ ระเภทดอกเบยี้ เงนิ ปันผล ฯลฯ 5. เงนิ ไดป้ ระเภทคา่ เชา่ ทรพั ยส์ นิ ฯ 6. เงินได้คา่ วิชาชพี อิสระ 7. เงินไดจ้ ากการรับเหมาท่ผี รู้ ับเหมาต้องลงทนุ ดว้ ยการจดั หาสมั ภาระในสว่ นสำ�คญั นอกจาก เครือ่ งมอื 8. เงนิ ไดจ้ ากธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอตุ สาหกรรม การขนส่ง หรือการอ่ืน ๆ นอกจาก ทีร่ ะบไุ วใ้ น 1. ถึง 7. เฉพาะทเ่ี ป็นเงนิ ได้จากการจ้างท�ำ ของ รางวัลจากการประกวดแขง่ ขนั ชิงโชค คา่ โฆษณา คา่ แสดงที่จ่ายให้นักแสดงสาธารณะ รางวลั ส่วนลด หรือประโยชนอ์ ยา่ งอน่ื เน่ืองจาก การสง่ เสรมิ การขาย การประกนั วินาศภยั การขนส่ง (ไม่รวมค่าโดยสารส�ำ หรับการขนสง่ สาธารณะ) การให้บริการอนื่ ๆ (ไม่รวมถงึ คา่ บรกิ ารของโรงแรม คา่ บรกิ ารของภตั ตาคาร และคา่ เบย้ี ประกนั ชวี ติ ) // การจดั ทำ�บญั ชพี ิเศษแสดงการหกั ภาษี ผมู้ ีหน้าที่หักภาษเี งินได้ ณ ท่จี ่าย ตอ้ งจัดท�ำ บญั ชพี เิ ศษแสดงรายการหักภาษี ณ ท่จี า่ ย และการน�ำ ส่ง ภาษีใหแ้ กผ่ ้รู ับเงนิ โดยรวมจำ�นวนที่จ่ายเปน็ ประจำ�วัน และรวมยอดเป็นรายเดอื น เมือ่ สน้ิ วนั สดุ ทา้ ยของ เดอื น และตอ้ งเกบ็ รกั ษาบัญชีพเิ ศษดังกลา่ วไวไ้ ม่นอ้ ยกว่า 5 ปี ที่ส�ำ นกั งานทม่ี ีการจา่ ยเงิน // กรณยี กเว้นไม่ต้องจัดทำ�บัญชพี ิเศษแสดงการหกั ภาษี 1. การจา่ ยดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบ้ยี ตวั๋ เงนิ ของธนาคาร สหกรณ์ บรษิ ทั ตามกฎหมายวา่ ด้วยการ ประกอบธุรกจิ เงนิ ทนุ ธรุ กจิ หลกั ทรัพย์และธรุ กิจเครดิตฟองซเิ อร์ หรอื สถาบันการเงนิ ท่มี ีกฎหมาย โดยเฉพาะของประเทศไทยจดั ตงั้ ขนึ้ สำ�หรบั ให้กยู้ ืมเงินเพอ่ื สง่ เสรมิ เกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรอื อุตสาหกรรม 08
2. กรณกี ารจดทะเบยี นสิทธิและนติ ิกรรมเกยี่ วกับอสงั หาริมทรพั ย์ซ่งึ อย่ใู นบังคับตอ้ ง หักภาษเี งินได้ ณ ท่ีจ่าย และตอ้ งน�ำ สง่ ตอ่ พนักงานเจ้าหน้าท่ีผรู้ ับจดทะเบียนสทิ ธแิ ละ นติ กิ รรมในขณะที่มกี ารจดทะเบยี น 3. กรณีอนื่ ตามทอ่ี ธิบดกี รมสรรพากรประกาศก�ำ หนด // การย่นื แบบแสดงรายการและการนำ�สง่ ภาษี มลู นธิ ิหรอื สมาคมผหู้ กั ภาษีเงินได้ ณ ทจ่ี ่าย มหี นา้ ท่ีต้องยืน่ แบบแสดงรายการภาษี เงินไดห้ ัก ณ ทีจ่ ่าย พร้อมท้งั นำ�เงนิ ภาษีสง่ ภายใน 7 วัน นบั แตว่ ันส้ินเดอื นท่ีมีการ จา่ ยเงิน // แบบแสดงรายการท่ใี ชย้ ่นื ภาษเี งนิ ไดห้ กั ณ ที่จา่ ย 1. ภาษเี งินได้บคุ คลธรรมดาหกั ณ ทีจ่ า่ ย (1) ภ.ง.ด.1 ใช้สำ�หรับน�ำ สง่ ภาษเี ป็นรายเดือน กรณีจ่ายเงนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ ประเภทเงนิ เดอื น คา่ จ้าง หรอื เงนิ ได้จากต�ำ แหนง่ งานทท่ี ำ� การรับทำ�งานให้ เช่น คา่ นายหนา้ ค่าบ�ำ เหนจ็ ฯลฯ ตามมาตรา 40(1) และ (2) แหง่ ประมวลรษั ฎากร (2) ภ.ง.ด.1 ก ใช้สำ�หรบั แสดงรายการสรปุ การจ่ายเงนิ ได้และจำ�นวนเงินภาษี ที่ได้นำ�สง่ ไว้ในปีภาษีท่ีล่วงมาแล้ว กรณกี ารจ่ายเงินไดพ้ ึงประเมินประเภทเงนิ เดอื น ค่าจา้ ง คา่ นายหน้า หรอื บำ�เหนจ็ ฯลฯ ตามมาตรา 40(1) และ (2) แหง่ ประมวล- รษั ฎากร กำ�หนดเวลายน่ื แบบภายในเดอื นกุมภาพันธ์ของปีถัดไป (3) ภ.ง.ด.2 ใช้สำ�หรับนำ�ส่งภาษเี ปน็ รายเดอื น กรณีจา่ ยเงินไดพ้ ึงประเมนิ ประเภทคา่ สิทธิ ดอกเบย้ี เงินปันผล ผลประโยชน์ทีไ่ ด้จากการโอนตราสารหนี้หรือ ตราสารทนุ ฯลฯ ตามมาตรา 40(3) และ (4) แหง่ ประมวลรษั ฎากร (4) ภ.ง.ด.2 ก ใช้ส�ำ หรับแสดงรายการสรปุ การจ่ายเงินได้และจำ�นวนเงินภาษี ทไ่ี ด้นำ�ส่งในปภี าษที ่ลี ว่ งมาแล้ว กรณกี ารจา่ ยเงินได้พงึ ประเมนิ ประเภทค่าสิทธิ ดอกเบย้ี เงนิ ปันผล ผลประโยชนท์ ่ีไดจ้ ากการโอนตราสารหน้หี รอื ตราสารทุน ฯลฯ ตามมาตรา 40(3) และ (4) แห่งประมวลรษั ฎากร กำ�หนดเวลาย่นื แบบภายในเดือนมกราคม ของปถี ัดไป 09
(5) ภ.ง.ด.3 ใช้สำ�หรับน�ำ สง่ ภาษเี ป็นรายเดอื น กรณีจา่ ยเงนิ ไดพ้ งึ ประเมิน ประเภทคา่ เช่าทรพั ย์สนิ คา่ วิชาชพี อิสระ การรบั เหมา การรับจา้ งทำ�ของ หรือเงนิ ได้ จากการประกอบธุรกจิ การพาณชิ ย์ ฯลฯ ตามมาตรา 40(5) ถงึ (8) แหง่ ประมวล- รัษฎากร 2. ภาษีเงนิ ได้นติ ิบคุ คลหัก ณ ท่ีจ่าย (1) ภ.ง.ด.53 ใช้สำ�หรับน�ำ ส่งภาษีกรณีจ่ายเงนิ ได้พงึ ประเมิน ตามมาตรา 40 แห่งประมวลรษั ฎากร ตงั้ แต่ 500 บาทขึ้นไปให้แก่ผมู้ หี น้าทีเ่ สียภาษีเงนิ ได้ นิติบคุ คล (2) ภ.ง.ด.54 ใช้ส�ำ หรับนำ�สง่ ภาษี สำ�หรับ (ก) กรณีจา่ ยเงินไดพ้ ึงประเมิน ตามมาตรา 40(2)-(6) แห่ง ประมวลรัษฎากร ให้แก่บรษิ ทั หรือห้างหนุ้ สว่ นนติ บิ ุคคลทต่ี ั้งข้ึนตามกฎหมายของ ต่างประเทศ และไม่ได้ประกอบกิจการในประเทศไทย ท้งั น้ี ไม่วา่ จะเป็นการจา่ ยจากหรือ ในประเทศไทย และมีหน้าทตี่ ้องหักภาษจี ากเงินได้พงึ ประเมนิ ทจี่ ่ายและน�ำ สง่ (ข) กรณีบรษิ ัทหรอื หา้ งหุ้นส่วนนิตบิ ุคคลท่ีจำ�หนา่ ยเงินกำ�ไรหรอื เงนิ ประเภทอ่นื ใดท่ีกันไว้จากก�ำ ไรหรือท่ีถือไดว้ ่าเป็นเงินกำ�ไรออกไปจากประเทศไทย 10
// การเสียภาษีเงินไดข้ องมลู นธิ หิ รือสมาคม มลู นธิ ิหรือสมาคมท่ปี ระกอบการมีรายได้ หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มไิ ดป้ ระกาศ กำ�หนดให้เปน็ องคก์ ารหรือสถานสาธารณกุศล ตามมาตรา 47(7)(ข) แหง่ ประมวลรัษฎากร มีหนา้ ทต่ี ้องนำ�รายได้ทไี่ ด้รับกอ่ นหักรายจา่ ยใดๆ มารวมค�ำ นวณเพอื่ เสียภาษีเงินได้นิตบิ ุคคล และยื่นแบบแสดงรายการภาษี เงินได้มูลนิธิหรือสมาคม ตามแบบ ภ.ง.ด.55 ภายใน 150 วนั นบั แตว่ ัน สุดท้ายของรอบระยะเวลาบญั ชี 1. รายได้ของมลู นิธหิ รือสมาคมที่จะตอ้ งเสยี ภาษีเงนิ ได้ รายได้ท่ีจะตอ้ งเสยี ภาษีเงินไดข้ องมลู นธิ ิหรอื สมาคม ไดแ้ ก่ รายได้ จากการประกอบกิจการ เช่น คา่ เชา่ รายไดจ้ ากการจำ�หน่ายสินคา้ และบริการ และรายไดจ้ ากทนุ เชน่ ดอกเบย้ี และเงนิ ปันผล เป็นตน้ มลู นิธิหรอื สมาคมจะต้องนำ�รายไดด้ งั กลา่ วมาค�ำ นวณภาษเี งินได้ นติ ิบุคคลตามอตั ราท่ีกฎหมายกำ�หนด โดยไมม่ กี ารหักค่าใช้จ่ายใดๆ ท้งั สิ้น 2. รายไดข้ องมูลนธิ หิ รือสมาคมที่ไดร้ ับยกเว้นภาษีเงินได้ มลู นธิ หิ รอื สมาคมทไ่ี มไ่ ดร้ ับการประกาศกำ�หนดให้เปน็ องค์การหรอื สถานสาธารณกุศล ตามมาตรา 47(7)(ข) แหง่ ประมวลรษั ฎากร จะได้รบั ยกเวน้ ไม่ตอ้ งน�ำ รายได้ดงั ต่อไปน้ีมาคำ�นวณภาษเี งินได้นติ บิ คุ คล ไดแ้ ก่ 1. ค่าลงทะเบยี นหรือคา่ บำ�รงุ ทไ่ี ด้จากสมาชิก 2. เงินหรอื ทรัพยส์ ินทีไ่ ด้รบั จากการบริจาค 3. เงินหรอื ทรพั ยส์ นิ ท่ีได้จากการใหโ้ ดยเสนห่ า 4. เงินได้จากกจิ การโรงเรยี นเอกชนของมูลนิธิหรอื สมาคม ซึง่ ได้ ก่อตัง้ ขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรยี นเอกชน แต่ไม่รวมถึงเงินได้จากการ ขายของ การรบั จา้ งทำ�ของ หรอื การให้บรกิ ารอ่นื ใดท่โี รงเรยี นเอกชนซงึ่ เป็นโรงเรยี นประเภทอาชวี ศึกษาได้รบั จากผซู้ ึง่ มใิ ชน่ กั เรยี น 12
//อัตราภาษแี ละการค�ำ นวณภาษี อัตราภาษี มลู นธิ หิ รอื สมาคมซ่งึ มีหน้าทีเ่ สียภาษีเงนิ ไดน้ ิติบุคคลจะต้องเสยี ภาษจี ากยอดรายรับกอ่ นหัก รายจ่ายในอตั รา ดงั น้ี (ก) เงินได้พงึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(1)-(7) แห่งประมวลรษั ฎากร เช่น เงนิ ได้จากดอกเบีย้ เงินปันผล ค่าเช่า ค่าสทิ ธิ คา่ นายหนา้ เป็นตน้ เสยี ภาษใี นอตั ราร้อยละ 10.0 (ข) เงนิ ไดพ้ งึ ประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร ซงึ่ ได้แกเ่ งนิ ได้จากธรุ กจิ การพาณชิ ย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนสง่ การขายอสงั หารมิ ทรัพย์ หรอื การอื่น ๆ นอกเหนือจาก (ก) เสยี ภาษใี นอตั รารอ้ ยละ 2.0 การค�ำ นวณภาษี เมอ่ื มูลนธิ ิหรือสมาคมมีรายไดจ้ ากการประกอบกจิ การจะต้องน�ำ รายได้ ซ่งึ ไมไ่ ด้ รบั ยกเว้นมาคำ�นวณภาษี โดยค�ำ นวณจากรายได้ก่อนหกั รายจ่าย คณู ดว้ ยอัตราภาษี ร้อยละ 10.0 หรอื ร้อยละ 2.0 แล้วแต่กรณี ผลทไ่ี ดเ้ ป็นภาษีทตี่ ้องเสยี การค�ำ นวณภาษีเงินไดน้ ติ บิ ุคคลของมูลนิธิหรือสมาคม จะต้องค�ำ นวณตาม รอบระยะเวลาบัญชเี ชน่ เดียวกบั “บริษทั หรอื หา้ งหนุ้ สว่ นนติ ิบุคคล” 14
ตวั อย่างการคำ�นวณภาษี สมาคม ก. มรี ายไดจ้ ากการประกอบกจิ การ และไมไ่ ดร้ บั ยกเว้นภาษเี งนิ ได้ นติ ิบุคคล ในปี 2555 สมาคมมีรายได้ ดงั นี้ (1) ค่าลงทะเบยี น 50,000 บาท (2) เงนิ ทไ่ี ด้รบั จากการบริจาค 120,000 บาท (3) ดอกเบย้ี เงินฝากธนาคาร 10,000 บาท (4) รายได้จากคา่ นายหนา้ 20,000 บาท (5) รายไดจ้ ากการขายหนงั สือ 10,000 บาท (6) รายได้จากการใหเ้ ช่าทรพั ยส์ ินของสมาคม 20,000 บาท (7) รายได้จากการจ�ำ หนา่ ยอาหารและเครือ่ งดื่ม 60,000 บาท การคำ�นวณภาษี (1) คา่ ลงทะเบยี น และ (2) เงนิ ทไ่ี ด้รบั จากการบริจาคไดร้ บั ยกเวน้ ไม่ต้องน�ำ มาเสยี ภาษีเงินได้ (3) ดอกเบีย้ เงินฝากธนาคาร อัตราภาษี 10% (10,000x10%) = 1,000 บาท (4) คา่ นายหนา้ อตั ราภาษี 10% (20,000x10%) = 2,000 บาท (5) ค่าจำ�หนา่ ยหนงั สือ อตั ราภาษี 2% (10,000x2%) = 200 บาท (6) ค่าเชา่ ทรพั ยส์ นิ อตั ราภาษี 10% (20,000x10%) = 2,000 บาท (7) คา่ จ�ำ หน่ายอาหารและเครื่องดื่ม อตั ราภาษี 2% (60,000x2%) = 1,200 บาท รวมภาษีท่ีตอ้ งเสีย = 6,400 บาท 15
// มูลนิธิหรอื สมาคมท่ีไดร้ ับการยกเว้นภาษี มูลนิธิหรือสมาคมท่รี ัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการคลัง ประกาศกำ�หนดให้ เปน็ องค์การหรือสถานสาธารณกุศล ตามมาตรา 47(7)(ข) แหง่ ประมวล รษั ฎากร จะได้รบั ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร ไม่ว่าจะมี รายได้จากกิจการประเภทใด และผบู้ รจิ าคไดร้ บั สทิ ธิ ดงั นี้ 1. บคุ คลธรรมดาบรจิ าคเงนิ ใหก้ บั มูลนิธหิ รอื สมาคม มสี ิทธนิ �ำ เงนิ บริจาค มาหกั เปน็ ค่าลดหย่อนได้ไมเ่ กินรอ้ ยละ 10 ในการคำ�นวณเงนิ ได้สุทธิ 2. บริษัทหรือหา้ งหนุ้ สว่ นนิติบุคคลบรจิ าคเงินหรอื ทรพั ย์สนิ ใหก้ ับมลู นธิ ิหรอื สมาคม มสี ิทธินำ�เงนิ หรอื ทรัพยส์ นิ ทีบ่ ริจาคในส่วนทไ่ี มเ่ กินรอ้ ยละ 2 ของ ก�ำ ไรสทุ ธิ มาหักเป็นรายจา่ ยในการค�ำ นวณกำ�ไรสุทธิ 3. ผปู้ ระกอบการจดทะเบยี นภาษีมูลค่าเพ่ิม ประเภทขายสนิ คา้ น�ำ สินคา้ ไป บริจาคใหก้ ับมูลนิธหิ รือสมาคม ผู้ประกอบกจิ การไดร้ บั ยกเวน้ ภาษีมูลคา่ เพมิ่ จึงไมต่ ้องเรยี กเกบ็ ภาษมี ลู ค่าเพิม่ จากมูลนิธหิ รอื สมาคม 16
// หลักเกณฑก์ ารพจิ ารณาประกาศ กำ�หนดใหเ้ ปน็ องคก์ ารหรอื สถานสาธารณกศุ ล มูลนิธิหรือสมาคมที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำ�หนดให้เป็น องคก์ ารหรอื สถานสาธารณกศุ ล จะไมอ่ ยูใ่ นบังคบั ตอ้ งเสยี ภาษีเงินได้นติ บิ ุคคล จะตอ้ งเข้าหลักเกณฑ์การพิจารณาตามประกาศกระทรวงการคลัง ว่าดว้ ยภาษี เงนิ ได้และภาษีมูลคา่ เพมิ่ (ฉบบั ท่ี 531)ฯ ลงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. “รายจา่ ยเพอื่ การกศุ ลสาธารณะ” หมายความว่า รายจา่ ยเพื่อประโยชน์ แก่สาธารณะในประเทศไทย เชน่ การสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ผู้ดอ้ ยโอกาส และหมายความ รวมถงึ รายจา่ ยเพือ่ การรณรงค์ สง่ เสรมิ หรอื ปลกู จิตส�ำ นึกต่อสงั คม การศกึ ษา ศาสนา วฒั นธรรม สงิ่ แวดลอ้ ม และรายจ่ายเพ่อื การสาธารณประโยชนแ์ ละรายจ่าย เพอื่ การศึกษา และรายจา่ ยเพือ่ การกฬี า ตามประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากร เก่ยี วกบั ภาษีเงนิ ได้ (ฉบบั ที่ 44) เรื่อง ก�ำ หนดรายจ่ายเพอื่ การสาธารณประโยชน์ รายจา่ ยเพือ่ การศกึ ษา และรายจา่ ยเพือ่ การกฬี า ตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวนั ที่ 9 กนั ยายน พ.ศ. 2535 2. มลู นิธิท่ีประสงคจ์ ะขอใหพ้ ิจารณาประกาศเปน็ องคก์ าร หรอื สถานสาธารณกุศล จะต้องมฐี านะเป็นนิติบคุ คล และมคี ำ�ขอเป็นลายลักษณ์อกั ษรย่ืนตอ่ กรมสรรพากร เพือ่ พิจารณาเสนอกระทรวงการคลัง 3. ช่อื มูลนิธจิ ะต้องไมเ่ ปน็ ชอ่ื การคา้ หรือเคร่ืองหมายการคา้ 4. มลู นธิ ิจะตอ้ งมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อการกศุ ลสาธารณะในประเทศไทยเทา่ น้ัน และ จะต้องไมม่ ีวตั ถปุ ระสงคใ์ ดวตั ถปุ ระสงค์หนึง่ ท่ีจะใหป้ ระโยชนเ์ ฉพาะแกบ่ คุ คล คณะบุคคล หรือหนว่ ยงานใดหน่วยงานหนง่ึ หรือเปน็ ส่วนใหญ่ 18
5. การด�ำ เนินงานของมูลนิธติ อ้ งเปน็ ไปตามวัตถปุ ระสงค์เทา่ น้นั และไมม่ ีการดำ�เนินงานของ คณะกรรมการมลู นิธเิ พอื่ หาประโยชน์สว่ นตวั และไมม่ ีการใชช้ ่ือมูลนิธเิ พื่อหาประโยชนส์ ่วนตวั 6. กรมสรรพากรจะตรวจสอบเอกสารหลกั ฐานตา่ งๆ เก่ยี วกบั การด�ำ เนนิ งานของมลู นิธิ น้นั กอ่ น เชน่ งบดุลและบญั ชีรายได้รายจ่ายซึง่ มผี สู้ อบบัญชีรบั รองแล้ว โดยจะตรวจสอบ ยอ้ นหลงั หนง่ึ รอบระยะเวลาบัญชี ถ้าปรากฏดงั ต่อไปนี้ จะไม่ประกาศก�ำ หนดให้เปน็ องคก์ าร หรอื สถานสาธารณกศุ ล 6.1รายไดข้ องมูลนิธไิ ดน้ �ำ ไปเปน็ รายจ่ายเพ่อื การกศุ ลสาธารณะนอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 60 ของรายได้ทง้ั สิน้ ในหน่ึงรอบระยะเวลาบัญชที ่แี ลว้ มา หรอื รายไดเ้ ฉพาะดอกผลของมลู นธิ ิ ไดน้ ำ�ไปเปน็ รายจ่ายเพ่ือการกศุ ลสาธารณะน้อยกวา่ รอ้ ยละ 60 ของรายไดด้ อกผลในหนงึ่ รอบระยะเวลาบญั ชีทแ่ี ลว้ มา กรณีตราสารจดั ตง้ั ระบุว่า ใหน้ ำ�ดอกผลมาเปน็ รายจ่ายเทา่ นนั้ เวน้ แต่กรณมี ีเหตุจ�ำ เป็นต้องเก็บสะสมรายได้ เพอ่ื ด�ำ เนนิ การตามโครงการตามวตั ถปุ ระสงค์ ของมลู นิธิ 6.2 รายไดข้ องมูลนิธิจะตอ้ งมใิ ช่เป็นการไดม้ าจากการซ้ือขายหรอื การให้บริการ โดย มีคา่ ตอบแทนเปน็ ปกตธิ รุ ะ เวน้ แต่การซื้อขายหรือการให้บรกิ ารนน้ั เกีย่ วข้องกบั การศาสนา การศกึ ษา การสถานพยาบาล หรอื การสงั คมสงเคราะห์ และไมน่ ำ�รายได้ดงั กล่าวไปจา่ ย ในทางอืน่ 6.3 รายจ่ายของมูลนธิ เิ ป็นรายจ่ายเพอ่ื การกศุ ลสาธารณะน้อยกวา่ รอ้ ยละ 65 ของรายจา่ ยทงั้ สิน้ ในหนึง่ รอบระยะเวลาบญั ชที ีแ่ ล้วมา 6.4 รายจ่ายเพ่อื การกศุ ลสาธารณะของมูลนิธติ อ้ งกระจายเป็นการท่ัวไป 7. มลู นธิ ิทจ่ี ดั ต้ังขึ้นยังไม่ครบ 1 ปี จะไม่พิจารณาประกาศให้ 8. องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรอื สถานศกึ ษาใดที่มไิ ดม้ ีฐานะเป็นมูลนิธิ จะไม่พจิ ารณาประกาศให้ เว้นแต่จะมีวัตถุประสงค์และการด�ำ เนินงานเช่นเดียวกับมูลนธิ ิ จะพจิ ารณาประกาศใหเ้ ป็นราย ๆ ไป ในหลักเกณฑ์เดยี วกนั หรอื ตามทเ่ี ห็นสมควร 19
9. มลู นธิ ิ องคก์ าร สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรือ สถานศึกษาใดท่ีไม่เขา้ หลกั เกณฑ์ ตามข้อ 2 ถึงข้อ 8 จะไมป่ ระกาศให้ เวน้ แตร่ ัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการคลังจะพิจารณาเห็นสมควร 10. มลู นิธิ องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรอื สถานศกึ ษา ทไี่ ดร้ ับการประกาศให้เป็นองค์การหรอื สถานสาธารณกศุ ลแล้ว เวน้ แต่ สภากาชาดไทย วดั วาอาราม และสถานพยาบาล หรอื สถานศกึ ษาขององค์การ ของรฐั บาล จะตอ้ งปฏิบตั ดิ งั ตอ่ ไปน้ี 10.1 ใบรบั ท่อี อกใหแ้ กบ่ ุคคล คณะบุคคล หรอื หน่วยงานใดหนว่ ยงานหน่ึง ซ่งึ บริจาคเงนิ หรือทรัพยส์ ิน ให้ระบลุ �ำ ดบั ที่ได้รับการประกาศดว้ ย 10.2 สง่ รายงานการประชมุ ใหญ่ งบดุล และบญั ชีรายไดร้ ายจา่ ย พรอ้ มทั้งรายงานการดำ�เนนิ งานของกิจการส�ำ หรับรอบระยะเวลาบัญชที ี่ผ่านมา ใหก้ รมสรรพากรทราบภายใน 150 วนั นับแตว่ ันส้นิ รอบระยะเวลาบญั ชี โดย ย่นื ผ่านสำ�นกั งานสรรพากรพื้นทท่ี ่อี งคก์ ารหรือสถานสาธารณกุศลน้ันตง้ั อยู่ 11. มูลนิธิ องค์การ สถานสาธารณกศุ ล สถานพยาบาล หรอื สถานศกึ ษาที่ได้รับ การประกาศใหเ้ ปน็ องคก์ ารหรือสถานสาธารณกศุ ลแล้ว ให้สำ�นักงานสรรพากรภาค ท่อี งค์การหรอื สถานสาธารณกศุ ลนั้นตั้งอยู่ ด�ำ เนินการตรวจสอบเอกสาร หลกั ฐาน เก่ยี วกบั ผลการด�ำ เนินงาน หากปรากฏว่า ผลการดำ�เนนิ งานเข้าลักษณะดังตอ่ ไปน้ี โดยไม่มเี หตอุ นั สมควร ให้แจ้งผลการตรวจสอบใหก้ รมสรรพากรทราบ เพ่ือพจิ ารณา เสนอกระทรวงการคลังเพิกถอนการประกาศตอ่ ไป ทง้ั น้ี ให้มีผลต้ังแต่รอบระยะเวลา บัญชถี ัดจากรอบระยะเวลาบัญชีท่ีประกาศเพิกถอนในราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ต้นไป 11.1 การด�ำ เนินงานขององคก์ ารหรอื สถานสาธารณกศุ ล ไมต่ รงตาม วตั ถุประสงค์ หรอื มีการใชช้ ่ือมลู นธิ ิด�ำ เนินการเพื่อหาประโยชน์ส่วนตัว 11.2 รายไดข้ ององคก์ ารหรือสถานสาธารณกุศล ไดน้ ำ�ไปเปน็ รายจ่ายเพ่อื การกุศลสาธารณะนอ้ ยกว่าร้อยละ 60 ของรายไดท้ ั้งสน้ิ ในสามรอบระยะเวลาบัญชที ่ี แลว้ มา หรอื รายได้เฉพาะดอกผลขององค์การหรือสถานสาธารณกุศล ได้นำ�ไปเป็น รายจา่ ยเพื่อการกศุ ลสาธารณะน้อยกวา่ ร้อยละ 60 ของรายได้ดอกผลในสามรอบ ระยะเวลาบัญชที ่ีแล้วมา กรณีตราสารจัดตัง้ ระบวุ า่ ใหน้ ำ�ดอกผลมาเป็นรายจ่าย 20
เท่านัน้ เว้นแตก่ รณมี เี หตจุ �ำ ต้องเกบ็ สะสมรายได้ เพือ่ ด�ำ เนินการตามโครงการตาม วตั ถุประสงค์ของมูลนิธิ 11.3 รายจ่ายขององค์การหรือสถานสาธารณกศุ ล เปน็ รายจ่ายเพ่อื การ กศุ ลสาธารณะนอ้ ยกวา่ ร้อยละ 65 ของรายจ่ายทั้งสน้ิ ในแต่ละรอบระยะเวลาบญั ชี และรายจ่ายดงั กลา่ ว ได้นำ�ไปเป็นรายจ่ายเพ่อื การกุศลสาธารณะนอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 75 ของรายจา่ ยทงั้ สิ้นในสามรอบระยะเวลาบัญชที แี่ ลว้ มา เว้นแต่กรณีมีเหตอุ นั สมควร 11.4 รายจา่ ยเพอื่ การกศุ ลสาธารณะขององคก์ ารหรือสถานสาธารณกุศล ไม่กระจายเปน็ การท่ัวไป และรายไดข้ องมูลนธิ ิได้มาจากการซ้ือขายหรือการให้บริการ โดยมีค่าตอบแทนเปน็ ปกตธิ รุ ะ เว้นแต่การซ้อื ขายหรอื การให้บรกิ ารนั้น เกย่ี วขอ้ ง กับการศาสนา การศกึ ษา การสถานพยาบาล หรือการสงั คมสงเคราะห์ และไมน่ ำ� รายไดด้ งั กลา่ วไปจา่ ยในทางอน่ื 11.5 องคก์ ารหรอื สถานสาธารณกุศลไม่ปฏบิ ตั ิตามขอ้ 10 12. องคก์ ารหรอื สถานสาธารณกุศลที่ถูกเพิกถอนการประกาศแล้ว หากประสงค์ จะขอให้พิจารณาประกาศเปน็ องค์การหรอื สถานสาธารณกศุ ลใหม่ สามารถย่นื คำ�ขอ ไดเ้ มื่อพ้นสามรอบระยะเวลาบญั ชี นบั แต่รอบระยะเวลาบญั ชีถดั จากรอบระยะเวลาบญั ชี ที่ประกาศเพิกถอนในราชกจิ จานุเบกษาเป็นตน้ ไป 21
// การขอให้ประกาศเปน็ องค์การหรือ สถานสาธารณกุศล การขอให้พิจารณาเป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลตามประกาศ กระทรวงการคลัง หากมขี ้อสงสยั เก่ียวกบั การเสียภาษีเงินไดข้ องมลู นิธิหรือสมาคม สามารถติดต่อสอบถามข้อมลู เพิ่มเติมไดท้ ีห่ น่วยงานสรรพากรพนื้ ท่ี ท่ีสถานประกอบการต้ังอยู่ โดยมลู นิธิหรือสมาคมทป่ี ระสงค์จะขอให้ พิจารณาประกาศกำ�หนดเปน็ องค์การหรือสถานสาธารณกศุ ล สามารถ ยืน่ คำ�ขอเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษรพร้อมกับแนบเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับ การด�ำ เนนิ งานของมลู นิธหิ รือสมาคม ตามหลกั เกณฑ์ท่กี ำ�หนดตาม ประกาศกระทรวงการคลัง วา่ ด้วยภาษเี งนิ ได้และภาษมี ูลคา่ เพม่ิ (ฉบับท่ี 531) ฯ ลงวนั ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ต่ออธิบดีกรมสรรพากร อาคารกรมสรรพากร เลขท่ี 90 ซอยพหลโยธนิ 7 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 เพ่ือเสนอกระทรวง การคลังพิจารณาประกาศกำ�หนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ตอ่ ไป หรอื โทรศพั ทส์ อบถามได้ท่ีหมายเลข 1161 23
//รายช่ือมูลนิธิหรือสมาคมท่ีได้รับการประกาศ ก�ำ หนดให้เป็นองค์การหรอื สถานสาธารณกศุ ล ตามมาตรา47(7)(ข) แหง่ ประมวลรษั ฎากร รายช่ือมูลนิธิหรือสมาคมท่ีได้รับการประกาศกำ�หนดให้เป็นองค์การหรอื สถานสาธารณกุศล ตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร สามารถดูรายละเอียดได้จากประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วย ภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2) ทางอินเทอร์เน็ตเว็บไซต์ ของกรมสรรพากร ท่ี www.rd.go.th หวั ข้อ บรกิ ารขอ้ มลู 25
เอกสารเผยแพร่ : มลู นิธิหรอื สมาคม กรมสรรพากร THE REVENUE DEPARTMENT เตม็ ท่ี เตม็ ใจ ให้ประชาชน www.rd.go.th RD Call Center : 1161
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: