สรุปผลโครงการ โครงการเสริมสรา้ งความรูด้ า้ นการปอ้ งกนั และต่อต้านการทจุ รติ วันท่ี 8 กรกฎาคม 2563 ณ ท่ีทาการผใู้ หญบ่ า้ น หมู่8 กศน.ตาบลสัตหบี ศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอสตั หีบ สานกั งาน กศน.จงั หวัดชลบุรี
บทสรุปผบู้ รหิ าร โครงการเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันและต่อต้านการทุจริต จัดข้ึนในครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อ เสริมสร้างความรู้ความเข้าในเก่ียวกับการป้องกันการทุจริต สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายด้านการ ต่อตา้ นการทจุ ริต โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ประชาชน เยาวชน ท่ัวไปในพื้นที่ตาบลสัตหีบ จานวน 17 คน โดยจะใช้ กลมุ่ เปา้ หมายทั้งหมดในการคานวณโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูปคอมพิวเตอร์ (โปรแกรมตารางคานวณ) เพื่อสรุปผล การดาเนินงานในครั้งนี้ วิธีการดาเนินงาน โดยการสารวจความต้องการของประชาชนและนาผลจากการสารวจมาจัดทากิจกรรม โครงการเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันและต่อต้านการทุจริต ให้กับประชาชน และเยาวชนท่ัวไปในพื้นที่ ตาบลสัตหีบ จานวน 17 คน ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ณ ท่ีทาการผู้ใหญ่บ้าน หมู่8 ตาบลสัตหีบ อาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี เรือเอกประโยชน์ ประสมพงษ์ เป็นวิทยากร หลังจากการจัดกิจกรรมโครงการแล้วมีการแบบ ประเมิน สาหรับผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด จานวน 17 ชุด แล้วนาข้อมูลท่ีได้มาคานวณทางสถิติ หาค่าร้อยละ ค่าเฉล่ยี ในการแปรผล ผลการดาเนินงาน จากการนาข้อมูลที่ได้มาทาการคานวณหาค่าสถิติต่างๆ สรุปว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรม มคี วามพงึ พอใจอยู่ใน ระดับมากทส่ี ดุ (µ =4.70)
คานา จากการที่ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสัตหีบ กศน.ตาบลสัตหีบ ได้จัดทา โครงการเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันและต่อต้านการทุจริต เพ่ือตอบสนองต่อนโยบายของสานักงาน กศน. โดยมวี ัตถุประสงค์เพอ่ื เสรมิ สรา้ งความรู้ความเข้าในเก่ียวกับการป้องกันการทุจริต สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ กฎหมายด้านการต่อต้านการทุจริต ซ่ึงโครงการดาเนินการจัดในวันท่ี 8 กรกฎาคม 2563 ณ ที่ว่าการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ตาบลสัตหีบ อาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี เรือเอกประโยชน์ ประสมพงษ์ เป็นวิทยากร เพ่ือให้ผู้เข้า อบรมสามารถนาความรทู้ ่ีไดร้ บั ไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ โครงการดงั กลา่ วไดด้ าเนนิ การเสรจ็ สิน้ ไปไดด้ ้วยดี ซงึ่ รายละเอยี ดผลการดาเนินงานต่างๆ ตลอดจนปญญหา และอุปสรรค ได้สรุปไว้แล้ว เพ่ือรวบรวมกระบวนการดาเนินงาน ผลที่ได้นาไปใช้ ตลอดจนการพัฒนาเพื่อให้ สอดคล้องกับสภาพวิถีชีวิต และการตอบสนองความต้องการของผู้เข้ารับการฝึกอบรม สุดท้ายคือ การนาไปใช้ ประโยชนอ์ ย่างแท้จรงิ และสามารถแนะนาผ้อู ่นื ได้ เพ่อื ให้เกดิ การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ อยา่ งต่อเนอื่ ง กศน.ตาบลสัตหีบ กันยายน 2563
สารบญั บทท่ี หนา้ 1 บทนา.....................................................................................................................................................1 ความเป็นมา .................................................................................................................................1 วตั ถุประสงค์.................................................................................................................................1 เป้าหมาย......................................................................................................................................1 ดัชนีวดั ผลสาเรจ็ ของโครงการ ......................................................................................................3 2 เอกสารการศกึ ษาและรายงานทเ่ี กยี่ วข้อง..............................................................................................3 นโยบายและจุดเน้นการดาเนนิ งาน กศน.ปงี บประมาณ พ.ศ.2563 ...........................................3 นโยบายและจดุ เน้นการดาเนินงาน กศน.ตาบลสัตหีบประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ..............11 เอกสารท่ีเก่ยี วขอ้ ง.........................................................................................................................20 3 วธิ ีดาเนนิ งาน.........................................................................................................................................28 ประชุมบุคลากรกรรมการสถานศกึ ษา.........................................................................................28 จดั ต้งั คณะทางาน ........................................................................................................................28 ประสานงานกบั หนว่ ยงานและบคุ คลที่เกี่ยวขอ้ ง .........................................................................28 ดาเนนิ การตามแผน.....................................................................................................................28 วดั ผล/ประเมินผล/สรุปผลและรายงาน.......................................................................................29 4 ผลการดาเนนิ งานและการวิเคราะหข์ ้อมลู .............................................................................................30 ตอนท่ี 1 ข้อมูลส่วนตวั ผแู้ บบสอบถามของผูเ้ ข้ารับการอบรมในโครงการเสรมิ สร้างความรู้ด้านการ ปอ้ งกันและต่อต้านการทุจรติ ........................................................................................................30 ตอนที่ 2 ขอ้ มูลเก่ยี วกบั ความคิดเหน็ ทีม่ ีตอ่ โครงการเสริมสร้างความรดู้ า้ นการปอ้ งกันและตอ่ ตา้ น การทุจรติ ........................................................................................................................31 5 สรปุ ผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ ..................................................................................................32 สรปุ ผลการดาเนนิ งาน.................................................................................................................32 อภปิ รายผล..................................................................................................................................32 ปญญ หาและอุปสรรค.....................................................................................................................32 ข้อเสนอแนะ................................................................................................................................32 บรรณานกุ รม……………………………………………………………………………………………………………………………….33 ภาคผนวก
สารบญั ตาราง ตารางที่ หนา้ 1 แสดงค่ารอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามเพศ.........................................................30 2 แสดงคา่ รอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามอายุ.........................................................30 3 แสดงค่าร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามอาชีพ.......................................................30 4 ผลการประเมินโครงการเสรมิ สร้างความรู้ด้านการปอ้ งกนั และตอ่ ตา้ นการทจุ รติ …………...............31
บทที่ 1 บทนา หลกั การและเหตุผล ปญญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น นับเป็นปญญหาที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และความม่ันคงของ ประเทศ กระบวนการแก้ไขปญญหาดังกล่าวให้สัมฤทธิผลอย่างมีประสิทธิภาพ จึงจาเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจาก ทกุ ภาคส่วนในการท่ีจะป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังและต่อเน่ือง ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาค ประชาชนในการติดตาม ตรวจสอบ การทุจรติ หรือประพฤติมิชอบในภาครัฐโดยให้ความรู้กับภาคประชาชน รวมถึง ส่งเสรมิ สทิ ธิในการรบั รแู้ ละเข้าถงึ ข้อมูลข่าวสารเพอ่ื ใหม้ ีสว่ นรว่ มในการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต เสริมสร้าง การบรู ณาการการปฏิบัติงานรว่ มกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับองค์กรทุกภาคส่วนในการป้องกันและปราบปราม การทุจรติ ภาครัฐ จากยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (2560 –2564) ซึ่งเป็นกรอบ ทศิ ทางการดาเนนิ การของทกุ ภาคสว่ น ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและนโยบายปราบปรามการทุจริต ของรัฐบาล ทมี่ งุ่ ส่งเสริมปลกู จิตสาใหส้ งั คมไทยมีวินัยและยึดม่ันในคุณธรรมจริยธรรมควบคู่กับการพัฒนาเครือข่าย ปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตอยา่ งบรู ณาการ โดยให้ประชาชนมบี ทบาทสาคัญในกระบวนการดาเนนิ งานอย่างมี ส่วนร่วม โปร่งใส เสมอภาคและเป็นธรรม สร้างระบบและกลไกที่มีอิสระอย่างแท้จริงในการตรวจสอบ ควบคุม กระจาย ถ่วงดุลอานาจควบคู่กับการพัฒนากฎหมายกฎระเบียบ ตลอดจนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ระบบข้อมูล สารสนเทศรวมทั้งพฒั นาและเผยแพร่องค์ความรูด้ า้ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ อย่างมีจรรยาบรรณและ ตอ่ เน่ืองนอกจากน้ยี ังมกี ิจกรรมในด้านการตอ่ ต้านการทุจรติ ตา่ งๆ เช่น การจัดวันต่อตา้ นการทุจริตสากล ซึ่งกาหนด ไวเ้ ป็นวันท่ี 9 ธันวาคม ของทุกปี, การรับรู้ค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต CorruptionPerception Index(CPI) ของประเทศไทย ซงึ่ ได้คะแนนไม่เคยเกนิ 38 เต็ม 100 , การแสดงสัญลกั ษณ์ในการต่อต้านการทุจริต (ACT) มือขวา ทับมือซ้ายวางไว้บรเิ วณตาแหน่งของหัวใจ, การจดั ทาสัญญาคุณธรรมโดยการมสี ว่ นร่วมของภาคประชาชนที่เข้มแข็ง มีศักยภาพ เวลา และไม่ยอมต่อการทุจรติ เพื่อปกปอ้ งผลประโยชนข์ องประเทศชาติ ดงั นนั้ กศน.ตาบลสัตหบี จงึ จดั ทาโครงการเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันและต่อต้านการทุจริต เพื่อให้ ความรู้เกีย่ วกับการปอ้ งกนั การทุจรติ และการตอ่ ตา้ นการทุจริตในสงั คมปญจจบุ ัน วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเขา้ ในเกยี่ วกบั การป้องกนั การทุจริต 2. เพอื่ สร้างความรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกบั กฎหมายดา้ นการตอ่ ตา้ นการทุจริต เปา้ หมาย เชิงปรมิ าณ ประชาชนท่ัวไป จานวน 17 คน เชิงคณุ ภาพ กล่มุ เป้าหมายสามารถนาความรู้ทไ่ี ดร้ ับไปใช้ในชีวติ ประจาวันได้ ระยะเวลาดาเนนิ งาน วันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ณ ท่ีทาการผู้ใหญ่บา้ นหมทู่ ่ี 8 ตาบลสัตหีบ จงั หวดั ชลบุรี ผลลพั ธ์ (Out come) ผูเ้ ขา้ รบั การอบรมเกิดการปรับทัศนคติ (Mindset) สร้างค่านิยมความซอ่ื สัตย์สจุ ริต ร่วมตอ่ ต้านการทจุ รติ และปรบั ฐานความคิดการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและส่วนรวม
ดชั นีตัวชว้ี ัดผลสาเร็จของโครงการ ตวั ชีว้ ัดผลผลติ (Outputs) - มีผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการ ไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ของกล่มุ เป้าหมาย - ผูเ้ ข้ารว่ มโครงการมคี วามพึงพอใจในระดบั ดีมากข้นึ ไปไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 ตัวชว้ี ัดผลลัพธ์ (Outcomes) - ผ้เู ข้ารบั การอบรมร้อยละ 80 มีตระหนกั ถงึ การปอ้ งกนั การทจุ ติ - ผูเ้ ข้ารับการอบรมรอ้ ยละ 80 มีความรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกับการปอ้ งกนั และตอ่ ตา้ นการทุจริตและ สามารถนาความรู้ทไี่ ดร้ บั ไปปรับใช้ในชวี ติ ประจาวนั และเผยแพร่ได้ การติดตามและประเมินผลโครงการ 1. การสงั เกต 2. แบบประเมนิ 3. รายงานและตดิ ตามผลการจดั กิจกรรมเมื่อสนิ้ สุดโครงการ
บทท่ี 2 เอกสารการศกึ ษาและรายงานท่เี กยี่ วขอ้ ง ในการจดั ทารายงานคร้ังนี้ ไดท้ าการศกึ ษาคน้ ควา้ เนือ้ หาจากเอกสารการศกึ ษาและ รายงานท่เี กี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ 1. นโยบายและจุดเน้นการดาเนนิ งาน สานักงาน กศน.ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 1.1 วสิ ยั ทัศน์ 1.2 พนั ธกจิ 1.3 เป้าประสงค์ 1.4 ตวั ชี้วัดความสาเรจ็ /ยทุ ธศาสตร/์ โครงการ 2. นโยบายและจดุ เน้นการดาเนินงาน กศน.อาเภอสัตหีบ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 3. การศึกษาเพือ่ พัฒนาทักษะชวี ิต 4. งานวิจัยท่เี ก่ยี วข้อง นโยบายและจดุ เนน้ การดาเนนิ งาน สานกั งาน กศน. ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วสิ ัยทศั น์ คนไทยไดร้ บั โอกาสการศึกษาและการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ อยา่ งมคี ณุ ภาพ สามารถดารงชวี ิตที่เหมาะสม กบั ช่วงวยั สอดคล้องกับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และมีทักษะทีจ่ าเปน็ ในโลกศตวรรษที่ 21 พันธกิจ 1. จัดและส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่มีคุณภาพ เพ่ือยกระดับการศึกษา พฒั นาทกั ษะการเรียนรขู้ องประชาชนทุกกล่มุ เปา้ หมายให้เหมาะสมทกุ ชว่ งวัย พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงบริบททาง สังคม และสร้างสงั คมแห่งการเรียนรู้ตลอดชวี ติ 2 ส่งเสริม สนับสนุน และประสานภาคีเครือข่าย ในการมีส่วนร่วมจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมท้ังการดาเนินกิจกรรมของศูนย์การเรียนและแหล่งการเรียนรู้อ่ืน ใน รปู แบบตา่ ง ๆ 3. สง่ เสริมและพัฒนาการนาเทคโนโลยีทางการศกึ ษา และเทคโนโลยีดิจทิ ัลมาใช้ใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพในการ จดั การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยให้กบั ประชาชนอยา่ งทั่วถึง 4. พัฒนาหลักสูตร รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและนวัตกรรม การวัดและประเมินผลในทุก รูปแบบใหส้ อดคล้องกับบริบทในปจญ จุบนั 5. พัฒนาบุคลากรและระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อมุ่งจัดการศึกษาและการเรียนรู้ที่มี คณุ ภาพ โดยยดึ หลักธรรมาภบิ าล เปา้ ประสงค์ 1. ประชาชนผดู้ ้อย พลาด และขาดโอกาสทางการศึกษา รวมทงั้ ประชาชนท่ัวไปได้รับโอกาสทางการศึกษา ในรูปแบบการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน การศึกษาต่อเนื่อง และการศึกษาตามอัธยาศัย ท่ีมี คุณภาพอย่างเทา่ เทยี มและทัว่ ถงึ เป็นไปตามสภาพ ปญญ หา และความต้องการของแต่ละ กลมุ่ เปา้ หมาย 2. ประชาชนได้รับการยกระดับการศึกษา สรา้ งเสริมและปลูกฝงญ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และความเป็นพลเมือง อันนาไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน เพ่ือพัฒนาไปสู่ความมั่นคงและย่ังยืน ทางดา้ นเศรษฐกจิ สังคม วฒั นธรรม ประวัติศาสตร์ และสิง่ แวดลอ้ ม
3. ประชาชนได้รบั โอกาสในการเรยี นรู้ และมีเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมสามารถคิด วิเคราะห์ และประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ประจาวัน รวมทัง้ แก้ปญญ หาและพัฒนาคุณภาพชวี ติ ได้อยา่ งสรา้ งสรรค์ 4. ประชาชนไดร้ ับการสร้างและส่งเสริมใหม้ นี สิ ยั รกั การอา่ นเพ่ือการแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง 5. ชุมชนและภาคีเครือข่ายทุกภาคสว่ น ร่วมจัด สง่ เสริม และสนับสนุนการดาเนินงานการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั รวมท้ังการขับเคลอื่ นกิจกรรมการเรยี นร้ขู องชุมชน 6. หน่วยงานและสถานศึกษาพัฒนา เทคโนโลยีทางการศึกษา เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการยกระดับ คุณภาพในการจัดการเรียนรู้และเพ่ิมโอกาสการเรยี นรูใ้ ห้กบั ประชาชน 7. หน่วยงานและสถานศึกษาพัฒนาส่ือและการจัดกระบวนการเรียนรู้ เพ่ือแก้ปญญหาและพัฒนาคุณภาพ ชีวิต ท่ีตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงบริบทด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์และ ส่ิงแวดลอ้ ม รวมทั้งตามความตอ้ งการของประชาชนและชุมชนในรูปแบบท่หี ลากหลาย 8. หนว่ ยงานและสถานศกึ ษามีระบบการบรหิ ารจดั การทเี่ ป็นไปตามหลกั ธรรมาภิบาล 9. บคุ ลากรของหนว่ ยงานและสถานศึกษาไดร้ บั การพฒั นาเพอ่ื เพิม่ สมรรถนะในการปฏบิ ัตงิ าน การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ตัวชวี้ ดั ตวั ชว้ี ดั เชิงปริมาณ 1. จานวนผเู้ รียนการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาช้นั พื้นฐานที่ไดร้ บั การสนบั สนนุ ค่าใช้จ่ายตาม สิทธทิ ่ีกาหนดไว้ 2. จานวนของคนไทยกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ท่ีเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้/เขา้ รบั บริการกจิ กรรม การศึกษาตอ่ เนื่อง และการศึกษาตามอธั ยาศยั ทีส่ อดคล้องกับสภาพ ปญญ หา และความต้องการ 3. รอ้ ยละของกาลังแรงงานทสี่ าเรจ็ การศึกษาระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้นขึ้นไป 4. จานวนภาคีเครือข่ายที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัด/พัฒนา/ส่งเสริมการศึกษา (ภาคีเครือข่าย : สถาน ประกอบการ องค์กร หนว่ ยงานทม่ี ารว่ มจดั /พัฒนา/สง่ เสรมิ การศึกษา) 5. จานวนประชาชน เดก็ และเยาวชนในพื้นที่สงู และชาวไทยมอแกน ในพืน้ ที่ 5 จงั หวัด 11 อากอ ได้รบั บริการการศกึ ษาตลอดชวี ติ จากศูนยก์ ารเรยี นชมุ ชนสังกดั สานกั งาน กศน. 6. จานวนผู้รับบรกิ ารในพ้ืนทีเ่ ป้าหมายได้รับการสง่ เสรมิ ด้านการร้หู นงั สือและการพฒั นาทักษะชีวติ 7. จานวนนกั เรียนนักศึกษาทีไ่ ด้รบั บรกิ ารติวเข้มเตม็ ความรู้ 8. จานวนประชาชนทีไ่ ดร้ บั การฝึกอาชพี ระยะสั้น สามารถสร้างอาชีพเพอ่ื สรา้ งรายได้ 9. จานวน ครู กศน. ตาบล จากพน้ื ที่ กศน.ภาค ไดร้ ับการพฒั นาศักยภาพด้านการจัดการเรยี น การสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการสอื่ สาร 10. จานวนประชาชนท่ไี ดร้ ับการฝึกอบรมภาษาต่างประเทศเพ่อื การสอ่ื สารดา้ นอาชีพ 11. จานวนผู้สงู อายภุ าวะพึ่งพิงในระบบ Long Term Care มผี ู้ดแู ลทมี่ คี ุณภาพและมาตรฐาน 12. จานวนประชาชนท่ีผา่ นการอบรมจากศูนย์ดิจิทลั ชุมชน 13. จานวนศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน กศน. บนพื้นที่สงู ในพน้ื ท่ี 5 จงั หวดั ท่ีสง่ เสริมการพฒั นาทักษะ การฟญง พูดภาษาไทยเพอื่ การสอื่ สาร ร่วมกันในสถานศกึ ษาสังกดั สพฐ. ตชด. และกศน. 14.จานวนบุคลากร กศน. ตาบลท่ีสามารถจัดทาคลังความรู้ได้ 15. จานวนบทความเพอื่ การเรยี นรู้ตลอดชีวิตในระดบั ตาบลในหวั ข้อต่าง ๆ 16. จานวนหลักสตู รและสื่อออนไลนท์ ่ใี หบ้ รกิ ารกับประชาชน ท้ังการศกึ ษานอกระบบระดบั
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน การศึกษาตอ่ เน่ือง และการศึกษาตามอัธยาศยั ตัวชี้วดั เชิงคุณภาพ 1. รอ้ ยละของคะแนนเฉล่ยี ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ การศกึ ษานอกระบบ (N-NET) ทกุ รายวชิ าทุกระดบั 2. รอ้ ยละของผเู้ รยี นทไ่ี ด้รับการสนบั สนนุ การจัดการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐานเทียบกับค่าเป้าหมาย 3. ร้อยละของประชาชนกลุ่มเปา้ หมายที่ลงทะเบียนเรียนในทุกหลักสูตร/กิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องเทียบ กับเปา้ หมาย 4. รอ้ ยละของผ้ผู ่านการฝึกอบรม/พัฒนาทกั ษะอาชพี ระยะสน้ั สามารถนาความร้ไู ปใชใ้ นการประกอบอาชีพ หรอื พฒั นางานได้ 5. ร้อยละของผู้เรียนในเขตพ้ืนท่ีจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพ หรือทักษะด้านอาชีพ สามารถมีงานทาหรอื นาไปประกอบอาชพี ได้ 6. ร้อยละของผู้จบหลักสตู ร/กิจกรรมท่ีสามารถนาความรู้ความเข้าใจไปใช้ได้ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร กิจกรรม การศึกษาตอ่ เนื่อง 7. รอ้ ยละของประชาชนทไี่ ดร้ ับบริการมคี วามพึงพอใจตอ่ การบริการ/เขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้การศึกษา ตามอัธยาศัย 8. รอ้ ยละของประชาชนกลุม่ เป้าหมายที่ได้รับบริการ/ข้าร่วมกิจกรรมที่มีความรู้ความเข้าใจ/เจตคติทักษะ ตามจุดมุ่งหมายของกจิ กรรมท่ีกาหนด ของการศกึ ษาตามอธั ยาศยั 9. ร้อยละของนักเรียน/นักศึกษาท่ีมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาที่ได้รับบริการติวเข้มเต็มความรู้เพ่ิม สูงข้ึน 10. รอ้ ยละของผู้สงู อายทุ เี่ ปน็ กลุ่มเป้าหมาย มโี อกาสมาเข้าร่วมกจิ กรรมการศกึ ษาตลอดชวี ิต นโยบายเร่งด่วนเพือ่ ร่วมขับเคลอื่ นยทุ ธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 1.ยทุ ธศาสตรด์ า้ นความมนั คง 1.1 พัฒนาและเสรมิ สร้างความจงรักภักดตี ่อสถาบันหลักของชาติ โดยปลูกฝญงและสร้างความตระหนักรู้ถึง ความสาคัญของสถาบันหลักของชาติ รณรงค์เสริมสร้างความรักและความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทยและชาติ ไทย น้อมนาและเผยแพร่ศาสตร์พระราชา หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงรวมถึงแนวทางพระราชดารติ า่ ง ๆ 1.2 เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้อง และการมีส่วนร่วมอย่างถูกต้องกับการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ในบริบทของไทย มคี วามเปน็ พลเมอื งดี ยอมรับและเคารพความ หลากหลายทางความคิดและอุดมการณ์ 1.3 ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาเพื่อป้องกันและแก้ไขปญญหาภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ ท้งั ยาเสพตดิ การคา้ มนษุ ย์ ภยั จากไซเบอร์ ภยั พิบัติจากธรรมชาติ โรคอุบัตใิ หม่ ฯลฯ 1.4 ยกระดับคุณภาพการศึกษาและสร้างเสริมโอกาสในการเข้าถึงบริการการศึกษา การพัฒนาทักษะ การสร้างอาชีพ และการใช้ชวี ติ ในสงั คมพหุวฒั นธรรม ในเขตพฒั นาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นท่ี ชายแดนอน่ื ๆ 1.5 สร้างความรู้ ความเข้าใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านยอมรับและ เคารพในประเพณี วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ และชาวต่างชาติท่ีมีความหลากหลาย ในลักษณะพหุสังคมท่ีอยู่ รว่ มกัน
2 ยทุ ธศาสตร์ด้านการสรา้ งความสามารถในการแข่งขัน 2.1 เร่งปรับหลักสูตรการจัดการศึกษาอาชีพ กศน. เพ่ือยกระดับทักษะด้านอาชีพของประชาชนให้เป็น อาชีพที่รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (First S - curve และ New S-curve) โดยบูรณาการความ รว่ มมอื ในการพัฒนาและเสรมิ ทักษะใหม่ด้านอาชีพ (Upskill & Reskill) รวมถึงมุ่งเน้นสร้างโอกาสในการสร้างงาน สรา้ งรายได้ และตอบสนองต่อความตอ้ งการของตลาดแรงานทงั้ ภาคอตุ สาหกรรมและการบริการ โดยเฉพาะในพ้ืนท่ี เขตระเบียงเศรษฐกิจ และเขคพัฒนาพิเศษตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศสาหรับพ้ืนท่ีปกติให้พัฒนาอาชีพท่ีเน้น การต่อยอดศักยภาพและตามบรบิ ทของพืน้ ท่ี 2.2 จดั การศกึ ษาเพือ่ พฒั นาพน้ื ทภ่ี าคตะวันออก ยกระดับการศึกษาให้กับประชาชนให้จบการศึกษาอย่าง น้อยการศึกษาภาคบังคับ สามารถนาคุณวุฒิท่ีได้รับไปต่อยอดในการประกอบอาชีพ รวมทั้งพัฒนาทักษะในการ ประกอบอาชพี ตามความต้องการของประชาชน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ตอบสนองต่อบริบทของสังคมและชุมชน รวมทัง้ รองรับการพัฒนาเขตพืน้ ทร่ี ะเบยี บเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) 2.3 พัฒนาและสง่ เสริมประชาชนเพอื่ ตอ่ ยอดการผลิตและจาหน่ายสนิ ค้และผลติ ภัณฑ์ ออนไลน์ 1) เร่งจัดตั้งศูนย์ให้คาปรึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ Brand กศน. เพ่ือยกระดับคุณภาพของสินค้าและ ผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการท่ีครบวงจร (การผลิต การตลาด การส่งออก และสร้างช่องทางจาหน่าย) รวมทั้ง สง่ เสริมการใช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยดี ิจทิ ลั ในการเผยแพรแ่ ละจาหน่ายผลติ ภัณฑ์ 2) พฒั นาและคัดเลือกสดุ ยอดสินคา้ และลติ ภัณฑ์ กศน. ในแตล่ ะจงั หวัด พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับ สถานบี ริการนา้ มันในการเปน็ ซอ่ งทางการจาหน่ายสดุ ยอดสินคา้ และผลติ ภณั ฑ์ กศน.ใหก้ วา้ งขวางยิง่ ขึ้น 3 ยทุ ธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้างศกั ยภาพทรัพยากรมนุษย์ 3.1 พัฒนาครูและบุคลากรท่ีเก่ียวข้องกับการจัดกิจกรรมและการเรียนรู้ เป็นผู้เช่ือมโยงความรู้กับผู้เรียน และผูร้ ับบริการ มีความเปน็ \"ครูมอื อาชีพ\" มจี ติ บรกิ าร มคี วามรอบรู้และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเป็น \"ผู้อานวยการการเรียนรู้\" ทส่ี ามารถบรหิ ารจัดการความรู้ กิจกรรม และการเรยี นรู้ทด่ี ี 1) เพิ่มอัตราข้าราชการครูให้กับ กศน. อาเภอทุกแห่ง โดยเร่งดาเนินการเรื่องการหาอัตราตาแหน่ง การสรรหา บรรจุ และแตง่ ต้ัง ขา้ ราชการครู 2) พฒั นาขา้ ราชการครใู นรูปแบบครบวงจร ตามหลกั สตู รที่เชื่อมโยงกบั วิทยฐานะ 3) พัฒนาครู กศน.ตาบลให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นเร่ืองการพัฒนาทักษะการ จดั การเรยี นการสอนออนไลน์ ทกั ษะภาษาตา่ งประเทศ ทกั ษะการจดั กระบวนการเรยี นรู้ 4) พฒั นาศึกษานิเทศก์ ให้สามารถปฏบิ ตั กิ ารนเิ ทศได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 5) พัฒนาบุคลากร กศน.ทุกระดับทุกประเภทให้มีทักษะความรู้เรื่องการใช้ประโยชน์จากดิจิทัลและ ภาษาต่างประเทศทจ่ี าเปน็ 3.2 พัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ มีความพร้อมในการ ใหบ้ รกิ ารกิจกรรมการศึกษาและการเรียนรู้ เปน็ แหล่งสารสนเทศสาธารณะทง่ี ่ายตอ่ การเข้าถึง มีบรรยากาศที่เอื้อต่อ การเรยี นรู้ เป็นพ้ืนท่ีการเรียนรู้สาหรับคนทุกช่วงวัย มีสิ่งอานวยความสะดวก มีบรรยากาศสวยงามมีชีวิต ที่ดึงดูด ความสนใจ และมคี วามปลอดภยั สาหรับผูใ้ ช้บรกิ าร 1) เร่งยกระดับ กศน.ตาบลนาร่อง 928 แห่ง (อาเภอละ 1 แห่ง) ให้เป็น กศน.ตาบล 5 ดี พรีเมี่ยม ที่ประกอบด้วย ครูดี สถานท่ีดี (ตามบริบทของพ้ืนท่ี) กิจกรรมดี เครือข่ายดี และมีนวัตกรรมการเรียนรู้ท่ีดีมี ประโยชน์ 2) จดั ใหม้ ีศนู ย์การเรียนร้ตู น้ แบบ กศน. เพอ่ื ยกระดับการเรยี นรู้ ใน 6 ภมู ภิ าค เปน็ พืน้ ทีก่ ารเรียนรู้ (Co - Learning Space) ที่ทันสมัยสาหรับทุกคน มีความพร้อมในการให้บริการต่าง ๆ อาทิ พื้นท่ีสาหรับการ ทางาน/การเรยี นรู้ พน้ื ที่สาหรับกจิ กรรมต่าง ๆ มหี ้องประชมุ ขนาดเล็ก รวมทั้งทางานร่วมกับห้องสมุดประชาชนใน
การให้บริการในรูปแบบห้องสมุดดิจิทัล บริการอินเทอร์เน็ต สื่อมัลติมีเดีย เพ่ือรองรับการเรียนรู้แบบ Active Learning 3) พัฒนาห้องสมุดประชชน \"เฉลิมราชกุมารี\" ให้เป็น Digital Library โดยให้มีบริการหนังสือ ในรูปแบบ e - Book บรกิ ารคอมพิวเตอร์ และอนิ เทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมทั้ง Free Wifi เพอื่ การสืบคน้ ขอ้ มูล 3.3 ส่งเสริมการจัดการเรียนรทู้ ที่ นั สมัยและมีประสิทธภิ าพ เออื้ ตอ่ การเรียนร้สู าหรับทุกคน สามารถเรียนได้ ทุกท่ีทุกเวลา มีกจิ กรรมที่หลากลาย นา่ สนใจ สนองตอบความตอ้ งการของชุมชน เพอื่ พัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของ ประชาชน รวมท้ังใช้ประโยชน์จากประชาชนในชุมชนในการร่วมจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือเช่ือมโยงความสัมพันธ์ ของคนในชุมชนไปสู้การจดั การความรู้ของชมุ ชนอยา่ งยง่ั ยืน 1) ส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีปลูกฝญงคุณธรรม สร้างวินัย จิตสาธารณะ ความรับผิดชอบต่อ ส่วนรวม และการมีจิตอาสา ผ่านกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ อาทิ กิจกรรมลูกเสือ กศน. กิจกรรมจิตอาสา ตลอดจน สนับสนนุ ให้มกี ารจัดกจิ กรรมเพอื่ ปลูกฝงญ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมให้กับบุคลากรในองคก์ ร 2) จดั ใหม้ หี ลักสตู รลูกเสือมคั คเุ ทศก์ โดยใหส้ านกั งาน กศน.จงั หวัดทุกแห่ปกทม. จัดตั้งกองลูกเสือที่ลูกเสือ มีความพร้อมด้านทักษะภาษาต่างประเทศ เป็นลูกเสือมัคคุเทศก์จังหวัดละ 1 กอง เพ่ือส่งเสริมลูกเสือจิตอาสา พฒั นาการท่องเทย่ี วในแตล่ ะจงั หวัด 3.4 เสริมสร้างความร่วมมอื กบั ภาคีเครอื ขา่ ย ประสาน ส่งเสริมความรว่ มมอื ภาคเี ครอื ขา่ ย ท้ังภาครัฐเอกชน ประชาสังคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ รวมท้ังสง่ เสรมิ และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนเพ่ือสร้างความ เข้าใจ และให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริม สนับสนุน และจัดการศึกษาและการเรียนรู้ให้กับประชาชนอย่างมี คุณภาพ 1) เร่งจัดทาทาเนียบภูมิปญญญาท้องถิ่นในแต่ละตาบล เพ่ือใช้ประโยชน์จากภูมิปญญญาท้องถิ่นในการสร้าง การเรยี นรจู้ ากองค์ความรใู้ นตวั บุคคลให้เกดิ การถา่ ยทอดภูมิปญญ ญา สรา้ งคณุ ค่าทางวัฒนธรรมอยา่ งย่งั ยืน 2) สง่ เสริมภมู ิปญญญาทอ้ งถนิ่ สู่การจดั การเรยี นรูช้ ุมชน 3) ประสานความร่วมมือกบั ภาคีเครือขา่ ยเพื่อการขยายและพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศัยให้เข้าถงึ กล่มุ เปา้ หมายทุกกลมุ่ อย่างกว้างขวางและมคี ณุ ภาพ อาทิ กลุ่มผ้สู งู อายุ กลมุ่ อสม. 3.5 พัฒนานวตั กรรมทางการศึกษาเพอื่ ประโยชนต์ ่อการจดั การศึกษาและกล่มุ เปา้ หมาย 1) พัฒนาการจัดการศึกษาออนไลน์ กศน. ท้ังในรูปแบบของการศึกษาข้ันพื้นฐาน การพัฒนาทักษะชีวิต และทักษะอาชพี การศึกษาตามอัธยาศัย รวมทั้งการพฒั นาช่องทางการค้าออนไลน์ 2) ส่งเสรมิ การใช้เทคโนโลยีในการปฏบิ ัตงิ าน การบริหารจัดการ และการจัดการเรียนรู้ 3) ส่งเสรมิ ให้มีการใช้การวจิ ัยอยา่ งงา่ ยเพอื่ สรา้ งนวตั กรรมใหม่ 3.6 พฒั นาศกั ยภาพคนด้านทักษะและความเขา้ ใจในการใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ิทลั (Digital Literacy) 1) พัฒนาความรู้และทกั ษะเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั ของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา เพ่ือพฒั นา รูปแบบการจดั การเรยี นการสอน 2) ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพ่ือให้ประชาชนมีทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยี ดิจิทัลทสี่ ามารถนาไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน รวมท้ังสรา้ งรายไดใ้ ห้กบั ตนเองได้ 3.7 พัฒนาทกั ษะภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารของประชาชนในรูปแบบต่าง ๆอย่างเป็นรูปธรรม โดย เน้นทักษะภาษาเพื่ออาชีพ ท้ังในภาคธุรกิจ การบริการ และการท่องเท่ียว รวมท้ังพัฒนาส่ือการเรียนการสอนเพ่ือ ส่งเสริมการใช้ภาษาเพอ่ื การสื่อสารและการพฒั นาอาชพี 3.8 เตรยี มความพร้อมการเขา้ ส่สู งั คมผู้สูงอายุท่ีเหมาะสมและมีคุณภาพ 1) ส่งเสริมการจดั กจิ กรรมให้กับประชาชนเพอื่ สรา้ งความตระหนักถึงการเตรยี มพร้อมเขา้ สู่
สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) มีความเข้าใจในพฒั นาการของช่วงวยั รวมท้งั เรยี นรแู้ ละมีส่วนร่วมในการดแู ล รบั ผิดชอบผ้สู ูงอายใุ นครอบครัวและชุมชน 2) พัฒนาการจดั บรกิ ารการศกึ ษาและการเรียนรสู้ าหรบั ประชาชนในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ ที่เหมาะสมและมีคณุ ภาพ 3) จัดการศึกษาเพอ่ื พฒั นาคุณภาพชีวติ สาหรับผสู้ ูงอายุภายใต้แนวคดิ \"Active Aging\"การศึกษาเพ่ือพัฒนา คุณภาพชีวิต และพัฒนาทักษะชีวิต ให้สามารถดูแลตนเองทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตและรู้จักใช้ประโยชน์จาก เทคโนโลยี 4) สร้างความตระหนกั ถึงคณุ คา่ และศกั ด์ศิ รขี องผสู้ ูงอายุ เปิดโอกาสใหม้ ีการเผยแพรภ่ ูมปิ ญญญาของผู้สูงอายุ และให้มสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมด้านตา่ ง ๆ ในชมุ ชน เช่น ด้านอาชพี กฬี า ศาสนาและวัฒนธรรม 5) จัดการศึกษาอาชีพเพือ่ รองรบั สังคมผู้สูงอายุ โดยบรู ณาการความร่วมมือกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ในทุก ระดบั 3.9 การส่งเสรมิ วทิ ยาศาสตร์เพื่อการศกึ ษา 1) จัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์เชิงรุก และเน้นให้ความรู้วิทยาศาสตร์อย่างง่ายกับประชาชนในชุมชนทั้ง วิทยาศาสตรใ์ นวิถชี ีวติ และวทิ ยาศาสตร์ในชวี ติ ประจาวนั 2) พฒั นาสือ่ นิทรรศการเละรูปแบบการจัดกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ใหม้ ีความทนั สมัย 3.10 ส่งเสริมการรู้ภาษาไทยให้กับประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะประชาชนในเขตพื้นที่สูงให้ สามารถฟงญ พูด อา่ น และเขยี นภาษาไทย เพื่อประโยชในการใชช้ ีวิตประจาวนั ได้ 4 ยุทธศาสตร์ต้นการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม 4.1 จัดตั้งศูนย์การเรียนรูส้ าหรับทกุ ช่วงวยั ทีเ่ ป็นศูนยก์ ารเรียนรู้ตลอดชีวิตท่สี ามารถให้บริการประชาชนได้ ทกุ คน ทกุ ชว่ งวยั ทีม่ ีกิจกรรมที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการในการเรียนรู้ในแต่ละวัยและเป็นศูนย์บริการ ความรู้ ศูนย์การจัดกิจกรรมที่ครอบคลุมทุกช่วงวัย เพ่ือให้มีพัฒนาการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมและมีความสุขกับการ เรียนรตู้ ามความสนใจ 1) เร่งประสานกับสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน เพื่อจัดทาฐานข้อมูลโรงเรียนที่ถูกยุบรวม หรือคาดว่าน่าจะถกู ยุบรวม 2) ใหส้ านกั งาน กศน.จังหวัดทุกแห่งท่ีอยู่ในจังหวัดท่ีมีโรงเรียนที่ถูกยุบรวม ประสานขอใช้พ้ืนที่เพื่อจัดต้ัง ศูนยก์ ารเรยี นรูส้ าหรับทกุ ช่วงวยั กศน. 4.2 ส่งเสรมิ และสนับสนนุ การจดั การศึกษาและการเรียนรสู้ าหรบั กลมุ่ เป้าหมายผ้พู ิการ 1) จัดการศึกษาข้ันพื้นฐาน การศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยเน้นรปู แบบการศกึ ษาออนไลน์ 2) ใหส้ านกั งาน กศน.จังหวดั ทุกแห่ง/กทม. ทาความร่วมมือกับศนู ย์การศกึ ษาพเิ ศษประจาจังหวัด ในการใช้ สถานที่ วัสดุอุปกรณ์ และครุภัณฑ์ด้านการศึกษา เพ่ือสนับสนุนการจัดการศึกษาและการเรียนรู้สาหรับ กล่มุ เป้าหมายผ้พู ิการ 4.3 ยกระดับการศึกษาให้กับกลุ่มเป้าหมายทหารกองประจาการ รวมท้ังกลุ่มเป้าหมายพิเศษอ่ืน ๆ อาทิ ผู้ต้องขัง คนพิการ เด็กออกกลางคัน ประชากรวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษาให้จบการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน สามารถนาความรทู้ ไ่ี ด้รบั ไปพฒั นาตนเองไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 4.4 พัฒนาหลกั สูตรการจดั การศกึ ษาอาชีพระะสน้ั ให้มีความหลากหลาย ทันสมัย เหมาะสมกับบริบทของ พ้ืนท่ี และตอบสนองความต้องการของประชาชนผ้รู บั บรกิ าร
5. ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวติ ท่ีเปน็ มติ รต่อสิ่งแวดลอ้ ม 5.1 สง่ เสริมใหม้ ีการใหค้ วามร้กู ับประชาชนในการรับมือและปรับตัวเพื่อลดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ และผลกระทบที่เกยี่ วข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภมู อิ ากาศ 5.2 สร้างความตระหนักถึงความสาคัญของการสร้างสังคมสีเขียว ส่งเสริมความรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับ การคัดแยกตงั้ แต่ต้นทาง การกาจัดขยะ และการนากลับมาใช้ช้า เพ่ือลดปริมาณและต้นทุนในการจัดการขยะของ เมือง และสามารถนาขยะกลับมาใชป้ ระโยชน์ไดโ้ ดยงา่ ย รวมทง้ั การจดั การมลพษิ ในชมุ ชน 5.3 สง่ เสรมิ ใหห้ นว่ ยงานและสถานศกึ ษาใช้พลงั งานทเี่ ป็นมิตรกบั สิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดการใช้ทรัพยากรท่ี ส่งผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดล้อม เชน่ รณรงค์เรอ่ื งการลดการใชถ้ ุงพลาสตกิ การประหยัดไฟฟ้า เปน็ ต้น 6. ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการปรบั สมดลุ และพฒั นาระบบหารบรหิ ารจัดการภาครัฐ 6.1 พฒั นาและปรับระบบวิธีการปฏิบัติราชการให้ทันสมัย มีความโปร่งใส ปลอดการทุจริตและ ประพฤติ มชิ อบ บรหิ ารจัดการบนขอ้ มลู และหลักฐานเชิงประจักษ์ มงุ่ ผลสัมฤทธม์ิ คี วามโปร่งใส 6.2 นานวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบการทางานที่เป็นดิจิทัลมาใช้ในการบริหารและพัฒนางาน สามารถ เชือ่ มโยงกับระบบฐานข้อมลู กลางของกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมทั้งพัฒนาโปรแกรมออนไลน์ที่ สามารถเช่ือมโยง ข้อมูลต่าง ๆ ท่ีทาให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างต่อเน่ืองกันตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการและให้ประชาชน กลมุ่ เปา้ หมายสามารถเขา้ ถึงบริการไดอ้ ยา่ งทนั ที ทกุ ทแี่ ละทุกเวลา 6.3 สง่ เสริมการพัฒนาบุคลากรทุกระดับอย่างต่อเนื่อง ให้มีความรู้และทักษะตามมาตรฐาน ตาแหน่ง ให้ ตรงกบั สายงาน ความชานาญ และความต้องการของบคุ ลากร แนวทาง/กลยทุ ธ์การดาเนนิ งาน ของ กศน.อาเภอสตั หีบ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ปรชั ญา คดิ เปน็ ทาเปน็ เน้นคุณธรรม วิสยั ทัศน์ “ภายในปี 2565 ผู้เรียน/ผู้รับบริการ ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสัต หีบ มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ใช้แหล่งเรียนรู้ ภูมิปญญญา ส่ือเทคโนโลยี ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยเครอื ข่ายมีสว่ นรว่ ม” อัตลกั ษณ์ “เทา่ ทันเทคโนโลยี” ความหมาย การใช้เทคโนโลยี ในการเรียนรู้และการดารงชีวติ ไดอ้ ย่างถกู ต้อง เอกลักษณ์ “องค์กร ออนไลน์” หมายถึง สถานศกึ ษาใช้เทคโนโลยีในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ และการบรหิ ารงานภายในองคก์ ร พันธกิจ 1. ออกแบบการจดั กระบวนการเรยี นรใู้ หส้ อดคลอ้ งกับหลักสตู ร 2. จดั ระบบสารสนเทศเพือ่ การเรียนรู้และการบรหิ ารการศึกษา 3. พัฒนาบคุ ลากรด้านการออกแบบการจัดกระบวนการเรยี นรู้/สอ่ื /การประเมนิ ผล 4. สง่ เสริมและสนบั สนนุ การมีส่วนร่วมของภาคีเครอื ขา่ ยและชุมชนในการจัดกิจกรรมการศึกษา
เป้าประสงค์ 1. ใชส้ อื่ เทคโนโลยใี นการจดั การเรยี นรู้ 2. จัดการเรยี นรู้ร่วมกบั เครอื ข่าย กลยุทธ์ กลยุทธ์ วัตถุประสงค์ 1. พัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี น 1. เพ่อื ให้ผู้เรยี นมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรมคา่ นยิ มอนั พึงประสงค์ 2. เพื่อให้ผเู้ รยี นมที กั ษะและความสามารถในการแสวงหาความรู้ 3. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมีทกั ษะและความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 4. เพ่ือใหผ้ ูเ้ รียนมผี ลสัมฤทธ์ิทางการศกึ ษาตามนโยบายสถานศกึ ษา 5. เพอ่ื ใหผ้ ้เู รยี นการศกึ ษาต่อเนอื่ งนาความรไู้ ปใชไ้ ด้ 6. เพือ่ ให้ผู้เรียนการศกึ ษาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนาความรไู้ ปใช้ได้ 7. เพื่อให้ผูเ้ รียนการศึกษาดิจิทัลชุมชนสามารถนาความรู้ไปใชไ้ ด้ 8. เพ่ือใหผ้ รู้ ับบรกิ ารการศกึ ษาตามอัธยาศยั นาความรไู้ ปใชไ้ ด้ 9. เพื่อให้ผู้เรียน/ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงข้อมูลจากระบบสารสนเทศและสามารถนา ความรู้ไปใชพ้ ัฒนาตนเองได้ 2. พฒั นาบคุ ลาการ 1. เพื่อให้บุคลากรมีความรู้และทกั ษะดา้ นการออกแบบการจดั กระบวนการเรียนการสอน 2. เพื่อใหบ้ คุ ลากรมคี วามรูแ้ ละทักษะด้านการออกแบบส่ือการเรยี นการสอน 3. เพอ่ื ให้บุคลากรมีความรู้และทักษะด้านวิธกี ารประเมนิ ผลท่มี คี ณุ ภาพ 3.บรหิ ารการจัดการสถานศกึ ษา 1. เพอ่ื จัดระบบสารสนเทศเพอ่ื การเรียนรแู้ ละการบริหารสถานศึกษา 4.ภาคีเครอื ข่ายรว่ มจดั กจิ กรรม 1. เพื่อใหเ้ ครือข่ายมสี ว่ นร่วมส่งเสริมสนบั สนนุ และร่วมจัดการจดั กิจกรรมการศกึ ษา ผลการวิเคราะห์ SWOT (Swot Analysis) ของ กศน.อาเภอสัตหีบ S = จดุ แขง็ 1. ด้านอาคารสถานทต่ี ง้ั อยูใ่ นเขตชุมชนเมือง สะดวกในการตดิ ตอ่ 2. ด้านบคุ ลากรมจี านวนเพียงพอตอ่ การปฏบิ ัตงิ าน 3. มีระบบการจดั เกบ็ และสืบค้นข้อมลู ท่ีทนั สมัยสามารถสบื คน้ ขอ้ มูลทางเวปไซด์ได้ W = จุดอ่อน 1. ส่ือ วสั ดุ อปุ กรณ์ ไม่เพยี งพอตอ่ การดาเนินงานและการบริการ 2. ระบบสารสนเทศ เทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต wifi ไม่เพียงพอต่อการดาเนินงานและการบริการประชาชน และนักศกึ ษา 3. สถานทคี่ ับแคบ ไม่เหมาะสมกบั การจดั กิจกรรมขนาดใหญ่ O = โอกาส 1. ไดร้ ับความร่วมมอื กบภาคเี ครอื ขา่ ยเป็นอยา่ งดี 2. ได้รับการยอมรบั จากชมุ ชนและหน่วยงานอนื่ ๆ 3. มแี หลง่ เรยี นร้แู ละภมู ปิ ญญญาท้องถิ่นที่โดดเดน่ จากเศรษฐกิจพอเพยี ง 4. มกี รอบแนวทางการดาเนินงานทีช่ ัดเจน T = อุปสรรค 1. สถานท่ี 2. นกั ศึกษาไม่สามารถเขา้ รว่ มกิจกรรมไดบ้ ่อยครัง้
3. ผูเ้ รยี นไม่ค่อยพัฒนาตนเองอย่างตอ่ เนื่อง 4. การจัดสรรงบประมาณจากหน่วยงานลา่ ช้า นโยบายและจดุ เนน้ ของ กศน.อาเภอสตั หีบ ตัวช้ีวดั 1. จานวนผูเ้ รียนการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานที่ไดร้ บั การสนบั สนนุ ค่าใช้จา่ ยตามสทิ ธิที่กาหนดไว้ 2. จานวนของคนไทยกลุ่มเป้าหมายตา่ งๆ (กลมุ่ เปา้ หมายทว่ั ไป กล่มุ เปา้ หมายพเิ ศษ และกลุ่มคนไทยท่ัวไป เป็นต้น) ท่ีเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้/ได้รับบริการกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง และการศึกษาตามอัธยาศัยที่สอดคล้องกับ สภาพ ปญญ หา และความตอ้ งการ 3. ร้อยละผู้จบหลักสูตร/กิจกรรมการศึกษานอกระบบสามารถนาความรู้ความเข้าใจไปใช้ได้ตามจุดมุ่งหมายของ หลักสูตร/กจิ กรรมทก่ี าหนด 4. จานวนแหลง่ เรยี นรู้ในระดบั ตาบลทม่ี ีความพร้อมในการใหบ้ รกิ ารการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั 5. จานวนประชาชนกลมุ่ เป้าหมายทเี่ ขา้ รบั การฝกึ อาชีพ เหน็ ช่องทางในการประกอบอาชพี 6. ร้อยละของผ้เู ข้าร่วมกิจกรรมทส่ี ามารถอา่ นออกเขยี นไดแ้ ละคิดเลขเป็นตามจดุ มุ่งหมายของกจิ กรรม 7. ร้อยละของประชาชนกลมุ่ เป้าหมายทไ่ี ด้รบั บรกิ ารเขา้ ร่วมกจิ กรรมแหลง่ เรยี นรตู้ ามอัธยาศัย มคี วามรู้ความเข้าใจ เจตคติ ทกั ษะตามจดุ มุ่งหมายของกจิ กรรมท่ีกาหนด 8. จานวนผูด้ ูแลประชาชนที่ผ่านการอบรมตามหลักสตู รทก่ี าหนด 9. จานวนองค์กรภาคส่วนต่าง ๆ ท้ังในและต่างประเทศ ที่ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายในการดาเนินงานการศึกษานอก ระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย 10. จานวนนกั เรยี น นักศกึ ษา และประชาชนทั่วไปทเ่ี ข้าถึงบรกิ ารการเรียนรทู้ างด้านวทิ ยาศาสตร์ในรูปแบบ 11. จานวน/ประเภทของส่ือ และเทคโนโลยีทางการศึกษาท่ีมีการจัดทา/พัฒนาและนาไปใช้เพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้ ของผ้เู รยี น/ผู้รับบรกิ ารการศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศยั 12. จานวนนกั เรยี น นักศกึ ษา และประชาชนทัว่ ไปท่เี ข้าถึงบริการความรนู้ อกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยผ่าน ช่องทางสอื่ เทคโนโลยที างการศึกษา และเทคโนโลยกี ารสือ่ สาร 13. ร้อยละของนกั ศึกษาท่ีมผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นทไ่ี ดร้ บั บริการติวเขม้ เตม็ ความรู้เพม่ิ สูงขน้ึ 14. จานวนบุคลากรของหน่วยงานและสถานศึกษาได้รับการพัฒนาเพื่อเพ่ิมสมรรถนะในการปฏิบัติงานการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 15. รอ้ ยละของสถานศกึ ษาในสังกดั ท่ีมรี ะบบประกันคณุ ภาพภายในและมกี ารจัดทารายงานการประเมินตนเอง 16. รอ้ ยละของหนว่ ยงาน และสถานศกึ ษา กศน. ที่มีการใชร้ ะบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการจัดทา ฐานข้อมูลชุมชนและการบริหารจัดการ เพ่ือสนับสนุนการดาเนินงานการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตาม อธั ยาศัยขององคก์ าร 17. ร้อยละของหน่วยงาน และสถานศึกษา กศน. ที่สามารถดาเนินงานโครงการ/กิจกรรมตามบทบาทภารกิจท่ี รับผิดชอบได้สาเร็จตามเป้าหมายท่ีกาหนดไว้อย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า/ตามแผนที่ กาหนดไว้ จดุ เนน้ การดาเนินงาน กศน. ตามยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธกิ าร 6 ยุทธศาสตร์ 1. พฒั นาหลักสูตร กระบวนการเรียนการสอน และการวัดผลประเมินผล จุดเน้นการดาเนนิ งาน 1.1 จัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงและความต้องการของประชาชนชุมชนและ สังคม ในรูปแบบท่ีหลากหลาย ให้ประชาชนคิดเป็น วิเคราะห์ได้ ตัดสินใจภายใต้ฐานข้อมูลที่ถูกต้อง เช่น ความรู้
เรอื่ งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข/การเลือกต้ัง แนวทางและทิศทางการ พฒั นาประเทศด้านต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยประสานความร่วมมือกับกระทรวงต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ร่วมจัดทาเนื้อหา และส่อื ประกอบการจดั กระบวนการเรียนรู้ รวมทงั้ ให้มีการจัดทาแผนการเรยี นรูร้ ายชุมชน เพ่ือพัฒนาสู่ชุมชน/เมือง แห่งการเรียนรู้ 1.2 สง่ เสรมิ ใหม้ ีการจัดการเรยี นการสอนแบบ “สะเต็มศึกษา” (STEM Education) โดยบูรณาการความรู้ ด้าน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต สู่การประกอบอาชีพ ประยุกต์ใช้ในการ ทางาน และเปน็ แนวทางของการสรา้ งแรงงานทีม่ ีศักยภาพได้ในอนาคต 1.3 จัดการศึกษาเพื่อเพิ่มอัตราการรู้หนังสือให้คนไทยให้สามารถอ่านออกเขียนได้ โดยใช้หลักสูตรการรู้ หนงั สือของคนไทยของสานกั งาน กศน.และสือ่ ที่เหมาะสมกับสภาพและพ้นื ทข่ี องกล่มุ เปา้ หมาย 2. การผลิต พัฒนา ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศกึ ษา จุดเน้นการดาเนนิ งาน 2.1 จัดทาแผนพัฒนาอัตรากาลังล่วงหน้าระยะ 10 ปี เพื่อใช้เป็นข้อมูลสาหรับการขอกรอบอัตรากาลัง เพิม่ เติมให้เพยี งพอตอ่ ขอบข่ายการดาเนนิ งานของ กศน. 2.2 เร่งพัฒนาศักยภาพครู กศน. ทุกประเภท เพื่อให้สามารถเป็นทั้งผู้สอนและผู้ออกแบบการเรียนรู้ รายบุคคล และจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจัดทาแผนพัฒนาครู กศน.ทุกประเภท และทุก ระดบั ชว่ งระยะ 10 ปี เพอ่ื พฒั นาสมรรถนะครู กศน. ให้ไดเ้ กณฑ์มาตรฐานที่กาหนด 2.3 สารวจข้อมูล และทบทวนหลกั เกณฑก์ ารจ้างลกู จ้างแบบจ้างเหมาบริการ และพนักงานราชการให้ตรง ตามความตอ้ งการของพ้ืนที่ 3. ผลติ และพัฒนากาลังคน รวมทงั้ งานวิจยั ท่สี อดคล้องกบั ความต้องการของการพัฒนาประเทศ จดุ เนน้ การดาเนินงาน 3.1 ยกระดบั การศกึ ษาให้กบั กลมุ่ พนักงานรักษาความปลอดภัย ให้จบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพ โดยเนน้ การเรียนรูปแบบโปรแกรมเรยี นรรู้ ายบุคคล 3.2 จดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้สอดคล้องและรองรับกับความต้องการของการ พัฒนาตามบรบิ ทของแต่ละพื้นที่ในเขตพฒั นาเศรษฐกิจพิเศษ โดยมุง่ เน้นผลิตกาลงั คนให้สอดคล้องกับความต้องการ ของพืน้ ท่ี พร้อมท้งั สร้างทักษะทางวิชาชีพ โดยเน้นด้านการบริหารและการประกอบการ เพื่อให้ประชาชนในพ้ืนท่ี ไดร้ ับการพัฒนาศักยภาพในแนวทางท่ดี ีขน้ึ 4. ขยายโอกาสในการเขา้ ถึงบรกิ ารการศึกษาและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชวี ติ จดุ เน้นการดาเนินงาน 4.1 เร่งบริหารจดั การโรงเรยี นขนาดเลก็ โดยประสานขอ้ มลู โรงเรยี นขนาดเลก็ จากสานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน (สพฐ.) และประสานหนว่ ยงานในพ้นื ท่เี พอ่ื สารวจความตอ้ งการในกาจดั การโรงเรียนขนาดเล็ก เพอ่ื ทาเปน็ กศน. ตาบลหรือแหล่งการเรยี นรู้ของชุมชนภายในตาบลสัตหีบ 4.2 จัดและส่งเสริมความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการศึกษาและการเรียนรู้ให้กับ กล่มุ เปา้ หมายเด็กออกกลางคนั /เด็กตกหล่น และกลุ่มคนพกิ ารในตาบลสตั หบี 4.3 เรง่ สารวจขอ้ มูลการร้หู นงั สือของคนไทย โดยให้ความสาคัญกับกลุ่มเป้าหมายนักศึกษา กศน.ในตาบล สตั หีบ 4.4 พัฒนา กศน.ตาบล/แขวง ให้เป็นฐานการขับเคล่ือนการจัดการศึกษา โดยเน้นการประสานเชื่อมโยง ระหว่างชมุ ชนและภาคีเครอื ข่าย ในการจัดการศกึ ษารูปแบบ กศน.ตาบล 4 ศนู ย์ ได้แก่ (1) ศูนย์เรียนรู้หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจาตาบล (2) ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยตาบล (3) ศูนย์
ดิจิทัลชุมชน และ (4) ศูนย์การศึกษาตลอดชีวิตชุมชน เพ่ือสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนอย่างมี ประสทิ ธิภาพ รวมทัง้ สร้างและกระจายโอกาสในการเรียนรตู้ ลอดชวี ิตในชุมชน 4.5 จัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนทุกช่วงวัย“กศน.เพ่ือประชาชน”เช่น จัดการเรียน วิชาชีพระยะสั้น (โครงการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน) ให้กับประชาชนที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน บริบทของพ้ืนที่ จดั การศกึ ษาเพอ่ื เสริมสร้างคณุ ภาพชีวติ ใหก้ ับกลมุ่ ประชาชนและการพฒั นาทกั ษะชีวติ ในการเตรียม ความพร้อมรับมอื กบั การเปล่ยี นแปลงทางเศรษฐกิจ สงั คม ธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม และการเข้าส่สู ังคมเศรษฐกิจท่ี ขับเคลอื่ นดว้ ยนวตั กรรม (Thailand 4.0) 4.6 มุ่งเน้นการส่งเสรมิ ให้เกิดชุมชนรักการอา่ นภายในตาบลสัตหบี “น่ังที่ไหน อ่านท่ีน่ัน” ในรูปแบบต่าง ๆ เชน่ อาสาสมคั รส่งเสรมิ การอา่ น ห้องสมุดประชาชน บ้านหนังสือชมุ ชน ตหู้ นังสอื เคล่ือนที่ในตลาด และหนังสือพิมพ์ ฝาผนงั เป็นตน้ 5. สง่ เสรมิ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีดจิ ิทลั เพอื่ การศึกษา จุดเนน้ การดาเนินงาน 5.1 พัฒนา กศน. ตาบลสัตหีบ ให้มีความพร้อมเก่ียวกับโครงสร้างพ้ืนฐานด้าน ICT และเทคโนโลยีเพื่อ การศึกษาอนื่ ท่ีเหมาะสมกบั พ้นื ที่ เพ่ือให้ กศน.ตาบลสตั หีบ เขา้ ถงึ การใชบ้ ริการทางอนิ เทอร์เน็ตมีความพร้อมในการ ให้บริการการศึกษาและการเรียนรู้ที่เป็นไปตามความต้องการของประชาชนและชุมชน และสร้างโอกาสในการ เรยี นรไู้ ด้อยา่ งทั่วถึง 5.2 พัฒนาระบบช่องทางแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ (Portal Web) และส่งเสริมให้ประชาชนนาเทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารมาประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้/กิจกรรมต่าง ๆ เพ่ือเพ่ิมโอกาสการเรียนรู้ และการพัฒนา อาชพี เชน่ การแสวงหาความรู้เพื่อการดารงชีวิต การพัฒนาต่อยอดอาชีพเพ่ือสร้างรายได้ โดยผ่านกลไกของศูนย์ ดจิ ทิ ัลชุมชน เพอ่ื ให้ผู้เรียนสามารถนาความรู้ความสามารถ เจตคติที่ดีต่อการประกอบอาชีพและทักษะท่ีพัฒนาข้ึน ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการประกอบอาชพี ทส่ี รา้ งรายไดไ้ ดจ้ รงิ และการพฒั นาสู่เศรษฐกิจเชิงสรา้ งสรรค์ตอ่ ไป 6. พฒั นาระบบบรหิ ารจัดการสง่ เสริมใหท้ กุ ภาคสว่ นมสี ว่ นร่วมในการจดั การศึกษา จุดเนน้ การดาเนนิ งาน 6.1 สารวจ วิเคราะห์ และปรับปรุงค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน โดยดาเนินการใหผ้ ู้เรยี นไดร้ ับการสนับสนุนค่าจัดซ้อื ตาราเรียน ค่าจัดกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียน และค่าเล่าเรียน อย่างท่ัวถึง และเหมาะสมกับสภาพการจัดการศึกษา เพ่ือเพ่ิมโอกาสในการรับการศึกษาที่มีคุณภาพโดยไม่เสีย คา่ ใช้จา่ ย 6.2 สร้างความรู้ ความตระหนัก และปลูกจิตสานึกตามหลักธรรมาภิบาล ตลอดจนความรู้เรื่องกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และอ่ืนๆท่ีเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานให้กับบุคลากรทุกระดับทุกประเภทโดยส่งเสริมการจัด กิจกรรม การจัดทานวัตกรรมเก่ียวกับองค์ความรู้ด้านคุณธรรมจริยธรรม การป้องกันการทุจริต และราชการใส สะอาด ของหนว่ ยงานและสถานศกึ ษา เพื่อให้ กศน.ตาบลสัตหบี เป็นองคก์ รแหง่ ศักดศ์ิ รีและสจุ ริตธรรมท่ีประชาชน มคี วามเชือ่ มั่น ศรทั ธาและมีความไว้วางใจในการปฏิบัตงิ าน ภารกิจต่อเนอ่ื ง 1. ด้านการจดั การศกึ ษาและการเรียนรู้ 1.1 การศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน 1) สนับสนุนการจัดการศกึ ษานอกระบบตัง้ แตป่ ฐมวัยจนจบการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานโดยดาเนินการให้ ผเู้ รยี นได้รับการสนับสนุนคา่ จดั ซ้ือตาราเรยี น ค่าจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และค่าเล่าเรียนอย่างทั่วถึงและ เพียงพอเพ่ือเพ่มิ โอกาสในการรับการศึกษาทีม่ คี ุณภาพโดยไม่เสียคา่ ใช้จา่ ย
2) จัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานให้กับกลุ่มเป้าหมายผู้ด้อย พลาดและขาด โอกาสทางการศึกษา ท้ังระบบการให้บริการ ระบบการเรียนการสอน ระบบการวัดและประเมินผลการเรียน ผ่าน การเรยี นแบบเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง การพบกลุม่ การเรยี นแบบชน้ั เรยี น และการจัดการศกึ ษาทางไกล 3) จัดให้มีการประเมินเพ่ือเทียบระดับการศึกษา และการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ท่ีมี ความโปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ มีมาตรฐานตามท่ีกาหนด และสามารถตอบสนองความต้องการของ กลุ่มเป้าหมายไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 4) ส่งเสริมให้ผู้เรียนต้องเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อดาเนินกิจกรรม เสริมสร้างความสามัคคี บาเพ็ญสาธารณประโยชน์อย่างต่อเน่ือง และส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข เช่น กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด กิจกรรม จิตอาสา การจัดตั้ง ชมรม/ชุมนุม และเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นนากจิ กรรมการบาเพ็ญประโยชนอ์ นื่ ๆนอกหลกั สูตร มาใช้เพ่มิ ช่วั โมงกิจกรรม ใหผ้ ู้เรยี นจบตามหลกั สตู รได้ 5) จัดตั้งศูนย์แนะแนวและประสานการศกึ ษาพเิ ศษอาเภอ/เขต ให้ครบทกุ อาเภอท่วั ประเทศ 1.2 การศกึ ษาต่อเนอื่ ง 1) จัดการศึกษาอาชีพเพ่ือการมีงานทาอย่างย่ังยืน โดยให้ความสาคัญกับการจัดการศึกษาอาชีพ เพอื่ การมีงานทาประเภทชา่ งพืน้ ฐาน/ช่างชนบท และอาชีพทส่ี อดคล้องกับศักยภาพของผู้เรียนและศักยภาพของแต่ ละพน้ื ท่ี 2) จดั การศกึ ษาเพอื่ พฒั นาทกั ษะชวี ิตให้กบั ทกุ กลมุ่ เปา้ หมาย โดยจัดกิจกรรมการศึกษาในรูปแบบ ต่างๆ อาทิ ค่ายพัฒนาทักษะชีวิต การจัดต้ังชมรม/ชุมนุม การส่งเสริมความสามารถพิเศษต่างๆ ที่มุ่งเน้นให้ทุก กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการชีวิตของตนเองให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม รวมทงั้ สามารถใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัวและชุมชน 3) จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน โดยใช้หลักสูตรและการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบ บูรณาการในรูปแบบของการฝกึ อบรม การเรียนทางไกล การประชุม สัมมนา การจัดเวทีแลกเปล่ียนเรียนรู้ การจัด กิจกรรมจิตอาสา การสร้างชมุ ชนนกั ปฏบิ ตั ิ และรูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและบริบทของชุมชนแต่ ละพืน้ ที่ โดยเน้นการดาเนินตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การสรา้ งจติ สานกึ ความเป็นประชาธิปไตย ความ เป็นพลเมอื งดี การบาเพ็ญประโยชน์ การอนุรักษ์พลงั งานทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม 4) ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างจิตสานึกและวินัยในชุมชน เช่น การส่งเสริมคุณธรรมและ จริยธรรมในชุมชน การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของชุมชน ศูนย์เรียนรู้หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหมป่ ระจาตาบลสัตหีบ 1.3 การศกึ ษาตามอัธยาศัย 1) ส่งเสริมให้มีการขยายและพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ในระดับตาบล เพื่อการถ่ายทอดองค์ความรู้ และจดั กิจกรรมเพือ่ เผยแพร่องค์ความรูใ้ นชมุ ชนได้อยา่ งทั่วถึง 2) จดั กิจกรรมสง่ เสรมิ การเรียนรู้เพื่อปลกู ฝญงนสิ ยั รักการอ่าน และพัฒนาความสามารถในการอ่าน และศกั ยภาพการเรยี นร้ขู องประชาชนทกุ กล่มุ เปา้ หมายให้ได้ระดับอ่านคล่อง อ่านเข้าใจความเขียนคล่อง และอ่าน เชิงคิดวิเคราะห์พื้นฐาน และให้ประชาชนสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและทันเหตุการณ์ เพ่ือสามารถนา ความรทู้ ่ไี ด้รบั ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการปฏิบัตจิ รงิ 3) สง่ เสรมิ ให้มีการสร้างบรรยากาศ และส่ิงแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการอ่านให้เกิดข้ึนในสังคมไทย โดย สนับสนนุ การพัฒนาแหล่งการเรยี นรูใ้ หเ้ กิดข้ึนอย่างกว้างขวางและทั่วถึง เช่น พัฒนาห้องสมุดประชาชนทุกแห่งให้ เป็นแหลง่ เรยี นรูต้ ลอดชวี ิตของชมุ ชน ส่งเสรมิ และสนบั สนุนอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน การสร้างเครือข่ายส่งเสริม การอ่าน จัดหน่วยบริการเคล่ือนท่ีพร้อมอุปกรณ์เพ่ือส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ที่หลากหลายออกให้บริการ
ประชาชนในพ้ืนท่ีต่าง ๆ อย่างท่ัวถึง สม่าเสมอ รวมท้ังเสริมสร้างความพร้อมในด้านส่ืออุปกรณ์เพ่ือสนับสนุนการ อ่าน และการจัดกิจกรรมเพ่ือสง่ เสรมิ การอา่ นอยา่ งหลากหลาย 4) จัดทามุมวิทยาศาสตร์เพ่ือการศึกษา ให้เป็นแหล่งการเรียนรู้เชิงวิชาการประจาตาบล โดย พัฒนาและจัดทานิทรรศการ และจัดกิจกรรมท่ีเน้นการเสริมสร้างทักษะ กระบวนการเรียนรู้ และเจตคติทาง วทิ ยาศาสตร์ เพือ่ ใหน้ ักศกึ ษา ประชาชนนาความรู้และทักษะทางวิทยาศาสตร์ ไปใช้พัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์ บนฐานข้อมลู ที่ถูกตอ้ ง และสามารถปรับตัวรองรบั ผลกระทบจากการเปลยี่ นแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมท้ังเช่ือมโยงกระบวนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาชุมชน ให้ผู้รับบริการสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการ ดาเนินชีวติ การพัฒนาอาชพี การรกั ษาสง่ิ แวดล้อม และการปอ้ งกนั ภยั พบิ ัติจากธรรมชาติในพนื้ ที่ 2. ด้านหลักสูตร ส่ือ รปู แบบการเรยี นรู้ การวดั และประเมินผล งานบริการทางวิชาการและการประกันคุณภาพ การศึกษา 2.1 สง่ เสรมิ การพัฒนาหลักสูตร รูปแบบการเรียนการสอน และกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยท่ีหลากหลาย ทันสมัย รวมท้ังหลักสูตรท้องถิ่นที่สอดคล้องกับสภาพบริบท ของพ้ืนที่ และความตอ้ งการของกลมุ่ เป้าหมายและชุมชน เช่น การจัดโปรแกรมการเรียนรู้รายบุคคล และแผนการ เรยี นรรู้ ายชมุ ชน 2.2 พฒั นารูปแบบการจัดการศึกษาทางไกลให้มคี วามทันสมยั ด้วยระบบห้องเรียนและการควบคุมการสอบ ออนไลน์ 2.3 พัฒนาระบบการประเมินเพ่ือเทียบระดับการศึกษา และการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ให้มี คุณภาพ มาตรฐาน และสามารถตอบสนองความต้องการของกลุม่ เปา้ หมายไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ 2.4 ส่งเสริมการพัฒนาส่ือแบบเรียน สื่ออิเล็กทรอนิกส์และส่ืออ่ืนๆ ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน กลุ่มเปา้ หมายทวั่ ไปและกลมุ่ เปา้ หมายพเิ ศษ 2.5 พฒั นาระบบการวัดผลและประเมินผลการศึกษานอกระบบทุกหลักสูตร โดยเฉพาะหลักสูตรในระดับ การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานให้ได้มาตรฐาน โดยการนาแบบทดสอบกลาง และระบบการสอบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Exam) มา ใชอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ 2.6 สง่ เสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจัย พัฒนาหลักสูตร รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้และเผยแพร่ รูปแบบการจัด ส่งเสริม และสนับสนุนการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเพ่ือให้มีการนาไปสู่ การปฏบิ ัติอย่างกว้างขวางและมีการพฒั นาให้เหมาะสมกบั บริบทอยา่ งต่อเน่อื ง 2.7 พัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาให้ได้มาตรฐาน เพื่อพร้อมรับการประเมินคุณภาพ ภายนอก โดยพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงความสาคัญของระบบการประกันคุณภาพ และ สามารถดาเนนิ การประกันคณุ ภาพภายในของสถานศึกษาได้อย่างต่อเนอ่ื งโดยใชก้ ารประเมนิ ภายในด้วยตนเอง และ จัดให้มีระบบสถานศึกษาพี่เลี้ยงเข้าไปสนับสนุนอย่างใกล้ชิด สาหรับสถานศึกษาที่ยังไม่ได้เข้ารับการประเมิน คณุ ภาพภายนอก ให้พฒั นาคุณภาพการจดั การศึกษาใหไ้ ดค้ ณุ ภาพตามมาตรฐานท่ีกาหนด 3. ด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา 3.1 ผลิตและพัฒนารายการวิทยุและรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาให้เช่ือมโยงและตอบสนองต่อการจัด กิจกรรมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของสถานศึกษาเพ่ือกระจายโอกาสทางการศึกษาสาหรับ กลมุ่ เปา้ หมายต่างๆ ใหม้ ีทางเลอื กในการเรียนร้ทู ่หี ลากหลายและมคี ุณภาพ สามารถพฒั นาตนเองใหร้ ูเ้ ท่าทันส่ือและ เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการสอ่ื สาร เช่น รายการพัฒนาอาชีพเพ่ือการมีงานทารายการติวเข้มเติมเต็มความรู้ ฯลฯ เผยแพร่ทางสถานวี ิทยุศกึ ษา สถานีวทิ ยุโทรทศั น์เพื่อการศกึ ษากระทรวงศึกษาธิการ (ETV) และทางอนิ เทอรเ์ นต็
3.2 พัฒนาช่องทางการเผยแพร่การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยผ่านระบบ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารแบบออนไลน์ เพอื่ สง่ เสริมให้ครู กศน.นาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มาใช้ในการสร้างกระบวนการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง (Do It Yourself : DIY) 3.3 พัฒนาสถานีวิทยุศึกษา และสถานีโทรทัศน์เพ่ือการศึกษาเพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการ ออกอากาศให้กลุ่มเป้าหมายสามารถใช้เป็นช่องทางการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยขยาย เครือขา่ ยการรบั ฟงญ ให้สามารถรบั ฟญงได้ทุกที่ ทุกเวลา ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศและเพ่ิมช่องทางให้สามารถรับชม รายการโทรทัศน์ได้ทั้งระบบ Ku - Band , C - Band และทางอินเทอร์เน็ตพร้อมที่จะรองรับการพัฒนาเป็นสถานี วทิ ยโุ ทรทัศนเ์ พื่อการศกึ ษาสาธารณะ (Free ETV) 3.4 พัฒนาระบบการให้บริการสื่อเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษาให้ได้หลายช่องทางทั้งทางอินเทอร์เน็ต และ รูปแบบอ่ืน ๆ เช่น Application บนโทรศัพท์เคลื่อนท่ี และ Tablet, DVD, CD, VCD และ MP3 เป็นต้น เพ่ือให้ กลมุ่ เปา้ หมายสามารถเลือกใชบ้ รกิ ารเพ่ือเข้าถงึ โอกาสทางการศึกษาและการเรียนรไู้ ดต้ ามความต้องการ 3.5สารวจ วิจัย ติดตามประเมินผลด้านสื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอย่างต่อเน่ือง และนาผลมาใช้ในการ พัฒนางานให้มคี วามถูกต้อง ทันสมยั และสามารถส่งเสริมการศกึ ษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชนได้อย่าง แทจ้ รงิ 5. ด้านบุคลากร ระบบการบรหิ ารจัดการ และการมีสว่ นร่วมของทุกภาคสว่ น 5.1 การพฒั นาบคุ ลากร 1) พัฒนาบุคลากรทุกระดับ ทุกประเภทให้มีสมรรถนะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท้ังก่อนและระหว่าง การดารงตาแหน่งเพื่อให้มีเจตคติท่ีดีในการปฏิบัติงาน สามารถปฏิบัติงานและบริหารจัดการการดาเนินงานของ หน่วยงานและสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้บุคลากรในสังกัดพัฒนาตนเองเพื่อเลื่อน ตาแหน่งหรอื เลอื่ นวทิ ยฐานะโดยเน้นการประเมนิ วทิ ยฐานะเชิงประจกั ษ์ 2) พฒั นาหวั หนา้ กศน. ตาบล ให้มีสมรรถนะสูงขึ้นในการบริหารจัดการ กศน. ตาบลสัตหีบ และ การปฏิบัติงานตามบทบาทภารกจิ อย่างมีประสิทธภิ าพ โดยเนน้ การเป็นนักจัดการความรู้และผู้อานวยความสะดวก ในการเรียนรเู้ พื่อให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้ที่มปี ระสทิ ธภิ าพอยา่ งแท้จรงิ 3) พฒั นาครู กศน. และผ้ทู เ่ี กย่ี วขอ้ งให้สามารถจัดรูปแบบการเรียนร้ไู ดอ้ ย่างมีคุณภาพโดยส่งเสริม ใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถในการจัดทาแผนการสอน การจดั กระบวนการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และการวิจัย เบือ้ งต้น 4) ส่งเสรมิ และพฒั นาศักยภาพคณะกรรมการ กศน. ตาบลสัตหีบ เพื่อให้มีส่วนร่วมในการบริหาร การดาเนนิ งานตามบทบาทภารกิจของ กศน. ตาบลสตั หีบ อยา่ งมีประสิทธิภาพ 5) พัฒนาศักยภาพบุคลากรท่ีรับผิดชอบการบริการการศึกษาและการเรียนรู้ให้มีความรู้ ความสามารถและความเป็นมอื อาชีพในการจัดบริการส่งเสริมการเรยี นรูต้ ลอดชวี ติ ของประชาชนตาบลสัตหบี 6)พฒั นาอาสาสมัคร กศน.สัตหีบ ให้สามารถทาหน้าท่ีเปน็ ผจู้ ดั สง่ เสริมและสนับสนนุ การจดั 7)การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ 8) เสริมสรา้ งสัมพันธภาพระหว่างบุคลากร รวมทงั้ ภาคเี ครือข่ายทั้งในตาบลและตาบลใกล้เคียงใน ทุกระดับเพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการทางานร่วมกัน โดยจัดให้มีกิจกรรมการพัฒนาสมรรถนะ และเสริมสร้าง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ ลากร และภาคเี ครอื ขา่ ยในรปู แบบท่ีหลากหลายอยา่ งตอ่ เนอื่ ง 5.2 การพฒั นาโครงสร้างและอัตรากาลงั 1) จัดทาแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและดาเนินการปรับปรุงสถานที่ และวัสดุอุปกรณ์ให้มี ความพรอ้ มในการจัดการศึกษา
2) แสวงหาภาคเี ครือข่ายในทอ้ งถิ่นเพ่อื การมีส่วนรว่ มในการดาเนินกิจกรรม การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย รวมท้ังระดมทรัพยากรเพื่อนามาใช้ในการปรับปรุงโครงสร้างพ้ืนฐานให้มีความพร้อม สาหรับดาเนนิ กิจกรรมส่งเสรมิ การเรียนรู้ของประชาชน 3) บริหารอัตรากาลังทม่ี ีอยทู่ ั้งในสว่ นทีเ่ ปน็ ขา้ ราชการ พนกั งานราชการ และลกู จ้างใหเ้ กิด ประสิทธิภาพสงู สดุ ในการปฏิบตั ิงาน 5.3 การพัฒนาระบบบริหารจดั การ 1) เรง่ ผลกั ดันใหม้ ีการประกาศใช้กฎหมายว่าดว้ ยการศกึ ษาตลอดชีวติ 2) เพิม่ ประสิทธภิ าพการบรหิ ารจัดการงบประมาณ โดยพัฒนาระบบการกากับ ควบคุมและเร่งรัด การเบิกจ่ายงบประมาณให้เปน็ ตามเป้าหมายทกี่ าหนดไว้ 3) พัฒนาระบบฐานข้อมูลให้มีความครบถ้วน ถูกต้อง ทันสมัย และเช่ือมโยงกันทั่วประเทศอย่าง เป็นระบบเพอ่ื ใหห้ นว่ ยงานและสถานศึกษาในสังกัดสามารถนาไปใช้เป็นเครื่องมือสาคัญในการบริหารการวางแผน การปฏิบัติงาน การติดตามประเมินผล และการนาผลมาพัฒนาการดาเนินงานอย่างต่อเนื่องตามวงจรคุณภาพ เดมมงิ่ (PDCA) รวมท้งั จดั บรกิ ารการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 4) พัฒนาระบบฐานขอ้ มลู รวมของนกั ศึกษา กศน.ตาบลสัตหบี ให้มคี วามครบถ้วน ถกู ตอ้ ง ทันสมัย และเชอ่ื มโยงกันทัว่ ประเทศ สามารถสบื คน้ และสอบทานได้ทันความต้องการเพ่อื ประโยชน์ในการจดั การศึกษาให้กับ ผูเ้ รียนและการบรหิ ารจัดการอย่างมปี ระสิทธิภาพ 5) ส่งเสริมให้มีการจดั การความรู้ในหน่วยงานและสถานศึกษาทุกระดับ รวมท้ังการศึกษาวิจัยเพื่อ สามารถนามาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพการดาเนินงานท่ีสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและชุมชน พรอ้ มทงั้ พัฒนาขดี ความสามารถเชงิ การแข่งขนั ของหนว่ ยงานและสถานศึกษา 6) สรา้ งความร่วมมือของทุกภาคส่วนท้งั ในประเทศและตา่ งประเทศ ในการพฒั นาและส่งเสริมการ จดั การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย และการเรยี นรู้ตลอดชีวิต 5.4 การกากบั นิเทศ ตดิ ตาม ประเมิน และรายงานผล 1) สร้างกลไกการกากับ นิเทศ ติดตาม ประเมิน และรายงานผลการดาเนินงานการศึกษานอก ระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั ให้เชื่อมโยงกบั หน่วยงาน สถานศึกษา และภาคีเครือขา่ ยท้ังระบบ 2)ให้หน่วยงานและสถานศึกษาท่ีเกี่ยวข้องทุกระดับ พัฒนาระบบกลไกการกากับ ติดตามและ รายงานผลการนานโยบายสู่การปฏิบัติ ให้สามารถตอบสนองการดาเนินงานตามนโยบายในแต่ละเรื่องได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ 3) ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร และสื่ออื่น ๆ ท่ีเหมาะสม เพ่ือการกากับ นเิ ทศ ตดิ ตาม ประเมินผล และรายงานผลอยา่ งมีประสิทธิภาพ 4) พัฒนากลไกการติดตามประเมินผลการปฏบิ ัตริ าชการตามคารับรองการปฏิบัติราชการประจาปี ของ กศน.ตาบล เพื่อการรายงานผลตามตัวช้ีวัดในคารับรองการปฏิบัติราชการประจาปีของสานักงาน กศน. ใหด้ าเนินไปอย่างมีประสิทธภิ าพ เป็นไปตามเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาทกี่ าหนด 5) ให้มีการเชื่อมโยงระบบการนิเทศในทุกระดับ ทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกองค์กรตั้งแต่ ส่วนกลาง ภูมิภาค กลุ่มจังหวัด จังหวัด อาเภอ/เขต และตาบล/แขวง เพ่ือความเป็นเอกภาพในการใช้ข้อมูล และ การพฒั นางานการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ทิศทางการพฒั นาและโอกาสของ กศน.ตาบลสัตหีบ 1. การพฒั นาชุมชนตาบลสัตหีบตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ชมุ ชนตาบลสตั หีบ ประชากรในพืน้ ทส่ี ว่ นใหญป่ ระกอบอาชีพท่ีหลากหลาย เช่น ทาประมง ค้าขาย รับจ้าง ท่วั ไป พนักงานบริษัทเอกชนเนื่องจากอยู่ใกล้เขตใกล้โรงแรม และ อาชีพเกษตรกรเนื่องจากเป็นพ้ืนท่ีราบลุ่มภูเขา
ดนิ มีความอุดมสมบูรณ์ ทิศทางการพัฒนาชุมชนท่ีเหมาะสมและมีความย่ังยืนคือการใช้แนวคิด ทิศทางการพัฒนา ประเทศสู่ความย่ังยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมท่ีมีอยู่ใน ชุมชนอยา่ งเหมาะสมกบั สภาพพน้ื ที่ และวิถกี ารดาเนนิ ชีวิตในประจาวันของคนในชุมชนเป็น 6 ทุน ได้แก่ ทุนมนุษย์ ทุนสังคม ทุนกายภาพ ทุนทางการเงิน ทุนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม และทุนวัฒนธรรมมาใช้ประโยชน์ อยา่ งบรู ณาการและเกือ้ กลู กนั โดยเฉพาะการสร้างฐานทางปญญญา เพ่ือเป็นภูมิคุ้มกันให้กับคนในสังคม ภาคเกษตร รวมทั้งการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างย่ังยืน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างระบบ ธรรมาภิบาล และความสมานฉันท์ในชุมชน เพื่อให้ประชาชนในพ้ืนท่ีตาบลสัตหีบและชุมชนใกล้เคียงอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมี ความสุขและเป็นธรรม 2. การส่งเสริมการเรียนร้ตู ลอดชวี ิตของชมุ ชนตาบลสตั หบี กศน.ตาบลสัตหีบ มุ่งเน้นให้ประชาชนในพ้ืนที่ได้เรียนรู้ ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ โดยพัฒนาคุณภาพ การศึกษาและการเรยี นรู้ อยา่ งเปน็ ระบบโดยใช้ ทรัพยากรทีม่ ีอย่ใู นชุมชนมาช่วยในการจัดการศึกษาเพิ่มโอกาสทาง การศึกษาและการเรยี นร้จู ากการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในชุมชนเพ่ือให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายได้เรียนรู้ ตลอดชวี ิตดา้ นการศกึ ษานอกระบบและตามอัธยาศยั อยา่ งมีคุณภาพมีเป้าหมายเพ่ือให้ประชาชนในพ้ืนที่เป็นคนเก่ง คนดี มีความสุข มีความรู้ ความชานาญด้านทักษะการประกอบอาชีพมีคุณธรรมจริยธรรมใฝ่เรียนรู้ และแสวงหา ความรู้ อย่างตอ่ เนอื่ งตลอดชีวิต ดารงชีวติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มีความสุข มีสขุ ภาพทั้งกายและใจ ทส่ี มบูรณ์สามารถประกอบอาชพี และอยรู่ ว่ มกับผู้อนื่ ได้อย่างมีความสขุ 3. การจัดการศกึ ษาเพื่อส่งเสริมศลิ ปะและวฒั นธรรมในท้องถ่นิ ธรรม กศน.ตาบลสัตหีบ มุ่งเน้นให้ประชาชนในพื้นที่ศึกษาเรียนรู้ด้านทานุบารุงศาสนาศิลปะและวัฒนธรรมใน ทอ้ งถ่ินดงั น้ี 3.1 จดั ให้มกี ารศกึ ษาและการเรยี นรู้ ทางเลอื กตามความสนใจของผู้เรยี นและกลุม่ เปา้ หมาย 3.2 สนบั สนนุ การศกึ ษาใหส้ อดคลอ้ งกับความจาเป็นของผู้เรียนโดยนาแนวทางการใช้คูปองการศึกษาเพื่อ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยมาปรับใช้กับการจดั การศึกษาของ กศน.ตาบลสตั หีบ 3.3 ร่วมมอื กบั ภาคเี ครือข่ายองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ตาบลสัตหบี กานัน ผใู้ หญ่บ้านและประชาชนท่ัวไป จัดการการเรียนรู้ที่มคี ุณภาพและท่วั ถงึ 3.4 จัดการศึกษาให้กับทุกกลุ่มเป้าหมายโดยส่งเสริมการเรียนรู้ ตลอดชีวิตโดยเน้นความร่วมมือระหว่าง ผู้เก่ยี วขอ้ ง 3.5 พัฒนาตนเองให้มคี ณุ ภาพและมจี ติ วญิ ญาณของความเป็นครู 3.6 สนับสนุนการมีส่วนร่วมกับองค์กรทางศาสนาในชุมชน เพ่ือการปลูกฝญงคุณธรรม จริยธรรม การสร้าง สนั ตสิ ขุ คา่ นยิ มไทย 12 ประการและจัด กจิ กรรมสง่ เสรมิ ความปรองดองสมานฉนั ท์ในชุมชนอย่างยั่งยืน 3.7 สนับสนุนภาคีเครือข่าย ประชาชนในพ้ืนท่ีให้มีการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรม ภาษาไทย และภาษาถิน่ ภูมิปญญญาท้องถิ่นเพ่ือ การเรียนรู้ การสร้างจิตสานึกความเป็นไทยและการเพิ่มมูลค่าทาง เศรษฐกจิ ให้แก่คนในชมุ ชน 3.8 สนบั สนุนการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ วัฒนธรรมของประเทศเพอื่ นบ้านและวฒั นธรรมสากลตลอดจน ส่งเสริมและอนรุ ักษ์ภาษาทอ้ งถนิ่ ในชมุ ชน 3.9 ปลกู ฝงญ คา่ นิยมและจติ สานึกดีให้เยาวชนและประชาชนพ้ืนท่ี ไดม้ ีโอกาสแสดงออกอยา่ งสร้างสรรค์ ตวั ชีว้ ัดความสาเร็จตามยุทธศาสตร์ และจดุ เนน้ กศน.ตาบลสัตหีบ 1. จานวนกลุ่มเป้าหมายในตาบลสัตหีบมี ผู้ด้อย พลาด และขาดโอกาสทางการศึกษาท่ีได้รับบริการ การศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พื้นฐานโดยไม่เสยี ค่าใชจ้ ่ายมจี านวนเพม่ิ
2. จานวนประชากรกลุ่มเป้าหมายในตาบลสัตหีบท่ีเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้/ได้รับบริการกิจกรรม การศกึ ษาต่อเนือ่ ง และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ที่สอดคล้องกบั สภาพ ปญญหา และความต้องการไดโ้ ดยทั่วถึง 3. ร้อยละของผู้เรียนและผู้รับบริการในตาบลสัตหีบที่มีผลสัมฤทธิ์ตามจุดมุ่งหมายการเรียนรู้ของแต่ละ หลกั สตู ร/กจิ กรรมเพ่มิ ขนึ้ 4. ร้อยละของผู้ไม่รู้หนังสือในตาบลสัตหีบที่ผ่านการประเมินการรู้หนังสือตามหลักสูตรส่งเสริมการรู้ หนังสือเพิ่มข้นึ 5. ร้อยละของชมุ ชนในตาบลสตั หบี ทม่ี กี ารจดั การความรแู้ ละกระบวนการเรยี นรู้อันเปน็ ผลเนือ่ งจากการเข้า รว่ มกิจกรรมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยเพม่ิ ข้นึ 6. รอ้ ยละของชมุ ชนในตาบลสตั หีบที่ใช้แหลง่ การเรยี นรชู้ มุ ชนในการจดั กระบวนการเรยี นรู้ในชุมชนเพม่ิ ขนึ้ 7. จานวนประชาชนกลุ่มเป้าหมายในตาบลสัตหีบท่ีได้รับการศึกษาอบรมในหลักสูตรภาษาอังกฤษ และ ภาษากลุม่ ประเทศอาเซยี นมจี านวนเพิม่ มากข้ึน 8. ร้อยละของผู้รับการฝึกอบรมในหลักสูตรภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษากลุ่มประเทศอาเซียน และ อาเซียนศึกษาท่ผี ่านเกณฑ์การประเมินตามหลกั สูตรมจี านวนเพ่มิ มากขน้ึ 9. จานวนกิจกรรม/หลักสูตรที่ใช้กระบวนการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมเป็น กระบวนการ/สาระในการเรียนรู้ใน กศน.ตาบลสัตหีบมกี ิจกรรมท่ีหลากหลายมากย่งิ ขึ้น 10. จานวนองคก์ รภาคส่วนตา่ งๆ ในเขตพ้ืนท่ีรับผิดชอบของ กศน.ตาบลสัตหีบท่ีร่วมเป็นภาคีเครือข่ายใน การดาเนินงานการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยมีจานวนเพม่ิ ข้ึน 11. จานวน/ประเภทของสอื่ และเทคโนโลยีทางการศกึ ษาที่มกี ารจดั ทา/พฒั นาและนาไปใชเ้ พอ่ื ส่งเสริมการ เรียนรู้ของผู้เรียน/ผู้รับบริการการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยของ กศน.ตาบลสัตหีบมีจานวน เพิม่ ข้ึนหลากหลาย 12. จานวนนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปในเขตพื้นท่ีรับผิดชอบของ กศน.ตาบลสัตหีบที่เข้าถึง บริการความรู้นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยผ่านช่องทางสื่อเทคโนโลยีทางการศึกษา และเทคโนโลยีการ ส่ือสารมจี านวนเพม่ิ ข้นึ ปจั จัยหลกั แหล่งความสาเรจ็ กศน.ตาบลสตั หีบ 1. กศน.ตาบลสตั หีบ ยึดหลักวชิ า หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง หลักปรชั ญาคิดเปน็ หลกั ธรมมาภิบาล และผลสัมฤทธ์ิในการบริหารจัดการ ทั้งด้านวิชาการงบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการ บรหิ ารท่ัวไปท้งั ภายในกศน.ตาบลสัตหบี และการทางานร่วมกันกับภาคเี ครอื ขา่ ย 2. กศน.ตาบลสตั หีบ ใช้ยุทธศาสตร์/กลยุทธ์ในการดาเนินงาน ทงั้ ทย่ี ดึ พน้ื ท่ี ยึดสภาวะแวดล้อม ยึดกลุ่มเป้า หมายาและความต้องการยึดประเด็นปญญหาของกลุ่มเป้าหมายหรือประเด็นการพัฒนา ยึดความสาเร็จ และยึด นโยบายเป็นฐาน 3. กศน.ตาบลสตั หีบ การเน้นการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ท้ังเครือข่ายเชิงพื้นท่ีเครือข่าย เชงิ ภารกจิ และการสรา้ งความเข้มแข็งร่วมมือและความยงั่ ยืนในการเป็นภาคเี ครือขา่ ย 4. กศน.ตาบลสัตหีบ เป็นฐานและสถานีปลายทาง ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้กับประชาชนในพ้ืนที่ โดยได้รบั การพัฒนาใหม้ ศี กั ยภาพและพรอ้ มในการปฏิบตั ิงานตลอดเวลา 5. กศน.ตาบลสัตหีบ ใช้สถานศึกษาเป็นกลไกขับเคล่ือนการบริหารนโยบายในระดับพื้นท่ี โดยมี คณะกรรมการสถานศึกษาคณะกรรมการ กศน.ตาบลเป็นผู้เสนอแนะ กากับติดตาม นิเทศการดาเนินงานเพื่อให้ สามารถจัดการศกึ ษาในระดับพื้นฐานไดอ้ ย่างคล่องตัวและมปี ระสิทธิภาพ 6. กศน.ตาบลสัตหีบ มีข้อมูลเก่ียวกับกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มตามจุดเน้น มาใช้ในการวางแผนการจัด การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั และ ออกแบบกิจกรรมการเรียนรใู้ นชมุ ชนได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
7. กศน.ตาบลสัตหีบ มีระบบการนิเทศกากับติดตามและรายงานผล การปฏิบัติงานและการใช้จ่าย งบประมาณท่สี ามารถตรวจสอบความกา้ วหน้าในการดาเนินงานได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 8. กศน.ตาบลสัตหีบ มีกลไก/ระบบท่สี ามารถเช่ือมโยงการทางานระหว่างส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายจากสถานศึกษาเช่น ระบบ ฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องและการจัดกิจกรรมเพ่ือตอบสนองนโยบาย เร่งด่วนหรอื นโยบายเฉพาะที่ได้รบั มอบหมายจากสถานศึกษาได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 9. กศน.ตาบลสตั หีบ มหี นว่ ยงาน/สถานศกึ ษารับผิดชอบตัวช้ีวัดความสาเร็จ ตามยุทธศาสตร์และจุดเน้นที่ ตรงตามภารกจิ อยา่ งชัดเจนทก่ี ากบั ตดิ ตามและรายงานผลตัวชี้วัดท้ังส่วนกลางระดับจังหวัด และระดับสถานศึกษา อย่างเป็นระบบ จดุ เน้นของ กศน.ตาบลสตั หีบ และภาคีเครอื ข่าย 2.1 ผู้บริหารสถานศึกษา ครู บุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา คณะกรรมการ กศน. ตาบล และครู กศน.ตาบล ทุกคน ได้รับการพัฒนาให้มี ศักยภาพและความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจตามบทบาท หน้าทีอ่ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 2.2 มีการประสานเช่ือมโยงการทางานตามโครงสร้างภายใน กศน.ตาบลกับภาคีเครือข่ายทั้งในระดับ นโยบายและระดับปฏิบัตอิ ย่างเปน็ ระบบโดยมเี อกภาพในเชิงนโยบาย และเน้นผลสัมฤทธิ์เป็นเป้าหมายความสาเร็จ ในการทางาน 2.3 กศน.ตาบลมีแผนจุลภาค (Micro Planning) เป็นเครื่องมือในการจัดกิจกรรมหรือออกแบบกิจกรรม การเรียนรู้ ทางการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศัยให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายในพ้ืนที่ โดยมีข้อมูล พน้ื ฐานที่สาคัญ ไดแ้ ก่ สภาพทางกายภาพของชมุ ชน ปญญ หา/ความต้องการของประชาทางการศึกษา กลุ่มเป้าหมาย แต่ละกลุ่ม แต่ละประเภท แหล่งวิทยากรชุมชน (ทุนมนุษย์ ทุนสังคมกายภาพ และทุกการเงิน) ซ่ึงมีการปรับปรุง ขอ้ มลู ดังกลา่ วให้เปน็ ปจญ จบุ นั ทุกรอปงี บประมาณ จดุ เนน้ ดา้ นผลสมั ฤทธ์ิ กศน.ตาบลสัตหีบ 3.1 ประชากรกลุ่มเป้าหมาย อาเภอสัตหีบ ที่สาเร็จหลักสูตรหรือร่วมกิจกรรมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย มีผลสัมฤทธ์ิที่มีคุณภาพ ตรง ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรหรือกิจกรรมการศึกษา / การเรยี นรู้ทก่ี าหนดไว้ และสามารถนาความรู้ และประสบการณ์การเรยี นรู้โยชนไ์ ด้จรงิ ท่ไี ด้รับไปใช้ 3.2 นักศึกษา/ผ้เู รยี นทส่ี าเร็จหลกั สตู รการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย มีคุณธรรม จริยธรรม ยดึ คา่ นิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ในการดาเนินชีวติ และมคี วามใฝร่ ู้ ใฝเ่ รียนอย่างตอ่ เนื่องตลอดชวี ติ เอกสารทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ความหมายของคาว่าการทจุ รติ คอรัปชั่น คาว่า “ทุจริต” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2542) ให้ความหมายของคาว่า “ทุจริต” หมายถึง ความประพฤตชิ ัว่ คดโกง ฉ้อโกง เป็นตน้ จารุวรรณ สุขุมาลพงษ์ (2556) กล่าวว่า การทุจริตคอร์รัปช่ัน เป็นการฉ้อ ราษฎร์บังหลวง คดโกง ทุจริตอย่างกว้างขวาง ส่วนมากใช้ในเร่ืองทุจริตและการไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่ในวงราชการ ผาสกุ พงษไ์ พจิตร และ สังศิต พิรยิ ะรงั สรรค์ (2549, น. 4) ให้ความหมายว่า การคอรัปชนั่ เป็นการใช้อานาจเพื่อให้ ได้มาซ่ึงผลกาไร ตาแหน่ง ช่ือเสียง เกียรติยศ หรือผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม โดยการฝ่าฝืนกฎหมายหรือมาตรฐาน ทางศลี ธรรม รวมถงึ พฤตกิ รรมเบีย่ งเบนของผมู้ ีตาแหนง่ ในราชการ เพือ่ ให้ได้ผลประโยชน์เขา้ ตนและพวกพ้อง ทั้งใน ด้านสังคม การเงนิ และ ตาแหน่ง Myrdal (1986) และปุระชัย เป่ียมสมบรู ณ์ (2551) ได้กล่าวถึงความหมายของคา ว่า “ทุจริต” หรือ “คอรัปชั่น” ว่า “คอรัปชั่น” มาจากคาว่า Corrupt ที่แปลว่า คดโกง กินสินบน ต่าช้า ชั่ว ไม่บริสุทธ์ิ ดังน้ันในการวินิจฉัยว่าการกระทาเป็นการทุจริตหรือไม่ หรือการกระทาใดเป็นการทุจริตของเจ้าหน้าที่ ของรัฐหรือข้าราชการ และผู้ดารงตาแหนง่ ทางการเมอื งหรอื ไมน่ ้ัน จะตอ้ งพิจารณาจากองคป์ ระกอบ ดังตอ่ ไปนี้
1. ผกู้ ระทาได้รบั ประโยชน์อย่างใดอยา่ งหนึ่ง ไม่วา่ จะเป็นเงนิ หรือไมก่ ็ตาม รวมถึงการรบั สนิ บนดว้ ย 2. ผ้กู ระทาการไม่มอี านาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่กระทาการตามข้อ 1) 3. การได้รับประโยชนเ์ ปน็ ผลเสียหายแก่สว่ นได้เสยี ของสาธารณะหรอื ประชาชนเปน็ ส่วนใหญ่ 4. ผูก้ ระทาการมีตาแหน่งฐานะในหนา้ ท่รี าชการ และไดก้ ระทาภายใต้ตาแหน่งหน้าทีร่ าชการของตน 5. การกระทาของบุคคลนั้นเปน็ การฝ่าฝนื หรือละเมิดตอ่ กฎหมาย ระเบยี บ ข้อบงั คับที่กาหนดไว้ สาหรับการปฏิบัติ หนา้ ทร่ี าชการโดยทาใหร้ ะบบราชการเสยี หาย คาว่า “มิชอบ” หมายถงึ ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ คาส่ังของผูบ้ งั คบบัญชา มติคณะรัฐมนตรี แบบธรรมเนียมของทางราชการ หรือตามทานองคลองธรรม คอื ไม่เป็นไปตามทางทถ่ี ูกท่ีควร คาว่า “ประพฤติมิชอบ” หมายถึง การใช้อานาจหน้าท่ีในตาแหน่ง หรือการใช้อานาจหน้าท่ีอันเป็นการฝ่าฝืน กฎหมาย ระเบียบ คาส่ัง หรือมติคณะรัฐมนตรีท่ีมุ่งหมายการใช้เงินของแผ่นดิน จากความหมายของ คาว่า “ทจุ รติ ” หรอื “Corrupt” ท่ีกลา่ วมาข้างตน้ เป็นความหมายเน่อื งมาจากระเบยี บทางสงั คม วัฒนธรรม และค่านิยม ในสังคมของประเทศนั้น ๆ ที่แตกต่างกันคือสังคมตะวันตกการให้สินจ้างรางวัลในการปฏิบัติหน้าท่ีมีความ ละเอียดอ่อนกว่า กล่าวคือถึงแม้นว่าจะไม่ผิดทางราชการ แต่ก็ถือว่าเป็นการคอรัปช่ันได้ ส่วนในแถบประเทศ ตะวันตก เช่น อินเดีย จีน และไทย กลับมองว่าเป็นค่าธรรมเนียมท่ีทุกสังคมจะขาดเสียมิได้ เพราะถือว่าเป็นการ แสดงนา้ ใจไมตรี ดังนัน้ จึงเป็นปญญ หาใหน้ ักรฐั ศาสตร์ และนติ ศิ าสตร์ ร่วมกันคิดว่าจะถือปทัสถานของสังคมเป็นหลัก ในการวินิจฉัยว่าการกระทาเป็นคอรัปช่ันหรือไม่ โดยเฉพาะในปญจจุบันการคมนาคมมีความเจริญมากขึ้น การไปมา ระหว่างประเทศน่นั มมี ากขึ้น ปญญหาความขดั กันในทางปทสั ถานจงึ มคี วามสับสนกัน (พรชัย เล่อื นฉวี, 2553, น 24). กล่าวโดยสรุป การทจุ รติ คอรปั ช่ัน หมายถึง การประพฤติช่ัวท้ังกาย วาจา และใจ ด้วยการรับสินบน การคดโกง ไม่ สุจริต ไม่ซ่ือตรงและไม่ซื่อสัตย์ มีพฤติกรรมเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมจนส่งผลให้ ประเทศชาตไิ ดร้ บั ความเสยี หายขาดศกั ยภาพในการพฒั นาประเทศ รปู แบบของการทุจรติ คอรัปชั่น การทจุ รติ คอรปั ชัน่ ของในสังคมไทยในปจญ จุบัน ประกอบไปดว้ ย 15 ลักษณะ ดังนีค้ ือ 1) การแสวงหาคา่ เชา่ ทางเศรษฐกิจ เช่น การผูกขาด การให้สัมปทาน และการเรียกเก็บส่วนแบ่งอย่างผิดกฎหมาย โดยการสรา้ งความขาดแคลนเทยี ม เชน่ ปญญ หาการขาดแคลนน้าตาล 2) เคลปโตเครซี (Kleptocracy) เป็นการนาทรพั ยากรของรัฐมาเป็นของครอบครัวและอาจกระทาโดยการแปรรูป รฐั วิสาหกจิ 3) การมีผลประโยชน์ทับซ้อน หมายถึง สถานการณ์ท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีผลได้รับผลเสียส่วนตัว และผลดังกล่าวมี อิทธพิ ลตอ่ การตัดสินใจ หรือการกระทาหนา้ ที่โดยขาดความเท่ียงธรรม 4) การใชอ้ ิทธพิ ลทางการเมอื งหาผลประโยชนจ์ ากตลาดหลักทรัพย์ (ปญน่ ราคาหนุ้ ของตวั เอง) 5) ปกปิดการบรหิ ารงานท่ไี ม่ถกู ต้อง การปดิ บัง และให้การเทจ็ 6) การใชน้ โยบาย กฎหมาย กฎเกณฑ์ ข้อบังคับตา่ ง ๆ อย่างมีอคตแิ ละลาเอยี ง 7) การใชอ้ ิทธพิ ลทางการค้า แสดงบทบาทเปน็ นายหน้าหรือมผี ลประโยชน์ทับซ้อน จากการค้าขายต่าง ๆ ตอบแทน การแลกเปล่ยี นสินค้าเกษตรกบั ประเทศคคู่ า้ 8) การใช้ทรพั ยากรของรฐั ในทางมิชอบ การปลอมแปลงเอกสาร การฉ้อฉล การใช้กองทุนของรัฐ เพื่อหาประโยชน์ ทางการเมอื ง 9) ไม่กระทาการตามหน้าที่ แต่ใชล้ ทั ธพิ รรคพวกแทน เช่น การฮวั้ ประมูล 10) การให้และการรบั สินบน การขเู่ ขญ็ บังคับและการใหส้ ิง่ ล่อใจ 11) การยอมรบั ของขวญั ทไี่ ม่ถกู ต้อง เช่น เช็คของขวัญและสินบนมลู คา่ สงู
12) ผบู้ รหิ ารประเทศทาตัวเป็นผู้อุปถัมภร์ ายใหญข่ องประเทศ โดยใชน้ โยบายประชานยิ ม 13) ใช้อานาจของตารวจ ทหาร และข้าราชการในทางที่ผดิ 14) ทจุ ริตการเลอื กตั้ง ทั้งการซอื้ เสยี ง และการทุจรติ ดว้ ยวธิ ีตา่ ง ๆ 15) การบริจาคเพ่ือช่วยเหลือการรณรงค์ท่ีผิดกฎหมาย เช่น การบริจาคให้แก่นักการเมืองและ พรรคการเมือง รฐั บาล เพ่อื ทจี่ ะมอี ิทธพิ ลต่อการกาหนดนโยบายของรฐั บาล รปู แบบของการทุจริตคอรัปช่ันทีเ่ กิดข้นึ ในประเทศต่าง ๆ ที่ปรากฏอยทู่ ่วั โลกมีหลายรูปแบบอาจมีความเหมือนหรือ แตกต่างกันไป ข้นึ อยู่กบั บริบทสภาพแวดล้อมของระบบการเมืองการปกครอง ระบบเศรษฐกิจ สังคมของประเทศ นนั้ ๆ รวมถงึ โอกาส และสถานการณข์ องการทจุ รติ น้นั ๆ การเข้าถงึ ข้อมูลและการตระหนักถงึ การควบคุมการทุจริต คอรัปช่ันของประชาชนในประเทศนั้น ๆ ด้วย สามารถจาแนกรูปแบบการทุจริตคอรัปช่ันอย่างกว้าง ๆได้ดังน้ี (ธรี ภัทร์ เสรีรังสรรค์, 2551, น.137) 1. การคอรปั ช่ันขนาดใหญ่ (grand corruption) หมายถึง การคอรปั ชั่นท่ีท่ัวมขี นาดของวงเงนิ จานวนมาก 2. การคอรัปชั่นขนาดย่อย (petty corruption) หมายถึง การคอรัปช่ันที่มีขนาดของเงินเล็ก ๆ น้อย หรือมีวงเงิน รวมน้อย 3. การคอรัปช่ันเชิงนโยบาย (policy corruption) หมายถึง การคอรัปชั่นท่ีมีอิทธิพลต่อรูปแบบต่าง ๆ ในเชิง โครงสรา้ งทั้งทางดา้ นนโยบาย การดาเนนิ การ หรอื การบริหารงาน โดยมีการใช้ขอ้ กาหนดของกฎหมาย 4. การคอรัปช่ันในเชิงการบริหารหรือการปฏิบัติการ (administrative corruption) หมายถึง การคอรัปช่ันที่เกิด จากลกั ษณะของการปฏิบัติ การบังคับใช้ระเบียบการปฏิบัติงานอืน่ ๆ โดยทวั่ ไป สว่ นองค์ประกอบที่ทาให้ระบบทุจริตคอรัปชั่นมีโครงสร้างรากฐานอันแข็งแกร่งและดารงอยู่ในปญจจุบันน้ัน มาจาก องค์ประกอบตา่ ง ๆ คือ 1) ระบบการเมอื งและระบบราชการมเี กราะกาบังท่ีแน่นหนา 2) ภาคประชาชนขาดความเข้มแข็งและขาดผนู้ าในการตอ่ ตา้ นคอรปั ช่นั ท่แี ขง็ แกรง่ 3) คา่ นิยมท่เี ปน็ อุปสรรคฝญงรากลึกในสงั คม ค่านยิ มของคนในสังคมทเี่ ปน็ เหตุให้เกิดพฤติกรรมคอรปั ชั่น เช่น ค่านิยม ในสงั คมอปุ ถมั ภ์ 4) การขาดจิตสานึกเพื่อส่วนรวม ซึ่งปญจจุบันคนในสังคมยังขาดอุดมการณ์ และขาดจิตสานึกเพ่ือส่วนรวม (เกรียง ศักด์ิ เจรญิ วงศศ์ ักด์ิ 2547, น. 22-26) กล่าวโดยสรปุ รูปแบบการคอรัปชน่ั ไดแ้ ก่ การรับสินบน หรอื ผลประโยชน์จากการปฏิบตั ิหน้าท่ีท่ีไม่ถูกต้อง ดว้ ยการนาเอาทรัพยส์ นิ ของทางราชการมาเปน็ ของตน ทางานโดยเอื้อประโยชน์แกต่ วั เอง ญาติพ่ีน้อง หรือพวกพ้อง ซึง่ รปู แบบของการคอรร์ ปั ชน่ั ไดแ้ ก่ คอรัปชัน่ เชิงนโยบาย ผลประโยชนท์ บั ซ้อน การจดั ทาโครงการที่ได้ผลประโยชน์ ตอบแทนไม่คุ้มค่าเงินทล่ี งทนุ สาเหตุและปจั จัยที่ก่อใหเ้ กิดการทจุ รติ คอรัปชนั่ ณภทั ร เตโช (2560, น. 16) ได้กล่าวถงึ สาเหตุของการทุจรติ ทพี่ บในสังคมไทย มที งั้ หมด 4 ดา้ น คือ 1. ด้านเศรษฐกิจและการครองชีพ ได้แก่ งบประมาณรายจ่ายของรัฐเป็นสิ่งล่อใจ ประชาชนซ้ือความสะดวกจาก เจา้ หนา้ ทขี่ องรัฐ และเจา้ หน้าทีข่ องรฐั มีรายได้ไม่เพียงพอเม่ือเทยี บกบั รายจ่าย 2. ด้านระบบบริหารราชการ ได้แก่ ผู้บังคับบัญชาบกพร่อง ไม่กากับดูแลให้เป็นไปตามระเบียบจนทาให้เกิดการ ทุจรติ และขาดดุลแห่งอานาจในการบรหิ ารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ทาให้การควบคุมดูแล
ไม่ทั่วถึง จึงเกิดการทุจริตในวงราชการได้ง่าย รวมถึงความเกรงใจและเกรงกลัวผู้บังคับบัญชา ใช้อานาจหน้าที่ แสวงหาประโยชน์ ไมศ่ ึกษาและปฏบิ ัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ 3. ดา้ นสังคม วัฒนธรรม และศีลธรรม ไดแ้ ก่ การที่เจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐขาดคณุ ธรรม การประพฤติตัวเปน็ แบบอย่างไม่ดี ของเจา้ หนา้ ที่ของรฐั ช้ันผใู้ หญ่ ท่ีทจุ รติ คอรัปชน่ั แล้วไม่ถูกจับ จงึ เป็นตัวอยา่ งให้เจา้ หน้าท่ขี องรัฐในระดบั ช้ันผู้น้อยทา ตาม สังคมไทยท่ีเนน้ วตั ถุนิยมมากกว่าความดีงามและศีลธรรม เงิน คือ สิ่งท่ีมีคุณค่าของสังคม เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ จา่ ยฟมุ่ เฟือยทางด้านอปุ โภคบรโิ ภค จงึ ตอ้ งดิน้ รนดว้ ยการทุจรติ คอรัปชั่น 4. ด้านกฎหมายและวิธีการ ได้แก่ การลงโทษทางวินัย ท่ีมีความยุ่งยากในการหาพยานหลักฐาน เพราะมีระเบียบ ข้ันตอนมากในการสอบสวน การพิสูจน์พฤติกรรมการทุจริตคอรัปชั่นและประพฤติมิชอบ จะต้องมีหลักฐานชัดเจน จงึ ยากแกก่ ารพิสูจน์ กล่าวโดยสรุป สาเหตุจูงใจท่ีทาการทุจริต ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ เจ้าหน้าที่รัฐมี รายได้นอ้ ยแต่มีรสนยิ มสงู กระแสวตั ถุนิยม มกี ารใชจ้ า่ ยฟุม่ เฟือย เห็นแกป่ ระโยชน์ส่วนตน มีโอกาสท่ีจะกระทาการ ทุจริต รัฐบาลอ่อนแอ และวัฒนธรรมแบบเจ้าขุนมูลนาย ดังนั้นการทุจริตจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่าง ๆ ใน ชีวติ ประจาวนั ตลอดเวลา เช่น โครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคข้นั พนื้ ฐาน เช่า ถนน ท่าอากาศยาน เข่ือน ทางรถไฟ ระบบคมนาคมหรอื การขนส่งตา่ ง ๆ แนวคิดของการทุจริตคอรัปชนั่ ในหน่วยงานภาครฐั สาระสาคัญของการทุจริตของภาครัฐอาจพิจารณาผลของการทุจริตได้หลายมิติ ในท่ีน้ีจะพิจารณา 3 มิติ ด้วยกัน ได้แก่ 1. กลไกและรูปแบบของการทุจริต กลไกที่ทาให้เกิดการทุจริต คือ กลไกการใช้อานาจ “Power Corruption” อานาจเป็นกลไกสาคญั ทท่ี าใหค้ วามตอ้ งการของมนุษยส์ าเร็จตามท่กี าหนดไว้ ดังน้นั นกั การเมืองข้าราชการ จึงยอม ลงทุนซอ้ื เสียงหรอื ซอื้ ตาแหน่งเพ่ือให้ไดม้ าเพื่อแสวงผลประโยชน์ท้งั เป็นตวั เงินหรือเป็นทรัพย์สินท่ีอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ สร้างความร่ารวยใหก้ บั ตวั เองและครอบครวั โดยเฉพาะประเทศทีด่ อ้ ยพฒั นาหรือกาลงั พัฒนา 2. ปญจจัยของการทจุ รติ การเมืองเป็นปจญ จยั สาคญั ทไี่ ดม้ าซึ่งอานาจท่ีถกู ตอ้ งตามกฎหมายและเชื่อมโยงไปสู่ระบบการ พัฒนาเชิงอุปถัมภ์นาไปสู่การทุจริตในรูปแบบกลุ่มประโยชน์ 3 ฝ่าย คือ นักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจ ผ้รู บั เหมา 3. ผลของการทุจรติ ผลของการทจุ รติ ทอ่ี ยใู่ นรปู แบบ “การฉ้อราษฎร์บังหลวง” เปรียบเสมือนปล้นเงินของแผ่นดิน คนปล้นร่ารวยแต่ทาให้ชาติเสียหายใหญ่หลวง ทาให้คนในชาติยากจน ทาให้ครอบครัวพินาศ การฉ้อราษฎร์ บัง หลวงมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยมาจนถึงปญจจุบันขยายไปยังภาคธุรกิจต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งหากยังไม่มี การแก้ไขอย่างจริงจัง ต่อไปก็จะเกิดการวิกฤตเศรษฐกิจเกิดข้ึนสุดท้ายเศรษฐกิจก็ตกต่าอย่างเห็นได้ในปญจจุบัน (โกวิทย์ พวงงาม, 2549) กล่าวโดยสรุป ปญจจัยที่ส่งผลให้เกิดการทุจริตคอรัปช่ันในหน่วยงานภาครัฐประกอบไปด้วย กลไกการใช้ อานาจ ที่เป็นกลไกสาคัญที่ทาให้ความต้องการของมนุษย์บรรลุสาเร็จตามที่กาหนดไว้ ประกอบด้วย 3 ฝ่ายคือ นักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจหรือผู้รับเหมา ซ่ึงจะอยู่ในรูปแบบ“การฉ้อราษฎร์บังหลวง” ในเชิงนโยบาย สาธารณะ สง่ ผลในการพฒั นาประเทศ ทาใหเ้ ศรษฐกิจตกตา่ ประชาชนยากจนอยา่ งทพ่ี บเห็นอยู่ในปจญ จบุ ัน
แนวทางการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ คอรัปช่ัน โดยทั่วไปในภาพรวมเป็นผลลัพธ์ของปญจจัยอันเป็นที่มาของความรุนแรงของการทุจริตกับด้านที่เป็นการ ต่อต้านการทุจริตหรือลดปญญหาให้น้อยลงให้หมดไปก็คือการป้องกันและปราบปรามน่ันเอง ด้วยความพยายาม วางแผนจัดระเบียบอยา่ งเครง่ ครดั อย่างจริงจัง (อนนั ท์ ปญนยารชุน, 2543) ทาใหป้ ระเทศปลอดการทจุ ริตอย่แู นวหน้า ของโลกในปญจจุบัน ดังนั้นแนวคิดในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต จึงเป็นส่วนสะท้อนในการจัดทาตัวชี้วัด ดา้ นการทจุ ริตทส่ี าคัญอกี ประการหนงึ่ เสนอแนวทางการบรหิ ารจัดการไว้ 3 แนวทาง ได้แก่ 1. แนวทางการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) เป็นหลักในการบริหารจัดการบ้านเมืองท่ีดี เหมาะสาหรับประเทศไทยเพราะสามารถตรวจสอบได้อย่างมปี ระสทิ ธผิ ล เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพ่ือเข้า มามีบทบาทตรวจสอบได้ ประกอบไปดว้ ย 6 ประการ คือ 1.1 หลักนิติธรรม เป็นการปฏิบัติเก่ียวกับกฎหมาย กฎ ข้อบังคับท่ีเป็นธรรม เมื่อมีกฎหมายแล้วจะต้อง ประชาสมั พนั ธ์ให้ประชาชนทราบ และให้ถูกต้องตามบทบัญญตั ิ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม 1.2 หลกั คุณธรรม เป็นการปฏิบัตงิ านทย่ี ดึ ม่นั ในความถูกต้องดีงาม เสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจ มีระเบียบ วินยั และเป็นตัวอย่างได้ 1.3 หลกั ความโปรง่ ใส เนน้ ความโปรง่ ใสในวิธที างาน ตรงไปตรงมา สามารถตรวจสอบได้ 1.4 หลักการมสี ่วนรว่ ม เนน้ การมีส่วนรว่ มของประชาชน และความร่วมมือเชิงเครือข่ายของหน่วยงาน ท่ีเกี่ยวข้อง และตัดสินใจแกป้ ญญ หารว่ มกัน 1.5 หลักความรับผิดชอบ เน้นการปฏิบัติต่อประชาชน มีความเอาใจใส่ต่อปญญหา และมีความกระตือรือร้นในการ แก้ปญญหาให้บรรลผุ ลโดยไมเ่ ลือกทจ่ี ะปฏิบตั ิ 1.6 หลักความคุ้มค่า เน้นประสิทธิภาพในการบริหารงานโดยใช้ทรัพยากรงบประมาณที่เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ ประชาชน โดยการหว่ งแหนทรัพยากรธรรมชาตขิ องท้องถนิ่ ใหส้ มบูรณแ์ ละยัง่ ยืน กล่าวโดยสรุป หลักธรรมาภิบาล หมายถึง หลักการบริหารจัดการบ้านเมืองท่ีดี ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน สามารถ ตรวจสอบได้อยา่ งมีประสิทธผิ ล 2. แนวทางตามหลักคุณธรรมและจริยธรรม คาว่า “คุณธรรมจริยธรรม” มักจะกล่าวควบคู่กันเสมอท่ีพบเห็นก่อน บ่อย ๆ ตามสถานศึกษา โรงเรียน มหาวิทยาลัย สถานท่ีราชการ ใช้เป็นคาปลูกฝญงบรรดาเยาวชนเด็กนักเรียน นักศึกษา ขา้ ราชการ และนักการเมือง ให้ดารงตนอยใู่ นสองคาน้ี คาสองคานี้แตกต่างกัน คือ คุณธรรม คือ รากฐาน ของจติ ใจ ส่วนจริยธรรม คือ รากฐานของการปฏิบตั ิ นั้นหมายความวา่ การที่เรามคี ณุ ธรรมอยู่ภายใต้รากฐานของจิต ก็จะประพฤตติ น ครองตนอย่ใู นความดีงาม มธี รรมะภายในจิตใจตนเองตลอดเวลา ส่งผลให้บุคคลนั้นมีการปฏิบัติดี อยา่ งมีจรยิ ธรรมเพ่ือคณุ งามความดี ความผาสุกมาสูต่ นเอง สงั คมและประเทศชาติ ความหมายของคุณธรรม พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน (2525) ให้ความหมายว่า “คุณธรรม หมายถงึ สภาพคุณงามความดี” พร้อมด้วย พระธรรมปฏิ ก (ป.อ.ปยตุ โต) (2552, น. 14) ได้กลา่ ววา่ คุณธรรมเป็น ภาพของจิตใจ คือเป็นคุณสมบัติท่ีเสริมสร้าง จิตใจให้ดีงาม ให้เป็นจิตใจท่ีสูง ประณีตและประเสริฐ เช่น พรมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา วศิน อินทสระ (2532, น. 106) กล่าวไว้ว่า คุณธรรม คือ อุปนิสัยอันดีงาม ซึ่งส่ังสมอยู่ในดวงจิต อุปนิสัยอันนี้ได้มาจาก ความพยายามและความประพฤตติ ดิ ต่อกนั มาเป็นเวลานาน ดังน้ัน คุณธรรม เป็นอุปนินัยอันดีงามท่ีสะสมอยู่ในจิตสานึกอันเป็นคุณสมบัติที่ดีของจิตใจ ให้เป็นคนที่มีจิตที่สูง ประณีตและประเสริฐ ซึ่งพฤติกรรมนี้ซ่ึงสั่งสมติดต่อกันมาเป็นระยะเวลานานให้มีความคิดดี มีประโยชน์ต่อตนเอง และผ้อู น่ื เช่น ผ้ทู ่ีมีสติปญญ ญาดี รผู้ ดิ ชอบ ชั่ว ดี มีความรสู้ ึกนกึ คดิ ท่ีดี
ความหมายของจรยิ ธรรม พระเมธีรธรรมาภรณ์ (ประยูร ธมมจติ โต, 2535, น. 82) กล่าวว่า จริยธรรม คือ หลักแห่งความประพฤติปฏิบัติหรือ แนวทางการปฏิบัตใิ หเ้ ป็นคนดเี พอ่ื ประโยชนส์ ุขของตนเองและส่วนรวม พระพุทธทาสภิกขุ (2533, น. 19). กล่าวว่า จริยธรรม คือระเบียงปฏบิ ตั ทิ ม่ี ุง่ ปฏิบัติเพ่ือให้เกดิ ความผาสุกในสังคม เป็นสิ่งที่มนุษย์ทาข้ึน แต่งข้ึนตามเหตุผลของ มนุษย์เอง หรือตามความต้องการของมนุษย์เอง พระธรรมปิฏก (ป.อ.ปยุตโต) (2542, น. 36) กล่าวว่า จริยธรรม หมายถงึ การประพฤตปิ ฏิบตั ิทแี่ สดงออกทางกาย วาจา คือ ทาแต่สิ่งดีมีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อ่ืน รวมทั้งสังคม ประเทศชาติ เรยี กว่า “ทาดี พูดดี” ดังน้ัน จริยธรรม หมายถึง เคร่ืองหมายแห่งความประพฤติปฏิบัติท่ีดีมีธรรมะ ท่ีแสดงออกทางกาย วาจา เพ่ือ ประโยชนส์ ขุ ของตนเองและผอู้ ื่น รวมทัง้ สงั คม ประเทศชาติ เรยี กว่า “ทาดี พูดด”ี กลา่ วโดยสรุป คณุ ธรรม จรยิ ธรรม การประพฤติปฏบิ ัติดีที่แสดงออกทางกาย วาจา และจติ ใจ ทาแต่สิ่งดีมีประโยชน์ ตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืน รวมทั้งสงั คม ประเทศชาติ เรียกวา่ “คิดดี ทาดี พูดดี” 3. แนวทางตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอ ดุลยเดชมีพระราชดารัสแกช่ าวไทยนบั ต้งั แต่ พ.ศ. 2517 เปน็ ปรัชญาที่ยึดหลักทางสายกลาง ช้ีแนวทางการดารงอยู่ ในกรอบแนวคดิ ใหท้ ุกคนสามารถพง่ึ พาตัวเองได้ชวี ติ ทางสายกลางและความไมป่ ระมาทรวมถงึ การพฒั นาให้ดีย่ิงข้ึน จนเกิดความย่ังยืน โดยตง้ั อยบู่ นหลกั สาคัญ 3 หว่ ง 2 เงื่อนไข คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกัน ทดี่ ี ซ่งึ อยู่ในเง่ือนไขความรคู้ ู่คณุ ธรรม ความรู้นั้น หมายถึง รอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวัง คุณธรรมคือซื่อสัตย์สุจริต ขยัน อดทน และแบ่งปญน นาไปสู่ ชวี ิต เศรษฐกิจ และสังคม เกิดความสมดลุ มน่ั คงและย่งั ยืนตลอดไปในอนาคต ซ่ึงสามารถอธบิ ายได้ดงั นี้ 1. ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดี ไม่มาก และไม่น้อยจนเกินไป ความไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นท่ีทาให้ เกิดความทกุ ข์ เชน่ การอปุ โภคและบรโิ ภคพอประมาณ 2. ความมเี หตุผล หมายถึง การใชห้ ลกั การอย่างมเี หตุมีผลในการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ท่ีเราจะตัดสินใจปฏิบัติเรื่องนั้น ๆ โดยพจิ ารณาดว้ ยเหตุและผล 3. การมีภูมิคุ้มกันที่ดี หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมสาหรับส่ิงที่มากระทบกับตัวเราในแต่ละวันที่เกิดจากการ เปลีย่ นแปลงทอ่ี ยู่รอบ ๆ ตัวเอา ปญญญาเหล่านจ้ี ะเกดิ ขนึ้ ได้จะตอ้ งอาศยั ความรคู้ ู่คุณธรรม 4. ความรู้ หมายถงึ ความรอบรู้ รอบคอบ และระมดั ระวงั ในการดาเนนิ ชวี ติ 5. คุณธรรม หมายถึง การยึดถือหลักต่าง ๆ ในการดาเนินชีวิต ได้แก่ ความซื่อสัตย์ สุจริต ความขยัน อดทน และ การแบ่งปนญ ซงึ่ จะนาไปสู่ ชวี ติ เศรษฐกิจ สังคม ทาใหเ้ กดิ ความสมดุจ มน่ั คง และยง่ั ยืนตลอดไป กล่าวโดยสรุป ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นกรอบแนวคิดและทิศทางในการดาเนินชีวิตทางสายกลาง ต้ังอยู่บน หลกั สาคัญคอื 3 หว่ ง 2 เงื่อนไข คอื ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันที่ดี ซ่ึงอยู่ในเง่ือนไขความรู้คู่ คุณธรรม ความรู้น้นั หมายถงึ รอบรู้ รอบคอบและระมัดระวัง คุณธรรม คือ ซื่อสัตย์สุจริต ขยัน อดทน และแบ่งปญน นาไปสชู่ ีวติ เศรษฐกจิ และสงั คม เกิดความสมดุล มัน่ คงและยั่งยนื ตลอดไปในอนาคต วิทยากร เชียงกูล (2549: 71) กล่าววา่ แนวทางและการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตในต่างประเทศ เช่น ประเทศฟินแลนด์ สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลีใต้ จึงสรุปดงั นคี้ อื 1) การออกกฎหมาย พระราชบัญญตั ิ การมีระบบนติ ิบญั ญัติ ศาล และการบรหิ ารจัดการท่ีดี พร้อมทั้งยุทธศาสตร์ มี มาตรการในการป้องกันและปราบปรามอย่างใกล้ชิด 2) การสรา้ งค่านยิ มของประชาชน ด้วยความเสมอภาค ไมม่ คี วามความแตกตา่ งทางชนชั้น
3) การให้มีองค์กรอิสระเป็นองค์กรที่มีอานาจและมีบทบาทสูงในการปราบปรามคอรัปชั่นท่ีมีประสิทธิภาพและ โปร่งใส พร้อมท้ังผู้พิทกั ษ์ความยตุ ธิ รรม 4) มีความโปรง่ ใสและความเปิดเผยจากภาครัฐ โดยให้สิทธปิ ระชาชนเขา้ ถึงขอ้ มลู ขา่ วสาร และมีส่วนร่วม 5) มีความต้งั ใจจริงในการแก้ไขปญญหาคอรปั ช่ันอย่างจรงิ จงั 6) การให้หลายองค์กรทางานรว่ มกนั มากกว่าจะรวมศนู ยอ์ านาจไวท้ ่ีองคก์ รเดยี ว 7) การให้ผ้หู ญิงมีบทบาทการตดั สินใจทางการเมืองดว้ ย แนวคิดการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยบทบาทของภาคประชาชน ซึ่งเป็นอีกช่องทางหน่ึงที่จะรักษา ผลประโยชน์ของชาติโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนภายใต้พื้นฐานความเข้าใจว่าคนไทยทุกคนต้องมีส่วน รับผดิ ชอบดูแลอนาคตและความอยู่รอดของชาติไทย ในการที่ประชาชนจะเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบความ โปรง่ ใสของภาครฐั ในฐานะ ป.ป.ช. ภาคประชาชนจึงมหี ลกั การทางาน ดังนี้ (อารีย์ องึ้ จะนิล, 2560). 1. ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะอาสาเข้ามาทางานเพ่ือประโยชน์ของบ้านเมืองจริง ๆ นั่นคือต้องมีความเป็นผู้มีจิต อาสา มีความเสียสละ อดทน กลา้ หาญ ซ่อื สัตย์ สุจริต มีความโปร่งใสไม่ใช้อานาจหน้าท่ีเพื่อการแสวงหาประโยชน์ ส่วนตนหรือประโยชน์ให้แก่พรรคพวก หมายความว่า เราต้องมีภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองโดยการดาเนินชีวิตแบบ ปรัชญาพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช 2. ตอ้ งติดอาวุธทางปญญญาให้กับตัวเองตลอดเวลา น่ันคือต้องมีความรู้ที่เก่ียวข้องกับอานาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ภาค ประชาชน และต้องแสวงหาความรู้ใหเ้ ท่าทนั เทคนิคกลโกง การทจุ รติ คอรัปชนั่ ด้วยวธิ กี ารต่าง ๆ เพ่ือเปน็ หลักในการ ทางานให้ถกู ต้องและเป็นที่น่าเชือ่ ถอื ของสังคม 3. ตอ้ งสรา้ งการมีสว่ นรว่ มของประชาชนในรูปแบบตา่ ง ๆ ไมว่ ่าจะเป็นการสร้างเครอื ขา่ ยภาคประชาชนด้วย กันเอง การตดิ อาวธุ ทางปญญ ญาใหก้ บั ประชาชนโดยการให้ความรู้หรือการเสนอแนะช่องทางในการตรวจสอบความโปร่งใส ของการทางานของภาครฐั การสร้างทศั นคติท่ถี ูกต้อง และการชี้ใหเ้ ห็นอันตรายของการทจุ ริตคอรัปชั่น 4. การเฝา้ ระวงั พ้ืนทท่ี เ่ี หน็ วา่ สุม่ เสย่ี งตอ่ การแสวงหาผลประโยชน์ การสรา้ งเครอื ข่ายอาสาสมัครแจ้งข้อมูลข่าวสารที่ ไม่ชอบมาพากลตา่ ง ๆเพ่ือรกั ษาผลประโยชน์ของชาติไดท้ ันการ 5. ดาเนินกิจกรรมตา่ ง ๆ เพอ่ื รณรงค์ต่อต้านการทจุ รติ อย่างต่อเน่อื งในชมุ ชน หมบู่ า้ นตาบล และในทุกภาคส่วนของ สังคมโดยเฉพาะอย่างยง่ิ ในสถานศกึ ษาทกุ ระดบั เพ่อื ใหเ้ ยาวชนไดต้ ระหนกั ถงึ ภยั ร้ายของการทุจริต 6. สง่ เสริมให้ประชาชนได้เข้าไปมีบทบาทในการป้องกันการทุจริตการเลือกต้ังทุกระดับไม่ว่า ในระดับชาติหรือใน ระดับทอ้ งถ่ินเพือ่ การคัดกรองคนดี มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรมเขา้ มาบรหิ ารประเทศ ปอ้ งกันคนไม่ดีไม่ให้เข้า มาแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบดังพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 ให้ส่งเสริมคนดี ให้ คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคมุ คนไม่ดีไม่ให้มอี านาจไม่ใหก้ ่อความเดอื ดร้อนว่นุ วายได้ 7. สง่ เสริมให้ประชาชนไดเ้ ข้าไปมบี ทบาทในการปอ้ งกันการทุจรติ ในการบรหิ ารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ซ่ึงเป็นการปกครองท่ีใกล้ตัวของพี่น้องประชาชนมากที่สุด โดยส่งเสริมให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุม กาหนดนโยบายการบริการสาธารณะให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน ให้ประชาชนได้เข้าร่วมตรวจสอบ ความโปร่งใสของการจัดซอื้ จัดจา้ งใหป้ ระชาชนประเมนิ การทางานขององค์กรปกครองทอ้ งถ่นิ ของตน เปน็ ตน้ 8. จัดใหม้ กี ารแลกเปลย่ี นและรับฟงญ ความคิดเหน็ และรบั ฟญงขอ้ เสนอแนะของสาธารณชนเพ่ือนามาแก้ไขปรับปรุงการ ทางานของ ป.ป.ช. ภาคประชาชน ให้มปี ระสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ขน้ึ 9. จัดให้มีกิจกรรมเผยแพร่ช่ือเสียงเกียรติคุณยกย่องให้กาลังใจและช่วยกันรณรงค์ปกป้องคนท่ีทาความดี มีความ ซือ่ สตั ย์สจุ รติ มคี ุณธรรมเพ่ือให้เปน็ ตวั อยา่ งทีด่ ขี องสังคม 10. หามาตรการรองรบั การทางานและคมุ้ ครองความปลอดภยั ใหแ้ ก่ภาคประชาชน และเครือข่าย
11. ให้มีการประชาสมั พันธผ์ ลงานของ ป.ป.ช. ภาคประชาชนอยา่ งตอ่ เนื่องเพ่ือให้ประชาชนได้ทราบและรณรงค์ให้ ประชาชนเข้าร่วมกันเป็นเครือข่ายป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบกับ ป.ป.ช.ภาคประชาชนกัน อยา่ งกว้างขวางซึง่ จะยังประโยชนใ์ นการปลกุ จติ สานึกใหป้ ระชาชนด้วยกันเองไดร้ ว่ มกนั รกั ษาผลประโยชนข์ องชาติ แนวทางในการแกป้ ัญหาการทุจริต สรุปไดด้ ังน้ี 1) การต้ังคณะกรรมการอิสระเพื่อมาตรวจสอบ ควรมีวิธีการคัดเลือกคนท่ีมีคุณธรรม มีความสามารถ มี ความรบั ผดิ ชอบในการทางาน ใจเปน็ กลางไม่องิ พรรคการเมอื งเขา้ มาทางานให้งบประมาณ 2) การส่งเสริมส่ือมวลชนให้มีอิสระในการตรวจสอบ เช่น มีการต้ังกองทุนวิจัยเพ่ือส่ือมวลชน จะเกิดพลัง สังคมในการตรวจสอบคอรัปช่ัน เพราะเคร่ืองมือที่หยุดย้ังคอรัปช่ันได้ชะงักที่สุด คือ สื่อมวลชนท่ีอิสระ กล้าและ สามารถตรวจสอบได้ 3) การออกจากโครงสร้างอานาจเบ็ดเสร็จ เพราะการแก้ไขปญญหาสังคมที่ยากและซับซ้อนได้จะต้องเปิด พ้นื ทที่ างสงั คมและพ้ืนที่ทางปญญ ญาอยา่ งกวา้ งขวางแลว้ จดั ความสมั พันธร์ ะหวา่ งองคก์ รต่าง ๆ ให้เป็นไปตามที่สังคม ตอ้ งการ 4) ปฏวิ ตั ิจติ สานกึ ปฏวิ ตั ิศีลธรรม จิตสานึกใหมแ่ ละจติ สานึกทางศีลธรรม กลา่ วโดยสรปุ การกาหนดยทุ ธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศเพื่อมุ่งเกดิ ความย่ังยืน และประชาชนอยู่ดีกินดี ของคนในสังคมไทย มีระบบบริหารจัดการที่ดีในภาครัฐและภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่องและย่ังยืน โดยยึดหลัก ธรรมาภิบาล หลักคุณธรรมจริยธรรม และน้อมนาหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และคุณธรรมที่พระองค์ทรงพระราชทานให้แก่ปวงชน ชาวไทย และเจ้าหน้าท่ีของรัฐมาเป็นกลไกสาคัญในการผลักดัน กากับดูแลจริยธรรมของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ซ่ึงเป็น หลักมาประยุกต์ใช้ในทุกระดับอย่างจริงจัง เพื่อสร้างสังคมให้ใสสะอาดเพ่ือประโยชน์สุขของประชาชน ให้เห็น ผลสัมฤทธ์ิเปน็ รปู ธรรม คอื การเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ป้องกันทุจริต ปลุกจิตสานึกจริยธรรมของเจ้าหน้าท่ี ของรัฐและประชาชน ซ่ึงเป็นแนวทางในการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ คอรัปชั่นทมี่ ปี ระสิทธภิ าพและย่ังยนื
บทที่ 3 วธิ กี ารดาเนินงาน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสัตหีบ ได้เห็นความถึงสาคัญของประชนใน ชุมชน จึงไดใ้ ห้ กศน.ตาบลสัตหีบ จัดทาโครงการเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันและต่อต้านการทุจริตมีขั้นตอน ดังน้ี 1.ประชุมบคุ ลากรกรรมการ กศน.ตาบลสัตหีบ 2.จัดตงั้ คณะทางาน 3.ประสานงานกบั ผูเ้ รียน/วทิ ยากรผู้สอน 4.ดาเนนิ งานตามแผน 5.วดั ผล/ประเมินผล/สรุปผลและรายงาน 1. ประชมุ บคุ ลากรกรรมการ กศน.ตาบลสัตหีบ กศน.อาเภอสัตหีบ ได้วางแผนประชุมบุคลากรคณะกรรมการ กศน.ตาบลสัตหีบ เพ่ือหาแนวทางในการ ดาเนนิ งานและกาหนดวตั ถุประสงคร์ ่วมกนั 2. จัดตัง้ คณะทางาน จัดทาคาสัง่ แตง่ ต้งั คณะทางานโครงการ เพื่อมอบหมอบหมายหนา้ ทใี่ นการทางานให้ชดั เจน เชน่ 2.1 คณะกรรมการที่ปรึกษา/อานวยการ มีหน้าท่ีอานวยความสะดวก และให้คาปรึกษาแก้ไขปญญหาที่ เกดิ ขึ้น 2.2 คณะกรรมการฝ่ายประชาสมั พนั ธ์ มหี น้าที่ประชาสัมพนั ธร์ ับสมคั รผูเ้ ขา้ รว่ มโครงการ 2.3 คณะกรรมการฝ่ายรับลงทะเบียนและประเมินผลหน้าที่จัดทาหลักฐานการลงทะเบียนผู้เข้าร่วม โครงการ และรวบรวมการประเมินผล และรายงานผลการดาเนินการ 3. ประสานงานกับผ้เู รยี น/วทิ ยากรผสู้ อน ประสานงานกับผู้เรียนและวิทยากร เช่น ประสานเร่ืองสถานท่ีใช้ทาการเรียนการสอน ประสานงานกับ วิทยากรผูส้ อน เรือ่ งเนือ้ หา หลักสตู รการเรียนการสอน รปู แบบการเรียนการสอน วัน เวลา สถานท่ี 4. ดาเนนิ การตามแผนงานโครงการ โครงการเสริมสร้างความรดู้ า้ นการปอ้ งกนั และตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ณ ท่ีทาการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ตาบลสัตหีบ อาเภอสตั หีบ จังหวัดชลบรุ ี ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. 5. สรปุ ผลและรายงาน โครงการเสริมสรา้ งความรดู้ า้ นการปอ้ งกนั และต่อต้านการทุจรติ ณ ทท่ี าการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ตาบลสัตหีบ อาเภอสัตหบี จงั หวดั ชลบรุ ี ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ต้งั แต่เวลา 08.30-16.30 น. มีผู้เข้าร่วมอบรมจานวน 17 คน โดยมี เรือเอกประโยชน์ ประสมพงษ์ เป็นวทิ ยากรในการใหค้ วามรู้ด้านการปอ้ งกนั และต่อตา้ นการทุจริต 6. การเก็บรวมรวมข้อมลู จากการดาเนินงานโครงการเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันและต่อต้านการทุจริต ณ ท่ีว่าการ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ตาบลสัตหีบ อาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ในวันท่ี 8 กรกฎาคม 2563 มี ผู้เข้าร่วมอบรม จานวน 17 คน โดยมีการแจกแบบสอบถามท้ังหมด 17 ชุด และเก็บรวบรวมแบบสอบถามได้ 17 ชุด คิดเป็น 100 เปอร์เซน็ ต์
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสัตหีบ จะได้นาแนวทางไปใช้ข้อมูลพิจารณา หลักสตู ร เนื้อหาตลอดจนเทคนิควิธีการจัดการกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้เข้า อบรมไดร้ ับประโยชนน์ าไปใชไ้ ดจ้ ริงตามศักยภาพของแต่ละคน ให้มีความเข้าใจและมีคุณภาพต่อไป ศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสัตหีบ ได้ดาเนินการตามข้ันตอนและได้รวบรวมข้อมูล โดยใช้สภาพ การใช้ส่ือการสอนของครูในสถานศึกษาเป็นแบบมาตรวัดประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ โดยมีรายละเอียด ดงั นี้ (บุญชม ศรสี ะอาด และบญุ สง่ นลิ แก้ว ,2545) 5 หมายถงึ มีการดาเนนิ งานในระดับมากทส่ี ดุ 4 หมายถึง มีการดาเนนิ งานในระดบั มาก 3 หมายถงึ มีการดาเนินงานในระดับปานกลาง 2 หมายถึง มีการดาเนนิ งานในระดบั น้อย 1 หมายถงึ มกี ารดาเนนิ งานในระดบั น้อยทส่ี ดุ โดยมีเกณฑก์ ารแปลความหมายคา่ เฉลย่ี (บญุ ชม ศรีสะอาด,2556) ดงั นี้ 4.50 – 5.00 หมายถงึ มคี วามคิดเห็น/การดาเนินงานอย่ใู นระดับมากทส่ี ุด 3.50 – 4.49 หมายถึง มีความคดิ เหน็ /การดาเนินงานอยู่ในระดบั มาก 2.50 – 3.49 หมายถงึ มคี วามคิดเห็น/การดาเนนิ งานอยู่ในระดับปานกลาง 1.50 – 2.49 หมายถงึ มคี วามคิดเห็น/การดาเนนิ งานอยใู่ นระดบั นอ้ ย 1.00 – 1.49 หมายถึง มคี วามคดิ เหน็ /การดาเนนิ งานอยใู่ นระดบั นอ้ ยท่สี ดุ ผูเ้ ข้าร่วมโครงการจะต้องกรอกข้อมูลตามแบบสอบถาม เพื่อนาไปใชใ้ นการประเมินผลของการจัดกิจกรรม ดงั กลา่ ว และจะได้นาไปเป็นขอ้ มลู ปรบั ปรุง และพัฒนา ตลอดจนใช้ในการจัดทาแผนการดาเนนิ การในปีตอ่ ไป
บทท่ี 4 ผลการดาเนินงานและการวเิ คราะห์ข้อมูล ในการจัดโครงการเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันและต่อต้านการทุจริต ที่ทาการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ตาบลสตั หีบ อาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.ซ่ึงได้สรุปผล จากแบบสอบถามและนาเสนอผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลจากผู้เขา้ รว่ มอบรมโครงการ จานวน 17 ชุด ตอนที่ 1 ข้อมูลส่วนตัวผู้ตอบแบบถามของผู้เข้าร่วมโครงการเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันและ ต่อต้านการทุจริต ท่ีทาการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ตาบลสัตหีบ อาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่ตอบ แบบสอบถามไดน้ ามาจาแนกตามเพศ อายุ และอาชีพ ผู้จดั ทาได้นาเสนอจาแนกตามข้อมูลดังกลา่ ว ดังปรากฏตาม ตารางท่ี 1 ดงั ตอ่ ไปน้ี ตารางที่ 1 แสดงค่ารอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามเพศ เพศ ชาย หญงิ จานวน ร้อยละ ความคิดเหน็ จานวน ร้อยละ 7 41.18 ผ้เู ขา้ ร่วมกิจกรรมโครงการเสริมสร้างความร้ดู ้านการป้องกัน 10 58.82 และตอ่ ตา้ นการทุจรติ จากตารางท่ี 1 แสดงว่า ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันและ ตอ่ ต้านการทุจริต เป็นชาย 10 คน ร้อยละ 58.82 เป็นหญิง 7 ร้อยละ 41.18 ตารางที่ 2 แสดงคา่ ร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามอายุ อายุ 14 - 39 ปี 40 - 59 ปี 60 ปี ขนึ้ ไป ความคิดเห็น จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ ผู้เขา้ ร่วมกิจกรรมโครงการเสรมิ สรา้ งความรู้ 1 5.88 6 35.30 10 58.82 ด้านการป้องกนั และตอ่ ต้านการทจุ ริต จากตารางท่ี 2 แสดงว่า ผตู้ อบแบบสอบถามของผูเ้ ข้าร่วมผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมโครงการเสริมสร้างความรู้ด้าน การป้องกันและต่อต้านการทุจริต ในช่วงอายุ 14-39 ปีขึ้นไป จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 5.88 รองลงมาอายุ 40-59 ปี มีจานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 35.30 และ อายุ 60 ปขี ึน้ ไป มจี านวน 10 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 58.82 ตารางท่ี 3 แสดงคา่ รอ้ ยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามอาชีพ ประเภท รบั จ้าง ค้าขาย รบั ราชการ แม่บา้ น อน่ื ๆ ความคดิ เห็น จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ ผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมโครงการ 3 17.65 4 23.53 1 5.88 6 35.29 3 17.65 เสริมสรา้ งความรู้ด้านการ ปอ้ งกันและตอ่ ตา้ นการ ทจุ ริต จากตารางท่ี 3 แสดงว่า ผู้ตอบแบบสอบถามผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกัน และต่อต้านการทุจริต มีอาชีพแม่บ้าน มากท่ีสุด จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 35.29 รองลงมาคืออาชีพค้าขาย จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 23.53 อาชีพอ่ืนๆ จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 17.65 อาชีพรับจ้าง จานวน 3 คน คิดเปน็ ร้อยละ 17.65 และอาชีพรบั ราชการ จานวน 1 คน คดิ เป็นร้อยละ 5.88
ตอนท่ี 2 ข้อมูลเกย่ี วกับความคดิ เห็นของผู้เขา้ ร่วมโครงการเสรมิ สร้างความรดู้ ้านการป้องกนั และตอ่ ต้านการทุจรติ ความคดิ เห็นของผเู้ ขา้ ร่วมกจิ กรรม จานวน 17 คน จากแบบสอบถามทง้ั หมดท่ีมีตอ่ โครงการเสรมิ สรา้ ง ความรู้ด้านการปอ้ งกนั และต่อตา้ นการทจุ รติ ณ ท่ีทาการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ตาบลสตั หีบ อาเภอสตั หีบ จงั หวัดชลบุรี ดังปรากฏในตารางท่ี 4 ตารางท่ี 4 ผลการประเมนิ โครงการเสริมสร้างความรดู้ ้านการป้องกัน N = 17 และตอ่ ต้านการทุจริต µ σ อันดบั ที่ ระดับผล รายการท่ีประเมนิ การประเมนิ ตอนที่ 1 ความพึงพอใจด้านเนอ้ื หา 1 เนือ้ หาตรงตามความตอ้ งการ 4.76 0.42 3 2 เนื้อหาเพยี งพอต่อความต้องการ 4.76 0.42 3 3 เนื้อหาปจญ จบุ นั ทันสมยั 4.88 0.32 1 4 เนื้อหามีประโยชนต์ ่อการนาไปใชใ้ นการพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ 4.59 0.49 6 ตอนท่ี 2 ความพึงพอใจด้านกระบวนการจัดกิจกรรม 5 การเตรยี มความพร้อมกอ่ นจัดกิจกรรม 4.76 0.42 3 6 การออกแบบกจิ กรรมเหมาะสมกบั วตั ถปุ ระสงค์ 4.65 0.48 5 7 การจัดกิจกรรมเหมาะสมกบั เวลา 4.82 0.38 2 8 การจดั กจิ กรรมเหมาะสมกบั กล่มุ เป้าหมาย 4.65 0.48 5 9 วิธกี ารวดั ผล/ประเมินผลเหมาะสมกบั วัตถปุ ระสงค์ 4.71 0.46 4 ตอนท่ี 3 ความพงึ พอใจตอ่ วทิ ยากร 10 วิทยากรมคี วามรู้ความสามารถในเร่ืองที่ถ่ายทอด 4.82 0.38 2 11 วทิ ยากรมเี ทคนิคการถ่ายทอดใช้สือ่ เหมาะสม 4.65 0.48 5 12 วทิ ยากรเปดิ โอกาสใหม้ สี ว่ นร่วมและซักถาม 4.59 0.49 6 ตอนที่ 4 ความพึงพอใจด้านการอานวยความสะดวก 13 สถานท่ี วัสดุ อุปกรณ์และสงิ่ อานวยความสะดวก 4.59 0.49 6 14 การส่อื สาร การสร้างบรรยากาศเพื่อใหเ้ กิดการเรียนรู้ 4.59 0.60 6 15 การบรกิ าร การชว่ ยเหลือและการแกป้ ญญ หา 4.71 0.46 4 คา่ เฉลย่ี 4.70 0.06 มากทีส่ ดุ จากตารางแสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วม โครงการเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันและต่อต้านการทุจริต ดังนี้ จากตาราง 4 พบว่า โดยเฉล่ียแล้ว ผู้เข้ารับการอบรมโครงการเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันและต่อต้านการ ทจุ ริต อยู่ในระดับ มากที่สุด เมอื่ วเิ คราะห์เป็นรายข้อพบวา่ (µ = 4.88) เป็นอนั ดบั ที่ 1 คือ เนื้อหาปญจจุบันทันสมัย (µ = 4.82), เปน็ อันดบั ท่ี 2 คือ การจดั กิจกรรมเหมาะสมกับเวลา,วิทยากรมีความรู้ความสามารถในเรื่องที่ถ่ายทอด (µ =4.76) เป็นอันดับท่ี 3 คือ เน้ือหาตรงตามความต้องการ,เนื้อหาเพียงพอต่อความต้องการ,การเตรียมความ พร้อมก่อนจัดกิจกรรม (µ =4.71) เป็นอันดับที่ 4 วิธีการวัดผล/ประเมินผลเหมาะสมกับวัตถุประสงค์,การบริการ การช่วยเหลือและการแก้ปญญหา (µ =4.65) เป็นอันดับที่ 5 คือ การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกับวัตถุประสงค์, การจดั กิจกรรมเหมาะสมกับกลุม่ เป้าหมาย,วทิ ยากรมเี ทคนิคการถา่ ยทอดใช้ส่ือเหมาะสม และ(µ =4.59) เป็นอันดับ ท่ี 6 คือ เนื้อหามีประโยชน์ต่อการนาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต,วิทยากรเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมและซักถาม ,สถานท่ี วัสดุ อุปกรณ์และสิ่งอานวยความสะดวก,การสือ่ สาร การสร้างบรรยากาศเพอื่ ใหเ้ กิดการเรยี นรู้ ตามลาดบั
บทท่ี 5 สรปุ ผลการดาเนินการ การจดั ทาโครงการเสริมสร้างความร้ดู ้านการปอ้ งกันและต่อตา้ นการทจุ ริต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ เสริมสร้างความรู้ความเข้าในเก่ียวกับการป้องกันการทุจริต สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายด้านการ ต่อต้านการทุจริต ซึ่งโครงการได้จัดขึ้นในวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 เวลา 08.30-16.30 น. ณ ที่ทาการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ตาบลสัตหีบ อาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ตลอดระยะเวลาท่ีรับการอบรมโดยมีการซักถามพูดคุยโต้ตอบกับ วิทยากรอยา่ งสนใจ ในดา้ นต่าง ๆ คอื ความพงึ พอใจด้านเนอื้ หา - ดา้ นหลกั สูตรเนื้อหาตรงตามความตอ้ งการ - เนื้อหาเพียงพอต่อความต้องการ - เนอ้ื หาปญจจบุ ันทันสมัย - เนอ้ื หามปี ระโยชน์ตอ่ การนาไปใชใ้ นการพัฒนาคณุ ภาพชีวิต ความพงึ พอใจด้านกระบวนการจัดกิจกรรม - การเตรยี มความพร้อมก่อนจัดกิจกรรม - การออกแบบกจิ กรรมเหมาะสมกบั วัตถุประสงค์ - การจดั กิจกรรมเหมาะสมกับเวลา - การจดั กิจกรรมเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย - วิธกี ารวดั ผล/ประเมนิ ผลเหมาะสมกบั วตั ถุประสงค์ ความพงึ พอใจต่อวิทยากร - วิทยากรมคี วามรู้ความสามารถในเร่ืองท่ีถา่ ยทอด - วิทยากรมเี ทคนคิ การถา่ ยทอดใช้สือ่ เหมาะสม - วทิ ยากรเปิดโอกาสให้มสี ่วนร่วมและซักถาม ความพึงพอใจด้านการอานวยความสะดวก - สถานที่ วสั ดุ อุปกรณ์และสิ่งอานวยความสะดวก - การสอื่ สาร การสร้างบรรยากาศเพือ่ ให้เกิดการเรยี นรู้ - การบรกิ าร การชว่ ยเหลือและการแก้ปญญ หาได้ สรุปผลการดาเนนิ งาน ผู้เข้าร่วมโครงการเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันและต่อต้านการทุจริต ของศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยของอาเภอสัตหีบ (กศน.ตาบลสัตหีบ) มีผู้เข้าร่วมอบรมทั้งหมด 17 คน โดยแยกเป็นผู้ชาย 10 คน และ ผู้หญิง 7 คน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากท่ีสุด (µ =4.70) โดยมี เรือเอกประโยชน์ ประสมพงศ์ เป็นวิทยากร อภปิ รายผล จากการจดั กิจกรรมโครงการเสริมสร้างความรูด้ ้านการปอ้ งกันและต่อต้านการทจุ รติ ผู้เขา้ รว่ มโครงการเกิด การปรับทัศนคติ สรา้ งค่านยิ มความซอื่ สตั ยส์ ุจริต รว่ มตอ่ ตา้ นการทจุ รติ และปรับฐานความคิดการแยกแยะระหว่าง ผลประโยชน์สว่ นตนและสว่ นรวม และสามารถนามาปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ ปญั หาและอุปสรรคทเี่ กดิ ขึน้ ระหว่างการดาเนนิ งาน ไมม่ ี ข้อเสนอแนะ -
บรรณานกุ รม กรมการศกึ ษานอกโรงเรียน (2546) กระทรวงศกึ ษาธกิ าร . (2543). บุญชม ศรีสะอาด และ บญุ ส่ง นิลแกว้ (2545 หนา้ 22-25) http://lakmuangonline.com/?p=4207 วารสารบณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ปที ี่ 13 ฉบับท1ี่ (มกราคม – มถิ นุ ายน 2561)
คณะผ้จู ดั ทา ทปี่ รกึ ษา เลยี้ งสุพงศ์ ผูอ้ านวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตาม นางสรุ ัสวดี อธั ยาศยั อาเภอสัตหบี คณะทางาน บางโสก หัวหนา้ กศน.ตาบลสตั หีบ 1. นางสาวสุภาวดี เจรญิ ศรี ครูกศน.ตาบลสตั หีบ 2. นางสาวปารย์พชิ ชา เตชะวงศ์ ครู ศรช.ตาบลสตั หีบ 3. นางปิยวดี ครู ศรช.ตาบลสัตหีบ เจ้าหน้าทจ่ี ัดพิมพ์/ผูเ้ ขยี น เตชะวงศ์ นางปิยวดี
ภาคผนวก
ภาพกจิ กรรม โครงการเสริมสรา้ งความรู้ดา้ นการป้องกนั และต่อตา้ นการทจุ รติ
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: