Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เคมีของน้ำหอม

เคมีของน้ำหอม

Published by 945sce00473, 2021-08-01 04:21:20

Description: เคมีของน้ำหอม

Search

Read the Text Version

เ ค มี ของ น้ำ ห อ ม

ควำมเป็นมำของนำ้ หอม • มนุษยร์ ูจ้ ักวธิ กี ำรชโลมรำ่ งกำยด้วยกลิ่นหอมมำกวำ่ พนั ปี แล้ว โดยผคู้ ิดค้นน้ำหอมรำยแรกของโลกเป็นหญงิ ผ้ดู แู ลใน พระรำชวังใน • ยุคบำบิโลนเมโสโปเตเมียหรอื รำว 1,200 ปกี ่อนครสิ ตกำล และจำกจดุ เรม่ิ ต้นของประวตั ิศำสตรท์ ่ีถูกบนั ทึกไวน้ ้ัน

• เคยสงสัยหรอื ไม่วำ่ มีอะไรที่อยู่ เบอื้ งหลังควำมน่ำสนใจของ ของเหลวใสซึง่ บรรจอุ ยู่ภำยใน ขวดแก้วรูปทรงต่ำง ๆ ท่ีนักเคมี จำนวนมำกต่ำงคิดค้นเพื่อให้ได้ กลิ่นท่ีต้องกำร

• โดยท่ัวไปแล้วกล่ินจะประกอบไปด้วยโมเลกุลท่ี กระต้นุ กำรรบั กล่ินผ่ำนตัวรบั ภำยในจมกู กล่ิน ของนำ้ หอมก็เชน่ กัน นำ้ หอมบำงชนิดสังเครำะห์ ได้จำกวสั ดุทำงธรรมชำติ ในขณะบำงชนิด สงั เครำะหข์ ้ึนจำกสำรต้ังต้นในหอ้ งปฏิบตั ิกำร ซงึ่ สำรทน่ี ำมำใชเ้ พ่อื ทำน้ำหอมน้ันสำมำรถ นำไปใช้กับผิวหนัง เส้ือผำ้ หรอื แมก้ ระทง่ั ใชเ้ ป็น สว่ นผสมในนำ้ ยำทำควำมสะอำด เครอ่ื งสำอำง รวมถึงสเปรยป์ รบั อำกำศได้ ท้งั น้ีจำกควำม แตกต่ำงของอุณหภูมิ กล่ินตัว และเคมีใน รำ่ งกำย (Body Chemistry) ของแต่ละบุคคล ทำใหน้ ้ำหอมให้กล่ินเฉพำะตัวที่แตกต่ำงกัน ออกไป

นำ้ หอม (Perfume) • เปน็ สำรละลำยท่มี สี ่วนผสมของนำ้ มนั หอมระเหย สำรประกอบทใ่ี หก้ ล่ินหอม แอลกอฮอล์ และน้ำ • โดยเอเวอร่ี กิลเบริ ต์ นักจิตวิทยำด้ำน ประสำทสมั ผัสท่ำนหน่ึงซึ่งเปน็ ท่ี ปรกึ ษำในอุตสำหกรรมน้ำหอมกล่ำววำ่ กลิ่นจะต้องเป็นโมเลกุลขนำดเล็กที่เบำ พอท่จี ะลอยอยู่ในอำกำศได้ ทัง้ น้ีเซลล์ ทม่ี คี วำมสำคัญในกำรรบั รูก้ ล่ินก็คือ เซลล์ประสำทรบั กลิ่นทอ่ี ยูภ่ ำยในจมกู

• เม่ืออำกำศไหลผ่ำนจมูก โมเลกุลของกลิ่นจะกระทบเขำ้ กับเซลล์ประสำทรบั กล่ิน (Olfactory receptor cell) ทแี่ ทรกอยูใ่ นเยื่อบุผิวบรเิ วณโพรงจมูกด้ำนบน โดย เซลล์ประสำทรบั กล่ินนั้นจะมเี ซลล์ประสำทรบั กลิ่นทม่ี ี ลักษณะเป็นขน (Ciliated sensory neurons) ซ่ึงคอย จับกับโมเลกลุ ของกล่ินท่ผี ่ำนเข้ำมำทำงรูจมูก และเม่ือ มีกำรจับกันระหวำ่ งโมเลกุลของกล่ินและเซลล์ขนแล้ว จะเกิดกำรกระต้นุ กำรเปล่ียนแปลงควำมต่ำง ศักยไ์ ฟฟำ้ ขึน้ ภำยในเซลล์ประสำทรบั กล่ิน เพ่ือสง่ ต่อ กระแสประสำทไปยังสมองให้แปลผลของกล่ินทไ่ี ด้รบั

• ในควำมเป็นจรงิ แล้ว น้ำหอม ถกู ออกแบบมำเพอื่ ให้มกี ลิ่น 3 สว่ น โดยในแต่ละสว่ นจะ ค่อยๆ แสดงกล่ินออกมำใน เวลำที่แตกต่ำงกัน ทง้ั นี้ใน วงกำรอุตสำหกรรมน้ำหอมมี คำศพั ท์ทใี่ ชเ้ รยี กกล่ินที่ ผสมผสำนกันว่ำ “note” ซง่ึ กำรรวมกันของกลิ่นอยำ่ งลง ตัวนั้นนำไปสคู่ วำมเปน็ เอกลักษณ์เฉพำะตัว

• ผู้ใช้จะได้กลิ่นของ Top notes ในช่วง 15 นำทแี รกหลังกำรใช้น้ำหอม โมเลกุลของกล่ินในสว่ นน้ีจะระเหยและ จำงหำยไปอยำ่ งรวดเรว็ นักออกแบบ นำ้ หอมจึงมักใช้กลิ่นท่ีโดดเด่นเพื่อ ดึงดดู ควำมสนใจ จำกน้ันส่วนของ กล่ิน Heart notes จะแสดงตัวออกมำ และอยูไ่ ด้นำนประมำณ 3-4 ช่ัวโมง โดยกลิ่นในส่วนน้ีจะเป็นกลิ่นนำ้ หอม หลักทีท่ ำให้ผู้ได้รบั กลิ่นจดจำกลิ่นได้ และกลิ่นในส่วนสดุ ท้ำยคือ Base notes จะเปน็ กลิ่นทชี่ ่วยสนับสนุนกล่ิน ของนำ้ หอมทั้งหมด มักจะเป็น สำรประกอบของโมเลกลุ ทรี่ ะเหยได้ช้ำ จึงทำให้กลิ่นคงอยูไ่ ด้ตลอดท้ังวนั

• นี่เป็นตัวอย่ำงคณุ สมบัติของโมเลกลุ ทจี่ ะชว่ ยเพิ่มควำมเขำ้ ใจมำกขน้ึ ในกำรระเหยของกล่ินนำ้ หอมทั้ง 3 สว่ น อย่ำงไรก็ดีกำรระเหย (Evaporation) เป็นกระบวนกำรทขี่ องเหลวเปลี่ยนสภำพกลำยเป็นแก๊ส โดยมี ปัจจัยในเรอ่ื งของแรงระหว่ำงโมเลกุล (Intermolecular forces) เป็นหน่ึงในปัจจัยสำคัญท่มี ีผลต่อ กระบวนกำร ทั้งนี้โมเลกุลทมี่ แี รงยึดเหนี่ยวกันมำกก็ยง่ิ กลำยเปน็ โมเลกลุ ขนำดใหญ่ทร่ี ะเหยได้ช้ำลง และ เป็นเหตุผลให้กลิ่นของน้ำหอมเปล่ียนแปลงไปในระหว่ำงวัน

• นอกจำกนี้ หำกลองสงั เกตขวดนำ้ หอมจะเห็นวลี ภำษำฝรงั่ เศสซงึ่ แสดงระดับควำมเขม้ ข้นของนำ้ หอม ท่ีแตกต่ำงกัน โดยควำมเข้มข้นของน้ำหอมนี้จะ แสดงถึงควำมคงทนของกลิ่นหอม สำมำรถแบง่ ได้ 3 ระดับ • eau de parfum เป็นนำ้ หอมท่ีมีสว่ นผสมของนำ้ มนั หอมประมำณ 15-20 เปอรเ์ ซน็ ต์ กลิ่นติดทนนำนได้ 4-5 ชวั่ โมง • eau de toilette เป็นน้ำหอมทีม่ สี ่วนผสมของน้ำมนั หอมประมำณ 5-15 เปอรเ์ ซน็ ต์ กล่ินติดทนนำนได้ 2- 3 ชวั่ โมง • eau de cologne เป็นน้ำหอมท่มี ีส่วนผสมของน้ำมัน หอมประมำณ 2-4 เปอรเ์ ซน็ ต์ กล่ินติดทนนำนได้ 1-2 ช่ัวโมง

โดยทว่ั ไป อำจแบง่ ควำมเขม้ ขน้ ของนำ้ หอม ไดด้ ังน้ี

น้ำหอมยังสำมำรถแบง่ ประเภท ตำมลักษณะของโทนกลิ่นได้ดังนี้ • Floral เปน็ กลิ่นดอกไม้ • Fruity เปน็ กล่ินของผลไม้ รวมทั้งกล่ินของพืชตระกูลส้ม (citrus) • Green เปน็ กลิ่นที่ให้ควำมสดช่ืน ของทุ่งหญ้ำและใบไมส้ เี ขยี ว • Herbaceous เปน็ กลิ่นของ สมนุ ไพรหอมหลำกหลำยชนิด • Woody เปน็ กล่ินไอธรรมชำติ และแมกไม้นำนำพรรณ

• Amber เปน็ กลิ่นท่ีคล้ำยกับ กล่ินของอำพัน • Animalic เปน็ กล่ินที่มี ลักษณะคล้ำยกับกลิ่นตัวหรอื กล่ินเน้ือหนังของมนุษย์ • Musk เป็นกลิ่นของสำรต้ังต้น ทไี่ ด้จำกสัตวจ์ ำพวกชะมด • Oriental เปน็ กล่ินของอำพัน และเครอื่ งเทศต่ำงๆ

• ส่วนผสมหลักของน้ำหอมคือ นำ้ มันหอม ระเหย แอลกอฮอล์ และน้ำ สำหรบั ส่วนผสมอย่ำงแอลกอฮอล์และนำ้ กลั่น (Distilled water) น้ันถกู นำมำใช้เปน็ ตัว ทำละลำยในกำรเจือจำงน้ำมนั หอม เพ่ือให้ นำ้ หอมมีจดุ แขง็ ของกลิ่นทแ่ี ตกต่ำงกัน ซึ่ง แอลกอฮอล์ที่นิยมใช้มำกท่สี ดุ คือ Ethyl alcohol (C2H5OH) ในขณะที่นำ้ มันหอม (Perfume oil) มีท้งั น้ำมนั หอมระเหยที่ ได้มำจำกธรรมชำติ (Essential oils) และ น้ำมนั หอมทีส่ ังเครำะห์ได้จำกสำรเคมใี น ห้องปฏิบตั ิกำร (Synthetic oil)

• ทงั้ น้ีสว่ นใหญแ่ ล้ว นำ้ หอมท่ถี ูกผลิตขึ้น ในปัจจุบนั จะเป็นผลิตภัณฑท์ ่มี ี สว่ นผสมของสำรสงั เครำะห์มำกกวำ่ เน่ืองด้วยมกี ำรควบคุมคณุ ภำพและ กระบวนกำรผลิตที่ดี อีกทง้ั ผลิตภัณฑท์ ี่ ได้จำกธรรมชำติอำจทำซำ้ ได้ยำก ดังนั้นจึงเป็นเรอื่ งงำ่ ยกวำ่ ทีจ่ ะ เลียนแบบกลิ่นหอมจำกธรรมชำติด้วย สำรทส่ี งั เครำะห์ขนึ้ มำ

• สำรประกอบของกล่ินหอมท่ีพบได้ในธรรมชำติเชน่ อัลดีไฮน์และคีโตน เปน็ สำรประกอบอินทรยี ์ทมี่ ีออกซิเจนเปน็ องค์ประกอบ โมเลกลุ เหล่ำนี้มนี ำ้ หนักเบำและ มคี ณุ สมบตั ิเปน็ ตัวทำละลำยที่ดี จึงถกู นำมำใช้เปน็ ต้นแบบของสำรสังเครำะหท์ ่เี ปน็ สว่ นผสมในนำ้ หอม เชน่ ซินนำมำลดีไฮด์ (Cinnamaldehyde) ในอบเชย วะนิลีน (Vanillin) ทใี่ ห้กลิ่นวำนิลลำ เปน็ ต้น

• เอสเทอร์ (Esters) ก็เปน็ หนึ่งใน สำรประกอบใหก้ ล่ินหอมทีพ่ บได้ใน ดอกไมแ้ ละผลไมต้ ่ำงๆ และถูกนำมำใช้ ประโยชน์ในอุตสำหกรรมนำ้ หอม เชน่ เดียวกัน โดยนักเคมจี ะสงั เครำะห์ เอสเทอรด์ ้วยปฏิกิรยิ ำเอสเทอรฟิ เิ คชนั (Esterification) ซ่งึ เป็นปฏิกิรยิ ำท่ี เตรยี มได้ระหวำ่ งแอลกอฮอรก์ ับกรด อินทรยี ์ และมกี รดซลั ฟวิ รกิ (H2SO4) เป็นตัวเรง่ ปฏิกิรยิ ำ และนี่คือสมกำร เคมที ัว่ ไปของปฏิกิรยิ ำ

• ตัวอย่ำงของปฏิกิรยิ ำ โดย Methyl butanoate น้ันให้กล่ิน คล้ำยกลิ่นของผลไม้อย่ำงแอปเป้ ิล

อยำ่ งไรก็ดี สำรสังเครำะห์บำงตัวที่ถกู ใช้เปน็ ส่วนผสมในนำ้ หอมอำจก่อใหเ้ กิดอันตรำย ต่อรำ่ งกำยได้ เช่น • พำรำเบน (Paraben) เปน็ สำรกันเสยี ทน่ี ิยมใช้กัน อย่ำงแพรห่ ลำยในอุตสำหกรรมยำและเครอ่ื งสำอำง ทัง้ น้ีสำรดังกล่ำวได้รบั กำรรบั รองจำกกระทรวง สำธำรณสขุ และมีปรมิ ำณกำหนดในกำรเป็นสว่ นผสม ในผลิตภัณฑต์ ่ำงๆ อย่ำงไรก็ดี จำกผลกำรศกึ ษำพบวำ่ สำรตัวน้ีรบกวนกำรผลิตและกำรหลั่งฮอรโ์ มนใน รำ่ งกำยของมนุษย์ • พำทำเลต (Pthalate) เปน็ สำรเคมีทนี่ ิยมใชอ้ ยำ่ ง แพรห่ ลำยในผลิตภัณฑบ์ ำรุงผวิ เช่น โลชั่น สบู่ นอกจำกน้ียงั เปน็ สว่ นผสมในนำ้ หอม โดยสำรตัวนี้อำจ ก่อใหเ้ กิดผลกระทบด้ำนสขุ ภำพที่เปน็ อันตรำย เช่น ควำมเสยี หำยต่อตับและไต ปรมิ ำณอสจุ ิทล่ี ดลง พัฒนำกำรในวยั แรกแยม้ ของเด็กสำว รวมทง้ั ยังเปน็ สำรก่อมะเรง็ ในมนุษย์อีกด้วย • มสั กส์ งั เครำะห์ (Synthetic Musks) เป็นสำร สงั เครำะหท์ นี่ ิยมใชใ้ นนำ้ หอม และเป็นหน่ึงในสำร อันตรำยต่อรำ่ งกำย โดยมีสว่ นเกี่ยวขอ้ งกบั กำรทำลำย ระบบกำรทำงำนของเซลล์และฮอรโ์ มน

• อุตสำหกรรมน้ำหอมเป็นอุตสำหกรรมขนำด ใหญท่ กี่ ำลังเติบโต นักเคมีต่ำงพยำยำมพัฒนำ สตู รใหม่ ๆ อย่ำงต่อเนื่องเพื่อให้ได้นำ้ หอมที่มี กล่ินท่ีเป็นทีต่ ้องกำรของตลำดด้ำนกล่ินหอม ส่งิ สำคัญทค่ี วรตระหนักถึงคือ คนส่วนใหญใ่ ช้ นำ้ หอมในกล่ินทตี่ ัวเองชน่ื ชอบเป็นประจำใน ชวี ติ ประจำวัน แต่ไม่ได้ทรำบถึงกระบวนได้มำ ของของเหลวใสเหล่ำน้ัน ซ่ึงแน่นอนว่ำ วธิ ใี น กำรผลิตน้ำหอมไมไ่ ด้ดูน่ำสนใจและจำเปน็ ต้อง ทรำบ ถึงแม้ว่ำสว่ นผสมและสำรเคมีทใ่ี สเ่ ขำ้ ไป ในนำ้ หอมจะมคี วำมสำคัญและอำจส่งกระทบ ต่อผ้บู รโิ ภคได้ ดังนั้นก่อนจะเลือกใชน้ ำ้ หอม หรอื เครอื่ งหอมต่ำงๆ ควรคำนึงถึงควำม ปลอดภัยของตนเองเป็นหลักด้วย

แหล่งทม่ี า • Tapputi. Retrieved January 26, 2018, from https://en.wikipedia.org/wiki/Tapputi • SUSAN L. NASR. How Perfume Works. Retrieved January 26, 2018, from https://science.howstuffworks.com/perfume.htm • Science Smells. Retrieved January 26, 2018, from http://www.bbc.co.uk/schools/gcsebitesize/science/ocr_gateway/carbon_chemistry/smellsrev1.shtml • Jenna Eaton. The Chemistry of Perfume. Retrieved January 26, 2018, from http://www.chemistryislife.com/the-chemistry-of-perfume • A Guide to Perfume Types. Retrieved January 26, 2018, from https://www.perfume.com/article-a-guide-to-perfume-types • Anne. Essentials of Fragrance Chemistry. Retrieved January 26, 2018, from https://bcachemistry.wordpress.com/tag/perfume/ • Brendan D'mello .Science Of Scent: How Do Perfumes Work? Retrieved January 26, 2018, from https://www.scienceabc.com/innovation/fascinating-theory- explaining-science-scent.html • Tanner Petty. (2014, 15 May). The Chemistry of Perfume. Retrieved January 26, 2018, from https://prezi.com/jvngrwmjp-5r/the-chemistry-of-perfume/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook