เอกสารประกอบการเรยี น หน่วยท่ี 3 ปัจจัยท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การผลิตไมด้ อกไม้ประดบั สาระสำคัญ ปัจจัยที่เก่ียวข้องกับการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ ได้แก่ ปัจจัยทางพันธุ์กรรมและสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็น ตัวกำหนดชนิด และประเภทของไม้ดอกไม้ประดับท่ีปลูก ผู้ผลิตหรือผู้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับจะต้องรู้สภาพ ปัจจัย ทางพันธุ์กรรม และสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม ถึงจะเลือกชนิดและประเภทของไม้ดอกไม้ประดับที่จะปลูกได้ ซ่ึง ปัจจัยหรือสภาพแวดล้อมท่ีเก่ียวข้องกับการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ได้แก่ ดิน ซ่ึงเป็นแหล่งให้น้ำและ ธาตุอาหาร น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญท่ีสุดในการเจริญเติบโตของพืช แสงและอุณหภูมิมีผลต่อการสังเคราะห์แสง และการหายใจ ของพืช จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ จุดประสงค์ทัว่ ไป 1. มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับปัจจยั ทเี่ ก่ียวข้องเกี่ยวกับการผลติ ไม้ดอกไม้ประดับ ท้ังด้านพันธ์ุกรรมและ สภาพแวดล้อม 2. เลือกชนิดและประเภทของไมด้ อกไมป้ ระดับแต่ละชนิดท่จี ะปลกู ให้เหมาะสมกับสภาพแวดลอ้ ม 3. เพื่อให้นักเรียนมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เรอื่ ง การพึง่ ตนเอง จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม 1. สามารถเลอื กชนดิ ของไม้ดอกไมป้ ระดบั ท่ีจะปลกู ให้เหมาะสมกับสภาพแวดลอ้ มได้อย่างถูกตอ้ ง 2. สามารถยกตัวอย่างสภาพแวดล้อมท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับอย่างน้อย 3 – 5 ตวั อยา่ ง เนื้อหาสาระ ปัจจยั ทเ่ี กยี่ วข้องกับการผลิตไม้ดอกไม้ประดบั มี 2 ปจั จยั ใหญด่ ังน้ี 1. ปจั จัยทางพนั ธุกรรมของไม้ดอกไมป้ ระดบั ถ้าส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิดไม่รักษาสิ่งที่สืบทอดต่อ ๆ กันมาจากบรรพบุรุษไว้แล้วก็คงไม่มีส่ิงมีชีวิตใด ๆ หลงเหลืออยู่บนโลกเลย คุณสมบัติที่สำคัญมากอย่างหน่ึงของส่ิงที่มีชีวิต คือ ความสามารถในการสืบพันธ์ุหรือ สร้างส่ิงท่ีเหมือนบรรพบุรุษไว้สืบทอดต่อมา การสืบทอดลักษณะและคุณสมบัติเฉพาะจากพ่อแม่สู่ลูกหลาน เรียน ว่า “พันธุ์กรรม” (heredity) เกิดขึ้นผ่านทางจีน (genes) ซ่ึงเป็นหน่วยถา่ ยทอดทางพันธ์ุกรรมที่อยู่บน โครโมโซม (chromosomes) ในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต (ปริศนา, 2548) ซ่ึงจีน (genes) ดังกล่าวจะทำให้ไม้ดอก ไม้ประดับมี ขบวนการทางสรีรวิทยาบางอย่างท่ีมีประสิทธิภาพต่างกัน ดังน้ันในการปรับปรุงพันธ์ุไม้ดอก ไม้ประดับ นัก
ปรับปรุงพันธ์ุไม้ดอกไม้ประดับจึงพยายามปรับปรุงจีน (genes) ที่เรียงตัวบนโครโมโซม (chromosomes) ให้ได้ พันธ์ุใหม่ทดี่ ีนน่ั คือเจรญิ เติบโตดี มีความต้านทานโรคแมลงให้ผลผลิตสูง ไม้ดอก ไมป้ ระดบั ทด่ี ี ควรมลี ักษณะดงั นี้ 1. ให้ผลผลิตสงู 2. มอี ายเุ ก็บเก่ียวเหมาะสม เช่น พนั ธุ์เบา พนั ธ์หุ นักหรอื เกบ็ เกย่ี วพรอ้ มกัน 3. มคี ุณภาพสูง เชน่ ปรมิ าณโปรตนี สูง ปริมาณน้ำตาลสูง ในเมลด็ มีกลนิ่ หอม ฯลฯ 4. มคี วามทนทานตอ่ สภาพแวดล้อม เชน่ ดินเคม็ ทนน้ำทว่ ม ทนแล้ง ฯลฯ 2. ปจั จัยสภาพแวดลอ้ มทีเ่ หมาะสมของไม้ดอกไมป้ ระดับ ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ นั้นมีอยู่หลายประการ ซึ่งการที่พันธุ์ไม้ จะเจริญเติบโตแข็งแรงและมีสุขภาพดีน้ัน ไม่ได้ข้ึนอยู่กับการให้น้ำและการให้ปุ๋ยเพียงอย่างเดียวเท่าน้ัน แต่ยังมี ปัจจัยอ่ืน ๆ ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับอยู่อีกหลายประการ ที่ผู้ปลูกควรรู้และทำความ เข้าใจ ปัจจัยทส่ี ำคญั ท่มี ีผลตอ่ การเจรญิ เติบโตของพันธุ์ไม้มีอยูห่ ลายประการ ดังน้ี คือ (รวิภา, 2554) 2.1 ดิน (Soil) เป็นส่วนประกอบระหว่างอินทรีย์วัตถุ อนินทรีย์วัตถุ น้ำและอากาศ ในสัดส่วนท่ีเหมาะสมกัน ดิน มีความสำคญั ตอ่ การปลกู ไม้ดอกไมป้ ระดบั เปน็ อย่างมาก หลายประการดังนี้ 2.1.1 หนา้ ท่ขี องดิน ตอ่ การปลูกไมด้ อกไม้ประดับ พอสรปุ ไดด้ ังน้ี 1) ช่วยพยุงราก ลำตน้ ไมด้ อกไมป้ ระดับ 2) ใหร้ ากมีอากาศหายใจ 3) ชว่ ยใหม้ ีน้ำและความช้ืนในการเจริญเติบโต 4) ให้อาหารและแร่ธาตตุ ่าง ๆ แกพ่ ืช 5) เป็นทีอ่ ยูข่ องจลุ ินทรยี ด์ ิน ชนิดทเี่ ปน็ ประโยชน์แกต่ ้นพชื 2.1.2 คณุ สมบตั ขิ องดินปลูกทด่ี ตี ่อการปลูกไมด้ อกไม้ประดับ 1) มคี วามร่วน โปรง่ ซยุ และมนี ้ำหนกั เบา 2) ระบายน้ำและอากาศดี 3) มธี าตุอาหารของพืชครบถ้วน 4) ดูดซบั น้ำและความช้ืนได้มากพอ 5) มสี ภาพความเป็นกรดเป็นดา่ งพอเหมาะ 6) ไมย่ ุบตวั งา่ ยเนอ่ื งจากอนิ ทรยี วัตถทุ ่ีใช้ 7) ไม่ควรมสี ารเคมี สารพษิ และวัชพชื เจือปน 8) ปลูกไมด้ อกไมป้ ระดับแล้วสามารถเจริญเตบิ โตได้ดีไมช่ ะงัก 2.1.3 การปรับปรุงดินปลกู ไม้ดอกไม้ประดับ การปรับปรุงดินปลกู ไม้ดอกไม้ประดับต้องข้ึนอยู่กับ ชนิดและประเภทของพนั ธไุ์ ม้ ตลอด จนถงึ วธิ ีทีเ่ ราจะปลูกพืชนั้น ๆ เชน่ 1) การปรับปรุงดินปลูกไม้ดอกไม้ประดับแปลง ที่ได้โดยนำวัสดุผสมดินปลูกใส่ลงไปใน แปลงทเี่ ตรียมเสรจ็ แล้วคลุกเคล้าให้เขา้ กัน 2) การปรับปรุงดินในหลุมปลูก ทำโดยการขุดหลุมตามขนาด ใส่ปุ๋ยและอินทรียวัตถุ ผสมคลกุ เคล้ากันกบั หน้าดนิ ใส่ลงไปในหลุม
3) การปรับปรุงดินผสมปลูกไม้กระถาง ทำโดยการผสมดินตามส่วนผสมของดิน อินทรีย์วตั ถุ และอนนิ ทรีย์วัตถุ และปยุ๋ ให้เขา้ กันตามแต่ละชนิดของไมด้ อกไมป้ ระดับทีจ่ ะปลูก 2.2 แสงสวา่ ง (Light) แสงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ เพราะเป็นกลไกลสำคัญในกระบวนการ สังเคราะห์แสง โดยการเปลี่ยนรูปพลังงานให้อยู่ในรูปพลังงานเคมีมีผลต่อขบวนการงอกของเมล็ดการออกดอก การสุกแก่ การลงหัว และการพักตัว บทบาทของแสงที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับมีดังนี้ (สันต์, 2551) 2.2.1 หน้าท่หี รือบทบาทของแสงสว่างท่ีมตี อ่ ไม้ดอกไม้ประดับ 1) ช่วยกระต้นุ การงอกของเมลด็ และช่วยให้เจรญิ เตบิ โต 2) ชว่ ยในกระบวนการสงั เคราะห์แสง (photosynthesis) 3) ช่วยสรา้ งฮอร์โมนตา่ ง ๆ ในพืช 4) ชว่ ยสรา้ งเม็ดสี (pigment) 5) ช่วยในการออกดอกติดผลของพืช 6) มผี ลตอ่ การดดู ซึมน้ำของพชื 2.2.2 แหล่งท่ีมาของแสงสว่าง แสงเป็นแหล่งพลังงานให้กับขบวนการสังเคราะห์แสง แบ่งออก ได้เปน็ 2 ประเภท คือ (สมเพยี ร, 2525) 1) ดวงอาทิตย์ (sunlight) จำเปน็ ต่อพืชมากในขบวนการสงั เคราะห์แสง 2) แสงท่ีมนุษย์ทำขึ้น (artificial light) เพ่ือปรับสภาพแสงให้เหมาะสมกับความ ต้องการของพชื ในแต่ละชนิดของไม้ดอกไมป้ ระดับ และแต่ละฤดกู าล เช่น (1) การเพ่ิมแสง มีวัตถุประสงค์เพ่ือเพ่ิมขบวนการสังเคราะห์แสง และเพื่อ ควบคมุ การออกดอกในไม้ดอกไม้ประดบั ท่ีไวแสง มีวธิ ีการเพ่มิ แสงดังนี้ - ใช้หลอดไส้ (incandescent) จะใช้แสงสีแดงมากกว่าสีอื่น เช่น การ เพ่ิม แสงในตน้ เบญจมาศ ใช้หลอดธรรมดา 60 แรงเทยี น ตดิ ตั้งให้สูงจากตน้ 2 ฟุตระยะหา่ ง 4 ฟตุ - ใชห้ ลอดเรืองแสง (fluorescent) จะใชแ้ สงสีน้ำเงนิ มากกว่าแสงสอี ื่น นิยม ใช้หลอด 40 วตั ต์ตดิ ต้ังให้สูงจากตน้ 50 เซนติเมตรติดต้ังตามความยาวของหลอดตอ่ หลอด - ใช้แสงแฟลซ (flash light) เปน็ การใช้ช่วงส้ันๆ ระหว่างความมดื เพื่อ ชักนำการออกดอกในไม้ดอกบางชนิด เพื่อประหยัดไฟ โดยเปิดไฟสีแดง นาน 6 นาที ทุก ๆ 30 นาที จนกว่าจะ ครบชวั่ โมงตามทต่ี ้องการแสง
(2) การลดแสง มีวัตถุประสงค์เพ่ือลดความเข้มของแสงให้ต่ำลง เพื่อจะช่วย ยับยั้ง การถกู ทำลายของคลอโรฟิล และเพื่อลดเวลาในการรับแสงให้สั้นลงเพื่อชักนำการออกดอก วธิ ีการลดความ เข้มของแสงหรือการพรางแสง มีดังคือ - ตไี ม้ระแนงโรงเรอื นให้ถ่ขี ึ้น - ใชเ้ ฝือกหรอื ทางมะพร้าวมุง บังร่มเงา - ใช้ตาข่ายหรือผ้าดำ มุ้ง บังพรางแสง - ถ้าเป็นเรือนกระจกใชส้ ีลาเทก็ ซ์ทาหลังคา 2.2.3 อิทธพิ ลของความเข้มของแสง ถ้าแสงมีมากไปจะมีผลต่อการเจริญเตบิ โตของพืช ดังน้ี 1) การสงั เคราะห์แสงจะมาก 2) ใบพืชจะไหม้ 3) อุณหภมู ภิ ายในใบพืชจะสงู มผี ลทำให้คายน้ำมาก 4) มีผลตอ่ การฟอรม์ ตาดอกของพืช 5) ไม้ดอกกา้ นจะสั้น 6) สดี อกไมด้ อกและสใี บไมป้ ระดับจะซีดจางลง 2.3 น้ำและความช้ืน (Water and humidity or moisture) น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการเจริญเติบโตของพืช แม้ว่าพืชจะได้รับปัจจัยอ่ืน ๆ อย่างเพียงพอแต่ถ้า ปริมาณน้ำไม่เพียงพอหรือไม่เหมาะสมกับความต้องการใช้ของพืช พืชจะเจริญเติบโตอย่างจำกัดและมีผลต่อการ สร้างผลผลิตของพืช ดังนั้นการศึกษาลักษณะการใช้น้ำของพืชแต่ละชนิด แต่ละช่วงของการเจริญเติบโต เพ่ือ เช่ือมโยงความสัมพันธ์กับข้อมูลด้านการเจริญเติบโตและผลผลิตของพืชจะทำให้สามารถจัดการน้ำได้ อย่างมี ประสิทธิภาพ สำหรับบทบาทของน้ำและความช้ืนที่มตี อ่ ไมด้ อกไม้ประดบั มดี ังนี้ (วิเชียร, 2546) 2.3.1 นำ้ มคี วามสำคัญต่อกระบวนการต่าง ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม 1) น้ำเป็นตวั ทำละลายทด่ี ีที่สดุ จงึ ทำให้ธาตอุ าหารเปน็ ประโยชนต์ ่อพืชได้ 2) น้ำเป็นตัวกลางในการเคลื่อนย้ายส่ิงต่าง ๆ ธาตุอาหารจากท่ีไกล ๆ ไปยังรากพืชเข้า ไป ในราก ตน้ ใบ และส่วนตา่ ง ๆ และยงั ทำให้สารทไ่ี ดร้ บั จากการสังเคราะห์แสงกระจายไปยังทกุ ส่วนของต้นพืช 3) น้ำเป็นตัวทำปฏิกิริยาในกระบวนการเปล่ียนแปลงทางเคมีของสิ่งมีชีวิต เช่น การ สังเคราะห์แสงไฮโดรไลซีส การยอ่ ยสลายตา่ ง ๆ เป็นต้น 4) น้ำทำให้เซลล์เต่งตัว ทำให้เกิดความดันของเซลล์ท่ีมีส่วนสำคัญทำให้เซลล์ ขยายตัว รักษารูปร่างความแกร่ง การปิดเปิดปากใบ ถ้าเซลล์แฟบลงกระบวนการเมแทบอลิซึมจะลดลง การเจริญเติบโตก็ ลดลง 5) น้ำช่วยควบคุมอุณหภูมิในพืช เพราะน้ำมีความร้อนจ าเพาะสูง เม่ือได้รับแสงแดด แล้วอุณหภูมิจะสูงข้ึนไม่มากเท่ากับกรณีท่ีไม่มีน้ำและยังมีการคายน้ำที่ปากใบต้องใช้ความร้อนแฝงจำนวนหนึ่ง ความร้อนในพืชจะลดลง 6) น้ำช่วยในการงอกของเมล็ด ทำให้เปลือกหุ้มเมล็ด ดินนุ่มปลายรากอ่อน แทงทะลุ เปลอื กนอกได้ น้ำอาหารจากส่วนเอนโดสเปิรม์ ไปยังตน้ อ่อน
7) น้ำเป็นส่วนประกอบโดยตรงของพืช ประมาณร้อยละ 80 ของน้ำหนักพืช คือ องค์ประกอบท่ีเป็นน้ำ และถ้าเป็นเซลล์ส่วนท่ีอวบน้ำอาจจะมีมากถึง 90 – 95 แตกต่างกันตามชนิดพืช อายุเซลล์ และส่วนของพืช ในเซลล์พืชมีน้ำเป็นตัวกระตุ้น ทำให้เอนไซม์ทำงานได้ในราก หัวสะสมอาหารมีน้ำเป็น องค์ประกอบทีส่ ำคญั และในลำต้นพืชทว่ั ไปมนี ้ำมากกว่าร้อยละ 50 แตพ่ วกบวั และพชื น้ำมีนำ้ ถึงร้อยละ 90 – 95 2.3.2 วิธีการให้น้ำและความชื้นแก่ไม้ดอกไม้ประดับ มีหลายวิธีข้ึนอยู่กับชนิดของพืชและ การวางกระถางปลูก มี 2 แบบใหญ่ ๆ คอื 1) การให้น้ำโดยการ รด ราด พ่น ลงบนต้นพืช (Overhead watering) ที่นิยมใช้มี อยู่3 วิธไี ด้แก่ - การใช้บัวรดน้ำ - การใชส้ ายยางตอ่ ทอ่ ประปา - การใช้สปรงิ เกอร์ (sprinkler) 2) การให้น้ำโดยการซึมของน้ำจากข้างล่างข้ึนข้างบน (Subirrigation) ท่ีนิยมใช้กันมี 2 วิธไี ด้แก่ - โดยการวางกระถางต้นไม้ลงบนวัสดุที่อุ้มน้ำหนา ๆ แล้วให้น้ำซึมจากวัสดุ ข้ึนตาม เคร่ืองปลกู ในกระถางจนชน้ื ก็พอ - โดยการวางกระถางต้นไมล้ งในกระบะซเี มนต์ทีม่ ีน้ำพอประมาณ 2.3.3 ขอ้ ควรปฏิบัติในการใช้น้ำและความช้ืน การปฏิบตั ิการให้น้ำแก่ไมด้ อกไม้ประดบั มีหลกั การ และวธิ ีการใหน้ ำ้ ทีจ่ ะทำใหต้ ้นพชื เจรญิ เติบโตตามปกตดิ งั น้ี 1) รดน้ำใหไ้ มด้ อกไมป้ ระดับมคี วามชื้นพอเหมาะ อยา่ ให้แฉะ 2) รดน้ำชมุ่ ซึมลึกไปถึงระดับรากและทัว่ ถงึ 3) การใหน้ ้ำตอนเช้าพชื จะนำไปใชแ้ ละตอนเย็นพืชไมน่ ำไปใช้อาจเกดิ โรคได้
4) การให้น้ำไม้กระถางควรให้มากทุก ๆ 2 - 3 คร้ังต่อวัน จะทำให้ช่วยล้างกรด ด่าง และเกลอื ออกจากกระถางไปบ้าง 5) ไม้ดอกควรให้น้ำมากกว่าไมใ้ บ โดยเฉพาะชว่ งกำลังมดี อก 6) การใช้น้ำรดต้นไม้ควรใช้น้ำท่ีสะอาดไม่มีสารพิษเจือปน มีความเป็นกรดเป็นด่าง พอเหมาะ (pH 6.00 – 7.00) 2.4 อุณหภมู ิ (Temperature) อุณ หภูมิ ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญและจำเป็นต่อการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ดังน้ั นควรควบคุม อุณหภูมิให้เหมาะสมกับการผลิตไม้ดอกไม้ประดับแต่ละชนิด โดยเฉพาะการขยายพันธุ์ไม้ อุณหภูมิมีผลต่อการ งอกของเมลด็ 2.4.1 บทบาทและหน้าท่ีของอุณหภูมิที่มีต่อการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ซ่ึงมีผลต่อการ เจริญเตบิ โตของไม้ดอกไมป้ ระดับ มดี ังน้ี 1) พืชแตล่ ะชนดิ ต้องการอณุ หภูมิทต่ี ่างกัน 2) มีผลต่อการงอกของเมล็ดพนั ธุ์ 3) มีผลตอ่ การเคล่ือนย้ายธาตอุ าหารสูงและเคล่อื นยา้ ยเรว็ 4) มผี ลต่ออัตราการดดู ซมึ นำ้ อณุ หภมู สิ งู กวา่ 20 องศาเซลเซยี ส ดดู น้ำจะไม่ดี 5) การคายน้ำของพชื จะมากเม่ืออุณหภูมิสงู 2.4.2 ช่วงของอุณหภูมิท่ีเหมาะกับการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ เป็นช่วงท่ีเหมาะสมกับไม้ดอกไม้ ประดบั แต่ละชนิดท่ตี อ้ งการช่วงอุณหภูมิท่ตี ่างกนั แบง่ ออกไดเ้ ป็น 3 ระดับ ดงั นี้ 1) อณุ หภมู ทิ ต่ี ่ำกวา่ ชว่ งที่เหมาะสม (minmum temperture) 2) อณุ หภมู ทิ ีเ่ หมาะสมแกก่ ารเจริญเติบโตของพืช (optimum temperature) 3) อณุ หภมู ทิ สี่ ูงกวา่ ช่วงทีเ่ หมาะสม (maximum temperature) 2.5 อากาศ (Air) อากาศในที่น้ี หมายถึง ก๊าซออกซิเจน (O2) คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และไนโตรเจน (N2) ซ่ึง มผี ลต่อการเจริญเติบโตของไมด้ อกไม้ประดับ 2.5.1 บทบาทและหน้าทีข่ องอากาศทส่ี ำคัญ 1) ถ้ามใี นดินมาก อตั ราการใช้ธาตอุ าหารและน าจะก่อให้เกิดประโยชนต์ อ่ พชื มากทส่ี ุด 2) มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่น ถ้าดินขาด O2 พืชจะแสดงอาการผิดปกติ และ ตายได้ เช่น น าท่วม ดนิ ขาด O2 พชื จะรากเนา่ ใบพชื จะเหลอื งรว่ ง 3) มีประโยชน์ต่อกระบวนการสังเคราะห์แสง เช่น 6 CO2 + 12 H2O แสงสว่าง C6H12O6 + 6 H2O 4) ก๊าช CO2 มีประโยชน์ต่อการเจริญของพืช เช่น ช่วยละลายธาตุอาหารให้ออกมา เป็นประโยชน์ตอ่ พืชมากทส่ี ุด
5) มีประโยชน์ต่อจุลินทรีย์ในดิน คือ ช่วยในการตรึงก๊าช N2 ในอากาศ โดยแบคทีเรีย ต้องใชก้ ๊าช O2 ในการด ารงชพี ดงั นั้น การปลูกไมด้ อกไม้ประดบั ควรจดั โรงเรอื นใหม้ กี ารระบายอากาศดี จึงเป็นผล ใหผ้ ลผลิตออกมามคี ุณภาพ 2.6 อาหารและแรธ่ าตุ (nutrient and minerals) อาหารและแร่ธาตุ มีความสำคัญต่อการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ซ่ึงอาหารหรืออาหารพืช ได้แก่ ปยุ๋ ชนิดตา่ ง ๆ ทเี่ ราใสใ่ ห้กับพืช ส่วนแร่ธาตุเป็นองคป์ ระกอบหลักของปยุ๋ ซึ่งมรี ายละเอียด ดังต่อไปนี้ 2.6.1 ธาตุอาหารพืช (plant nutrients) หรือแร่ธาตุ คือกลุ่มธาตุที่พืชต้องการน าไปใช้เพื่อการ ด ารงชีพและการเจริญเติบโต โดยมีกระบวนการสร้างอาหารและเนื้อเย่ือพืช จนรวมไปถึงการสร้างผลผลิต ของพืช ธาตุที่เป็นองค์ประกอบของพืชอาจมีมากถึง 50 – 60 ธาตุ แต่ที่มีความจ าเป็นต่อการเจริญเติบโตของ พืชมีอยู่ 16 ธาตุ โดยจำแนกตามแหล่งทม่ี าของธาตุอาหาร แบ่งไดเ้ ปน็ 2 แหล่งใหญด่ งั น้ี (วิเชยี ร, 2546) 1) ธาตุอาหารที่ได้จากน้ำและอากาศได้แก่ คาร์บอน (C) ไฮโดรเจน (H) และออกซิเจน (O) ซึ่งธาตุท้ัง 3 นี้ เป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของพืช โดยมีสัดส่วนโดยน้ำหนักถึงร้อยละ 95 ของน้ำหนักพืชทัง หมด เพราะเป็นสัดส่วนในโครงสร้างหลักทุกชนิดของพืช ถ้าพืชได้น้ำและอากาศอย่างเพียงพอ โดยการให้น้ำและ เพม่ิ การระบายอากาศในการดำรงชวี ิต ธาตุอาหารหลักทั้ง 3 ตวั น้ีจะมอี ยูอ่ ย่างเพียงพอกับความต้องการของพชื ได้ 2) ธาตุอาหารที่พืชได้มาจากดิน คือ ธาตุอีก 13 ธาตุที่เหลือ ได้แก่ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) ก ามะถัน (S) เหล็ก(Fe) แมงกานีส (Mn) สังกะสี (Zn) ทองแดง (Cu) โบรอน (B) โมลิดินัม (Mo) คลอรีน (Cl) ปริมาณและความเหมาะสมของธาตุ อาหาร พืชเหล่านีจึงเป็นตัวก าหนดความอุดมสมบูรณ์ของดิน ดินท่ีมีความอุดมสมบูรณ์สูง หมายถึง ดินที่มี สถานภาพที่จะให้ธาตุอาหารทัง 13 ธาตุ ครบถ้วนและแต่ละธาตุมีปริมาณเพียงพอแก่ความต้องการของพืชท่ี น ามาปลูก ธาตอุ าหารกล่มุ นแี บง่ ออกเป็น 2 กลุ่มใหญค่ อื (1) ธาตุอาหารท่ีพืชต้องการปริมาณมาก (macro nutrients) ได้แก่ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรสั (P) โพแทสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) แมกนเี ซียม (Mg) ก ามะถัน (S) ซงึ่ ยังแยกออกเปน็ - ธาตุอาหารหลัก (major elements) มี 3 ธาตุ ได้แก่ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) ท่ีพืชต้องการเป็นปริมาณมากและดินโดยท่ัวไปมักจะขาด ดินท่ีมีการปลูกพืชจึง ตอ้ งมีการเพิ่มเตมิ ธาตุอาหารกลุ่มน้ีให้แกด่ ินเสมอ บางครงั จงึ เรยี กว่าธาตปุ ุ๋ย และเป็นตัวกกำหนดสูตรปุ๋ย - ธาตุ อาห ารรอ ง (minor elements) อีก 3 ธาตุ คื อแ ค ลเซีย ม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) ก ามะถัน (S) ซึ่งพืชต้องการในปริมาณมากเช่นกัน แต่ในดินทั่วไปมักจะไม่ขาด ยกเว้นดินที่มี คณุ สมบตั ิแตกต่างเฉพาะอย่าง (2) ธาตุอาหารพืชท่ีต้องการปริมาณน้อย (macro-nutrients) มีอยู่ 7 ธาตุ คือ เหล็ก (Fe) แมงกานีส (Mn) สังกะสี (Zn) ทองแดง (Cu) โบรอน (B) โมลิดินัม (Mo) คลอรีน (Cl) ธาตุเหล่านีพืช ต้องการปริมาณน้อยมาก แต่มีความจำเป็นเท่ากันขาดไม่ได้ ถ้าขาดจะแสดงอาการผิดปกติ และได้รับมาก เกนิ ไปจะเกดิ อาการเป็นพษิ ได้เช่นกัน 2.6.2 อาหารของพืช ซ่ึงหมายถึงวัสดุใด ๆ ก็ตามท่ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ธาตุอาหารแก่พืช เม่ือ ใส่ลงไปในดนิ แล้วพืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ได้แก่ ปุย๋ ชนดิ ตา่ ง ๆ ซง่ึ จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1) ปุ๋ยอินทรีย์ (organic fertillzer) เป็นปุ๋ยที่ได้จากสารอินทรีย์โดยตรง ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด และปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์มีลักษณะเด่นท่ีแตกต่างและมีความสำคัญบางประการ เช่น ลักษณะของปุ๋ยสามารถปลดปล่อยธาตุอาหารแก่ดินได้แต่มีปริมาณต่ ามากเมื่อเทียบกับปุ๋ยเคมี ดังนันถ้า ต้องการให้พืชได้รับธาตุอาหารอย่างพียงพอจากปุ๋ยอินทรีย์จ าเป็นต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นปริมาณมากจนอาจท า ไม่ได้เลย แต่ปุ๋ยอินทรีย์มีสมบัติท่ีสำคัญย่ิงคือ เป็นวัสดุปรับปรุงดินท าให้เดินร่วนซุย จับตัวเป็นโครงสร้างดินดี มีการระบายน้ำและอากาศดี ช่วยเพิ่มการดูดซับน้ำและธาตุอาหารพืชได้มาก ซึ่งลักษณะเช่นน้ีไม่มีในปุ๋ยเคมี (วเิ ชียร ฝอยพกิ ลุ ,2546) 2) ปุ๋ยอนินทรีย์ (inorganic fertillzer) หรือ ปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์ เป็นปุ๋ยหรือ วัสดุที่มาจากสารประกอบอนินทรีย์ เช่น หินและแร่ และน ามาใช้เพ่ือให้ธาตุอาหารแก่ดิน รวมทังสารอินทรีย์ สังเคราะห์บางประเภท เช่น ยูเรีย ปุ๋ยเคมีนีอาจจะแบ่งเป็น ปุ๋ยเดียว คือให้ธาตุ อาหารปุ๋ยเพียงธาตุเดียว หรือ ปุ๋ยผสมซ่ึงให้ธาตุอาหารพืชผสมกันหลายตัวก็ได้ ซ่ึงจัดแบ่งตามชนิดของธาตุอาหารท่ีมีอยู่ได้เป็น 7 ธาตุคือ (วิเชียร, 2546) - ปยุ๋ ไนโตรเจน - ปุ๋ยฟอสฟอรสั หรือฟอสเฟต - ปุ๋ยโพแทสเซียม หรอื โพแทส - ปุ๋ยกำมะถนั - ปุ๋ยแคลเซยี ม - ปยุ๋ แมกนเี ซียม - ปยุ๋ ธาตอุ าหารเสริม 2.7 ส่ิงมีชวี ิตอนื่ ๆ (Animals and bioticfactor) ส่ิงมีชีวิตทังในดินและบนดิน มีทังชนิดท่ีเป็นประโยชน์และชนิดท่ีเป็นโทษต่อการเจริญเติบโตของ ไมด้ อกไม้ประดับทส่ี ำคัญมดี งั ต่อไปน้ี 2.7.1 สิ่งมีชีวิตท่ีเป็นประโยชน์ต่อพืช มีทังท่ีมีขนาดเล็กท่ีไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า และมี ขนาดใหญ่ ซึง่ เปน็ ประโยชน์แก่พชื ทงั ทางตรงและทางอ้อม ดังน้ี 1) จุลินทรีย์ในดิน ชนิดที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ มีลักษณะเข้าท าลายศัตรูพืชในรูปของ ปรสิตแต่อยู่ในลักษณะของจุลินทรีย์ ซ่ึงมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับไส้เดือนฝอย และพวกแมลงเบียน ประกอบดว้ ยสงิ่ มชี วี ติ หลายกลุ่ม คือไวรสั แบคทเี รีย เชื้อรา และโปรโตซัว 2) ตัวห้ำและแมลงเบยี น - ตัวห้ำ เป็นส่ิงมีชีวิตท่ีอิสระ ดำรงชีพโดยการกินสิ่งที่มีชีวิตด้วยกัน สามารถกินเหย่ือ ได้จำนวนมาก ตัวห้ำพวกสัตว์ปีก เช่น นก สัตว์เลื้อยคลาน เช่น งู สัตว์คร่ึงบกครึ่งน า เช่น กบ เขียด และสัตว์ เลียงลูกด้วยนม รวมทังสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น แมลง แมงมุม แต่ตัวห้ำท่ีสำคัญที่สุดคือ พวกแมลงและ สัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง เพราะมีความเหมาะสมในการกิน และทำลายศัตรูพืช มีการขยายพันธุ์และ เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับเหย่ือ แมลงตัวห าหลายชนิด ได้แก่ ด้วงเต่าลาย มวนเพชฌฆาต แมลงช้าง ปีกใส เป็นตน้
- แมลงเบียน เป็นศัตรูธรรมชาติจำพวกแมลงมีจำนวนมาก ไม่เหมือนปรสิต ชนิดอื่น ๆ เพราะจะฆ่าหรือท าลายแมลงอาศัยในระหว่างการเจริญเติบโต ตัวเต็มวัยของแมลงเบียน ด ารงชีพโดยการกิน น าหวานจากดอกไม้ แมลงเบียนท าลายแมลงอาศัยโดยการวางไข่ และเจริญเติบโตขยายพันธ์ุ และกินอาหาร อยู่ภายในและภายนอกแมลงอาศัย จนกระทังแมลงตาย ตัวอย่างแมลงเบียนได้แก่ แตนเบียนไข่ แตนเบียน หนอน และแตนเบียนดกั แด้ - ไส้เดือนฝอย เป็นส่ิงมีชีวิตขนาดเล็กท่ีทำลายแมลงในลักษณะของปรสิต (พิมลพร, 2545) 2.7.2 สิ่งที่มีชีวิตชนิดที่เป็นโทษทำความเสียหายให้กับพืช เป็นส่ิงมีชีวิตท่ีมีขนาดเล็ก เชน่ เดียวกับทีเ่ ปน็ ประโยชน์ต่อพืช ไม่สามารถมองเห็นดว้ ยตาเปล่าและท่มี ีขนาดใหญ่ ไดแ้ ก่ 1) โรคพืชชนดิ ตา่ ง ๆ เช่น โรคเช้ือรา แบคทีเรีย ไวรสั 2) แมลงศัตรูพื ช ช นิ ดต่าง ๆ เช่น เพ ลียห อย เพ ลียแป้ ง เพ ลียไฟ ไรแดง ต๊ักแตน หนอนผีเสือ หนอนเจาะล าตน้ ดว้ งแรด ดว้ งงวงช้าง และแมลงปกี แขง็ ชนิดต่าง ๆ 3) มดแดงไฟ หนู กระรอก กระแต กดั กินเมล็ดที่เพาะ 4) หอยทากยักษ์ หอยเชอรร์ ่ี กัดกนิ ตน้ ไม้ 5) สตั วอ์ ืน่ ๆ เชน่ วัว ควาย และสนุ ัข เหยยี บย่ำและแทะเล็มใบและตน้ ไม้ สรปุ ปัจจยั ที่เก่ยี วข้องกับการเจรญิ เติบโตของไม้ดอกไมป้ ระดับ มี 2 ปจั จัยใหญ่ คอื 1. ปัจจัยทางพันธุ์กรรม คือ การถ่ายทอดลักษณะและคุณสมบัติของบรรพบุรุษหรือจากพ่อแม่สู่ ลกู หลาน 2. ปัจจยั หรอื สภาพแวดลอ้ มทมี่ ผี ลต่อการเจรญิ เติบโตของพชื มีหลายประการ คอื 2.1 ดนิ เป็นปัจจัยท่มี ีความสำคัญต่อการเจรญิ เตบิ โตของพืช เปน็ แหล่งให้ธาตุอาหารพืช และ เปน็ ทย่ี ดึ เหนย่ี วพยงุ ลำตน้ ให้ตงั อยู่ได้ 2.2 แสงสว่าง เป็นปัจจัยท่ีมีผลต่อขบวนการสังเคราะห์แสง เพื่อการเจริญเติบโตของไม้ ดอก ไม้ประดบั 2.3 น้ำ เป็นปัจจัยท่ีสำคัญต่อขบวนการต่าง ๆ ทังทางตรงและทางอ้อมของพืชหลาย ประการ แต่ที่สำคัญคือเป็นตัวทำละลายธาตุอาหาร และเป็นตัวกลางในการเคล่ือนย้ายสารท่ีได้รับจากการ สังเคราะหแ์ สงไปยังทกุ ส่วนของพชื เพอ่ื ใหพ้ ืชเจริญเติบโต 2.4 อุณหภูมิ มีบทบาทสำคัญในการขยายพันธุ์พืช มีผลต่อการงอกของเมล็ด และการ เจริญเตบิ โตของพืชซงึ่ ขึ้นอยกู่ ับชนดิ ของพืชที่มีความต้องการอุณหภมู ิต่างกันในการเจริญเติบโต 2.5 อากาศ ซ่ึงหมายถึง ก๊าซออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ และไนโตรเจน ซ่ึงมีผลต่อ การสงั เคราะหแ์ สงของพืช 2.6 อาหารและแร่ธาตุ มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับ อาหาร พืช ได้แก่ ปุ๋ยชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนของแร่ธาตุท่ีเป็นประโยชนใ์ นการเจรญิ เติบโตของพืช ธาตุอาหารที่จำเปน็ ต่อ
การเจริญเติบโตของพืชมีทังหมด 16 ธาตุได้แก่ C, H, O, N, P, K, Ca, Mg, S, Fe, Mn, Cu, Zn, Mo, Cl, B ซึ่งได้ จากน้ำและอากาศ 3 ธาตุคือ C, H, O ท่ีเหลืออีก 13 ธาตุ ได้จากดิน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ธาตุอาหาร หลัก ได้แก่ N, P, K ธาตุอาหารรองได้แก่ Ca, Mg, S ส่วนอีก 7 ธาตุ เป็นธาตุอาหารที่พืชต้องการน้อยแต่ขาด ไม่ได้ ส่วนอาหารของพืชก็คือปุ๋ยต่าง ๆ ท่ีใส่ลงไปให้พืช เพ่ือให้พืชเจริญเติบโต มี 2 ประเภทได้แก่ ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยชีวภาพ และปุ๋ยอนินทรีย์ หรือปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ซ่ึงเป็นปุ๋ยที่ ได้มาจากสารประกอบอนินทรยี ์ เชน่ หินและแร่ ได้แก่ ปุย๋ ยูเรยี ปุย๋ เคมีสตู รต่าง ๆ 2.7 สิ่งมชี ีวติ อื่น ๆ ได้แก่ สง่ิ ท่มี ีชวี ิตท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อพืช เชน่ จลุ ินทรยี ์ทเี่ ปน็ ประโยชน์ ในดิน เช่น ตัวห้ำและแมลงเบียน ไส้เดือนฝอย และส่ิงมีชีวิตที่ไม่มีประโยชน์ต่อพืช เช่น โรคพืช แมลงศัตรูพืช สัตวต์ ่าง ๆ ทก่ี ดั กินเมล็ดและสตั ว์เล้ียง เช่น สนุ ขั วัว ควาย เป็นต้น
แบบทดสอบกอ่ นเรียน - หลังเรียน วิชา ไม้ประดบั เรอ่ื งท่ี 3 ปจั จยั ทเี่ ก่ียวข้องกับการผลิตปลกู ไม้ดอกไม้ประดับ คำช้ีแจง จงทำเคร่ืองหมาย กากบาท (x) หัวขอ้ ทีถ่ ูกต้องทส่ี ุดเพยี งข้อเดียว 1. ตัวที่ควบคมุ ลักษณะการแสดงออกของไม้ดอกไม้ประดบั คือ ก. จนี ข. ดี เอน็ เอ ค. นวิ เคลียส ง. โครโมโซม 2. ดนิ ประกอบดว้ ยสง่ิ ใดมากทส่ี ุด ค. อินทรียวตั ถุ ง. อนินทรยี ว์ ัตถุ ก. น้ำ ข. อากาศ 3. คณุ ภาพน าที่เหมาะสมกบั ไมด้ อกไม้ประดับ ควรมคี วามเป็นกรดเปน็ ด่างประมาณเทา่ ใด ก. pH 5 – 6 ข. pH 5 – 8 ค. pH 6 – 7 ง. pH 7 – 8 4. ขอ้ ท่ไี มใ่ ชบ่ ทบาทและหน้าทีข่ องน าที่มตี อ่ การเจรญิ เติบโตของไม้ดอกไมป้ ระดับ ก. ช่วยรกั ษาอุณหภมู ิภายในต้นพืชให้คงท่ี ข. ทำใหส้ ีของดอกไมแ้ ละใบเขม้ ขึ้นกว่าปกติ ค. ช่วยในการเคลื่อนยา้ ยสารอาหารภายในต้นพชื ได้ดี ง. ช่วยให้เซลลข์ องพืชเตง่ ตงึ และทำใหเ้ ปลือกเมลด็ อ่อนตัวลง 5. อณุ หภูมเิ ก่ียวขอ้ งกับการงอกของเมล็ดหรือการงอกรากของพืชคือ ก. อุณหภมู สิ ูงหรอื ตา่ งไมม่ ผี ลเสยี กบั การงอกรากอย่กู ับความสมบูรณ์ของพืชนั้น ๆ ข. อุณหภมู จิ ะทำให้มคี วามช้ืนสูง ซึง่ ความช้ืนสงู จำเป็นตอ่ การงอกหรอื ออกรากของพืช ค. อณุ หภมู ิต่ำจะทำใหร้ ะบบการเคล่อื นยา้ ยของฮอร์โมนทเ่ี กีย่ วข้องกบั การเจริญเตบิ โตดี ง. อุณหภูมสิ งู จะมีผลต่อการเคลื่อนย้ายของธาตอุ าหารภายในพืชดีขน้ึ ทำใหร้ ากงอกเร็วขน้ึ 6. ไม้ดอกในขอ้ ใดท่ตี ้องเพิ่มแสงเพ่ือต้องการไม่ให้ออกดอก ก. มะลิ ข. กุหลาบ ค. ดาวเรอื ง ง. เบญจมาศ 7. ชว่ งแสงมผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพืชในขอ้ ใด ก. สีของพชื ข. การหายใจ ค. การออกดอก ง. การดดู อาหาร
8. แมลงเบยี นท่เี ปน็ ศตั รธู รรมชาติ ก. เพลียออ่ น ข. ด้วงกหุ ลาบ ค. มวนเพชฌฆาต ง. หนอนเจาะลำตน้ 9. ธาตุอาหารหลกั ในการเจริญเติบโตของพืชคอื ก. ไฮโดรเจน ฟอสฟอรสั แคลเซยี ม ข. ไฮโดรเจน โพแทสเซยี ม ฟอสฟอรัส ค. ไนโตรเจน แคลเซยี ม โพแทสเซยี ม ง. ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั โพแทสเซยี ม 10. ขอ้ ทไี่ ม่มีผลต่อการเพม่ิ แสงและการลดแสง ก. กระบวนการสังเคราะห์แสง ข. ควบคมุ การออกดอกของพืช ค. การเพิ่มความหวานของไมผ้ ล ง. ชว่ ยยับยังการถูกทำลายของคลอโรฟลิ ล์
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: