สมดุ บนั ทึกกิจกรรมการเรยี นรู้ ชุดวชิ า วสั ดุศาสตร์ 3 รายวิชาเลือกบังคบั ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย รหัส พว32034 หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั สานกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ก คํานาํ สมดุ บนั ทึกกิจกรรมการเรียนรูช้ ดุ วชิ าวัสดุศาสตร์ 3 ระดับมธั ยมศึกษา ตอนปลายนี้ เป็นสมุดบันทึกสําหรับทํากิจกรรมที่กําหนดไว้ในชุดวิชา เพื่อให้ผู้เรียนได้ทดสอบ ความรู้ความเข้าใจ และฝึกทักษะประสบการณ์ที่จําเป็นในวิชาวัสดุศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย กิจกรรมท่ีกาํ หนดจะช่วยส่งเสริมให้ผเู้ รียน มีประสิทธิภาพในการเรียนรู้เพ่ิมขึ้นในแต่ ละเร่ืองโดยกิจกรรมจะประกอบด้วย 1. กิจกรรมประเมินผลการเรียนรู้ จากบทเรียนที่ผู้เรียนได้ศึกษามา ซึ่งกิจกรรม นี้จะมแี นวทางเฉลยคําตอบให้ผู้เรียนได้ตรวจสอบได้ดว้ ยตนเองท้ายเล่ม 2. กจิ กรรม การนาํ ความร้ไู ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั 3. กจิ กรรม การคน้ คว้า และแสดงความคดิ เห็น 4. กิจกรรม ทดลอง ปฏิบตั ิ จากวัสดุอปุ กรณท์ ี่หาไดจ้ ากท้องถน่ิ สาํ นักงาน กศน. หวงั วา่ เมือ่ ผเู้ รยี นไดศ้ กึ ษาจากชดุ วชิ า พร้อมไดท้ ดสอบ ปฏิบัติ และทํากิจกรรม ตามคําแนะนําอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ผู้เรียนจะประสบความสําเร็จ ในการศกึ ษาได้ สํานักงาน กศน.
ข คำชีแ้ จงกำรใชส้ มุดบนั ทกึ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ สมุดบนั ทึกกจิ กรรมการเรยี นรู้น้ี ใช้ควบค่กู ับชดุ วชิ าวัสดุศาสตร์ 3 พว32034 ใหผ้ ู้เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนของชุดวิชาตามที่กาหนด เพ่ือให้ผู้เรียนทราบความรู้พ้ืนฐาน และตรวจคาตอบจากเฉลยแบบทดสอบท้ายเล่มของชุดวิชา หลักจากนั้นผู้เรียนศึกษาเน้ือหา ในชดุ วชิ าในแต่ละหนว่ ยการเรียนรู้ และใหท้ ากจิ กรรมทา้ ยเร่ืองของแตล่ ะหน่วยลงในสมุดบันทึก กิจกรรมการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถตรวจแนวคาตอบจากเฉลยท้ายเล่มของชุดวิชา หากผู้เรียน ทากิจกรรมไมถ่ ูกตอ้ งให้กลับไปทบทวนเน้ือหาสาระในเร่ืองนั้น ให้เข้าใจ แล้วทากิจกรรมเรียนรู้ ซ้าอีกครั้งจนถูกต้อง และเม่ือทากิจกรรมการเรียนรู้ครบทุกหน่วยแล้ว ให้ทาแบบทดสอบ หลังเรยี นและตรวจคาตอบจากเฉลยท้ายเลม่ ของชดุ วชิ า ในการทากิจกรรมการเรียนรู้นี้ ผู้เรียนต้องทากิจกรรมด้วยตนเองให้ครบถ้วน ทุกกิจกรรม เพ่ือให้การเรียนรู้ของผู้เรียนมีประสิทธิภาพประสิทธิผลบรรลุผลการเรียนรู้ ท่คี าดหวงั ของชดุ วชิ านี้
สารบัญ ค คำนำ หน้า คำช้ีแจงกำรใชส้ มดุ บนั ทกึ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ก สำรบญั ข แบบทดสอบก่อนเรยี น ค กจิ กรรมกำรเรียนรหู้ น่วยท่ี 1 หลักวัสดุศำสตร์ 1 กิจกรรมกำรเรียนรหู้ น่วยท่ี 2 กำรใช้ประโยชน์และผลกระทบจำกวัสดุ 16 กจิ กรรมกำรเรยี นรหู้ น่วยท่ี 3 กำรคดั แยกและกำรรีไซเคิล 19 กจิ กรรมกำรเรยี นรหู้ น่วยที่ 4 ทิศทำงกำรพัฒนำวสั ดใุ นอนำคต 24 กิจกรรมกำรเรียนรหู้ น่วยท่ี 5 สง่ิ ประดษิ ฐจ์ ำกวัสดุตำมหลกั สะเตม็ ศกึ ษำ 26 กิจกรรมกำรเรยี นรหู้ น่วยท่ี 6 เทคโนโลยีกำรกำจัดวัสดุ 28 แบบทดสอบหลงั เรียน 31 เฉลยกิจกรรมกำรเรียนรู้หนว่ ยท่ี 1 หลกั วสั ดศุ ำสตร์ 34 เฉลยกจิ กรรมกำรเรียนรู้หนว่ ยท่ี 2 กำรใช้ประโยชน์และผลกระทบจำกวัสดุ 49 เฉลยกจิ กรรมกำรเรียนรู้หนว่ ยที่ 3 กำรคดั แยกและกำรรไี ซเคิล 51 เฉลยกจิ กรรมกำรเรียนรู้หน่วยท่ี 4 ทิศทำงกำรพัฒนำวัสดุในอนำคต 58 เฉลยกิจกรรมกำรเรียนรู้หน่วยท่ี 5 สิ่งประดิษฐจ์ ำกวัสดตุ ำมหลักสะเต็มศกึ ษำ 61 เฉลยกจิ กรรมกำรเรียนรู้หน่วยที่ 6 เทคโนโลยกี ำรกำจดั วสั ดุ 63 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 66 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน 68 คณะผจู้ ดั ทำ 71 74
1 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ม.ปลาย คาํ ชแ้ี จง จงเลอื กคาํ ตอบท่ีถกู ท่สี ดุ เพียงขอ้ เดยี ว 1. ขอ้ ใดใหค้ วามหมายของคําวา่ “วัสดศุ าสตร”์ ได้ถกู ตอ้ งท่สี ดุ ก. เปน็ การศึกษาความรเู้ ก่ียวกบั ส่งิ มีชวี ิต ข. เป็นการศึกษาความรเู้ กย่ี วกับไมม่ สี ่งิ มชี ีวิต ค. เป็นการศึกษาความรเู้ กยี่ วกับส่ิงท่อี ยูร่ อบตวั เรา ง. เป็นการศกึ ษาองคค์ วามรทู้ ่ีเกยี่ วข้องกบั วัสดุ ที่นาํ มาใช้ประกอบกันเปน็ ช้ินงาน ตามการ ออกแบบ มตี ัวตน สามารถสัมผัสได้ 2. ข้อใดคือการแบ่งประเภทของวสั ดไุ ด้อยา่ งถูกตอ้ ง ก. โลหะ พอลเิ มอร์ เซรามิกส์ ข. ของแข็ง ของเหลว กา๊ ซ ค. เหลก็ พลาสตกิ แกว้ ง. ธาตุ สารประกอบ 3. อลั ลอยด(์ Alloys) หมายถึงข้อใด ก. โลหะหนกั ข. โลหะผสม ค. กึง่ โลหะ ง. อโลหะ 4. วสั ดพุ อลิเมอรส์ ่วนใหญม่ ธี าตใุ ดเปน็ องคป์ ระกอบ ก. เหลก็ ข. คารบ์ อน ค. ไนโตรเจน ง. ออกซิเจน
2 5. ข้อใด ไม่ใช่ เกณฑใ์ นการจาํ แนกวสั ดปุ ระเภทพอลเิ มอร์ ก. พิจารณาตามมอนอเมอรท์ ีเ่ ปน็ องคป์ ระกอบ ข. พิจารณาตามลักษณะการใช้งาน ค. พิจารณาตามสมบัติเฉพาะตัว ง. พิจารณาตามแหลง่ กําเนดิ 6. วตั ถุดิบท่ีเปน็ ส่วนประกอบของเซรามกิ สท์ ี่ทําใหเ้ กิดความแข็งแรงไมโ่ ค้งงอ คอื ขอ้ ใด ก. ดิน ข. ควอตซ์ ค. แรโ่ ดโลไมต์ ง. สารประกอบออกไซต์ 7. ขอ้ ใด ไม่ใช่ สมบตั ิของวัสดปุ ระเภทโลหะ ก. นําความรอ้ นได้ดี ข. จดุ หลอมเหลวต่ํา ค. ดึงเป็นเสน้ ได้ ง. ผวิ เปน็ มนั วาว 8. เพราะเหตุใดวัสดปุ ระเภทโลหะจึงเปน็ ตัวนาํ ไฟฟา้ ทดี่ ี ก. มอี เิ ลก็ ตรอนอย่นู งิ่ ในใจกลางของโลหะ ข. มไี อออนบวกสั่นสะเทอื นดว้ ยความถ่สี ูง ค. มอี เิ ล็กตรอนเคลื่อนทีไ่ ด้ง่ายไปท่วั ทัง้ ก้อนของโลหะ ง. เพราะโลหะมีจดุ หลอมเหลวสงู เม่อื อณุ หภูมิย่งิ สงู ยง่ิ นาํ ไฟฟา้ ไดด้ ี 9. สมบัตกิ ารนําความร้อนของพอลเิ มอร์ นาํ มาใชป้ ระโยชน์ในข้อใด ก. ชนิ้ สว่ นเครอ่ื งยนต์ ข. ทาํ ฉนวนกันความรอ้ น ค. ทําภาชนะสาํ หรบั ใชท้ ําอาหาร ง. ภาชนะทใ่ี ชห้ ุงตม้ ทใี่ ชก้ บั แหล่งใหพ้ ลังงานบางอยา่ ง เช่น เตาอบ เตาไมโครเวฟ
3 10. ดว้ ยสมบัติดา้ นการเป็นฉนวนควบคู่ไปกับการทนความรอ้ นสงู ของเซรามกิ ส์ ทําให้นาํ มาใช้ ประโยชนห์ ลายอย่างยกเวน้ ในขอ้ ใด ก. สรา้ งเครอ่ื งยนต์ ข. เตาหลอมเหล็กกล้า ค. ผนงั กระสวยอวกาศ ง. ทําภาชนะสาํ หรบั ใช้ทําอาหาร 11. ข้อใด ไม่ใช่ ประโยชน์จากวัสดทุ ีม่ นษุ ยน์ าํ มาใชง้ าน ก. ทอ่ี ยูอ่ าศัย ข. เครือ่ งอปุ โภค ค. เครื่องนุง่ ห่ม ง. ยารักษาโรค 12. การผลิตโลหะผสมที่เรียกว่า \"โลหะสมั รดิ \" เกิดจากการผสมระหว่างโลหะชนิดใด ก. ทองคาํ กบั เหลก็ ข. ทองแดงกบั ดบี กุ ค. นิกเกลิ กบั พลวง ง. อะลมู ิเนียมกบั แมกนเี ซยี ม 13. วัสดุประเภทโลหะในขอ้ ใดทเ่ี ป็นการใชป้ ระโยชนใ์ นการทําสายไฟฟา้ แรงสงู ก. ตะกวั่ ข. ทองคํา ค. ทองแดง ง. อะลมู เิ นียม
4 14. ขอ้ ใดเปน็ การใช้ประโยชนข์ องวสั ดพุ อลิเมอรป์ ระเภทไนลอน ก. เส้อื ผ้า ข. ขวดนาํ้ ค. สายเคเบลิ ง. หลอดทดลอง 15. พอลิอะคริเลต เรียกกนั ทวั่ ไปวา่ อะคริลกิ นาํ ไปใช้ทาํ กรอบรปู และเลนส์ เพราะมสี มบตั ิ ในขอ้ ใด ก. มีความเบา ข. ทนความร้อน ค. มีความยดื หย่นุ สูง ง. มคี วามโปรง่ ใสมาก 16. ข้อใด ไมใ่ ช่ ประโยชน์ที่เกิดจากการประยุกตใ์ ช้ของวสั ดุเซรามิกสส์ มยั ใหม่ ก. กระดูกเทียม ฟันปลอม ข้อต่อเทียม ข. ตวั เกบ็ ประจุไฟฟ้า ตวั จุดเตาแกส๊ วสั ดุบนั ทึกขอ้ มูล ค. กระเบอื้ งบผุ นัง กระเบื้องหลังคา ต๊กุ ตาและของตกแต่ง ง. ลกู ปืน วาลว์ สลักลูกสูบ และใบพัดของเทอรโ์ บชารจ์ เจอร์ 17. ข้อใด ไม่ใช่ ผลกระทบด้านระบบนิเวศที่เกิดจากการใช้วสั ดใุ นชีวติ ประจาํ วนั ก. อนงค์ท้ิงแบตเตอร์รีโ่ ทรศพั ท์ลงในถังสีแดง ข. ยพุ าใชส้ ารเคมีกาํ จดั หญ้าในแปลงผักสวนครัว ค. สมศกั ดิเ์ ทนาํ้ ทใ่ี ชซ้ กั ผ้าลงแม่นา้ํ หน้าบ้านทุกวนั ง. ชมภูก่ าํ จัดขยะในครวั เรอื นด้วยวธิ ีการเผาในทโี่ ล่ง
5 18. บุคคลในขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี มีจิตสาํ นกึ ในการอนรุ ักษ์สงิ่ แวดลอ้ ม ก. สมใจ สงสารคนเกบ็ ขยะจงึ ชว่ ยเกบ็ ขยะด้วย ข. สมศกั ด์ิ ทิง้ ขยะลงถงั เสมอ แตไ่ ม่ได้แยกขยะก่อนท้ิง ค. สมหวงั เหน็ ขยะตกลงพืน้ จงึ รบี ไปเกบ็ และคัดแยกกอ่ นท้ิง ง. สมพงษ์ เห็นขยะตกอย่แู ลว้ บอกคนเกบ็ ขยะให้มาเกบ็ ไปท้ิง 19. อาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลนื่ ไส้ เป็นอาการท่เี กิดจากร่างกายได้รบั สารพษิ ชนิดใด ก. ปรอท ข. สารหนู ค. สารตะกว่ั ง. สารทําความเย็น 20. หากระบบประสาท ผวิ หนงั และระบบการย่อยอาหาร ถกู ทาํ ลาย แสดงว่าร่างกายได้รบั สารพิษชนิดใด ก. ปรอท ข. สารหนู ค. สารตะกว่ั ง. สารทําความเย็น 21. หลกั 3R หมายถงึ ข้อใด ก. หลักการบรหิ ารจดั การวัสดเุ พือ่ การใชง้ าน ข. หลกั การบาํ รงุ รกั ษาวัสดใุ หส้ ามารถใชง้ านได้ดี ค. หลักการจดั การวัสดุเพื่อลดปริมาณวสั ดทุ ใ่ี ชแ้ ล้ว ง. หลกั การจดั การวัสดเุ พอ่ื เพิม่ ประสิทธภิ าพการใชง้ าน 22. ข้อใดต่อไปน้ใี ห้ความหมายของ Reuse ไดถ้ ูกตอ้ ง ก. มดซือ้ นาํ้ อัดลมที่เป็นขวดแล้วคืนได้ ข. น้อยนาํ ปน่ิ โตไปใส่อาหารแทนการใช้กล่องโฟม ค. เบนซ์นําขวดนา้ํ พลาสตกิ ไปทาํ กับดักแมลงวันทอง ง. แกว้ เลือกซ้ือน้ํารีดผ้าชนิดเตมิ แทนการแบบเป็นขวด
6 23. ข้อใดต่อไปน้ีใหค้ วามหมายของ Recycle ไดถ้ ูกต้อง ก. นกนําซองกาแฟมาทาํ ตะกร้าใส่ของ ข. จอยยมื หนงั สอื นิทานจากหอ้ งสมุดประชาชน ค. จอร์นนําขวดนาํ้ พลาสติกทใ่ี ชแ้ ลว้ ไปลา้ งแล้วนํากลับมาใช้ใหม่ ง. น้าํ นาํ ขวดแก้วทใ่ี ช้แล้ว ไปหลอมใหม่ เพ่อื ข้ึนรปู เป็นแกว้ ใบใหม่ 24. กระปอ๋ ง ถัง เศษเหลก็ เศษโลหะทกุ ชนิด จะทิ้งในถงุ สีใด ก. สีฟา้ ข. สีแดง ค. สเี ขยี ว ง. สเี หลือง 25. ข้อใดปฏิบตั ิได้ถูกต้องกอ่ นนําขยะไปรไี ซเคิล ก. ขวดแกว้ ที่มสี คี วรนาํ มาคละรวมกันกอ่ น ข. ฝาและจกุ ของขวดแก้วควรปิดไว้ในสภาพเดมิ ค. ไม่ควรท้ิงก้นบุหรี่ลงในขวดแก้วต้องทําความสะอาดกอ่ นรวบรวม ง. ไม่ทาํ ให้กล่องกระดาษลกู ฟกู แบน ก่อนนํามารไี ซเคิลควรให้อยใู่ นสภาพเดิม 26. ข้อใดเป็นสญั ลักษณร์ ีไซเคิลพลาสตกิ ก. ข. ค. ง.
7 27. ข้อใดเป็นการแยกกระป๋องอะลมู เิ นียม ออกจาก กระป๋องเหลก็ เคลอื บดบี ุก ก. ใช้การแยกดว้ ยความรอ้ น ข. ใช้การแยกด้วยแม่เหลก็ ค. ใชก้ ารแยกด้วยนํ้า ง. ใช้การแยกดว้ ยลม 28. ข้อใดคือสมบัตขิ อง พอลเิ มอร์ ท่ีมีรหัสของพอลเิ มอร์ ก. มีความใสมาก ข. มคี วามแข็งมาก ค. ทนตอ่ ความเยน็ ได้ดี ง. การป้องกนั ออกซิเจนได้ดี 29. ข้อใดกล่าวถูกตอ้ ง ก. เทอร์โมพอลิเมอร์ มตี ้นทนุ การผลติ ทีต่ า่ํ ข. เทอรโ์ มเซตต้ิง นํากลับมา เข้าส่กู ระบวนการผลิตซํา้ ๆ ได้ ค. เทอร์โมเซตติง้ นาํ มาขน้ึ รปู ไดง้ า่ ยดว้ ยมีการใช้งานทห่ี ลากหลาย ง. เทอรโ์ มพอลิเมอร์ ขน้ึ รปู ทาํ ไดย้ ากและไม่สามารถนาํ กลบั มาใชใ้ หม่ได้ 30. ข้อใดเป็นการจัดการทถ่ี ูกตอ้ งสําหรบั ขวดแกว้ สภาพดี หากไมแ่ ตกบิ่นเสยี หาย ก. Reuse ข. Recycle ค. Refuse ง. Repair
8 31. ข้อใด ไม่ใช่ ทิศทางในการพฒั นาวัสดใุ นอนาคต ก. พฒั นาใหม้ คี วามเบา ข. พัฒนาใหม้ ีขนาดใหญ่ ค. พัฒนาให้มีความแขง็ แรง ง. พัฒนาให้ทนความร้อน 32. ข้อใดกลา่ วถงึ เทคนคิ ในการพฒั นาวสั ดุในอนาคตของวัสดุประเภทโลหะ ท่ีสามารถช่วยยืด อายุของโลหะผสมได้ ก. การบีบอัดดว้ ยแรงดันสงู ข. การหล่อดว้ ยความเย็นสูง ค. การดึงยดื ด้วยความร้อนสงู ง. การดดั โค้งงอดว้ ยกาํ ลงั แรงสงู 33. ขอ้ ใด ไม่ใช่ แนวทางพัฒนาวสั ดใุ นอนาคตของวัสดปุ ระเภทพอลเิ มอร์ ก. มีความยดื หยนุ่ ข. มคี วามหนา ค. นาํ ไฟฟา้ ได้ ง. คืนรูปได้ 34. จากขา่ วการพฒั นาหน้าจอโทรศพั ท์มือถอื ทโ่ี คง้ งอได้ ทา่ นคิดวา่ หน้าจอโทรศัพท์มอื ถือเปน็ การพฒั นาของวสั ดุประเภทใด ก. โลหะ ข. พอลิเมอร์ ค. เซรามกิ ส์ ง. วัสดุธรรมชาติ
9 35. ข้อใดกลา่ ว ไม่ถกู ตอ้ ง เกย่ี วกับทศิ ทางการพฒั นาวสั ดุทม่ี คี วามเปน็ มิตรต่อสง่ิ แวดล้อม ก. การปลอ่ ยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ําในกระบวนการผลติ ข. การใชพ้ ลังงานอย่างประหยัดในกระบวนการผลิต ค. การใชง้ านและการเหลอื ทิง้ เปน็ ขยะให้น้อยทส่ี ุด ง. การใช้วสั ดุเลยี นแบบธรรมชาตมิ ากท่สี ุด 36. ขอ้ ใดคือปัจจัยสําคัญในการเลือกใช้พลาสตกิ จากพืชที่แข็งแรงทนทาน ก. ของเลน่ ท่ีทาํ จากพลาสตกิ ทว่ั ไปมีโลหะหนักและสารก่อมะเรง็ ข. อุปกรณ์ท่ที ําจากพลาสติกทว่ั ไปมไี ม่มีความแขง็ แรงทนทาน ค. เคร่ืองใชท้ ีท่ าํ จากพลาสตกิ ทั่วไปมไี ม่สามารถย่อยสลายได้ ง. วสั ดทุ ําจากพลาสตกิ ทว่ั ไปมีราคาและตน้ ทนุ การผลติ สูง 37. ขอ้ ใดกลา่ ว ไมถ่ ูกต้อง เกยี่ วกบั ทิศทางการพฒั นาวัสดทุ ีช่ ว่ ยทําใหส้ ุขภาพดขี ึ้น ก. กระเปา๋ ทาํ เลยี นแบบหนังสตั ว์ชว่ ยลดการเบียดเบียนธรรมชาติ ข. เส้ือผ้าที่ใช้เทคโนโลยนี าโนซลิ เวอร์ในการฆ่าเช้ือโรคและกาํ จดั กลน่ิ ค. การใช้เส้นใยทีส่ ามารถดูดซับความรอ้ นช่วยกระตุน้ ใหเ้ ลอื ดหมุนเวียน ง. นวัตกรรม Heattech ผลติ ผ้าที่บาง ออกมาเพอื่ ต่อสคู้ วามหนาวเย็น 38. ข้อใดคือแหล่งท่ีมาของสนิ แร่หายากตามทศิ ทางการพฒั นาวสั ดุในอนาคต ก. จากแกนโลก ข. การทาํ เหมืองแร่ ค. จากขยะอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ง. ใช้ทรัพยากรจากวตั ถใุ กล้โลก 39. ขอ้ ใดคือประโยชน์ของสนิ แรโ่ พรมเี ทียม ก. ใช้ในอตุ สาหกรรมขุดเจาะนํา้ มัน ข. ใช้ในอตุ สาหกรรมผลิตใยแก้วนําแสง ค. ใช้ในการผลติ แบตเตอร่พี ลงั งานนวิ เคลียร์ ง. ใช้ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และกล้องถ่ายรูป
10 40. ขอ้ ใดกล่าวถงึ ทศิ ทางการพฒั นาวสั ดุในอนาคตไม่ถกู ต้อง ก. การพัฒนาจอโทรทศั นใ์ หม้ ีลกั ษณะโค้งมน ข. การผลิตเสน้ ใยชนดิ พเิ ศษทีด่ ดู ซับเหงอ่ื ไดร้ วดเร็ว ค. การผลิตหนา้ จออปุ กรณอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์แบบทบึ แสง ง. การผลิตถุงพลาสตกิ จากวัสดุทเ่ี ป็นมติ รกบั ส่งิ แวดลอ้ ม 41. หลักสะเตม็ ศึกษา เก่ยี วข้องกบั การจัดการศึกษา 4 สาขาวชิ า ยกเว้น ข้อใด ก. เทคโนโลยี ข. วิทยาศาสตร์ ค. ศิลปะศาสตร์ ง. วิศวกรรมศาสตร์ 42. คาํ วา่ “สะเต็ม” หรอื “STEM” อักษรย่อตวั T มาจากขอ้ ใด ก. Thinking ข. Teaching ค. Technique ง. Technology 43. ขอ้ ใดใหค้ วามหมายของ “สะเตม็ ศึกษา” ไดถ้ ูกต้องท่สี ดุ ก. เป็นการจดั การศึกษาทเ่ี นน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาํ คัญ ข. เป็นแนวทางการจดั การศึกษาที่กระตนุ้ ให้ผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ ค. เปน็ แนวทางการจดั การศึกษาท่ีบรู ณาการความร้แู บบสหวิทยาการ โดยเน้นการ นําความร้ไู ปใชแ้ ก้ปญั หาในชวี ติ จรงิ ง. เป็นการจัดการศึกษาทใี่ หผ้ เู้ รียนจดั กจิ กรรมตามแนวทางทีค่ รผู ้สู อนไดก้ ําหนดไว้ เพ่อื ให้ ผู้เรียนแกป้ ัญหาอย่างเป็นระบบ
11 44. ข้อใดกล่าว ไมถ่ กู ตอ้ ง เกีย่ วกบั ลกั ษณะการจดั การเรยี นรตู้ ามแนวทางสะเต็ม ก. เปน็ การสอนทีเ่ นน้ การบูรณาการ ข. เน้นการพฒั นาทกั ษะการดําเนินชวี ิตประจําวนั ค. สรา้ งความเชอ่ื มโยงระหว่างเนือ้ หาวชิ ากับชีวิตประจําวันและการทําอาชพี ง. เปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นไดแ้ สดงความคิดเหน็ และความเขา้ ใจทีส่ อดคลอ้ งกับเนื้อหา 45. จดุ ประสงค์ของการจดั การเรยี นรตู้ ามแนวทางสะเตม็ ศกึ ษาคือขอ้ ใด ก. ส่งเสริมให้ผู้เรยี นเกดิ ความรกั ความสามัคคี ในหม่คู ณะ ข. ส่งเสริมให้ผเู้ รียนตระหนกั ถึงความสาํ คัญของการจัดการศึกษา ค. ส่งเสริมให้ผูเ้ รยี นเกิดการใสใจและกระตือรอื ร้นในการเข้ารว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ ง. สง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นรกั และเห็นคุณค่าของการเรียน และเหน็ วา่ วชิ าเหลา่ นนั้ เปน็ เรือ่ ง ใกลต้ ัวที่สามารถนํามาใช้ไดท้ ุกวนั 46. บุคคลในขอ้ ใดจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ตามหลักสะเตม็ ศกึ ษา ก. นอ้ ยใหน้ กั ศึกษาทําการทดลองวิทยาศาสตร์ ข. มกุ พานักศึกษาไปทัศนะศึกษานอกสถานที่ ค. นํ้าให้นักศกึ ษาดูวีดทิ ัศน์ เรื่อง สตั วโ์ ลกน่ารู้ แลว้ ตอบคําถาม ง. จอยกาํ หนดหวั ขอ้ เร่อื งขึ้นมาใหน้ กั ศึกษาไปศกึ ษาคน้ คว้า และออกแบบกิจกรรมการ เรยี นรู้ 47. ทกุ ขอ้ เป็นขอ้ ดีของการจดั การศกึ ษาแบบสะเตม็ ศึกษา ยกเวน้ ข้อใด ก. ผเู้ รยี นเป็นคนดแี ละคนเกง่ ข. ผูเ้ รยี นเกดิ ความคดิ ริเรมิ่ สรา้ งสรรค์ ค. ผเู้ รยี นเกดิ กระบวนการ คิดและแกป้ ญั หา ด้วยตนเอง ง. ผ้เู รียนสามารถถ่ายทอดความคิด หรอื ความเข้าใจความคดิ รวบยอดได้
12 48. “สุดสวย สังเกตเหน็ วา่ ภายในบา้ นมกี ระดาษหนังสอื พิมพ์ท่ีอ่านแลว้ อยจู่ าํ นวนมาก จึงคิด หาวิธีทีจ่ ะนํามาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ โดยการศกึ ษาคน้ คว้า และหาข้อมลู มาเปรยี บเทียบเพอื่ หา รปู แบบสิง่ ประดษิ ฐ์จากส่อื อินเตอร์เน็ต” จากข้อความข้างตน้ เป็นการเรยี นรตู้ ามขอ้ ใด ก. การสืบเสาะหาความรู้ ข. การสรา้ งสรรคช์ ้นิ งาน ค. การเรยี นรโู้ ดยใช้โครงงานเป็นฐาน ง. เชอ่ื มโยงเนือ้ หาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี ส่โู ลกจรงิ 49. งานประดิษฐเ์ ปเปอร์มาเชร่ ์ เปน็ สงิ่ ประดิษฐจ์ ากวัสดุที่ใชแ้ ลว้ ประเภทใด ก. วัสดุประเภทเศษเหลก็ ข. วสั ดุประเภทกระดาษ ค. วัสดปุ ระเภทเศษพลาสติก ง. วสั ดปุ ระเภทอเิ ล็กทรอนิกส์ 50. หากนักศกึ ษามีเศษผ้าทเ่ี หลือจากการใชง้ าน ควรนาํ มาประดิษฐเ์ ปน็ ส่ิงของเคร่อื งใช้ ประเภทใดจงึ จะเหมาะสม ก. แปลนอน ข. พรมเช็ดเทา้ ค. ตกแต่งโคมไฟ ง. กระถางต้นไม้ 51. ระบบการเผาไหม้มวล หมายถงึ ขอ้ ใด ก. การเผาทาํ ลายมูลฝอยในสภาพท่รี บั เขา้ มาโดยไม่ต้องมีกระบวนการจดั การ เบอ้ื งต้นกอ่ น ข. การเผาทาํ ลายมูลฝอยโดยมกี ระบวนการจดั การเบ้อื งตน้ ก่อน ค. การเผาทาํ ลายมลู ฝอยประเภทกระดาษ ง. การเผาทําลายมูลฝอยประเภทไม้
13 52. ข้อดีของการกาํ จัดวสั ดุทีใ่ ชแ้ ลว้ โดยใชเ้ ตาเผา คอื ข้อใด ก. เป็นระบบทีไ่ ม่ยงุ่ ยากซบั ซ้อน ข. ไม่มีเศษเหลอื ตกค้างท่ีจะต้องนาํ ไปกาํ จัดตอ่ ไป ค. ส่วนทีเ่ หลือจากการเผาไหม้ (ขี้เถา้ ) สามารถนําไปถมท่ีดินได้ หรอื ทาํ วสั ดุกอ่ สรา้ งได้ ง. สามารถกาํ จดั วสั ดุไดท้ กุ ประเภท ทกุ ขนาด ยกเว้นของเสียอนั ตรายและของเสียติดเชื้อ 53. ขอ้ เสียเปรียบของการกาํ จดั ขยะดว้ ยเตาเผาแบบตะกรับเคลอื่ นทคี่ ือขอ้ ใด ก. เงนิ ลงทุนและบำรงุ รักษาคอ่ นขา้ งสงู ข. ใหค้ ่าประสทิ ธิภาพเชิงความรอ้ นได้สูง ค. ไมต่ อ้ งการคัดแยกหรอื บดตัดมูลฝอยก่อน ง. สามารถจัดการกับมลู ฝอยทม่ี ีค่าความรอ้ นทเ่ี ปล่ียนแปลงตลอดเวลา 54. เตาเผาแบบหมุนมีหลกั การทํางานแบบใด ก. กระบวนการทําใหม้ ลู ฝอยเปน็ กา๊ ซโดยการทําปฏิกิรยิ าสนั ดาปแบบไม่สมบรู ณ์ ข. เปน็ การเผาไหม้ โดยอาศยั หลักการทอ่ี นุภาคของแขง็ รวมตวั ในเตาเผา ผสมเขา้ กบั มลู ฝอยทท่ี ําหน้าที่เปน็ เชื้อเพลิง สาํ หรับการเผาไหม้ถูกทาํ ใหล้ อยตวั ขึ้น ค. เป็นการเผาไหม้ มวลของมูลฝอยโดยใช้ห้องเผาไหม้ทรงกระบอกซง่ึ สามารถ หมุนได้ รอบแกน มูลฝอยจะเคล่อื นตวั ไปตามผนังของเตาเผาตามการหมนุ ของเตาเผา ง. เป็นการเผาไหม้มวล ซงึ่ ประกอบด้วยตะกรบั ท่สี ามารถเคลือ่ นทไี่ ดแ้ ละมี การเผาไหม้ บนตะกรบั โดยจะเคลอ่ื นทีแ่ ละลําเลียงมลู ฝอยจากจุดเรม่ิ ต้นถงึ จุดสุดทา้ ย 55. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ประโยชน์ที่ไดร้ บั จากการเผาไหมม้ ลู ฝอยในเตาเผา ก. การนําเอาพลงั งานทม่ี อี ยู่ในมลู ฝอยกลบั มาใชป้ ระโยชน์ใหม่ ข. สามารถลดปรมิ าณการปลดปล่อยกา๊ ซมแี ทนได้ ค. ไม่ทําใหเ้ กิดปรากฎการณ์ภาวะเรือนกระจก ง. สามารถใช้ทดแทนเช้ือเพลิงฟอสซลิ ได้
14 56. ปริมาณและคณุ ภาพของก๊าซชีวภาพจากระบบยอ่ ยสลายแบบไม่ใช้ออกซเิ จน ขึ้นอยกู่ ับองค์ประกอบทกุ ขอ้ ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. เศษวัสดุ ข. การควบคมุ ระบบของการหมกั ค. การควบคมุ อณุ หภูมขิ องการหมกั ง. การควบคมุ สภาพแวดล้อมของการหมกั 57. เศษวัสดทุ ไ่ี ม่สามารถเผาไหมไ้ ด้ คอื ขอ้ ใด ก. เศษแก้ว ข. ถงุ มือยาง ค. ผ้าขนหนู ง. รองเทา้ หนัง 58. หากเรากล่าวถงึ ก๊าซที่เกิดจากการหมกั ชีวภาพจะหมายถงึ ก๊าซในข้อใด ก. มีเทน ข. ออกซเิ จน ค. คารบ์ อนไดออกไซด์ ง. ไฮโดรเจนซัลไฟด์ 59. ข้อใด ไมใ่ ช้ วธิ กี ารปรบั ปรุงคณุ ภาพก๊าซชวี ภาพ ก่อนการนาํ ไปใชง้ าน ก. การดักนาํ้ ในทอ่ ส่งกา๊ ซชวี ภาพ ข. การปรับลดกา๊ ซออกซิเจน(O) ค. การปรับลดกา๊ ซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) ง. การปรบั ลดปริมาณก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2)
15 60. การปรับลดก๊าซไฮโดรเจนซลั ไฟด์ (H2S) ท่ปี นเปอ้ื นในกา๊ ซชวี ภาพเพอื่ วัตถุประสงค์ขอ้ ใด ก. ชว่ ยยดื อายุการใชง้ านของอุปกรณ์ ข. ปอ้ งกนั อนั ตรายจากปริมาณของก๊าซท่ีสะสม ค. ช่วยใหร้ ะบบการทํางานของอุปกรณม์ ปี ระสิทธิภาพมากย่ิงขึน้ ง. ปอ้ งกนั การกลน่ั ตัวเป็นหยดนํา้ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคในการสง่ ก๊าซไปตามท่อ
16 กจิ กรรมการเรียนรหู้ น่วยท่ี 1 หลักวัสดศุ าสตร์ คาชี้แจง ให้ผู้เรียนศกึ ษาค้นคว้าเพม่ิ เติมจากสอ่ื และแหลง่ เรียนรตู้ า่ ง ๆ ตามท่ีแนะนาไวท้ า้ ย หน่วยในชดุ วชิ า แล้วทากิจกรรมต่อไปนี้ กิจกรรมที่ 1 1. อธบิ ายความหมายของวสั ดุศาสตร์ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. บอกประเภทของวัสดศุ าสตร์ พร้อมยกตวั อย่างวสั ดุแตล่ ะประเภททพ่ี บใน ชวี ติ ประจาวัน มาพอสงั เขป ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................
17 กิจกรรมท่ี 2 บอกสมบัติของวัสดุศาสตร์ประเภทตา่ ง ๆ มาพอสงั เขป 1. สมบัตขิ องโลหะ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. สมบตั ิของพอลิเมอร์ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. สมบตั ิของเซรามกิ ส์ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................
18 กจิ กรรมท่ี 3 ลกู โปง่ ยางพารา ใหผ้ ูเ้ รียนทาการทดลองประดษิ ฐ์ลูกโป่งยางพารา เพื่ออธบิ ายสมบตั ขิ อง พอลิเมอร์ วัสดุอปุ กรณ์ 1 น้ายางพาราสาเรจ็ รูป 2 แปรงทาสี 3 โตะ๊ ผวิ เรียบ 4 ถาดรองสี 5 สีผสมอาหาร 6 แทง่ ไม้ ดินสอ หรือตะเกียบ 7 ลกู โป่ง วิธีการประดิษฐ์ 1. เตรียมลกู โป่งตามขนาดที่ตอ้ งการ 2. ผสมสีในน้ายางท่ีเตรยี มไวแ้ ล้วคนใหเ้ ขา้ กนั 3. ใชล้ ูกกล้ิงจ่มุ น้ายางทีผ่ สมสแี ล้วทาลงบนโตะ๊ ผิวเรียบ หรอื วัสดอุ ื่นๆ ทม่ี ผี ิวเรยี บ เป็นแถวตลอดแนวความยาวของโตะ๊ แบง่ เปน็ ชอ่ งหรือเลนตามขนาดของลกู โปง่ และรอให้ ยางแหง้ 4. นาลกู โปง่ ทเ่ี ตรยี มไว้มาวาง ลงบนเลนของแผ่นยางทแ่ี ห้งแลว้ ดึงแผน่ ยางให้ยดื ม้วนลกู โป่งเพ่อื ใหแ้ ผน่ ยางเคลอื บหรือหุม้ ลูกโปง่ จนทั่วและหนาพอ โดยขณะม้วนหรอื กล้งิ ลูกโปง่ ให้พยายามยดื แผ่นยางใหต้ ึงและแผเ่ ป็นแผน่ กว้างโดยไมบ่ ิดแผน่ ยาง 5. ทดสอบการยืดหยุ่นลกู บอลยางพาราโดยการบีบคลงึ เพียงเท่านีก้ จ็ ะไดล้ ูกบอล ยางพาราแล้ว สรปุ ผลการทดลอง ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................
19 กิจกรรมการเรยี นรหู้ น่วยที่ 2 การใชป้ ระโยชน์และผลกระทบจากวัสดุ คาชี้แจง ใหผ้ ูเ้ รยี นศกึ ษาค้นควา้ เพม่ิ เตมิ จากสื่อและแหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ ตามท่ีแนะนาไว้ ทา้ ยหน่วยในชุดวชิ า แลว้ ทากิจกรรมตอ่ ไปนี้ กิจกรรมท่ี 1. จงอธบิ ายถึงการใชป้ ระโยชน์ ของวสั ดุประเภทตา่ ง ๆ 1.1 วสั ดุประเภทโลหะ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 1.2 วสั ดปุ ระเภทพอลิเมอร์ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... 1.3 วสั ดปุ ระเภทเซรามิกส์ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................
20 กจิ กรรมท่ี 2. ใหผ้ ู้เรียนยกตัวอยา่ งการใช้งานวสั ดปุ ระเภทต่าง ๆ ท่เี ป็นท่ีนิยมในปจั จบุ นั โลหะ การใชง้ าน เหลก็ และเหล็กกล้า โคบอลต์ โครเมยี ม แคดเมียม เงิน ซิลกิ อน นิกเกลิ ดีบกุ ตะก่ัว ทองคา ทองแดง
21 พอลเิ มอร์ การใช้งาน พอลเิ อทลิ ีน พอลิโพรไพลนี พอลิไวนลิ คลอไรด์ พอลไิ วนลิ อะซิเตต พอลิสไตรนี พอลิอะครเิ ลต พอลคิ ารบ์ อเนต ไนลอน พอลิเททระฟลูออโรเอทิลีน ฟีนอลฟอรม์ าลดีไฮด์
22 เซรามกิ ส์ การใชง้ าน เซรามิกแบบด้ังเดิม เซรามิกสาหรับงานโครงสร้าง อิเล็กโทรเซรามิก เซรามิกสาหรบั งานทางดา้ นการแพทย์ กิจกรรมที่ 3 จงอธิบาย สาเหตุของมลพิษจากการผลิตและการใชง้ านวัสดุ มาพอสังเขป …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………
23 กิจกรรมท่ี 4 จงอธิบายว่าการท้งิ วัสดทุ ใี่ ชแ้ ล้ว ที่ไม่ถูกวธิ ีส่งผลกระทบตอ่ การดาเนนิ ชวี ติ และ สง่ิ แวดล้อมอยา่ งไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………..
24 กิจกรรมการเรยี นรู้หนว่ ยที่ 3 การคดั แยกขยะและรไี ซเคลิ คาชี้แจง ให้ผูเ้ รยี นศึกษาค้นคว้าเพม่ิ เตมิ จากอินเทอรเ์ น็ตในเร่ืองตา่ ง ๆ ตามท่ีแนะนาไว้ ท้ายหนว่ ยการเรียนรูใ้ นชุดวชิ า แล้วทากจิ กรรมต่อไปนี้ กจิ กรรมท่ี 1 โยงเสน้ จับคู่สญั ลกั ษณก์ ับรูปภาพพอลเิ มอรร์ ีไซเคิลต่อไปนใี้ ห้ตรงกนั 1. ก. 2. ข. 3. ค. 4. ง. 5. จ. 6. ฉ. 7. ช.
25 กจิ กรรมท่ี 2 ยกตัวอย่างการคัดแยกขยะเพ่ือเพ่ิมมลู คา่ และวิธีการรวบรวมขยะตามประเภท 2.1 ขยะประเภทโลหะ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2.2 ขยะประเภทพอลิเมอร์ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... 2.3 ขยะประเภทเซรามิกส์ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................
26 กิจกรรมการเรียนรู้หน่วยที่ 4 ทิศทางการพัฒนาวสั ดใุ นอนาคต คาช้ีแจง ใหผ้ ู้เรยี นศกึ ษาค้นคว้าเพ่มิ เติมจากสอื่ และแหลง่ เรียนรู้ต่าง ๆ ตามท่ีแนะนาไว้ ทา้ ยหน่วยในชดุ วิชา แลว้ ทากิจกรรมตอ่ ไปน้ี กจิ กรรมท่ี 1. จงอธิบายถึงแนวโน้มการใชว้ ัสดใุ นอนาคต ของวัสดปุ ระเภทต่าง ๆ ต่อไปน้ี 1.1 วัสดปุ ระเภทโลหะ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 1.2 วสั ดปุ ระเภทพอลิเมอร์ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... 1.3 วสั ดปุ ระเภทเซรามิกส์ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................
27 กจิ กรรมท่ี 2. จงบอกทิศทางการพฒั นาวสั ดใุ นอนาคต มาพอเขา้ ใจ …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………
28 กิจกรรมการเรียนรู้หนว่ ยท่ี 5 สิง่ ประดษิ ฐ์จากวสั ดตุ ามหลกั สะเตม็ ศึกษา คาช้แี จง ให้ผู้เรียนศกึ ษาคน้ ควา้ เพิ่มเตมิ จากอินเทอรเ์ นต็ ในเรื่องตา่ ง ๆ ตามที่แนะนาไว้ ท้ายหนว่ ยการเรียนรู้ในชดุ วิชา แลว้ ทากิจกรรมตอ่ ไปนี้ เรือ่ ง ขยะแปรงร่างสร้างรายได้ หมบู่ ้านของผ้เู รียนมเี ศษวัสดุเหลือใชห้ รอื วัสดุใช้แลว้ จาพวกขวดนา้ เศษโลหะ จานวนมาก แตไ่ ม่มีร้านรับซื้อของเกา่ ทาให้ชาวบา้ นต้องนาเศษวสั ดเุ หลือใช้ไปทง้ิ ไว้ท้ายหมูบ่ ้าน จากข้อมูลดังกลา่ วหากผู้เรียนต้องการเขา้ ไปช่วยเหลือหมบู่ ้าน และตอ้ งการมรี ายไดจ้ ากการ ประดษิ ฐว์ ัสดตุ ามหลักการสะเตม็ ผู้เรียนจะทาอย่างไร กจิ กรรมที่ 1 คดั แยกเศษวสั ดุทพ่ี บโดยเลอื กเศษวัสดุ แลว้ นามาประดษิ ฐ์เป็นของใช้ หรอื ของตกแตง่ จานวน 1 ช้นิ พร้อมอธบิ ายตามหัวขอ้ ที่กาหนดให้ 1.1 ชอ่ื ส่งิ ประดิษฐ์ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 1.2 รูปภาพสิ่งประดิษฐ์ นาภาพส่งิ ประดิษฐ์ตดิ ในกรอบน้ี
29 1.3 วสั ดอุ ุปกรณ์ทใี่ ช้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 1.4 ผังมโนทศั น์
30 1.5 ข้ันตอนการประดษิ ฐ์ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 1.6 คานวณหาตน้ ทนุ / ราคาขาย . “ต้นทนุ การประดษิ ฐส์ ง่ิ ของ” ถ้า ตน้ ทนุ สง่ิ ประดษิ ฐ์ เท่ากับ 50 บาท ทาได้ 10 ชน้ิ ผ้เู รียนจะกาหนดราคาขายหรือต้องการขายชิ้นละก่ีบาท เพอื่ ใหไ้ ดก้ าไรและการต้งั ราคา ในการขาย ผเู้ รียนจะได้กาไรจากการขาย กเี่ ปอรเ์ ซน็ ต์ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 1.7 ประโยชนแ์ ละการนาไปใช้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................
31 กิจกรรมการเรียนรู้หน่วยที่ 6 เทคโนโลยกี ารกาจดั วัสดุ คาชแี้ จง ให้ผู้เรยี นศึกษาคน้ คว้าเพ่มิ เติมจากสอื่ และแหล่งเรยี นรู้ตา่ ง ๆ ตามที่แนะนาไว้ ทา้ ยหน่วยในชดุ วิชา แล้วทากิจกรรมตอ่ ไปนี้ กิจกรรมท่ี 1 1. จงอธิบายถงึ ประโยชน์ของเทคโนโลยีการเผาวัสดุเหลอื ท้ิง ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................
32 2. จงเปรยี บเทยี บขอ้ ได้เปรียบและข้อเสียเปรยี บของเตาเผา มา 1 ชนดิ เตาเผาแบบ........................................................ ข้อได้เปรยี บ ข้อเสยี เปรียบ 3. จงบอกชนดิ และประโยชนท์ ไ่ี ด้จากการเผาแบบเตาปฏิกรณ์ …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………
33 4. จงบอกข้นั ตอนการผลิตพลังงานจากเศษวสั ดุเหลือทงิ้ …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………..
34 แบบทดสอบหลังเรียน ม.ปลาย คาํ ชี้แจง จงเลอื กคําตอบท่ถี กู ทสี่ ุดเพียงขอ้ เดียว 1. ขอ้ ใดให้ความหมายของคําวา่ “วัสดศุ าสตร”์ ไดถ้ ูกต้องทีส่ ุด ก. เปน็ การศกึ ษาความรเู้ กยี่ วกบั ส่งิ ทอี่ ยู่รอบตัวเรา ข. เปน็ การศึกษาความรเู้ กย่ี วกบั สิ่งมชี ีวิต ค. เป็นการศึกษาความรเู้ ก่ียวกับไม่มสี ง่ิ มีชีวติ ง. เปน็ การศึกษาองค์ความรทู้ ่ีเกย่ี วขอ้ งกบั วสั ดุ ทนี่ ํามาใช้ประกอบกันเป็นชิน้ งาน ตามการ ออกแบบ มตี ัวตน สามารถสมั ผัสได้ 2. ขอ้ ใดคอื การแบ่งประเภทของวัสดุได้อย่างถกู ตอ้ ง ก. โลหะ พอลิเมอร์ เซรามกิ ส์ ข. ของแข็ง ของเหลว ก๊าซ ค. เหลก็ พลาสติก แกว้ ง. ธาตุ สารประกอบ 3. วสั ดุพอลเิ มอร์สว่ นใหญ่มธี าตใุ ดเปน็ องค์ประกอบ ก. เหลก็ ข. คาร์บอน ค. ไนโตรเจน ง. ออกซเิ จน 4. ข้อใด ไมใ่ ช่ เกณฑ์ในการจําแนกวสั ดุประเภทพอลเิ มอร์ ก. พจิ ารณาตามแหล่งกาํ เนิด ข. พิจารณาตามสมบตั ิเฉพาะตัว ค. พจิ ารณาตามลกั ษณะการใช้งาน ง. พจิ ารณาตามมอนอเมอรท์ ี่เป็นองคป์ ระกอบ
35 5. อัลลอยด์(Alloys) หมายถึงข้อใด ก. โลหะหนัก ข. โลหะผสม ค. อโลหะ ง. กงึ่ โลหะ 6. วัตถุดิบที่เปน็ ส่วนประกอบของเซรามกิ ส์ที่ทําใหเ้ กดิ ความแข็งแรงไม่โค้งงอ คอื ขอ้ ใด ก. ดิน ข. ควอตซ์ ค. แร่โดโลไมต์ ง. สารประกอบออกไซต์ 7. ข้อใด ไม่ใช่ สมบัตขิ องวสั ดปุ ระเภทโลหะ ก. นําความรอ้ นได้ดี ข. จดุ หลอมเหลวตํ่า ค. ดงึ เปน็ เส้นได้ ง. ผวิ เปน็ มนั วาว 8. เพราะเหตใุ ดวัสดุประเภทโลหะจงึ เป็นตัวนาํ ไฟฟ้าทดี่ ี ก. มีอเิ ลก็ ตรอนอยู่นงิ่ ในใจกลางของโลหะ ข. มีไอออนบวกสั่นสะเทือนด้วยความถส่ี ูง ค. มีอเิ ลก็ ตรอนเคลือ่ นท่ีได้ง่ายไปทั่วท้ังกอ้ นของโลหะ ง. เพราะโลหะมจี ดุ หลอมเหลวสูง เมอ่ื อณุ หภมู ิย่ิงสงู ยิ่งนําไฟฟา้ ได้ดี 9. สมบตั กิ ารนําความรอ้ นของพอลิเมอร์ นํามาใชป้ ระโยชน์ในข้อใด ก. ช้นิ ส่วนเครอื่ งยนต์ ข. ทาํ ฉนวนกนั ความร้อน ค. ทําภาชนะสาํ หรบั ใช้ทําอาหาร ง. ภาชนะที่ใชห้ งุ ต้มท่ีใช้กบั แหลง่ ใหพ้ ลังงานบางอยา่ ง เชน่ เตาอบ เตาไมโครเวฟ
36 10. ดว้ ยสมบัตดิ ้านการเป็นฉนวนควบคไู่ ปกับการทนความรอ้ นสูงของเซรามิกส์ ทําใหน้ าํ มาใช้ ประโยชนห์ ลายอย่างยกเวน้ ในข้อใด ก. สรา้ งเครอื่ งยนต์ ข. เตาหลอมเหลก็ กลา้ ค. ผนงั กระสวยอวกาศ ง. ทาํ ภาชนะสาํ หรับใชท้ ําอาหาร 11. การผลิตโลหะผสมที่เรยี กว่า \"โลหะสมั ริด\" เกิดจากการผสมระหวา่ งโลหะชนดิ ใด ก. ทองคาํ กบั เหล็ก ข. ทองแดงกบั ดบี ุก ค. นิกเกิลกบั พลวง ง. อะลูมเิ นียมกับแมกนเี ซยี ม 12. วัสดปุ ระเภทโลหะในข้อใดท่เี ปน็ การใชป้ ระโยชน์ในการทําสายไฟฟ้าแรงสงู ก. ตะกัว่ ข. ทองคํา ค. ทองแดง ง. อะลูมเิ นียม 13. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ประโยชนจ์ ากวัสดุที่มนษุ ยน์ าํ มาใช้งาน ก. ทอี่ ย่อู าศัย ข. เครือ่ งอุปโภค ค. เครื่องนงุ่ หม่ ง. ยารักษาโรค
37 14. ขอ้ ใดเป็นการใชป้ ระโยชน์ของวสั ดพุ อลิเมอร์ประเภทไนลอน ก. หลอดทดลอง ข. สายเคเบลิ ค. ขวดนํา้ ง. เส้อื ผา้ 15. พอลิอะครเิ ลต เรียกกนั ท่วั ไปวา่ อะครลิ ิก นําไปใช้ทํากรอบรูปและเลนส์ เพราะมสี มบตั ิ ในข้อใด ก. มีความโปรง่ ใสมาก ข. มคี วามยืดหยนุ่ สูง ค. ทนความรอ้ น ง. มคี วามเบา 16. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ประโยชนท์ ีเ่ กิดจากการประยกุ ต์ใชข้ องวัสดเุ ซรามิกสส์ มยั ใหม่ ก. กระดูกเทียม ฟนั ปลอม ข้อตอ่ เทยี ม ข. ตัวเกบ็ ประจไุ ฟฟา้ ตัวจุดเตาแกส๊ วสั ดบุ ันทกึ ขอ้ มลู ค. กระเบ้อื งบุผนงั กระเบ้ืองหลงั คา ตุ๊กตาและของตกแต่ง ง. ลกู ปืน วาลว์ สลักลกู สบู และใบพดั ของเทอร์โบชารจ์ เจอร์ 17. ข้อใด ไมใ่ ช่ ผลกระทบดา้ นระบบนิเวศท่เี กดิ จากการใช้วสั ดุในชวี ติ ประจาํ วนั ก. อนงค์ท้งิ แบตเตอร์รโ่ี ทรศพั ทล์ งในถังสีแดง ข. ยุพาใชส้ ารเคมกี ําจดั หญา้ ในแปลงผกั สวนครวั ค. สมศกั ด์เิ ทนาํ้ ทใี่ ชซ้ ักผ้าลงแม่น้าํ หนา้ บ้านทุกวนั ง. ชมภ่กู าํ จดั ขยะในครวั เรอื นดว้ ยวธิ กี ารเผาในทีโ่ ล่ง
38 18. บคุ คลในขอ้ ใดต่อไปน้ี มจี ิตสาํ นึกในการอนรุ กั ษส์ ิง่ แวดลอ้ ม ก. สมใจ สงสารคนเก็บขยะจงึ ชว่ ยเกบ็ ขยะด้วย ข. สมศักด์ิ ทิ้งขยะลงถงั เสมอ แตไ่ มไ่ ด้แยกขยะกอ่ นทง้ิ ค. สมหวัง เห็นขยะตกลงพน้ื จงึ รบี ไปเก็บและคัดแยกกอ่ นทิ้ง ง. สมพงษ์ เหน็ ขยะตกอยแู่ ล้วบอกคนเกบ็ ขยะให้มาเกบ็ ไปทง้ิ 19. หากระบบประสาท ผวิ หนงั และระบบการยอ่ ยอาหาร ถูกทาํ ลาย แสดงว่ารา่ งกายไดร้ ับ สารพษิ ชนิดใด ก. ปรอท ข. สารหนู ค. สารตะกว่ั ง. สารทําความเย็น 20. อาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลืน่ ไส้ เปน็ อาการที่เกดิ จากร่างกายได้รบั สารพิษชนิดใด ก. ปรอท ข. สารหนู ค. สารตะกว่ั ง. สารทาํ ความเย็น 21. หลกั 3R หมายถงึ ข้อใด ก. หลกั การบริหารจดั การวัสดเุ พอ่ื การใชง้ าน ข. หลกั การบํารงุ รกั ษาวสั ดุใหส้ ามารถใชง้ านได้ดี ค. หลักการจัดการวัสดเุ พ่อื ลดปริมาณวสั ดุทีใ่ ช้แลว้ ง. หลักการจดั การวสั ดุเพือ่ เพ่ิมประสิทธิภาพการใช้งาน
39 22. ขอ้ ใดต่อไปนใี้ หค้ วามหมายของ Reuse ได้ถูกต้อง ก. มดซอื้ นํ้าอัดลมท่เี ปน็ ขวดแลว้ คนื ได้ ข. น้อยนาํ ปนิ่ โตไปใสอ่ าหารแทนการใช้กลอ่ งโฟม ค. เบนซน์ าํ ขวดนํา้ พลาสตกิ ไปทํากับดักแมลงวนั ทอง ง. แกว้ เลือกซื้อนา้ํ รีดผา้ ชนดิ เตมิ แทนการแบบเป็นขวด 23. ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ใหค้ วามหมายของ Recycle ไดถ้ กู ต้อง ก. นกนาํ ซองกาแฟมาทาํ ตะกร้าใส่ของ ข. จอยยืมหนังสือนทิ านจากหอ้ งสมดุ ประชาชน ค. จอรน์ นาํ ขวดน้าํ พลาสติกท่ใี ชแ้ ล้วไปลา้ งแล้วนํากลบั มาใช้ใหม่ ง. นํา้ นําขวดแกว้ ท่ีใช้แล้ว ไปหลอมใหม่ เพอื่ ขน้ึ รูปเป็นแกว้ ใบใหม่ 24. ข้อใดปฏิบตั ิไดถ้ ูกต้องกอ่ นนาํ ขยะไปรไี ซเคิล ก. ขวดแก้วทม่ี สี ีควรนํามาคละรวมกันกอ่ น ข. ฝาและจกุ ของขวดแกว้ ควรปิดไวใ้ นสภาพเดมิ ค. ไมค่ วรท้งิ กน้ บหุ ร่ลี งในขวดแกว้ ตอ้ งทาํ ความสะอาดกอ่ นรวบรวม ง. ไมท่ ําใหก้ ล่องกระดาษลกู ฟูกแบน กอ่ นนํามารีไซเคลิ ควรให้อยใู่ นสภาพเดมิ 25. ขอ้ ใดเป็นสญั ลักษณ์รไี ซเคิลพลาสติก ก. ข. ค. ง.
40 26. กระปอ๋ ง ถัง เศษเหลก็ เศษโลหะทกุ ชนดิ จะทิ้งในถุงสใี ด ก. สฟี า้ ข. สแี ดง ค. สเี ขยี ว ง. สเี หลอื ง 27. ขอ้ ใดเป็นการแยกกระปอ๋ งอะลูมิเนียม ออกจาก กระปอ๋ งเหล็กเคลอื บดีบุก ก. ใช้การแยกด้วยความรอ้ น ข. ใช้การแยกด้วยแมเ่ หลก็ ค. ใชก้ ารแยกดว้ ยนา้ํ ง. ใช้การแยกดว้ ยลม 28. ข้อใดคือสมบตั ขิ อง พอลิเมอร์ ที่มรี หัสของพอลิเมอร์ ก. มีความใสมาก ข. มคี วามแขง็ มาก ค. ทนต่อความเย็นไดด้ ี ง. การป้องกนั ออกซิเจนได้ดี 29. ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้อง ก. เทอรโ์ มพอลเิ มอร์ ข้นึ รปู ทาํ ไดย้ ากและไมส่ ามารถนาํ กลับมาใช้ใหมไ่ ด้ ข. เทอร์โมเซตติ้ง นํามาขนึ้ รปู ได้ง่ายดว้ ยมกี ารใช้งานทหี่ ลากหลาย ค. เทอร์โมเซตต้งิ นาํ กลับมา เข้าสู่กระบวนการผลิตซาํ้ ๆ ได้ ง. เทอรโ์ มพอลเิ มอร์ มตี น้ ทุนการผลติ ท่ตี ่าํ
41 30. ขอ้ ใดเป็นการจัดการที่ถกู ต้องสําหรบั ขวดแกว้ สภาพดี หากไม่แตกบิ่นเสียหาย ก. Reuse ข. Recycle ค. Refuse ง. Repair 31. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ทศิ ทางในการพฒั นาวัสดใุ นอนาคต ก. พฒั นาใหม้ คี วามเบา ข. พฒั นาใหม้ ขี นาดใหญ่ ค. พัฒนาใหม้ ีความแขง็ แรง ง. พฒั นาให้ทนความรอ้ น 32. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ แนวทางพฒั นาวสั ดใุ นอนาคตของวัสดุประเภทพอลิเมอร์ ก. คืนรูปได้ ข. มีความหนา ค. นาํ ไฟฟา้ ได้ ง. มคี วามยืดหยุ่น 33. จากขา่ วการพฒั นาหน้าจอโทรศัพทม์ ือถอื ท่ีโค้งงอได้ ทา่ นคดิ ว่าหนา้ จอโทรศัพทม์ อื ถอื เปน็ การพฒั นาของวสั ดปุ ระเภทใด ก. โลหะ ข. พอลิเมอร์ ค. เซรามิกส์ ง. วัสดธุ รรมชาติ
42 34. ข้อใดกลา่ วถึงเทคนิคในการพฒั นาวสั ดุในอนาคตของวสั ดุประเภทโลหะ ท่สี ามารถชว่ ยยดื อายขุ องโลหะผสมได้ ก. การบีบอดั ดว้ ยแรงดนั สงู ข. การหล่อด้วยความเย็นสงู ค. การดึงยืดด้วยความร้อนสูง ง. การดดั โคง้ งอด้วยกําลังแรงสูง 35. ข้อใดคือแหลง่ ท่ีมาของสินแรห่ ายากตามทิศทางการพัฒนาวสั ดใุ นอนาคต ก. จากแกนโลก ข. การทาํ เหมืองแร่ ค. จากขยะอิเล็กทรอนกิ ส์ ง. ใช้ทรัพยากรจากวัตถุใกล้โลก 36. ขอ้ ใดกลา่ วถึงทศิ ทางการพฒั นาวสั ดุในอนาคตไมถ่ ูกต้อง ก. การพฒั นาจอโทรทศั นใ์ หม้ ีลกั ษณะโค้งมน ข. การผลติ เสน้ ใยชนดิ พิเศษที่ดดู ซบั เหง่อื ได้รวดเรว็ ค. การผลติ หน้าจออุปกรณ์อเิ ล็กทรอนกิ สแ์ บบทึบแสง ง. การผลิตถุงพลาสตกิ จากวัสดทุ ีเ่ ป็นมติ รกับสิ่งแวดล้อม 37. ข้อใดกล่าว ไมถ่ ูกต้อง เกย่ี วกับทศิ ทางการพฒั นาวสั ดทุ ่ีมคี วามเป็นมิตรต่อสิง่ แวดล้อม ก. การใชว้ ัสดเุ ลียนแบบธรรมชาตมิ ากทีส่ ุด ข. การใช้งานและการเหลือทิ้งเปน็ ขยะให้นอ้ ยท่สี ดุ ค. การใชพ้ ลงั งานอยา่ งประหยดั ในกระบวนการผลิต ง. การปลอ่ ยก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ต่าํ ในกระบวนการผลิต
43 38. ข้อใดคือปัจจัยสาํ คญั ในการเลือกใช้พลาสติกจากพชื ท่แี ข็งแรงทนทาน ก. วัสดทุ าํ จากพลาสติกทวั่ ไปมีราคาและตน้ ทนุ การผลติ สูง ข. เคร่ืองใช้ท่ีทําจากพลาสติกท่วั ไปมีไม่สามารถย่อยสลายได้ ค. อุปกรณท์ ่ีทาํ จากพลาสตกิ ทัว่ ไปมีไมม่ ีความแขง็ แรงทนทาน ง. ของเล่นที่ทาํ จากพลาสตกิ ท่วั ไปมโี ลหะหนกั และสารกอ่ มะเร็ง 39. ข้อใดกล่าว ไมถ่ กู ต้อง เกย่ี วกับทิศทางการพฒั นาวัสดทุ ีช่ ว่ ยทาํ ใหส้ ุขภาพดีข้นึ ก. กระเปา๋ ทําเลียนแบบหนังสัตว์ชว่ ยลดการเบียดเบียนธรรมชาติ ข. เสือ้ ผา้ ทีใ่ ชเ้ ทคโนโลยนี าโนซิลเวอร์ในการฆ่าเช้อื โรคและกาํ จัดกลน่ิ ค. การใช้เส้นใยทสี่ ามารถดูดซบั ความรอ้ นช่วยกระตุ้นให้เลอื ดหมนุ เวียน ง. นวตั กรรม Heattech ผลติ ผา้ ทบี่ าง ออกมาเพ่อื ต่อสคู้ วามหนาวเยน็ 40. ขอ้ ใดคือประโยชน์ของสนิ แรโ่ พรมีเทยี ม ก. ใชใ้ นอุตสาหกรรมขุดเจาะนํ้ามนั ข. ใชใ้ นอุตสาหกรรมผลิตใยแก้วนาํ แสง ค. ใชใ้ นการผลติ แบตเตอรีพ่ ลังงานนวิ เคลยี ร์ ง. ใช้ในอุตสาหกรรมภาพยนตรแ์ ละกล้องถ่ายรปู 41. ขอ้ ใดใหค้ วามหมายของ “สะเตม็ ศึกษา” ไดถ้ ูกต้องทสี่ ุด ก. เป็นการจัดการศกึ ษาท่ีเน้นผ้เู รียนเป็นสําคัญ ข. เปน็ แนวทางการจัดการศกึ ษาที่กระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้ ค. เป็นแนวทางการจัดการศกึ ษาท่ีบูรณาการความรู้แบบสหวทิ ยาการ โดยเน้นการ นาํ ความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในชวี ิตจรงิ ง. เป็นการจัดการศกึ ษาทใ่ี หผ้ เู้ รยี นจดั กจิ กรรมตามแนวทางทคี่ รผู สู้ อนไดก้ าํ หนดไว้ เพือ่ ให้ ผู้เรียนแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
44 42. คําว่า “สะเต็ม” หรือ “STEM” อกั ษรย่อตัว T มาจากขอ้ ใด ก. Thinking ข. Teaching ค. Technique ง. Technology 43. หลักสะเตม็ ศึกษา เกย่ี วข้องกับการจดั การศกึ ษา 4 สาขาวชิ า ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. เทคโนโลยี ข. วทิ ยาศาสตร์ ค. ศลิ ปะศาสตร์ ง. วิศวกรรมศาสตร์ 44. ขอ้ ใดกลา่ ว ไมถ่ ูกตอ้ ง เก่ยี วกบั ลกั ษณะการจดั การเรยี นรตู้ ามแนวทางสะเตม็ ก. เป็นการสอนท่เี น้นการบรู ณาการ ข. เน้นการพัฒนาทักษะการดาํ เนนิ ชวี ิตประจําวนั ค. สรา้ งความเชื่อมโยงระหว่างเนือ้ หาวชิ ากับชีวติ ประจาํ วันและการทาํ อาชพี ง. เปดิ โอกาสให้นกั เรยี นได้แสดงความคดิ เห็น และความเข้าใจท่สี อดคลอ้ งกบั เนื้อหา 45. จดุ ประสงคข์ องการจดั การเรยี นรูต้ ามแนวทางสะเตม็ ศกึ ษาคอื ขอ้ ใด ก. ส่งเสริมให้ผเู้ รียนเกิดความรกั ความสามัคคี ในหมูค่ ณะ ข. สง่ เสริมให้ผู้เรยี นตระหนกั ถงึ ความสําคัญของการจดั การศกึ ษา ค. สง่ เสริมให้ผู้เรียนเกดิ การใสใจและกระตือรือร้นในการเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ ง. ส่งเสรมิ ให้ผ้เู รียนรกั และเห็นคณุ ค่าของการเรยี น และเห็นว่าวชิ าเหลา่ นน้ั เปน็ เรอ่ื ง ใกลต้ วั ที่สามารถนาํ มาใชไ้ ดท้ กุ วัน
45 46. บคุ คลในข้อใดจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ตามหลักสะเต็มศกึ ษา ก. น้อยให้นกั ศกึ ษาทาํ การทดลองวทิ ยาศาสตร์ ข. มกุ พานักศกึ ษาไปทศั นะศึกษานอกสถานท่ี ค. นํ้าให้นกั ศกึ ษาดวู ีดทิ ศั น์ เรอ่ื ง สัตว์โลกน่ารู้ แลว้ ตอบคาํ ถาม ง. จอยกําหนดหัวขอ้ เรอ่ื งขึ้นมาใหน้ ักศึกษาไปศกึ ษาคน้ ควา้ และออกแบบกิจกรรมการ เรยี นรู้ 47. ทกุ ข้อเป็นข้อดีของการจัดการศกึ ษาแบบสะเตม็ ศึกษา ยกเว้น ขอ้ ใด ก. ผู้เรยี นเป็นคนดีและคนเก่ง ข. ผเู้ รียนเกดิ ความคดิ ริเรม่ิ สร้างสรรค์ ค. ผเู้ รยี นเกดิ กระบวนการ คิดและแกป้ ญั หา ดว้ ยตนเอง ง. ผูเ้ รียนสามารถถ่ายทอดความคดิ หรือความเข้าใจความคิดรวบยอดได้ 48. งานประดษิ ฐ์เปเปอร์มาเช่ร์ เปน็ สิ่งประดิษฐจ์ ากวสั ดทุ ีใ่ ช้แลว้ ประเภทใด ก. วสั ดปุ ระเภทเศษเหล็ก ข. วสั ดุประเภทกระดาษ ค. วัสดปุ ระเภทเศษพลาสตกิ ง. วัสดุประเภทอิเลก็ ทรอนิกส์ 49. หากนักศึกษามเี ศษผ้าท่เี หลือจากการใช้งาน ควรนาํ มาประดิษฐเ์ ป็นส่งิ ของเครอ่ื งใช้ ประเภทใดจงึ จะเหมาะสม ก. แปลนอน ข. พรมเช็ดเท้า ค. ตกแตง่ โคมไฟ ง. กระถางต้นไม้
Search