Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ

หน่วยที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ

Published by vatinee242530, 2020-11-29 02:12:30

Description: หน่วยที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 1 ความรูเ้ บ้ืองตน้ เกี่ยวกบั การจดั ทาโครงการ โครงงาน

โครงงาน  โครงงานหมายถึง กิจกรรมทเ่ี ปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดศ้ กึ ษา คน้ ควา้ และลงมอื ปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเองตามความสามารถ ความถนดั และความสนใจ โดยอาศยั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ หรอื กระบวนการอน่ื ใดไปใชใ้ นการศึกษาหาคาตอบใน เรอื่ งนนั้ ๆ โดยมีครูผสู้ อนคอยกระตนุ้ แนะนาและใหค้ าปรึกษาแก่ผเู้ รยี นอยา่ งใกลช้ ดิ ตง้ั แตก่ ารเลือกหวั ขอ้ ทจ่ี ะศึกษา คน้ ควา้ ดาเนินการ วางแผน กาหนดขน้ั ตอนการ ดาเนินงาน โดยทวั่ ๆ ไป การทาโครงงานสามารถทาไดท้ กุ ระดบั การศกึ ษา ซง่ึ อาจทา เป็นรายบุคคลหรอื เป็นกลุม่ ก็ได้ ทง้ั น้ีข้ึนอยกู่ บั ลกั ษณะของโครงงาน อาจเป็นโครงงาน เล็กๆ ทไี่ มย่ ุง่ ยากซบั ซอ้ นหรอื เป็นโครงงานใหญท่ มี่ ีความยากและซบั ซอ้ นข้ึนก็ได้

๑. ประเภทของโครงงาน  โครงงานสามารถแบ่งตามลกั ษณะของกิจกรรมได้ ๔ ประเภท ดงั น้ี  ๑.๑ โครงงานประเภทสารวจ  โครงงานประเภทสารวจ เป็นโครงงานประเภทเก็บรวบรวมขอ้ มูลเพ่อื หาสาเหตุของปัญหาหรอื สารวจความคดิ เห็น ขอ้ มลู ที่ รวบรวมไดบ้ างอยา่ งอาจเป็นปัญหาทนี่ าไปสกู่ ารทดลองหรอื คน้ พบสาเหตุของปัญหาทต่ี อ้ งหาวธิ แี กไ้ ขปรบั ปรุงรว่ มกนั เชน่ โครงงาน การสารวจคาทม่ี กั เขียนผดิ โครงงานสารวจการใชค้ าคะนองในหนงั สอื พมิ พ์ เป็นตน้  ๑.๒ โครงงานประเภทการทดลอง  โครงงานประเภทการทดลอง เป็นโครงงานทตี่ อ้ งออกแบบทดลอง เพือ่ การศกึ ษาผลการทดลองวา่ เป็นไปตามทตี่ ง้ั สมมตฐิ าน ไวห้ รอื ไม่ โครงงานประเภทน้ีตอ้ งสรุปความรหู้ รอื ผลการทดลองเป็นหลกั การหรอื แนวทางการปฏบิ ตั ไิ ว้ เชน่ โครงงานการทดลองยา กนั ยุงจากพืชสมุนไพร โครงงานการทดลองปลกู พืชสวนครวั โดยใชป้ ๋ ุยวทิ ยาศาสตร์ เป็นตน้

๑. ประเภทของโครงงาน  โครงงานสามารถแบง่ ตามลกั ษณะของกจิ กรรมได้ ๔ ประเภท ดงั น้ี  ๑.๓ โครงงานประเภทสงิ่ ประดษิ ฐ์  โครงงานประเภทสงิ่ ประดษิ ฐ์ เป็ นโครงงานทป่ี ระยุกตห์ ลกั การทางวทิ ยาศาสตรเ์ ขา้ สูก่ ระบวนการปฏิบตั ิ โดยอาศยั เครอ่ื งมอื วสั ดุ อุปกรณ์ เพื่อประดษิ ฐช์ ้นิ งานใหม่ อาจเป็นของใช้ เครอ่ื งประดบั จากวสั ดเุ หลอื ใช้ หรอื นาวสั ดทุ อ้ งถิ่นทมี่ ีมากมายมาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ เชน่ โครงงานการ ประดษิ ฐเ์ ครอื่ งจกั สานจากผกั ตบชวา โครงงานการประดษิ ฐเ์ ครอื่ งชว่ ยสอนวชิ าภาษาองั กฤษ เป็นตน้  ๑.๔ โครงงานประเภททฤษฎี  โครงงานประเภททฤษฎี เป็ นโครงงานทมี่ ลี กั ษณะเป็ นการหาความรูใ้ หม่ โดยการรวบรวมขอ้ มูลและนามาวเิ คราะหจ์ ากสถิตแิ ลว้ อภิปราย หรอื เป็ นโครงงานทศ่ี กึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู ทเี่ กดิ จากขอ้ สงสยั อาจเป็ นการนาบทเรยี นมาขยายเพ่ือศกึ ษาขอ้ มลู เพิ่มเตมิ ใหไ้ ดค้ วามรูใ้ นแง่มุมทก่ี วา้ งและ ลกึ กวา่ เดมิ เชน่ โครงงานการศกึ ษาคาซอ้ นในวรรณคดรี อ้ ยแกว้ โครงงานการศกึ ษาขอ้ คดิ จากเรอ่ื งพระมโหสถชาดก เป็นตน้

๒. ขน้ั ตอนการทาโครงงาน  การทาโครงงานมขี นั้ ตอนการปฏิบตั ิ ดงั น้ี  ๒.๑ การคดิ และการเลอื กหวั เรอ่ื ง ผเู้ รยี นจะตอ้ งคดิ และเลอื กหวั เรอื่ งของ โครงงานดว้ ยตนเองวา่ อยากจะศึกษาอะไร ทาไมจงึ อยากศกึ ษา หวั เรอื่ งของโครงงานมกั จะ ไดม้ าจากปัญหา คาถามหรอื ความอยากรูอ้ ยากเห็นเก่ยี วกบั เรอ่ื งตา่ งๆ ของผเู้ รยี นเอง หวั เรอื่ งของโครงงานควรเฉพาะเจาะจงและชดั เจน เมื่อใครไดอ้ า่ นชอ่ื เรอ่ื งแลว้ ควรเขา้ ใจและรูเ้ รอ่ื ง วา่ โครงงานน้ีทาจากอะไร การกาหนดหวั เรอ่ื งของโครงงานนน้ั มีแหลง่ ทจี่ ะชว่ ยกระตุน้ ใหเ้ กิด ความคดิ และความสนใจหลายแหล่งดว้ ยกนั เชน่ จากการอา่ นหนงั สอื เอกสาร บทความ การเยี่ยมชมสถานทตี่ า่ งๆ การฟังบรรยายทางวชิ าการ การเขา้ ชมนิทรรศการหรอื งาน ประกวดโครงงานทางวทิ ยาศาสตร์ การสนทนากบั บุคคลตา่ งๆ หรอื จาการสงั เกต ปรากฏการณต์ า่ งๆ รอบตวั เป็นตน้ นอกจากน้ี ควรคานึงถึงประเดน็ ตอ่ ไปน้ี

๒. ขน้ั ตอนการทาโครงงาน  - ความเหมาะสมของระดบั ความรู้ ความสามารถของผเู้ รยี น  - วสั ดุ อปุ กรณ์ ทใ่ี ช้  - งบประมาณ  - ระยะเวลา  - ความปลอดภยั  - แหลง่ ความรู้

๒. ขนั้ ตอนการทาโครงงาน  ๒.๒ การวางแผน  การวางแผนการทาโครงงาน จะรวมถึงการเขียนเคา้ โครงของโครงงาน ซงึ่ ตอ้ งมีการวางแผนไวล้ ่วงหนา้ เพื่อใหก้ ารดาเนินการเป็นไปอยา่ งรดั กมุ และรอบคอบ ไม่ สบั สน แลว้ นาเสนอตอ่ ผสู้ อนหรอื ครูทปี่ รกึ ษาเพื่อขอความเห็นชอบกอ่ นดาเนินการขน้ั ตอ่ ไป การเขียนเคา้ โครงของโครงงาน โดยทวั่ ไป เขียนเพ่ือแสดงแนวคดิ แผนงาน และ ขนั้ ตอนการทาโครงงาน ซงึ่ ควรประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี  ๑) ช่ือโครงงาน ควรเป็นขอ้ ความทกี่ ะทดั รดั ชดั เจน สอื่ ความหมายไดต้ รง  ๒) ช่อื ผทู้ าโครงงาน  ๓) ช่ือทปี่ รกึ ษาโครงงาน  ๔) หลกั การและเหตผุ ลของโครงงาน เป็นการอธิบายวา่ เหตุใดจงึ เลือกทาโครงงานเรื่องน้ี มีความสาคญั อยา่ งไร มีหลกั การหรือทฤษฎอี ะไรทเี่ ก่ยี วขอ้ ง เรอ่ื งทที่ า เป็นเรอื่ งใหม่หรือมีผอู้ น่ื ไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ เรอ่ื งน้ีไวบ้ า้ งแลว้ ถา้ มีไดผ้ ลอยา่ งไร เรอ่ื งทท่ี าไดข้ ยายเพิ่มเติม ปรบั ปรุงจากเรือ่ งทผี่ ูอ้ ืน่ ทาไวอ้ ยา่ งไร หรือเป็นการทาซา้ เพ่ือตรวจสอบ ผล

๒. ขน้ั ตอนการทาโครงงาน  ๕) จดุ มุ่งหมายหรอื วตั ถุประสงคค์ วรมีความเฉพาะเจาะจง และสามารถวดั ได้ เป็ นการบอกขอบเขตของงานทจี่ ะทาไดช้ ดั เจนข้ึน  ๖) สมมตฐิ านของการศกึ ษาคน้ ควา้ (ถา้ มี) สมมตฐิ านเป็ นคาตอบหรอื คาอธบิ ายทค่ี าดไวล้ ่วงหนา้ ซงึ่ อาจจะถกู หรอื ไมก่ ็ได้ การ เขยี นสมมตฐิ านควรมเี หตุมีผลมีทฤษฎหี รอื หลกั การรองรบั และทส่ี าคญั คอื เป็ นขอ้ ความทม่ี องเหน็ แนวทางในการดาเนินการทดสอบได้ นอกจากน้ีควรมคี วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปรอสิ ระและตวั แปรตามดว้ ย  ๗) วธิ ดี าเนินงานและขนั้ ตอนการดาเนินงาน จะตอ้ งอธบิ ายวา่ จะออกแบบการทดลองอะไรอยา่ งไร จะเก็บขอ้ มลู อะไรบา้ งรวมทงั้ ระบุ วสั ดอุ ุปกรณท์ จ่ี าเป็ นตอ้ งใช้ มอี ะไรบา้ ง  ๘) แผนปฏิบตั งิ าน อธิบายเก่ยี วกบั กาหนดเวลาตง้ั แตเ่ รม่ิ ตน้ จนเสร็จส้นิ การดาเนินงานในแตล่ ะขน้ั ตอน  ๙) ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั  ๑๐) เอกสารอา้ งองิ

๒. ขนั้ ตอนการทาโครงงาน  ๒.๓ การดาเนินงาน เม่อื ทป่ี รกึ ษาโครงงานใหค้ วามเหน็ ชอบเคา้ โครงของ โครงงานแลว้ ตอ่ ไปก็เป็นขนั้ ลงมอื ปฏิบตั งิ านตามขนั้ ตอนทรี่ ะบุไว้ ผเู้ รยี นตอ้ งพยายาม ทาตามแผนงานทว่ี างไว้ เตรยี มวสั ดุอุปกรณแ์ ละสถานทใี่ หพ้ รอ้ มปฏิบตั งิ านดว้ ยความ ละเอยี ดรอบคอบ คานึงถึงความประหยดั และปลอดภยั ในการทางาน ตลอดจนการ บนั ทกึ ขอ้ มูลตา่ งๆ วา่ ไดท้ าอะไรไปบา้ ง ไดผ้ ลอยา่ งไร มปี ัญหาและขอ้ คดิ เห็นอยา่ งไร พยายามบนั ทกึ ใหเ้ ป็นระเบียบและครบถว้ น

๒. ขน้ั ตอนการทาโครงงาน  ๒.๔ การเขยี นรายงาน  การเขียนรายงานเก่ียวกบั โครงงาน เป็นวธิ ีสอื่ ความหมายวธิ หี นึ่งทจ่ี ะให้ ผอู้ น่ื ไดเ้ ขา้ ใจถึงแนวคดิ วธิ กี ารดาเนินงาน ผลทไ่ี ด้ ตลอดจนขอ้ สรุปและขอ้ เสนอแนะ ตา่ งๆ ทเ่ี กี่ยวกบั โครงงานนน้ั การเขียนโครงงานควรใชภ้ าษาทอี่ า่ นแลว้ เขา้ ใจง่าย ชดั เจนและครอบคลุมประเด็นสาคญั ๆ ทงั้ หมดของโครงงาน

๒. ขน้ั ตอนการทาโครงงาน  ๒.๕ การนาเสนอผลงาน  การนาเสนอผลงาน เป็นขนั้ ตอนสุดทา้ ยของการทาโครงงานและเขา้ ใจถึง ผลงานนน้ั การนาเสนอผลงานอาจทาไดห้ ลายรูปแบบ ข้ึนอยกู่ บั ความเหมาะสมตอ่ ประเภทของโครงงาน เน้ือหา เวลา ระดบั ของผเู้ รยี น เชน่ การแสดงบทบาทสมมติ การเลา่ เรอ่ื ง การเขยี นรายงาน สถานการณจ์ าลอง การสาธิต การจดั นิทรรศการ ซงึ่ อาจมที งั้ การจดั แสดงและการอธิบายดว้ ยคาพูด หรอื การรายงานปากเปลา่ การ บรรยาย สง่ิ สาคญั คอื พยายามทาใหก้ ารแสดงผลงานนนั้ ดงึ ดดู ความสนใจของผชู้ ม มี ความชดั เจน เขา้ ใจง่าย และมคี วามถูกตอ้ งของเน้ือหา

๓. การเขียนรายงานโครงงาน  ๑. สว่ นปกและสว่ นตน้ สว่ นปกและสว่ นตน้ ประกอบดว้ ย  ๑) ชอื่ โครงงาน  ๒) ชอ่ื ผทู้ าโครงงาน ชน้ั โรงเรยี น และวนั เดอื นปีทจี่ ดั ทา  ๓) ชอื่ อาจารยท์ ป่ี รึกษา  ๔) คานา  ๕) สารบญั  ๖) สารบญั ตาราง หรือภาพประกอบ (ถา้ มี)  ๗) บทคดั ยอ่ สน้ั ๆ ทบ่ี อกเคา้ โครงอยา่ งยอ่ ๆ ซงึ่ ประกอบดว้ ย เรือ่ ง วตั ถุประสงค์ วธิ กี ารศึกษา ระยะเวลา และสรุปผล  ๘) กิตตกิ รรมประกาศ เพื่อแสดงความขอบคณุ บุคคล หรือหนว่ ยงานทใ่ี หค้ วามชว่ ยเหลือหรอื มสี ว่ นเกี่ยวขอ้ ง

๓. การเขยี นรายงานโครงงาน  ๒. สว่ นเน้ือเรอ่ื ง  สว่ นเน้ือเรอ่ื ง ประกอบดว้ ย  ๑) บทนา บอกความเป็นมา ความสาคญั ของโครงงาน บอกเหตผุ ล หรอื เหตุจงู ใจ ในการเลอื กหวั ขอ้ โครงงาน  ๒) วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน  ๓) สมมตฐิ านของการศึกษาคน้ ควา้  ๔) การดาเนินงาน อาจเขยี นเป็นตาราง แผนผงั โครงงานเพื่อใหก้ ารดาเนินงาน เป็นไปตามหวั ขอ้ เรอ่ื ง ตรงตามวตั ถุประสงคข์ องโครงงาน และพิสจู นค์ าตอบ (สมมตฐิ าน) ตาม ประเด็นทก่ี าหนด ดงั ตวั อยา่ งการเขยี นแผนผงั โครงงานตอ่ ไปน้ี

๓. การเขยี นรายงานโครงงาน  ในแผนผงั โครงงานทาใหเ้ หน็ ระบบการทางานอยา่ งมเี ป้ าหมาย มีการวางแผนการทางาน จะเห็นไดว้ า่ สง่ิ ทตี่ อ้ งการทราบ คอื หวั ขอ้ ยอ่ ย หรอื คาถามยอ่ ยของหวั ขอ้ โครงงาน ถา้ มมี าก ๑ ขอ้ ก็จะเรียงลาดบั ทลี ะหวั ขอ้ พรอ้ มทง้ั บอกสมมตฐิ าน วธิ ศี กึ ษา และแหลง่ ศึกษาคน้ ควา้ ตามแผนผงั ใหค้ รบทุกขอ้ สงิ่ ทต่ี อ้ งการทราบ สมมตฐิ าน วธิ ีการศกึ ษา แหลง่ ศึกษา/แหลง่ ขอ้ มลู หวั ขอ้ ยอ่ ยจากหวั ขอ้ เร่อื ง ของโครงงานทตี่ อ้ งการหาคาตอบ การตอบคาถามลว่ งหนา้ คน้ ควา้ สอบถาม สมั ภาษณ์ สงั เกต ศกึ ษาโดยการดู-ฟัง จากสอ่ื ชนิดตา่ งๆ - เอกสาร หนงั สอื - สถานท่ี บุคคล  ๕) สรุปผลการศกึ ษา เป็ นการอธิบายคาตอบทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ ตามหวั ขอ้ ยอ่ ยทตี่ อ้ งการทราบ วา่ เป็ นไปตาม สมมตฐิ านหรอื ไม่  ๖) อภิปรายผล บอกประโยชน์ หรอื คณุ คา่ ของผลงานทไี่ ด้ และบอกขอ้ จากดั หรอื ปัญหา อุปสรรค (ถา้ มี) พรอ้ มทงั้ บอก ขอ้ เสนอแนะในการศกึ ษาคน้ ควา้ โครงงานลกั ษณะใกลเ้ คยี งกนั

๓. การเขียนรายงานโครงงาน  ๓. สว่ นทา้ ย  สว่ นทา้ ย ประกอบดว้ ย  ๑) บรรณานุกรม หรอื เอกสารอา้ งองิ หรอื เอกสารทใี่ ชค้ น้ ควา้ ซงึ่ มหี ลายประเภท เชน่ หนงั สอื ตารา บทความ หรอื คอลมั น์ ซง่ึ จะ มวี ธิ กี ารเขยี นบรรณานุกรมตา่ งกนั เชน่  หนงั สอื ชอ่ื นามสกุล. ชอ่ื หนงั สอื . สถานทพ่ี ิมพ์ : สานกั พิมพ,์ ปีทพี่ ิมพ์  บทความในวารสาร ชอื่ ผเู้ ขียน \"ชอื่ บทความ,\" ชอ่ื วารสาร. ปีทหี่ รอื เล่มที่ : หนา้ ;วนั เดอื น ปี.  คอลมั นจ์ ากหนงั สอื พิมพ์ ์์ ชอ่ื ผเู้ ขยี น \"ชอื่ คอลมั น์ : ชอื่ เรอื่ งในคอลมั น\"์ ชอื่ หนงั สอื พิมพ.์ วนั เดอื น ปี. หนา้ .  ๒) ภาคผนวก เชน่ โครงรา่ งโครงงาน ภาพกจิ กรรม แบบสอบถาม บทสมั ภาษณ์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook