Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อารยธรรมโบราณ

อารยธรรมโบราณ

Published by Guset User, 2021-10-10 13:35:16

Description: อารยธรรมโบราณ

Search

Read the Text Version

บทท่ี 1 อารยธรรมโบราณ คาํ ถามชวนคิด 1. ปจั จัยการสร้างสรรคค์ วามเจริญของอารยธรรมลุ่มแมน่ า้ํ และอารยธรรมยา่ นทะเล ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง 2. มกรดความเจริญจากอารยธรรมโบราณใดท่นี ักเรียนประทับใจมากทส่ี ุด เพราะเหตใุ ด 1. ปจั จัยสรา้ งสรรคค์ วามเจริญอารยธรรมลุ่มแม่น้ําและอารยธรรมยา่ นทะเล อารยธรรมแรกของโลกเจริญขึน้ ด้วยปจั จัยสําคญั ทางภูมิศาสตร์คอื อยู่ในบริเวณลุม่ แม่น้ําทีม่ ีความอุดมสมบูรณจ์ ากดินตะกอนหลงั นํา้ ทว่ ม ไดแ้ ก่ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย (ลุ่มแม่นาํ้ ไทกรีส ยเู ฟรติส) และอารยธรรมอยี ิปตโ์ บราณ (ลุม่ แมน่ ้ําไนล)์ อารยธรรมอินเดียโบราณ (ลมุ่ แมน่ าํ้ สินธ)์ุ และอารยธรรมจีนโบราณ(ลมุ่ แม่นาํ้ ฮวงโห) อารยธรรมเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ดนิ แดนเมโสโปเตเมยี หนา้ 1 ทม่ี า http://www.staff.ncl.ac.uk/hermann.moisl/ell365/mesopotamia.htm เมโสโปเตเมยี เป็นคําที่ชาวกรกี เรยี กดนิ แดนระหวา่ งแมน่ ํา้ ไทกรสี และยูเฟรติส มีรูปร่างคล้ายพระจนั ทรเ์ สี้ยว มคี วามอดุ มสมบูรณ์ จากการทบั ถมของตะกอนหลงั การท่วมของแม่น้ําไทกริสและยเู ฟรติสในฤดูฝน ซ่ึงรับนํ้าจากหิมะที่ปกคลุมภูเขาซากอส (Zagros) ปจั จบุ นั อยู่ในอิรคั ส30106 ประวตั ศิ าสตร์โลก ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6

เป็นอารยธรรมแห่งแรกเกา่ แก่ท่สี ุดในโลก มสี ังคมเมอื งมีความเจริญหลายด้านและเริ่มใช้อักษรบนั ทกึ เร่อื งราว จงึ เป็นการเร่ิมต้นของสมยั ประวตั ศิ าสตร์ ปจั จัยการสรา้ งสรรคค์ วามเจรญิ คือ ความสามารถในการจดั การนาํ้ ซง่ึ มมี ากเกนิ ไปในฤดฝู น สองฝั่งแม่น้ํามีน้าํ เอ่อท่วมท้นทกุ ปี นํ้าขงั เปน็ หนองบึงบางแห่งขน้ึ แฉะเกินไปและแห้งแลง้ มาก ในฤดูแล้งลอ้ มรอบภเู ขาหินปูนและทะเลทรายจงึ ตอ้ งแกป้ ัญหาโดยหาวิธีเก็บกกั นํา้ และระบายนํ้าไปสู่ บริเวณแหง้ แล้วจงึ ปลกู พชื การร่วมมือกนั แกป้ ญั หา มีผ้วู างแผนการและสั่งงานจงึ เป็นท่ีมาของการรวมกลมุ่ เปน็ เมืองภายใต้ อาํ นาจปกครองเดียวกนั บรเิ วณเมโสโปเตเมยี เปน็ เขตท่ีดนิ อุดมสมบรู ณ์ แต่ไมม่ ีภูเขาทเี่ ป็นพรมแดนธรรมชาติ เหน็ ไดจ้ ากด้านทิศตะวันตกเป็นทะเลทราย ซีเรยี และอาระเบยี ทาํ ใหก้ ลุ่มคนหลายกลมุ่ จากบรเิ วณ รอบๆพืน้ ท่ีผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาครอบครองดนิ แดนเมโสโปเตเมยี การสร้างสมความเจรญิ จงึ เกดิ ขึน้ ระยะสั้นๆ ไม่ตอ่ เน่อื ง การทภ่ี ูมอิ ากาศในบริเวณนี้ เปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และรนุ แรง ทําให้เมโสโปเตเมยี นับถอื เทพเจา้ ซ่ึงเป็นสัญญาลักษณ์ของธรรมชาติ เชน่ อามู เทพแห่งท้องฟา้ เปน็ ตน้ อารยธรรมอียปิ ต์โบราณ (Egypt) ส30106 ประวัตศิ าสตร์โลก ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 หนา้ 2

อียปิ ต์ (Egypt) ตง้ั อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนืองของทวปี แอฟรกิ า ผคู้ นอาศยั อย่บู รเิ วณสองฝ่งั แมน่ าํ้ ไนล์ ทิศเหนอื จรดทะเลเมดเิ ตอร์เรเนยี น ทศิ ตะวนั ออกคอื ทะเลแดง ทิศเหนือตดิ ซดู านและทิศตะวันตกเป็นทะเลทรายซะฮารา อียปิ ตโ์ บราณประกอบดว้ ยอียปิ ต์บน (Upper Egypt) และอียปิ ตล์ ่าง (Lower Egypt) อียปิ ตบ์ นคือ แม่นา้ํ ไนลส์ ่วนไหลผา่ นหบุ เขา และเนินเขาท่ีแห้งแลว้ มีความยาวประมาณ 500 ไมล์ ส่วนอียปิ ต์ล่างได้แก่ อียิปตบ์ ริเวณทีแ่ ม่นํ้าไนลแ์ ตกสาขาเป็นรูปพัด ไหลลงสเู่ มดเิ ตอรเ์ รเนยี น บรเิ วณนชี้ าวกรีกเรยี กวา่ เดลตา้ ยาวประมาณ 100 ไมล์ กว้างประมาณ 6-11 ไมล์ เดลตา้ มีความอุดมสมบรู ณ์จากการทบั ถามของ ตะกอนน้ําพัดพา จงึ เป็นบรเิ วณท่อี ารยธรรมอยี ิปต์เจรญิ ขึ้น สว่ นแม่น้าํ ไนลต์ อนบน มโี ขดหินสงู ลดหลน่ั กลางสายนา้ํ เสมอื นนา้ํ ตก (cataracts) ราว 6 แห่งไมส่ ะดวกแกก่ ารเดินเรอื เปน็ พรมแดนกั้นระหว่างอียิปต์กับซูดาน ช่วงทส่ี ามารถเดนิ เรือได้คอื ตอนลา่ ง ช่วง 650 ไมลก์ อ่ นถงึ ทะเลเมดเิ ตอร์เรเนยี น ความเจรญิ ของอารยธรรมอยี ิปต์มีความต่อเนือ่ ง ตา่ งจากเมโสโปเตเมีย มีดนิ แดนที่แห้งแลง้ เปน็ ทะเลทราย ทัง้ ด้านตะวนั ตก คือ ทะเลทรายซะฮาราและบางส่วนของตะวนั ออก คือทะเลทรายนเู บยี จงึ มีโอกาสสั่งสมความเจริญได้อยา่ งมั่นคง มรี าชวงศ์ปกครองตอ่ เน่อื งเปน็ เวลานาน ปญั หาสําคัญของอียปิ ต์คอื อากาศรอ้ นแหง้ แล้ว ฝนตกเฉพาะฤดูหนาวและบรเิ วณเดลตา้ จงึ อาศยั ความชุ่มช้นื จากแม่น้าํ ไนลเ์ ปน็ หลัก ดังทชี่ าวกรีกกลา่ วไวว้ า่ “Egypt is the gift of the Nile” แมน่ ้ําไนลม์ ีการทว่ มท้นสมํ่าเสมอทุกปี ชาวอยี ปิ ตจ์ ึงเชือ่ วา่ เปน็ เสมือนวฏั จักรของชวี ติ เมือ่ ตายแล้ว มกี ารฟ้นื คืนชพี วญิ ญาณจะกลับมา เชน่ เดยี วกับแมน่ ้าํ ไนล์เอนลน้ ท่วมสองฝง่ั เมือ่ นาํ้ ลดไดท้ ิ้งตะกอนโคลนตมไว้ เปน็ ประโยชนต์ ่อการเกษตรกรรม อยี ปิ ตใ์ ชป้ ระโยชนไ์ ดเ้ ตม็ ท่ี เพราะรจู้ กั การทาํ ทํานบก้นั นา้ํ ขุดคูส่งนํา้ ไปใหด้ นิ แดนทีอ่ ยลู่ ึกเข้าไป เพอื่ ขยายที่นาและเก็บกับไว้ใช้ในยามฤดูแล้ว การขุดคูคลองและระบบเกบ็ กกั นาํ้ ต่างๆ เป็นทมี่ าของการรวมกนั เป็นชมุ ชนขนาดใหญ่ มีผู้นําและระบบการปกครอง ทํานองเดยี วกับทมี่ าของการปกครองแหลง่ อารยธรรมโบราณอน่ื ซึ่งมีพัฒนาการในชว่ งเวลาใกล้เคยี งกัน สภาพแวดลอ้ มและความเปลีย่ นแปลงของแมน่ ํา้ ไนล์ จึงมอี ิทธพิ ลต่ออยี ปิ ตห์ ลายประการ นอกจากเปน็ แหลง่ อาหารอันสมบูรณแ์ ลว้ ยังเปน็ ที่มาของการใช้ประโยชนต์ ้นกกปาปิรุส ซึ่งขึน้ อยู่มากกมายรมิ ตลงิ่ แมน่ ้าํ ไนล์ ถักเปน็ เชือก เสื่อ รองเท้าสาน ตะกร้าและทีส่ าํ คญั คือ กระดาษปาปิรุส เป็นกระดาษท่ีใชเ้ ขียนตัวอกั ษรภาพของอยี ปิ ตห์ รือเฮยี โรกลฟิ คิ (Hieroglyphics) ส30106 ประวัตศิ าสตร์โลก ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 หนา้ 3

อกั ษรเฮยี โรกลิฟิค เทียบกบั ภาษาองั กฤษ ทีม่ า http://www.internal.schools.net.au/edu/lesson_ideas/egypt/src/mockup/egypt_actsht1_p1.html กลา่ วไดว้ า่ จากสภาพภูมปิ ระเทศเป็นรปู แคบยาวทําให้ผู้นาํ พยายามท่ีจะรวมดนิ แดนเปน็ อนั หนึ่งอนั เดยี วกนั แตล่ ักษณะภมู ปิ ระเทศทําใหศ้ ตั รทู จ่ี ะรุกรานเข้ามาได้สะดวกทส่ี ดุ คอื ทางทิศเหนือ คาํ ถามทบทวน อียิปตบ์ นและอยี ปิ ต์ลา่ ง ไดแ้ กบ่ รเิ วณใด เก่ยี วข้องการสร้างความเจริญในอียิปต์อย่างไร 1. การนบั ถือเทพเจ้าของอียปิ ตเ์ ก่ยี วข้องกับธรรมชาตมิ าก ให้ยกตวั อย่างเทพสําคญั 2 องค์และบอกที่มา 2. พรมแดนอียิปตต์ ่างจากเมโสโปเตเมยี หรอื ไม่ อย่างไร อารยธรรมลมุ่ น้าํ สนิ ธุ ส30106 ประวัตศิ าสตร์โลก ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 หนา้ 4

อนุทวปี อนิ เดียมีเทือกเขาฮินดกู ชู อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือและเทือกเขาหมิ าลยั อยู่ทางทศิ เหนอื ทางตะวนั ตกและออก ตอนใต้ติดทะเล ทาํ ใหอ้ ินเดยี โบราณตดิ ต่อกบั ภายนอกได้ยาก ทางท่ีจะเขา้ สู่อนิ เดยี ไดค้ ือทางช่องเขาตะวนั ตกเฉยี งเหนือ เป็นทางทพี่ อ่ คา้ และผรู้ กุ รานจากเอเชียกลางเขา้ ส่อู นทุ วปี อารยธรรมลมุ่ นํ้าสนิ ธุ อยบู่ รเิ วณลมุ่ นํา้ สินธุทีม่ ตี น้ แม่นํา้ มาจากเทอื กเขาฮนิ ดูกูช หิมาลยั ปัจจบุ ันอยใู่ นประเทศ ปากสี ถานและอนิ เดียปัจจุบนั อารยธรรมนี้สร้างข้ึนโดยชาวดราวเิ ดียน (มิลกั ขะหรือ ทมิฬ) ชนพ้นื เมอื งเดมิ ของอนิ เดยี ผิวดํา ร่างเลก็ จมูกแบนพูดภาษาตระกลู ดราวิเดยี น (ทมิฬ ) การคน้ พบหลกั ฐานเม่ือค.ศ. 1856 เมอ่ื มีการก่อสรา้ งทางรถไฟบริเวณลุ่มน้าํ สินธุ ค้นพบซากส่งิ ก่อสรา้ งขนาดใหญ่ ค.ศ.1920 ปรากฏเปน็ รูปเมือง บริเวณเมอื ง ฮารปั ปา(Harappa) และเมอื งโมเฮนโจ ดาโร (Mohenjo Daro) อายุประมาณ 2500 ปีกอ่ นคริสตกาล หลกั ฐานทคี่ ้นพบจัดเป็นอารยธรรมยคุ โลหะทมี่ ีสังคมเมอื ง ป้อมปราการขนาดใหญ่ มสี ระอาบน้ําสาธารณะ นักโบราณคดสี ันนิษฐานวา่ อาจเปน็ ทป่ี ระกอบพธิ กี รรมทางศาสนา มีการวางผังเมอื ง ตดั ถนน มีกาํ แพงอิฐ บา้ นเรือนสร้างดว้ ยอิฐ มรี ะบบระบายน้ําทางทอ่ เปน็ ดินเผาอยขู่ ้างถนน เพ่อื รับนํา้ ท่รี ะบายจากบา้ น มีอกั ษรภาพใช้ พบโบราณวตั ถุรปู แกะสลกั หินชายมเี ครามแี ถบผา้ คาดมีตราประทบั ตรงหน้าผาก รปู สําริดหญิงสาว รปู แกะสลักบนหินเน้อื อ่อน เครื่องประดับ สรอ้ ยทองคํา สรอ้ ยลูกปัด มกี ารเพาะปลกู พืชเกษตรเช่นฝ้าย ขา้ วสาลี ถั่ว งา ข้าวโพด พบหลกั ฐานการค้ากับต่างแดนทั้งทางบกและทางทะเล พบโบราณวตั ถหุ อยสังขจ์ ากอนิ เดีย หินสี เงนิ อญั มณีจากเปอรเ์ ชยี อัฟกานสิ ถาน หยกจากธิเบต มกี ารขดุ ค้นพบอารยธรรมนก้ี วา่ 100 แห่ง อารยธรรมลุ่มนาํ้ ฮวงโห อารยธรรมจีนเกดิ ขน้ึ ครง้ั แรกที่ลุ่มแม่น้ําฮวงโห คอื ที่ราบตอนปลายของแม่นาํ้ ฮวงโหและแม่น้าํ แยงซีเกียงทม่ี นี ้ําทว่ มทน้ ทุกปี น้าํ โคลนตะกอนมาทับถม ทําใหเ้ กดิ การเกษตร อารยธรรมน้ีเป็นแหลง่ อารยธรรมรนุ่ เดยี วกับอนิ เดีย เมโสโปเตเมยี อารยธรรมจนี เจรญิ โดยได้รับอทิ ธพิ ลจากภายนอกนอ้ ยมาก เพราะทศิ ตะวนั ออกตดิ มหาสมทุ รแปซฟิ กิ ทางตะวนั ตกและทศิ เหนือเป็นท่งุ หญ้า ทะเลทราย และเทือกเขา จนี ถือวา่ ตนเปน็ ศูนยก์ ลางของโลก เปน็ แหล่งกาํ เนิดความเจรญิ แหลง่ อารยธรรมยุคหินใหม่ ท่ีพบมีอายปุ ระมาณ 2,000 ปกี ่อนคริสต์กาลทต่ี ําบล ยางเชา เรียกวฒั นธรรมยางเชา มณฑลเฮอหนาน และวัฒนธรรมลงุ ชาน ท่ีเมือง ส30106 ประวัติศาสตร์โลก ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 หน้า 5

ลงุ ชาน มณฑลชานตงุ พบ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช้ทาํ ดว้ ยหนิ กระดูกสัตว์ เครอื่ งป้ันดนิ เผา กระดูกวัว กระดองเต่าเสย่ี งทายเพื่อขอพรจากเทพเจา้ และบรรพบุรุษ แหลง่ อารยธรรมลุ่มแมน่ ํ้าฮวงโห เคร่อื งปัน้ ดินเผา วฒั นธรรมยางเชา และลุงชาน อารยธรรมกรีก   ทตี่ ั้งของนครรัฐกรกี ปัจจัยภูมศิ าสตร์ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ แหลง่ อารยธรรมตะวันตกทสี่ ําคญั อน่ื ๆ ไดแ้ ก่ อารยธรรมกรกี และอารยธรรมโรมนั ซง่ึ ไดร้ ับยกยอ่ งวา่ เป็นต้นแบบอารยธรรมตะวนั ตกชาวกรีก ตง้ั ถิ่นฐานในพื้นที่รอบทะเลเอเจยี น เป็นนครรฐั (City States) กรีก (Greek) เปน็ คาํ ของชาวโรมัน กรีกเรยี กตวั เองว่า เฮเลนส์ (Hellenes) เรียกอารยธรรมของตนว่า เฮเลนิค (Hellenic Civilization) อารยธรรมกรีกเร่ิมปรากฎชดั เจนประมาณ ปี 800 กอ่ นครสิ ตก์ าลเป็นตน้ มา แตม่ ีการรอ่ งรอยของกรกี ตง้ั แตร่ าว 2,000 ปีกอ่ นหนา้ ตง้ั แต่อารยธรรมไมนวล (Minoan civilization) บนเกาะครตี (Crete) ส30106 ประวัติศาสตร์โลก ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6 หนา้ 6

แผนท่ีอารยธรรมกรกี   http://bestvideos.asia/ancient-­‐greece-­‐map   เนอื่ งจากกรซี เปน็ นครรฐั รวมกันจากหลายๆ เมอื ง ตั้งอยูบ่ นแผน่ ดินใหญแ่ ละหม่เู กาะรอบทะเลเอเจยี น กรีซภาคเหนือ อยู่บริเวณแควน้ มาซโี ดเนยี (Macedonia) กรกี ภาคกลาง อยูบ่ รเิ วณเปน็ เนินเขานครรัฐสําคัญ คอื เอเธนส์ สว่ นชาวกรกี ที่อาศยั อยใู่ นคาบสมทุ รเพลอปปอนเนซุส (Peloponnesus) นครรฐั สําคัญคือ สปารต์ า ปจั จัยการสรา้ งสรรค์ความเจรญิ ของชาวกรกี คอื ภมู ปิ ระเทศหลากหลายแบบ ได้แก่ 1. ภเู ขา ทําให้ยากต่อการคมนาคมติดตอ่ จงึ มกั ปกครองตนเองเป็นอสระและรบพุ่งกนั บ่อยครั้ง ไมส่ ามารถรวมกนั เป็นอาณาจกั รได้ทางแก้ไข คือ การตั้งสมาพนั ธรัฐ รวมกันแบบหลวมๆ ช่ัวระยะเวลาหนงึ่ 2. พน้ื ดนิ นครรฐั กรีกอยใู่ นบรเิ วณพื้นทข่ี าดความอดุ มสมบูรณ์ ทด่ิ ินไม่พอท่ีจะทาํ การเกษตรใช้ประโยชนไ์ ด้เพยี ง 1 ใน 3 นอกน้ันเป็นทงุ่ หญ้าเหมาะกบั การเลีย้ งแพะและแกะเทา่ นั้น ทรี่ าบระหวา่ งแมน่ ํา้ มนี ้อย เพราะเปน็ แม่น้าํ สายส้นั ๆ ไหลเชีย่ วกรากในฤดูฝน แตไ่ มม่ กี ารถ่ายเททีด่ ี จงึ เปน็ แหลง่ เพาะยงุ 3. ทะเล กรีซมีทางออกทางทะเลที่สะดวก สภาพที่ตงั้ ของกรซี ทาํ ให้เห็นทะเลจากพื้นท่เี กอื บทุกสว่ น เนอ่ื งจากพ้ืนดินแหง้ แลว้ เป็นเนินเขา ชาวกรีกจึงสนใจทะเล ซ่งึ ใหค้ วามสดชนื่ รกั อิสระ และสามารถเดินทางแลน่ เรือออกไปสู่ดนิ แดนไกลๆ ส30106 ประวัตศิ าสตร์โลก ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 หน้า 7

อารยธรรมโรมัน จักรวรรดโิ รมัน (Roman Empire) เป็นจกั รวรรดทิ ่ีมีอาณาเขตกวา้ งไกล เดิมศูนยก์ ลางอย่บู นแหลมอิตาลี กลุ่มคนทีส่ ร้างอารยธรรมโรมันคอื พวกกรกี และอที รัสคัน คนพ้ืนเมอื ง มคี วามสามารถในการสู้รบ อยบู่ ริเวณท่รี าบละตอิ มุ ความเจริญของกรีกและอที รสั คันจึงเป็นพืน้ ฐานของโรมนั ปัจจยั สรา้ งสรรคค์ วามเจริญของโรมนั ท่สี ําคญั ไดแ้ ก่ การรับความเจริญจากอารยธรรมกรกี ท้งั มีทตี่ งั้ ของเมอื งหลวง คือกรุงโรม ตง้ั อย่กู ่ึงกลางในแหลมอติ าลี บนเนินเขาเจ็ดลูก ง่ายตอ่ การสร้างป้อมปราการป้องกันภยั และออกทะเลได้สะดวก เพราะอยหู่ า่ งจากปากแมน่ ํ้าไทเบอร์ประมาณ 15 ไมล์ ปลอดภยั จากการโจมตีทางทะเล แตก่ ็ไมล่ กึ เกนิ ไป จึงมคี วามเจริญจากการคา้ ขายทางทะเล ควบคู่กบั เกษตรกรรม มภี ูมิอากาศแบบเมดิเตอรเ์ รเนยี นแบบกรซี แตพ่ นื้ ดนิ อดุ มสมบรู ณม์ ากกวา่ มที ี่ราบกว้างใหญ่ คือ ที่ราบละติอมุ จักรวรรดิโรมนั บริเวณเมดเิ ตอรเ์ รเนียน ทีม่ า http://atschool.eduweb.co.uk/nettsch/time/emp.gif การทชี่ าวโรมนั มคี วามสามารถในการรบ สามารถมีชัยชนะเหนือคาร์เธจในสงครามปวิ นิค และในท่ีสุดโรมนั ได้ขยายอาณาเขตออกไปกวา้ งไกลรอบทะเลเมดเิ ตอร์เรเนยี น จนได้รบั สมญาว่า ส30106 ประวตั ิศาสตร์โลก ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6 หนา้ 8

“เจา้ แหง่ เมดิเตอร์เรเนยี น” ซึ่งทาํ ให้โรมันไดร้ บั ประโยชน์ทง้ั ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ที่ดินเกษตรกรรมและตลาดการคา้ คาํ ถามทบทวน 1. สภาพแวดล้อมทางธรรมชาตขิ องกรกี เปน็ อย่างไร มีผลตอ่ ความเจรญิ ของอารยธรรมอย่างไร 2. ชาวกรีกมีวิถีชีวติ ทเ่ี หมาะสมกบั สภาพธรรมชาติอย่างไร 3. สภาพภมู ศิ าสตรแ์ หลมอติ าลี มผี ลต่อโรมันอย่างไร อ้างองิ คณะกรรมการบรหิ ารวิชาบูรณาการ.(2545). มรดกอารยธรรมโลก. กรงุ เทพมหานคร:สํานกั พมิ พ์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .คณะอกั ษรศาสตร์. (2533).อารยธรรมสมัยโบราณ – สมัยกลาง. กรงุ เทพมหานคร: สํานักพิมพจ์ ฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . ธิตมิ า พิทักษ์ไพรวัน. (2513). ประวตั ศิ าสตร์ยุคโบราณ. พระนคร: ไทยวฒั นาพานิช. Hart,Adam. Editorial.(2007). History: The Definitive Visual Guide.Singapore.Dorling Kindersley. Hurdman,Charlotte. (1998).World History Encyclopedia.UK.:Miles Kelly Publishing. “The Culture of Ancient Egypt”[Online].http://www.erikpenn.com/theme/index.htm “Map of AncientEgypt’[Online].http://www.geocities.com/Athens/Ithaca/4396/EgyptMap.htm “Roman”[Online] www.bible-history.com/rome/Romerome00000148.htm 1. http://www.mesopotamia.co.uk/gods/home_set.html 2. http://www.britishmuseum.org/explore/ 3. http://www.wiidkabds-junior.kent.sch.uk/homework/tut.html 4. http://www.ancientegypt.co.uk/writing/rosetta.html 5. http://egy-king.blogspot.com/2012/05/charuit-of-tutankhamun.html 6. http://www.internal.schools.net.au/edu/lesson_ideas/egypt/src/mockup/egypt_actsht1_p1.html 7. http://www.south-norfolk.gov.uk/leisure/2654.asp 8. http://www.mesopotamia.co.uk/writing/homemail.html 9. http://www.thebretishmuseum.ac.uk/childrenscompass 10 http://indusrivervalley-civilization.weebly.com/sources.html 11. http://www.bbc.co.uk ส30106 ประวตั ศิ าสตร์โลก ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 หน้า 9


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook