Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภาษีการรับมรดก

ภาษีการรับมรดก

Published by audamnat.rd, 2020-06-24 04:19:20

Description: ภาษีการรับมรดก

Keywords: tax

Search

Read the Text Version

ÀÒÉÕ¡ÒÃÃѺÁô¡ โดย: อ.สุเทพ พงษพ์ ิทักษ์ ที่มา : http://www.taxguruthai.com/topic ภาษีการรับมรดก (Inheritance Tax) เป็นไปตามพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 ซึ่ง มีผลใช้บังคับตั้งแต่ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไป โดยมีหลักการที่สำคัญ คือ ÃѰºÒžԨÒóÒàËç¹Ç‹Ò ¡Òà ¶‹ÒÂâ͹·ÃѾÊÔ¹â´Â·Ò§Áô¡ã¹»˜¨¨ØºÑ¹ä´ŒÃѺ¡ànj¹äÁ‹µŒÍ§àÊÕÂÀÒÉÕà§Ô¹ä´ŒºØ¤¤Å¸ÃÃÁ´Ò äÁ‹Ç‹Ò ·ÃѾÊÔ¹¨ÐÁÕ¨íҹǹÁÒ¡¹ŒÍÂà¾Õ§㴠¡‹Íãˌà¡Ô´¤ÇÒÁäÁ‹à»š¹¸ÃÃÁã¹Êѧ¤Á ¨Ö§àËç¹ÊÁ¤Ç÷èըР¨Ñ´à¡çºÀÒÉÕ¨Ò¡¡ÒÃÃѺÁô¡·ÕèÁÕÁÙŤ‹Ò¨íҹǹÁÒ¡µÒÁÍѵÃÒáÅШíҹǹ·èÕÊÁ¤Çà à¾×è͹íÒ仾Ѳ¹Ò »ÃÐà·ÈáÅСÃдѺ¡ÒôíÒçªÕÇÔµ¢Í§»ÃЪҪ¹·èÕÂÒ¡äÌãˌ´Õ¢Öé¹ ·éѧ¹éÕ â´ÂÁÔãˌ¡Ãзº¶Ö§¼ŒÙ·èÕ䴌ÃѺÁô¡ ¾ÍÊÁ¤ÇÃá¡¡‹ ÒôíÒçª¾Õ ซ่ึงในที่นีจ้ ะไดน้ ำภาษีการรับมรดกมากล่าวตามโครงสร้างกฎหมายภาษอี ากรดงั ต่อไปนี้ 1. หลักการทัว่ ไปภาษกี ารรับมรดก 2. ผู้มีหน้าท่เี สยี ภาษีการรบั มรดก 3. วธิ ีการคำนวณภาษกี ารรับมรดก 4. วิธีการเสียภาษีการรับมรดก 5. การยกเว้นภาษกี ารรบั มรดก 6. การขอคนื ภาษีการรับมรดก 7. หน้าทอ่ี นื่ ทางภาษกี ารรบั มรดก 8. การขจัดขอ้ โต้แย้งทางภาษกี ารรับมรดก 9. บทกำหนดโทษ 10. บทสรุป อน่งึ บทบญั ญัติทอี่ า* งถึงในบทความนี้ ถา* มิได*แสดงให*เหน็ เป=นอย?างอน่ื ให*หมายความถงึ บทบญั ญตั ิแหง? พระราชบญั ญตั ภิ าษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 1. หลกั การทั่วไปภาษกี ารรบั มรดก 1.1 ภาษกี ารรบั มรดกเปน็ ภาษที างตรง (Direct Tax) เพราะเป็นภาษีทมี่ งุ่ จดั เก็บจากผ้มู ีเงนิ ได้จากการรับ มรดกโดยตรง ทผี่ ้มู ีหนา้ ที่เสยี ภาษกี ารรับมรดกไมอ่ าจผลกั ภาระภาษไี ปยงั บุคคลอ่นื ได้ เสมือนหนึ่งเปน็ ภาษีเงนิ ไดอ้ กี ประเภทหน่งึ นั่นเอง 1.2 ภาษีการรบั มรดกเปน็ ภาษอี ากรประเมิน ซ่งึ กำหนดใหผ้ ูม้ หี นา้ ทเี่ สียภาษีมีหน้าท่ียน่ื รายการประเมิน ตนเอง (Self-assessment) และใหเ้ จา้ พนกั งานประเมิน สังกดั กรมสรรพากร เปน็ ผู้ประเมินความ ถูกต้องครบถ้วนของการเสียภาษีและการปฏิบตั ิหนา้ ที่ทางภาษีการรับมรดก (Authoritative Assessment)

1.3 หลักการจัดเกบ็ ภาษกี ารรบั มรดก 1.3.1 ภาษีการรบั มรดกจัดเกบ็ จากบุคคลธรรมดาทมี่ ีสญั ชาติไทย หรอื มถี ิ่นทอี่ ย่ใู นประเทศไทย หรอื ไดร้ ับมรดกอันเป็นทรพั ยส์ นิ ทอี่ ยู่ในประเทศไทย ซ่ึงเปน็ ผู้รบั ทรัพยม์ รดกที่มลู ค่าเกนิ กว่าท่ี กฎหมายยกเว้น ได้แก่ มรดกที่ไดร้ ับมาจากเจา* มรดกแตล? ะรายรวมกันในสว่ นท่ีมีมูลค่าเกนิ 100 ล้านบาท ขน้ึ ไป (มาตรา 12) 1.3.2 ภาษีการรับมรดกไม#ใชบ& ังคับแก่ (1) มรดกทเ่ี จ*ามรดกตายก?อนวนั ที่ 1 กมุ ภาพนั ธM พ.ศ. 2559 ซง่ึ เปน็ วันท่พี ระราชบญั ญตั ภิ าษี การรบั มรดก พ.ศ. 2558 มีผลใช้บังคับ (2) มรดกทคี่ สู? มรสของเจ*ามรดกได*รบั จากเจ*ามรดก (มาตรา 3) 1.4 ภาษกี ารรบั มรดกได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดาตามมาตรา 42 (10) แห่งประมวลรษั ฎากร และ นับแต่วนั ที่ใช้บังคับภาษกี ารรบั มรดก (Ç¹Ñ ·èÕ 1 ¡ØÁÀÒ¾¹Ñ ¸ ¾.È. 2559) ให้จดั เก็บภาษีเงนิ ได้ บคุ คลธรรมดาจากการรบั ให้โดยเสนห่ า หรอื จากการอุปการะโดยหนา้ ทีธ่ รรมจรรยาตามหลักเกณฑ์ วิธกี าร เง่ือนไข และอัตราตามทีก่ ำหนดในประมวลรัษฎากร (พระราชบญั ญัติแกไ้ ขเพม่ิ ประมวลรษั ฎากร (ฉบบั ท่ี 40) พ.ศ. 2558) 1.5 ภาษีการรับมรดกจัดเก็บโดยกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง 1.6 พระราชบญั ญัตภิ าษกี ารรบั มรดก พ.ศ. 2558 มีผลใช้บังคับเมอ่ื พ้นกำหนด 180 วนั นับแต่วนั ประกาศ ในราชกจิ จานุเบกษา (วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คอื 5 สิงหาคม 2558) ไดแ้ ก่ วนั ที่ 1 กมุ ภาพันธ์ 2559 (มาตรา 2) 2. ผูม้ หี นา้ ทเี่ สยี ภาษกี ารรับมรดก 2.1 ใหบ้ ุคคลผ้ไู ดร้ ับมรดก ซง่ึ มูลคา่ มรดกทีไ่ ด้รับมาจากเจ้ามรดกแต่ละรายรวมกนั เฉพาะในสว่ นทม่ี ีมลู คา่ เกินกว#า 100 ลา& นบาท ข้นึ ไป ดงั ต่อไปนีเ้ ปน็ ผมู้ ีหนา้ ท่ีเสยี ภาษกี ารรบั มรดก (มาตรา 11) 2.1.1 บุคคลผูม้ สี ญั ชาติไทย ในกรณีท่ผี ูไ้ ดร้ บั มรดกเป็นนติ บิ ุคคล ใหถ้ ือวา่ นติ บิ ุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย หรือจัดตั้ง ข้ึนโดยกฎหมายไทย หรือมีผมู้ ีสญั ชาติไทยถอื หนุ้ เกนิ รอ้ ยละ 50 ของทุนจดทะเบียนที่ชําระ แลว้ ในขณะมสี ทิ ธไิ ด้รับมรดก หรอื มีผู้มสี ัญชาตไิ ทยเปน็ ผู้มอี ำนาจบริหารกิจการเกนิ ก่ึงหนึ่งของ คณะบุคคลซงึ่ มอี ำนาจบริหารกิจการท้งั หมด เปน็ บุคคลผู้มสี ัญชาตไิ ทย 2.1.2 บคุ คลธรรมดาผ้มู ไิ ดม้ สี ัญชาตไิ ทย แต่ (1) ม¶ี èÔ¹·èÕÍÂًã¹ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ õÒÁ¡®ËÁÒÂNjҴnj ¤¹à¢ÒŒ àÁ×ͧ หรอื (2) ได้รบั มรดกอนั เปน็ ·ÃÑ¾ÂÊ¹Ô ·èÕÍÂً㹻ÃÐà·Èä·Â ถา้ ในขณะทีเ่ จา้ มรดกถงึ แกค่ วามตาย ทรัพย์สินท่เี ป็นมรดกเปน็ ทรัพย์สินที่อยู่ใน ประเทศไทย แม้ภายหลงั จะเปล่ยี นสภาพอยา่ งใด กใ็ ห้ถอื ว่าเปน็ ทรพั ยส์ ินทอี่ ยู่ในประเทศไทย และผู้ไดร้ บั มรดกนั้นยงั มีหนา้ ทตี่ อ้ งเสียภาษีตามมาตรา 12 อยา่ งไรก็ตาม รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี ÍҨŴ หรอื ¡ànj¹ภาษกี ารรบั มรดกแก่บคุ คลตามสญั ญาหรือความ

ตกลงเพื่อการเวน้ การเก็บภาษซี ้อนเกีย่ วกับการรบั มรดกท่รี ฐั บาลไทยได้ทำไวก้ ับรัฐบาล ต่างประเทศ ท้ังนี้ โดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา 2.2 ผไู้ ดร้ ับมรดกจากเจา้ มรดกแต่ละราย äÁNj ҋ ¨Ðä´ŒÃºÑ ÁÒ㹤ÃÒÇà´ÕÂÇËÃ×ÍËÅÒ¤ÃÒÇ ถา้ Áô¡·äÕè ´ÃŒ ºÑ ÁҨҡ਌ÒÁô¡áµ‹ÅÐÃÒÂÃÇÁ¡Ñ¹ÁÕÁÙŤ‹Òà¡Ô¹ 100 ÅҌ ¹ºÒ· ตอ้ ง เสียภาษีการรับมรดกเฉพาะส่วนที่เกิน 100 ลา้ นบาท (มาตรา 12) มูลค่ามรดก หมายถึง มลู ค?าของทรพั ยสM ินท้งั ส้นิ ที่ได*รับเป=นมรดก หักด้วยภาระหน้สี ินอนั ตก ทอดมาจากการรบั มรดกน้นั โดยใหม้ กี ารพจิ ารณาทบทวนมลู คา่ มรดกดงั กล่าวทุก 5 ปี โดยนำอตั รา การเปลีย่ นแปลงดัชนรี าคาผูบ้ ริโภคทีก่ ระทรวงพาณิชยค์ ำนวณเพ่ือใชใ้ นราชการในรอบระยะเวลานนั้ มา ประกอบการพจิ ารณาด้วยโดยการกาํ หนดมูลค่ามรดกข้นึ ใหม่ ใหตŒ ราเปšนพระราชกฤษฎกี า 2.3 บุคคลทีไ่ ดร้ ับยกเวน้ ภาษีการรับมรดกตามมาตรา 13 ได้แก่ บคุ คลทีบ่ ทบญั ญตั ใิ นมาตรา 12 ไมใ่ ช้ บงั คบั ประกอบด้วย 2.3.1 ผู้ทีไ่ ดร้ ับมรดกจากเจา้ มรดกที่ตายกอ่ นวนั ทพี่ ระราชบัญญตั ิภาษกี ารรับมรดก พ.ศ. 2558 มีผล ใชบ้ ังคับ ไดแ้ ก่ การรบั มรดกกอ? นวันที่ 1 กมุ ภาพนั ธM 2559 2.3.2 คสู่ มรสของเจ้ามรดก 2.3.3 บุคคลผไู้ ดร้ บั มรดกท่เี จา้ มรดกแสดงเจตนาหรือเห็นได้วา่ มคี วามประสงคใ์ หใ้ ช้มรดกน้ันเพอื่ ประโยชน์ในกิจการศาสนา กิจการศึกษา หรอื กจิ การสาธารณประโยชน์ 2.3.4 หน่วยงานของรฐั และนติ ิบุคคลท่ีมีวัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือกจิ การศาสนา กิจการศกึ ษา หรือกิจการ สาธารณประโยชน์ 2.3.5 บคุ คลหรือองคก์ ารระหวา่ งประเทศตามข้อผูกพันทีป่ ระเทศไทยมอี ยู่ตอ่ องคก์ ารสหประชาชาติ หรือตามกฎหมายระหวา่ งประเทศ หรอื ตามสญั ญาหรอื ตามหลกั ถ้อยทีถ้อยปฏิบัติตอ่ กันกบั นานาประเทศ ทัง้ น้ี เฉพาะตามประเภทหรอื รายชือ่ ทีก่ ำหนดในกฎกระทรวง โดยในกฎกระทรวงดังกล่าวจะ กำหนดหลกั เกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีตรวจสอบตดิ ตามไวด้ ว้ ยก็ได้ 3. วิธีการคำนวณภาษกี ารรบั มรดก 3.1 ฐานภาษกี ารรบั มรดก 3.1.1 มรดกซ่ึงต้องเสยี ภาษี ไดแ้ ก่ ทรัพยส์ นิ ดงั ตอ่ ไปน้ี (มาตรา 14) (1) อสงั หารมิ ทรัพย์ (2) หลกั ทรพั ยต์ ามกฎหมายว่าดว้ ยหลักทรัพย์และตลาดหลกั ทรพั ย์ (3) เงนิ ฝากหรอื เงินอ่ืนใดท่มี ีลักษณะอย?างเดียวกนั ที่เจา้ มรดกมีสิทธิเรียกถอนคนื หรอื สิทธิ เรยี กรอ้ งจากสถาบนั การเงนิ หรอื บุคคลทไ่ี ด้รบั เงนิ นัน้ ไว้ (4) ยานพาหนะทีม่ หี ลักฐานทางทะเบียน (5) ทรพั ยส์ ินทางการเงินทก่ี ำหนดเพมิ่ ข้ึนโดยพระราชกฤษฎีกา

กรณผี ไ&ู ด&รบั มรดกเป:นบคุ คลผมู& สี ญั ชาตไิ ทย และบุคคลธรรมดาผู&มไิ ด&มสี ญั ชาตไิ ทย แตม# ถี ่นิ ที่อย#ใู น ราชอาณาจกั รตามกฎหมายว#าดว& ยคนเข&าเมอื ง ใหเ& สยี ภาษจี ากทรพั ยสN นิ ทั้งท่ีอยู่ในประเทศไทยและนอกประเทศไทย และกรณีผ&ไู ดร& ับมรดกเป:นบคุ คลผ&มู ไิ ดม& ีสญั ชาติไทย แต#ได&รับมรดกอนั เปน: ทรัพยNสินทอี่ ย#ใู นประเทศไทย ãËàŒ ÊÂÕ ÀÒÉÕ à©¾ÒШҡ·Ã¾Ñ ÊÔ¹·ÕèÍ‹Ùã¹»ÃÐà·Èä·Â ตารางแสดงผไู้ ดร้ บั มรดกและทรัพยส์ นิ มรดกท่ไี ด้รบั ที่ต้องเสยี ภาษกี ารรบั มรดก ผไ#ู ดร# ับมรดก เสียภาษกี ารรบั มรดกจากทรัพย5สิน ทอ่ี ย:ูในประเทศไทย ท่ีอยูน: อกประเทศไทย · บุคคลผมู้ ีสญั ชาตไิ ทย PP · บุคคลธรรมดาผ้มู ไิ ด้มีสญั ชาติไทย แต่มถี นิ่ ท่ี P P อยู่ในราชอาณาจักร · บุคคลผูม้ ิไดม้ ีสัญชาตไิ ทย P- 3.1.2 ทรพั ยส์ ินใดเป็นทรพั ยส์ นิ ทอ่ี ยูใ่ นประเทศไทยใหเ้ ป็นไปตามทก่ี ำหนดในกฎกระทรวงกำหนด ทรัพย์สินทอี่ ยู่ในประเทศไทยซ่งึ ต้องเสยี ภาษีการรบั มรดก พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 5 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2559 ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) อสงั หารมิ ทรพั ย์ท่ตี ง้ั อยูใ่ นประเทศไทย (2) หลกั ทรัพยท์ อ่ี อกโดยนติ บิ ุคคลทีจ่ ดทะเบียนในประเทศไทยหรือจดั ตง้ั ขึ้นตามกฎหมายไทย (3) เงนิ ฝากหรือเงินอืน่ ใดท่ีมลี ักษณะอยา่ งเดียวกันซึ่งอยู่ในประเทศไทย ที่เจ้ามรดกมสี ิทธเิ รยี ก ถอนคนื หรือมสี ทิ ธิเรียกร้องจากสถาบนั การเงนิ หรอื บคุ คลทีไ่ ด้รับเงินน้ันไว้ (4) ยานพาหนะที่จดทะเบยี นในประเทศไทย 3.2 การคํานวณมลู ค:าของทรพั ย5สินใหถ้ ือตามราคาหรอื มูลค่าอันพึงมีในวนั ทีไ่ ด้รบั ทรพั ย์สินนนั้ เป็นมรดก ดงั ต่อไปน้ี (มาตรา 15) 3.2.1 กรณเี ป'นอสงั หาริมทรพั ย4 ให้ถอื เอาตามราคาประเมนิ ทนุ ทรัพยข์ องอสงั หารมิ ทรัพย์เพื่อเรียกเก็บ คา่ ธรรมเนียมจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนติ กิ รรมตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ หักดว้ ยภาระทถ่ี กู รอนสิทธติ ามหลักเกณฑท์ ่ี กำหนดในกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑก์ ารหักภาระทถ่ี กู รอนสิทธิในการคำนวณมูลคา่ อสงั หาริมทรัพยท์ เ่ี ป็นมรดก พ.ศ. 2559 ดังน้ี “ภาระทถ่ี ูกรอนสิทธ”ิ หมายความวา่ ภาระจํายอม สิทธิอาศยั สทิ ธิเหนือพ้นื ดนิ สทิ ธิเก็บกนิ ภาระติดพนั ใน อสงั หาริมทรัพยM รวมถึงสญั ญาเชา? อสังหาริมทรัพยทM ี่มีการชําระค?าตอบแทนเปน= การล?วงหนา* ตลอดระยะเวลาของการเช?า ท่ตี กติดมากบั อสงั หาริมทรัพยMอนั เปน= มรดกทีต่ *องเสียภาษกี ารรบั มรดก “ค่าตอบแทน” หมายความวา่ เงนิ ท่ไี ด้รบั ลว่ งหนา้ หรอื เงินอืน่ ที่มีลกั ษณะทำนองเดยี วกนั เพ่ือเปน็ การตอบ แทนจากภาระที่ถูกรอนสิทธติ ลอดระยะเวลาของภาระดงั กล่าว

(1) การคำนวณหามูลคา่ ของภาระทถ่ี ูกรอนสทิ ธกิ รณมี รดกที่ต้องเสยี ภาษเี ปน็ อสงั หารมิ ทรพั ยท์ ี่มภี าระที่ ถูกรอนสทิ ธิ โดยเจา้ มรดกมไิ ดร้ บั ค่าตอบแทนจากภาระทีถ่ ูกรอนสิทธนิ ั้น ให้นาํ มูลคา่ ของอสังหาริมทรัพย์ดงั กลา่ ว คณู ดว้ ยอตั ราสว่ นลดตามจํานวนปที ีผ่ ้ไู ด้รับมรดกจะไม่ไดใ้ ช้ประโยชนจ์ ากอสังหารมิ ทรัพย์นั้นนบั ต้งั แตว่ นั ท่ีไดร้ ับ มรดก ดงั ตอ่ ไปน้ี (ขอ้ 3 ของกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์การหกั ภาระที่ถกู รอนสทิ ธิในการคำนวณมูลค่า อสังหารมิ ทรัพย์ท่เี ปน็ มรดก พ.ศ. 2559) จำนวนปี อตั ราสว่ นลด (ร้อยละ) น้อยกว่า 1 ปี 1.00 1.97 1 2.91 2 3.83 3 4.72 4 5.58 5 6.42 6 7.23 7 8.02 8 8.79 9 9.53 10 10.25 11 10.95 12 11.64 13 12.30 14 12.94 15 13.56 16 14.17 17 14.75 18 15.32 19 15.88 20 16.42 21 16.94 22 17.44 23 17.94 24 18.41 25 18.88 26 19.33 27 19.76 28 20.19 29 20.60 30 21.00 31 21.39 32

อตั ราสว่ นลด(รอ้ ยละ) 21.77 จำนวนปี 33 22.13 34 22.49 35 22.83 36 23.17 37 38 23.49 39 23.80 40 24.12 41 24.41 42 43 24.70 44 24.98 45 25.25 46 25.52 47 48 25.78 49 26.03 50 ปขี น้ึ ไป 26.27 26.50 26.73 (2) การคำนวณหามูลคา่ ภาระทถ่ี กู รอนสทิ ธิกรณีมรดกทีต่ ้องเสียภาษีเป็นอสงั หาริมทรพั ย์ทม่ี ีภาระทีถ่ ูก รอนสทิ ธิ โดยเจา้ มรดกไดร้ ับคา่ ตอบแทนจากภาระท่ีถกู รอนสทิ ธนิ น้ั ให้นําค่าตอบแทนทพี่ ึงคาํ นวณไดค้ ูณดว้ ยอตั รา สว่ นลดตาม (1) คา่ ตอบแทนทพ่ี ึงคำนวณไดต้ ามวรรคหนงึ่ หมายถึง คา่ ตอบแทนเฉลีย่ เป็นรายปตี ามระยะเวลาท่ถี ูก รอนสทิ ธิ คูณด้วยระยะเวลาท่ีผู้ได้รบั มรดกจะไม่ได้ใชป้ ระโยชน์จากอสังหาริมทรัพยน์ ั้นนบั ตัง้ แตว่ นั ทไี่ ด้รบั มรดก (ขอ้ 4 ของกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑก์ ารหักภาระท่ีถูกรอนสิทธิในการคำนวณมลู คา่ อสงั หาริมทรพั ย์ท่เี ปน็ มรดก พ.ศ. 2559) 3.2.2 กรณีเปน็ หลักทรพั ยท์ ่ีจดทะเบยี นในตลาดหลักทรัพย์แหง่ ประเทศไทย ให้ถอื เอาราคาของหลักทรพั ยน4 ้ันใน เวลาส้นิ สุดเวลาทาํ การของตลาดหลกั ทรัพย4ในวันทไี่ ดAรับมรดก

3.2.3 การคำนวณมูลค่าของอสงั หาริมทรพั ยซ์ ่ึงต้งั อยู่ในต่างประเทศ ให้คำนวณตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปน้ี (1) กรณีอสังหารมิ ทรัพย์ตงั้ อยู่ในประเทศซงึ่ มรี าคาประเมินในการจดทะเบียนสทิ ธิและนิตกิ รรม ให้ ถือเอาตามราคาประเมนิ ทุนทรพั ย์ของอสังหารมิ ทรัพยเ์ พื่อเรียกเกบ็ คา่ ธรรมเนียมจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนิตกิ รรมตาม กฎหมายของประเทศนั้น (2) กรณอี สังหาริมทรพั ยต์ ้ังอยูใ่ นประเทศซึ่งไมม่ รี าคาประเมินในการจดทะเบียนสิทธแิ ละนิตกิ รรมตาม (1) ให้ใชร้ าคาทร่ี ับรองโดยหน่วยงานหรือองคก์ รที่ไดร้ ับการรับรองหรือความเห็นชอบให้เป็นผู้มสี ทิ ธปิ ระเมินราคา อสังหารมิ ทรัพยใ์ นประเทศทอ่ี สงั หาริมทรัพยน์ น้ั ต้งั อยู่ (3) ¡Ã³ÕÍè¹× นอกจาก (1) และ (2) ãË㌠ªÃŒ Ò¤ÒµÅÒ´ã¹Çѹ·Õäè ´ÃŒ ѺÁô¡¹éѹ (ขอ้ 2 ของกฎกระทรวงกำหนดหลกั เกณฑ์การคำนวณมูลค่าของทรพั ยส์ นิ ทีต่ ้องเสยี ภาษีการรบั มรดก พ.ศ. 2559) 3.2.4 การคำนวณมลู ค่าของหลกั ทรัพยท์ ี่ไมไ่ ด้จดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรัพยแ์ ห่งประเทศไทยใหด้ ำเนินการ ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) หนุ้ ของบริษัทหรือหา้ งหุน้ สว่ นนติ บิ ุคคล ใหถ้ ือมูลค่าห้นุ เท่ากับมลู ค่าทางบญั ชใี นรอบระยะเวลาบญั ชี กอ่ นรอบระยะเวลาบญั ชที ่ไี ด้รับกรรมสิทธ์ใิ นหุ้น เว้นแตใ่ นกรณีทรพั ย์มรดกท่เี ปน็ หุ้นนั้นเป็นหุ้นของบริษัทหรอื หา้ ง หนุ้ สว่ นนิติบุคคลซึง่ ไปถอื หุ้นในบริษทั หรอื หา้ งหุ้นสว่ นนิตบิ ุคคลอน่ื ให้ถือมูลค่าห้นุ ดังนี้ (ก) กรณีบรษิ ัทหรือหา้ งห้นุ สว่ นนติ ิบคุ คลอืน่ นัน้ ไมไ่ ดจ้ ดทะเบียนในตลาดหลักทรพั ยแ์ ห่งประเทศ ไทย ให้ถือเอามูลค่าท่ีสงู กวา่ ระหวา่ งมูลค่าดังตอ่ ไปนี้ มาใช้ในการคำนวณมูลคา่ ของทรพั ยม์ รดก 1) มลู คา่ ทางบญั ชีในรอบระยะเวลาบัญชีกอ่ นรอบระยะเวลาบญั ชีทีไ่ ดร้ บั กรรมสทิ ธิใ์ นห้นุ ของ บรษิ ัทหรือห้างหุ้นส่วนนติ ิบุคคล 2) มลู คา่ ทางบัญชขี องบริษทั หรอื ห้างหนุ้ ส่วนนิติบคุ คลอ่นื ในรอบระยะเวลาบญั ชกี อ่ นรอบ ระยะเวลาบญั ชที ไ่ี ดร้ บั กรรมสิทธ์ใิ นหนุ้ ของบริษทั หรอื ห้างห้นุ ส่วนนิติบุคคลน้ัน (ข) กรณีบรษิ ทั หรือห้างหนุ้ ส่วนนิตบิ ุคคลอ่ืนน้นั จดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรพั ย์แห่งประเทศไทย หรือจดทะเบยี นในตลาดหลักทรพั ย์ของตา่ งประเทศ ใหถ้ อื เอาราคาหรือมลู ค่าทีส่ ูงกว่าระหว่างราคาหรือมลู ค่า ดงั ตอ่ ไปน้ี มาใชใ้ นการคำนวณมลู คา่ ของทรพั ยม์ รดก 1) มลู คา่ ทางบัญชใี นรอบระยะเวลาบญั ชกี ่อนรอบระยะเวลาบัญชีทีไ่ ด้รับกรรมสทิ ธใ์ิ นหุน้ ของ บรษิ ัทหรือห้างหุ้นสว่ นนติ ิบคุ คล 2) ราคาหุ้นของบริษทั หรอื หา้ งหุ้นส่วนนติ ิบคุ คลอืน่ นน้ั ในเวลาส้นิ สุดเวลาทําการของตลาด หลักทรัพย์ในวนั ที่ไดร้ ับมรดก (ค) กรณบี ริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนติ ิบุคคลถอื หุ้นในบริษทั หรอื หา้ งห้นุ ส่วนนิติบคุ คลอ่ืนตาม (ก) หรือ (ข) เกินกว่า 1 แห่ง ใหน้ ับรวมราคาหรือมูลค่าหุ้นของบริษทั หรอื หา้ งหนุ้ สว่ นนิตบิ คุ คลอน่ื ๆ นน้ั ตาม (ก) หรือ (ข) เทยี บกบั มลู ค่าทางบญั ชใี นรอบระยะเวลาบญั ชกี อ่ นรอบระยะเวลาบญั ชที ่ไี ด้รบั กรรมสทิ ธใ์ิ นหุน้ ของบริษทั หรอื ห้าง หนุ้ ส่วนนติ บิ ุคคล และให้ถือเอาราคาหรอื มูลค่าท่ีสูงกว่ามาใช้ในการคำนวณมลู คา่ ของทรพั ย์มรดก (2) ตัว๋ เงินคลัง พนั ธบัตร ตัว๋ เงิน หุ้นกู้ ใหใ้ ช้มูลค่าดังต่อไปนี้ เปน็ มลู ค่าของทรพั ย์มรดก (ก) กรณที ี่มีการจำหนา่ ยคร้งั แรกต่ำกวา่ ราคาไถ่ถอน ใหใ้ ช้ราคาท่ีจำหน่ายครงั้ แรก (ข) กรณีทีม่ กี ารจำหนา่ ยครัง้ แรกไม่ต่ำกวา่ ราคาไถ่ถอน ใหใ้ ชร้ าคาไถถ่ อน (3) หลักทรพั ย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของต่างประเทศ ใหถ้ อื เอาราคาของหลกั ทรพั ย์นน้ั ในเวลา สนิ้ สุดเวลาทำการของตลาดหลักทรพั ยใ์ นวันทีไ่ ดร้ ับมรดก (4) กรณีอ่นื นอกจาก (1)(2) และ (3) ให้ถือตามราคาหรอื มูลคา่ ในวนั ที่ได้รับมรดก

3.2.5 การคำนวณมลู คา่ ของทรัพย์สินที่เป็นยานพาหนะท่มี หี ลักฐานทางทะเบียนใหด้ ำเนนิ การดังต่อไปน้ี (1) มลู ค่าของรถยนต์หรือรถจกั รยานยนต์ท่จี ดทะเบยี นในประเทศไทย ให&ใช&ราคาประเมินราคารถ สําหรับปดQ อากรแสตมปRตามประมวลรษั ฎากรในการโอนกรรมสทิ ธ์ิซ้ือขายรถดังกล่าวท่กี รมการขนส่งทางบกกำหนด โดยใหค้ ำนวณมลู ค่าตามราคาเฉลี่ยระหว่างราคาประเมนิ สงู สุดและราคาประเมนิ ตำ่ สุดของราคาประเมนิ รถน้ัน ในกรณี ไม่มมี ลู คา่ ตามราคาประเมนิ ใหใ้ ชร้ าคาประเมนิ ที่ประเมินโดยบคุ คลหรอื หน่วยงานทเี่ ป็นสมาชิกขององค์กรวชิ าชพี เกีย่ วกับการประเมินราคาทรัพย์สินนั้น (2) มลู คา่ ของรถยนตห์ รอื รถจักรยานยนตท์ จ่ี ดทะเบียนในตา่ งประเทศ ให้ใชร้ าคาประเมนิ ที่ประเมนิ โดย บุคคลหรือหน่วยงานทีเ่ ป็นสมาชกิ ขององคก์ รวิชาชีพของประเทศนน้ั ๆ เก่ยี วกับการประเมนิ ราคาทรพั ยส์ ินน้ัน (3) มลู ค่าของเรือหรอื เครอื่ งบิน ใหใ้ ชร้ าคาประเมนิ ท่ปี ระเมินโดยบคุ คลหรอื หน่วยงานท่ีเปน็ สมาชกิ ของ องคก์ รวชิ าชพี ของประเทศนนั้ ๆ เก่ยี วกับการประเมนิ ราคาทรพั ยส์ ินนน้ั (4) กรณอี น่ื นอกจาก (1)(2) และ (3) ใหถ้ ือตามราคาตลาดในวนั ทีไ่ ดร้ บั มรดก 3.2.6 การคำนวณมลู ค่าของเงินฝากหรือเงนิ อนื่ ใดทม่ี ลี ักษณะทำนองเดยี วกนั ทเี่ จ้ามรดกมีสิทธเิ รียกถอนคืนหรอื มสี ิทธเิ รียกรอ้ งจากสถาบันการเงินหรอื บคุ คลท่ีได้รับเงิน 3.2.7 ถ้าจำเป็นต้องคำนวณเงนิ ตราต่างประเทศเปน็ เงินตราไทย ใหค้ ดิ ตามอัตราแลกเปลี่ยนตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการ ตามประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกบั ภาษกี ารรบั มรดก เร่อื ง อตั ราแลกเปล่ียนเงนิ ตราต่างประเทศเปน็ เงินตราไทยตาม พระราชบัญญตั ิ ภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 ลงวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559 โดยใหใ้ ช้อัตราแลกเปลยี่ นเงินตรา ตา่ งประเทศตามอตั ราแลกเปล่ียนถวั เฉลยี่ ท่ธี นาคารพาณชิ ยใ์ ชซ้ อื้ ขายกับลูกค้า ซ่ึงเป็นอัตราซือ้ ถัวเฉล่ียทีธ่ นาคารแหง่ ประเทศไทยประกาศและเผยแพร่เม่อื ส้ินวันทำการของแตล่ ะวนั ในเว็บไซต์ของธนาคารแหง่ ประเทศไทย เป็นอัตรา แลกเปล่ยี นในการคำนวณเงนิ ตราตา่ งประเทศเปน็ เงนิ ตราไทยเพ่อื คำนวณภาษกี ารรบั มรดกสำหรบั มรดกท่ีมีมลู คา่ เป็น เงินตราต่างประเทศซง่ึ ไดร้ บั ในวนั ถัดไป 3.3 อัตราภาษีการรบั มรดก (มาตรา 16) 3.3.1 ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษคี ำนวณและเสยี ภาษใี นอัตรารอ้ ยละ 10.0 ของมูลค่ามรดกในส่วนทตี่ ้องเสยี ภาษตี าม มาตรา 12 3.3.2 แตถ่ า้ ผู้ได้รบั มรดกเป็นบุพการี หรือผสู้ บื สันดานใหเ้ สียภาษีในอตั รารอ้ ยละ 5.0 ของมลู ค่ามรดก ผู้ไดร้ บั มรดก อัตราภาษกี ารรบั มรดก ร้อยละ 10.0 · เปน็ บคุ คลทัว่ ไปทม่ี ิใชบ่ พุ การี หรอื ผู้สบื สันดาน ร้อยละ 5.0 · เป็นบุพการี หรือผ้สู บื สันดาน

4. ÇÔ¸¡Õ ÒÃàÊÕÂÀÒÉ¡Õ ÒÃÃºÑ Áô¡ วิธกี ารเสยี ภาษกี ารรบั มรดก เปน็ ตามหมวด 3 การยน่ื แบบ การชำระภาษี และการประเมนิ ภาษี ต้งั แต่ มาตรา 17 ถงึ มาตรา 25 ดังตอ่ ไปน้ี 4.1 การยน่ื รายการประเมนิ ตนเอง 4.1.1 ภายใตบ้ ังคบั เกี่ยวกับการผ่อนชำระภาษกี ารรับมรดกตามมาตรา 23 ให้ผมู้ หี น้าท่เี สยี ภาษีการรบั มรดกยนื่ แบบแสดงรายการภาษี และชำระภาษีการรบั มรดกตามแบบท่ีอธบิ ดีกรมสรรพากรกำหนด (ภ.ม.60) ภายใน 150 วัน นบั แตว่ ันทไี่ ดร้ บั มรดกที่เป็นเหตุให้มหี นา้ ที่เสียภาษกี ารรบั มรดกตามมาตรา 12 วรรคหน่ึง การย่นื แบบแสดงรายการภาษกี ารรบั มรดกและชำระภาษกี ารรบั มรดก ให้ย่นื และชำระ ณ สำนักงาน สรรพากรพืน้ ท่ีสาขาแห่งใดแห่งหน่ึง หรือ ณ สถานที่อน่ื ใดตามทอี่ ธบิ ดีกำหนด เมื่อเจ้าหนา้ ทข่ี องสำนักงานสรรพากรพ้นื ทส่ี าขาได้รบั แบบแสดงรายการภาษกี ารรบั มรดกแลว้ ใหส้ ่งต่อ เจา้ พนักงานประเมนิ โดยเรว็ และให้เจ้าพนกั งานประเมินดำเนินการประเมินภาษีการรับมรดกใหแ้ ลว้ เสร็จภายในหนง่ึ ปี นับแตว่ นั ท่ีมีการย่ืนแบบแสดงรายการภาษีการรับมรดก ในกรณีท่ผี ้มู หี น้าท่ีเสยี ภาษกี ารรับมรดกตอ้ งเสยี ภาษีเพ่มิ และ ได้ชำระภาษีการรบั มรดกภายในกำหนดเวลา 30 วัน นบั แต่วนั ทีไ่ ดร้ บั หนังสอื แจ้งการประเมนิ จากเจา้ พนักงานประเมิน ตามมาตรา 22 มิใหค้ ิดเบ้ียปรบั หรือเงินเพมิ่ เว้นแต่การตอ้ งเสยี ภาษเี พ่ิมน้นั เกดิ จากรายการท่ีผู้ยืน่ มิได้แสดงไว้ในแบบ แสดงรายการภาษกี ารรับมรดกหรอื แสดงไวเ้ ปน็ เท็จ เมอ่ื มีเหตอุ นั จำเป็นและสมควรท่ไี มอ่ าจหลกี เลีย่ งได้ อธิบดกี รมสรรพากรจะอนุมัติให้ขยายระยะเวลาหน่งึ ปีออกไปเปน็ การเฉพาะกรณีก็ได้ แตร่ วมแล้วต้องไม่เกิน 3 ปี (มาตรา 17) 4.1.2 ในกรณีท่ีผูม้ ีหน้าที่เสียภาษกี ารรบั มรดกตายกอ่ นครบกำหนดเวลาภายใน 150 วัน นบั แต่วนั ทไี่ ด้รบั มรดก ที่เป็นเหตใุ หม้ ีหนา้ ท่เี สยี ภาษีตามมาตรา 17 วรรคหนึง่ โดยยงั มิไดย้ ่ืนแบบแสดงรายการภาษีการรบั มรดก ให้ผจู้ ดั การ มรดกของผู้น้นั มหี นา้ ท่ยี ื่นแบบแสดงรายการภาษี และชำระภาษีพร้อมทั้งเงนิ เพม่ิ ตามมาตรา 31 แทนผูต้ ายภายใน 150 วัน นับแต่วนั ท่ไี ดร้ บั แต่งตงั้ โดยไมต่ อ้ งเสยี เบี้ยปรับ สำหรับเงนิ เพ่มิ ให้คำนวณนับแต่วันท่พี ้นกำหนดเวลาตาม มาตรา 17 วรรคหนง่ึ จนถงึ วันท่ชี ำระภาษีการรบั มรดกครบถว้ น ในกรณที ่ีผู้มหี นา้ ที่เสยี ภาษกี ารรับมรดกตายเมื่อครบกำหนดเวลา 150 วนั นับแตว่ นั ท่ผี ู้จัดการมรดกของ ผตู้ ายไดร้ บั แตง่ ตง้ั ตามมาตรา 17 วรรคหนึง่ แลว้ โดยมไิ ดย้ นื่ แบบแสดงรายการภาษกี ารรบั มรดก ให้ผู้จัดการมรดก ของผู้นัน้ มีหนา้ ท่ียน่ื แบบแสดงรายการภาษีการรบั มรดกและชำระภาษกี ารรับมรดกพรอ้ มเบีย้ ปรบั และเงินเพิม่ แทนโดย ให้ดำเนินการภายใน 150 นับแต่วันที่ได้รับแต่งต้ัง สำหรบั เบี้ยปรับใหเ้ สยี หนึง่ เท่าของเงนิ ภาษีการรบั มรดกทตี่ ้องชำระ เวน้ แตไ่ ด้ยนื่ แบบแสดงรายการภาษี การรับมรดกและชำระภาษกี ารรบั มรดกภายหลังกำหนดเวลาดังกลา่ วให้เสยี เบ้ียปรบั 2 เท่าของเงินภาษกี ารรบั มรดกท่ี ตอ้ งชำระ สำหรบั เงนิ เพิม่ ใหค้ ำนวณต้ังแตว่ นั ท่ีครบกำหนดเวลา 150 วนั นับแตว่ นั ทีผ่ ู้จัดการมรดกของผ้ตู ายได้รบั แตง่ ตัง้ ตามมาตรา 17 วรรคหนง่ึ จนถงึ วนั ท่ีชำระภาษกี ารรบั มรดกครบถว้ น เงนิ เพิ่มต้องไมเ่ กินเงนิ ภาษีการรบั มรดกท่ีต้องชำระ อยา่ งไรกต็ าม ผมู้ ีสทิ ธิไดร้ บั มรดกคนใดคนหนง่ึ จะดำเนนิ การเองภายในกำหนดเวลา150 วัน แทน ผจู้ ดั การมรดกกไ็ ด้ กรณีท่ีผ้มู หี น้าท่ีเสยี ภาษีการรับมรดกตายกอ่ นครบกำหนดเวลาภายใน 150 วัน นบั แตว่ นั ทไ่ี ด้รับ มรดก หรอื กรณีท่ีผูม้ ีหนา้ ท่ีเสียภาษตี ายเม่อื ครบกำหนดเวลา 150 วัน นบั แต่วนั ที่ผูจ้ ัดการมรดกของผตู้ ายได้รับ แต่งตง้ั แล้วแต่กรณี (มาตรา 18)

4.1.3 ภายใน 180 วนั นับแตว่ นั ที่ผู้มหี น้าทเี่ สียภาษกี ารรับมรดกถึงแกค่ วามตาย หากไม่มกี ารแต่งต้งั ผู้จดั การ มรดกดำเนนิ การแทนตามมาตรา 18 ให้ทายาทซง่ึ มีสทิ ธิรบั มรดกของผูต้ ายมหี นา้ ทีต่ ามมาตรา 18 และให้นำความใน มาตรา 18 มาใชบ้ ังคบั โดยอนโุ ลม เว้นแตร่ ะยะเวลาการยืน่ แบบแสดงรายการภาษกี ารรับมรดกและชำระภาษีการรบั มรดก ใหก้ ระทำภายใน 150 วันนบั แตว่ ันท่พี น้ กำหนดเวลา 180 วนั ในกรณมี ีทายาทหลายคน ใหท้ ายาทตกลงมอบใหท้ ายาทคนหนึง่ เปน็ ผู้มหี นา้ ทเี่ สียภาษี การรบั มรดกถ้า ไม่อาจตกลงกันได้ ใหท้ ายาทคนใดคนหนง่ึ ยน่ื คำรอ้ งขอตอ่ ศาลเพือ่ ต้ังผจู้ ดั การมรดกดำเนนิ การตอ่ ไป เม่ือพน้ กำหนดเวลา 180 วนั นบั แต่วันท่ีผู้มหี นา้ ทเี่ สียภาษีการรับมรดกถงึ แกค่ วามตายแล้ว หากไมม่ ี ผู้ใดยนื่ แบบแสดงรายการภาษกี ารรับมรดกและชำระภาษีการรบั มรดก ให้เจ้าพนกั งานประเมนิ มีอำนาจประเมินภาษี การรับมรดกตามมาตรา 20 ได้ (มาตรา 19) 4.2 การประเมนิ โดยเจา้ พนักงานประเมิน 4.2.1 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญตั ิภาษกี ารรับมรดก พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีวา่ การ กระทรวงการคลงั ไดอ้ อกประกาศกระทรวง วา่ ดว้ ยการแต่งต้ังเจ้าพนักงาน เรอื่ ง แตง่ ตัง้ เจา้ พนักงานประเมนิ ตาม พระราชบัญญตั ิภาษกี ารรบั มรดก พ.ศ. 2558 ลงวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558 ดงั น้ี โดยใหบ้ ุคคลดงั ตอ่ ไปน้ี ໚¹à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹»ÃÐàÁÔ¹µÒÁ¾ÃÐÃÒªº­Ñ ­µÑ ÔÀÒÉÕ¡ÒÃÃºÑ Áô¡ ¾.È. 2558 (1) ͸Ժ´¡Õ ÃÁÊÃþҡà (2) Ãͧ͸ºÔ ´Õ¡ÃÁÊÃþҡà (3) ¼Ù͌ Òí ¹Ç¡ÒÃÊíÒ¹¡Ñ µÃǨÊͺÀÒÉÍÕ Ò¡Ã¡ÅÒ§ ¡ÃÁÊÃþҡà (4) ¹¡Ñ µÃǨÊͺÀÒÉÕàªèÕÂǪҭ ÊíÒ¹¡Ñ µÃǨÊͺÀÒÉÍÕ Ò¡Ã¡ÅÒ§ ¡ÃÁÊÃþҡà 4.2.2 ภายใตบ้ งั คบั เกย่ี วกบั การประเมินภาษีการรับมรดกตามมาตรา 17 เจ้าพนักงานประเมินมอี ำนาจประเมนิ ภาษกี ารรับมรดก เม่ือผู้มหี น้าทีเ่ สียภาษกี ารรับมรดกมิไดย้ นื่ แบบแสดงรายการภาษีการรับมรดกภายในเวลาที่ กฎหมายกำหนด โดยใหม้ ีอำนาจประเมนิ ภาษกี ารรบั มรดกไดภ้ ายในกําหนดเวลา 10 ปี นับแต่วนั สุดท้ายแหง่ กำหนดเวลายืน่ แบบแสดงรายการภาษกี ารรบั มรดก (มาตรา 20) 4.2.3 อำนาจในการออกหมายเรียก (มาตรา 21) เพือ่ ประโยชน์ในการดำเนินการตามมาตรา 17 มาตรา 18 มาตรา 19 มาตรา 20 หรอื มาตรา 24 ให้เจ้า พนกั งานประเมินมีอำนาจออกหมายเรยี กผูม้ ีหนา้ ที่เสียภาษีการรับมรดก ผูแ้ ทน หรอื บุคคลอ่นื ทีเ่ กย่ี วข้องมาใหถ้ ้อยคำ กับมีอำนาจสงั่ บุคคลเหล่านน้ั ให้นำบญั ชี เอกสารหรือหลกั ฐานอ่ืนอันควรแกเ่ รือ่ งมาตรวจสอบไตส่ วนได้ หรอื ออกคำสง่ั ให้บุคคลดงั กลา่ วตอบคำถามเป็นหนงั สอื แต่จะต้องใหเ้ วลาล่วงหนา้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 7 วนั นับแตว่ ันท่ีไดร้ บั หมายเรียกหรอื ได้รบั คำส่ัง 4.2.3 อำนาจประเมินเบี้ยปรบั ผมู้ ีหน้าทีเ่ สยี ภาษีตอ้ งเสียเบย้ี ปรับในกรณีและอตั รา ดังตอ่ ไปน้ี (มาตรา 29) (1) มไิ ด้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีการรบั มรดกภายในกำหนดเวลา ให้เสียเบ้ยี ปรบั อกี หน่งึ เทา่ (รอ้ ยละ 100) ของเงนิ ภาษีการรบั มรดกที่ตอ้ งชำระ (2) ยนื่ แบบแสดงรายการภาษกี ารรับมรดกไว้ไม่ครบถว้ นหรอื ไม่ตรงต่อความเปน็ จรงิ อันเป็นเหตุให้ จำนวนภาษกี ารรับมรดกท่ตี อ้ งเสียขาดไป ให้เสียเบย้ี ปรบั อีก 0.5 เท่า (ร้อยละ 50) ของเงนิ ภาษีการรบั มรดกทต่ี ้อง เสยี เพม่ิ

4.2.4 อำนาจประเมนิ เงนิ เพิ่ม (มาตรา 31) ภายใต้บงั คับมาตรา 23 บุคคลใดไมช่ ำระภาษกี ารรบั มรดกให้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลา ให้เสียเงนิ เพม่ิ อีกร้อยละ 1.5 ตอ่ เดือนหรอื เศษของเดอื นของเงนิ ภาษีการรับมรดกทตี่ ้องชำระ โดยไมร่ วมเบีย้ ปรับ ในกรณีทไี่ ดม้ ีการอนุญาตใหเ้ ล่ือนกำหนดเวลาการชำระภาษีการรบั มรดก และไดม้ ีการชำระภาษกี ารรบั มรดกภายในกำหนดเวลาทเี่ ลอื่ นใหน้ ั้น ใหล้ ดเงนิ เพ่ิมลงเหลอื ร้อยละ 0.75 ห้าต่อเดือนหรือเศษของเดือน การคำนวณเงนิ เพม่ิ ให้เรม่ิ นับเมื่อพ้นกำหนดเวลายน่ื แบบแสดงรายการภาษีการรับมรดกจนถึงวนั ที่ ชำระภาษกี ารรับมรดก แต่เงินเพมิ่ ทค่ี ำนวณไดม้ ิใหเ้ กินจำนวนภาษีการรับมรดกทีต่ อ้ งชำระ 4.2.5 เบย้ี ปรับและเงินเพมิ่ ตามพระราชบญั ญัตินี้ ให้ถือเป็นเงินภาษีการรบั มรดก (มาตรา 32) 4.2.6 การงดหรอื ลดเบีย้ ปรับ เบยี้ ปรับอาจงดหรือลดลงได้ตามหลักเกณฑ์ และเงอ่ื นไขทอ่ี ธิบดกี รมสรรพากรประกาศกำหนดโดยความ เหน็ ชอบของรฐั มนตรีและประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ทัง้ น้ี หลกั เกณฑ์ และเง่อื นไขดงั กลา่ วตอ้ งระบใุ หช้ ดั เจนถึงเหตุ แห่งการงดหรอื ลดเบ้ยี ปรบั โดยคำนงึ ถงึ ความสุจริตและเหตุจำเป็นของผมู้ หี นา้ ทตี่ อ้ งปฏิบัตติ ามพระราชบญั ญัตินเ้ี ป็น สำคญั (มาตรา 30) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 30 อธิบดีกรมสรรพากรโดยความเหน็ ชอบของรัฐมนตรีวา่ การ กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกรมสรรพากร เกีย่ วกบั ภาษีการรบั มรดก (ฉบบั ท่ี 4) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ และ เงื่อนไขการลดหรืองดเบยี้ ปรับภาษีการรับมรดก ลงวนั ท่ี 5 เมษายน พ.ศ. 2559 ดงั นี้ “ขอ้ 1 ใหบ้ คุ คลทจี่ ะต้องเสียเบี้ยปรบั ตามพระราชบญั ญตั ภิ าษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 ทำคำรอ้ งเป็น หนังสอื ย่นื ต่อเจ้าพนกั งานประเมนิ แสดงเหตผุ ลทข่ี องดหรือลดเบย้ี ปรบั น้นั การยืน่ คำร้องตามวรรคหนึ่ง ให้ยน่ื กอ่ นทีเ่ จ้าพนกั งานประเมินมหี นงั สอื แจง้ การประเมิน ถา้ ไดร้ ับหนังสือแจง้ การประเมินแล้ว ใหย้ ืน่ อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ตามกฎหมายตอ่ ไป ขอ้ 2 การงดเบย้ี ปรบั ตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติภาษีการรบั มรดก พ.ศ. 2558 ให้กระทำได้โดย ไดร้ ับอนุมัตจิ ากอธิบดกี รมสรรพากร หรือผทู้ ่อี ธิบดีกรมสรรพากรมอบหมาย การงดเบย้ี ปรับตามวรรคหน่ึง ตอ้ งเป็นกรณที ่ีผมู้ หี นา้ ท่ีเสยี ภาษีการรบั มรดกสำคญั ผดิ วา่ ทรัพย์ มรดกที่ไดร้ ับมีมลู ค่าไมเ่ กิน 100 ล้านบาท จงึ มไิ ดย้ ่นื แบบแสดงรายการภาษกี ารรบั มรดกภายในกำหนดเวลา และเมอื่ ทราบความผดิ ผ้มู หี นา้ ที่เสยี ภาษกี ารรับมรดกไดย้ น่ื แบบแสดงรายการภาษีการรบั มรดกพร้อมชำระภาษีครบถว้ น ภายใน 30 วนั นับแต่วนั ท่ที ราบความผดิ แต่ทั้งน้ี ตอ้ งไมเ่ กิน 1 ปี นบั แต่วนั ทไี่ ดร้ ับมรดกและกอ่ นได้รับหนังสือแจง้ การประเมนิ โดยมีหลักฐานที่สามารถพสิ ูจนไ์ ด้ถงึ เหตุแห่งความสำคญั ผิดดังกล่าว ขอ้ 3 การลดเบี้ยปรับตามมาตรา 18 มาตรา 19 และมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัตภิ าษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 ให้เจ้าพนักงานประเมนิ มีอำนาจพิจารณาสัง่ ลดได้ ตามอัตราและเงอ่ื นไขดงั ต่อไปน้ี (1) กรณผี ู้ท่จี ะต้องเสยี เบีย้ ปรับได้ย่นื แบบแสดงรายการภาษีการรับมรดกพรอ้ มชำระภาษีก่อน ออกหมายเรยี ก ให้เสียเบ้ยี ปรบั ดังน้ี (ก) ถา้ ชำระภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 18 วรรคสอง หรอื มาตรา 19 ให้เสียร้อยละ 1 ของเบีย้ ปรบั (ข) ถ้าชำระภายใน 60 วนั นบั แตว่ ันพ้นกำหนดเวลาชำระภาษี ให้เสียรอ้ ยละ 2 ของเบย้ี ปรับ (ค) ถ้าชำระภายหลัง 60 วัน แต่ไม่เกิน 90 วัน นบั แตว่ นั พ้นกำหนดเวลาชำระภาษี ให้เสยี ร้อยละ 5 ของเบย้ี ปรบั

(ง) ถา้ ชำระภายหลัง 90 วัน แตไ่ ม่เกนิ 120 วัน นับแตว่ ันพ้นกำหนดเวลาชำระภาษี ให้ เสยี รอ้ ยละ 10 ของเบี้ยปรบั (2) ในกรณีเจ้าพนักงานประเมนิ ไดอ้ อกหมายเรียก และผมู้ ีหน้าทเี่ สียภาษีได้ย่ืนแบบแสดง รายการภาษีการรับมรดกพรอ้ มชำระภาษกี ่อนไดร้ บั หนงั สอื แจ้งการประเมนิ ให้ เสยี รอ้ ยละ 40 ของเบ้ีย ปรบั ” 4.2.7 อำนาจแจง้ การประเมิน (มาตรา 22) เม่ือเจ้าพนักงานประเมินไดป้ ระเมนิ ภาษีการรับมรดกแล้ว ใหแ้ จง้ การประเมนิ ภาษกี ารรับมรดกน้นั เปน็ หนงั สือไปยังผู้มีหนา้ ท่เี สยี ภาษีการรบั มรดก และใหผ้ นู้ นั้ ชำระภาษีการรับมรดกพร้อมทง้ั เบย้ี ปรับและเงินเพมิ่ ถ้ามี ภายใน 30 วัน นับแตว่ นั ท่ีไดร้ ับหนังสือแจง้ ในกรณีน้ี ผมู้ หี น้าที่เสยี ภาษีการรับมรดกจะใช้สิทธิอทุ ธรณก์ ารประเมนิ ภาษีกไ็ ด้ 4.3 การผอ่ นชำระ (มาตรา 23) ผู้มีหนา้ ทเ่ี สียภาษจี ะผอ่ นชำระภาษีการรบั มรดกภายในเวลาไมเ่ กนิ 5 ปีกไ็ ด้ ท้งั น้ี ตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และ เง่ือนไขที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกากำหนดหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงอ่ื นไขการผ่อนชำระภาษกี ารรบั มรดก พ.ศ. 2559 และเมอื่ ไดช้ ำระภาษกี ารรบั มรดกครบถ้วนตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงื่อนไขดงั กล่าวแล้ว ใหไ้ ดร้ ับยกเวน้ ไม่ ต้องเสียเงินเพม่ิ แต่ในกรณที ผี่ ่อนชำระภาษีเกนิ สองปจี ะกำหนดใหต้ อ้ งเสยี เงินเพมิ่ บางสว่ นตามท่ีกำหนดในพระราช กฤษฎกี าดังกล่าวก็ได้ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขการผ่อนชำระภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2559 ได้ กำหนดหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงือ่ นไขผ่อนชำระภาษีการรบั มรดกดงั น้ี 4.3.1 การยื่นคำรอ้ งขอผอ่ นชำระ (มาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎกี ากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่อื นไขการ ผ่อนชำระภาษกี ารรบั มรดก พ.ศ. 2559) ในการผอ่ นชำระภาษี ให้ผู้มหี นา้ ทเ่ี สียภาษยี ื่นคำร้องขอผ่อนชำระภาษแี ละต้องปฏบิ ตั ติ ามหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขท่กี ำหนดในพระราชกฤษฎีกานี้ แต่ในกรณที ี่ผู้มหี น้าท่ีเสียภาษีถึงแก่ความตายโดยยงั มิได้ย่นื แบบ แสดงรายการภาษี ให้ผู้มีหนา้ ท่ีย่นื แบบแสดงรายการภาษี และชำระภาษแี ทนผู้ตาย ย่ืนคำรอ้ งขอผ่อนชำระภาษีได้ คำร้องขอผอ่ นชำระภาษดี งั กล่าว ใหย้ ืน่ พร้อมกบั การยืน่ แบบแสดงรายการภาษภี ายในเวลาทก่ี ฎหมาย กำหนดหรือเวลาท่ีอธบิ ดีอนุญาตให้เลื่อนออกไป ณ สำนกั งานสรรพากรพืน้ ท่สี าขา และใหเ้ ป็นไปตามแบบทอ่ี ธิบดี ประกาศกำหนด 4.3.2 การขอผ่อนชำระในกรณที เ่ี จา้ พนกั งานประเมนิ ไดป้ ระเมนิ ภาษแี ละปรากฏว่ามภี าษีที่ตอ้ งเสียเพม่ิ ข้ึน (มาตรา 4 แหง่ พระราชกฤษฎกี ากำหนดหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเง่ือนไขการผ่อนชำระภาษกี ารรบั มรดก พ.ศ. 2559) 4.3.3 เงินทไ่ี ดจ้ ากการขายทอดตลาดดังกลา่ ว ให้หักคา่ ธรรมเนยี ม คา่ ใชจ้ า่ ยในการยดึ และขายทอดตลาด และ เงนิ ภาษีคา้ ง ถ้ามเี งนิ เหลือให้คนื แก่เจา้ ของทรัพย์สิน 4.3.4 เพอื่ ประโยชนใ์ นการดำเนนิ การเรง่ รัดหนี้ภาษีการรบั มรดกตาม 4.3.1 ใหผ้ ู้มีอำนาจตามวรรคสองมีอำนาจ (1) ออกหมายเรยี กผู้ตอ้ งรับผดิ ชำระภาษีคา้ งและบุคคลใดๆ ทีม่ เี หตสุ มควรเชื่อวา่ จะเปน็ ประโยชนแ์ กก่ าร จดั เก็บภาษคี า้ งมาใหถ้ ้อยคำ (2) สัง่ บคุ คลดงั กล่าวใน (1) ให้นำบญั ชี เอกสาร หรือหลกั ฐานอ่นื อนั จำเป็นแก่การจัดเก็บภาษีคา้ งมา ตรวจสอบ (3) การดำเนนิ การตาม (1) และ (2) ตอ้ งใหเ้ วลาลว่ งหน้าไม่นอ้ ยกวา่ 7 วนั นบั แต่วนั ได้รับหมายเรียก หรือคำส่งั

4.4 กำหนดเวลาการยืน่ แบบแสดงรายการหรอื แจง้ รายการตา่ ง ๆ การอุทธรณ์ และการเสียภาษีตามที่กำหนดไวใ้ น พระราชบัญญตั กิ ารรับมรดก พ.ศ. 2558 น้ี ถา้ ผู้มหี น้าท่ตี อ้ งปฏบิ ตั ติ ามกำหนดเวลาดังกล่าว มีเหตุจำเปน็ จนไม่ สามารถจะปฏบิ ัติตามกำหนดเวลาไดห้ รือมิไดอ้ ยู่ในประเทศไทย อธิบดจี ะอนุญาตให้เล่ือนกำหนดเวลาออกไปอีกตาม ความจำเปน็ แกก่ รณีก็ได้ ในกรณีทมี่ ีเหตจุ ำเป็นเปน็ การทว่ั ไปทีจ่ ะทำให้ผูม้ ีหน้าที่ต้องปฏิบตั ติ ามพระราชบญั ญตั ินไ้ี มอ่ าจปฏบิ ัตภิ ายใน กำหนดเวลาตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ได้ อธิบดจี ะประกาศขยายกำหนดเวลาออกไปตามสมควรจนกวา่ เหตุดงั กลา่ วจะ หมดส้นิ ไปก็ได้ และเมอื่ ไดข้ ยายกำหนดเวลาออกไปแล้ว ให้ถือว่ากำหนดเวลาท่ีขยายออกไปนัน้ เป็นกำหนดเวลาที่ กำหนดตามพระราชบัญญตั นิ ี้ หลักเกณฑ์และเงอื่ นไขการเลอื่ นหรอื ขยายกำหนดเวลาของอธิบดตี ามวรรคหน่ึงและวรรคสองใหเ้ ป็นไปตามท่ี รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา (มาตรา 8) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 วรรคสาม แหง่ พระราชบญั ญัติภาษกี ารรบั มรดก พ.ศ. 2558 รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงการคลงั กำหนดหลกั เกณฑ์และเงื่อนไขท่ีอธิบดีกรมสรรพากรจะอนญุ าตใหเ้ ล่อื นหรือประกาศ ขยายกำหนดเวลาการยืน่ แบบแสดงรายการภาษีการรบั มรดกหรอื แจ้งรายการตา่ ง ๆ การอุทธรณ์และการเสยี ภาษกี าร รบั มรดกตามท่ีกำหนดไว้ตามพระราชบญั ญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 ตามประกาศกระทรวงการคลงั เรอ่ื ง กำหนดหลักเกณฑแ์ ละเง่อื นไขการเล่ือนหรอื ขยายกำหนดเวลา ตามพระราชบญั ญัตภิ าษกี ารรบั มรดก พ.ศ. 2558 ลง วนั ท่ี 5 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2559 ดงั ต่อไปนี้ 4.4.1 ใหถ้ ือวา่ เหตุดังตอ่ ไปน้ี เป็นเหตุทีอ่ ธิบดีกรมสรรพากรจะอนุญาตให้เล่อื นกำหนดเวลาออกไปอีกตามความ จำเป็นแก่กรณกี ไ็ ด้ ตามมาตรา 8 วรรคหนง่ึ แห่งพระราชบัญญตั ภิ าษกี ารรับมรดก พ.ศ. 2558 (1) เหตจุ ำเป็นจนไม่สามารถจะปฏิบตั ิตามกำหนดเวลาได้ ไดแ้ ก่ กรณีผูม้ ีหน้าทีเ่ สียภาษหี รอื ผ้มู หี น้าที่ ตอ้ งปฏบิ ัตกิ ารใด ๆ ตามพระราชบญั ญตั ภิ าษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 ไดร้ ับบาดเจบ็ สาหสั ทพุ พลภาพ หรอื ป่วยเจบ็ ดว้ ยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วันหรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ไดเ้ กนิ กว่า 20 วัน และแพทยซ์ งึ่ ได้ขน้ึ ทะเบยี นรบั ใบอนุญาตประกอบวิชาชพี เวชกรรมได้แสดงความเห็นเปน็ หนังสือวา่ มภี าวะจำกัดหรือขาดความสามารถ ในการประกอบกจิ วัตรหลักอันเปน็ ปกตเิ ยี่ยงบคุ คลท่ัวไป อันเน่ืองมาจากสาเหตทุ างปญั หาสขุ ภาพหรอื ความเจบ็ ป่วยที่ เป็นต่อเนอื่ งมาไมน่ อ้ ยกวา่ 20 วันหรอื ทุพพลภาพมาแลว้ ไมน่ ้อยกว่า 20 วนั (2) เหตุทผี่ ูม้ หี น้าที่เสยี ภาษีการรับมรดกหรอื ผมู้ หี น้าท่ตี ้องปฏิบัติการใด ๆ ตามพระราชบัญญตั ภิ าษกี าร รับมรดก พ.ศ. 2558 มิได้อยู่ในประเทศไทย ได้แก่ กรณที ี่บคุ คลน้นั มีสถานท่ีอย่ใู นประเทศไทย อนั เป็นแหล่งสำคญั หรือมถี ิน่ ทอ่ี ยูใ่ นประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยคนเขา้ เมอื งและไดอ้ อกไปนอกประเทศไทยชั่วระยะเวลาอันมีจำกัดจน เปน็ เหตใุ หไ้ ม่สามารถปฏิบัติตามกำหนดเวลาโดยไมอ่ าจหลกี เล่ยี งได้ 4.4.2 ใหถ้ ือวา่ เหตอุ ทุ กภยั วาตภยั อัคคีภัย ธรณีพบิ ัติภยั หรอื ภยั ธรรมชาติอนื่ ใดท่เี กดิ ข้นึ ในประเทศไทย เปน็ เหตุจำเปน็ เปน็ การท่ัวไปท่ีอธิบดีกรมสรรพากรจะประกาศขยายกำหนดเวลาตามสมควรจนกวา่ เหตุดังกลา่ วจะส้นิ ไป ตามมาตรา 8 วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญัติภาษีการรบั มรดก พ.ศ. 2558 4.4.3 กรณีการขออนุญาตเลื่อนกำหนดเวลาตาม 4.4.1 ให้ผูม้ ีหน้าทเี่ สยี ภาษีหรอื ผู้มหี นา้ ทต่ี ้องปฏิบตั ิการใด ๆ ตามพระราชบัญญัตภิ าษกี ารรบั มรดก พ.ศ. 2558 ยืน่ คำร้องขออนญุ าตเล่ือนกำหนดเวลาต่ออธิบดกี รมสรรพากรเปน็ คราว ๆ ไป 5. การยกเว้นภาษีการรับมรดก 5.1 ผไู้ ด้รับมรดกจากเจา้ มรดกแต่ละราย ไม่วา่ จะได้รบั มาในคราวเดยี วหรือหลายคราว ถา้ มรดกทไี่ ดร้ ับมาจากเจา้ มรดกแตล่ ะรายรวมกนั มมี ูลคา่ ไม่เกนิ 100 ล้านบาท ไม่ตอ้ งเสยี ภาษกี ารรับมรดก (มาตรา 12) 5.2 ภาษกี ารรับมรดกไม่ใช้บังคับแก่ 5.2.1 มรดกท่เี จ้ามรดกตายกอ่ นวนั ทพ่ี ระราชบญั ญัตนิ ีใ้ ช้บงั คับ

5.2.2 มรดกท่คี ู่สมรสของเจ้ามรดกได้รบั จากเจา้ มรดก (มาตรา 3) 6. การขอคนื ภาษกี ารรบั มรดก 6.1 ในกรณที ีผ่ ูย้ น่ื แบบแสดงรายการภาษกี ารรับมรดกได้ชำระภาษีการรับมรดก โดยไมม่ ีหนา้ ทีต่ ้องเสยี หรอื ไดช้ ำระไว้ เกนิ กวา่ ที่ต้องเสยี ใหผ้ ู้นน้ั มสี ิทธิไดร้ บั คนื ภาษีการรบั มรดก โดย (มาตรา 24) 6.1.1 ให้ผมู้ ีสิทธไิ ด้รบั คืนภาษีการรับมรดกยนื่ คำร้องขอรบั คืนภาษีการรบั มรดก พรอ้ มด้วยเอกสารหลักฐาน ภายในหา้ ปี นับแต่วนั ชำระภาษกี ารรบั มรดกทัง้ หมด ต่อเจา้ หนา้ ท่ขี องสำนักงานสรรพากรพืน้ ทสี่ าขาแหง่ ใดแห่งหนงึ่ ท้ังนี้ ตามหลกั เกณฑ์ และวิธกี ารตามประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากร เกี่ยวกบั ภาษกี ารรับมรดก (ฉบบั ที่ 2) เรอื่ ง กำหนดหลกั เกณฑ์และวิธกี าร เพ่ือการขอคนื ภาษีการรบั มรดก ลงวนั ท่ี 28 มกราคม 2559 ดังต่อไปน้ี (1) ใหผ้ ูม้ ีสิทธไิ ดร้ บั คนื ภาษกี ารรับมรดกยน่ื คำรอ้ งขอคนื ภาษกี ารรับมรดก โดยใช้คำร้องขอคืนเงินภาษี การรับมรดกตามแบบคำรอ้ งขอคืนเงนิ ภาษอี ากร (ค.10) เป็นแบบคำร้องขอคนื ภาษกี ารรับมรดก (2) ใหผ้ มู้ ีสทิ ธไิ ดร้ ับคนื ภาษกี ารรับมรดกยืน่ คำรอ้ งขอคนื เงนิ ภาษีการรับมรดกตอ่ เจ้าหนา้ ทขี่ องสำนักงาน สรรพากรพืน้ ท่ีสาขา พร้อมด้วยเอกสารหลกั ฐาน ดงั ตอ่ ไปนี้ (ก) ใบเสร็จรบั เงินภาษีการรับมรดก (ข) หลักฐานแสดงการเสียภาษกี ารรับมรดกไวเ้ กนิ (ค) หลกั ฐานอน่ื ทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับประเดน็ ที่ขอคืน 6.1.2 ให้เจา้ หน้าท่ขี องสำนกั งานสรรพากรพ้นื ทสี่ าขาซง่ึ รับคำร้องไว้ ส่งคำร้องพร้อมเอกสารหลกั ฐาน ตอ่ เจา้ พนักงานประเมนิ โดยเร็ว และใหเ้ จา้ พนักงานประเมนิ ตรวจสอบเอกสารหลกั ฐานให้แล้วเสรจ็ ภายใน 150 วันนับ แตว่ ันท่ีได้รบั คำร้อง และมีหนังสือแจง้ ให้ผูย้ ่นื คำร้องทราบภายใน 15 นบั แต่การตรวจสอบแลว้ เสรจ็ และในกรณที ีต่ ้อง มีการคืนภาษี ใหก้ รมสรรพากรคนื เงนิ ภาษีการรับมรดกให้แลว้ เสร็จภายใน 30 วนั นบั แต่วันท่ีตรวจสอบแล้วเสร็จ 6.1.3 ในการขอรบั คืนภาษี ไม่มสี ิทธิเรียกดอกเบ้ียจากเงนิ ภาษีการรบั มรดกท่ีคนื 6.1.4 เพ่อื ประโยชนใ์ นการดำเนินการตรวจสอบการขอคนื ภาษกี ารรับมรดก ให้เจา้ พนักงานประเมนิ มอี ำนาจ ประเมนิ ภาษกี ารรับมรดกได้ภายในระยะเวลาทก่ี ำหนดในมาตราน้ี 6.2 ในกรณที ่มี คี ำวนิ ิจฉยั อทุ ธรณห์ รอื คำพพิ ากษาถึงท่ีสุดให้ผอู้ ุทธรณ์หรือผู้ฟ้องคดีไม่ตอ้ งเสยี ภาษีการรบั มรดกหรอื เสียนอ้ ยลง ให้กรมสรรพากรคืนเงินภาษีการรับมรดกทีต่ อ้ งคนื ใหแ้ ก่ผ้อู ุทธรณ์หรือผฟู้ ้องคดีภายในสามสบิ วันนับแต่ วันท่ีมีคำวนิ จิ ฉัยหรือคำพิพากษาถึงทสี่ ดุ แลว้ แต่กรณี ท้งั น้ี โดยผู้อทุ ธรณห์ รอื ผูฟ้ อ้ งคดไี มต่ อ้ งยืน่ คำรอ้ งขอคืน (มาตรา 27 วรรคสอง) 7. หนา้ ทอ่ี ่ืนทางภาษกี ารรบั มรดก หนา้ ทอี่ ่ืนนอกเหนือจากหน้าที่ในการคำนวณภาษกี ารรับมรดก และหนา้ ท่ีในการชำระภาษีการรบั มรดกตามขอ้ 3 และ ข้อ 4 ข้างตน้ แล้ว นัน้ ตามกฎหมายภาษีการรบั มรดกมิได้กำหนดหน้าทอี่ ่ืนใหผ้ ตู้ อ้ งเสียภาษกี ารรบั มรดกตอ้ งปฏบิ ัติ เพ่ิมเตมิ เวน้ แต่การให้ความรว่ มมือแก่เจ้าพนกั งานประเมินในการตรวจสอบความถกู ตอ้ งของจำนวนภาษีการรบั มรดก และการปฏบิ ตั หิ น้าท่ีทางภาษีการรับมรดกใหถ้ ูกต้องและครบถว้ น เชน่ การปฏบิ ัติตามหมายเรียกของเจา้ พนักงาน ประเมนิ การตอบคำถามข้อเจา้ พนักงานประเมิน 8. การขจัดข้อโต้แย้งทางภาษกี ารรับมรดก การขจดั ข้อโตแ้ ย้งทางภาษกี ารรบั มรดก ไดแ้ ก่ การอทุ ธรณ์ซึง่ เป็นไปตามมาตรา 26 ถึงมาตรา 28 แห่ง พระราชบัญญตั ภิ าษกี ารรบั มรดก พ.ศ. 2558 ดังน้ี

8.1 ผู้มหี นา้ ทีเ่ สียภาษผี ู้การรบั มรดกใดไม่เหน็ ด้วยกบั ผลการประเมนิ ภาษีของเจา้ พนักงานประเมินใหม้ สี ทิ ธอิ ุทธรณ์ตอ่ คณะกรรมการอทุ ธรณ์ได้ภายในกำหนดเวลาสามสบิ วันนบั แตว่ นั ท่ีได้รบั แจง้ การประเมินภาษีการรับมรดก ทงั้ น้ี โดย ยืน่ ตามแบบ ณ สถานท่ีทีอ่ ธบิ ดีกำหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (มาตรา 26) 8.1.1 อาศยั อำนาจตามความในมาตรา 26 วรรคหนงึ่ แห่งพระราชบญั ญัตภิ าษกี ารรบั มรดก พ.ศ. 2558 อธบิ ดี กรมสรรพากรกำหนดแบบคำอทุ ธรณแ์ ละสถานที่ย่ืนคำอุทธรณก์ ารประเมนิ ภาษกี ารรับมรดก ดงั ต่อไปน้ี (1) ใหแ้ บบคำอุทธรณ์ (ภ.ม.6) เป็นแบบทใ่ี ช้ในการอทุ ธรณต์ ่อคณะกรรมการอุทธรณโ์ ดยให้พมิ พ์จาก ระบบเครือขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th (2) ให้ยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ ณ สถานทแ่ี หง่ ใดแห่งหนง่ึ ดังต่อไปน้ี (ก) สำนักอทุ ธรณ์ภาษี กรมสรรพากร (ข) สำนกั งานสรรพากรภาคแห่งใดแหง่ หนึ่ง (ค) สำนกั งานสรรพากรพน้ื ทีแ่ หง่ ใดแห่งหนึ่ง 8.1.2 คณะกรรมการอทุ ธรณ์ (1) คณะกรรมการอุทธรณ์ ประกอบด้วย อธิบดีกรมสรรพากรหรอื ผู้แทน เปน็ ประธานผ้แู ทนสำนักงาน อัยการสงู สดุ และผูแ้ ทนกรมการปกครอง เปน็ กรรมการ (2) คณะกรรมการอทุ ธรณต์ ้องพจิ ารณาอทุ ธรณใ์ หแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน 180 วนั นับแต่วันท่ไี ด้รบั อุทธรณ์ ระยะเวลาดังกล่าวอธิบดีจะอนุมัตใิ ห้ขยายออกไปอกี ก็ได้แตไ่ มเ่ กนิ 90 วนั เมื่อพน้ กำหนดเวลาดงั กลา่ วใหผ้ อู้ ุทธรณ์มี สทิ ธฟิ ้องต่อศาลภาษีอากรได้ โดยไมต่ ้องรอฟงั ผลการพิจารณาของคณะกรรมการอทุ ธรณ์ แต่ต้องยน่ื ฟ้องภายใน180 นับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาดงั กลา่ ว 8.1.3 คำวินิจฉยั อุทธรณใ์ หท้ ำเปน็ หนังสอื และแจ้งให้ผอู้ ุทธรณท์ ราบภายในสิบห้าวันนับแตว่ ันทมี่ ีคำวนิ ิจฉยั 8.1.4 ผู้อุทธรณผ์ ้ใู ดไมพ่ อใจคำวนิ ิจฉัยของคณะกรรมการอทุ ธรณ์ ใหม้ ีสิทธิฟอ้ งต่อศาลภาษีอากรได้ภายใน 180 วนั นับแตว่ นั ท่ไี ดร้ ับทราบคำวนิ จิ ฉัยของคณะกรรมการอทุ ธรณ์ 8.2 การอุทธรณ์ไมเ่ ปน็ การทเุ ลาการเสยี ภาษีการรับมรดก เวน้ แตก่ รณที ่ีผู้อทุ ธรณ์ได้รบั อนมุ ตั จิ ากอธิบดีให้รอคำ วินจิ ฉัยอุทธรณห์ รอื คำพิพากษาได้ ก็ให้มหี น้าทชี่ ำระภายในสามสบิ วันนับแตว่ ันที่ไดร้ ับแจ้งคำวินจิ ฉยั อุทธรณห์ รอื ได้ รบั ทราบคำพิพากษาถงึ ท่ีสดุ แล้วแต่กรณี (มาตรา 27) 8.2.1 ในกรณที ่ีมคี ำวินจิ ฉัยอุทธรณ์ใหเ้ สียภาษกี ารรบั มรดกเพ่ิมขน้ึ ผู้อุทธรณ์จะตอ้ งชำระภายในสามสิบวนั นับ แต่วนั ท่ไี ดร้ ับแจ้งคำวนิ ิจฉยั อุทธรณห์ รอื ได้รบั ทราบคำพพิ ากษาถึงท่สี ดุ แล้วแต่กรณี 8.2.2 ในกรณีทมี่ ีคำวินิจฉัยอทุ ธรณห์ รือคำพิพากษาถงึ ท่สี ุดใหผ้ อู้ ทุ ธรณ์หรือผูฟ้ อ้ งคดีไม่ต้องเสียภาษกี ารรับ มรดกหรือเสียนอ้ ยลง ใหก้ รมสรรพากรคนื เงนิ ภาษกี ารรบั มรดกที่ตอ้ งคืนให้แก่ผู้อุทธรณ์หรอื ผฟู้ อ้ งคดภี ายในสามสิบ วันนบั แตว่ นั ที่มคี ำวนิ ิจฉยั หรือคำพิพากษาถึงทีส่ ดุ แลว้ แตก่ รณี 8.3 เพื่อประโยชน์ในการวนิ ิจฉัยอทุ ธรณ์ ให้ประธานคณะกรรมการอุทธรณ์มอี ำนาจเชน่ เดยี วกบั เจ้าพนกั งานประเมิน ตามมาตรา 21 (มาตรา 28) 9. บทกำหนดโทษ บทกำหนดโทษประกอบด้วยบทกำหนดโทษทางแพ่ง ได้แก่ เบีย้ ปรับและเงินเพม่ิ เป็นไปตามมาตรา 29 ถึงมาตรา 32 ในหมวด 5 แห่งพระราชบัญญัตภิ าษกี ารรบั มรดก พ.ศ. 2558 และบทกำหนดโทษทางอาญา ซง่ึ เปน็ ไปตามมาตรา 33 ถงึ มาตรา 38 ในหมวด 6 แห่งพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 ดงั นี้ 9.1 บทกำหนดโทษทางแพง่ 9.1.2 เบย้ี ปรบั (1) ผมู้ หี น้าทีเ่ สยี ภาษตี ้องเสยี เบย้ี ปรบั ในกรณแี ละอตั รา ดังตอ่ ไปน้ี (มาตรา 29)

(ก) มิได้ยนื่ แบบแสดงรายการภาษีการรับมรดกภายในกำหนดเวลา ใหเ้ สียเบ้ยี ปรับอีกหนึง่ เทา่ ของ เงนิ ภาษกี ารรับมรดกท่ตี อ้ งชำระ (ข) ยนื่ แบบแสดงรายการภาษีการรบั มรดกไว้ไม่ครบถว้ นหรอื ไม่ตรงตอ่ ความเปน็ จริง อันเป็นเหตุ ให้จำนวนภาษีการรับมรดกทีต่ อ้ งเสยี ขาดไป ให้เสยี เบยี้ ปรบั อีกศูนยจ์ ดุ ห้าเท่าของเงนิ ภาษกี ารรบั มรดกท่ีต้องเสยี เพมิ่ (2) เบีย้ ปรับอาจงดหรอื ลดลงไดต้ ามหลักเกณฑ์ และเง่ือนไขทีอ่ ธิบดกี รมสรรพากรประกาศกำหนดโดย ความเหน็ ชอบของรฐั มนตรแี ละประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ทง้ั น้ี หลักเกณฑ์ และเง่ือนไขดังกล่าวต้องระบุให้ชัดเจน ถึงเหตุแห่งการงดหรือลดเบี้ยปรบั โดยคำนงึ ถึงความสุจรติ และเหตุจำเปน็ ของผูม้ ีหนา้ ที่ต้องปฏบิ ัตติ ามพระราชบญั ญตั ิ นี้เป็นสำคญั (มาตรา 30) 9.1.3 ภายใต้บังคบั มาตรา 23 บคุ คลใดไมช่ ำระภาษีการรับมรดกใหค้ รบถ้วนภายในกำหนดเวลา ให้เสียเงนิ เพิม่ อีกร้อยละ 1.5 ตอ่ เดือนหรอื เศษของเดอื นของเงินภาษีการรบั มรดกทต่ี อ้ งชำระ โดยไม่รวมเบี้ยปรบั (มาตรา 31) ในกรณีทไ่ี ดม้ กี ารอนญุ าตใหเ้ ล่อื นกำหนดเวลาการชำระภาษีการรบั มรดก และได้มีการชำระภาษกี ารรบั มรดกภายในกำหนดเวลาทเี่ ลอ่ื นใหน้ ้ัน ให้ลดเงินเพมิ่ ลงเหลอื ร้อยละ 0.75 หา้ ตอ่ เดือนหรอื เศษของเดือน การคำนวณเงนิ เพ่มิ ให้เริ่มนบั เม่ือพน้ กำหนดเวลายน่ื แบบแสดงรายการภาษกี ารรบั มรดกจนถงึ วนั ท่ี ชำระภาษกี ารรบั มรดก แต่เงินเพิ่มทคี่ ำนวณไดม้ ใิ หเ้ กนิ จำนวนภาษีการรบั มรดกทีต่ ้องชำระ 9.1.4 เบ้ยี ปรบั และเงนิ เพิม่ ตามพระราชบัญญัตนิ ี้ ให้ถือเป็นเงนิ ภาษีการรับมรดก (มาตรา 32) 9.2 บทกำหนดโทษทางอาญา 9.2.1 ผใู้ ดไมย่ ืน่ แบบแสดงรายการภาษกี ารรับมรดกตามมาตรา 17 โดยไมม่ ีเหตอุ ันสมควร ตอ้ งระวางโทษปรับ ไมเ่ กนิ 500,000 บาท (มาตรา 33) 9.2.2 ผ้ใู ดไมป่ ฏบิ ัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมิน หรอื ไม่ยอมตอบคำถามของเจ้าพนกั งาน ประเมินตามมาตรา 21 หรอื ของประธานคณะกรรมการอทุ ธรณ์ตามมาตรา 28 หรือไมป่ ฏบิ ัตติ ามหมายเรียกหรือ คำสัง่ ของผู้มีอำนาจตามมาตรา 25 ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กนิ หนง่ึ เดอื น หรือปรับไมเ่ กินสองหมื่นบาท หรือทง้ั จำทงั้ ปรบั (มาตรา 34) 9.2.3 ผใู้ ดทำลาย ยา้ ยไปเสีย ซ่อนเร้น หรอื โอนไปให้แก่บคุ คลอ่ืนซง่ึ ทรัพยส์ ินทถี่ กู ยดึ หรืออายัดตามมาตรา 25 ต้องระวางโทษจำคกุ ไม่เกนิ สองปี และปรับไมเ่ กินส่ีแสนบาท ในกรณีผู้กระทำความผดิ ดังกล่าวเปน็ นติ ิบุคคล หากกรรมการผูจ้ ัดการ ผูจ้ ัดการ หรือผแู้ ทนของนติ ิ บคุ คลน้ันไดม้ สี ว่ นในการกระทำความผดิ ของนิติบคุ คล ใหก้ รรมการผู้จดั การ ผจู้ ัดการหรือผู้แทนนติ ิบคุ คลดงั กล่าว ตอ้ งรับโทษตามที่บัญญตั ไิ วใ้ นวรรคหนง่ึ ด้วย (มาตรา 35) เจา้ พนกั งานผู้ใดมหี น้าที่ปฏิบตั ิการตามพระราชบัญญัติภาษีการรบั มรดก พ.ศ. 2558 รขู้ อ้ มลู ของผมู้ ี หนา้ ท่เี สยี ภาษกี ารรับมรดก หรอื ของผอู้ ่ืนทเี่ กยี่ วข้อง นำออกแจ้งแก่บุคคลใดหรอื ทำให้รโู้ ดยวธิ ใี ด หรือปล่อยปละ ละเลย ให้ขอ้ มูลดงั กล่าวรูถ้ งึ บคุ คลทไี่ ม่มหี น้าท่ตี ้องรู้ โดยไมม่ ีอำนาจกระทำไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย ตอ้ งระวางโทษ จำคกุ ไมเ่ กินหน่ึงปี หรือปรบั ไม่เกินสองแสนบาท หรือท้งั จำทัง้ ปรบั เว้นแตเ่ ป็นการเปดิ เผยต่อเจ้าพนักงานประเมิน ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรเพือ่ ประโยชน์ในการปฏิบตั ิหน้าท่ีตามกฎหมาย (มาตรา 36) 9.2.4 ผูใ้ ด (มาตรา 37) (1) โดยรูอ้ ยู่แลว้ หรอื จงใจยื่นข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเทจ็ หรือตอบคำถามด้วยถอ้ ยคำอันเปน็ เท็จ หรอื นำพยานหลักฐานเทจ็ มาแสดงเพอ่ื หลกี เลี่ยงการเสียภาษกี ารรบั มรดก (2) โดยความเทจ็ โดยเจตนาละเลย โดยฉอ้ โกงหรอื ใช้อุบายโดยวิธีการอย่างหนง่ึ อย่างใด หลกี เลี่ยงหรือ พยายามหลีกเลี่ยงการเสยี ภาษีการรับมรดก หรอื (3) แนะนำหรือสนบั สนุนให้บุคคลอืน่ ใดกระทำการตาม (1) หรอื (2) ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรบั ไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทง้ั ปรับ

9.2.5 บรรดาความผิดตามมาตรา 33 มาตรา 34 และมาตรา 37 ให้อธบิ ดกี รมสรรพากรมอี ำนาจเปรียบเทยี บ ได้ (มาตรา 38) ถา้ ผมู้ ีหนา้ ทีเ่ สยี ภาษกี ารรับมรดกชำระค่าปรับตามท่เี ปรยี บเทียบภายในระยะเวลาทีอ่ ธบิ ดกี รมสรรพากร กำหนดแลว้ มิใหผ้ ู้มหี นา้ ทเ่ี สยี ภาษกี ารรบั มรดกถูกฟอ้ งรอ้ งต่อไปในกรณีแหง่ ความผดิ น้นั ถา้ อธิบดกี รมสรรพากรเห็นว่าไมค่ วรใชอ้ ำนาจเปรยี บเทียบ หรือเมอื่ เปรียบเทยี บแล้วผมู้ หี นา้ ทีเ่ สยี ภาษี การรบั มรดกไมย่ อมตามที่เปรยี บเทียบ หรอื ยอมแล้วแต่ไมช่ ำระคา่ ปรับภายในระยะเวลาทผี่ มู้ อี ำนาจเปรยี บเทียบ กำหนดใหด้ ำเนนิ การฟอ้ งรอ้ งตอ่ ไป และในกรณนี ้หี ้ามมใิ ห้ดำเนินการเปรยี บเทยี บตามกฎหมายอ่ืนอกี 10. บทสรุป ภาษีการรับมรดกเปน็ ภาษีอากรประเมนิ อกี ประเภทหนงึ่ แต่บัญญตั จิ ัดเกบ็ แยกต่างหากจากประมวลรษั ฎากร แตก่ ม็ ี ความสัมพันธ์เกยี่ วเน่อื งกนั กบั ภาษเี งินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการรับใหโ้ ดยเสน่หา ซึง่ บัญญตั ิจัดเกบ็ ภาษขี น้ึ พรอ้ มกนั กล่าวคือ ภาษเี งนิ ได้บคุ คลธรรมดาสำหรับการรบั ใหโ้ ดยเสนห่ าเปน็ กรณที ่ีผู้ให้โดยเสน่หายังคงมชี วี ติ อยู่ ในขณะทภ่ี าษี การรบั มรดกเปน็ กรณที ่เี จา้ มรดกถงึ แก่ความตายไปแล้ว ภาษเี งินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการรบั ให้โดยเสน่หาจงึ อาจ เกิดขนึ้ ได้ในหลายปภี าษี ในขณะทีภ่ าษีการรบั มรดกมีได้เพยี งครัง้ เดยี วสำหรับเจ้ามรดกแต่ละราย โดยมีผลใช้บังคับ ต้งั แต่วันท่ี 1 กมุ ภาพันธ์ 2559 การเสียภาษีการรบั มรดกและการปฏบิ ัตหิ นา้ ทีท่ างภาษกี ารรบั มรดกให้ถูกต้อง ครบถว้ นบริบูรณ์เป็นการขจดั ปัญหา ทางภาษกี ารรับมรดกไดโ้ ดยสนิ้ เชงิ เชน่ เดียวกบั ภาษีอากรประเภทอ่นื ๆ กลา่ วโดยสรุป 10.1 ผู้มหี น้าทเี่ สียภาษกี ารรบั มรดกและผู้ท่ีไดร้ ับยกเว้นภาษีการรบั มรดก 10.1.1 ผมู้ ีหน้าทีเ่ สยี ภาษีการรบั มรดก ได้แก่ (1) บคุ คลผู้มีสัญชาติไทย รวมทงั้ วนิติบุคคลท่จี ดทะเบยี นในประเทศไทย หรอื จัดตง้ั ขนึ้ โดยกฎหมายไทย หรือมีผูม้ สี ัญชาติไทยถอื ห้นุ เกนิ รอ้ ยละหา้ สบิ ของทนุ จดทะเบียนที่ชาระแลว้ ในขณะมีสทิ ธิได้รบั มรดก หรอื มผี ู้มสี ญั ชาติ ไทยเป็นผู้มีอานาจบรหิ ารกจิ การเกินกง่ึ หน่งึ ของคณะบคุ คลซึ่งมอี านาจบรหิ ารกจิ การทัง้ หมด เป็นบุคคลผมู้ ีสญั ชาติ ไทย (2) บุคคลธรรมดาผูม้ ไิ ดม้ สี ญั ชาตไิ ทย แตม่ ถี นิ่ ที่อยูใ่ นราชอาณาจกั รตามกฎหมายว่าดว้ ยคนเขา้ เมือง (3) บุคคลผ้มู ิไดม้ ีสญั ชาติไทย แต่ได้รับมรดกอันเปน็ ทรพั ยส์ ินที่อย่ใู นประเทศไทย 10.1.2 บุคคลทไ่ี ด้รับยกเวน้ ภาษีการรับมรดก ไดแ้ ก่ (1) ผู้ท่ีไดร้ ับมรดกจากเจ้ามรดกทีต่ ายก่อนวันทีก่ ฎหมายใช้บงั คับ (2) คสู่ มรสของเจ้ามรดก (3) บุคคลผูไ้ ด้รับมรดกที่เจา้ มรดกแสดงเจตนาหรือเห็นได้ว่ามคี วามประสงค์ให้ใช้มรดกนนั้ เพ่อื ประโยชน์ ในกิจการศาสนา กจิ การศกึ ษา หรอื กิจการสาธารณประโยชน์ (4) หน่วยงานของรัฐและนติ ิบุคคลท่ีมีวัตถปุ ระสงคเ์ พ่อื ประโยชน์ในกิจการศาสนา กิจการศกึ ษา หรือ กจิ การสาธารณประโยชน์ (5) บคุ คลหรอื องค์การระหว่างประเทศตามข้อผกู พันทีป่ ระเทศไทยมอี ยู่ตอ่ องคก์ ารสหประชาชาตหิ รือ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรอื ตามสญั ญาหรือตามหลกั ถ้อยทถี ้อยปฏิบัตติ อ่ กันกบั นานาประเทศ 10.2 ฐานภาษีการรับมรดกและทรัพยส์ นิ ท่ตี ้องเสียภาษีการรบั มรดก 10.2.1 มรดกทผ่ี ูร้ บั มรดกไดร้ บั จากเจา้ มรดกแตล่ ะราย ไม่วา่ จะไดร้ บั มาในคราวเดียวหรือหลายคราว ถา้ มรดกท่ี ได้รบั จากเจ้ามรดกแต่ละรายรวมกนั มมี ูลคา่ เกนิ 100 ลา้ นบาท (1) บุคคลธรรมดาหรอื นติ บิ คุ คลท่ีมสี ัญชาตไิ ทย หรอื บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยแตม่ ถี นิ่ ทอ่ี ยใู่ น ราชอาณาจักรตามกฎหมายวา่ ด้วยคนเข้าเมือง ได้แก่ ทรพั ย์สนิ ทัง้ ทีอ่ ยู่ในประเทศไทยและนอกประเทศไทย

(2) บคุ คลธรรมดาหรือนิตบิ ุคคลทไี่ มม่ สี ัญชาตไิ ทย ได้แก่ ทรัพย์สนิ ทอ่ี ยู่ในประเทศไทย 10.2.2 มรดกซง่ึ ต้องเสียภาษี ได้แก่ ทรัพย์สินดังตอ่ ไปน้ี (1) อสงั หารมิ ทรัพย์ (2) หลักทรพั ย์ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยหลกั ทรัพยแ์ ละตลาดหลกั ทรพั ย์ (3) เงนิ ฝากหรือเงินอ่นื ใดที่มีลักษณะอย่างเดยี วกนั ทเี่ จา้ มรดกมีสทิ ธเิ รียกถอนคืนจากสถาบนั การเงนิ หรือ บคุ คลทไี่ ด้รับเงนิ นนั้ ไว้ (4) ยานพาหนะที่มหี ลักฐานทางทะเบยี น (5) ทรัพย์สนิ ทางการเงนิ ทีก่ ำหนดเพ่มิ ขนึ้ โดยพระราชกฤษฎกี า 10.2.3 ใหใ้ ชร้ าคาหรือมลู คา่ อันพึงมีในวันท่ไี ด้รบั มรดก ดังนี้ (1) กรณีอสังหารมิ ทรัพย์ ให้ใช้ราคาประเมินทุนทรัพยข์ องอสงั หาริมทรพั ยเ์ พ่อื เรยี กเก็บค่าธรรมเนียมจด ทะเบียนสิทธแิ ละนติ กิ รรมตามประมวลกฎหมายท่ีดิน หักด้วยภาระที่ถูกรอนสทิ ธิตามหลักเกณฑ์ทกี่ ำหนดใน กฎกระทรวง (2) กรณีหลักทรพั ยท์ จ่ี ดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรัพยแ์ หง่ ประเทศไทย ใหถ้ อื เอาราคาของหลักทรพั ยใ์ นเวลา สนิ้ สุดเวลาทำการของตลาดหลักทรพั ยใ์ นวันไดร้ บั มรดก (3) กรณีอ่ืน ใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑ์ท่ีกำหนดในกฎกระทรวง 10.3 อตั ราภาษีการรับมรดกของมลู ค่ามรดกในส่วนท่เี กนิ 100 ล้านบาท กรณผี ู้ไดร้ บั มรดกทม่ี ใิ ชบ่ พุ การี หรือผสู้ ืบสนั ดานใหเ้ สยี ภาษใี นอัตรารอ้ ยละ 10 ของมลู คา่ มรดกในส่วนท่ตี ้องเสีย ภาษกี ารรบั มรดก กรณผี ูไ้ ด้รับมรดกเปน็ บพุ การี หรือผู้สืบสันดานใหเ้ สยี ภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของมลู ค่ามรดกในสว่ นทต่ี อ้ งเสีย ภาษีการรบั มรดก 10.4 วธิ กี ารเสียภาษกี ารรบั มรดก 10.4.1 การย่นื แบบแสดงรายการภาษแี ละการชาระภาษีการรบั มรดก (1) ผู้มหี น้าท่ีเสยี ภาษีจะต้องยน่ื แบบตามทอ่ี ธบิ ดีกำหนดภายใน 150 วนั นบั แต่วันทีไ่ ดร้ ับมรดกซ่งึ มี มูลค่ารวมเกินกว่า 100 ลา้ นบาท หรือภายในกำหนดเวลาทอี่ ธิบดขี ยายให้ โดยจะย่ืนและชำระ ณ สานกั งานสรรพากร พ้ืนทสี่ าขา ในกรณีที่ผู้รบั มรดกเปน็ ผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ให้ผูแ้ ทนโดย ชอบธรรม ผอู้ นุบาลหรอื ผู้พทิ ักษ์ เปน็ ผู้มหี นา้ ทีป่ ฏิบัติการแทน (2) ผมู้ ีหน้าท่เี สียภาษีจะผอ่ นชาระภาษีภายในเวลาไม่เกิน 5 ปกี ็ได้ กรณผี ่อนชำระครบถ้วนภายใน 2 ปี ได้รบั ยกเวน้ ไม่ต้องเสยี เงนิ เพิม่ กรณีผ่อนชำระครบถว้ นเกนิ 2 ปี แต่ไมเ่ กิน 5 ปี ใหเ้ สียเงินเพมิ่ บางสว่ น (ตามท่กี ำหนดในพระ ราชกฤษฎกี าฯ) 10.4.2 การประเมนิ ภาษเี รียกเก็บภาษีการรบั มรดกโดยเจา้ พนกั งานประเมนิ (1) กรณียนื่ แบบและชาระภาษภี ายในกำหนดเวลา (150 วัน) เจา้ พนักงานประเมนิ ตอ้ งประเมนิ ภาษใี ห้ แลว้ เสรจ็ ภายใน 1 ปี นบั แตว่ นั ท่ีย่นื แบบ (ขยายไดไ้ ม่เกิน 3 ปี) โดยไม่ใหค้ ดิ เบีย้ ปรบั หรือเงนิ เพมิ่ หากมีภาษที ี่ตอ้ ง เสยี เพม่ิ และได้ชาระภายใน 30 วันนับแตว่ ันทไี่ ด้รบั หนังสือแจง้ (2) กรณไี มย่ น่ื แบบภายในกำหนดเวลา เจ้าพนักงานประเมินมอี ำนาจประเมนิ ภาษภี ายใน 10 ปนี บั แต่ วนั สดุ ทา้ ยของการยื่นแบบแสดงรายการภาษี 10.4.3 เบย้ี ปรับ (1) ไมไ่ ด้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในกำหนดเวลา เสียเบยี้ ปรับอีก 1 เทา่ ของเงินภาษีทีต่ ้องชาระ

(2) ย่ืนแบบแสดงรายการภาษไี ว้ไม่ครบถว้ นหรือไม่ตรงตอ่ ความเป็นจริง อันเปน็ เหตุให้จานวนภาษที ต่ี อ้ ง เสียขาดไป เสียเบ้ียปรบั อกี 0.5 เทา่ ของเงนิ ภาษีท่ตี ้องเสยี เพ่ิม (3) เบี้ยปรบั อาจงดหรอื ลดลงได้ตามหลกั เกณฑแ์ ละเง่อื นไขทอี่ ธบิ ดปี ระกาศกำหนดโดยความเหน็ ชอบ ของรัฐมนตรแี ละประกาศในราชกจิ จานุเบกษา 10.4.4 เงินเพม่ิ (1) ไม่ชาระภาษีใหค้ รบถว้ นภายในกำหนดเวลา ให้เสยี เงินเพิ่มอกี ร้อยละ 1.5 ตอ่ เดือนหรือเศษของ เดือนของเงนิ ภาษีที่ต้องชาระ โดยไมร่ วมเบยี้ ปรบั (2) กรณที ่ไี ด้รบั อนญุ าตให้เล่อื นกำหนดเวลาการชาระภาษี และไดช้ าระภาษภี ายในกาหนดเวลาท่เี ล่ือน ใหน้ ั้น เงนิ เพิ่มลดลงเหลอื รอ้ ยละ 0.75 ตอ่ เดอื นหรือเศษของเดือน (3) การคำนวณเงินเพิ่ม ให้เริม่ นบั เม่ือพน้ กำหนดเวลายน่ื แบบจนถึงวนั ท่ีชาระภาษี แต่เงินเพมิ่ ที่คำนวณ ไดม้ ิให้เกินจานวนภาษที ่ีตอ้ งชาระ 10.5 การขอคนื ภาษี 10.5.1 ยนื่ คำร้องขอคนื ภาษีไดภ้ ายใน 5 ปี นับแต่วันท่ีชาระภาษที ้ังหมด ณ สานักงานสรรพากรพ้ืนท่สี าขา 10.5.2 เจ้าพนักงานประเมนิ ต้องตรวจสอบใหแ้ ลว้ เสร็จภายใน 150 วัน นับแต่วนั ไดร้ ับคาร้อง และมหี นังสอื แจ้ง ผยู้ นื่ คำร้องภายใน 15 วนั นบั แตว่ ันท่ีตรวจสอบแล้วเสร็จ 10.5.3 กรณที ต่ี ้องคืนภาษี ให้คนื เงนิ ภาษใี หเ้ สร็จภายใน 30 วนั นบั แตว่ ันที่ตรวจสอบแล้วเสร็จ 10.5.4 ผขู้ อคืนไม่มีสทิ ธิเรียกดอกเบย้ี จากเงินภาษีที่คนื 10.6 การอุทธรณ์ 10.6.1 กรณผี มู้ ีหน้าทเ่ี สียภาษีไมเ่ ห็นด้วยกับผลการประเมนิ ภาษขี องเจ้าพนักงานประเมิน มีสทิ ธอิ ุทธรณต์ อ่ คณะกรรมการอุทธรณภ์ ายใน 30 วัน นบั แตว่ ันได้รับแจ้งการประเมินภาษี 10.6.2 คณะกรรมการอุทธรณ์ ตอ้ งพจิ ารณาให้แลว้ เสร็จภายใน 180 วัน นบั แต่วันทีไ่ ดร้ บั อุทธรณ์ (ขยายได้ไม่ เกนิ 90 วนั ) และให้แจง้ คำวนิ จิ ฉยั อทุ ธรณเ์ ป็นหนงั สอื ภายใน 15 วัน นบั แต่วันมคี ำวนิ ิจฉัย 10.6.3 ผูอ้ ุทธรณม์ สี ิทธิฟอ้ งตอ่ ศาลภาษีอากร ภายใน 180 วัน นบั แต่วันทไ่ี ดร้ ับทราบคำวนิ ิจฉัย หรือพ้น กำหนดเวลาหากคณะกรรมการอทุ ธรณพ์ ิจารณาไมแ่ ล้วเสรจ็ ภายใน 180 วัน หรอื 90 วนั ทไี่ ด้ขยาย โดยไมต่ ้องรอฟงั ผลการพจิ ารณาของคณะกรรมการอทุ ธรณ์ 10.6.4 คณะกรรมการอุทธรณ์ประกอบดว้ ย อธบิ ดกี รมสรรพากรหรือผ้แู ทนเปน็ ประธาน ผ้แู ทนสำนักงานอยั การ สงู สดุ และผ้แู ทนกรมการปกครอง เป็นกรรมการ 10.7 บทกำหนดโทษ 10.7.1 ไม่ยนื่ แบบโดยไม่มเี หตอุ ันสมควร ต้องระวางโทษปรับไมเ่ กนิ 500,000 บาท 10.7.2 ไม่ปฏิบตั ิตามหมายเรยี กหรอื คำสง่ั ของเจ้าพนักงานประเมิน หรอื ไม่ยอมตอบคำถามของเจา้ พนักงาน ประเมนิ หรือของประธานคณะกรรมการอุทธรณ์ ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรบั ไมเ่ กิน 20,000 บาท หรอื ทั้งจำท้ังปรบั 10.7.3 ทำลาย ย้ายไปเสยี ซ่อนเร้น หรือโอนทรพั ยส์ นิ ที่ถูกยดึ หรอื อายัดไปให้แกบ่ ุคคลอืน่ ตอ้ งระวางโทษจำคุก ไม่เกนิ 2 ปี และปรับไมเ่ กิน 400,000 บาท ทงั้ นี้ ในกรณผี กู้ ระทำความผดิ เป็นนติ บิ ุคคลใหก้ รรมการผู้จดั การ ผูจ้ ัดการ หรือผแู้ ทนนิตบิ คุ คล ผ้มู ีสว่ นในการกระทำความผดิ ของนิตบิ คุ คล รับโทษ 10.7.4 จงใจยืน่ ข้อความเท็จ หรอื ใหถ้ อ้ ยคำเท็จ หรือตอบคำถามดว้ ยถอ้ ยคำอันเป็นเทจ็ หรอื นำพยานหลกั ฐาน เทจ็ มาแสดงเพ่อื หลกี เลยี่ งการเสียภาษี หรอื โดยความเทจ็ โดยเจตนาละเลย โดยฉ้อโกงหรือใช้อุบายโดยวธิ ีการอย่าง หนึ่งอยา่ งใด หลกี เล่ียง หรอื พยายามหลกี เลี่ยงการเสยี ภาษี หรือแนะนำหรอื สนับสนนุ ใหบ้ คุ คลอน่ื ใดกระทาการ ดังกลา่ ว ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ 1 ปี หรือปรับไมเ่ กนิ 200,000 บาท หรอื ทง้ั จำทง้ั ปรับ

10.7.5 เจ้าพนกั งานร้ขู ้อมลู ของผู้มหี นา้ ทีเ่ สียภาษี หรอื ของผู้อนื่ ท่เี กย่ี วขอ้ ง แล้วนำออกแจง้ แก่บุคคลใดหรือทำ ใหร้ ู้โดยวธิ ใี ด หรือปล่อยปละละเลยให้ขอ้ มูลดังกลา่ วรถู้ ึงบุคคลทไี่ ม่มีหนา้ ที่ตอ้ งรู้ โดยไมม่ อี านาจกระทำไดโ้ ดยชอบ ด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคกุ ไม่เกนิ 1 ปี หรือปรบั ไม่เกิน 200,000 สองแสนบาท หรอื ทง้ั จำทงั้ ปรับ ภาษกี ารรบั มรดก ท่มี า : ความรู้เรอ่ื งภาษี > ภาษีการรับมรดก http://www.rd.go.th/publish/27614.0.html ÀÒÉÕ¡ÒÃÃºÑ Áô¡ ໚¹ÀÒÉÕ·Õàè ¡ºç ¨Ò¡ÁÙŤҋ Áô¡·èÕ·ÒÂÒ·áµÅ‹ Ф¹ä´ŒÃѺ¨Ò¡¡Í§Áô¡ â´Â·èÕผรู้ บั มรดกเป็นผ้มู ี หนา้ ทเ่ี สียภาษี áÅÐÁ¡Ñ ¨ÐÁÕ¡ÒáíÒ˹´¤‹ÒÅ´ËÂ͋ ¹áÅÐ굄 ÃÒÀÒÉÕ·Õè໚¹»ÃÐ⪹¡ ºÑ ¼ÙŒÃºÑ Áô¡·ÕèÁ¤Õ ÇÒÁÊÁÑ ¾Ñ¹¸ã ¡ÅŒª´Ô ¡Ñº¼ÙµŒ Ò ·Òí ãˌ¼ŒÙÃѺÁô¡·èÁÕ Õ¤ÇÒÁã¡ÅŒª´Ô ¡ºÑ ¼ŒµÙ ÒÂÁÀÕ ÒÃÐÀÒÉ·Õ ¹èÕ ŒÍÂ¡Ç‹Ò¼ÙŒÃºÑ Áô¡áµ‹ÅФ¹ÁÒ¡¡Çҋ à¾ÃÒÐÃºÑ ÀÒÃÐ ÀÒÉµÕ ÒÁÊѴʋǹÁÙŤ‹Ò¢Í§Áô¡·µèÕ ¹ä´ŒÃѺ

คÒí Çҋ “Áô¡” ã¹¾ÃÐÃÒªº­Ñ ­µÑ ÀÔ ÒÉÕ¡ÒÃÃѺÁô¡ ¾.È. 2558 ÁÔ䴌¡íÒ˹´คÇÒÁËÁÒ¢ͧÁô¡äÇ⌠´Â੾ÒР͌ҧÍÔ§ คÇÒÁËÁÒµÒÁÁÒµÃÒ 1599-1600 »ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂá¾§‹ áÅоҳªÔ  ¡Åҋ ÇäÇnj ‹Ò àÁè×ͺคØ คÅã´µÒ Áô¡¢Í§ºØคคʹéÑ Â͋ Áµ¡ทʹᡋทÒÂÒททѹทÕ â´ÂÁô¡¢Í§¼ÙµŒ Ò 䴌ᡋ ทÃѾÊÔ¹ท¡Ø ª¹Ô´¢Í§¼ŒµÙ Ò µÅÍ´ทÑé§ÊÔท¸Ô ˹ŒÒทÕáè ÅÐคÇÒÁÃѺ¼Ô´ µÒ‹ § æ ´ŒÇ «Ö§è ทÒÂÒท¢Í§¼ÙµŒ Òµ͌ §ÃѺÊ׺ทʹ˹ÕéÊÔ¹¢Í§¼µŒÙ ÒÂ仾ÌÍÁ¡ÑºทÃ¾Ñ Âʏ Ô¹à¾Í×è คÇÒÁ໹š ¸ÃÃÁ ¨Ö§¡Òí ˹´ ¢Íºà¢µคÇÒÁÃºÑ ¼´Ô ªÍºänjà¾ÂÕ §äÁ‹à¡Ô¹ÁÙÅคҋ ¢Í§Áô¡ทèµÕ ¹ä´ŒÃºÑ ÁÒ ¡Í§Áô¡¢Í§¼µŒÙ Ò Â͋ Áµ¡ทʹᡋทÒÂÒทâ´ÂÊÔท¸µÔ ÒÁ¡®ËÁÒ ËÃÍ× â´Â¾Ô¹Ñ¡ÃÃÁ 1. ทÒÂÒทâ´ÂÊÔท¸ÔµÒÁ¡®ËÁÒ 䴌ᡋ ¼ÊŒÙ º× Êѹ´Ò¹ º´Ô ÒÁÒÃ´Ò ¾Õ¹è ͌ §ÃNj Áº´Ô ÒÁÒôÒà´ÕÂǡѹ ¾Õ蹌ͧÃNj Áº´Ô Ò ËÃÍ× ÃNj ÁÁÒôÒà´ÂÕ Ç¡¹Ñ »†Ù Âҋ µÒ ÂÒÂ ÅØ§ »‡Ò ¹ÒŒ ÍÒ µÒÁÅÒí ´ÑºทèÕ¡®ËÁÒ¡íÒ˹´änj 2. ทÒÂÒทâ´Â¾¹Ô ÂÑ ¡ÃÃÁ 䴌ᡋ ¼Ãٌ ºÑ ¾Ô¹Ñ¡ÃÃÁ ÀÒÉ¡Õ ÒÃÃѺÁô¡ (Inheritance Tax) à¡´Ô ¢Ö¹é àÁ×Íè à¨ÒŒ Áô¡µÒ ¼ŒÙÃѺÁô¡¨Ò¡à¨ÒŒ Áô¡ ᵋÅÐÃÒÂä´ÃŒ ѺÁô¡ ÊทØ ¸ÁÔ Òã¹คÃÒÇà´ÂÕ ÇËÃ×ÍËÅÒÂคÃÒÇ ÃÇÁ¡¹Ñ áŌÇÁÁÕ ÙÅคҋ à¡Ô¹¡Çҋ 100 ÅҌ ¹ºÒท ÁÕ˹ŒÒทµÕè ŒÍ§àÊÕÂÀÒÉµÕ ÒÁทèÕ¡®ËÁÒ ¡Òí ˹´ ¡®ËÁÒÂทÕèà¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§¡ºÑ ÀÒÉÕ¡ÒÃÃºÑ Áô¡ - »ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂᾋ§áÅоҳԪ ºÃþ 6 Áô¡ ÁÒµÃÒ 1599 - ÁÒµÃÒ 1755 - ¾ÃÐÃÒªºÑ­­ÑµÔÀÒÉ¡Õ ÒÃÃºÑ Áô¡ ¾.È. 2558 - ¾ÃÐÃÒªºÑ­­µÑ áÔ ¡Œä¢à¾ÁÔè àµÁÔ »ÃÐÁÇÅÃÑɮҡà (©ººÑ ทÕè 40) ¾.È. 2558 - ¾ÃÐÃÒª¡ÄÉ®¡Õ Ò ¡Òí ˹´ËÅ¡Ñ à¡³± ÇÔ¸¡Õ Òà áÅÐà§×è͹䢡Òü‹Í¹ªíÒÃÐÀÒÉ¡Õ ÒÃÃѺÁô¡ ¾.È. 2559

¼ŒÙÁËÕ ¹ÒŒ ทèàÕ ÊÕÂÀÒÉÕ¡ÒÃÃѺÁô¡ ä´áŒ ¡‹ ¼ÙŒä´ÃŒ ºÑ Áô¡¨Ò¡à¨ÒŒ Áô¡áµÅ‹ ÐÃÒ äÁ‹Çҋ ¨Ðä´ÃŒ ºÑ ÁÒã¹คÃÒÇà´ÂÕ ÇËÃÍ× ËÅÒÂคÃÒÇ ถŒÒÁô¡ทäÕè ´ŒÃѺÁҨҡ਌ÒÁô¡áµÅ‹ ÐÃÒÂÃÇÁ¡Ñ¹ÁÁÕ ÅÙ คҋ ¢Í§ทÃ¾Ñ ÂÊÔ¹ทé§Ñ ʹéÔ ทÕèä´ŒÃºÑ à»š¹Áô¡ ËÑ¡´ŒÇÂÀÒÃÐ˹ÕéÊÔ¹Í¹Ñ µ¡ ทÍ´ÁÒ¨Ò¡¡ÒÃÃºÑ Áô¡à¡Ô¹ 100 ŌҹºÒท µŒÍ§àÊÕÂÀÒÉàÕ ©¾ÒÐÊNj ¹ทÕèà¡¹Ô 100 ÅҌ ¹ºÒท ÊÒí ËÃѺ¼ÃŒÙ ѺÁô¡ ´§Ñ ¹Õé 1. ºØคคŸÃÃÁ´Ò ä´áŒ ¡‹ ºคØ คŴѧµ‹Í仹Õé (1) ºคØ คżŒÙÁÊÕ ­Ñ ªÒµäÔ ท (2) ºØคคŸÃÃÁ´Ò¼ŒÁÙ äÔ ´ŒÁÕÊ­Ñ ªÒµÔäท ᵋÁถÕ ¹èÔ ทèÕÍ‹Ùã¹ÃÒªÍҳҨѡõÒÁ¡®ËÁÒÂÇҋ ´ŒÇÂค¹à¢ŒÒàÁÍ× § (3) ºคØ คŸÃÃÁ´Ò¼ŒÙÁäÔ ´ÁŒ ÊÕ Ñ­ªÒµäÔ ท áµä‹ ´ÃŒ ѺÁô¡Íѹ໹š ทÃÑ¾ÂÊ¹Ô ทèÕÍ‹ãÙ ¹»ÃÐàทÈäท ºØคคŸÃÃÁ´ÒµÒÁ (1) (2) ãËàŒ ÊÕÂÀÒÉÕ¨Ò¡ทÃ¾Ñ Âʏ ¹Ô ทéѧทÍÕè Âã‹Ù ¹»ÃÐàทÈäทÂáÅй͡»ÃÐàทÈ ºคØ คŵÒÁ (3) ãˌàÊÂÕ ÀÒÉ¨Õ Ò¡ทÃÑ¾ÂÊ¹Ô ทèÍÕ Âãً ¹»ÃÐàทÈäท 2. ¹µÔ ºÔ คØ คÅทÕèÁÊÕ ­Ñ ªÒµÔäท ä´áŒ ¡‹ ¹ÔµÔºคØ คÅทถèÕ Í× Ç‹Ò໹š ºคØ คÅÁèÕÁÊÕ ­Ñ ªÒµÔäทµÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑ­­µÑ ÔÀÒÉ¡Õ ÒÃÃѺÁô¡ ¾.È. 2559 ´§Ñ µ‹Í仹éÕ (1) ໚¹¹ÔµºÔ ØคคÅทèÕ¨´ทÐàºÂÕ ¹ã¹»ÃÐàทÈäท ËÃ×Í (2) ¹ÔµºÔ คØ คÅทÕè¨´Ñ µÑé§¢Öé¹µÒÁ¡®ËÁÒÂã¹»ÃÐàทÈäท ËÃÍ× (3) ໹š ¹µÔ ÔºØคคÅทÕè¼ÙŒÁÊÕ ­Ñ ªÒµÔäท ถ×ÍËØ¹Œ à¡Ô¹ÃŒÍÂÅÐ 50 ¢Í§ท¹Ø ¨´ทÐàºÂÕ ¹ทªèÕ íÒÃÐáÅnj ã¹¢³ÐÁÕÊทÔ ¸äÔ ´ÃŒ Ѻ Áô¡ ËÃÍ× (4) ໚¹¹µÔ ÔºØคคÅทÕ輌ÁÙ ÕÊ­Ñ ªÒµÔäท ໹š ¼ŒÙÁÕÍÒí ¹Ò¨ºÃËÔ ÒáԨ¡ÒÃà¡Ô¹¡§èÖ Ë¹Ö觢ͧค³ÐºØคคÅ«è§Ö ÁÍÕ Òí ¹Ò¨ºÃÔËÒà ¡¨Ô ¡ÒÃทÑé§ËÁ´ ¹µÔ ºÔ ØคคŵÒÁ (1) – (4) ãËàŒ ÊÕÂÀÒÉÕ¡ÒÃÃѺÁô¡¨Ò¡Áô¡ทÕèä´ŒÃºÑ à»¹š ทÃ¾Ñ Âʏ ¹Ô ท§éÑ ทÕÍè ÂÙ㋠¹»ÃÐàทÈäทÂáÅÐ ¹Í¡»ÃÐàทÈ 3. ¡Ã³Õ¼ทŒÙ Õèä´ÃŒ ѺÁô¡à»š¹¹ÔµÔºØคคÅทèÁÕ Ôä´ถŒ ×ÍNjÒ໚¹ºØคคżٌÁÕÊÑ­ªÒµÔäทµÒÁ 2. áµä‹ ´ÃŒ ѺÁô¡Íѹ໹š ทÃ¾Ñ Âʏ ¹Ô ทÕè ÍÂãً ¹»ÃÐàทÈäท ãˌàÊÂÕ ÀÒÉÕ¨Ò¡ทÃѾÂʏ ¹Ô ทèÕÍ‹ãÙ ¹»ÃÐàทÈäทÂ

หน้า ๑ เลม่ ๑๓๒ ตอนท่ี ๗๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ สงิ หาคม ๒๕๕๘ __________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ พระราชบญั ญัติ ภาษีอากรรบั มรดก พ.ศ. ๒๕๕๘ ___________________ ภูมพิ ลอดุลยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เปน็ ปีท่ี ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ประกาศว่า โดยทีส่ มควรมกี ฎหมายวา่ ดว้ ยภาษีการรบั มรดก จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัตนิ ้ขี ้ึนไวโ้ ดยคำแนะนำและยนิ ยอมของ สภาพนติ บิ ัญญตั ิแหง่ ชาติ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ ¾ÃÐÃÒªº­Ñ ­Ñµ¹Ô éÕàÃÂÕ ¡Çҋ “¾ÃÐÃÒªº­Ñ ­ÑµÔÀÒÉ¡Õ ÒÃÃºÑ Áô¡ ¾.È. òõõù“ มาตรา ๒ ¾ÃÐÃÒªº­Ñ ­ÑµÔ¹éãÕ ËŒãªºŒ §Ñ คѺàÁ×è;Œ¹¡Òí ˹´Ë¹è֧ÌÍÂá»´ÊÔºÇѹ¹ÑºáµÇ‹ ¹Ñ »ÃСÒÈã¹ÃÒª ¡¨Ô ¨Ò¹Øàº¡ÉÒ໚¹µ¹Œ ä» (ประกาศ ร.จ. ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ มผี ลใชŒบังคับ ๑ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๕๙) มาตรา ๓ พระราชบญั ญัตนิ ี้ไม่ใช้บังคบั แก่ (๑) มรดกทีเ่ จา้ มรดกตายก่อนวันทีพ่ ระราชบัญญัตินใี้ ช้บังคบั (๒) มรดกทีค่ สู่ มรสของเจ้ามรดกไดร้ ับจากเจ้ามรดก มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั นิ ี้ “ภาษี” หมายความว่า ภาษีการรับมรดกทจ่ี ดั เกบ็ ตามพระราชบัญญตั นิ ้ี “ประเทศไทย” หมายความรวมถึงเขตไหลท่ วปี ท่เี ป็นสทิ ธขิ องประเทศไทย “เจ้าพนักงานประเมนิ ” หมายความวา่ บคุ คลซึ่งรัฐมนตรีแตง่ ตัง้ จากขา้ ราชการ เพ่อื ทำหน้าทีป่ ระเมินภาษี (ประกาศกระทรวงการคลัง วา‹ ดŒวยการแตง‹ ตงั้ เจาŒ พนกั งาน ลว. 27 มกราคม 2559) ขŒอ 1 ใหŒบคุ คลดงั ต‹อไปน้ี เปนš เจาŒ พนักงานประเมนิ ตามพระราชบญั ญัติภาษกี ารรบั มรดก พ.ศ.2558 (1) อธิบดกี รมสรรพากร (2) รองอธิบดกี รมสรรพากร (3) ผŒูอำนวยการสำนกั ตรวจสอบภาษอี ากรกลาง กรมสรรพากร (4) นักตรวจสอบภาษเี ชยี่ วชาญ สำนักตรวจสอบภาษีอากรกลาง กรมสรรพากร

หน้า ๒ เลม่ ๑๓๒ ตอนที่ ๗๒ ก ราชกิจจานเุ บกษา ๕ สงิ หาคม ๒๕๕๘ __________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ “อธบิ ด”ี หมายความว่า อธิบดีกรมสรรพากรหรอื ผู้ทอี่ ธบิ ดีกรมสรรพากร มอบหมาย “รัฐมนตร”ี หมายความวา่ รัฐมนตรผี ูร้ ักษาการตามพระราชบัญญตั ิน้ี มาตรา ๕ ใหร้ ัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลงั รักษาการตามพระราชบัญญตั ิน้ี และใหม้ ี อำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ กฎกระทรวงนน้ั เม่ือไดป้ ระกาศในราชกจิ จานุเบกษาแล้วให้ใชบ้ งั คับได้ (กำหนดทรัพยส ินที่อยู‹ในประเทศไทยซึ่งตอŒ งเสียภาษีการรับมรดก พ.ศ.2559) (กำหนดหลกั เกณฑการหักภาระท่ถี ูกรอนสทิ ธใิ นการคำนวณมูลคา‹ อสังหาริมทรพั ยท่ีเปนš มรดก พ.ศ.2559) (กำหนดหลักเกณฑก ารคำนวณมูลค‹าของทรพั ยสนิ ทต่ี Œองเสยี ภาษีการรบั มรดก พ.ศ.2559) หมวด ๑ บททั่วไป _______________ มาตรา ๖ การจัดเกบ็ ภาษีตามพระราชบัญญัตินใี้ ห้เป็นอำนาจหน้าทขี่ องกรมสรรพากร มาตรา ๗ ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ ความสามารถ ให้ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์เป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการใด ๆ ตาม พระราชบญั ญตั นิ แ้ี ทนผูเ้ ยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ แล้วแตก่ รณี มาตรา ๘ กำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการหรือแจ้งรายการต่าง ๆ การอุทธรณ์และ การเสียภาษีตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ถ้าผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกำหนดเวลาดังกล่าวมีเหตุจำเป็น จนไม่สามารถจะปฏิบัติตามกำหนดเวลาได้หรือมิได้อยู่ในประเทศไทย อธิบดีจะอนุญาติให้เลื่อนกำหนดเวลา ออกไปอกี ตามความจำเป็นแก่กรณีกไ็ ด้ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเป็นการทั่วไปที่จะทำให้ผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ไม่อาจ ปฏิบัติภายในกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัตินี้ได้ อธิบดีจะประกาศขยายกำหนดเวลาออกไปตามสมควร จนกว่าเหตุดังกล่าวจะหมดสิ้นไปก็ได้ และเมื่อได้ขยายกำหนดเวลาออกไปแล้ว ให้ถือว่ากำหนดเวลาที่ขยาย ออกไปน้นั เป็นกำหนดเวลาทีก่ ำหนดตามพระราชบัญญตั นิ ้ี หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนหรือขยายกำหนดเวลาของอธิบดีตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เปน็ ไปตามทรี่ ัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๙ เอกสารที่มีถึงบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ตอบรับ หรือให้เจ้าพนักงานสรรพากรนำไปส่ง ณ ภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงานของบุคคลนั้น ใน ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของบุคคลนั้น ถ้าไม่พบผู้รับ ณ ภูมิลำเนา หรือถิ่น ที่อยู่ หรือสำนักงานของผู้รับ จะส่งให้แก่บุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วและอยู่หรือทำงานในบ้านหรือ สำนกั งานทป่ี รากฎว่าเปน็ ของผ้รู บั นน้ั กไ็ ด้ ในกรณีที่ไมส่ ามารถสง่ เอกสารตามวิธีท่ีกำหนดในวรรคหนึง่ หรือบุคคลน้นั ออกไปนอกประเทศ ไทยให้ใชว้ ิธีปดิ หมายเอกสารน้ันในทซ่ี ึ่งเหน็ ได้ง่าย ณ ที่อย่หู รือสำนักงานของบุคคลนั้น หรือบ้านที่บคุ คลนั้นมี

หน้า ๓ เล่ม ๑๓๒ ตอนท่ี ๗๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ __________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ ชอื่ อยใู่ นทะเบียนบา้ นตามกฎหมายว่าดว้ ยการทะเบียนราษฎรครั้งสุดทา้ ย หรอื จะโฆษณาข้อความยอ่ ใน หนงั สอื พิมพท์ ่ีจำหน่ายเปน็ ปกติในท้องท่นี ั้น หรอื โดยวิธีการอนื่ ใดตามทีอ่ ธบิ ดกี ำหนดก็ได้ เมื่อได้ปฏิบัติตามวิธีการดังกล่าวในวรรคหนึ่งหรือวรรคสองแล้ว ให้ถือว่าเป็นอันได้รับเอกสารนั้น แลว้ มาตรา ๑๐ เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ ได้มาโดยทางมรดก ให้แจ้งการจดทะเบียนนั้นต่อกรมสรรพากร ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และภายใน กำหนดเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด หมวด ๒ การเสยี ภาษี _______________ มาตรา ๑๑ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๒ ให้บุคคลผู้ได้รับมรดกดังต่อไปนี้เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษี ตามบทบัญญตั แิ หง่ พระราชบัญญตั ินี้ (๑) บุคคลผูม้ ีสญั ชาตไิ ทย (๒) บคุ คลธรรมดาผมู้ ไิ ด้มสี ญั ชาติไทย แตม่ ถี ิ่นทอ่ี ยู่ในราชอาณาจกั รตามกฎหมายว่าดว้ ยคนเขา้ เมอื ง (๓) บุคคลผู้มไิ ด้มสี ญั ชาตไิ ทย แตไ่ ดร้ ับมรดกอันเปน็ ทรพั ย์สินท่อี ย่ใู นประเทศไทย ในกรณีที่ผู้ได้รับมรดกเป็นนิติบุคคล ให้ถือว่านิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย หรือจัดตั้ง ขน้ึ โดยกฎหมายไทย หรอื มผี ูม้ ีสัญชาติไทยถือหุ้นเกินร้อยละห้าสิบของทุนจดทะเบยี นท่ีชำระแล้วในขณะมีสทิ ธิ ได้รับมรดก หรือมีผู้สัญชาติไทยเป็นผู้มีอำนาจบริหารกิจการเกินกึ่งหนึ่งของคณะบุคคลซึ่งมีอำนาจบริหาร กจิ การทง้ั หมด เป็นบคุ คลผมู้ สี ัญชาติไทย ในกรณีตาม (๓) ถ้าในขณะที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ทรัพย์สินที่เป็นมรดกเป็นทรัพย์สินที่อยู่ใน ประเทศไทย แม้ภายหลังจะเปลี่ยนสภาพอย่างใด ก็ให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย และผู้ได้รับ มรดกนัน้ ยงั มหี น้าท่ีตอ้ งเสียภาษีตามมาตรา ๑๒ รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาจลดหรือยกเว้นภาษีตามพระราชบัญญัตินี้แก่ บุคคลตามสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนเกี่ยวกับการรับมรดกที่รัฐบาลไทยได้ทำไว้กับ รฐั บาลต่างประเทศ ท้งั นี้ โดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๑๒ ผู้ได้รับมรดกจากเจ้ามรดกแต่ละราย ไม่ว่าจะได้รับมาในคราวเดียวหรือหลาย คราว ถ้ามรดกที่ได้รับมาจากเจ้ามรดกแต่ละรายรวมกันมีมูลค่าเกินหนึ่งร้อยล้านบาท ต้องเสียภาษีเฉพาะส่วน ท่เี กินหนึง่ ร้อยล้านบาท มูลค่ามรดกตามวรรคหนึ่ง หมายถึงมูลค่าของทรัพย์สินทั้งสิ้นที่ได้รับเป็นมรดกหักถ้วยภาระ หนี้สินอนั ตกทอดมาจากการรับมรดกนน้ั ãˌÁÕ¡ÒþԨÒóÒทºทǹÁÙÅค‹ÒÁô¡µÒÁÇÃÃค˹èÖ§ทءˌһ‚ â´Â¹íÒÍѵÃÒ¡ÒÃà»ÅèÕ¹á»Å§´Ñª¹ÕÃÒคÒ ¼ÙŒºÃÔâÀคทÕè¡ÃÐทÃǧ¾Ò³ÔªÂคíҹdzà¾×èÍ㪌ã¹ÃÒª¡ÒÃã¹ÃͺÃÐÂÐàÇÅÒ¹Ñé¹ÁÒ»ÃСͺ¡ÒþԨÒóҴŒÇ â´Â¡ÒáíÒ˹´ ÁÙÅค‹ÒÁô¡¢¹Öé ãËÁ‹ã˵Œ ÃÒ໹š ¾ÃÐÃÒª¡ÄÉ®¡Õ Ò

หน้า ๔ เลม่ ๑๓๒ ตอนท่ี ๗๒ ก ราชกิจจานเุ บกษา ๕ สงิ หาคม ๒๕๕๘ __________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ มาตรา ๑๓ บทบัญญัติในมาตรา ๑๒ ไม่ใช้บงั คับแก่ (๑) บุคคลผู้ได้รับมรดกที่เจ้ามรดกแสดงเจตนาหรือเห็นได้ว่ามีความประสงค์ให้ใช้มรดกนั้นเพื่อ ประโยชนใ์ นกิจการศาสนา กิจการศกึ ษา หรือกจิ การสาธารณประโยชน์ (๒) หน่วยงานของรัฐและนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกิจการศาสนา กิจการศึกษา หรือ กจิ การสาธารณประโยชน์ (๓) บุคคลหรือองค์การระหว่างประเทศตามข้อผูกพันที่ประเทศไทยมีอยู่ต่อองค์การสหประชา ชาตหิ รอื ตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรอื ตามสญั ญาหรอื ตามหลกั ถ้อยทถี อ้ ยปฏิบตั ติ ่อกนั กบั นานาประเทศ ทั้งนี้ เฉพาะตามประเภทหรือรายชื่อที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยในกฎกระทรวงดังกล่าวจะ กำหนดหลักเกณฑ์ เง่อื นไข และวธิ ตี รวจสอบตดิ ตามไว้ด้วยก็ได้ มาตรา ๑๔ มรดกที่ต้องเสียภาษี ไดแ้ ก่ ทรัพย์สนิ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) อสงั หารมิ ทรพั ย์ (๒) หลกั ทรพั ยต์ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยหลกั ทรัพย์และตลาดหลักทรพั ย์ (๓) เงนิ ฝากหรือเงนิ อนื่ ใดที่มลี กั ษณะอยา่ งเดียวกันท่ีเจ้ามรดกมีสทิ ธิเรียกถอนคืนหรอื สทิ ธิ เรยี กรอ้ งจากสถาบันการเงนิ หรือบุคคลทีไ่ ดร้ บั เงนิ น้ันไว้ (๔) ยานพาหนะท่มี ีหลกั ฐานทางทะเบยี น (๕) ทรพั ยส์ นิ ทางการเงนิ ท่กี ำหนดเพิ่มข้นึ โดยพระราชกฤษฎกี า กรณีผ้ไู ด้รับมรดกตามมาตรา ๑๑ (๑) และ (๒) ใหเ้ สียภาษจี ากทรพั ย์สนิ ทัง้ ทอ่ี ยู่ในประเทศ ไทยและนอกประเทศไทย และกรณีผไู้ ดร้ ับมรดกตามมาตรา ๑๑ (๓) ใหเ้ สยี ภาษีเฉพาะจากทรัพยส์ ินท่ีอยู่ ในประเทศไทย ทรพั ย์สินใดเปน็ ทรัพย์สินท่ีอยู่ในประเทศไทยใหเ้ ปน็ ไปตามทกี่ ำหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๕ การคำนวณมูลค่าของทรัพย์สินให้ถือตามราคาหรือมูลค่าอันพึงมีในวันที่ได้รับ ทรพั ยส์ ินน้นั เป็นมรดก ดังตอ่ ไปน้ี (๑) กรณีเป็นอสังหาริมทรัพย์ ให้ถือเอาตามราคาประเมินทุนทรัพย์ของอสังหาริมทรัพย์เพื่อ เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน หักด้วยภาระที่ถูกรอนสิทธิ ตามหลักเกณฑท์ ี่กำหนดในกฎกระทรวง (๒) กรณีเป็นหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ถือเอาราคาของ หลักทรัพย์นัน้ ในเวลาสน้ิ สดุ เวลาทำการของตลาดหลกั ทรพั ยใ์ นวนั ท่ีไดร้ ับมรดก (๓) กรณีอื่นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่หลักเกณฑ์ดังกล่าวให้กำหนด เป็นการท่วั ไปโดยไมม่ ีลกั ษณะเป็นการเฉพาะเจาะจง ถ้าจำเป็นต้องคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย ให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนตาม หลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารท่กี รมสรรพากรประกาศกำหนด มาตรา ๑๖ ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีคำนวณและเสียภาษีในอัตราร้อยละสิบของมูลค่ามรดกใน ส่วนที่ต้องเสียภาษีตามมาตรา ๑๒ แต่ถ้าผู้ได้รับมรดกเป็นบุพการี หรือผู้สืบสันดานให้เสียภาษีในอัตราร้อย ละห้า

หนา้ ๕ เลม่ ๑๓๒ ตอนที่ ๗๒ ก ราชกจิ จานเุ บกษา ๕ สงิ หาคม ๒๕๕๘ __________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ หมวด ๓ การย่ืนแบบ การชำระภาษี และการประเมินภาษี __________________ มาตรา ๑๗ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๓ ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีและ ชำระภาษีตามแบบที่อธิบดีกำหนด ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับมรดกที่เป็นเหตุให้มีหน้าที่เสีย ภาษีตามมาตรา ๑๒ วรรคหน่ึง การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นและชำระ ณ สำนักงาน สรรพากรพ้ืนทีส่ าขาแหง่ ใดแหง่ หนึง่ หรอื ณ สถานทอ่ี น่ื ใดตามที่อธบิ ดกี ำหนด เมื่อเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาได้รับแบบแสดงรายการภาษีแล้ว ให้ส่งต่อเจ้า พนักงานประเมินโดยเร็ว และให้เจ้าพนักงานประเมินดำเนินการประเมินภาษีให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่ วันที่มีการยื่นแบบแสดงรายการภาษี ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องเสียภาษีเพิ่มและได้ชำระภาษีภายใน กำหนดเวลาตามมาตรา ๒๒ มิให้คิดเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่ม เว้นแต่การต้องเสียภาษีเพิ่มนั้นเกิดจากรายการที่ผู้ ย่ืนมิไดแ้ สดงไว้ในแบบแสดงรายการภาษีหรือแสดงไวเ้ ปน็ เทจ็ ระยะเวลาหนึ่งปีตามวรรคสาม เมื่อมีเหตุอันจำเป็นและสมควรที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อธิบดีจะ อนมุ ัตใิ ห้ขยายระยะเวลาออกไปเป็นการเฉพาะกรณกี ไ็ ด้ แต่รวมแล้วต้องไม่เกินสามปี มาตรา ๑๘ ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีตายก่อนครบกำหนดเวลาตามมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง โดยยังมิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี ให้ผู้จัดการมรดกของผู้นั้นมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระ ภาษีพร้อมทั้งเงินเพิ่มตามมาตรา ๓๑ แทนผู้ตายภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งโดยไม่ต้อง เสียเบี้ยปรับ สำหรับเงินเพิ่มให้คำนวณนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาตามมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่งจนถึงวันที่ชำระ ภาษีครบถว้ น ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีตายเมื่อครบกำหนดเวลาตามมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่งแล้ว โดยมิได้ยื่น แบบแสดงรายการภาษี ให้ผู้จัดการมรดกของผู้นั้นมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีพร้อมเบี้ย ปรับและเงินเพิ่มแทนโดยให้ดำเนินการภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งสำหรับเบี้ยปรับให้เสีย หนึ่งเท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระ เว้นแต่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีภายหลังกำหนดเวลา ดังกล่าวให้เสียเบี้ยปรับสองเท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระ สำหรับเงินเพิ่มให้คำนวณตั้งแต่วันที่ครบกำหนดเวลา ตามมาตรา ๑๗ วรรคหนงึ่ จนถึงวนั ทีช่ ำระภาษีครบถว้ น เงินเพ่ิมตามวรรคหน่งึ และวรรคสองตอ้ งไมเ่ กนิ เงินภาษที ่ีต้องชำระ ในกรณีตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ผู้มีสิทธิได้รับมรดกคนใดคนหนึ่งจะดำเนินการเองก็ได้ ภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง แล้วแต่กรณี มาตรา ๑๙ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีถึงแก่ความตาย หากไม่ มีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกดำเนินการแทนตามมาตรา ๑๘ ให้ทายาทซึ่งมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายมีหน้าที่ตาม มาตรา ๑๘ และให้นำความในมาตรา ๑๘ มาใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่ระยะเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ ภาษีและชำระภาษี ใหก้ ระทำภายในหนึง่ รอ้ ยห้าสบิ วันนับแต่วนั ทพี่ ้นกำหนดเวลาหนง่ึ รอ้ ยแปดสบิ วนั

หนา้ ๖ เล่ม ๑๓๒ ตอนท่ี ๗๒ ก ราชกจิ จานุเบกษา ๕ สงิ หาคม ๒๕๕๘ __________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ ในกรณีมีทายาทหลายคน ให้ทายาทตกลงมอบให้ทายาทคนหนึ่งเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษี ถ้าไม่อาจ ตกลงกนั ได้ ใหท้ ายาทคนใดคนหนง่ึ ยืน่ คำร้องตอ่ ศาลเพ่อื ตัง้ ผูจ้ ัดการมรดกดำเนนิ การต่อไป เมื่อพ้นกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่งแล้ว หากไม่มีผู้ใดยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีตาม มาตรานี้ ให้เจ้าพนกั งานประเมนิ มอี ำนาจประเมนิ ภาษีตามมาตรา ๒๐ ได้ มาตรา ๒๐ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๗ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษี เมื่อผู้มี หน้าที่เสียภาษีมิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยให้มีอำนาจประเมิน ภาษไี ด้ภายในกำหนดเวลาสบิ ปนี บั แต่วนั สุดท้ายแหง่ กำหนดเวลาย่นื แบบแสดงรายการภาษี มาตรา ๒๑ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ มาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ หรือ มาตรา ๒๔ ให้เจา้ พนักงานประเมนิ มีอำนาจออกหมายเรยี กผ้มู หี นา้ ทเี่ สียภาษี ผู้แทน หรือบุคคลอ่นื ท่ี เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ กับมีอำนาจสั่งบุคคลเหล่านั้นให้นำบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมา ตรวจสอบไต่สวนได้ หรือออกคำสั่งให้บุคคลดังกล่าวตอบคำถามเป็นหนังสือ แต่จะต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อย กว่าเจ็ดวันนับแตว่ นั ทไ่ี ด้รบั หมายเรียกหรอื ไดร้ ับคำส่ัง มาตรา ๒๒ เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินภาษีแล้ว ให้แจ้งการประเมินภาษีนั้นเป็น หนังสือไปยังผู้มีหน้าที่เสียภาษี และให้ผู้นั้นชำระภาษีพรอ้ มทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ถ้ามี ภายในสามสิบวันนับ แต่วันท่ีได้รบั หนังสอื แจง้ ในกรณนี ี้ ผู้มีหนา้ ที่เสียภาษจี ะใชส้ ทิ ธอิ ุทธรณ์การประเมนิ ภาษีกไ็ ด้ มาตรา ๒๓ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะผ่อนชำระภาษีภายในเวลาไม่เกินห้าปีก็ได้ ทั้งนี้ ตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา และเมื่อได้ชำระภาษีครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียเงินเพิม่ แต่ในกรณีที่ผ่อนชำระภาษีเกินสองปีจะ กำหนดใหต้ อ้ งเสียเงนิ เพม่ิ บางส่วนตามทกี่ ำหนดในพระราชกฤษฎีกาดังกลา่ วกไ็ ด้ มาตรา ๒๔ ในกรณีที่ผยู้ ่ืนแบบแสดงรายการภาษไี ด้ชำระภาษโี ดยไมม่ ีหน้าที่ต้องเสยี หรือได้ ชำระไว้เกนิ กว่าทต่ี อ้ งเสีย ใหผ้ ู้นั้นมสี ทิ ธิได้รบั คนื ภาษี ให้ผมู้ สี ิทธิได้รับคนื ภาษีตามวรรคหน่งึ ยื่นคำร้องขอรับคืนภาษีพร้อมดว้ ยเอกสารหลักฐานภายใน หา้ ปีนับแต่วันชำระภาษีทั้งหมด ต่อเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสรรพากรพืน้ ทีส่ าขาแห่งใดแห่งหน่ึง ทั้งนี้ ตาม หลกั เกณฑ์ และวิธกี ารทอี่ ธิบดีประกาศกำหนด ให้เจ้าหน้าที่ของสำนกั งานสรรพากรพืน้ ท่ีสาขาซึง่ รับคำร้องไว้ ส่งคำร้องพร้อมเอกสารหลักฐาน ต่อเจา้ พนกั งานประเมินโดยเรว็ และให้เจา้ พนักงานประเมินตรวจสอบเอกสารหลักฐานใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายใน หนึ่งรอ้ ยหา้ สิบวนั นบั แต่วนั ที่ไดร้ ับคำรอ้ ง และมหี นังสือแจง้ ให้ผู้ยืน่ คำร้องทราบภายในสบิ ห้าวันนับแตก่ าร ตรวจสอบแล้วเสรจ็ และในกรณีทีต่ อ้ งมีการคืนภาษี ให้กรมสรรพากรคืนเงินภาษีให้แล้วเสรจ็ ภายในสามสิบ วันนับแต่วันท่ตี รวจสอบแล้วเสรจ็ ในการขอรับคนื ภาษี ไมม่ สี ทิ ธเิ รยี กดอกเบี้ยจากเงินภาษีทค่ี ืน เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตรวจสอบการขอคืนภาษี ให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจ ประเมินภาษีได้ภายในระยะเวลาท่ีกำหนดในมาตรานี้ มาตรา ๒๕ ภาษีซึ่งต้องเสียตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อถึงกำหนดชำระแล้ว ถ้ามิได้เสียให้ถือ เปน็ ภาษคี า้ ง

หน้า ๗ เล่ม ๑๓๒ ตอนท่ี ๗๒ ก ราชกจิ จานุเบกษา ๕ สงิ หาคม ๒๕๕๘ __________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ เพื่อให้ได้รับชำระภาษีค้าง ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ ต้องรับผิดเสียภาษีได้ทั่วราชอาณาจักร โดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง อำนาจดังกล่าวอธิบดีจะมอบ ใหร้ องอธิบดหี รอื สรรพากรภาคสำหรับการดำเนนิ การภายในเขตท้องที่กไ็ ด้ วิธีการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดย อนโุ ลม สว่ นวธิ กี ารอายัดให้ปฏบิ ตั ติ ามระเบียบทอี่ ธบิ ดีกำหนดโดยอนมุ ตั ิรฐั มนตรี เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดดังกล่าว ให้หักค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการยึดและขาย ทอดตลาดและเงินภาษีคา้ ง ถ้ามีเงนิ เหลอื ใหค้ ืนแกเ่ จ้าของทรพั ย์สนิ เพือ่ ประโยชนใ์ นการดำเนินการตามวรรคสอง ให้ผู้มอี ำนาจตามวรรคสองมอี ำนาจ (๑) ออกหมายเรียกผู้ต้องรับผิดชำระภาษีค้างและบุคคลใด ๆ ที่มีเหตุสมควรเชื่อว่าจะเป็น ประโยชนแ์ ก่การจัดเก็บภาษคี า้ งมาให้ถอ้ ยคำ (๒) สั่งบุคคลดังกล่าวใน (๑) ให้นำบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นอันจำเป็นแก่การจัดเก็บภาษี คา้ งมาตรวจสอบ การดำเนินการตามวรรคห้า ต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันได้รับหมายเรียก หรือคำส่ัง หมวด ๔ การอุทธรณ์ _______________ มาตรา ๒๖ ผู้มหี นา้ ที่เสียภาษผี ู้ใดไม่เหน็ ดว้ ยกบั ผลการประเมนิ ภาษีของเจา้ พนักงานประเมนิ ใหม้ สี ิทธิอุทธกรณต์ ่อคณะกรรมการอทุ ธรณไ์ ด้ภายในกำหนดเวลาสามสบิ วันนับแตว่ ันทไ่ี ดร้ ับแจ้งการประเมิน ภาษี ทั้งน้ี โดยย่นื ตามแบบ ณ สถานท่ีท่ีอธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา คณะกรรมการอุทธรณ์ตามวรรคหนงึ่ ประกอบดว้ ย อธิบดกี รมสรรพากรหรอื ผู้แทน เปน็ ประธาน ผแู้ ทนสำนกั งานอยั การสงู สดุ และผู้แทนกรมการปกครอง เปน็ กรรมการ คณะกรรมการอุทธรณ์ต้องพิจารณาอุทธรณ์ให้แลว้ เสรจ็ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ ได้รับอุทธรณ์ ระยะเวลาดังกล่าวอธิบดีจะอนุมัติให้ขยายออกไปอีกก็ได้แต่ไม่เกินเก้าสิบวัน เมื่อพ้น กำหนดเวลาดังกล่าวให้ผู้อุทธรณ์มีสิทธิฟ้องต่อศาลภาษีอากรได้ โดยไม่ต้องรอฟังผลการพิจารณาของ คณะกรรมการอุทธรณ์ แต่ตอ้ งยื่นฟ้องภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแตว่ นั ที่พน้ กำหนดเวลาดังกล่าว คำวินิจฉยั อุทธรณใ์ ห้ทำเป็นหนังสือ และแจง้ ให้ผู้อุทธรณท์ ราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีคำ วนิ ิจฉยั ผู้อุทธรณ์ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ ให้มีสิทธิฟ้องต่อศาลภาษีอากรได้ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวนั นับแต่วันท่ไี ด้รบั ทราบคำวนิ ิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ มาตรา ๒๗ การอุทธรณ์ไมเ่ ป็นการทเุ ลาการเสยี ภาษี เว้นแต่กรณที ่ีผู้อทุ ธรณไ์ ด้รับอนมุ ัตจิ าก อธิบดีให้รอคำวนิ ิจฉัยอุทธรณห์ รือคำพิพากษาได้ ก็ใหม้ ีหน้าที่ชำระภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับแจ้งคำ วนิ จิ ฉยั อทุ ธรณห์ รือได้รบั ทราบคำพพิ ากษาถึงท่ีสดุ แลว้ แต่กรณี ในกรณีที่มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสียภาษีเพิ่มขึ้น ผู้อุทธรณ์จะต้องชำระภายในกำหนดเวลา เช่นเดยี วกับวรรคหนง่ึ

หนา้ ๘ เลม่ ๑๓๒ ตอนที่ ๗๒ ก ราชกจิ จานเุ บกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ __________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ ในกรณีที่มคี ำวนิ ิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาถงึ ทีส่ ุดใหผ้ ู้อุทธรณ์หรอื ผู้ฟ้องคดไี ม่ตอ้ งเสียภาษี หรือเสียนอ้ ยลง ให้กรมสรรพากรคืนเงินภาษีที่ต้องคืนให้แก่ผู้อุทธรณ์หรือผู้ฟ้องคดีภายในสามสิบวันนบั แต่ วันที่มีคำวนิ จิ ฉัยหรอื คำพพิ ากษาถงึ ทสี่ ุด แล้วแต่กรณี มาตรา ๒๘ เพ่ือประโยชน์ในการวนิ จิ ฉยั อุทธรณ์ ให้ประธานคณะกรรมการอทุ ธรณม์ อี ำนาจ เชน่ เดียวกับเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา ๒๑ หมวด ๕ เบี้ยปรับและเงนิ เพิ่ม ______________ มาตรา ๒๙ ผมู้ ีหน้าที่เสยี ภาษีตอ้ งเสียเบยี้ ปรบั ในกรณแี ละอตั รา ดังต่อไปนี้ (๑) มิได้ย่ืนแบบแสดงรายการภาษภี ายในกำหนดเวลา ให้เสยี เบย้ี ปรับอีกหน่ึงเท่าของเงินภาษที ่ี ต้องชำระ (๒) ยนื่ แบบแสดงรายการภาษไี ว้ไมค่ รบถ้วนหรอื ไมต่ รงตอ่ ความเป็นจรงิ อันเป็นเหตใุ หจ้ ำนวน ภาษีท่ีต้องเสยี ขาดไป ให้เสยี เบย้ี ปรบั อีกศูนย์จดุ หา้ เท่าของเงนิ ภาษีทีต่ ้องเสียเพ่มิ มาตรา ๓๐ เบี้ยปรับตามพระราชบัญญตั นิ ้ี อาจงดหรือลดลงได้ตามหลกั เกณฑ์ และเง่อื นไขท่ี อธบิ ดีประกาศกำหนดโดยความเหน็ ชอบของรฐั มนตรแี ละประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ทั้งนี้ หลกั เกณฑแ์ ละ เงื่อนไขดงั กล่าวตอ้ งระบุให้ชดั เจนถึงเหตุแหง่ การลดหรือลดเบีย้ ปรบั โดยคำนงึ ถงึ ความสจุ รติ และเหตจุ ำเป็น ของผมู้ ีหนา้ ทีต่ ้องปฏิบตั ติ ามพระราชบัญญัตนิ ้เี ปน็ สำคญั มาตรา ๓๑ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๓ บุคคลใดไมช่ ำระภาษีให้ครบถว้ นภายในกำหนดเวลาตาม พระราชบญั ญัตนิ ้ี ใหเ้ สียเงินเพ่มิ อกี รอ้ ยละหนึง่ จดุ ห้าต่อเดือนหรอื เศษของเดอื นของเงินภาษีทต่ี อ้ งชำระโดยไม่ รวมเบ้ียปรบั ในกรณีทไี่ ด้มีการอนญุ าตใหเ้ ลื่อนกำหนดเวลาการชำระภาษี และไดม้ กี ารชำระภาษีภายใน กำหนดเวลาที่เลอื่ นให้น้ัน เงนิ เพิ่มตามวรรคหน่งึ ให้ลดลงเหลือร้อยละศูนย์จุดเจ็ดหา้ ต่อเดอื นหรอื เศษของเดือน การคำนวณเงนิ เพม่ิ ตามวรรคหนง่ึ และวรรคสอง ใหเ้ ริ่มนบั เม่อื พน้ กำหนดเวลาย่ืนแบบแสดง รายการภาษีจนถึงวนั ทชี่ ำระภาษี แต่เงินเพิ่มทคี่ ำนวณไดม้ ิใหเ้ กนิ จำนวนภาษที ต่ี ้องชำระ มาตรา ๓๒ เบ้ียปรับและเงนิ เพ่ิมตามพระราชบัญญตั นิ ้ี ใหถ้ ือเปน็ เงนิ ภาษี

หน้า ๙ เล่ม ๑๓๒ ตอนท่ี ๗๒ ก ราชกจิ จานเุ บกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ __________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ หมวด ๖ บทกำหนดโทษ ___________ มาตรา ๓๓ ผู้ใดไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามมาตรา ๑๗ โดยไม่มีเหตุอันสมควรต้อง ระวางโทษปรบั ไมเ่ กินห้าแสนบาท มาตรา ๓๔ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมิน หรือไม่ยอมตอบ คำถามของเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา ๒๑ หรือของประธานคณะกรรมการอุทธรณ์ตามมาตรา ๒๘ หรือไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของผู้มีอำนาจตามมาตรา ๒๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไมเ่ กินสองหม่นื บาท หรือทง้ั จำทั้งปรบั มาตรา ๓๕ ผู้ใดทำลาย ย้ายไปเสีย ซ้อนเร้น หรือโอนไปให้แก่บุคคลอื่นซึ่งทรัพย์สินที่ถูกยึด หรืออายดั ตามมาตรา ๒๕ ต้องระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กินสองปี และปรบั ไม่เกินส่ีแสนบาท มาตรา ๓๖ เจ้าพนักงานผู้ใดมีหน้าที่ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ รู้ข้อมูลของผู้มีหน้าที่ เสียภาษี หรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง นำออกแจ้งแก่บุคคลใดหรือทำให้รู้โดยวธิ ีใด หรือปล่อยปละละเลยให้ข้อมลู ดังกล่าวรู้ถึงบุคคลที่ไม่มีหน้าที่ต้องรู้ โดยไม่มีอำนาจกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่เป็นการเปิดเผยต่อเจ้าพนักงานประเมินภาษี อากรตามประมวลรษั ฎากรเพ่อื ประโยชนใ์ นการปฏบิ ัตหิ น้าที่ตามกฎหมาย มาตรา ๓๗ ผใู้ ด (๑) โดยรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเท็จ หรือตอบคำถามด้วยถ้อยคำอัน เป็นเท็จ หรอื นำพยานหลักฐานเทจ็ มาแสดงเพือ่ หลกี เล่ยี งการเสียภาษตี ามพระราชบัญญัตนิ ี้ (๒) โดยความเท็จ โดยเจตนาละเลย โดยฉ้อโกงหรือใช้อุบายโดยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด หลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลย่ี งการเสียภาษตี ามพระราชบญั ญัตินี้ หรือ (๓) แนะนำหรือสนับสนนุ ใหบ้ ุคคลอื่นใดกระทำการตาม (๑) หรือ (๒) ต้องระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กินหนงึ่ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ สองแสนบาท หรอื ทงั้ จำทัง้ ปรบั มาตรา ๓๘ บรรดาความผิดตามมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ และมาตรา ๓๗ ให้อธิบดีมีอำนาจ เปรยี บเทยี บได้ ถ้าผู้มีหน้าที่เสียภาษีชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่อธิบดีกำหนดแล้ว มิให้ผู้ มหี น้าทเ่ี สียภาษถี ูกฟ้องร้องตอ่ ไปในกรณีแหง่ ความผิดน้ัน ถ้าอธิบดีเห็นว่าไม่ควรใช้อำนาจเปรียบเทียบ หรือเมื่อเปรียบเทียบแล้วผู้มีหน้าที่เสียภาษีไม่ยอม ตามที่เปรียบเทียบ หรือยอมแล้วแต่ไม่ชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่ผู้มีอำนาจเปรียบเทียบกำหนด ให้ ดำเนนิ การฟอ้ งร้องต่อไป และในกรณนี ห้ี า้ มมิใหด้ ำเนนิ การเปรยี บเทียบตามกฎหมายอ่นื อีก

หน้า๑๐ เล่ม ๑๓๒ ตอนท่ี ๗๒ ก ราชกิจจานเุ บกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ __________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จนั ทร์โอชา นายกรฐั มนตรี

หน้า๑๑ เลม่ ๑๓๒ ตอนท่ี ๗๒ ก ราชกจิ จานุเบกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ __________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ ËÁÒÂà赯 :- à˵ؼÅ㹡ÒûÃСÒÈ㪌¾ÃÐÃÒªºÑ­­ÑµÔ©ºÑº¹éÕ ค×Í â´ÂทÕè¡ÒôíÒà¹Ô¹§Ò¹ทÒ§»¡คÃͧ㹻˜¨¨ØºÑ¹ÂѧäÁ‹ÁÕ ËÅѡࡳ±áÅТéѹµÍ¹ทÕèàËÁÒÐÊÁ¨Ö§ÊÁคÇáíÒ˹´ËÅѡࡳ±áÅТéѹµÍ¹µ‹Ò§ æ ÊíÒËÃѺ¡ÒôíÒà¹Ô¹§Ò¹ทÒ§»¡คÃͧ¢Öé¹ à¾è×Íãˌ¡ÒôíÒà¹Ô¹§Ò¹à»š¹ä»â´ÂถÙ¡µŒÍ§µÒÁ¡®ËÁÒ ÁÕ»ÃÐÊÔท¸ÔÀҾ㹡ÒÃ㪌ºÑ§คѺ¡®ËÁÒÂãˌÊÒÁÒÃถÃÑ¡ÉÒ»ÃÐ⪹ ÊÒ¸ÒóÐ䴌 áÅÐÍíÒ¹ÇÂคÇÒÁ໚¹¸ÃÃÁᡋ»ÃЪҪ¹ ÍÕ¡ทéѧÂѧ໚¹¡Òû‡Í§¡Ñ¹¡ÒÃทبÃÔµáÅлÃоĵÔÁԪͺã¹Ç§ÃÒª¡Òà ¨Ö§¨íÒ໹š µÍŒ §µÃÒ¾ÃÐÃÒªºÑ­­µÑ ¹Ô Õé


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook