Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พรบ.สหกรณ์ 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

พรบ.สหกรณ์ 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

Published by iamart, 2021-04-02 09:04:32

Description: พรบ.สหกรณ์ 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

Search

Read the Text Version

~1~ พระราชบัญญัติ สหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นปที ี่ ๕๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมิ็นทรมหาภู็มิ็พลอดุล็ ยเดช็มี็พระบรมราชโองการโปรดเกล็าฯ็ให็ประกาศว็า็ โดยท็่ีเปน็ การสมควรปรั็บปรงกฎหมายว็าด็วยสหกรณ์็ พระราชบัญ็ ญัต็ ิน็ ีม้็ ีบ็ ทบัญ็ ญั็ติ็บางประการเกีย่็ วกับ็ การจำกั็ดสิท็ ธิ็และเสรี็ภาพของบุค็ คล็ ซึ็ง่ มาตรา็ ๒๙ ประกอบกับ็ มาตรา็๓๕็และมาตรา็๔๕็ของรัฐ็ ธรรมนูญ็ แหง็ราชอาณาจัก็ รไทย็บั็ญญั็ติใ็หก็ ระทำได็โดยอาศั็ย อำนาจตามบทบั็ญญั็ติแ็ ห็งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ็ใหตราพระราชบัญญัตขิ ึ้นไวโดยคาแนะนาและยนิ ยอมของรฐั สภา็ดงั ตอไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบั็ญญั็ติ็นี้็เรีย็ กว็า็“พระราชบั็ญญั็ติ็สหกรณ์็พ.ศ.็๒๕๔๒” *มาตรา ๒ พระราชบัญ็ ญั็ติ็น้ี็ใหใ็ชบ็ ั็งคั็บต้ั็งแต็วั็นถัด็ จากวั็นประกาศในราชกิจ็ จานุ็เบกษา็เปน็ ตน็ ไป มาตรา ๓ ใหย็ กเลิ็ก (๑)็พระราชบั็ญญัต็ ิส็ หกรณ์็พ.ศ.็๒๕๑๑ (๒)็ประกาศของคณะปฏิ็วัต็ ิ็ฉบับ็ ท็ี่ ๑๔๐็ลงวั็นท่็ี ๑็พฤษภาคม็พ.ศ.็๒๕๑๕ (๓)็ประกาศของคณะปฏิ็วัต็ ิ็ฉบั็บท็ี่ ๒๔๗็ลงวัน็ ท็ี่ ๙็พฤศจิ็กายน็พ.ศ.็๒๕๑๕ (๔)็พระราชบั็ญญั็ติส็ หกรณ์็(ฉบั็บท็่ี ๒)็พ.ศ.็๒๕๒๔ มาตรา ๔ ในพระราชบั็ญญั็ติ็น้็ี ** “สหกรณ์” หมายความว็า็็คณะบุ็คคลซงึ่็ร็วมกั็นดำเนิน็ กิจ็ การเพ่อื็ ประโยชน์็ทางเศรษฐกิ็จและสัง็คม็ ของสมาชิกสหกรณ์ผูมีสัญชาติไทย็โดยช็วยตนเองและช็วยเหลือ็ ซ็่ึงกั็นและกั็น็และไดจ็ ดทะเบีย็ นตาม พระราชบั็ญญั็ติน็ ้็ี “สมาชิก” หมายความวา็็สมาชิ็กของสหกรณ์็หรื็อสมาชิ็กกล็ุมเกษตรกร “พนักงานเจ้าหนา้ ท่ี” หมายความว็า็ผู็ซ่็ึงรฐั มนตรีแ็ ตง็ตั็้งใหป็ ฏิ็บัต็ ิ็การตามพระราชบั็ญญัต็ ิน็ ี็้ “รฐั มนตรี” หมายความวา็็รั็ฐมนตรี็ผรู็ั็กษาการตามพระราชบัญ็ ญัต็ ิ็น้ี็ มาตรา ๕ ใหร็ ัฐ็ มนตรี็ว็าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์็รั็กษาการตามพระราชบั็ญญั็ติ็น็้ี และให็มี อานาจแต็งต้็งั พนั็กงานเจา็หนา็ที็่ กับ็ ออกกฎกระทรวงเพ็ือ่ ปฏิบ็ ัต็ ิ็การตามพระราชบั็ญญัต็ ิ็น้ี็ กฎกระทรวงนน้ั็ ็เมอ่็ื ได็ประกาศในราชกิจ็ จานุ็เบกษาแล็วให็ใชบ็ ั็งคั็บได็ * ราชกจิ จานุเบกษา็เลม็116็ตอนท็่ี 30็ก็หนา็1็วนั ท่ี็23็เมษายน็2542 ** มาตรา็4็ใหแกไขบทนิยามคาวา็“สหกรณ์”็โดยมาตรา็3็แหงพระราชบัญญัติสหกรณ์็(ฉบับที่็3)็พ.ศ. ็2562 หมายเหต็ุ :-็มาตรา็36็แหงพระราชบัญญัติสหกรณ์็(ฉบับท่ี็3)็พ.ศ.็2562็กาหนดวา็“มาตรา็36็สหกรณ์ที่มีสมาชิกซึ่งมิไดมีสัญชาติไทย อยูในวนั กอนวนั ทีพ่ ระราชบัญญตั ินีใ้ ชบงั คับ็ใหสหกรณด์ าเนินการ็ปรับปรุง็แกไข็ใหเป็นไปตามพระราชบัญญัติสหกรณ์็พ.ศ.็2542็ซึ่งแกไข เพิม่ เตมิ โดยพระราชบญั ญัตนิ ็้ี ใหแลวเสรจภายในหน่ึงรอยแปดสิบวนั นับแตวนั ท่ีพระราชบญั ญตั ินีใ้ ชบงั คบั ”

~็2็~ หมวด ๑ บททวั่ ไป มาตรา ๖็ ถา็ สหกรณ์เ็กย่ี็ วของในกิ็จการใดท่็ีกฎหมายกำหนดใหจ็ ดทะเบีย็ นสำหรับ็ การไดม็ า็ การ็ จาหนา็ ย็การยกขึ้นเปน็ ขอตอ็ สู็ หรือการยึ็ดหน็วงซ่ึงกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพยห็์ รือทรัพยสิทธิ็อั็นเกย่ี็ วก็บั ็ อสัง็หาริ็มทรัพ็ ย์็การจดทะเบี็ยนเชน็ ว็าน้นั็ ให็ได็รั็บยกเว็นไม็ต็องเสี็ยค็าธรรมเนีย็ ม มาตรา ๗ หามมิใหผใู ดนอกจากสหกรณ์็และสันนิบาตสหกรณ์แ็ หงประเทศไทย็ ใชค็ าว็า็“สหกรณ์”็็ เป็นช่็ือหรื็อสว็ นหนงึ็่ ของช็อ่ื ในทางธุ็รกิจ็ *มาตรา ๘ ทุนกลางของบรรดาสหกรณ์ไมจากัดตามมาตรา็61็(2)็แหงพระราชบัญญัติสหกรณ็์ ็ พ.ศ.็ ๒๕๑๑็ ให็กรมสง็เสริม็ สหกรณ์็* จั็ดการฝากไว็ท่็ธี นาคารออมสิน็ ็ ธนาคารกรุ็งไทย็ จำกั็ด็ (มหาชน)็ หรือ็ ธนาคารเพ็อ่ื การเกษตรและสหกรณ์็การเกษตร็หรื็อฝากไว็ที่ส็ ถาบั็นการเงิน็ อน่ื็ ใดโดยได็รับ็ ความเห็นชอบจาก็ คณะกรรมการพั็ฒนาการสหกรณ์็แห็งชาติ็หรือ็ ลงทุ็นตามระเบีย็ บที่็กรมส็งเสริ็มสหกรณ์็*กาหนด ดอกผลที่เกิดขึ้นจากทุนกลางใหกรมสงเสริมสหกรณ์*มีอานาจจายขาดใหแกสันนิบาตสหกรณ์ แหงประเทศไทย็เพ็ื่อใช็จ็ายในกิ็จการตามทก็ี่ าหนดไว็ในมาตรา็๑๑๐ หมวด ๒ การกำกับและสง่ เสริมสหกรณ์ ส่วนที่ ๑ คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณแ์ หง่ ชาติ **มาตรา ๙ ใหมีคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แหงชาติ็ประกอบดวย็รัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ็ ปลั็ดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เ็ป็นรองประธานกรรมการ็ ปลั็ดกระทรวงการพั็ฒนาสัง็คมและความม่ั็นคงของ มนุ็ษย์็ปลั็ดกระทรวงพาณิช็ ย์็ปลัด็ ระทรวงศึก็ ษาธิก็ าร็ปลัด็ กระทรวงอุ็ตสาหกรรม็เลขาธิก็ ารคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ็อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์็ผูอานวยการสานักงบประมาณ็ผูอานวยการ สานักงานเศรษฐกิจการคลัง็ผูจัดการใหญธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร็ประธานกรรมการ ธนาคารอิสลามแหงประเทศไทย็ผูแทนสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทยซึ่งเป็นกรรมการดาเนินการ็ประธาน กรรมการดาเนินการชุมนุมสหกรณ์ระดับประเทศประเภทละหน่ึงคน็ ประธานคณะกรรมการกลางกลุมเกษตรกร ระดับประเทศหนงึ่ คน็เปน็ กรรมการโดยตาแหนง็และผูทรงคุณวฒุ ิซ่งึ รัฐมนตรีแตงต้งั ไมเกนิ หาคนเป็นกรรมการ ใหอ็ ธิ็บดี็กรมสงเสริ็มสหกรณ์เ็ป็นกรรมการและเลขานุก็ าร็ ผอ็ู ำนวยการสัน็ นิบ็ าตสหกรณ์็แห็งประเทศไทย็ เป็นผ็ชู ็วยเลขานุก็ าร ***ผ็ทู รงคุณ็ วุ็ฒิ็ตามวรรคหน็งึ่ ็ ให็คณะกรรมการพัฒ็ นาการสหกรณ์็แหง็ชาติซ็ ่็ึงเป็นกรรมการโดยตำแหน็ง็ คัด็ เลือ็ กผู็ทีม็่ ี็ความเชย่็ี วชาญในดานการบริหารสหกรณ์็การเงิน็การตลาด็การเกษตร็กฎหมาย็หรือดิจิทัลเพื่อ เศรษฐกิจและสังคม็เพอื่ เสนอใหรัฐมนตรแี ตงต้ัง *มาตรา็8็และมาตรา็9็ใหแ็ ก็ไขคาวา็ ็“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์”็ เปน็ ็“กรมสง็เสริม็ สหกรณ์”็ และคำวา็ ็“ปลัด็ กระทรวง็ เกษตรและสหกรณ์”็ เป็น็“อธิบ็ ดี็กรมส็งเสริ็มสหกรณ์็” โดยมาตรา็122็แห็งพระราชกฤษฎีก็ าแก็ไขบทบัญ็ ญั็ติ็ใหส็ อดคล็องกั็บการโอนอำนาจ หน็าทีข่็ องส็วนราชการใหเ็ป็นไปตามพระราชบัญ็ ญัต็ ิ็ปรั็บปรุง็กระทรวง็ทบวง็กรม็พ.ศ.็2545็พ.ศ. 2545 ** มาตรา็9็วรรคหน่ึง็็แกไ็ขโดยมาตรา็3็แหง็พระราชบั็ญญัต็ ิ็สหกรณ์็(ฉบั็บท็ี่ 2) พ.ศ.็2553 ***มาตรา็9็วรรคสาม็แก็ไขโดยมาตรา็4็แห็งพระราชบัญ็ ญัต็ ิ็สหกรณ์็(ฉบับ็ ที็่ 3) พ.ศ. 2562 หมายเหตุ็:-็ มาตรา็33็แหง็ พระราชบั็ญญัต็ ิ็สหกรณ์็(ฉบับ็ ที็่ 3)็พ.ศ.็2562็กาหนดวา็ ็“มาตรา็33็ใหกรรมการผูทรงคุณวุฒิใน คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แหงชาติซง่ึ ดารงตาแหนงอยใู นวันกอนวันทพ่ี ระราชบญั ญัตินใ้ี ชบงั คับ็ปฏิบตั หิ นาทไ่ี ปพลางกอนจนกวาจะมีการ แตงตั้งกรรมการผูทรงคุณวุฒิตามพระราชบัญญัติสหกรณ์็พ.ศ. ็2542็ซึ่งแกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัตินี้็ทั้ งน้ี็ตองดาเนินการแตงต้ัง็็็็็็็็็็็็็็ ใหแลวเสรจภายในหนง่ึ รอยแปดสบิ วนั นบั แตวันทพ่ี ระราชบัญญตั นิ ้ใี ชบังคบั ”

~็3็~ มาตรา ๑๐ คณะกรรมการพั็ฒนาการสหกรณ์แ็ ห็งชาติ็มี็อำนาจหน็าที่็ดั็งต็อไปน็้ี (๑)็เสนอความเหน็ ตอ็ คณะรัฐ็ มนตรีใ็นเรื็อ่ งนโยบายและแนวทางในการพัฒ็ นาการสหกรณ์ใหสอดคล็อง กั็บภาวะเศรษฐกิ็จและสั็งคมของประเทศ (๒)็กำหนดนโยบายและแผนพัฒ็ นาการสหกรณ์็ ใหส็ อดคล็องกั็บระยะเวลาของแผนพั็ฒนาเศรษฐกิ็จ และสัง็คมแห็งชาติ็ (๓)็กำหนดแนวทางในการส็งเสริ็มและสนั็บสนุนการขยายธุร็ กิ็จและกิจ็ การของสหกรณ็์ รวมท้งั็การ รว็ มมื็อกับ็ ภาคเอกชนให็มี็สว็ นในการพัฒ็ นาการสหกรณ์ (๔)็กำหนดแนวทางในการประสานงานระหวา็ งสว็ นราชการ็รั็ฐวิส็ าหกิ็จ็หรือภาคเอกชน็เพอ่็ื ให็การ็ ส็งเสริม็ สนั็บสนุ็นกิจ็ การของสหกรณ์็ (๕)็พิ็จารณาแกไ็ขปั็ญหาและอุ็ปสรรคตลอดจนขอ็ ขัด็ ขอ็ งทท็่ี าให็นโยบายและแผนการพัฒ็ นาการสหกรณ์็ ไมอ็ าจบรรลุเ็ป็าหมาย (๖)็พิจ็ ารณาเร่อ็ื งอน็่ื ใดทีเ่็กี่ย็ วกั็บสหกรณ์ต็ ามท่ีค็ ณะรั็ฐมนตรี็มอบหมาย (๗)็มีอ็ ำนาจและหน็าทตี่็ ามทบี่็ ั็ญญั็ติ็ไว็ในพระราชบั็ญญั็ติ็น็้ี มาตรา ๑๑ ใหก็ รรมการซง่ึ็รัฐ็ มนตรี็แต็งตั้็งอยู็ในตำแหนง็คราวละสองปี็ ในกรณีม็ ี็การแตง็ต็ั้งกรรมการในระหวางท็กี่ รรมการซง็ึ่ แต็งตัง็้ ไวแ็ ล็วยัง็มี็วาระอยใ็ู นตำแหน็งไม็วา็ จะเปน็ การแต็งตั็้งเพมิ็่ ขึ็้นหรือ็ แต็งต็ัง้ ซ็อม็ ให็ผไู็ด็รับแตง็ตัง็้ น็น้ั อยใู็นตำแหนง็เทา็ กับ็ วาระท่เ็ี หลือ็ อยข็ู องกรรมการซ่ึ็งได็ แตง็ต็ั้งไวแ็ ล็วน้ัน็ มาตรา ๑๒็ นอกจากการพน็ จากตำแหน็งตามวาระตามมาตรา็ ๑๑็กรรมการผท็ู รงคุ็ณวุ็ฒิพ็ น็ จาก ตาแหน็งเมื็อ่ (๑)็ตาย (๒)็ลาออก (๓)็รัฐมนตรใี หออก (๔)็เป็นบคุ คลลมละลาย (๕)็เปน็ คนไรความสามารถหรอื คนเสมือนไรความสามารถ (๖)็ไดรับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดใหจาคุก็เวนแตเป็นโทษสาหรับความผิดท่ีไดกระทาโดย็ ประมาทหรือความผิดลหโุ ทษ มาตรา ๑๓็ การประชุม็ คณะกรรมการพั็ฒนาการสหกรณ์แ็ หง็ชาติ็ ตอ็ งมี็กรรมการมาประชุ็มไม็น็อย็ กว็าก่งึ็หน็งึ่ ของจำนวนกรรมการท้ั็งหมด็จึง็จะเป็นองค์็ประชุม็ ในการประชุ็มคร็ั้งใดถา็ ประธานกรรมการไมมาประชุม็ หรื็อไม็อาจปฏิบ็ ั็ติห็ น็าท่ี็ได็ ให็รองประธาน็ กรรมการเปน็ ประธานในที็ป่ ระชุม็ ็ ในกรณี็ท็ปี่ ระธานกรรมการและรองประธานกรรมการไมม็ าประชุ็มหรื็อไมอ็ าจ ปฏิ็บัต็ ิ็หน็าท่ไ็ี ด็ใหก็ รรมการทม็่ี าประชุ็มเลื็อกกรรมการคนหนง่ึ็เปน็ ประธานในทป่็ี ระชุ็ม การวิน็ ิ็จฉัย็ ช็้ขี าดของที็ป่ ระชุม็ ให็ถื็อเสี็ยงข็างมาก็ กรรมการคนหนง่ึ็ให็มีเสีย็ งหน็่ึงในการลงคะแนน็ ถ็าคะแนนเสี็ยงเทา็กั็น็ใหป็ ระธานในท่็ีประชุม็ ออกเสี็ยงเพิ่็มขึน้็ อี็กเสีย็ งหน่ึ็งเปน็ เสี็ยงช้็ีขาด ในกรณีท็ ่ีป็ ระธานออกเสี็ยงช้ี็ขาด็ตอ็ งใหม็ ี็บัน็ ทึก็ เหตุ็ผลทั็้งสองฝุายไว็ด็วย * ใหมกี ารประชุมคณะกรรมการไมนอยกวาปลี ะสี่คร้ัง **มาตรา ๑๔ ใหคณะกรรมการพั็ฒนาการสหกรณ์แ็ ห็งชาติ็แตง็ต้ัง็คณะอนุ็กรรมการพัฒนาบุคลากร สหกรณ์็คณะอนุกรรมการการลงทุน็และอาจแตงตั้งคณะอนุกรรมการอื่นตามความจาเป็นโดยคานึงถึงความ เชี่ยวชาญในแตละดาน็เพื่อพิจารณาหรือกระทาการใด็ๆ็ตามที่คณะกรรมการพัฒ็ นาการสหกรณ์แ็ ห็งชาติ็ มอบหมาย * มาตรา็13็วรรคหา็เพ็ม่ิ เติ็มโดยมาตรา็5็แหง็พระราชบัญ็ ญัต็ ิ็สหกรณ์็(ฉบับ็ ที็่ 3) พ.ศ. 2562 **มาตรา็14็แก็ไขโดยมาตรา็6็แหง็พระราชบั็ญญัต็ ิ็สหกรณ์็(ฉบับ็ ท็ี่ 3) พ.ศ. 2562

~็4็~ การประชุม็ ของคณะอนุ็กรรมการตามวรรคหนึง่็ให็นำความในมาตรา็๑๓็มาใชบ็ ัง็คั็บโดยอนุ็โลม คุณสมบตั ิและลกั ษณะตองหาม็วาระการดารงตาแหนง็การพนจากตาแหนง็และการดาเนินงานอ่ืนของ คณะอนุกรรมการใหเป็นไปตามท่ีคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณแ์ หงชาตกิ าหนด ส่วนท่ี ๒ นายทะเบียนสหกรณ์ *มาตรา ๑๕ ใหอ็ ธิ็บดี็กรมสง็เสริม็ สหกรณ์็เป็นนายทะเบี็ยนสหกรณ์็ ใหนายทะเบยี นสหกรณแ์ ตงตง้ั ขาราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์็็ซ่ึงดารงตาแหนงไมต่ากวา ผอู็ ำนวยการกองหรื็อเทีย็ บเท็าเปน็ รองนายทะเบีย็ นสหกรณ์มี็อานาจหน็าที็ต่ ามทบี่็ ั็ญญัต็ ิ็ไวใ็นพระราชบัญ็ ญัต็ ิน็ ็้ี หรื็อตามท็่นี ายทะเบีย็ นสหกรณ์็มอบหมาย การแต็งต้ั็งตามวรรคสองใหประกาศในราชกิจ็ จานุ็เบกษา มาตรา ๑๖ ให็นายทะเบีย็ นสหกรณ์็มี็อำนาจหน็าท็ี่ ดัง็ตอ็ ไปน้็ี (1) รับจดทะเบียน็สงเสริม็ชวยเหลือ็แนะนา็และกากับดูแลสหกรณ์ใหเป็นไปตามบทแหง พระราชบญั ญตั ินีแ้ ละกฎหมายอน่ื **(๒)็ กาห นดร ะบบ บัญชี ็ตล อดจ นส มุดแ ละแ บบร ายง านต างๆ ็ ที่สหกรณ์ต องยื่ นตอนาย ทะเ บีย น สหกรณ็์ รวมทง้ั แบบพมิ พ์อ่ืนๆ็ทตี่ องใชในการปฏิบตั ติ ามพระราชบัญญัติน้ี ็็็็**(๓)็แตงตั้งผสู อบบัญชตี ามมาตรา็80็ผตู รวจการสหกรณ์็และผชู าระบัญชี ็็็็**(๔)็ออกคาส่ังใหมีการตรวจสอบหรือไตสวนเก่ียวกับการจัดตั้งการดาเนินงานหรือฐานะการเงินของ สหกรณ์็หรอื ใหจดั ทาแผนปรบั ปรงุ การดาเนนิ งานของสหกรณ์ (๕)็สง่ั ใหระงับการดาเนินงานท้ังหมดหรือบางสวนของสหกรณ์็หรือใหเลิกสหกรณ์็ถาเหนวาสหกรณ์ กระทาการ็หรอื งดเวนกระทาการอันอาจจะกอใหเกดิ ความเสยี หายแกสหกรณ์หรือสมาชิก (๖)็ถอนช่ือสหกรณอ์ อกจากทะเบียนสหกรณ์ (๗)็จัดทารายงานประจาปแี ยกตามประเภทสหกรณเ์ สนอตอคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แหงชาติ (๘)็ออกระเบียบ็หรือคาสั่ง็เพื่อใหมีการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้และเพื่อประโยชน์ในการ็ ดาเนินกิจการของสหกรณ์ (๙)็กระทาการอ่ืนใดตามทพ่ี ระราชบัญญัติน้ีกาหนดใหเป็นอานาจหนาที่ของนายทะเบียนสหกรณ์หรือ ตามทีร่ ฐั มนตรมี อบหมาย บรรดาอานาจของนายทะเบียนสหกรณ์ในการสัง่ ็การอนุญาต็การอนุมัติหรือการดาเนินการอื่นใดตาม็ พระราชบัญญัติน้ี็นายทะเบียนสหกรณ์อาจมอบอานาจใหรองนายทะเบียนสหกรณ์็ผูตรวจการสหกรณ์็หรือ พนักงานเจาหนาที่ซง่ึ นายทะเบียนสหกรณ์มอบหมายใหปฏิบตั ิการแทนได การมอบอำนาจตามวรรคสองให็ประกาศในราชกิ็จจานุ็เบกษา ส่วนท่ี ๓ การกากบั ดูแลสหกรณ์ *มาตรา็15็ใหแ็ กไ็ขคำวา็ ็“ปลัด็ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์”็ เป็น็“อธิ็บดี็กรมสง็เสริม็ สหกรณ์”็ และคำว็า็“กระทรวงเกษตร็ และสหกรณ์็” เป็น็“กรมส็งเสริม็ สหกรณ์”็ โดยมาตรา็122็แห็งพระราชกฤษฎี็กาแกไ็ขบทบั็ญญั็ติใ็ห็สอดคลอ็ งกั็บการโอนอำนาจหน็าท่ขี็ อง็ ส็วนราชการใหเ็ปน็ ไปตามพระราชบัญ็ ญัต็ ิป็ รับ็ ปรุ็งกระทรวง็ทบวง็กรม็พ.ศ. 2545็พ.ศ. 2545 ครง้ั็สุด็ ท็าย็แก็ไขโดยมาตรา็4็แหง็ พระราชบัญญตั ิสหกรณ็์ (ฉบบั ท็ี่ 2) พ.ศ. 2553 **มาตรา็16็(2)็(3)็และ็(4)็แกไขโดยมาตรา็7็แหงพระราชบญั ญตั สิ หกรณ็์ (ฉบบั ที็่ 3) พ.ศ. 2562

~็5็~ *มาตรา ๑๗็ นายทะเบยี็ นสหกรณ็์ รองนายทะเบย็ี นสหกรณ็์ ผูตรวจการสหกรณ์็ผูสอบบั็ญชี็หรื็อ พนักงานเจาหนาทซ่ี งึ่ นายทะเบยี นสหกรณ์มอบหมาย็มอี านาจออกคาสั่งเป็นหนังสือใหคณะกรรมการดาเนินการ็ สหกรณ็์ ผ็ตู รวจสอบกิจ็ การ็็ผูจ็ ัด็ การ็็เจา็ หน็าท็ี่ สมาชิก็ ของสหกรณ็์ หรือบุคคลที่เกี่ยวของกับสหกรณ์มาชี้แ็ จง ข็อเท็จจริง็เกย่็ี วกั็บกิ็จการของสหกรณ์็หรื็อใหส็ งเอกสารเก่ี็ยวกั็บการดำเนิ็นงาน็หรือ็ รายงานการประชุ็มของ สหกรณ์็ได็ มาตรา ๑๘็ เพ่ื็อปฏิ็บั็ติก็ ารตามพระราชบ็ัญญัติน้ี็ใหนายทะเบีย็ นสหกรณ์็ รองนายทะเบีย็ นสหกรณ็์ ็ ผ็ูตรวจการสหกรณ็์ ผูส็ อบบั็ญช็ี หรื็อพนัก็ งานเจ็าหน็าท่ีซ็ ง็่ึ นายทะเบี็ยนสหกรณ์็มอบหมาย มี็อานาจเขา็ ไปตรวจสอบ ในสานัก็ งานของสหกรณ์ในระหวางเวลาทางานของสหกรณ์ได็และใหผซู ึง่ เก่ยี วของอานวยความสะดวกหรือชว็ ยเหลือ หรอื ใหคาช้ีแจงแกผูปฏบิ ัตกิ ารตามสมควร ใหผ็ ู็ปฏิ็บั็ติ็การตามวรรคหน่ึ็ง็แสดงบั็ตรประจำตั็วต็อผู็ซ็ึง่ เก็ี่ยวข็อง็ บัต็ รประจำตั็วตามวรรคสอง็ให็เปน็ ไปตามแบบท่ร็ี ั็ฐมนตรี็กำหนด มาตรา ๑๙็ ให็ผู็ตรวจการสหกรณ์็มี็อำนาจหนา็ที็ต่ รวจสอบกิจ็ การและฐานะการเงิ็นของสหกรณ์ตามท็ี่ นายทะเบี็ยนสหกรณ์ก็ าหนด็เม็อื่ ตรวจสอบแล็วใหเ็สนอรายงานการตรวจสอบต็อนายทะเบี็ยนสหกรณ์ มาตรา ๒๐็ ถาท่ีประชุมใหญหรือที่ประชุมคณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์ลงมติอันเป็นการฝุาฝืน กฎหมาย็ขอบังคับ็ระเบียบของสหกรณ์็ระเบียบหรือคาส่ังของนายทะเบียนสหกรณ์็ใหนายทะเบียนสหกรณ์็ หรอื รองนายทะเบยี นสหกรณ์มอี านาจส่ังยับยั้งหรือเพิกถอนมติน้ันได **มาตรา ๒๑็ ในกรณีที่คณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์็กรรมการ็ผูจัดการ็เจาหนาที่ของสหกรณ์็ หรือบุคคลที่เก่ียวของ็ทาใหสหกรณ์เสียหาย็ถาสหกรณ์ไมรองทุกข์หรือฟูองคดี็ใหนายทะเบียนสหกรณ์หรือ็็็็็็ รองนายทะเบียนสหกรณ์รองทุกข์หรือฟูองคดีแทนสหกรณ์ได็โดยสงเรื่องใหพนักงานอัยการพิจารณารับวาตาง ใหสหกรณ์็และใหสหกรณ์เป็นผูออกคาใชจายที่เกี่ยวกับการรองทุกข์็ฟูองคดีหรือการวาตางแกนายทะเบียนสหกรณ์็ รองนายทะเบียนสหกรณ็์ หรอื พนกั งานอยั การ็แลวแตกรณี **มาตรา ๒๒็ ในกรณี็ท็่ีคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์กระทำการหรื็องดเวน็ กระทาการในการ็ ปฏิบ็ ั็ติห็ น็าที่็ของตนอนั อาจทำให็เส่อ็ื มเสี็ยผลประโยชน์็ของสหกรณ์ห็ รือ็ สมาชิก็ ็หรือ็ สหกรณ์็มีข็ ็อบกพร็องเก่ี็ยวกั็บ็ การเงิน็การบัญชี็หรือกิจการหรือฐานะการเงิน็ตามรายงานการสอบบัญชีหรือตามรายงานการตรวจสอบ็ ใหนายทะเบี็ยนสหกรณ์็มีอ็ ำนาจออกคาสั็่งเป็นหนั็งสื็อใหป็ ฏิ็บั็ติก็ าร็ดั็งตอ็ ไปน็้ี (๑) ใหค็ ณะกรรมการดาเนิน็ การสหกรณ์็แก็ไขขอ็ บกพร็องตามวิธ็ ี็การและระยะเวลาท็ี่นายทะเบี็ยน็ สหกรณ์็กาหนด (๒) ให็คณะกรรมการดำเนิ็นการสหกรณ์ร็ ะงั็บการปฏิ็บัต็ ิท็ ีเ่็ป็นเหตุ็ให็เกิ็ดข็อบกพรอ็ งหรื็ออาจทาให เส็ื่อมเสี็ยผลประโยชน์ข็ องสหกรณ์็หรื็อสมาชิก็ (๓) ใหค็ ณะกรรมการดำเนิ็นการสหกรณ์ห็ ยุ็ดปฏิบ็ ั็ติ็หนา็ ท็่ีเป็นการช็ัว่ คราว็จนกวาจะมีการแกไข ขอบกพรองน้ันใหแลวเสรจ (๔) ให็คณะกรรมการดาเนิน็ การสหกรณ์พ็ ็นจากตำแหน็งท็้งั คณะ็หรือ็ ให็กรรมการซึง่็เก็ีย่ วขอ็ งกั็บ็ การนน้็ั พน็ จากตำแหนง็กรรมการ มาตรา ๒๓็สหกรณ์ใดจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นยังไมเกินสามปีหรือมีผลการดาเนินงานขาดทุนติดตอกัน็ เกินสองปี็็เมื่อสหกรณ์รองขอ็หรือนายทะเบียนสหกรณ์หรือคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แหงชาติเหนวา จาเปน็ ตองแกไข็นายทะเบยี นสหกรณจ์ ะส่งั ใหผตู รวจการสหกรณห์ รือพนักงานเจาหนาท่ีซึ่งนายทะเบียนสหกรณ์ มอบหมายเขาชวยเหลอื ดาเนินกิจการของสหกรณน์ ้ันทั้งหมดหรอื บางสวนกได * มาตรา็17็แกไขโดยมาตรา็8็แหงพระราชบัญญตั ิสหกรณ์็(ฉบับท่็ี 3) พ.ศ. 2562 **มาตรา็21็และมาตรา็22็แกไขโดยมาตรา็9็แหงพระราชบญั ญัตสิ หกรณ์็(ฉบบั ท่็ี 3) พ.ศ. 2562

~็6็~ การชวยเหลือดาเนนิ กิจการของสหกรณ์ใหเป็นไปตามระเบียบท่ีนายทะเบียนสหกรณ์กาหนดโดยความเหนชอบ ของคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณแ์ หงชาติ *มาตรา 23/1 ในกรณีท่ีนายทะเบียนสหกรณ์มีคาส่ังตามมาตรา็22็(3)็ใหนายทะเบียนสหกรณ์ สั่งใหผตู รวจการสหกรณห์ รอื พนกั งานเจาหนาท่ซี ่ึงนายทะเบียนสหกรณ์มอบหมายดาเนินการแทนคณะกรรมการ ดาเนินการสหกรณ์เพ่ือแกไขขอบกพรองใหแลวเสรจตามวิธีการและภายในระยะเวลาท่ีนายทะเบียนสหกรณ์ กาหนด็และดาเนินกิจการแทนสหกรณ์นั้น็โดยใหถือวาผูไดรับมอบหมายดังกลาวเป็นผูแทนสหกรณ์ในกิจการ อันเกย่ี วกับบคุ คลภายนอกจนกวาจะแกไขขอบกพรองน้ันใหแลวเสรจโดยใหดาเนินการไดเทาท่จี าเปน็ มาตรา ๒๔ ในกรณี็ที่็นายทะเบีย็ นสหกรณ์็ส็่งั ใหค็ ณะกรรมการดำเนิ็นการสหกรณ์พ็ นจากตาแหน็ง็ ทั้ง็คณะ็ ใหน็ ายทะเบีย็ นสหกรณ์็ตง็ั้ คณะกรรมการชัว็่ คราว็ มีอ็ านาจหน็าท่็ีและสิทธิเ็ช็นเดี็ยวกั็บคณะกรรมการ็ ดำเนิ็นการสหกรณ์็และให็อยใู็นตำแหน็งไม็เกิน็ หน่ึ็งร็อยแปดสิบ็ วัน็ นั็บแต็วัน็ ท่ีแ็ ต็งต้็ัง กอ็ นที็่จะพ็นจากตำแหนง็ใหค็ ณะกรรมการชว่ั็ คราวจั็ดใหม็ ี็การประชุม็ ใหญเ็พ่ือ็ เลื็อกต็้ังกรรมการขนึ้็ ใหม็ ท็ั้งคณะตามวิ็ธี็การที็่กำหนดในขอ็ บั็งคั็บ มาตรา ๒๕ ในกรณีที่นายทะเบียนสหกรณ์สั่งใหกรรมการบางคนพนจากตาแหนง็ใหคณะกรรมการ็ สวนที่เหลือเรียกประชุมใหญเลือกตั้งผูเป็นกรรมการแทนภายในเวลาสามสิบวันนับแตวันท่ีกรรมการพนจาก็ ตาแหนง็ถามไิ ดเลอื กตง้ั หรือเลอื กตงั้ ผูเป็นกรรมการไมไดตามกาหนดเวลาใหนายทะเบียนสหกรณ์ตั้งสมาชิกเป็น กรรมการแทน็ในการน้ีใหผูซึ่งไดรับเลือกตั้งหรือแตงต้ังนั้นอยูในตาแหนงกรรมการเทากับวาระที่เหลืออยูของ็็็็็็็็็ ผซู ่ึงตนแทน **มาตรา ๒๖ (ยกเลกิ ) ส่วนท่ี ๔ กองทุนพัฒนาสหกรณ์ ***มาตรา ๒๗ ใหจัดตั็ง้ กองทุนพั็ฒนาสหกรณ์ข้ึนในกรมส็งเสริม็ สหกรณ์็*เรียกโดยย็อว็า็“กพส.” เพ่อื็ เป็นทุ็นส็งเสริมกิ็จการของสหกรณ์็ประกอบด็วยเงิน็ และทรั็พย์็สิ็นตามมาตรา็๒๘ มาตรา ๒๘ กพส.็ประกอบดว็ ย (๑)็เงิ็นอุด็ หนุน็ ทไ่ี็ดร็ับ็ จากงบประมาณแผน็ ดิ็น (2)็เงินและทรัพยส์ นิ ที่มีผมู อบให (๓)็เงิน็ และทรั็พย์็สิ็นท่ต็ี กเป็นของ็กพส. (๔)็เงิ็นท็ไี่ ดจ็ ากการจ็าหน็ายทรัพ็ ย์ส็ ิน็ ท็ี่ได็รั็บมาตาม็(๒)็และ็(๓)็ (๕)็ดอกผล็รายได็หรื็อประโยชน์็อ่ืน็ ใดของ็กพส. ็ เงนิ และทรัพย์สินของ็กพส.็ตามวรรคหนึง่ ใหนาสงเขาบัญช็ี กพส.็โดยไมตองนาสงคลังเป็นรายไดแผนดนิ มาตรา ๒๙็ การรบั เงิน็ การจายเงิน็ การเกบรักษาเงิน็ การจัดหาผลประโยชน็์ การจัดการและการ็ จาหนายทรัพย์สินของ็กพส.็ใหเปน็ ไปตามระเบยี บทีร่ ัฐมนตรีกาหนดโดยความเหนชอบของคณะกรรมการพัฒนาการ สหกรณแ์ หงชาติ *มาตรา็23/1็เพม่ิ เตมิ โดยมาตรา็10็แห็งพระราชบัญ็ ญั็ติส็ หกรณ์็(ฉบั็บที่็3) พ.ศ.2562 **มาตรา็26็ยกเลิกโดยมาตรา็11็แหง็พระราชบัญ็ ญั็ติส็ หกรณ์็(ฉบั็บท็่ี 3) พ.ศ.2562 ***มาตรา็27็ ใหแ็ กไ็ขคาว็า็ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์็” เปน็ ็ “กรมสง็เสริ็มสหกรณ์็” โดยมาตรา็ 122็ แหง็พระราชกฤษฎีก็ า็ แก็ไขบทบัญ็ ญั็ติ็ให็สอดคลอ็ งกั็บการโอนอำนาจหนา็ ท่ี็ของส็วนราชการใหเ็ปน็ ไปตามพระราชบั็ญญั็ติป็ รั็บปรุ็งกระทรวง็ ทบวง็ กรม็พ.ศ.็ 2545็ พ.ศ. 2545

~็7็~ *มาตรา ๓๐ ใหม็ ี็คณะกรรมการบริ็หาร็ กพส.็ ประกอบดว็ ย็อธิบ็ ดีก็ รมสง็เสริ็มสหกรณ์็เป็นประธาน็ กรรมการ็อธิบดีกรมตรวจบัญ็ ชีส็ หกรณ์็อธิบ็ ดี็กรมประมง็อธิบ็ ดีก็ รมปศุ็สั็ตว์็อธิ็บดีก็ รมส็งเสริม็ การเกษตร็ ผู็แทนกรมบัญ็ ชี็กลาง็ ผ็ูแทนสานั็กงบประมาณ็ เป็นกรรมการโดยตาแหนง็็ กรรมการอ่็นื ซึ่ง็รัฐมนตรีแต็งตั้ง็จาก ผูแ็ ทนของสหกรณ์็ประเภทละหน่็งึ คน็และผแู็ ทนกล็ุมเกษตรกรหนึง็่ คน็เป็นกรรมการ ให็รองอธิ็บดี็กรมส็งเสริ็มสหกรณ์็ซึง็่ อธิบ็ ดี็กรมสง็เสริ็มสหกรณ์็มอบหมายเปน็ กรรมการและเลขานุ็การ การเลือกผูแทนของสหกรณ็แ์ ละผูแทนกลุมเกษตรกรเพ่อ็ื ใหร็ ัฐ็ มนตรีแตง็ต้ัง็ตามวรรคหนึ็่ง็ใหเ็ป็นไปตาม หลั็กเกณฑ์ท็ ี็ค่ ณะกรรมการพั็ฒนาการสหกรณ์็แห็งชาติ็กา็ หนด ใหคณะกรรมการบริหาร็กพส.็มีอานาจหนาท่ีบริหาร็กพส.็ตลอดจนตรวจสอบติดตามและประเมิ น ผลงานของสหกรณ์ที่ไดรบั การส็งเสรมิ กิ็จการจาก็กพส.็ตามหลั็กเกณฑ็์ทก่ี าหนดในระเบยี บกรมสงเสริมสหกรณ์ **มาตรา ๓๑ ใหนาความในมาตรา็๑๑็และมาตรา็๑๒็มาใชบังคับแกการดารงตาแหนงของ กรรมการบรหิ าร็กพส.็ซง่ึ รัฐมนตรแี ตงตั้งจากผแู ทนของสหกรณ์และผแู ทนกลุมเกษตรกรโดยอนโุ ลม มาตรา ๓๒ ใหนาความในมาตรา็๑๓็มาใชบังคับแกการประชุมของคณะกรรมการบรหิ าร็กพส.็โดยอนุโลม หมวด ๓ สหกรณ์ ส่วนท่ี ๑ การจัดต้ังและการจดทะเบียนสหกรณ์ มาตรา ๓๓ สหกรณ์จะตง้ั ข้นึ ไดโดยการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติน้ี็และตองมีวัตถุประสงค์เพื่อ สงเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของบรรดาสมาชิกโดยวิธีชวยตนเองและชวยเหลือซึ่งกันและกัน ตามหลกั การสหกรณ็์ และตอง (๑)็็มีกิจ็ การรวมกัน็ ตามประเภทของสหกรณ์ท่ขี อจดทะเบี็ยน (๒)็็มีส็ มาชิก็ เปน็ บุ็คคลธรรมดาและบรรลุ็นิต็ ิ็ภาวะ (๓)็็มีทุนซ่ึงแบงเป็นหุนมมี ลู คาเทา็ๆ็กนั ็และสมาชิกแตละคนจะตองถือหุนอยางนอยหน่ึงหุน็แตไมเกิน หน่ึง็ในหา็ของห็ุนท่็ีชาระแล็วทงั็้ หมด (๔)็็มีสมาชิก็ ซ่งึ มคี ุ็ณสมบั็ติต็ ามทก่็ี าหนดในข็อบั็งคับ็ ภายใต็บทบั็ญญั็ติ็มาตรา็๔๓็(๗) ***วรรคสอง ็(ยกเลิก) ****มาตรา ๓๓/1็็สหกรณท์ ่ีจะรบั จดทะเบียนตามมาตรา็33็แบงประเภทได็ดงั ตอไปนี้ (1)็สหกรณก์ ารเกษตร (2)็สหกรณป์ ระมง (3)็สหกรณ์นิคม *มาตรา็30็ให็แก็ไขคาวา็ ็“ปลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์”็เป็น็“อธิบดีกรมสงเสรมิ สหกรณ์”็และคาวา็“กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์” เป็น็“กรมสงเสริมสหกรณ์” โดยมาตรา็122็แหงพระราชกฤษฎีกา็แกไขบทบัญญัติใหสอดคลองกับการโอนอานาจหนาที่ของ สวนราชการใหเป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง็ทบวง็กรม็พ.ศ.็2545 พ.ศ.็2545็ครั้งสุดทาย็แกไขโดยมาตรา็5็แหง พระราชบัญญัตสิ หกรณ็์ (ฉบับท่ี็2)็พ.ศ.็2553 ชบัญญัติสหกรณ์็(ฉบับที่็2)็พ.ศ. ็2553 ็ ** มาตรา็31 แกไขโดยมาตรา็6็แหงพระรา ***มาตรา็33 วรรคสอง็ยกเลกิ โดยมาตรา็12็แหงพระราชบัญญตั ิสหกรณ์็(ฉบับท็่ี 3)็พ.ศ.็2562็ **** มาตรา็33/1็เพ่ิมเติมโดยมาตรา็13็แหงพระราชบัญญตั ิสหกรณ็์ (ฉบบั ท่็ี 3)็พ.ศ.็2562็ หมายเหตุ็:-็ มาตรา็34็แหง็พระราชบั็ญญัต็ ิส็ หกรณ์็(ฉบั็บท็ี่ 3)็พ.ศ.็2562็กาหนดว็า็“มาตรา็34็ในกรณีที่ขอบังคับของสหกรณ์ใดไม เปน็ ไปตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวงท่อี อกตามความในมาตรา็33/1็วรรคสอง็แหงพระราชบัญญัติสหกรณ์็พ.ศ.็2542็ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัตนิ ี็้ ใหสหกรณ์น้นั แกไขขอบังคับของสหกรณ์ใหเปน็ ไปตามกฎกระทรวงดงั กลาวภายในหน่งึ รอยแปดสิบวันนับแตวนั ท่ีกฎกระทรวงใชบังคบั ”

~็8็~ (4)็สหกรณ์รานคา (5)็สหกรณบ์ ริการ (6)็สหกรณอ์ อมทรัพย์ (7)็สหกรณเ์ ครดิตยูเน่ียน (8)็สหกรณอ์ นื่ ตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวง ลักษณะของสหกรณ์ท่ีจะรับจดทะเบียน็วัตถุประสงค์็และขอบเขตแหงการดาเนินกิจการท่ีจะพึง ดาเนินการไดของสหกรณแ์ ตละประเภทตามวรรคหน่งึ ็ใหเป็นไปตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๓๔ ผูซึ่งประสงค์จะเป็นสมาชิกของสหกรณ์ที่จะขอจัดต้ังข้ึน็ตองประชุมกันเพื่อคัดเลือกผูที่็ มาประชุม็ ให็เป็นคณะผ็ูจัด็ ตั้ง็สหกรณ์จ็ านวนไมน็ อ็ ยกวา็สิบ็ คน็เพื็อ่ ดาเนิน็ การจั็ดตัง็้ สหกรณ์็โดยใหค็ ณะผู็จัด็ ตงั็้ ็ สหกรณ์ด็ าเนิ็นการ็ดั็งต็อไปน้ี็ (๑)็็พิ็จารณาเลือ็ กประเภทของสหกรณ์ท็ ็่จี ะจั็ดตั้ง็ตามท็กี่ าหนดในกฎกระทรวงและพิ็จารณากาหนด็ วัต็ ถุป็ ระสงค์ข็ องสหกรณ์ท็ ่็จี ะจั็ดตัง้็น็น้ั (๒)็็กาหนดแผนดาเนิน็ การเก่ี็ยวกั็บธุ็รกิ็จหรือ็ กิจ็ กรรมของสหกรณ์็ท่็ีจะจั็ดตง้็ั ข้็นึ ตามหลัก็ เกณฑ์็และ็ วิ็ธีก็ ารท็ีน่ ายทะเบีย็ นสหกรณ์็กาหนด (๓)็็ทาบั็ญชีร็ายช่อ็ื ผู็ซึ่ง็จะเปน็ สมาชิก็ พรอ็ มดว็ ยจานวนหนุ็ ที็่แต็ละคนจะถื็อเมื่็อจั็ดต็้ังสหกรณ์แ็ ล็ว (๔)็็ดำเนิน็ การรางข็อบัง็คับภายใตบ็ ัง็คั็บบทบ็ัญญตั ิม็ าตรา็๔๓็และเสนอใหท่ีประชุม็ ผูซ่ึงจะเปน็ สมาชิ็ก พิจ็ ารณากาหนดเป็นขอ็ บัง็คั็บของสหกรณ์็ท่็จี ะจั็ดตง็ั้ ข็ึน้ มาตรา ๓๕ การขอจดทะเบี็ยนสหกรณ์็ ใหค็ ณะผ็จู ั็ดตง้ั็สหกรณ์ล็ งลายมื็อช่็อื ในคาขอจดทะเบี็ยนตาม็ แบบท่ี็นายทะเบี็ยนสหกรณ์็กาหนด็ย่ื็นต็อนายทะเบี็ยนสหกรณ์พ็ รอ็ มเอกสาร็ดัง็ต็อไปนี็้ (๑)็ สาเนารายงานการประชุม็ ตามมาตรา็๓๔็จานวนสองชุ็ด (๒)็ แผนดาเนิ็นการตามมาตรา็๓๔็(๒)็จานวนสองชุ็ด (๓)็ บัญชีรายชือ่ ผซู ึ่งจะเปน็ สมาชิกพรอมลายมือชื่อและจานวนหุนที่แตละคนจะถือเม่ือจัดต้ังสหกรณ์แลว จานวนสองชุด็ (๔)็็ขอ็ บั็งคั็บตามมาตรา็๓๔็(๔)็จานวนส็ช่ี ุ็ด มาตรา ๓๖ นายทะเบียนสหกรณ์็รองนายทะเบียนสหกรณ์็หรือพนักงานเจาหนาท่ี็ซึ่งนายทะเบียน สหกรณ์มอบหมาย็มีอ็ านาจออกคาสง่ั็เปน็ หนั็งสือ็ ให็บุค็ คลใด็ๆ็ ซง่ึ็เก็ี่ยวข็องมาช้ี็แจงขอ็ เทจ็ จริง็็หรือ็ ใหส็ ง็ เอกสารมาเพอ็่ื ประกอบการพิจ็ ารณาเกี็่ยวกับ็ การรั็บจดทะเบี็ยนสหกรณ์็ได็ ในการพิ็จารณารายการทเ่ี็ก่ยี็ วกั็บคาขอ็ หรือ็ รายการในข็อบัง็ คั็บของสหกรณ์็ทจ่ี็ ะจั็ดตงั็้ ขึ้น็ ็ ถา็ นายทะเบียนสหกรณ์เหนวารายการดังกลาวไมถูกตอง็หรือยังมิไดดาเนินการตามมาตรา็๓๔็นายทะเบียนสหกรณ์็ มี็อานาจสั่็งให็คณะผจู็ ัด็ ต้็ังสหกรณ์็แก็ไขหรือดาเนิน็ การใหถ็ ู็กต็องได็ มาตรา ๓๗็ เม่ือนายทะเบียนสหกรณ์พิจารณาแลวเหนวา็สหกรณ์ตามท่ีขอจดทะเบียนมีวัตถุประสงค์็ ตามมาตรา็๓๓็คาขอจดทะเบยี นมีเอกสารครบถวนถูกตองตามมาตรา็๓๕็และการจดต้ังสหกรณ์ตามที่ขอจดทะเบียน จะไมเสยี หายแกระบบสหกรณใ์ หนายทะเบียนสหกรณ์รบั จดทะเบียนและออกใบสาคญั รับจดทะเบียนใหแกสหกรณ์นนั้ ใหสหกรณ์ท่ีไดจดทะเบียนแลวมฐี านะเป็นนิติบคุ คล มาตรา ๓๘็ ในกรณีท่ีนายทะเบียนสหกรณ์มีคาส่ังไมรับจดทะเบียน็ใหแจงคาสั่งพรอมดวยเหตุผล เป็นหนงั สือไปยงั คณะผจู ัดตัง้ สหกรณ์โดยไมชกั ชา *วรรคสอง (ยกเลกิ ) *วรรคสาม (ยกเลกิ ) *มาตรา็38็วรรคสอง็และวรรคสาม็ยกเลกิ โดยมาตรา็14็แหงพระราชบญั ญตั สิ หกรณ็์ (ฉบบั ท่ี็3)็พ.ศ. 2562

~็9็~ มาตรา ๓9 เมื่อ็ นายทะเบีย็ นสหกรณ์็รับจดทะเบี็ยนสหกรณ์็แลว็ ็ใหค็ ณะผ็ูจัด็ ตัง็้ สหกรณ์ม็ ี็อานาจ หนาท่ีและสิทธิเชนเดียวกับคณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์นั้นจนกวาจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการดาเนินการ สหกรณต์ ามมาตรา็40 ใหผูซ่ึงมีช่ืออยูในบัญชีรายชื่อผูจะเป็นสมาชิกตามมาตรา็๓๔็(๓)็เป็นสมาชิกสหกรณ์ต้ังแตวันที่นายทะเบียน สหกรณร์ บั จดทะเบียนสหกรณ์และไดชาระคาหุนตามจานวนทจ่ี ะถือครบถวนแลว ในกรณที ี่มผี ขู อเขาเป็นสมาชกิ สหกรณ์ภายหลังวันที่นายทะเบียนสหกรณ์รับจดทะเบียนสหกรณ์็ใหถือวา เป็นสมาชกิ เม่ือไดชาระคาหนุ ตามจานวนทจ่ี ะถือครบถวนแลว มาตรา ๔๐ ใหค็ ณะผูจ็ ั็ดตั้ง็สหกรณ์น็ ัด็ สมาชิก็ มาประชุ็มกั็นเป็นการประชุ็มใหญสามัญครั็้งแรกภายใน็ เกา็ สิ็บวัน็ นับ็ แตว็ ั็นทีจ่็ ดทะเบี็ยนสหกรณ์็ เพื็อ่ ต้็งั คณะกรรมการดาเนิน็ การสหกรณ์็และมอบหมายการท็ั้งปวง็ ใหแ็ กค็ ณะกรรมการดาเนิ็นการสหกรณ์็ *มาตรา ๔๑ สหกรณต์ ามมาตรา็33/1็อาจรบั สมาชกิ สมทบได สมาชกิ สมทบตองเปน็ บคุ คลธรรมดาซึ่งบรรลุนิติภาวะ็เวนแตสหกรณ์ตามมาตรา็33/1็(4)็(6)็หรือ็(7)็ ท่ีตั้งอยใู นสถานศกึ ษาอาจรบั ผศู กึ ษาในสถานศึกษาน้นั ซ่งึ ยังไมบรรลุนิตภิ าวะเปน็ สมาชิกสมทบได สมาชกิ สมทบตองมีความสมั พันธ์กบั สหกรณ์หรอื สมาชกิ สหกรณต์ ามหลักเกณฑ์ที่นายทะเบียนสหกรณ์ ประกาศกาหนด คุณสมบัติอื่น็วิธีรับสมัคร็และการขาดจากสมาชิกภาพ็ตลอดจนสิทธิและหน าที่ของสมาชิกสมทบ็ ใหเป็นไปตามทีก่ าหนดไวในขอบงั คับโดยความเหนชอบของนายทะเบียนสหกรณ์ หามมิใหสหกรณ์ใหสิทธิแกสมาชิกสมทบในการนับช่ือของสมาชิกสมทบเขาเป็นองค์ประชุมในการ ประชุมใหญ็การออกเสยี งในเรื่องใด็ๆ็การเป็นกรรมการดาเนินการ็หรือกยู ืมเงินเกินกวาเงินฝาก็และทุนเรือนหุน ของตนเองจากสหกรณ์็ มาตรา ๔๒ ในการชาระคาหนุ ็สมาชิกจะนาคาหนุ หักกลบลบหนี้กับสหกรณ์ไมไดและสมาชิกมีความรับผิด เพี็ยงไม็เกิน็ จานวนเงิน็ ค็าหุน็ ทย่็ี ัง็ส็งใชไ็ม็ครบมู็ลคา็หนุ็ ทีต่็ นถื็อ ** ในระหว็างท่ีสมาชิก็ ภาพของสมาชิก็ ยั็งไมสิ้นสุดลง็หามมิใหเจาหน้ีของสมาชิกใชสิทธิเรียกรองหรือ อายัดคาหุนของสมาชิกผูนั้น็และเมื่อสมาชิกภาพของสมาชิกส้ินสุดลง็สหกรณ์มีสิทธินาเงินตามมูลคาหุนท่ี สมาชิกมีอยูมาหักกลบลบหนี้ท่ีสมาชิกผูกพันตองชาระหนี้แกสหกรณ์ได็และใหสหกรณ์มีฐานะเป็นเจาหนี้ บุรมิ สทิ ธพิ ิเศษเหนอื เงนิ คาหุนนัน้ ***มาตรา ๔๒/๑ เม่อื็ สมาชิก็ ได็ทำความยิ็นยอมเป็นหนัง็สือ็ ไว็กั็บสหกรณ์็ ให็ผบ็ู ัง็คับ็ บัญ็ ชาในหน็วยงาน็ ของรั็ฐ็ หรือ็ นายจา็ งในสถานประกอบการ็หรือ็ หนว็ ยงานอื็น่ ใดท่ี็สมาชิ็กปฏิบ็ ัต็ ิ็หน็าทอ็่ี ยหู็ ัก็ เงิ็นเดื็อนหรื็อค็าจา็ ง็ หรอื เงนิ อ่นื ใดทถี่ ึงกาหนดจายแกสมาชกิ น้ัน็เพ่อื ชาระหน้ีหรือภาระผูกพนั อน่ื ท่ีมตี อสหกรณ์็ใหแกสหกรณ์ตามจานวน ทส่ี หกรณแ์ จงไป็จนกวาหนี้หรอื ภาระผกู พนั น้นั จะระงบั สิ้นไปใหหนวยงานนั้นหกั เงนิ ดังกลาวและสงเงินท่ีหักไวนั้น ใหแกสหกรณโ์ ดยพลัน การแสดงเจตนายินยอมตามวรรคหนงึ่ ็มิอาจจะถอนคืนได็เวนแตสหกรณ์ใหความยนิ ยอม การหกั เงนิ ตามวรรคหน่ึง็ตองหักใหสหกรณ์เป็นลาดับแรก็ถัดจากหน้ีภาษีอากรและการหักเงินเขากองทุน ทีส่ มาชิกตองถูกหกั ตามกฎหมายวาดวยกองทนุ บาเหนจบานาญขาราชการ็กฎหมายวาดวยกองทุนสารองเล้ียงชีพ็ กฎหมายวาดวยการคมุ ครองแรงงาน็และกฎหมายวาดวยการประกนั สงั คม *มาตรา็41็แกไขโดยมาตรา็15็แหงพระราชบัญญตั สิ หกรณ์็(ฉบบั ท่็ี 3)็พ.ศ.็2562็็ ** มาตรา็42็วรรคสอง็แกไขโดยมาตรา็7็แหงพระราชบญั ญตั ิสหกรณ็์ (ฉบับที่็2)็พ.ศ.็2553 *** มาตรา็42/1็เพมิ่ เตมิ โดยมาตรา็8็แหงพระราชบญั ญัติสหกรณ็์ (ฉบบั ท็ี่ 2็)็พ.ศ.็2553็ หมายเหตุ็:-็ มาตรา็35็แหงพระราชบัญญัติสหกรณ์็(ฉบับท่ี็3)็พ.ศ.็2562็กาหนดวา็“มาตรา็35็ใหสหกรณ์แกไขขอบังคับของสหกรณ์ ที่เก่ียวกับสมาชิกสมทบใหเป็นไปตามมาตรา็41็แหงพระราชบัญญัติสหกรณ์็พ.ศ.็2542็ซึ่งแกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัตินี้็ใหแลวเสรจ ภายในหนึง่ รอยแปดสิบวันนับแตวันทพ่ี ระราชบญั ญัตนิ ใ้ี ชบังคับ”

~็10็~ * มาตรา 42/2็สมาชิกอาจทาหนังสือต้ังบุคคลหน่ึงหรือหลายคนเป็นผูรับโอนประโยชน์ในเงินคาหุน เงนิ ฝาก็หรือเงินอน่ื ใดจากสหกรณเ์ มื่อถงึ แกความตาย็โดยมอบไวแกสหกรณเ์ ปน็ หลักฐาน ส่วนท่ี ๒ ข้อบังคับและการแก้ไขเพ่ิมเติม มาตรา ๔๓ ขอ็ บั็งคั็บของสหกรณ์็อย็างนอ็ ยต็องมี็รายการ็ดั็งตอ็ ไปน้ี็ (๑)็็ช่ื็อสหกรณ์็ซ็ึง่ ต็องมี็คำว็า็“จำกัด” อย็ทู ็ายชือ็่ (๒)็็ประเภทของสหกรณ์็ (๓)็็วัต็ ถุป็ ระสงค์ (๔)็็ท่ี็ตั้ง็สำนั็กงานใหญและทตี่็ ็งั้ สานั็กงานสาขา (๕)็็ทนุ ซึง่ แบงเป็นหนุ ็มูลคาของหนุ ็การชาระคาหุนดวยเงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ อ่ืน็การขายและการโอนหุน็ ตลอดจนการจายคนื คาหุน (๖)็็ขอ็ กำหนดเกี่ย็ วกับ็ การดำเนิน็ งาน็การบั็ญชี็และการเงิน็ ของสหกรณ์ (๗)็็คุณ็ สมบั็ติข็ องสมาชิก็ ็วิ็ธีร็ั็บสมาชิก็ ็การขาดจากสมาชิก็ ภาพ็ตลอดจนสิท็ ธิห็ นา็ทข่็ี องสมาชิ็ก (๘)็็ข็อกำหนดเก่ย็ี วกับ็ การประชุ็มใหญ็ (๙)็็การเลอื กต้งั ็การดารงตาแหนง็การพนจากตาแหนง็และการประชุมของคณะกรรมการดาเนนิ การสหกรณ์ (๑๐)็ การแตงต้งั ็การดารงตาแหนง็การพนจากตาแหนง็การกาหนดอานาจหนาที่็และความรับผิดชอบ ของผจู ัดการ มาตรา ๔๔ การแก็ไขเพม่ิ็ เติ็มขอ็ บัง็คับ็ ็จะกระทำได็ก็แต็โดยมติข็ องทีป่็ ระชุ็มใหญ็และต็องนำขอ็ บัง็คั็บ็ ท่ีไดแกไขเพิ่มเติมไปจดทะเบียนตอนายทะเบียนสหกรณ์ภายในสามสิบวันนับแตวันที่ที่ประชุมใหญลงมติ็เมื่อ นายทะเบยี็ นสหกรณ์ไ็ด็จดทะเบี็ยนแลวใหมผี ลใชบงั คับได ในกรณีท่ีมีการแกไขเพิ่มเติมขอบังคับโดยการเปล่ียนชื่อสหกรณ์็ใหสหกรณ์คืนใบสาคัญรับจดทะเบียน และใหนายทะเบียนสหกรณ์ออกใบสาคญั รับจดทะเบยี นการเปลยี่ นชอ่ื ใหแกสหกรณ์ดวย็ การแกไขเพม่ิ เติมขอบงั คับและการเปล่ียนชื่อของสหกรณ์น้ัน็ยอมไมกระทบกระเทือนถึงสิทธิหรือความรับผิด ใด็ๆ็ของสหกรณ์็ ใหนาความในมาตรา็๓๖็มาตรา็๓๗็และมาตรา็๓๘็มาใชบงั คบั แกการแกไขเพิ่มเติมขอบังคับโดยอนุโลม มาตรา ๔๕ ในกรณีมปี ญั หาเกีย่ วกับการตคี วามในขอบังคับ็ใหสหกรณ์ขอคาวินิจฉัยจากนายทะเบียน สหกรณ็์ และใหสหกรณ์ถอื ปฏบิ ัติตามคาวนิ ิจฉัยนนั้ ส่วนท่ี ๓ การดำเนินงานของสหกรณ์ มาตรา ๔๖ เพอื็่ ปฏิ็บั็ติใ็ห็เปน็ ไปตามวั็ตถุ็ประสงค์็ให็สหกรณ์็มี็อำนาจกระทำการ็ดัง็ต็อไปนไ้ี็ด็ (๑)็็ดำเนิน็ ธุร็กิ็จ็การผลิต็ ็การค็า็การบริก็ าร็และอุต็ สาหกรรมเพ็่ือประโยชน์็ของสมาชิ็ก (๒)็็ใหส็ วั็สดิ็การหรือ็ การสงเคราะห์ต็ ามสมควรแก็สมาชิ็กและครอบครัว็ (๓)็็ให็ความชว็ ยเหลื็อทางวิ็ชาการแก็สมาชิก็ (๔)็็ขอหรือ็ รับ็ ความชว็ ยเหลื็อทางวิช็ าการจากทางราชการ็หนว็ ยงานของตา็งประเทศหรื็อบุ็คคลอื็่นใด * มาตรา็42/2็เพ่ิมเติมโดยมาตรา็8 แหงพระราชบัญญัติสหกรณ์็(ฉบับท่ี็2) พ.ศ.็2553

~็11็~ *(5) รบั็ ฝากเง็ินประเภทออมทร็ัพย์หรอื ประเภทประจาจากสมาชิกหรือสหกรณ์อ็ ื่น็หรือ็ สมาคมฌาปนกิ็จ สงเคราะห์ซ็ ง่็ึ มี็สมาชิก็ ของสมาคมนั้็นไม็นอ็ ยกว็าก็่ึงหนึง็่ เป็นสมาชิ็กของสหกรณ์็ผร็ู ั็บฝากเงิน็ ็ หรือนิติบุคคลซึ่งมี บุคลากรหรือลูกจางไมนอยกวาก่ึงหนึ่งของนิติบุคคลน้ันเป็นสมาชิกของสหกรณ์ผูรับฝากเงิน็ทง้ั็น้ี็ ตามระเบี็ยบ็ ของสหกรณ์็ท่ไี็ด็รั็บความเห็นชอบจากนายทะเบี็ยนสหกรณ์็ (๖)็็ใหกู็ใหสินเช่อื ็ใหยืม็ใหเชา็ใหเชาซือ้ ็โอน็รบั จานองหรือรบั จานา็ซงึ่ ทรัพยส์ นิ แกสมาชิกหรือของสมาชิก (๗)็็จัด็ ให็ไดม็ า็ซ้็ือ็ ถื็อกรรมสิทธิห็์ รือ็ ทรั็พยสิ็ทธิค็ รอบครอง็ ก็ู ยืม็ ็เช็า็ เช็าซ็้ือ็ รั็บโอนสิ็ทธิก็ ารเช็า็ หรื็อสิ็ทธิก็ ารเช็าซ้ือ็ ็จำนองหรือ็ จำนำ็ขายหรื็อจำหน็ายดว็ ยวิ็ธี็อนื่็ ใดซึ่็งทรั็พย์ส็ ิน็ (๘)็็ให็สหกรณ์็อน่็ื กย็ู ืม็ เงิน็ ไดต็ ามระเบี็ยบของสหกรณ์ท็ ี็่ได็รั็บความเห็นชอบจากนายทะเบี็ยนสหกรณ์็ (๙)็็ดำเนิ็นกิ็จการอยา็งอื็่นบรรดาทีเ่็ก่็ียวกับ็ ็หรื็อเน็ือ่ งในการจั็ดใหส็ ำเรจ็ ตามวั็ตถุ็ประสงค์็ของสหกรณ์ มาตรา ๔๗ การก็ยู ื็มเงิ็นหรือ็ การค้าประกั็นของสหกรณ์็ จะตอ็ งจำกั็ดอยภ็ู ายในวงเงิ็นท็น่ี ายทะเบีย็ น็ สหกรณ์็เหน็ ชอบ มาตรา ๔๘ ให็สหกรณ์็ดำรงสิน็ ทรัพ็ ย์ส็ ภาพคล็องตามหลั็กเกณฑ์แ็ ละวิธ็ ี็การท่็ีกำหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๔๙ การรับเงินอุดหนุนหรือทรพั ย์สนิ จากทางราชการ็หนวยงานของตางประเทศหรือบุคคลอ่ืนใด็ ถาการใหเงินอุดหนุนหรือทรัพย์สินน้ันกาหนดไวเพื่อการใดใหใชเพื่อการน้ัน็ แตถามิไดกาหนดไวใหจัดสรรเงิน อุ็ดหนุ็นหรือ็ ทรัพ็ ย์ส็ ิน็ นน้็ั เปน็ ทุนสำรองของสหกรณ์็ มาตรา ๕๐ ให็สหกรณ์ม็ ีคณะกรรมการดำเนิ็นการสหกรณ์็ ประกอบดว็ ย็ ประธานกรรมการหนึ่ง็คน็ และกรรมการอ่นื็ อี็กไม็เกิน็ สิบ็ ส็ี่คนซึ่็งท่ีป็ ระชุ็มใหญเ็ลือ็ กตั็้งจากสมาชิก็ คณะกรรมการดำเนิ็นการสหกรณ์็ มีวาระอยู็ในตำแหน็งคราวละสองปีน็ ับ็ แต็วน็ั เลือกต้ัง็ในวาระเร่ิมแรก เมอ็่ื ครบหนึ่ง็ปีน็ ับ็ แต็วัน็ เลือ็ กต็ง้ั ็ให็กรรมการดำเนิน็ การสหกรณ์อ็ อกจากตำแหนง็เป็นจำนวนหนงึ็่ ในสองของ กรรมการดำเนิ็นการสหกรณท์ ั้งหมดโดยวิธ็ ีจ็ ับ็ สลาก็และให็ถือ็ วา็เปน็ การพน็ จากตำแหนง็ตามวาระ กรรมการดาเนินการสหกรณ์็ซึ่งพนจากตาแหนงอาจไดรับเลือกต้งั อีกได็แตตองไมเกินสองวาระตดิ ตอกนั ในกรณี็ท่ี็มีก็ ารเลือ็ กต้็ังกรรมการดำเนิ็นการสหกรณ์แ็ ทนตำแหนง็ทวี็่ ็าง็ใหก็ รรมการดำเนิน็ การสหกรณ์็ ที็่ไดร็ั็บเลื็อกต้ัง็อยใู็นตำแหน็งเท็ากั็บวาระท่ี็เหลื็ออย็ูของผ็ูทต่็ี นแทน มาตรา ๕๑ ใหค็ ณะกรรมการดำเนิน็ การสหกรณ์็เปน็ ผด็ู ำเนิ็นกิ็จการและเปน็ ผูแ็ ทนสหกรณ์็ในกิ็จการ็ อั็นเกี็่ยวกับ็ บุค็ คลภายนอก็เพื็่อการน้ี็คณะกรรมการดำเนิน็ การสหกรณ์จะมอบหมายให็กรรมการคนหน่งึ็หรื็อ หลายคนหรือผจู ดั การทาการแทนกได **มาตรา ๕๑/1 ในการดาเนินกิจการของสหกรณ์็คณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์็กรรมการหรือ ผูจัดการตองปฏบิ ตั ิหนาทีใ่ หเป็นไปตามกฎหมาย็วัตถุประสงค์็ขอบเขตแหงการดาเนินกิจการที่จะพึงดาเนินการ ไดของสหกรณ์็ขอบังคับของสหกรณ์็และมติที่ประชุมใหญ็ทั้งน้ี็ดวยความซ่ือสัตย์สุจริตและระมัดระวังรักษา ผลประโยชนข์ องสหกรณห์ รอื สมาชกิ ** มาตรา 51/2็คณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์็กรรมการ็หรือผูจัดการตองรับผิดรวมกันในความ เสียหายตอสหกรณใ์ นกรณีดังตอไปนี้ (1)็ แสวงหาผลประโยชนโ์ ดยมิชอบ (2)็ ไมปฏิบตั หิ นาท่ีตามคาสัง่ ของนายทะเบยี นสหกรณ์ (3)็ ดาเนินกจิ การนอกขอบวตั ถปุ ระสงคห์ รือขอบเขตแหงการดาเนินกิจการทจี่ ะพงึ ดาเนนิ การไดของสหกรณ์ * มาตรา็46 (5) แกไขเพ่ิมเติมโดยมาตรา็9 แหงพระราชบัญญัติสหกรณ์็(ฉบับที่็2)็พ.ศ.็2553็ครั้งสุดทายแกไขโดยมาตรา็16็ แหงพระราชบัญญัตสิ หกรณ็์ (ฉบับท็ี่ 3)็พ.ศ.็2562 ** มาตรา็51/1็และมาตรา็51/2็เพ่มิ เติมโดยมาตรา็17็แหงพระราชบญั ญัติสหกรณ์็(ฉบบั ท็่ี 3) พ.ศ.็2562 ็

~็12็~ เจาหนาทีข่ องสหกรณผ์ ใู ดมีสวนรวมในการกระทาของคณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์็กรรมการหรือ ผูจัดการ็อันเป็นเหตุใหเกิดความเสียหายแกสหกรณ์็เจาหนาท่ีของสหกรณ์ผูนั้นตองรับผิดรวมกันกับ คณะกรรมการดาเนนิ การสหกรณ์็กรรมการ็หรอื ผจู ัดการ็ในความเสยี หายตอสหกรณ์ *มาตรา 51/3็คณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์็กรรมการ็หรือผูจัดการไมตองรับผิดตามมาตรา็ 51/2็ในกรณีดงั ตอไปนี้ (1)็ พสิ จู น์ไดวาตนมไิ ดรวมกระทาการอนั เปน็ เหตุใหเกิดความเสียหายตอสหกรณ์ (2)็็ ไดคัดคานในที่ประชุมคณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์โดยปรากฏในรายงานการประชุมหรือไดทา คาคัดคานเปน็ หนงั สือยื่นตอประธานท่ีประชมุ ภายในสามวนั นับแตสิ้นสุดการประชุม มาตรา 52็หามมิใหบุคคลซ่ึงมีลักษณะดังตอไปนเ้ี ป็นหรอื ทาหนาที่กรรมการหรือผจู ัดการ **(1) เคยไดร็ ับโทษจำคกุ โดยคาพิพ็ ากษาถึงที่สุดใหจาคกุ ็เว็นแต็เปน็ โทษสาหรบั ความผิดท่ีไดกระทาโดย ประมาทหรือ็ ความผิ็ดลหโุ ทษ (๒)็ เคยถกู ไลออก็ปลดออก็หรือใหออกจากราชการ็องค์การ็หรือหนวยงานของรัฐหรือเอกชน็ฐานทุจริต ตอ็ หน็าท็ี่ (๓)็ เคยถกู ใหพนจากตาแหนงกรรมการหรือมีคาวนิ ิจฉัยเป็นที่สดุ ใหพนจากตาแหนงกรรมการตามมาตรา็๒๒็(๔) (๔)็ เคยถู็กที่ป็ ระชุ็มใหญ็มี็มติ็ให็ถอดถอนออกจากตำแหน็งกรรมการเพราะเหตุ็ทุจ็ ริต็ ตอ็ หน็าท็่ี ***(5)็ เคยถูกสั่งใหพนจากตาแหนงกรรมการหรือผูจัดการตามมาตรา็89/3็วรรคสอง ***(6)็ เปน็ กรรมการหรือผูจดั การในสหกรณท์ ถ่ี กู ส่งั เลกิ ตามมาตรา็89/3็วรรคสอง ็***(7)็ เป็นบุคคลทมี ีลักษณะตองหามตามระเบียบท่ีนายทะเบียนสหกรณ์กาหนด มาตรา 53็ใหสหกรณ์มีผูตรวจสอบกิจการ็ซ่ึงท่ีประชุมใหญเลือกตั้งจากสมาชิกหรือบุคคลภายนอก็ เพ่ือดาเนินการตรวจสอบกจิ การของสหกรณ์แลวทารายงานเสนอตอท่ีประชุมใหญ ****จานวน็คุณสมบัติและลักษณะตองหาม็วิธีการรับสมัคร็และการขาดจากการเป็นผูตรวจสอบกิจการ ตลอดจนอานาจหนาทขี่ องผูตรวจสอบกจิ การตามวรรคหน่งึ ็ใหเปน็ ไปตามท่นี ายทะเบียนสหกรณ์กาหนด็โดยอาจ กาหนดใหแตกตางกันตามขนาดและประเภทของสหกรณ์กได มาตรา ๕๔ ใหคณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์เรียกประชุมใหญสามัญปีละหน่ึงครั้งภายในหนึ่งรอย หาสิบวนั นับแตวนั สิ้นปีทางบญั ชีของสหกรณ์น้ัน มาตรา ๕๕ เมื่อมเี หตุอนั สมควร็คณะกรรมการดาเนนิ การสหกรณ์จะเรียกประชุมใหญวิสามัญเม่ือใดกได แต็ถานายทะเบีย็ นสหกรณม์็ ีหนั็งสือแจงใหเรียกประชมุ็ ใหญวิ็สามัญ็หรื็อในกรณี็ทีส่็ หกรณ์็ขาดทุ็นเกิ็นกึง่็ของ จานวนทนุ เรอื นหุนทีช่ าระแลว็ตองเรียกประชุมใหญวสิ ามญั โดยมิชักชาแตไมเกินสามสิบวันนับแตวันท่ีสหกรณ์ทราบ สมาชิ็กซง็ึ่ มีจ็ ำนวนไม็น็อยกว็าหน็ง่ึ ในห็าของจำนวนสมาชิก็ ทั็ง้ หมด็หรือไมน็ ็อยกว็าหนึ็ง่ รอ็ ยคน็หรือ็ ผูแทนสมาชิ็กในกรณ็ที ่ีมีผูแทนสมาชิก็ ตามมาตรา็๕๖็ซ็ึ่งมี็จำนวนไม็นอ็ ยกว็าหน็ง่ึ ในห็าของจำนวนผ็ูแทนสมาชิ็ก ท้งั็หมด็หรือ็ ไม็น็อยกวา็ หา็ สิบ็ คนลงลายมือ็ ชื่อ็ ทำหนัง็สื็อรอ็ งขอตอ็ คณะกรรมการดำเนิน็ การสหกรณ์็ ให็เรีย็ ก ประชุ็มใหญว็ ิส็ ามั็ญก็ได็ ในกรณีที่สมาชิก็หรือผูแทนสมาชิกของสหกรณ์เป็นผูรองขอใหเรียกประชุมใหญวิสามัญใหคณะกรรมการ ดาเนินการสหกรณ์เรียกประชุมใหญวิสามัญภายในสามสิบวันนบแตวันท่ีรับคารองขอ็ถาคณะกรรมการ็ ดาเนินการสหกรณ์ไมเรียกประชุมใหญวิสามัญภายในกาหนดระยะเวลาดังกลาว็ใหนายทะเบียนสหกรณ์มีอานาจ เรยี กประชุมใหญวสิ ามญั ภายในระยะเวลาตามทเ่ี หนสมควรกได *มาตรา็51/3็เพมิ่ เติมโดยมาตรา็17็แหงพระราชบัญญตั สิ หกรณ์็(ฉบบั ท็่ี 3) พ.ศ.็2562 ** มาตรา็52 (1) แกไขโดยมาตรา็10็แหงพระราชบญั ญตั ิสหกรณ์็(ฉบบั ที็่ 2) พ.ศ. 2553 *** มาตรา็52 (5) (6) (7) เพ่มิ เตมิ โดยมาตรา็18็แหงพระราชบัญญตั ิสหกรณ์็(ฉบับที็่ 3) พ.ศ. 2562 **** มาตรา็53็วรรคสอง็แกไขโดยมาตรา็19็แหงพระราชบัญญตั ิสหกรณ์็(ฉบบั ที่็3) พ.ศ. 2562

~็13็~ มาตรา ๕๖ สหกรณ์ใดมีสมาชิกเกินกวาหารอยคน็จะกาหนดในขอบังคับใหมีการประชุมใหญโดย็ ผแู ทนสมาชิกกไ็ด็จำนวนผ็ูแทนสมาชิ็กจะมีน็ อ็ ยกวา็หนึ่ง็ร็อยคนไม็ได็ วิธีการเลือกตั้งผูแทนสมาชิก็จานวนผูแทนสมาชิก็และการดารงตาแหนงใหเป็นไปตามที่กาหนด ในขอบังคับ มาตรา ๕๗ การประชุ็มใหญของสหกรณ์ต็ อ็ งมีส็ มาชิ็กมาประชุ็มไม็นอ็ ยกว็ากง็ึ่ หน่ึ็งของจำนวนสมาชิ็ก็ ทั็้งหมดหรื็อไม็น็อยกวา็ หนงึ่็รอ็ ยคน็ในกรณี็เป็นการประชุ็มใหญโ็ดยผูแ็ ทนสมาชิ็ก็ต็องมี็ผแู็ ทนสมาชิ็กมาประชุ็ม็ ไมนอยกวาก่งึ หนงึ่ ของจานวนผแู ทนสมาชกิ ท้ังหมดหรือไมนอยกวาหน่ึงรอยคน็จึงจะเปน็ องค์ประชมุ ในการประชุมใหญ็สมาชกิ หรอผแู ทนสมาชกิ จะมอบอานาจใหผอู ืน่ มาประชมุ แทนตนไมได มาตรา ๕๘ ในการประชุมใหญของสหกรณ์็ถาสมาชิกหรือผูแทนสมาชิก็แลวแตกรณี็มาประชุมไมครบ องค์ประชุม็ใหนัดประชุมใหญอีกคร้ังหนึ่งภายในสิบส่ีวันนับแตวันที่นัดประชุมใหญครั้งแรก็ในการประชุมครั้งหลังนี้็็ ถามิใชก็ ารประชุ็มใหญว็ ิส็ ามัญท่ีสมาชิกหรือผูแทนสมาชิก็ รอ็ งขอให็เรี็ยกประชุม็ แลว็ ็เม็ื่อมี็สมาชิก็ หรือ็ ผู็แทน สมาชิ็ก็แล็วแตกรณี็มาประชุม็ ไมน็ ็อยกวา็หนง็ึ่ ในสิบ็ ของจำนวนสมาชิก็ หรื็อผ็ูแทนสมาชิ็กทง้ั็หมด็ หรื็อไม็น็อยกว็า สามสิบ็ คน็กใ็หถ็ ือ็ ว็าเปน็ องค์็ประชุ็ม มาตรา ๕๙ สมาชิ็กหรื็อผแ็ู ทนสมาชิ็กคนหนึ็่งให็มี็เสีย็ งหน่ึ็งในการลงคะแนน็ ถา็ คะแนนเสีย็ งเท็ากั็น็ ใหป็ ระธานในท็่ปี ระชุ็มออกเสีย็ งเพ่ม็ิ ข้น็ึ อี็กเสีย็ งหนึง็่ เป็นเสี็ยงช้็ีขาด็การวิ็นิจ็ ฉัย็ ชขี็้ าดของท็ีป่ ระชุม็ ใหญให็ถือ็ เสียง ขางมาก็เวนแตในกรณีดังตอไปน็้ี ใหถอื เสียงไมนอยกวาสองในสามของจานวนสมาชิกหรือผูแทนสมาชิกซ่ึงมาประชุม (๑)็็การแก็ไขเพมิ่็ เติ็มขอ็ บั็งคั็บ (๒)็็การควบสหกรณ์ (๓)็็การแยกสหกรณ์ (๔)็็การเลิ็กสหกรณ์ (๕)็การอื่น็ ใดท่็ขี ็อบัง็คั็บกำหนดให็ใช็เสีย็ งไม็น็อยกว็าสองในสามของจำนวนสมาชิ็กหรือ็ ผ็ูแทนสมาชิ็ก็ ซ็ึง่ มาประชุ็ม *มาตรา ๖๐ การจั็ดสรรกำไรสุท็ ธิป็ ระจำปี็ของสหกรณ์็ ใหจ็ ัด็ สรรเป็นทุนสำรองไม็น็อยกว็ารอ็ ยละสิบ็ ็ ของกาไรสุทธิ็และเปน็ คาบารุงสนั นบิ าตสหกรณแ์ หงประเทศไทยตามอัตราท่ีกาหนดในกฎกระทรวง็แตตองไมเกิน ร็อยละหา็ ของกำไรสุ็ทธิ็ กาไรสุทธปิ ระจาปที ่เี หลอื จากการจัดสรรเป็นทุนสารองและคาบารุงสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทย็ ท่ปี ระชุมใหญอาจจดั สรรไดภายใตขอบังคับ็ดงั ตอไปนี้ (๑)็็จายเป็นเงินปนั ผลตามหุนที่ชาระแลว็แตตองไมเกินอัตราท่ีกาหนดในกฎกระทรวงสาหรับสหกรณ์ แตละประเภท (๒)็็จา็ยเปน็ เงิ็นเฉล็่ยี คื็นใหแก็สมาชิ็กตามส็วนธุ็รกิ็จทส่ี็ มาชิ็กได็ทำไวก็ ั็บสหกรณ์็ในระหว็างปี็ (๓)็็จ็ายเป็นเงิ็นโบนั็สแก็กรรมการและเจา็หนา็ที่็ของสหกรณ์ไ็มเ็กิน็ ร็อยละสิบของกำไรสุ็ทธิ็ (๔)็็จายเป็นทุนสะสมไว็เพือ่็ ดำเนิน็ การอย็างหน่ง็ึ อย็างใดของสหกรณ์็ตามทีก่ าหนดในขอบังคับ มาตรา ๖๑ ทุนสำรองตามมาตรา็๖๐็วรรคหน็ง่ึ ็จะถอนจากบั็ญชีท็ ุน็ สำรองได็เพ่ื็อชดเชยการขาดทุน็ หรือเพื่็อจดั สรรเขาบัญ็ ชีท็ นุ สารองใหแ็ ก็สหกรณใ์ หมทไ่ี ดจดทะเบยี นแบง็แยกจากสหกรณ์เ็ดิ็มตามมาตรา็๑๐๐ มาตรา ๖๒ เงิน็ ของสหกรณ์น็ ้น็ั ็สหกรณ์็อาจฝากหรื็อลงทุนได็ดั็งต็อไปนี็้ (๑)็็ฝากในชมุ นุมสหกรณห์ รือสหกรณ์อ่นื (๒)็็ฝากในธนาคาร็หรือฝากในสถาบนั การเงินทีม่ ีวัตถุประสงค์เพอ่ื ใหความชวยเหลือทางการเงนิ แกสหกรณ์ (๓)็็ซือ้็ หลั็กทรั็พย์็ของรั็ฐบาลหรือรัฐวิส็ าหกิ็จ *มาตรา็60็วรรคหน่ึง็็แก็ไขโดยมาตรา็11็แห็งพระราชบัญ็ ญัต็ ิ็สหกรณ์็(ฉบับ็ ท็่ี 2) พ.ศ. 2553

~็14็~ (๔)็็ซ็ื้อหุ็นของธนาคารที็่มี็วัต็ ถุป็ ระสงค์เ็พอ่ื็ ให็ความช็วยเหลื็อทางการเงิน็ แกส็ หกรณ์ (๕)็็ซอ้็ื หนุ็ ของชุ็มนุ็มสหกรณ์็หรอื สหกรณ์็อ่น็ื (๖)็็ซ้ือหน็ุ ของสถาบันทปี่ ระกอบธุ็รกิ็จอั็นทาใหเกิด็ ความสะดวกหรอื สงเสริ็มความเจร็ญิ แกกิจการของ สหกรณโ์ ดยไดร็ ับความเหนชอบจากนายทะเบ็ยี นสหกรณ์็ (๗)็็ฝากหรือ็ ลงทุ็นอย็างอ่็ืนตามท่ี็คณะกรรมการพั็ฒนาการสหกรณ์็แหง็ชาติก็ ำหนด มาตรา ๖๓ ใหสหกรณ์ที่มีวัตถุประสงค์เพ่ือการขายหรือแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรท่ีสมาชิกผลิตขึ้น พิ็จารณาซ้อื็ หรือ็ รวบรวมผลิ็ตผลจากสมาชิ็กก็อนผ็ูอื็น่ มาตรา ๖๔ ใหส็ หกรณ์็จั็ดทาทะเบี็ยน็ดั็งต็อไปน็้ี (๑)็็ทะเบี็ยนสมาชิ็กซ่ึ็งอย็างน็อยต็องมีร็ ายการ (ก)็ชื็อ่ ็ประเภท็และท็ีต่ ็ั้งสำนั็กงานของสหกรณ์็ (ข)็ช็ือ่ ็สัญ็ ชาติ็และท็ี่อย็ูของสมาชิก็ (ค)็วัน็ ทีเ็่ ขา็เป็นสมาชิก็ (๒)็็ทะเบี็ยนห็นุ ซ่ึ็งอย็างนอ็ ยต็องมี็รายการ (ก)็ช็ื่อ็ประเภท็และที็ต่ ้็ังสำนั็กงานของสหกรณ์็ (ข)็ชื่อ็ ของสมาชิ็กซ่็งึ ถื็อหุ็น็มู็ลคา็หุ็น็จำนวนหนุ็ ็และเงิน็ ค็าหน็ุ ท็ช่ี ำระแล็ว (ค)็วัน็ ที็่ถือ็ หุ็น ให็สหกรณ์เ็ก็บรัก็ ษาทะเบีย็ นตาม็ (๑)็ และ็ (๒)็ ไว็ท่็ีสำนัก็ งานของสหกรณ์็และใหส็ ง็สาเนาทะเบี็ยนน้ั็น็ แกน็ ายทะเบี็ยนสหกรณ์็ภายในเก็าสิบ็ วัน็ นั็บแต็วั็นที็่จดทะเบีย็ น ใหส็ หกรณ์ร็ ายงานการเปลย่ี็ นแปลงรายการในทะเบีย็ นต็อนายทะเบี็ยนสหกรณ์ภ็ ายในสามสิบ็ วั็นนับ็ แต็ วัน็ ส้ิ็นปีท็ างบัญ็ ชีข็ องสหกรณ์ มาตรา ๖๕ ใหส็ หกรณ์็จัด็ ให็มี็การทำบั็ญชี็ตามแบบและรายการท็นี่ ายทะเบี็ยนสหกรณ์ก็ ำหนดให็ ถูก็ ตอ็ งตามความเปน็ จริง็็ และเก็บรักษาบั็ญชีแ็ ละเอกสารประกอบการลงบั็ญชีไ็วท็ ีส่็ ำนั็กงานสหกรณ์็ภายใน ระยะเวลา็ทน่ี ายทะเบียนสหกรณ์กาหนด เมอื่็ มีเ็หตุ็ตอ็ งบ็ันทึ็กรายการในบ็ัญชเ็ี กย่็ี วกั็บกระแสเงิน็ สดของสหกรณ์ใหบ็ ัน็ ทึก็ รายการในวั็นท่ีเ็กิด็ เหตุ็นน้็ั ็ สำหรั็บเหตุอ็ น่็ื ท่ไี็ม็เกี่ย็ วกับ็ กระแสเงิน็ สด็ให็บั็นทึ็กรายการในสมุด็ บั็ญชี็ภายในสามวัน็ นั็บแตว็ ั็นท่ี็มีเ็หตุอ็ ั็นจะตอ็ ง็ บัน็ ทึ็กรายการนนั็้ การลงรายการบั็ญชีต็ อ็ งมี็เอกสารประกอบการลงบั็ญชี็ท่ี็สมบู็รณ์็โดยครบถวน *มาตรา 66็ ใหสหกรณจ์ ดั ทางบการเงินประจาปีทุกรอบปีทางบญั ชขี องสหกรณ์ งบการเงนิ ประจาปตี องเปน็ ไปตามแบบท่นี ายทะเบียนสหกรณ์กาหนด งบการเงินประจาปีนั้นตองทาใหแลวเสรจและใหผูสอบบัญชีตรวจสอบแลวนาเสนอเพื่ออนุมัติ ในท่ีประชุมใหญของสหกรณภ์ ายในหนึ่งรอยหาสิบวนั นับแตวนั สน้ิ ปที างบัญชี *มาตรา 67็ ใหสหกรณ์จัดทารายงานประจาปีแสดงผลการดาเนินงานของสหกรณ์เสนอตอที่ประชุมใหญ ในคราวทีเ่ สนองบการเงินประจาปี็และใหสงสาเนารายงานประจาปีและงบการเงินประจาปีไปยังนายทะเบียนสหกรณ์ ภายในสามสบิ วนั นับแตวนั ท่มี ีการประชมุ *มาตรา 68็ ใหสหกรณเ์ กบรักษารายงานประจาปีแสดงผลการดาเนินงานของสหกรณ์และงบการเงิน ประจาปี็พรอมท้งั ขอบงั คับและกฎหมายวาดวยสหกรณ์ไวท่สี านกั งานของสหกรณ็์ เพอื่ ใหสมาชกิ ขอตรวจดูได * มาตรา็66็มาตรา็67็และมาตรา็68 แกไขโดยมาตรา็20็แหงพระราชบญั ญัตสิ หกรณ์็(ฉบบั ท่็ี 3) พ.ศ.็2562

~็15็~ ส่วนท่ี ๔ การสอบบัญชี *มาตรา 69็ ใหกรมตรวจบัญชีสหกรณ์เป็นผูสอบบัญชีของสหกรณ์็ในการน้ี็กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ อาจแตงตั้งผูสอบบัญชีรับอนุญาต็หรือบุคคลอื่นเป็นผูสอบบัญชีของสหกรณ์็ตามขนาดของสหกรณ์กได็ท้ังน้็ี ตามระเบยี บทอี่ ธบิ ดีกรมตรวจบญั ชสี หกรณก์ าหนด การสอบบญั ชนี ้นั ็ใหปฏบิ ัติตามมาตรฐานการสอบบญั ชีและตามระเบยี บทอ่ี ธบิ ดกี รมตรวจบัญชีสหกรณ์กาหนด ส่วนท่ี ๕ การเลิกสหกรณ์ มาตรา ๗๐ สหกรณ์็ย็อมเลิ็กด็วยเหตุห็ น็ง่ึ เหตุ็ใด็ดั็งต็อไปน้ี็ (๑)็็มี็เหตุ็ตามทกี่็ ำหนดในข็อบัง็คับ็ (๒)็็สหกรณ์็มีจ็ ำนวนสมาชิ็กนอ็ ยกว็าสิบ็ คน (๓)็็ท็่ีประชุ็มใหญลงมติ็ให็เลิ็ก (๔)็็ล็มละลาย (๕)็็นายทะเบี็ยนสหกรณ์ส็ ่งั็ใหเ็ลิกตามมาตรา็๗๑ ใหสหกรณ์ท่ีเลิกตาม็(๑)็(๒)็(๓)็หรือ็(๔)็แจงใหนายทะเบียนสหกรณ์ทราบภายในสิบหาวันนับแต วนั ทีเ่ ลกิ ให็นายทะเบีย็ นสหกรณ์็ปิด็ ประกาศการเลิก็ สหกรณ์ไ็วท็ ส่ี็ ำนัก็ งานของสหกรณ์็ท่ท็ี ำการสหกรณ์็อำเภอ หรือหนว็ ยสงเสริม็ สหกรณ์็และท่ีวา็ การอำเภอหรือ็ สานัก็ งานเขตแหง็ทองที่ท่ีสหกรณ์นน้ั ตั้งอยู มาตรา ๗๑ นายทะเบี็ยนสหกรณ็ม์ อี ำนาจสั่งเลิกสหกรณไ์ ด็เมอ่ื ปรากฏว็า (๑)็็สหกรณ์ไมเริ่มดำเนิ็นกิ็จการภายในหนง่็ึ ปี็นับ็ แตว็ ัน็ ทจี่็ ดทะเบีย็ นหรือ็ หยุด็ ดำเนิ็นกิจ็ การติด็ ตอ็ กั็น เป็นเวลาสองปีน็ ั็บแต็วัน็ ทห่ี็ ยุด็ ดำเนิ็นกิจ็ การ ** (๒)็็สหกรณไ์ มสงสาเนารายงานประจำปี็และงบการเงินประจาปีต็อนายทะเบี็ยนสหกรณ์็เปน็ เวลาสามปี็ ติด็ ต็อกั็น (๓)็็สหกรณ์ไ็มอ็ าจดำเนิน็ กิ็จการใหเ็ปน็ ผลดี็หรื็อการดำเนิน็ กิจ็ การของสหกรณ์ก็ อใหเ็กิด็ ความเสี็ยหาย แก็สหกรณ็์ หรือ็ ประโยชน์็ส็วนรวม *** มาตรา ๗๒ (ยกเลิก) มาตรา ๗๓ เมื็่อสหกรณ์ใดเลิก็ ไปดว็ ยเหตุ็หนง่็ึ เหตุใ็ดตามท่รี็ ะบุไ็ว็ในมาตรา็๗๐็ใหจ็ ัดการชำระบัญ็ ชี็ ตามบทบัญ็ ญั็ตใิ นหมวด็๔็วา็ดว็ ยการชำระบัญ็ ชี็ หมวด ๔ การชำระบญั ชี มาตรา ๗๔ การชาระบัญชีสหกรณ์ทีล่ มละลายนน้ั ็ใหเป็นไปตามกฎหมายวาดวยลมละลาย * สวนที่็4็การสอบบัญชี็มาตรา็69็แกไขโดยมาตรา็21็แห็งพระราชบัญ็ ญั็ติส็ หกรณ์็(ฉบับ็ ท็ี่ 3) พ.ศ. 2562 ** มาตรา็71 (2) แกไขโดยมาตรา็22็แหง็พระราชบัญ็ ญั็ติ็สหกรณ์็(ฉบับ็ ท็่ี 3) พ.ศ. 2562 ***มาตรา็72็็ยกเลิกโดยมาตรา็23็แห็งพระราชบั็ญญั็ติส็ หกรณ์็(ฉบั็บที็่ 3) พ.ศ. 2562

~็16็~ *มาตรา 75็ การชาระบัญชสี หกรณท์ ่ีเลิกเพราะเหตอุ ่ืนนอกจากลมละลาย็ใหที่ประชุมใหญต้ังผูชาระบัญชี โดยไดรบั ความเหนชอบจากนายทะเบยี นสหกรณข์ ึ้นทาการชาระบัญชีสหกรณ์ภายในสามสิบวันนับแตวันท่ีเลิกสหกรณ์็ หรือนับแตวนั ที่คณะกรรมการพจิ ารณาอุทธรณ์มีคาส่ังใหยกอทุ ธรณ็์ แลวแตกรณี ในกรณีที่ที่ประชุมใหญไมเลือกต้ังผูชาระบัญชีภายในกาหนดเวลาดังกลาว็หรือนายทะเบียนสหกรณ์็ ไมใหความเหนชอบในการเลือกต้ังผูชาระบัญชี็ใหนายทะเบียนสหกรณ์ต้ังผูชาระบัญชีขึ้นทาการชาระบัญชี สหกรณไ์ ด เม่ือนายทะเบียนสหกรณ์เหนสมควรหรือเม่ือสมาชิกมีจานวนไมนอยกวาสองในสามของสมาชิกท้ังหมด รองขอตอนายทะเบียนสหกรณ์็นายทะเบียนสหกรณ์จะแตงต้ังผูชาระบัญชีคนใหมแทนผูชาระบัญชีซึ่งไดรับ็ เลือกตั้งหรือซง่ึ ไดต้งั ไวกได ใหนายทะเบียนสหกรณ์จดทะเบียนผชู าระบญั ชซี ่ึงนายทะเบียนสหกรณ์ใหความเหนชอบตามวรรคหนึ่ง็ หรือผูชาระบัญชีซึ่งไดรับแตงต้ังตามวรรคสองหรือวรรคสาม็และใหปิดประกาศช่ือผูชาระบัญชีไวท่ีสานักงานของ สหกรณน์ ้นั ็สานักงานสหกรณ์อาเภอหรือหนวยสงเสริมสหกรณ์็และท่ีวาการอาเภอหรือสานักงานเขตแหงทองที่็ ท่ีสหกรณน์ น้ั ตง้ั อยูภายในสิบส่วี นั นับแตวันท่ีจดทะเบียนผูชาระบัญชี ผูชาระบัญชอี าจไดรบั คาตอบแทนตามทนี่ ายทะเบียนสหกรณก์ าหนด มาตรา ๗๖ สหกรณ์น็ ้็ันแมจะได็เลิ็กไปแลวก็ให็พึง็ถื็อวา็ ยัง็คงดำรงอย็ูตราบเทา็ เวลาท็่ีจำเปน็ เพ็ื่อการ็ ชำระบัญ็ ชี็ มาตรา ๗๗ ให็ผ็ชู ำระบัญ็ ชี็มีห็ นา็ ที็ช่ ำระสะสางกิ็จการของสหกรณ์็จั็ดการชำระหน้แ็ี ละจำหน็าย ทรัพ็ ย์ส็ ิน็ ของสหกรณ์็น้ัน็ ให็เสรจ็ ไป มาตรา ๗๘ เมอื็่ สหกรณ์เ็ลิก็ ็็ใหค็ ณะกรรมการดำเนิน็ การสหกรณ์แ็ ละเจา็ หน็าท็ข่ี องสหกรณ์็มี็หนา็ ท่ี็ จัด็ การรัก็ ษาทรั็พย์ส็ ิ็นท้ั็งหมดของสหกรณ์็ไวจ็ นกว็าผ็ูชำระบัญ็ ชี็จะเรี็ยกให็สง็มอบ ผูชำระบัญชี็จะเรย็ี กใหคณะกรรมการดำเนิ็นการสหกรณห็์ รือเจ็าหนาท่ีของสหกรณ์สงมอบทรัพย์สินตาม วรรคหน่ึงพร็อมด็วยสมุ็ดบัญ็ ชี็เอกสาร็และส็ิง่ อ็ื่นเม็อื่ ใดก็ได็ มาตรา ๗๙ ภายในสามสิบ็ วั็นนับ็ แต็วั็นทน่็ี ายทะเบี็ยนสหกรณ์็จดทะเบี็ยนผู็ชำระบั็ญชี็ใหผ็ ู็ชำระบ็ัญชี็ ประกาศโฆษณาทางหนัง็สือ็ พิ็มพ์ร็ ายวัน็ อย็างนอ็ ยสองวัน็ ติ็ดตอ็ กัน็ ็หรือ็ ประกาศโฆษณาทางอน็ื่ ว็าสหกรณ์ไ็ดเ็ลิ็ก็ และแจ็งเปน็ หนัง็สื็อไปยั็งเจ็าหน็ี้ทุ็กคน็ซงึ่็มีช็ ็ือ่ ปรากฏในสมุ็ดบัญ็ ชี็เอกสารของสหกรณ์็หรื็อปรากฏจากทางอืน่็ เพอ่ื็ ใหทราบว็าสหกรณ์นนั้ เลิก็และใหเ็จา็หนยี็้ ่นื็ คำทวงหน็้แี กผ็ ็ชู ำระบัญ็ ชี็ **มาตรา 80็ ผูชาระบัญชีตองทางบการเงินของสหกรณ์็ณ็วันท่ีเลิกสหกรณ์โดยไมชักชา็และให นายทะเบยี นสหกรณต์ งั้ ผูสอบบัญชีเพอ่ื ตรวจสอบงบการเงินนั้น เมื่อผูสอบบัญชีแสดงความเหนตองบการเงินแลว็ใหผูชาระบัญชีเสนองบการเงินตอท่ีประชุมใหญเพ่ือ อนุมัติ็แลวเสนองบการเงินนั้นตอนายทะเบยี นสหกรณ์ ในกรณีที่การประชุมใหญไมครบองค์ประชุม็ใหผูชาระบัญชีเสนองบการเงินตอนายทะเบียนสหกรณ์ เพอ่ื อนุมัติ มาตรา ๘๑ ผูชาระบัญ็ ชีม็ ี็อำนาจหน็าท่็ี ดั็งตอ็ ไปน็ี้ (๑)็็ดาเนินกิจการของสหกรณเ์ ทาท่ีจาเป็นเพอื่ ระวงั รกั ษาผลประโยชนข์ องสหกรณใ์ นระหวางท่ียังชาระบัญชี ไมเ็สรจ็ (๒)็็ดำเนิน็ กิ็จการของสหกรณ์เ็ทาท่จ็ี ำเป็นเพื่็อชำระสะสางกิ็จการให็เสร็จไปดว็ ยดี็ (๓)็็เรี็ยกประชุ็มใหญ *็มาตรา็75็วรรคหนึ่ง็แกไขโดยมาตรา็24็แห็งพระราชบั็ญญั็ติส็ หกรณ์็(ฉบั็บท็่ี 3) พ.ศ. 2562 ** มาตรา็80็แกไขโดยมาตรา็25็แห็งพระราชบัญ็ ญัต็ ิ็สหกรณ์็(ฉบับ็ ท่็ี 3) พ.ศ. 2562

~็17็~ (๔)็็ดำเนิน็ การทัง้็ปวงเกี็ย่ วก็ับคดี็แพ็งหรือ็ คดี็อาญา็และประนีป็ ระนอมยอมความในเรือ่็ งใด็ๆ็ในนาม็ ของสหกรณ์็ (๕)็็จำหน็ายทรัพ็ ย์ส็ ิ็นของสหกรณ์ (๖)็็เรยี กใหสมาชกิ หรอื ทายาทของสมาชกิ ผตู ายชาระคาหุนที่ยังชาระไมครบมลู คาของหุนท้ังหมด (๗)็็ร็องขอตอ็ ศาลเพื็่อส็่งั ให็สหกรณ์็ล็มละลายในกรณี็ที่็เงิ็นคา็ หนุ็ หรือ็ เงิน็ ลงทุ็นไดใ็ช็เสรจ็ แล็ว็แต็ ทรัพ็ ย์ส็ ิน็ กย็ ัง็ไม็เพีย็ งพอแก็การชาระหน็ส้ี ิ็น (๘)็็ดำเนิน็ การอยา็งอื่็นเท็าทจ่ี็ ำเป็นเพ็ื่อให็การชำระบั็ญชีเ็สร็จส็้นิ มาตรา ๘๒ ข็อจำกั็ดอำนาจของผูช็ ำระบั็ญชี็อยา็ งใด็ ๆ็ห็ามมิ็ให็ยกขึ็้นเปน็ ขอ็ ตอ็ สูบ็ ุ็คคลภายนอก็ ผก็ู ระทำการโดยสุจ็ ริ็ต มาตรา ๘๓ คา็ ธรรมเนี็ยม็็ ค็าภาระติ็ดพัน็ ็็ และค็าใช็จายที่็ต็องเสีย็ ตามสมควรในการชำระบั็ญชีน็ ั็น้ ็ ผู็ชำระบัญ็ ชี็ต็องจัด็ การชำระก็อนหนร็ี้ ายอื็่น มาตรา ๘๔ ถ็าเจา็ หนี้ค็ นใดมิไ็ด็ทวงถามให็ชำระหน็้ี ผช็ู ำระบัญ็ ชีต็ อ็ งวางเงิ็นสำหรั็บจำนวนหน้น็ี ั้นไว็ ตอ็ นายทะเบีย็ นสหกรณ์็เพือ็่ ประโยชน์็แกเ็จา็ หน็้ี และให็ผูช็ ำระบัญ็ ชีม็ ีห็ นั็งสือ็ แจ็งการท่ี็ไดว็ างเงิน็ ไปยั็งเจา็ หน็้ี โดยไมช็ ั็กช็า ถา็ เจา็ หน็ไี้ ม็รั็บเงิ็นไปจนพ็นกำหนดสองปีน็ ั็บแตว็ ัน็ ท็ผี่ ู็ชำระบั็ญชีว็ างเงิ็นไว็ต็อนายทะเบีย็ นสหกรณ์็ เจาหน้ียอมหมดสิทธิในเงินจานวนนั้น็และใหนายทะเบียนสหกรณ์จัดสงเป็นรายไดของสันนิบาตสหกรณ์แหง ประเทศไทยใหเ็สรจ็ ภายในเวลาอั็นสมควร มาตรา ๘๕ ใหผูชาระบัญชีเสนอรายงานตอนายทะเบียนสหกรณ์ทุกระยะหกเดือนวาไดจัดการไป อยางใดบางและแสดงใหเ็ห็นความเปน็ ไปของบัญ็ ชีท็ ็ช่ี ำระอยู็นัน็้ ็รายงานดั็งกลา็ วน็ใี้ ห็ทำตามแบบทน่ี็ ายทะเบี็ยน สหกรณ์ก็ ำหนด รายงานตามวรรคหน่ง็ึ ใหส็ มาชิก็ ็ทายาทของสมาชิก็ ผตู็ าย็และเจา็ หนี็ท้ ัง้็หลายของสหกรณ์็ตรวจดู็ได็ โดยไม็ต็องเสี็ยคา็ ธรรมเนี็ยม ถ็าปรากฏข็อบกพร็องในการชำระบั็ญช็ี ็ นายทะเบี็ยนสหกรณ์ม็ ีอ็ ำนาจส็ั่งให็ผชู็ ำระบัญ็ ชีแกไ็ขขอ็ บกพรอง็ และรายงานตอ็ นายทะเบีย็ นสหกรณ์ภ็ ายในเวลาท่ี็กำหนด มาตรา ๘๖ เม่อื ไดชาระหนขี้ องสหกรณ์แลว็ถามีทรัพย์สินเหลืออยูเทาใดใหผูชาระบัญชีจายตามลาดับ็ ดั็งต็อไปน็ี้ (๑)็็จ็ายคืน็ เงิน็ คา็หน็ุ ใหแ็ กสมาชิ็กไมเ็กิน็ มูล็ คา็ห็ุนทีช่็ ำระแล็ว (๒)็็จายเป็นเงินปันผลตามหุนที่ชาระแลวแตตองไมเกินอัตราที่นายทะเบียนสหกรณ์กาหนดตาม ความเหนชอบของคณะกรรมการพั็ฒนาการสหกรณ์็แห็งชาติ็สำหรั็บสหกรณแ์ ต็ละประเภท (๓)็็จา็ ยเป็นเงิ็นเฉล็ยี่ คื็นใหแกส็ มาชิ็กตามสว็ นธุ็รกิ็จท็ส่ี มาชิ็กได็ทำไว็กับ็ สหกรณ์็ในระหว็างปีต็ ามท็่ี กำหนดในขอ็ บัง็คับ็ ถ็ายัง็ม็ีทรพั ย์็สนิ เหลอื อยูอ็ ี็ก็ใหผ็ ช็ู ำระบัญชี็โอนใหแกสหกรณ์็อ่ื็น็หร็ือสัน็ นิ็บาตสหกรณ์แหง็ประเทศไทย ตามมติข็ องที่ประชมุ็ ใหญ็หรือด็วยความเห็นชอบของนายทะเบีย็ นสหกรณ็์ ในกรณีที่ไมอาจเรียกประชุม็ ใหญได็ ภายในสามเดือ็ นนับ็ แต็วัน็ ท่ี็ชำระบั็ญชีเ็สร็จ มาตรา ๘๗ เม่อ็ื ได็ชำระบัญ็ ชี็กิจ็ การของสหกรณ์็เสรจแลว็ ็ ให็ผชู็ ำระบัญ็ ชีท็ ำรายงานการชำระบัญ็ ชี็ พรอมท้ังรายการยอของบัญชีท่ีชาระนั้น็แสดงวาไดดาเนินการชาระบัญชีและจัดการทรัพย์สินของสหกรณ์ ไปอยา็งใด็รวมทั็ง้ ค็าใชจ็ า็ยในการชาระบัญ็ ชี็และจานวนทรั็พย์็สิ็นท่จี็ ็ายตามมาตรา็๘๖็เสนอตอ็ ผส็ู อบบั็ญชี็

~็18็~ เม่ือ็ ผ็ูสอบบั็ญชีต็ รวจสอบและรับ็ รองบั็ญชีท็ ็ี่ชำระน็ั้นแล็ว็ให็ผูช็ าระบัญ็ ชีเ็สนอตอ็ นายทะเบี็ยนสหกรณ์ ภายในสามส็บิ วนั็ นับ็ แตว็ ็ันทผ่็ี ูสอบบัญชีร็ ับรองบัญ็ ชี็ที่ชำระนั้น็ เมื่อนายทะเบยี็ นสหกรณ์เห็นชอบด็วยแล็วใหถือวา เป็นท็่สี ุ็ดแหง็การชาระบัญ็ ชี็และให็นายทะเบีย็ นสหกรณถ์ อนช็่ือสหกรณ์็ออกจากทะเบีย็ น มาตรา ๘๘ เม่ือนายทะเบียนสหกรณ์ใหความเหนชอบในการชาระบัญชีตามมาตรา็๘๗็แลว็ใหผูชาระบัญชี มอบบรรดาสมุด็ บั็ญชี็และเอกสารทัง้็หลายของสหกรณ์ท็ ไ็่ี ดช็ ำระบ็ัญชี็เสรจ็ แลว็ นน็ั้ แกน็ ายทะเบีย็ นสหกรณ์็ ภายใน สามสิ็บวัน็ นับ็ แตว็ ั็นท่็ีนายทะเบีย็ นสหกรณ์ใ็ห็ความเห็นชอบ ใหน็ ายทะเบี็ยนสหกรณ์ร็ ัก็ ษาสมุ็ดบั็ญชีแ็ ละเอกสารเหล็าน็ี้ไว็อี็กสองปี็นั็บแต็วัน็ ท็ี่ถอนชอื่็ สหกรณ์็น้นั็ ็ ออกจากทะเบี็ยน สมุดบญั็ ชีแ็ ละเอกสารตามวรรคหน็ึ่ง็ใหผมู ีสวนได็เสีย็ ตรวจดูไ็ด็โดยไม็ตอ็ งเสี็ยค็าธรรมเนี็ยม มาตรา ๘๙ ในคดีฟ็ อ็ งเรี็ยกหนี้ส็ ินที่สหกรณ์็ สมาชกิ็ ็ หรือผูชำระบญั็ ชีเ็ปน็ ลูกหน้ีอยูในฐานะเชนน้ัน หา็มมิใ็หฟ็ อ็ งเมื็่อพ็นกำหนดสองปี็นับ็ แต็วัน็ ทน็่ี ายทะเบี็ยนสหกรณ์ถ็ อนช็่ือสหกรณ์็ออกจากทะเบีย็ น * หมวด 4/1 การดาเนนิ งานและการกากบั ดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเน่ียน มาตรา 89/1็ เวนแตจะไดบญั ญัตไิ วเป็นการเฉพาะในหมวดน้ี็ใหการดาเนินงานและการกากับดูแล สหกรณ์ออมทรพั ย์และสหกรณ์เครดติ ยเู นีย่ นเปน็ ไปตามบทบญั ญตั ิในหมวดอืน่ ดวย มาตรา 89/2็ การดาเนินงานและการกากับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ในเร่ืองดังตอไปน้ี็ใหเป็นไปตามหลักเกณฑ์็วิธีการ็และเง่ือนไขที่กาหนดในกฎกระทรวง็ท้ังนี้็อาจกาหนดให แตกตางกนั ไปตามขนาดของสหกรณ์กได (1)็การกาหนดขนาดของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน (2)็การกาหนดคุณสมบตั แิ ละลักษณะตองหามอ่ืนของกรรมการดาเนนิ การสหกรณ็์ และผจู ัดการ (3)็การกาหนดอานาจหนาที่ของคณะกรรมการดาเนนิ การสหกรณ์ (4)็การใหกูและการใหสินเชอ่ื (5)็การรับฝากเงิน็การกอหน้ี็และการสรางภาระผกู พัน็ซ่งึ รวมถึงการกูยืมเงินหรือการค้าประกนั (6)็การดารงเงนิ กองทุน (7)็การบริหารสินทรพั ยแ์ ละการดารงสนิ ทรัพยส์ ภาพคลอง (8)็การฝากเงนิ หรือการลงทุน (9)็การกากับดแู ลดานธรรมาภิบาล (10)็การจัดชน้ั สนิ ทรัพยแ์ ละการกนั เงินสารอง (11)็การจดั ทาบัญช็ี การจดั ทาและการเปดิ เผยงบการเงนิ ็การสอบบญั ชี็และการแตงตั้งผูสอบบญั ชี (12)็การจดั เกบและรายงานขอมูล (13)็เรอ่ื งอ่นื ็ๆ็ทีจ่ าเปน็ ตอการดาเนินงานและการกากบั ดูแล ในการออกกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่ง็ใหกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือรวมกับกระทรวงการคลัง และธนาคารแหงประเทศไทย มาตรา 89/3็ ในกรณีท่ีนายทะเบียนสหกรณ์เหนวาคณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์็กรรมการ็ หรือผูจัดการของสหกรณ์ออมทรัพย์หรือสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนใดฝุายฝืนหรือไมปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออก ตามความในมาตรา็89/2็ใหนายทะเบยี นสหกรณม์ ีอานาจสั่งใหแกไขขอบกพรองหรือระงับการดาเนนิ การนั้นได * หมวด็4/1็การดาเนินงานและการกากับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเ นี่ยน็มาตรา็89/1็ถึง็มาตรา็89/4็ เพ่ิมเตมิ โดยมาตรา็26็แห็งพระราชบั็ญญัต็ ิ็สหกรณ์็(ฉบั็บท็่ี 3) พ.ศ. 2562

~็19็~ ในกรณีที่นายทะเบียนสหกรณ์เหนวาการกระทาตามวรรคหน่ึงอาจกอใหเกิดความเสียหายอยางรายแรง ตอสหกรณ์หรือสมาชิก็ใหนายทะเบียนสหกรณ์มีอานาจส่ังใหคณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์็กรรมการ็หรือ ผูจัดการน้ัน็พนจากตาแหนง็หรือสั่งใหเลิกสหกรณ์ดังกลาวได็แลวแตกรณี็และใ หนาความในมาตรา็24็ มาตรา็25็และมาตรา็73็มาใชบงั คับโดยอนุโลม มาตรา 89/4็ เพ่ือประโยชน์ในการกากับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนใหมี คณะกรรมการคณะหนง่ึ ็เรยี กวา็“คณะกรรมการที่ปรกึ ษาการกากับดแู ลสหกรณ์ออมทรัพยแ์ ละสหกรณ์เครดิตยูเน่ียน”็ ประกอบดวย็ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งไดรับมอบหมาย็เป็น ประธานกรรมการ็ผูแทนกระทรวงการคลงั ็ผูแทนกรมตรวจบัญชีสหกรณ์็ผูแทนธนาคารแหงประเทศไทย็และผูแทน สานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพยแ์ ละตลาดหลักทรัพย็์ เป็นกรรมการ ใหอธิบดีกรมสงเสริมสหกรณ์แตงต้ังขาราชการในสังกัดกรมสงเสริมสหกรณ์เป็นเลขานุการและ ผูชวยเลขานกุ าร ใหคณะกรรมการท่ีปรึกษาการกากับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนมีอานาจหนาที่ ใหคาปรึกษาแนะนา็เสนอมาตรการปอู งกันและแกไขปัญหา็และเสนอใหปรับปรุงระเบียบหรือคาส่ัง็เก่ียวกับการ กากับดแู ลสหกรณอ์ อมทรพั ยแ์ ละสหกรณ์เครดติ ยเู น่ยี นแกนายทะเบียนสหกรณ์ ใหนาความในมาตรา็13็มาใชบังคับแกการประชุมของคณะกรรมการท่ีปรึกษาการกากับดูแลสหกรณ์ ออมทรพั ยแ์ ละสหกรณ์เครดิตยูเนยี่ นโดยอนโุ ลม หมวด ๕ การควบสหกรณ์เข้ากัน มาตรา ๙๐ สหกรณ์ต็ ้ัง็แตสองสหกรณ์็อาจควบเขา็ กั็นเปน็ สหกรณ์็เดี็ยวได็ โดยมติ็แห็งที่ป็ ระชุม็ ใหญ็ ของแตล็ ะสหกรณ์็และต็องไดร็ับ็ ความเห็นชอบจากนายทะเบีย็ นสหกรณ์็ ในการขอความเหนชอบของนายทะเบียนสหกรณ์ใหสงสาเนารายงานการประชุมใหญของสหกรณ์ที่ ็ ลงมติ็ให็ควบเข็ากั็นไปดว็ ย มาตรา ๙๑ เมอ็่ื นายทะเบีย็ นสหกรณ์ใ็หค็ วามเหน็ ชอบตามมาตรา็๙๐็ แลว็ ให็สหกรณ์แจ็งเปน็ ็ หนั็งสื็อไปยัง็เจ็าหน้ที็ ็ั้งปวงของสหกรณ์็เพ็ื่อให็ทราบรายการทป่ี็ ระสงค์จ็ ะควบสหกรณ์เ็ขากัน็ ็ และขอให็เจ็าหน็ี้ผูมี ขอคดั คานในการควบสหกรณเ์ ขากนั น้นั ็สงคาคดั คานไปยังสหกรณภ์ ายในหกสบิ วนั นับแตวนั ทไ่ี ดรบั แจง ถาไมมเี จาหน้คี ดั คานภายในกาหนดเวลาดังกลาวนัน้ ็ใหถือวาไมมคี าคดั คาน ถามีเจาหน้คี ัดคาน็สหกรณ์จะควบเขากนั มิได็จนกวาจะไดชาระหนี้หรอื ไดใหประกันเพ่อื หน้รี ายน้นั มาตรา ๙๒ ใหคณะกรรมการดาเนิ็นการสหกรณ์็ของแต็ละสหกรณ์ท่ีควบเขากัน็ตั้งผูแทนข้ึนสหกรณ์ ละไมเกนิ สามคนเพ็ื่อดำเนิ็นการจดทะเบี็ยนตามมาตรา็๙๓ มาตรา ๙๓ สหกรณ์ท่ีตง้ั ข้ึนใหมโดยควบเขากนั นนั้ ็ตองจดทะเบียนเปน็ สหกรณ์ใหม็โดยย่ืนคาขอจดทะเบียน ตอ็ นายทะเบี็ยนสหกรณ์ต็ ามแบบทีน็่ ายทะเบีย็ นสหกรณ์็กำหนด ในคำขอจดทะเบีย็ นสหกรณ์ใ็หม็ ตอ็ งมี็ผ็ูแทนของสหกรณ์็ท็ี่ควบเขา็ กั็นลงลายมือ็ ชอ็่ื อย็างนอ็ ยสหกรณ์็ ละสองคนทุก็ สหกรณ์็ คำขอจดทะเบี็ยนสหกรณ์ใ็หม็ต็องมี็เอกสารดั็งต็อไปนยี็้ ื่น็ พรอ็ มกับ็ คาขอด็วย (๑) หนั็งสือของทุกสหกรณ์ท่ีควบเขากันน้น็ั รับ็ รองวา็ได็แจง็ไปยั็งเจ็าหน้็ีทง้ั็ปวงตามมาตรา็๙๑็วรรคหน่งึ็ และไมมเี จาหนีค้ ัดคานภายในกาหนด็หรอื ในกรณที ม่ี ีเจาหน้คี ดั คานสหกรณ์ไดชาระหนี้็หรอื ไดใหประกนั เพอ่ื หนร้ี ายน้ันแลว

~็20็~ (๒)็ ขอ็ บั็งคับ็ ของสหกรณ์ใ็หม็ที่็ขอจดทะเบีย็ นสฉ่ี็ บั็บ (๓)็ สาเนารายงานการประชุม็ ผู็แทนของสหกรณ์ท็ ่ี็ควบเขา็กั็นหนง่็ึ ฉบับ็ เอกสารตาม็(๒)็และ็(๓)็น็้นั ็ผู็แทนของสหกรณ์็ต็องลงลายมือ็ ชอ็ื่ รับ็ รองสองคน มาตรา 94 เมื่อนายทะเบียนสหกรณ์รับจดทะเบียนสหกรณ์ท่ีควบเขากันเป็นสหกรณ์ใหมแลว็ให นายทะเบียนสหกรณถ์ อนชื่อสหกรณ์เดมิ ท่ีไดควบเขากนั น้นั ออกจากทะเบยี น ใหผูแทนของสหกรณ์ที่ควบเขากันมีอานาจหนาที่และสิทธิเชนเดียวกับคณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์ จนกวาจะมีการเลือกต้งั คณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์ตามมาตรา็๔๐ มาตรา ๙๕็ สหกรณ์ใหมนี้ยอมไดไปท้ังทรัพย์สิน็หน้ีสิน็สิทธิ็และความรับผิดของสหกรณ์เดิมที่ได ควบเขากันนัน้ ทัง้ สิน้ หมวด ๖ การแยกสหกรณ์ มาตรา ๙๖ การแยกสหกรณ์จ็ ะกระทำมิได็ แตถ็ า็ มีการเปลย็่ี นแปลงเขตการปกครองทอ็ งท่ี็หรื็อแบ็ง หนวยงาน็หรือสถานประกอบการ็จะแยกสหกรณ์กไดหากมีความจาเป็นหรือมีเหตุใหไมสะดวกแกการ็ดาเนินงาน การแยกสหกรณ์ต็ ามวรรคหนึง่็จะกระทำไดโ็ดยสมาชิ็กของสหกรณ์็น็นั้ จานวนไมน็ ็อยกว็าหน่ึ็งในหา็ของ จำนวนสมาชก็ิ ท็ั้งหมด็หร็ือไมน็ ็อยกว็าห็ารอ็ ยคนลงลายมอื็ ชือ่็ ทาหนังสือ็ ร็องขอแยกสหกรณ์็ต็อคณะกรรมการ็ ดำเนิน็ การสหกรณ์็ ใหคณะกรรมการดาเนนิ การสหกรณ์เรียกประชุมใหญภายในสามสิบวันนับแตวันท่ีไดรับคารองขอตาม วรรคสอง็เพื่อพิจารณาเรื่องการแยกสหกรณ์็ถาท่ีประชุมใหญไดมีมติเหนชอบใหแยกสหกรณ์็ใหพิจารณาแบงแยก ทรพั ย์สนิ ็ทุน็ทุนสารอง็หน้ีสิน็สิทธ็ิ และความรับผิดของสหกรณ์ตามวิธกี ารท่นี ายทะเบียนสหกรณก์ าหนด การวินิจฉยั ชี้ขาดในเร่อื งตาง็ๆ็ของที่ประชุมใหญตามวรรคสาม็ใหถือเสียงไมนอยกวาสองในสามของ็ จานวนสมาชกิ หรอื ผแู ทนสมาชิกทม่ี าประชมุ ถาคณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์ไมเรียกประชุมใหญภายในกาหนดเวลาตามวรรคสาม็ใหนายทะเบียน็ สหกรณม์ อี านาจเรยี กประชมุ ใหญภายในระยะเวลาตามทเ่ี หนสมควร มาตรา ๙๗ ในกรณีท่ีที่ประชุมประชุมใหญไดมีมติไมเหนชอบใหแยกสหกรณ์็ถาสมาชิกซ่ึงลงลายมือช่ือ ทาหนัง็สือ็ ร็องขอแยกสหกรณ์็ตามมาตรา็ ๙๖็ วรรคสอง็ พิจ็ ารณาแลว็ ไม็เห็นดว็ ยกับ็ มติ็ท็ป่ี ระชุ็มใหญน็ น็ั้ ็ ให สมาชิกดังกลาวทุกคนลงลายมือชื่อทาหนังสือถึงนายทะเบียนสหกรณ์ภายในกาหนดเวลาสามสิบวันนับแตวันท่ี ท่ีประชุมใหญลงมติ็เพื่อใหนายทะเบียนสหกรณ์พิจารณาวินิจฉัยช้ีขาดวาสมควรแยกสหกรณ์หรือไม็และเม่ือ นายทะเบี็ยนสหกรณ์็วิน็ ิจ็ ฉัย็ ช้ขี็ าดเป็นอยา็งไรแลว็ ให็แจง็คาวิ็นิ็จฉั็ยใหส็ หกรณ์็ทราบ คำวิ็นจิ็ ฉัยของนายทะเบีย็ นสหกรณใ์็หเปน็ ท่สี ดุ มาตรา ๙๘ เม่ื็อที็ป่ ระชุ็มใหญ็ได็มีม็ ติ็เห็นชอบตามมาตรา็๙๖็หรื็อนายทะเบีย็ นสหกรณ์ว็ ิ็นิ็จฉั็ยช้ขี็ าด ใหแยกสหกรณ์ตามมาตรา็ ๙๗็ แลว็ ใหสหกรณ์แจงมติที่ประชุมใหญ็หรื็อคำวิน็ ิ็จฉั็ยของนายทะเบีย็ นสหกรณ์็ เปน็ หนังสอื ไปยังเจาหนท้ี ้ังปวงของสหกรณ์็เพอื่ ใหทราบรายการทีป่ ระสงค์จะแยกสหกรณ์็และใหเจาหน้ีผูมีขอคัดคาน ในการแยกสหกรณน็์ ัน้ ส็งคาคั็ดคา็นไปยัง็สหกรณ์ภ็ ายในหกสิ็บวัน็ นั็บแตว็ ัน็ ที่็ไดร็ั็บแจ็ง มาตรา ๙๙ สหกรณ์ที่จะจัดตั้งขึ้นใหมโดยการแยกจากสหกรณ์เดิมนั้นใหนาบทบัญญัติในหมวด็๓ สวนท่็ี ๑็วาดวยการจดทะเบยี นสหกรณ์มาใชบงั คับโดยอนโุ ลม็

~็21็~ คาขอจดทะเบี็ยนสหกรณ์็ใหม็ต็องย่ื็นพรอ็ มเอกสาร็ดั็งต็อไปนี้็ (๑) สำเนาหนัง็สือรองขอแยกสหกรณ์็ และสาเนารายงานการประชมุ็ ใหญที่ไดมีมติเหนชอบใหแยก สหกรณ์ตามมาตรา็96็วรรคสี่็ หรือสำเนาหนัง็สือนายทะเบีย็ นสหกรณ็ซ์ ่ึงวิ็นจ็ิ ฉัยช้ีขาดใหแยกสหกรณ์มาตรา็ ๙๗็แลวแตก็ รณี (๒) สาเนาหนัง็สือ็ ของสหกรณ์็ทกุ ฉบับ็ ท็แ่ี จ็งไปยั็งเจ็าหน็ี้ท็ั้งปวงของสหกรณ์ต็ ามมาตรา็๙๘ (๓) หนั็งสือ็ ของสหกรณ์ท็ ร่ี็ ั็บรองวา็ ไม็มี็เจา็ หนี้ค็ ั็ดค็านภายในกำหนดหรื็อสำเนาคาคัด็ คา็ นของเจ็าหน็้ี พร็อมทงั็้ หลั็กฐานที็แ่ สดงว็าสหกรณ์็ได็ชาระหน็ีห้ รื็อได็ใหป็ ระกั็นเพ่อื็ หนีร้็ ายนัน็้ แล็ว มาตรา ๑๐๐ บรรดาทรพั ย์สนิ ็ทนุ ็ทุนสารอง็หนี้สนิ ็สทิ ธ็ิ และความรบั ผดิ ของสหกรณเ์ ดมิ ที่ทีป่ ระชมุ ใหญ ได็มี็มติใ็ห็แบ็งแยกตามมาตรา็ ๙๖็ หรือ็ นายทะเบี็ยนสหกรณ์ไ็ด็มีค็ ำวิ็นิจ็ ฉั็ยช็ีข้ าดใหแ็ บง็แยกตามมาตรา็๙๗็ แลวแตก็ รณ็ี ย็อมโอนไปใหแ็ ก็สหกรณ์็ใหม็ตั้็งแต็วัน็ ท่น็ี ายทะเบีย็ นสหกรณ์ร็ บั จดทะเบีย็ น หมวด ๗ ชุมนุมสหกรณ์ มาตรา 101็็ สหกรณ์ต้ังแตหาสหกรณ์ข้ึนไปท่ีประสงค์จะรวมกันดาเนินกิจการเพื่อใหเกิดประโยชน์ ตามวตั ถุประสงค์ของสหกรณท์ เ่ี ขารวมกันน้นั ็อาจรวมกันจดั ต้งั เป็นชมุ นุมสหกรณ์ได *ชุมนุมสหกรณ์ใดจะมีฐานะเป็นชุมนุมสหกรณ์ระดับภูมิภาคหรือระดับประเทศ็จะตองตั้งขึ้น โดยมี วัตถุประสงคเ์ พ่อื อานวยประโยชน์แกบรรดาสหกรณใ์ นภูมิภาคหรอื ทั่วประเทศที่เป็นสหกรณ์ประเภทเดียวกันหรือ ตางประเภทกัน็เพ่ือประกอบธุรกิจของสหกรณ์็ท้ังนี้็ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการพัฒนาการ สหกรณ์แหงชาตกิ าหนด มาตรา ๑๐๒ การจดั ตั้งชมุ นุมสหกรณ์จะกระทาไดตอเมื่อทีป่ ระชุมใหญของสหกรณ์แตละสหกรณ์ไดมี มติใหเขารวมในการจดั ตั้งชุมนุมสหกรณน์ ้นั ได มาตรา ๑๐๓ ในการดาเนิน็ การจัด็ ตง็้ั ชุม็ นุม็ สหกรณ์็ ใหค็ ณะกรรมการดาเนิน็ การของแต็ละสหกรณ์็ ตง้ั ผแู ทนขน้ึ สหกรณ์ละหนึ่งคน็ประกอบเป็นคณะผูจดั ตั้งชมุ นมุ สหกรณเ์ พ่ือดาเนนิ การจดั ตั้งชมุ นุมสหกรณ์ การจดั ต้ังและการจดทะเบียนชุมนมุ สหกรณใ์ หนาบทบญั ญัตใิ นหมวด็๓็วาดวยสหกรณม์ าใชบงั คับโดยอนุโลม มาตรา ๑๐๔ การขอจดทะเบียนชุมนุมสหกรณ์นั้น็ใหคณะผูจัดต้ังชุมนุมสหกรณ์อยางนอยหาคน็ลงลายมือช่ือ ย่ืนคาขอตอนายทะเบียนสหกรณ์ มาตรา 105็็ ใหชมุ นมุ สหกรณท์ ่ีไดจดทะเบยี นแลวเป็นนติ ิบุคคลและเปน็ สหกรณ์ตามพระราชบัญญัตนิ ี้ เพ่ือใหเป็นไปตามวัตถุประสงค์ใหชุมนุมสหกรณ์มีอานาจกระทาการไดตามมาตรา็46็และตามท่ีกาหนดไว ในกฎกระทรวง **ใหนาความในหมวด็3็หมวด็4็หมวด็4/1็หมวด็5็และหมวด็6็มาใชบังคับกับชุมนุมสหกรณ์โดย อนุโลม ***มาตรา 105/1็เพ่ือสงเสริมระบบสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของสมาชิกสหกรณ์็ใหชุมนุมสหกรณ์ ระดับประเทศมีอานาจรวมกับสหกรณ์สมาชิกของตนจัดสวัสดิการและการสงเคราะห์ของสมาชิกสหกรณ์และ ครอบครวั ตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการทน่ี ายทะเบยี นสหกรณก์ าหนด *มาตรา็101็วรรคสอง็็แกไขโดยมาตรา็27็็แหง็พระราชบัญ็ ญั็ติส็ หกรณ์็(ฉบับ็ ท่็ี 3) พ.ศ. 2562 **มาตรา็105็วรรคสาม็ เพิ่มเตมิ โดยมาตรา็28็็แหง็พระราชบั็ญญั็ติ็สหกรณ์็(ฉบับ็ ท็่ี 3) พ.ศ. 2562 ***มาตรา็105/1็เพม่ิ เตมิ โดยมาตรา็29็็แหง็พระราชบัญ็ ญัต็ ิส็ หกรณ์็(ฉบับ็ ท็ี่ 3) พ.ศ. 2562

~็22็~ มาตรา ๑๐๖ การประชุมใหญชุมนุมสหกรณ์ใหประกอบดวยผูแทนสหกรณ์ท่ีเป็นสมาชิกของชุมนุม สหกรณ์็ซึ่งคณะกรรมการดาเนินการของแตละสหกรณ์เลือกตั้งขึ้นสหกรณ์ละหนึ่งคน็ ตามท่ีกาหนดในขอบังคับ ของชุมนุมสหกรณ์็ในการประชุมตองมีผูแทนสหกรณ์มาประชุมไมนอยกวาก่ึงหนึ่งของจานวนผูแทนสหกรณ์ ทัง้ หมดหรือไมนอยกวาหนง่ึ รอยคน็แลวแตกรณ็ี จึงจะเป็นองค์ประชุม ผูแทนสหกรณ์คนหนึ่งใหมีเสียงในการลงคะแนนหนึ่งเสียง็หรือจะใหมีเสียงเพ่ิมขึ้นตามระบบสัดสวน ตามทีก่ าหนดในขอบังคับของชุมนุมสหกรณน์ ้ันกได มาตรา ๑๐๗ ในการเลือกต้ังคณะกรรมการดำเนิน็ การชุ็มนุ็มสหกรณ์็ใหที่ประชุม็ ใหญช็ ็ุมนุม็ สหกรณ์็ เลือกตั้งจากผูแทนสหกรณ์ที่เป็นสมาชิกของชุมนุมสหกรณ์เป็นกรรมการ็ตามจานวนหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนด ในขอ็ บั็งคับ็ ของชุม็ นุม็ สหกรณ์ หมวด ๘ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย มาตรา ๑๐๘ ใหมี็“สันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทย” ประกอบดวยสมาชิกท่ีเป็นสหกรณ์็มีวัตถุประสงค์ เพ่อ็ื ส็งเสริม็ กิจ็ การสหกรณ์็ทุกประเภทท็ัว่ ราชอาณาจัก็ ร็ให็มีค็ วามเจริญ็ กา็ วหนา็อัน็ มิ็ใชเ็ปน็ การหาผลกำไร็หรื็อ รายได็มาแบง็ปั็นกัน็ มาตรา ๑๐๙ ให็สัน็ นิบ็ าตสหกรณ์แ็ หง็ประเทศไทยเป็นนิ็ติบ็ ุค็ คล็ สันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทยมีสานักงานใหญในกรุงเทพมหานคร็และจะต้ังสานักงานสาขาข้ึน็ณ็ ที่อื่นใดกได มาตรา ๑๑๐ สั็นนิบ็ าตสหกรณ์แ็ หง็ประเทศไทย็มีอ็ ำนาจกระทาการต็าง็ๆ็ภายในขอบวั็ตถุ็ประสงค์็ ตามที็่ระบุ็ไว็ในมาตรา็๑๐๘็และอำนาจเชน็ ว็าน้ีใ็หร็ วมถึง็ (๑)็ สง็เสริม็ และเผยแพรก็ ิจ็ การสหกรณ์็ ตลอดจนทาการวิ็จั็ยและรวบรวมสถิ็ติ็เกี่ย็ วกับ็ กิ็จการสหกรณ์็ (๒)็ แนะนำชว็ ยเหลื็อทางวิช็ าการแกส็ หกรณ์็ และอานวยความสะดวกในการติด็ ตอ็ ประสานงาน็ ระหวา็งสหกรณ์็กั็บสว็ นราชการหรื็อบุ็คคลอ่็นื (๓)็ ให็การศึก็ ษาฝึกอบรมวิช็ าการเก่ี็ยวกับ็ กิ็จการของสหกรณ์็ (๔)็ สง็เสริม็ สัมพัน็ ธภาพระหวา็ งสหกรณ์็ทงั้็ภายในประเทศและตา็ งประเทศ็หรื็อสั็นนิ็บาตสหกรณ์็ ของต็างประเทศ็หรื็อองค์ก็ ารตา็งประเทศ็หรือ็ องค์ก็ ารระหว็างประเทศท็ี่มี็วั็ตถุ็ประสงค์็ทานองเดีย็ วกั็น (๕)็ ซอ้ื็ ็จั็ดหา็จาหนา็ย็ถื็อกรรมสิ็ทธิ์็ครอบครอง็หรือ็ ทำนิต็ ิก็ รรมเกย่ี็ วกับ็ ทรั็พย์ส็ ิน็ ใด็ๆ (๖)็ ส็งเสริม็ ธุ็รกิ็จการคา็็อุ็ตสาหกรรม็หรือ็ บริก็ ารของสหกรณ์็ (๗)็ สนั็บสนุน็ และช็วยเหลื็อสหกรณ์เ็พื็่อแก็ไขอุป็ สรรคขอ็ ขัด็ ขอ็ งที็่เกีย่็ วกับ็ กิ็จการของสหกรณ์็ซึง็่ เปน็ ็ การกระทำเพอ่ื็ ประโยชน์ส็ ็วนรวม (๘) เป็นตัว็ แทนของสหกรณ์็ เพื็่อรัก็ ษาผลประโยชน์็อั็นพึ็งมีพ็ ึ็งได็จากการสนั็บสนนของรั็ฐ็ องค์ก็ าร็ ระหวา็ งประเทศ็หรื็อภาคเอกชนอ่็นื (๙)็ รว็ มมื็อกับ็ รัฐ็ บาลในการสง็เสริม็ สหกรณ็์ เพอื็่ ใหเ็กิ็ดประโยชน์็แกบ็ รรดาสหกรณ์อ็ ยา็งแท็จริง็ (๑๐)็ดาเนิน็ การอ็ืน่ เพอ่ื็ ใหเ็ปน็ ไปตามวั็ตถุป็ ระสงค์็หรือ็ ตามท่็ีคณะกรรมการพัฒ็ นาการสหกรณ์็ แห็งชาติม็ อบหมาย

~็23็~ มาตรา ๑๑๑ สั็นนิบ็ าตสหกรณ์แ็ ห็งประเทศไทยอาจมี็รายได็ดั็งต็อไปน็ี้ (๑)็็ค็าบำรุ็งสั็นนิ็บาตสหกรณ์แ็ หงประเทศไทย (๒)็็เงิ็นอุ็ดหนุ็นจากรั็ฐบาล (๓)็็ดอกผลที็เ่ กิ็ดจากทุ็นกลางของสหกรณ์็ไมจ็ ำกั็ดตามมาตรา็๘ (๔)็็เงิน็ หรอื ทรพั ย็์สินทมี่ ีผูอทุ ิศให (๕)็็เงิน็ หรื็อทรั็พย์ส็ ิน็ ท่เี็หลือ็ จากการชาระบั็ญชีส็ หกรณ์็ตามมาตรา็๘๔็และมาตรา็๘๖็วรรคสอง (๖)็็เงิ็นท่ี็ได็จากการจาหน็ายหนั็งสื็อวิช็ าการ็เอกสาร็หรือ็ ส็ิง่ อื็น่ (๗)็็เงิน็ หรื็อทรัพ็ ย์ส็ ิน็ ท็ีไ่ ด็รั็บเป็นค็าตอบแทนในการให็บริ็การ (๘)็็ผลประโยชน์ท็ ็ี่ไดจ็ ากทรัพ็ ย์ส็ ิ็นของสัน็ นิบ็ าตสหกรณ์็แห็งประเทศไทย *มาตรา ๑๑๒ ใหม็ ี็คณะกรรมการดาเนินการสัน็ นิ็บาตสหกรณ์แ็ ห็งประเทศไทย็ประกอบด็วย็ประธาน็ กรรมการดาเนิน็ การชุม็ นุม็ สหกรณ์ร็ ะดั็บประเทศประเภทละหน่ึง็คน็ในกรณี็ที่็สหกรณ์ป็ ระเภทใดไมม็ ี็ชุ็มนุ็ม็ สหกรณ์ร็ ะดั็บประเทศ็ ให็มี็ผแู็ ทนจากสหกรณ์็ประเภทนั้น็ จำนวนหน่ึง็คนเป็นกรรมการโดยตำแหน็ง็ และ็ กรรมการอ็น่ื ซง่ึ ทปี่ ระชุ็มใหญของสันนิ็บาตสหกรณ์็แห็งประเทศไทยเลือกตง้ั็จากผูแทนสหกรณ์ซ่ึงเปน็ กรรมการ็ ดาเนิน็ การ็มี็จำนวนเท็ากับ็ กรรมการโดยตำแหน็งเปน็ กรรมการ ใหคณะกรรมการดาเนนิ การสันนบิ าตสหกรณ์แหงประเทศไทยเลอื กตั้งกรรมการเป็นประธานกรรมการ็ คนหน่งึ ็และรองประธานกรรมการคนหนง่ึ หรอื หลายคน ใหคณะกรรมการดาเนินการสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทยแตงต้ังผูอานวยการสันนิบาตสหกรณ็์ แหงประเทศไทย็และใหผูอานวยการสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทยเป็นเลขานุการของคณะกรรมการ็ ดาเนนิ การสนั นิบาตสหกรณแ์ หงประเทศไทย หลักเกณฑ์และวิธีการไดมาซ่ึงผูแทนสหกรณ์ที่ไมมีชุมนุมสหกรณ์ระดับประเทศใหเป็นไปตามระเบียบ ของสนั นบิ าตสหกรณ์แหงประเทศไทย การกาหนดสดั สวนผแู ทนสหกรณ์ทจ่ี ะไดรับเลอื กต้งั เป็นกรรมการอนื่ ใหเปน็ ไปตามระเบียบในมาตรา็๑๑๓็(๓) ใหนาบทบัญญัติมาตรา็๕๒็มาใชบังคับแกคณะกรรมการดาเนินการสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทย็ และผอู านวยการสนั นิบาตสหกรณแ์ หงประเทศไทย็โดยอนุโลม มาตรา ๑๑๓ ใหค็ ณะกรรมการดาเนิ็นการสัน็ นิ็บาตสหกรณ์แ็ ห็งประเทศไทย็ มีห็ นา็ ทบ็่ี ริห็ ารกิจ็ การ็ ตลอดจนมีอ็ ำนาจออกระเบีย็ บเพ็ื่อปฏิ็บั็ติ็การตามวัต็ ถุ็ประสงค์็ของสัน็ นิบ็ าตสหกรณ์แ็ ห็งประเทศไทย การออกระเบีย็ บเกีย่็ วกับ็ เร่ือ็ งดัง็ ตอ็ ไปน็ี้ ต็องได็รั็บความเห็นชอบจากท็ี่ประชุม็ ใหญ็ของสัน็ นิบาต็ สหกรณ์แ็ หง็ประเทศไทยก็อนจึง็ใช็บัง็คั็บได็ (๑)็็ ระเบี็ยบวา็ดว็ ยการใชจ็ ็ายและการเกบ็ รั็กษาเงิ็น (๒)็็ ระเบียบวาดวยการประชุมใหญของสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทย็และหลักเกณฑ์การจัดสง ผแู ทนของสหกรณ์เขารวมประชมุ ใหญ (๓)็็ ระเบี็ยบวา็ ดว็ ยการเลื็อกตั็้ง็การประชุม็ ็และการดำเนิน็ กิ็จการของคณะกรรมการดาเนิ็นการ็ สัน็ นิบ็ าตสหกรณ์็แหง็ประเทศไทย มาตรา ๑๑๔ ใหกรรมการดาเนินการสนั นบิ าตสหกรณแ์ หงประเทศไทยอยใู นตาแหนงคราวละสี่ปี เมอื่ ครบวาระดังกลาวตามวรรคหน่งึ ็หากยังมิไดมีการเลอื กตัง้ กรรมการขึน้ ใหม็ใหกรรมการซึ่งพนจาก ตาแหนงตามวาระนนั้ อยูในตาแหนงเพื่อดาเนินงานตอไปจนกวากรรมการซงึ่ ไดรับเลือกตง้ั ใหมเขารับหนาท็่ี กรรมการซง่ึ พนจากตาแหนงอาจไดรับเลอื กตง้ั อกี ได็แตไมเกินสองวาระติดตอกัน *มาตรา็112็แกไ็ขโดยมาตรา็12็แห็งพระราชบัญ็ ญั็ติ็สหกรณ์็(ฉบับ็ ท่็ี 2) พ.ศ. 2553

~็24็~ *มาตรา ๑๑๕ นอกจากการพนจากตาแหนงตามวาระตามมาตรา็๑๑๔็กรรมการดาเนินการสันนิบาต สหกรณแ์ หง็ประเทศไทยพ็นจากตาแหน็ง็เม็อ่ื (๑)็็ตาย (๒)็็ลาออก (๓)็็เป็นบุ็คคลล็มละลาย (๔)็็เป็นคนไรค็ วามสามารถหรือ็ คนเสมื็อนไร็ความสามารถ (๕)็็ได็รั็บโทษจำคุ็กโดยคาพิ็พากษาถึง็ท่สี็ ุ็ดใหจ็ าคุก็ ็เวน็ แต็เป็นโทษสาหรับความผิ็ดทีไ็่ ดก็ ระทำโดย็ ประมาทหรือ็ ความผิ็ดลหุโ็ทษ (๖)็็พ็นจากการเปน็ สมาชิ็กของสหกรณ์ ภายใต็บัง็คับตามวรรคหนึ่ง็กรรมการดาเนิ็นการสั็นนิ็บาตสหกรณ์็แหง็ประเทศไทยซึง่็ท็่ปี ระชุ็มใหญ เลือกต็ง้ั พน็ จากตำแหน็งเมอ่ื ทปี่ ระช็ุมใหญมีมติให็ถอดถอนออกจากตาแหนง็ด็วยคะแนนเสี็ยงไม็นอ็ ยกวา็ สองในสาม ของจานวนผแ็ู ทนสหกรณ์็ซึง่็มาประชุม็ เม่ื็อมี็กรณี็ตามวรรคหนง็ึ่ หรือ็ วรรคสอง็ ใหก็ รรมการเท็าท็ี่เหลือ็ อยปู็ ฏิบ็ ัต็ ิห็ นา็ ทตี่็ ็อไปได็และใหถ็ ื็อวา็็ คณะกรรมการดาเนิ็นการสั็นนิ็บาตสหกรณ์็แห็งประเทศไทยประกอบดว็ ยกรรมการเทาท็่มี ี็อย็ูเวน็ แต็มีก็ รรมการ็ เหลื็ออยู็ไม็ถึง็สองในสาม ในกรณ็ที ี่กรรมการดำเนิ็นการส็ันนิ็บาตสหกรณ็แ์ หงประเทศไทยซ่ึงที่ประชุมใหญ็เลือกต้ัง็พน็ จากตาแหนง กอ็ นวาระ็ใหที่ประชุ็มใหญส็ ันนิบ็ าตสหกรณ็์แหง็ประเทศไทยเลือกผูแทนสหกรณ์เป็นกรรมการแทน็เวนแตวาระ ของกรรมการท่ีพนจากตาแหนงเหลืออยูไมถึงเกาสิบวัน็จะไมดาเนินการเลือกตั้งกรรมการแทนตาแหนงที่วางกได็ และให็ผ็ไู ด็รั็บเลือ็ กต็้งั อย็ูในตาแหนง็เทา็กับ็ วาระท่เี็หลื็ออยู็ของกรรมการซึ่ง็ตนแทน มาตรา ๑๑6 ใหคณะกรรมการดาเนินการสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทยจัดใหมีการประชุมใหญ สามญั ปีละหน่ึงครั้งภายในเกาสบิ วันนับแตวันส้ินปีทางบญั ชขี องสันนิบาตสหกรณแ์ หงประเทศไทย เมื่อมีเหตุอันสมควร็คณะกรรมการดาเนินการสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทยจะเรียกประชุมใหญ วิสามัญเม่ือใดกได็หรือเมื่อสมาชิกจานวนไมนอยกวาหนึ่งในสิบของจานวนสมาชิกทั้งหมดทาหนังสือรองขอตอ คณะกรรมการดาเนนิ การสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทยใหเรียกประชุมใหญวิสามัญในหนังสือรองขอน้ัน็ตอง ระบุวาประสงคใ์ หเรียกประชุมเพือ่ การใด ในกรณีทีส่ มาชิกเป็นผูรองขอใหเรียกประชมุ ใหญวิสามญั ็ใหคณะกรรมการดาเนินการสันนิบาตสหกรณ์ แหงประเทศไทยเรียกประชุมใหญวสิ ามญั ภายในสามสบิ วันนับแตวันที่ไดรับหนังสือรองขอ ** ในกรณีท็ ่ี็คณะกรรมการดาเนิน็ การสั็นนิ็บาตสหกรณ์แ็ ห็งประเทศไทยไม็เรีย็ กประชุม็ ใหญว็ ิ็สามัญ็ ตาม็ วรรคสาม็สมาชิก็ จำนวนไมน็ อ็ ยกว็าหนึ่ง็ในสิบ็ ของจานวนสมาชิ็กทง้ั็หมดอาจทาหนั็งสื็อรอ็ งขอภายในหกสิ็บวั็น็ นั็บแตว็ ั็นพน็ กาหนดเวลาตามวรรคสาม็เพ็่อื ให็รัฐมนตรีเรี็ยกประชุ็มใหญว็ ิส็ ามัญได็ในกรณี็เช็นน้็ใี ห็รัฐ็ มนตรีเรีย็ ก ประชุม็ ใหญ็วิส็ ามัญภายในสามสิบ็ วั็นนั็บแตว็ ั็นท็ไ่ี ดร็ั็บหนั็งสือ็ ร็องขอ มาตรา ๑๑๗ ใหผูอำนวยการสั็นนิบ็ าตสหกรณ์แ็ ห็งประเทศไทยมีห็ นาทีบ็่ ริ็หารกิ็จการของสัน็ นิ็บาต สหกรณ์แ็ หง็ประเทศไทยตามระเบี็ยบและนโยบายท่ีค็ ณะกรรมการดำเนิน็ การสั็นนิบ็ าตสหกรณ์็แห็งประเทศไทย กาหนด็และมอี านาจบั็งคับ็ บั็ญชาเจา็หนา็ท่ี็ของสัน็ นิบ็ าตสหกรณ์แ็ ห็งประเทศไทย ในสวนกิจการที่เก่ียวกับบุคคลภายนอก็ใหผูอานวยการสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทยเป็นตัวแทน สันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทย็เพื่อการนี้ผูอานวยการสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทยจะมอบอานาจให็ บุคคลใดกระทากิจการเฉพาะอยางแทนตามระเบียบท่ีคณะกรรมการดาเนินการสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทย็ กาหนดกได * มาตรา็115็แก็ไขโดยมาตรา็13็แหง็พระราชบั็ญญั็ติส็ หกรณ็์ (ฉบับ็ ท็ี่ 2) พ.ศ. 2553 ** มาตรา็116็วรรคส็่ี เพิ็ม่ เติม็ โดยมาตรา็14็แหง็พระราชบั็ญญั็ติส็ หกรณ์็(ฉบับ็ ท็่ี 2) พ.ศ. 2553

~็25็~ * มาตรา ๑๑๗/๑ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดาเนินการของสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทย็ ใหประธานกรรมการดาเนิน็ การสั็นนิบ็ าตสหกรณ์็แหง็ประเทศไทย็หรื็อกรรมการดาเนิ็นการสัน็ นิบ็ าตสหกรณ์แ็ หง็ ประเทศไทยจานวนไมน็ ็อยกวา็หน่ึ็งในสามของกรรมการดาเนิ็นการสั็นนิบ็ าตสหกรณ์แ็ ห็งประเทศไทย็หรือ็ สหกรณ์็ ท็่ีเปน็ สมาชิก็ ไม็นอ็ ยกวา็หนงึ็่ รอ็ ยสหกรณ์็ร็องขอใหค็ ณะกรรมการพั็ฒนาการสหกรณ์แ็ หง็ชาติว็ ิน็ ิจ็ ฉัย็ ได็ คาวินิจฉยั ของคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณแ์ หงชาติใหเปน็ ทีส่ ดุ มาตรา ๑๑๘ ใหนาบทบัญญัติในหมวด็๓็สวนที่็๔็วาดวยการสอบบัญชีมาใชบังคับแกสันนิบาตสหกรณ์ แหง็ประเทศไทยโดยอนุ็โลม หมวด ๙ กลมุ่ เกษตรกร มาตรา ๑๑๙ ในกรณีท็ ่ี็คณะบุ็คคลผู็ประกอบอาชี็พเกษตรกรรม็ซึ่ง็ ร็วมกั็นดาเนิน็ กิจ็ การโดยมี็ วัต็ ถุ็ประสงค์็เพ็่อื ช็วยเหลือ็ ซ็่งึ กั็นและกัน็ ในการประกอบอาชีพ็ เกษตรกรรมแต็ยัง็ไมอ็ าจรวมกั็นจั็ดต็ั้งเปน็ สหกรณ์็ ตามพระราชบัญญัตนิ ้ีได็จะจดั ตั้งเป็นกลมุ เกษตรกรขึ้นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดโดยพระราชกฤษฎีกากได พระราชกฤษฎีก็ าตามวรรคหน็งึ่ ็ ให็กำหนดการดาเนิน็ การของกลุ็มเกษตรกร็ การกากับ็ กลุม็ เกษตรกร การเลิกกลุมเกษตรกร็และการควบกลุมเกษตรกรเขากัน็็ทั้งนี้็ตามความเหมาะสมแกประเภทของกลุม เกษตรกรดวย มาตรา ๑๒๐ กลม็ุ เกษตรกรทีจ็่ ัด็ ตงั้็ขน็้ึ ตามมาตรา็๑๑๙็ให็มี็ฐานะเป็นนิ็ติบ็ ุค็ คล มาตรา ๑๒๑ ใหนายทะเบย็ี นสหกรณ์เ็ป็นนายทะเบีย็ นกลุมเกษตรกรและมีอำนาจหนา็ ท่ีตามท็ี่ บัญญตั ิไว็ในพระราชบัญ็ ญัต็ ิน็ ็้ี และมีร็องนายทะเบี็ยนสหกรณ์็เป็นผูช็ ว็ ย็มีอ็ ำนาจหนา็ท็่ตี ามทนี่็ ายทะเบี็ยนสหกรณ์็ มอบหมาย * ใหสหกรณ์จังหวัดเป็นนายทะเบียนกลุมเกษตรกรประจาจังหวัดท่ีกลุมเกษตรกรต้ังอยู็และมีอานาจ หนาทตี่ ามระเบียบท่ีนายทะเบียนสหกรณ์กาหนด *สาหรับกรุงเทพมหานครใหผูอานวยการสานักงานสงเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร็พื้นท่ี็1็และ ผูอานวยการสานักงานสงเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร็พ้ืนท่ี็2็เป็นนายทะเบียนกลุมเกษตรกร กรงุ เทพมหานคร มาตรา ๑๒๒ ในกรณีท็ ่กี็ ลม็ุ เกษตรกร็โดยมติ็ของท่็ีประชุม็ ใหญ็ไมน็ อ็ ยกวา็ กึ็ง่ หน็งึ่ ของจานวนสมาชิ็ก็ ท่ม็ี าประชุ็ม็แสดงความจานงขอเปลย็่ี นฐานะเป็นสหกรณ์เ็ม่อื็ นายทะเบี็ยนสหกรณ์พ็ ิจ็ ารณาเห็นว็าขอ็ บัง็คับ็ ของ กล็ุมเกษตรกรมี็รายการถูก็ ต็องตามมาตรา็ ๔๓็ ให็นายทะเบีย็ นสหกรณ์ร็ ับ็ จดทะเบีย็ นและดำเนิน็ การตาม็ พระราชบัญ็ ญั็ติน็ ้ี็ มาตรา ๑๒๓ เม่อ็ื นายทะเบีย็ นสหกรณ์ร็ ับจดทะเบีย็ นกล็มุ เกษตรกรเป็นสหกรณ็์ ็ ใหค็ ณะกรรมการ็ กลุมเกษตรกรมีฐานะเป็นคณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์จนกวาจะมีคณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์ซ่ึง ท่ีประชุม็ ใหญ็ได็เลือ็ กตงั้็ข้ึน็ ใหมต็ ามบทแหงพระราชบั็ญญัต็ ิ็นี้็ สหกรณ์็ตามวรรคหน่งึ็ยอ็ มได็ไปท้ั็งทรั็พย์็สิ็น็หนีส็้ ิน็ ็สิ็ทธิ็และความรั็บผิ็ดของกล็มุ เกษตรกรเดิ็ม *มาตรา็117/1็เพิ่ม็ เติม็ โดยมาตรา็15็แห็งพระราชบัญ็ ญั็ติส็ หกรณ์็(ฉบั็บท่ี็2) พ.ศ. 2553 ็ ** มาตรา็121็วรรคสอง็และวรรคสาม็ แกไขโดยมาตรา็30็แห็งพระราชบั็ญญัต็ ิ็สหกรณ์็(ฉบั็บท็ี่ 3) พ.ศ. 2562

~็26็~ มาตรา ๑๒๔ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติน้ี็ใหนายทะเบียนกลุมเกษตรกรและพนักงาน เจาหนาท่ีซึ่งนายทะเบียนกลุมเกษตรกรมอบหมายมีอานาจเขาไปตรวจสอบในสานักงานของกลุมเกษตรกร ในเวลาทางานของกลุมเกษตรกร ใหผูซึ่งเกี่ยวของอานวยความสะดวก็ชวยเหลือ็และใหคาชี้แจงแกผูเขาไป ตรวจสอบตามสมควร ให็ผู็เข็าไปตรวจสอบตามวรรคหนึ็ง่ ็แสดงบัต็ รประจาตัว็ ต็อผซู็ ง่็ึ เกยี็่ วข็อง็ บั็ตรประจำตัว็ ตามวรรคสอง็ใหเ็ป็นไปตามแบบทรี่็ั็ฐมนตรี็กำหนด มาตรา ๑๒๕ ในคดีฟ็ ็องเรีย็ กหน้ี็ทกี่็ ลุม็ เกษตรกร็สมาชิก็ ็หรื็อผ็ชู าระบัญ็ ชี็เปน็ ลู็กหน้ีอ็ ยใู็นฐานะเช็นนนั้็ ็ หามมใิ หฟูองเมื่อพนกาหนดสองปนี บั แตวันท่ีนายทะเบียนกลุมเกษตรกรถอนชื่อกลุมเกษตรกรออกจากทะเบยี น มาตรา ๑๒๖ ถ็ากลมุ็ เกษตรกรเก็ี่ยวขอ็ งในกิ็จการใดท็่กี ฎหมายกำหนดให็จดทะเบี็ยนสำหรับ็ การได็มา็ การจาหนาย็การยกข้ึนเป็นขอตอสู็หรือการยึดหนวง็ซ่ึงกรรมสิทธ์ิในอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับ อสั็งหาริม็ ทรัพ็ ย์็ในการจดทะเบีย็ นเชน็ วา็นั็้นให็กลุม็ เกษตรกรได็รับ็ ยกเวน็ ไม็ตอ็ งเสีย็ ค็าธรรมเนีย็ ม มาตรา ๑๒๗ หามมิใหผูใดใชคาวา็“กลม็ุ เกษตรกร” เป็นชอ่ื็ หรือ็ สว็ นหนึง็่ ของช็อ่ื ในทางธุร็ กิจ็ ็เวน็ แต็ กลมุ็ เกษตรกรทไ่็ี ดจ็ ดทะเบี็ยนตามพระราชกฤษฎี็กาท่อ็ี อกตามมาตรา็๑๑๙ มาตรา ๑๒๘ ให็นายทะเบีย็ นกลมุ็ เกษตรกรและพนั็กงานเจ็าหนา็ ที็่ซง่็ึ นายทะเบี็ยนกล็มุ เกษตรกร็ มอบหมาย็มี็อานาจออกคาส็ั่งเป็นหนั็งสือ็ ใหก็ รรมการ็สมาชิก็ และเจ็าหนา็ที็ข่ องกล็มุ เกษตรกรมาชแี้็ จงขอ็ เทจจริง็ เกีย่ วกบั กจิ การของกลมุ เกษตรกรหรือใหสงเอกสารเก่ียวกับการดาเนินกิจการ็หรือรายงานการประชุมของกลุม เกษตรกร *หมวด 9/1 การพจิ ารณาอทุ ธรณ์ มาตรา 128/1็ใหมคี ณะกรรมการพจิ ารณาอทุ ธรณ์ประกอบดวย รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซ่ึงปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายเป็นประธาน กรรมการ็ผูแทนกระทรวงการคลัง็ผูแทนสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา็ผูแทนสานักงานปลัดกระทรวง เกษตร แล ะส ห กร ณ์็ แล ะกร ร มกา ร ผู ทร งคุณวุ ฒิ คน ห นึ่งใน คณะกร ร มก า ร พั ฒน า กา ร ส หกร ณ์แห งชา ติ ซ่ึ ง คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แหงชาติมอบหมายเปน็ กรรมการ ใหอธิบดีกรมสงเสริมสหกรณ์แตงตั้งขาราชการในสังกัดกรมสงเสริมสหกรณ์เป็นเลขานุการและ ผชู วยเลขานกุ าร มาตรา 128/2็ใหคณะกรรมการพจิ ารณาอทุ ธรณ์มีอานาจหนาที็่ ดงั ตอไปน้ี (1)็พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คาสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์หรือรองนายทะเบียนสหกรณ์ที่อุทธรณ์ ตามมาตรา็128/4 (2)็มีหนังสือเรียกบุคคลที่เก่ียวของมาใหถอยคาหรือสั่งใหบุคคลดังกลาวสงเอกสารหรือหลักฐานอ่ืน็็็ ที่เกยี่ วของเพอ่ื ประกอบการพิจารณาวนิ ิจฉัยอทุ ธรณ์ (3)็แตงตัง้ คณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัตกิ ารตามทคี่ ณะกรรมการพจิ ารณาอุทธรณ์มอบหมาย มาตรา 128/3็ใหนาความในมาตรา็13็มาใชบังคับแกการประชุมของคณะกรรมการพิจารณา อุทธรณ์โดยอนุโลม *หมวด็9/1็การพิจารณาอุทธรณ์็็มาตรา็128/1็ถึงมาตรา็128/5 เพ่ิมเติมโดยมาตรา็31็แหงพระราชบัญญัติสหกรณ์็(ฉบับท่ี็3) พ.ศ.็2562

~็27็~ มาตรา 128/4็คาสง่ั ตามมาตรา็20็มาตรา็22็(3)็และ็(4)็มาตรา็71็และมาตรา็89/3็วรรคสอง็ รวมถึงคาสัง่ เลกิ กลมุ เกษตรกรตามพระราชกฤษฎกี าท่ีออกตามมาตรา็119็วรรคสอง็ใหอุทธรณ์ตอคณะกรรมการ พจิ ารณาอุทธรณ์ภายในสามสิบวนั นบั แตวันทไี่ ดรับคาสั่ง คาส่งั ไมรับจดทะเบียนตามมาตรา็38็และคาสัง่ ตามมาตรา็44็ใหอุทธรณ์ตอคณะกรรมการพิจารณา อุทธรณ์ภายในหกสบิ วันนับแตวนั ทร่ี บั คาสง่ั การอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งและวรรคสองไมเป็นเหตุทุเลาการบั งคับตามคาสั่ง็เวนแต คณะกรรมการ พจิ ารณาอุทธรณจ์ ะเหนสมควรใหมีการทุเลาการบงั คบั ตามคาสั่งนัน้ ไวชว่ั คราว มาตรา 128/5็หลักเกณฑ์็วิธีการ็และเงื่อนไขการอุทธรณ์และวิธีพิจารณาอุทธรณ์ของ คณะกรรมการพจิ ารณาอุทธรณใ์ หเปน็ ไปตามระเบียบที่คณะกรรมการพจิ ารณาอทุ ธรณ์กาหนด ใหคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคาวินิจฉัยอุทธรณ์ภายในหกสิบวันนับแตวันท่ีไดรับอุทธรณ์แลว แจงคาวนิ จิ ฉยั อทุ ธรณพ์ รอมดวยเหตผุ ลเป็นหนงั สอื ไปยงั ผอู ทุ ธรณโ์ ดยไมชักชา คาวินจิ ฉยั ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ใหเปน็ ที่สุด หมวด ๑๐ บทกำหนดโทษ * มาตรา 129็ ผูใดใชคาวา็\"สหกรณ์\"็หรือ็\"กลุมเกษตรกร\"็ประกอบกับชื่อหรือสวนหน่ึงของช่ือ ในทางธุรกิจ็โดยมไิ ดเป็นสหกรณ์็หรอื กลุมเกษตรกรท่ีไดจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้็ตองระวางโทษจาคุก ไมเกินหกเดือน็หรือปรับไมเกินหาหมื่นบาท็หรือท้ังจาทั้งปรับ็และปรับอีกวันละไมเกินหาพันบาทจนกวาจะได เลกิ ใช *มาตรา 130็ ผูใดไมมาชี้แจงขอเทจจริงหรือไมสงเอกสารเก่ียวกับการดาเนินงานหรือรายงานการ ประชุมของสหกรณ์หรือชุมนุมสหกรณ์ตามคาสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์็รองนายทะเบียนสหกรณ์็ผูตรวจการ สหกรณ์็ผูสอบบัญชี็หรือพนักงานเจาหนาที่ซึ่งนายทะเบียนสหกรณ์มอบหมายซ่ึงสั่งการตามมาตรา็17็หรือไมมา ชี้แจงขอเทจจริงหรือไมสงเอกสารเกี่ยวกับการดาเนินงานหรือรายงาน การประชุมของกลุมเกษตรกรตามคาสั่ง ของนายทะเบียนกลุมเกษตรกรหรอื พนักงานเจาหนาทีซ่ ่งึ นายทะเบียนกลุมเกษตรกรมอบหมายตามมาตรา็128็ แลวแตกรณ็ี ตองระวางโทษจาคกุ ไมเกินหนงึ่ เดอื น็หรือปรับไมเกินหนึง่ หม่นื บาท็หรือทง้ั จาทั้งปรับ * มาตรา 131็ ผูใดขัดขวางหรือไมใหคาช้ีแจงแกนายทะเบียนสหกรณ์็รองนายทะเบียนสหกรณ็์ ผูตรวจการสหกรณ์็ผูสอบบัญชี็หรือพนักงานเจาหนาที่ซึ่งนายทะเบียนสหกรณ์มอบหมายตามมาตรา็18็หรือ ขัดขวางหรือไมใหคาชี้แจงแกนายทะเบียนกลุมเกษตรกรหรือพนักงานเจาหนาที่ซ่ึงนายทะเบียนกลุมเ กษตรกร มอบหมายตามมาตรา็124็ตองระวางโทษจาคุกไมเกินหนงึ่ ปี็หรือปรบั ไมเกนิ หนึ่งแสนบาท็หรือทงั้ จาทง้ั ปรบั *มาตรา 132็ ผูใดฝุาฝืนหรือไมปฏิบัติตามท่ีนายทะเบียนสหกรณ์ส่ังการตามมาตรา็22็ตองระวาง โทษจาคกุ ไมเกินหนึง่ ปี็หรอื ปรับไมเกินหนึง่ แสนบาท็หรือทั้งจาทงั้ ปรบั *มาตรา 133็ กรรมการหรือผูจัดการของสหกรณ์ผูใดดาเนินกิจการของสหกรณ์นอกขอบเขต แหงการดาเนินกิจการของสหกรณ์ที่จะพงึ ดาเนินการไดตามกฎกระทรวงท่ีออกตามความในมาตรา็33/1็วรรค สอง็ตองระวางโทษจาคกุ ไมเกินหน่งึ ปี็หรอื ปรบั ไมเกนิ หนึง่ แสนบาท็หรือทัง้ จาทง้ั ปรบั *มาตรา็129็ถึงมาตรา็133็แกไขโดยมาตรา็32็แหงพระราชบัญญัติสหกรณ็์ (ฉบบั ท็ี่ 3) พ.ศ. 2562

~็28็~ * มาตรา 133/1็กรรมการหรือผูจัดการของสหกรณ์ผูใดดาเนินกิจการของสหกรณ์็โดยผิดวัตถุประสงค์ ของสหกรณ์และการดาเนินกิจการน้ันเป็นภยันตรายตอความสงบสุขของประชาชนหรือความม่ันคงของรัฐ็ตอง ระวางโทษจาคกุ ไมเกินหน่งึ ป็ี หรอื ปรบั ไมเกนิ หนึ่งแสนบาท็หรือท้งั จาทงั้ ปรบั *มาตรา 133/2็ผูใดฝุาฝืนไมจัดการรักษาทรัพย์สินของสหกรณ์็หรือไมสงมอบทรัพย์สิน็สมุดบัญช็ี เอกสาร็และสง่ิ อน่ื ของสหกรณใ์ หแกผชู าระบญั ชีตามมาตร็78็ตองระวางโทษปรับไมเกินหนึ่งแสนบาท *มาตรา 133/3็ ผูใดฝุาฝืนไมปฏิบัติตามกฎกระทรวงท่ีออกตามความในมาตรา็89/2็(4)็(5)็(6)็ (7)็(8)็(10)็(11)็(12)็หรอื ็(13)็ตองระวางโทษปรบั ไมเกินหนึ่งแสนบาท *มาตรา 133/4็ ผูใดฝุาฝืนไมแกไขขอบกพรองหรือระงับการดาเนินการตามที่นายทะเบียนสหกรณ์ สั่งการตามมาตรา็89/3็ตองระวางโทษจาคุกไมเกินสองป็ี หรอื ปรบั ไมเกินสองแสนบาท็หรือท้งั จาทั้งปรับ *มาตรา 133/5็ ในกรณที ่สี หกรณก์ ระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี็กรรมการหรือผูจัดการของสหกรณ์ ซึ่งเปน็ ผูลงมติใหสหกรณ์ดาเนินการหรืองดเวนการดาเนินการ็หรือเป็นผูดาเนินการหรือรับผิดชอบในการดาเนินการนั้น็ ไดกระทาผิดหนาที่ของตนดวยประการใด็ๆ็โดยทุจริต็ตองระวางโทษจาคุกต้ังแตหน่ึงปีถึงหาปี็และปรับไมเกิน หาแสนบาท บทเฉพาะกาล มาตรา ๑๓๔ ให็ถื็อว็าบรรดาสหกรณ์จ็ ำกั็ด็ ชุม็ นุม็ สหกรณ์็ สัน็ นิ็บาตสหกรณ์็แห็งประเทศไทย็ และ็ กลุ็มเกษตรกรตามพระราชบั็ญญัต็ ิ็สหกรณ์็็พ.ศ.็็๒๕๑๑็็ทมี่็ ี็อย็ูในวันท็พ่ี ระราชบัญ็ ญั็ติน็ ็้ีใช็บัง็คับเป็นสหกรณ์็ ชุมนุมสหกรณ็์ สนั นิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทย็และกลมุ เกษตรกร็ตามพระราชบัญญตั ินี้ ใหโอนเงินทนุ หมุนเวยี นสงเสริมการสหกรณม์ าเป็นของกองทุนพฒั นาสหกรณต์ ามมาตรา็๒๗ มาตรา ๑๓๕ ชุมนุมสหกรณ์ที่มีอยูในวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ็แตมีจานวนสหกรณ์เป็นสมาชิก ต่ากวาอตั ราทก่ี าหนดไวในมาตรา็๑๐๑็ใหเปน็ ชมุ นุมสหกรณ์ตอไปได มาตรา ๑๓๖ ข็อบัง็คั็บของสหกรณ์็ทใี็่ ชบ็ ัง็คั็บอย็ูในวั็นท่ี็พระราชบั็ญญัต็ ิ็นีใ็้ ชบ็ ัง็คั็บ็ยั็งคงใช็บัง็คับ็ ตอ็ ไป เทา็ท่ีไ็มข็ ัด็ หรื็อแย็งกับ็ พระราชบั็ญญั็ติ็น้็ี ใหคณะกรรมการดาเนินการสหกรณ์็คงดารงตาแหนงตอไปจนกวาจะครบวาระตามที่กาหนดไวในขอบังคับ ของสหกรณ์น็ ็น้ั ็โดยให็ถือ็ วา็เป็นการดารงตำแหน็งในวาระแรก มาตรา ๑๓๗ สหกรณ์ไมจากัดตามพระราชบัญญัติสหกรณ์็พ.ศ.็๒๕๑๑็ที่มีอยูในวันที่พระราชบัญญัตินี้ ใชบังคับ็ถาประสงค์จะจัดต้ังเป็นสหกรณ์ตามพระราชบัญญัตินี้็ตองย่ืนคาขอจดทะเบียนตามหมวด็ ๓็สวนท่ี็๑็ วา็ด็วยการจั็ดตั็ง้ และการจดทะเบีย็ นสหกรณ์ภ็ ายในหนงึ็่ ร็อยแปดสิบ็ วัน็ นั็บแตว็ ัน็ ท่็ีพระราชบั็ญญัต็ ิ็น็ี้ใช็บั็งคับ็ ็ ถาไมมกี ารจดทะเบียนตามวรรคหนึ่ง็ใหนายทะเบียนสหกรณ์สั่งเลิกสหกรณ์ไมจากัดนั้น็และตั้งผูชาระบัญชี ขึ็้นทำการชำระบัญ็ ชี็โดยใหน็ ำบทบัญ็ ญั็ติ็ในหมวด็๔็วา็ด็วยการชำระบั็ญชี็มาใช็บัง็คั็บโดยอนุ็โลม *มาตรา็133/1็ถงึ มาตรา็133/5็เพ่มิ เติมโดยมาตรา็32็แหงพระราชบญั ญัตสิ หกรณ์็(ฉบับท่ี็3) พ.ศ. 2562

~็29็~ มาตรา ๑๓๘ ใหบ็ รรดาพระราชกฤษฎี็กา็ กฎกระทรวง็ ประกาศ็ ระเบีย็ บหรือ็ คาสั่ง็ ท็ี่ออกตาม็ กฎหมายว็าด็วยสหกรณ์็ ทใี่็ช็บัง็คั็บอยใ็ู นวัน็ ท็พี่ ระราชบัญ็ ญัต็ ิน็ ใ้็ี ช็บัง็คับยั็งคงใช็บัง็คับ็ ต็อไปเท็าที็ไ่ ม็ขัด็ หรื็อแยง็็ กับ็ บทแห็งพระราชบัญญัต็ ิ็น็ี้ จนกว็าจะมีพ็ ระราชกฤษฎีก็ า็ กฎกระทรวง็ ประกาศ็ ระเบี็ยบ็ หรื็อคาสั่ง็ท่อี็ อก็ ตามพระราชบัญ็ ญตั ิน็ ีใ้็ชบ็ งั คับ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ็:-็เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับน้ี็คือ็โดยท่ีพระราชบัญญัติสหกรณ์็พ.ศ.็ ๒๕๑๑็ไดใชบังคับ มาเป็นเวลานานแลว็ทาใหมีบทบัญญัติหลายประการไมเอื้อประโยชน์ตอการพัฒนาการสหกรณ์ใหทันตอสภาพการแขงขันกับ็ ระบบธุรกิจในปจั จบุ ัน็ประกอบกับพระราชบญั ญัตดิ ังกลาวไดรวมบทบัญญตั ิเกีย่ วกับกลมุ เกษตรกร็ซง่ึ สมควรปรับปรงุ ใหเหมาะสมยง่ิ ขึน้ เชนเดียวกัน็ดังน้ัน็จึงเหนสมควรปรั บปรุงกฎหมายวาดวยสหกรณ์ที่ใชบังคับอยูเดิมทั้งฉบับ็โดยจัดระบบสหกรณ์ใหสหกรณ์ ็ มีชนิดเดียวคอื สหกรณท์ ่ีสมาชกิ มีความรับผิดจากดั เทาจานวนหุนท่ีถือ็เพื่อใหสหกรณ์พัฒนาไปดวยความม่นั คง็ในดานการกากับ และสงเสริมกิจการสหกรณ์็ไดกาหนดใหมคี ณะกรรมการพฒั นาการสหกรณ์แหงชาติขึ้น็เพื่อทาหนาที่เสนอความเหนตอรัฐบาล เก่ียวกับนโยบายและแนวทางในการสงเสรมิ และพฒั นาสหกรณ็์ จดั ใหมกี องทนุ เพอ่ื พฒั นาสหกรณ์เพ่ือใหความชวยเหลือดานการเงิน แกบรรดาสหกรณ็์ ปรบั ปรุงองค์ประกอบและวาระการดารงตาแหนงของคณะกรรมการดาเนินการสนั นิบาตสหกรณ์แหงประเทศ ไทย็นอกจากน้ีไดปรับปรุงบทบัญญัติเก่ียวกับกลุมเกษตรกร็เพ่ือใหมีการพัฒนาไปสูการจัดต้ังสหกรณ์อยางเป็นระบบ็ตลอดจน ปรับปรุงบทกาหนดโทษใหเหมาะสมยิ่งขึ้น็จงึ จาเป็นตองตราพระราชบัญญตั ิน้ี

~็30็~ พระราชกฤษฎีกาแกไขบทบัญญัตใิ หสอดคลองกบั การโอนอานาจหนาท่ีของสวนราชการใหเป็นไปตาม พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง็ทบวง็กรม็พ.ศ.็2545็พ.ศ.็2545 (ราชกิจจานุเบกษา็เลม็119็ตอนท่ี็ 102็ก็หนา็66็วนั ที็่ 8็ตุลาคม็2545) มาตรา็122็ในพระราชบัญญตั สิ หกรณ็์ พ.ศ.็2542็ใหแกไขคาวา็“ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์”็ เปน็ ็“อธิบดกี รมสงเสรมิ สหกรณ์”็และคาวา็“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์”็เปน็ ็“กรมสงเสริมสหกรณ์” หมายเหต็ุ :-็เหตผุ ลในการประกาศใชพระราชกฤษฎกี าฉบับนี้็คอื ็โดยท่พี ระราชบญั ญัติปรับปรุงกระทรวง็ทบวง็กรม็พ.ศ.็2545็ ไดบ็ ญั ญตั ใิ หจดั ตงั้ สวนราชการขน้ึ ใหมโดยมภี ารกิจใหม็ซึ่งไดมีการตราพระราชกฤษฎกี าโอนกจิ การบริหารและอานาจหนาท่ีของ สวนราชการใหเป็นไปตามพระราชบญั ญตั ปิ รบั ปรงุ กระทรวง็ทบวง็กรม็น้ันแลว็และเนอ่ื งจากพระราชบญั ญตั ิดังกลาวไดบัญญัติ ใหโอนอานาจหนาท่ีของสวนราชการ็รัฐมนตรีผูดารงตาแหนงหรือผูซึ่งปฏิบัติหนาท่ีในสวนราชการเดิมมาเป็นของสวนราชการใหม็ โดยใหมีการแกไขบทบญั ญตั ติ างๆ็ใหสอดคลองกับอานาจหนาทีท่ โ่ี อนไปดวย็ฉะนั้น็เพื่ออนุวัติใหเป็นไปตามหลักการทป่ี รากฏใน พระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาดังกลาว็จึงสมควรแกไขบทบญ็ั ญต็ั ิข็ องกฎหมายใหสอดคลองกับการโอนสวนราชการ็ เพ่ือใหผูเกีย่็ วของมีความชัดเจนในการใชกฎหมายโดยไมตองไปคนหาในกฎหมายโอนอานาจหนาที่วาตามกฎหมายใดไดมี การโอนภารกิจของสวนราชการหรือผูรับผิดชอบตามกฎหมายน้ันไปเป็นของหนวยงานใดหรือผูใดแลว็โดยแกไขบทบัญญัติ ของกฎหมายใหมีการเปลี่ยนชื่อสวนราชการ็รัฐมนตรีผูดารงตาแหนงหรือผูซึ่งปฏิบัติหนาที่ของสวนราชการใหตรงกับการ โอนอานาจหนาท็่ี และเพม่ิ ผแู ทนสวนราชการในคณะกรรมการใหตรงตามภารกิจทมี่ กี ารตัดโอนจากสวนราชการเดิมมาเป็นของ สวนราชการใหม็รวมทั้งตัดสวนราชการเดิมท่ีมีการยุบเลิกแลว็ซึ่งเป็นการแกไขใหตรงตามพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกา ดงั กลาว็จึงจาเป็นตองตราพระราชกฤษฎีกานี้

~็31็~ พระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2553 หมายเหตุ็:-็เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับนี้็คือ็โดยที่พระราชบัญญัติสหกรณ์็พ.ศ.็2542็มีบทบัญญัติบางประการ ไมเหมาะสมกบั สภาพการณใ์ นปจั จุบนั ็และไมเออื้ ประโยชน์ตอการดาเนนิ กิจการของสหกรณ์็สมควรปรบั ปรงุ บทบัญญัตเิ กยี่ วกบั องค์ประกอบและการดารงตาแหนงของคณะกรรมการ็ลักษณะตองหามของกรรมการหรือผูจัดการ็หลักเกณฑ์การพนจาก ตาแหนงของกรรมการดาเนินการสันนิบาตสหกรณ์แหงประเทศไทย็การแตงตั้งรองนายทะเบียนสหกรณ์็เงินคาหุน็การต้ังผูรับโอน ประโยชน์ของสมาชกิ ผูตาย็อานาจหนาที่ของสหกรณ์ในการรับฝากเงิน็หลักเกณฑ์ในการกาหนดอัตราการเกบคาบารุงสันนิบาตสหกรณ์ แหงประเทศไทย็อานาจของรัฐมนตรใี นการเรียกประชุมใหญวิสามัญและแนวทางการแกปัญหาการดาเนินการของสันนิบาตสหกรณ์ แหงประเทศไทยใหครอบคลุมและเหมาะสมย่ิงขึ้น็เพ่ือใหการดาเนินกิจการของสหกรณ์สามารถลุลวงไปได็จง็ึ จาเปน็ ตอ็ งตรา พระราชบ็ญั ญต็ั น็ิ ี้็

~็32็~ พระราชบญั ญตั สิ หกรณ์ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2562 มาตรา 2็พระราชบัญญตั ินใี้ หใชบงั คับเม่ือพนกาหนดหกสิบวันนบั แตวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นตนไป มาตรา 37็บรรดาคาอุทธรณ์ท่ีไดย่ืนและยังอยูในระหวางการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาการ สหกรณ์แหงชาติกอนวันที่พระราชบัญญัติน้ีใชบังคับ็ใหคณะกรรมการดังกลาว มีอานาจพิจารณาตอไปตาม พระราชบญั ญตั สิ หกรณ็์ พ.ศ.็2542็กอนการแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติน้ีจนกวาจะแลวเสรจ็แตตองไมเกิน หนึง่ รอยแปดสิบวนั นบั แตวันที่พระราชบญั ญัตินใี้ ชบงั คับ มาตรา 38็บรรดากฎหรือคาส่ังท่ีออกตามพระราชบัญญัติสหกรณ์็พ.ศ.็2542็ที่ใชบังคับอยูในวันกอน วนั ทพี่ ระราชบัญญัติน้ีใชบังคับ็ใหยังคงใชบังคับไดตอไปเทาที่ไมขัดหรือแยงกับพระราชบัญญัติสหกรณ์็พ.ศ.็2542็ ซ่ึงแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติน้ี็จนกวาจะมีกฎหรือคาส่ังที่ออกตามพระราชบัญญัติสหกรณ์็พ.ศ.็2542็ ซ่ึงแกไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ินใี้ ชบงั คับ มาตรา 39็ในการดาเนินการออกกฎกระทรวงและระเบียบ็เพื่อปฏิบัติการใหเป็นไปตาม พระราชบัญญตั สิ หกรณ็์ พ.ศ.็2542็ซึง่ แกไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญัตนิ ้็ี ใหดาเนินการใหแลวเสรจภายในสองปี นับแตวนั ที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ็หากไมสามารถดาเนินการได็ใหรัฐมนตรีรายงานเหตุผลที่ไมอาจดาเนินการ ไดตอคณะรฐั มนตรเี พ่อื ทราบ หมายเหต็ุ :-็เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับน้ี็คือ็เน่ืองจากพระราชบัญญัติสหกรณ์็พ.ศ.็๒๕42็ไดใชบังคับมา เปน็ เวลานาน็ทำใหม็ ็บี ทบญ็ั ญ็ตั บ็ิ างประการไม็เอื็อ้ ประโยชน็ต์ ็อการพฒ็ั นาและคมุ ครองระบบสหกรณ็์ สมควรปรับปรงุ บทบัญญัติ ของพระราชบัญญัตดิ ังกลาวเพื่อการพัฒนา็คุมครอง็และสรางเสถียรภาพแกระบบสหกรณ์ใหมีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน็โดยเพิ่มการ กาหนดคุณสมบตั ิของสมาชิกสหกรณ์็การกาหนดคุณสมบัติของกรรมการผูทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แหงชาต็ิ แกไขเพิ่มเติมอานาจหนาท่ีของนายทะเบียนสหกรณ์เพื่อใหมีความเหมาะสมยิ่งข้ึน็กาหนดประเภ ท็ลักษณะของสหกรณ์็ วัตถุประสงคแ์ ละขอบเขตแหงการดาเนินกจิ การของสหกรณ็์ ปรบั ปรุงบทบญั ญัติเก่ียวกบั สมาชิกสมทบของสหกรณ์็กาหนดหนาท่ี และความรบั ผดิ ของคณะกรรมการดาเนนิ การสหกรณ์็กรรมการ็ผูจัดการ็และเจาหนาท่ีของสหกรณ์เก่ียวกับการดาเนินกิจการ ของสหกรณ์็แกไขเพ่ิมเติมบทบญั ญัติเก่ยี วกับผูตรวจสอบกจิ การ็บทบัญญัตเิ ก่ยี วกับงบการเงิน็และบทบัญญัติเกี่ยวกับการสอบบัญชี็ เพิม่ บทบญั ญตั ิเก่ยี วกบั การดาเนนิ งานและการกากบั ดแู ลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนท่ีดาเนินกิจการในทานอง เดยี วกันกับสถาบนั การเงินไวเปน็ การเฉพาะ็และกาหนดใหมีคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เพื่อใหการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ สะดวกรวดเรวยง่ิ ขึ้น็รวมถึงกาหนดใหสหกรณจ์ ังหวดั เป็นนายทะเบยี นกลมุ เกษตรกรประจาจังหวัดเพื่อประสิทธภิ าพในการกากบั ดแู ลกลุมเกษตรกร็และปรบั ปรงุ บทกาหนดโทษและอตั ราโทษใหมีความเหมาะสมย่ิงข้ึน็จงึ จาเปน็ ตองตราพระราชบัญญัติน้ี *็ราชกจิ จานุเบกษา็เลม็136็ตอนที่็34็ก็หนา็28็วนั ที็่ 20็มนี าคม็2562


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook