รายงาน เรอ่ื ง ส่อื สังคมออนไลน์ (Social media) ทใ่ี ชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน โดย นางสาวธติ ิพร สมศักด์ิ รหสั นสิ ิต 61500833 รายวิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา หลกั สตู รปรญิ ญามหาบัณฑิต สาขาหลกั สูตรและการสอน วิทยาลัยการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั พะเยา ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2561
คานา รายงานเร่ือง สงั คมออนไลน์ (Social Media) ท่ใี ชใ้ นการจัดการเรียนการสอน มวี ตั ถุประสงค์เพ่ือ ศึกษาเก่ยี วกบั ส่ือสังคมออนไลน์ทใ่ี ชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน ซ่ึงในรายงานเล่มนี้มกี ารศกึ ษาเกี่ยวกบั ส่ือ สังคมออนไลน์ (Social Media) ชนดิ ของสอ่ื สังคมออนไลน์ สือ่ สงั คมออนไลน์ท่ีใช้ในการศึกษา และการ สังเคราะห์การใช้ Social Media ในการเรยี นการสอนจากงานวจิ ัย ธติ พิ ร สมศกั ด์ิ ผู้จัดทา
สารบญั หนา้ เร่ือง 1 1 สอ่ื สังคมออนไลน์ (Social Media) 3 ชนดิ ของส่อื สังคมออนไลน์ 8 ส่อื สังคมออนไลนท์ ี่ใช้ในการศึกษา 13 การสงั เคราะหก์ ารใช้ Social Media ในการเรียนการสอนจากงานวจิ ยั บรรนาณกุ รม
สารบญั ตาราง หนา้ ตารางที่ 1 8 1 ชนดิ ของสือ่ สงั คมออนไลน์ 11 2 สงั เคราะห์การใช้ Social Media ในการเรยี นการสอน 12 3 การใช้ Social Media ในการเรยี นการสอน 4 สรุปการใช้ Social Media ในการเรียนการสอน
1 สอ่ื สงั คมออนไลน์ (Social Media) ส่ือสังคมออนไลน์ (Social Media) หมายถึง เครื่องมือต่าง ๆ ท่ีทางานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและ เครือข่ายโทรศัพท์เคล่ือนที่ที่อนุญาตให้แต่ละ บุคคลเข้าถึง แลกเปล่ียน สร้างเนื้อหา และสื่อสารกับบุคคลอ่ืน ๆ และการเข้าร่วมเครือข่ายออนไลน์ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันบรกิ ารเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ มีการนามาใช้ในการส่อื สาร ระหว่างบคุ คล เพือ่ การสื่อสารทางธุรกิจ หรือการส่อื สารของหนว่ ยงานราชการ ตลอดจนองค์กรตา่ ง ๆ การสื่อสารของส่ือสังคมออนไลน์ มลี กั ษณะเปน็ การส่อื สารแบบสองทาง ซ่งึ มคี ุณลกั ษณะที่ สาคญั กลา่ วคอื 1) มีรูปแบบการทางานในลักษณะออนไลน์ 2) สามารถที่จะใช้สร้างและเพม่ิ เติมเน้ือหาได้ สื่อสังคมออนไลน์สามารถที่จะใช้งานได้ผ่าน เคร่ืองมือ อุปกรณ์การสื่อสารต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ มือถือ แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อ่ืน ๆ ท่ีมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือเครือข่าย โทรศัพท์เคล่ือนที่ ดังน้ัน ส่ือ สังคมออนไลน์จึงเป็นช่องทางการส่ือสารอีกช่องทางหน่ึงที่หน่วยงานราชการ จะนามาใช้ในการติดต่อส่ือสาร กับบุคคลต่าง ๆ ได้ เช่น หน่วยงานของรัฐสภาสามารถนามาใช้ในการแลกเปล่ียนข้อมูลเก่ียวกับรัฐสภา การ เสนอกฎหมาย การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเก่ียวกับ กระบวนการนิติบัญญัติ เป็นต้น สื่อสังคมออนไลน์ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถสื่อสารถึงกันได้ทันที และสามารถ ส่ือสารถึงกันแบบการสอื่ สารสองทางได้ ทาให้มีการปฏสิ ัมพันธ์ กันมากข้ึน อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ส่ือสังคม ออนไลน์จะสามารถส่ือสารแบบสองทางได้ แต่พบว่าปัจจุบันรัฐสภา ส่วนใหญ่นามาใชเ้ ปน็ สอ่ื ในการสอ่ื สารทางเดยี วมากกวา่ ชนดิ ของส่อื สังคมออนไลน์ สื่อสังคมออนไลนม์ ีหลายรปู แบบ ทง้ั ประเภทเคร่ืองมอื และการประยกุ ต์ใชง้ านที่หลากหลาย ซึง่ อาจ แบ่งได้ ดังนี้ ตารางท่ี 1 ชนิดของสือ่ สังคมออนไลน์ ชนิดของส่ือสังคมออนไลน์ คาอธบิ าย ตัวอย่าง เครอื ข่ายสังคม (Social เป็นเวบ็ ไซต์ทบี่ ุคคลหรอื Facebook networking site) หนว่ ยงานสามารถสร้างข้อมูล Badoo และเปล่ยี นข้อมลู (สถานะของ Google+ ตน) เผยแพร่รปู ภาพ Linkdin ภาพเคลือ่ นไหว โดยทบี่ คุ คลอ่ืน Orkut สามารถเขา้ มาแสดงความชอบ หรือสง่ ต่อ หรอื เผยแพร่ หรือ แสดงความเห็น โตต้ อบการ สนทนา หรือแสดงความคดิ เห็น เพิ่มเติมได้
2 ชนดิ ของสอ่ื สังคมออนไลน์ คาอธิบาย ตัวอยา่ ง ไมโครบล็อก (Micro-blog) เป็นเว็บไซตท์ ใ่ี ชเ้ ผยแพรข่ ้อมูล หรอื ขอ้ ความสั้น ในเรื่องท่ีสนใจ Twitter เว็บไซตท์ ี่ให้บริการแบง่ ปันสื่อ เฉพาะดา้ น รวมทงั้ สามารถใช้ Blauk ออนไลน์ (Video and photo เครอื่ งหมาย # (hashtag) เพื่อ Weibo sharing website) เช่อื มต่อกับกลุ่มคนที่มีความ Tout สนใจในเรอื่ งเดียวกันได้ Tumblr บล็อก สว่ นบคุ คลและองค์กร เปน็ เวบ็ ไซตท์ ี่ให้ผู้ใชส้ ามารถฝาก (Personal and corporate หรือนาสอ่ื ข้อมูล รปู ภาพ วดี ีโอ Flicker blogs) ขึ้นเวบ็ ไซตเ์ พอื่ แบง่ ปัน แกผ่ ู้อ่ืน Vimero YouTube บล็อกท่ีมสี ่อื สง่ิ พมิ พ์เปน็ เจ้าของ เป็นเวบ็ ไซตท์ ่ีผู้เขียนบันทึก Instagram เวบ็ ไซต์ (Blogs hosted by เรื่องราวตา่ ง ๆ เสมือนเปน็ Pinterest media outlet) บนั ทึกไดอารีออนไลน์ สามารถ Blogger เขยี นในลักษณะไม่เปน็ ทางการ Wordpress วิกิ และพื้นที่สาธารณะของกลมุ่ และแก้ไขไดบ้ ่อย ซึง่ บล็อก Bloggang (Wikis and online สามารถใช้ได้ท้งั ส่วนบุคคลและ Exteen collaborative space) กลุ่ม หรือองค์กร กลุ่มหรอื พื้นทแ่ี สดงความคิดเหน็ เป็นเวบ็ ไซตท์ ่ีใชใ้ นการนาเสนอ theguardian.com เจา้ ของคือ (Forums, discussion board ข่าวสารของส่ือสิง่ พิมพ์ ซ่ึงมี หนังสอื พิมพ์ The Gardian and group) ความเป็นทางการน้อยกว่าส่ือ สงิ่ พมิ พ์ แต่มรี ปู แบบและความ Wikipedia เป็นทางการมากกวา่ บลอ็ ก Wikia เป็นเวบ็ ไซต์ทเ่ี ปน็ พืน้ ท่สี าธารณะ ออนไลนเ์ พื่อรวบรวมข้อมลู และ Google Groups เอกสาร Yahoo Groups เป็นเวบ็ ไซด์หรอื กลุ่มจดหมาย Pantip อเิ ลก็ ทรอนิกสท์ ่ีมีการแสดง ความเหน็ หรือเสนอแนะ มีท้ังท่ี เป็นกลมุ่ ส่วนตัวและสาธารณะ
3 ชนิดของสอื่ สังคมออนไลน์ คาอธิบาย ตวั อย่าง เกมส์ออนไลน์ทมี่ ีผู้เล่นหลายคน เป็นเวบ็ ไซดท์ เ่ี สนอรูปแบบการ Second life (Online multiplayer gaming เล่นเกมสอ์ อนไลน์ผา่ นเครือข่าย World of Warcraft platform) อนิ เทอรเ์ น็ต สามารถเลน่ ได้คน เดยี วหรือเป็นกลุม่ SMS (text messaging) ขอ้ ความสั้น (Instant การรบั สง่ ข้อความสัน้ จากมอื ถอื messaging) การแสดงตนว่าอยู่ ณ สถานท่ีใด เปน็ การแสดงตาแหนง่ ที่อยู่ พร้อม Facebook (Geo-spatial tagging) ความเห็นและรูปภาพใน ส่ือสังคม Foursquare ออนไลน์ สือ่ สงั คมออนไลนท์ ่ใี ช้ในการศกึ ษา Social Media ท่ีใช้งานกันในปจั จุบนั แบง่ ออกเปน็ หลายประเภท ผเู้ ขยี นขอสรุปเปน็ ประเภทใหญ่ๆ ที่ สามารถนาประยกุ ต์ใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน แบง่ ออกเปน็ 5 ประเภท ดงั นี้ 1. Blog มาจากคาเตม็ ว่า Weblog บางคร้งั อ่านว่า Weblog, Web Log ซง่ึ Blog ถอื เปน็ เครื่องมือสื่อสารท่ีใช้ งานบนเว็บไซต์มีลักษณะเหมือนกับเว็บบอร์ด ผู้ใช้ Blog สามารถเขียนบทความของตนเองและเผยแพร่ลงบน อินเทอร์เน็ตได้โดยง่าย Blog เปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความสามารถในด้านต่างๆ เผยแพร่ความรู้ด้วยการเขียน ไดอ้ ย่างเสรี ตัวอย่างเว็บไซตท์ เี่ ป็น Blog เชน่ Learners, GotoKnow, wordpress, blogger เป็นต้น ตัวอยา่ งการใช้บลอ็ กในการจัดการเรยี นการสอน Learners.in.th เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการระบบบล็อกเพื่อให้กลุ่มเยาวชนได้เขียนบันทึก เพื่อถ่ายทอด ประสบการณ์ส่วนตัวของตน โดยเน้นท่ีการถ่ายทอดความรู้ด้วยตัวของเยาวชน เพ่ือไม่ก่อให้เกิดการโจรกรรม ทางวรรณกรรม และเป็นเสมือนแฟ้มสะสมงานของเยาวชนในผลงานทางด้านการเขียน รวมไปถึงครู อาจารย์ สามารถใชพ้ ื้นที่เพ่ือพฒั นาทางดา้ นการศึกษาให้กับเยาวชน และสามารถนามาสู่การแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหว่าง กัน ปัจจุบัน Learners.in.th ได้รับการสนับสนุนหลักจากสานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บล็อกเปน็ การแสดงความคิดเห็นของตนใส่ไปในบทความในขณะเดยี วกันกเ็ ปิดโอกาสให้ผู้อ่านได้แสดง ความคิดเห็นกลับ จะประกอบไปด้วยข้อความ รูปภาพ จุดเช่ือมโยงไปยังบล็อกอื่นๆ ที่เก่ียวข้องสัมพันธ์กับ เรอื่ งน้ันๆ ที่นาเสนอ ซ่งึ มีลกั ษณะคล้ายกับเวบ็ บอรด์ แต่จะแตกต่างกันตรงที่เราสามารถจัดการหนา้ ของบล็อก ได้ด้วยเหมือนเราเปน็ เจา้ ของเวบ็ ไซต์ทจ่ี ะเปลีย่ นแปลงส่วนใด เมอ่ื ใดกไ็ ด้ ในการนาบล็อกมาใชเ้ พ่ือทากจิ กรรมการเรยี นการสอน อาจเลอื กใชใ้ นบางกรณเี พื่อทาให้การเรยี นการ สอนมเี ทคนคิ วธิ ีการท่แี ปลกออกไป ผสู้ อนสามารถนามาประยกุ ต์ใชไ้ ด้ ดงั น้ี
4 1. ผู้สอนกาหนดประเด็น การศึกษา โดยการกาหนดประเด็นของเร่ืองที่จะให้ผู้เรียนเขียนหรือบันทึก ให้ชดั เจนวา่ ต้องการเขยี นหรือบนั ทึกเร่ืองอะไร สอื่ สารเกยี่ วกับอะไร เช่น ผูส้ อนตง้ั โจทยใ์ หผ้ ูเ้ รียนร่วมกันเขียน กิจกรรมเขียนบลอ็ กเก่ียวกับสงิ่ แวดลอ้ ม 2. ผู้เรียนเริ่มเขียนบันทึก โดยรูปแบบการเขียนมีหลากหลาย เช่น การเขียนแบบเล่าเรื่อง เขียน บรรยายส่ิงทีร่ ู้ กิจกรรม ความประทบั ใจหรอื ประสบการณ์ 3. เมื่อผู้เรียนเขียนบันทึกเสร็จแล้ว อาจมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนในห้อง ซ่ึงการ แลกเปลี่ยนเป็นสิง่ จาเป็น เพราะจะนาไปสูก่ ารตอ่ ยอดความรู้ 2. Social Networking หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ในการสร้างเครือข่ายสังคมใน อินเทอร์เน็ต เพ่ือให้ผู้ใช้เขียนและอธิบายความสนใจหรือกิจกรรมที่ทา เพ่ือเชื่อมโยงความสนใจและกิจกรรม กับผู้อ่ืนในเครือข่ายสังคมด้วยการสนทนาออนไลน์ การส่งข้อความ การส่งอีเมล์ การอัปโหลดวิดีโอ เพลง รูป ถ่ายเพ่ือแบ่งปันกับสมาชิกในสังคมออนไลน์ เป็นต้น เครือข่ายสังคมที่เป็นท่ีนิยมในปัจจุบัน เช่น Facebook, Hi5, Bebo, MySpace และ Google+ เป็นตน้ ตวั อยา่ งการใช้ Facebook ในการจดั การเรียนการสอน Facebook (เฟซบุ๊ค) คอื บรกิ ารเครอื ข่ายสังคมออนไลน์ ท่ีผู้ใชส้ ามารถสร้างขอ้ มูลสว่ นตวั เพ่มิ รายชอ่ื ผู้ใช้อื่นในฐานะเพื่อนและแลกเปล่ียนข้อความ ติดต่อสื่อสาร ต้ังประเด็นถามตอบในเร่อื งที่สนใจ โพสต์รูปภาพ โพสต์คลิปวิดีโอ เขียนบทความหรือบล็อก สนทนาแบบโตต้ อบทันที นอกจากนั้นผู้ใชย้ ังสามารถร่วมกลุ่มความ สนใจส่วนตัว จัดระบบตาม สถานที่ทางาน โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรืออ่ืนๆ และสามารถทากิจกรรมต่างๆ ผ่านแอพลิเคช่ันเสริม (Applications) ท่ีมีอยู่มากมาย ซึ่งแอพลิเคชั่นดังกล่าวได้ถูกพัฒนาเพิ่มเติมข้ึนอย่าง ต่อเนื่อง การใช้งานเฟซบุ๊ค ผู้ใช้จะคอยอัพเดทแบ่งปันข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน ทั้งกลุ่มที่อยู่ในเฟซบุ๊คหรือ แม้แตผ่ ใู้ ช้เวบ็ ไซตอ์ น่ื ท่เี ช่ือมตอ่ กบั เฟซบุ๊ค ยังสามารถสื่อสาร สง่ ต่อหรอื แบ่งปันขอ้ มูลขา่ วสารต่างๆ ทาใหส้ งั คม ออนไลนบ์ นเฟซบุค๊ เปน็ เครอื ขา่ ยท่กี ว้างขวางและเขม้ แขง็ มาก ในการนาเฟซบุ๊คมาใช้เพื่อกิจกรรมการเรยี นการสอนน้นั สามารถนาเฟซบุ๊คมาใช้การแบ่งปนั เร่ืองราว ความรู้ แง่คิด ประสบการณ์ ทาให้เราเรียนรู้เรื่องราวชีวิตของผู้อ่ืน สามารถนาสิ่งท่ีได้มาปรับใช้ได้ การเรียนรู้ รวมกันผ่านเฟซบุ๊คทาได้โดยสร้างกลุ่มเพื่อการเรียนรู้เร่ืองท่ีสนใจร่วมกัน และสามารถนาเฟซบุ๊คไปใช้ในการ จัดการเรียนการสอน โดยใช้เป็นกิจกรรมหลัก หรือการเสริมบทเรียน โดยการสร้างเป็นกลุ่มเรียนแล้วนาเสนอ ส่ือการสอนในรูปแบบของเนื้อหา บทความ ส่ือมัลติมีเดีย การนาเสนองาน ผลงาน ฯลฯ ทาให้เกิดความ น่าสนใจ เรียนรู้ได้ตลอดเวลา ครูและนักเรียนสามารถแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน ผ่านการพูดคุย แสดงความ คิดเห็น การสอบถาม การให้คาแนะนาและคาปรกึ ษา ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใชจ้ ่ายในการเดินทาง การ เรยี นรเู้ กดิ ขน้ึ ตลอดเวลา 3. Microblog เปน็ รปู แบบหน่งึ ของ Blog ท่จี ากดั ขนาดของข้อความทเ่ี ขยี น ผ้ใู ช้สามารถเขียนข้อความได้สั้นๆ ตัวอย่างของ Micro Blog เช่น Twitter, Pownce, Jaiku และ tumblr เป็นต้น โดย Twitter เป็น Micro Blog ทม่ี ีผู้นยิ มใชม้ ากท่สี ุด กล่าวคอื สามารถเขยี นขอ้ ความแต่ละครง้ั ไดเ้ พียง 140 ตวั อักษร ตัวอยา่ งการใช้ Twitter ในการจดั การเรยี นการสอน
5 Twitter (ทวิตเตอร์) คือ เว็บไซต์ท่ีให้บริการ blog สั้น หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า Micro- Blog ซ่ึงสามารถให้ผู้ใช้สง่ ข้อความของตนเองให้ผูอ้ ื่นที่ติดตามทวิตเตอร์ของผูเ้ ขียนอยู่นั้นสามารถอ่านได้ และ ผู้เขียนเองก็สามารถอ่านข้อความของเพื่อน หรือคนท่ีกาลังติดตามผู้เขียนอยู่ได้ ซ่ึงทวิตเตอร์ก็ถือได้ว่าเป็น เว็บไซต์ประเภท social Media ด้วยเช่นกัน ในรูปแบบของทวิตเตอร์น้ี ที่เรียกว่าเป็นblog ส้ันก็เพราะว่าทวิต เตอร์ให้เขยี นข้อความได้ครง้ั ละไมเ่ กนิ 140 ตวั อกั ษร ซงึ่ ข้อความนีเ้ มือ่ เขียนแล้วจะไปแสดงอยู่ในหน้า Profile ของผู้เขียน และจะทาการส่งข้อความน้ีไปยังสมาชิกที่ติดตามผู้เขียนคนนั้นอยู่ (follower) โดยอัตโนมัติ โดย สามารถใช้ได้ทั้งจากคอมพวิ เตอร์ส่วนบคุ คลหรอื จากโทรศัพท์มือถือ ทวติ เตอร์สามารถนามาใช้เปน็ เครื่องมือสาหรับการเรียนการสอน ดงั นี้ 1. สามารถใชไ้ ดท้ งั้ ในหอ้ งเรียน และนอกห้องเรยี นเพ่อื การสือ่ สารถึงกิจกรรมการเรียนการสอน 2. สามารถใช้เป็นเคร่ืองมือสาหรับการระดมความคิดเห็นและการส่ือสาร ด้วยข้อจากัดเพียง 140 ตวั อกั ษร จึงเป็นการฝึกทักษะในการสอ่ื สารทกี่ ระชับตรงประเดน็ 3. สามารถเป็นช่องทางสาหรับการรบั ฟังความคดิ เหน็ โดยผเู้ รียนสามารถสง่ คาถาม ความคดิ เห็นหรือ ข้อสังเกตเข้าไปเครอื ขา่ ยเพ่ือเรยี นรูร้ ่วมกนั ได้ 4. สามารถใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื เพอ่ื การทางานร่วมกันระหว่างโรงเรียน มหาวทิ ยาลยั ประเทศทีห่ ่างกนั ได้ 5. สามารถใช้เป็นเครอื่ งมือสาหรบั การประชุม สัมมนา การนาเสนอความคิดจากคนหมู่มากที่สามารถ อพั เดทข้อมลู ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 6. สามารถใช้เป็นหอ้ งเรียนเสมอื นสาหรบั การอภิปรายแสดงออกทางความคิด 7. สามารถใชเ้ ป็นเคร่ืองมือสาหรับการสรา้ งประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยี เป็นเครื่องมือการ เพื่อคน้ พบแหล่งความรใู้ หม่ 8. สามารถใชเ้ ป็นเครอ่ื งมือเพื่อสร้างเครอื ข่ายกลมุ่ คนทมี่ ีความสนใจร่วมกนั 9. สามารถใช้เปน็ เครอื่ งมอื สาหรับสะทอ้ นความคิดเหน็ ของผู้เรียนและผูส้ อน 10. สามารถให้ผลลัพธ์ทางด้านการอัพเดทข่าวสารได้มีประสิทธิภาพมากกว่า อาร์เอสเอสฟีด (RSSfeed) ง่ายตอ่ การรับและการสง่ ข้อมลู เพราะมีช่องทางในการใชบ้ ริการท่ีหลากหลาย ในการนาทวิตเตอรม์ าใช้เพ่ือเป็นส่วนหนง่ึ ในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อใหผ้ เู้ รียนศึกษาค้นคว้าข้อมูล เพม่ิ เตมิ โดยผสู้ อนสามารถนามาประยุกต์ใชไ้ ด้ ดังนี้ 1. แนะนาให้ผเู้ รยี นติดตามผเู้ ชยี่ วชาญในหวั ขอ้ ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การเรยี นการสอนในเนอ้ื หาวิชา 2. นาเสนอและติดตามหัวข้อท่ีสนใจโดยการใช้แท็กที่ขึ้นต้นด้วย # (hash tag) ซึ่งหากผู้ใช้ทวิตเตอร์ คลิกทแี่ ทก็ ดงั กล่าวกจ็ ะเห็นขอ้ ความทวตี ที่มีแท็กเหลา่ นัน้ 3. สรา้ งกลมุ่ ทส่ี นใจเร่ืองเดียวกันหรือเข้ารว่ มเรยี นวิชาเดยี วกันหรือกจิ กรรมเดียวกนั โดยการใชแ้ ท็กท่ี ข้ึนต้นด้วย # ข้อความที่เกี่ยวข้องกับวิชาน้ีจะมีแท็กที่ขึ้นต้นด้วย #xmlws นอกจากน้ีได้ใช้ฟังก์ชันรายชื่อ (list) ของทวิตเตอร์เพ่ือดูข้อความทวีตของผู้เรียนทุกคนในวิชาท่ีสอน ซ่ึงการใช้ฟังก์ชันรายชื่อน้ีเปรียบเสมือน การสรา้ งกลมุ่ ซง่ึ ในทน่ี ้กี ค็ ือกลมุ่ ของบัญชีทวติ เตอรข์ องผู้เรียนทสี่ อน
6 4. Media Sharing เป็นเว็บไซต์ท่ีให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดรูปภาพ แฟ้มข้อมูล เพลง หรือวิดีโอเพ่ือแบ่งปัน ใหก้ บั สมาชิก หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน ตวั อย่างเว็บไซต์ที่เป็น Media Sharing เช่น Youtube, Flickr และ 4shared เป็นตน้ ตัวอย่างการใช้ Youtube ในการจัดการเรียนการสอน Youtube เป็นเว็บไซต์ที่มีลักษณะเปิดให้ใครก็ได้นาคลิปวิดีโอที่ตนมีอยู่ไปฝากไว้ โดยใช้ระบบการ ให้บรกิ ารโดยใช้โปรแกรมAdobe Flash เรยี บเรียงเน้อื หาบนเว็บไซตร์ วมไปถึงไฟลว์ ีดิโอต่างๆ และสามารถนา ฟังก์ชันต่างๆ ทเ่ี ว็บสรา้ งขึ้นมาไปชว่ ยในการเผยแพร่คลิปนั้นๆ โดยมีเครอื่ งมือท่ีสาคัญคือ Embed Code ที่ใช้ สาหรับแพร่กระจายคลปิ ตา่ งๆ ไปยังเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก โดยผู้ใช้สามารถใสภ่ าพวีดิโอเข้าไป เปิดดูภาพวีดโิ อ ท่ีมีอยู่และแบ่งปันภาพวีดิโอให้ผอู้ ่ืนดูได้ ใน YouTube จะมีข้อมูลเน้ือหารวมถึงคลิปภาพยนตร์สั้นๆ และคลิป ท่ีมาจากรายการโทรทัศน์ มิวสิกวิดีโอ และวิดีโอบล็อกลิ้ง โดยไฟล์วีดิโอที่เผยแพร่อยู่บนเว็บไซต์ส่วนใหญ่เป็น เพียงไฟล์คลิปสั้นๆ เท่าน้ัน ความยาวเพียงไม่ก่ีนาที ทาให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าชมได้ง่าย โดยมีการแบ่ง ประเภทและจัดอันดับไฟล์วีดิโอ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ล่าสุด ไฟล์ที่มีผู้ชมมากท่ีสุด ไฟล์ท่ีได้รับความนิยมมากที่สุด เพื่อให้ผู้ชมสามารถเลือกชมได้อย่างสะดวก และยังมีบริการท่ีสามารถดูวีดิโอได้ทีละเฟรม โดยเลือกดูส่วนใด ของวีดโิ อก็ได้ ในการนา Youtube มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการเรยี นการสอน สามารถทาไดด้ งั นี้ 1. ใช้เปน็ สอื่ ประกอบการเรียนการสอน เชน่ สาธิตวิธกี ารทาอาหารเพ่ือใหผ้ เู้ รียนเหน็ ภาพจริงสามารถ นาไปปฏิบัติได้ หรือสอนภาษาอังกฤษ เพ่ือดึงดูดความสนใจของผู้เรียน และผู้เรียนสามารถนาไปต่อยอดการ เรียนร้ไู ด้ 2. ผู้สอนสร้างกลุ่มของผู้เรียนแต่ละกลุ่ม จากน้ันใช้ Youtube ในการเผยแพร่ผลงานของผู้เรียน โดย ให้ผู้เรียนจัดทาผลงานจากนั้นนาเสนอผลงานผ่านทาง Youtube จากนั้นแบ่งปันให้เพื่อนสามารถเข้าไปดู ผลงานได้ 3. ผ้เู รียนใชเ้ ป็นแหล่งสืบค้นขอ้ มูล ความรู้ ขา่ วสาร เพ่ิมเตมิ จากในหอ้ งเรยี น 5. Social News and Bookmaking เปน็ เว็บไซต์ทเ่ี ช่ือมโยงไปยังบทความหรือเนื้อหาในอินเทอร์เน็ต โดยผูใ้ ช้ เ ป็ น ผู้ ส่ ง แ ล ะ ส า ม า ร ถ ใ ห้ ค ะ แ น น แ ล ะ เ ลื อ ก บ ท ค ว า ม ห รื อ เ น้ื อ ห า ใ ด ท่ี น่ า ส น ใ จ ที่ สุ ด ไ ด้ ผู้ ใ ช้ สามารถ Bookmark เนื้อหาหรอื เว็บไซต์ทชี่ ืน่ ชอบได้ รวมทั้งยังแบ่งปันให้กับผ้อู ื่นไดด้ ว้ ย ตัวอย่างการใช้ Social News and Bookmarking ในการจดั การเรยี นการสอน Social News เป็นเว็บไซต์กลุ่มข่าวสารที่ผู้ใช้สามารถส่งข่าว โดยผสม social bookmarking บล็อก และการเชื่อมโยงเน้ือหาเว็บเข้าด้วยกัน และมีการกรองคัดเลือกเนื้อหาในลักษณะการร่วมลงคะแนนที่ทุกคน เทา่ เทียมกนั เนอ้ื หาข่าวและเว็บไซตจ์ ะถูกสง่ เข้ามาโดยผู้ใช้ จากนนั้ จะถกู เลอื่ นใหไ้ ปแสดงทห่ี นา้ แรกผา่ นระบบ การจัดอันดับโดยผู้ใช้ ซ่ึงข่าวอาจอยู่ในรูปแบบของส่ิงพิมพ์ การกระจายเสียง อินเทอร์เน็ต การบอกเล่า เร่ืองราวของบุคคลอ่ืน หรือกลุ่มคน Social Media ชนิดน้ีเป็นเคร่ืองมือในการบอกต่อและสร้างจานวนคนเขา้ มายังทเ่ี วบ็ ไซต์ ตวั อยา่ งเวบ็ ไซตป์ ระเภทนี้ เชน่ Current TV , หนงั สอื พมิ พ์ออนไลน์ เปน็ ตน้
7 Social Bookmarking เป็นบริการบนเว็บไซต์สาหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ต โดยการแบ่งปันการคั่นหน้าไว้ บนเว็บไซต์ผู้ให้บริการ เพื่อรวบรวม จัดเก็บ แบ่งหมวดหมู่ สืบค้น และโดยเฉพาะเพื่อการแบ่งปันเว็บไซต์หรือ เนือ้ หาบนเว็บไซตแ์ กค่ นอื่นๆ ท่ีสนใจ ซง่ึ เปน็ ส่วนหนง่ึ ของ Social News เช่น Digg เป็นตน้ ในการนา Social News และ Social Bookmarking มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน ผู้สอนอาจ ใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมเน้ือหา หรือนาเนื้อหาในข่าวมาเป็นประเด็นคาถามในการเรียนเพ่ือฝึกให้ ผู้เรียนได้คิดวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ โดยอาจทาได้หลายวิธี เช่น ผู้สอนเป็นผู้นาข่าวมาเป็นประเด็นให้ผู้เรียน ตอบ ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันหาเน้ือหาแล้วนามาอภิปรายร่วมกัน หรือให้ผู้เรียนจัดกลุ่มแล้วช่วยกันเลือก ประเด็นแล้วอภิปรายภายในกลุ่ม โดยใช้ Social Bookmarking เป็นแหล่งในการรวบรวมความรู้และจัดเก็บ ขอ้ มูลจากการสืบคน้ ของกลมุ่ เพื่อแบง่ ปนั ใหเ้ พื่อนในหอ้ ง เปน็ ตน้
8 การสงั เคราะห์การใช้ Social Media ในการเรียนการสอนจากงานวจิ ัย ตารางที่ 2 สังเคราะห์การใช้ Social Media ในการเรียนการสอน เครือ่ งมือทีใ่ ช้ รูปแบบการเรยี น การสอน ที่ ปี ชือ่ งานวิจัย/บทความ ผวู้ ิจยั /ผเู้ ขยี น Facebook การสืบสอบแบบ 1 2555 ผลการจัดการเรียนรบู้ นสอ่ื ญาณี นาแถมพลอย สงั คมออนไลน์ด้วยการสืบ ชื่นชม สอบแบบชนื่ ชมจากกรณี ตัวอยา่ งท่มี ีตอ่ การคดิ ข้นั สูง Facebook การเรียนรูแบบมี สาหรับนกั เรยี นมัธยมศึกษา Google สว่ นรว่ ม ปีท่ี 3 : การวเิ คราะห์ YouTube เครือข่ายสงั คมออนไลน์ Google Sites การรว่ มมอื กนั 2 2555 ผลของบทเรียนบนเวบ็ ท่ีมี ศศิธร สุดประโคน Google เรยี นรู้ การประยุกตใช้ส่ือสงั คม Documents ออนไลน เร่ือง ความรู Facebook พืน้ ฐานเกีย่ วกบั คอมพิวเตอร ตอผลสัมฤทธ์ิ Facebook ทฤษฎกี ารสร้าง ทางการเรียนของนักเรียน Slide share องค์ความรดู้ ้วย ชนั้ ประถมศึกษาปท่ี 5 YouTube ตนเอง 3 2557 ผลการเรยี นดว้ ยเทคนคิ การ นางขนิษฐา ทวศี รี รว่ มมือกนั เรียนรู้แบบบรู ณา การการอ่านและเขียน เรยี งความผา่ นสอื สังคม ออนไลนท์ ีีม่ ตี ่อ ความสามารถในการเขียน เรียงความของนักเรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 4 2557 ผลการจดั การเรียนการสอน สมพศิ วงษ์ประเทศ โดยใช้ส่ือสงั คมออนไลนต์ าม ทฤษฎีการสร้างองคค์ วามรู้ ด้วยตนเอง เรอ่ื ง การสร้าง งานนาเสนอ สาหรบั
9 ท่ี ปี ชือ่ งานวจิ ัย/บทความ ผูว้ ิจยั /ผู้เขยี น เครอ่ื งมอื ทีใ่ ช้ รูปแบบการเรียน การสอน นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 5 2557 การพฒั นารปู แบบการเรยี น สุรศักดิ์ สินประกอบ Facebook ปัญหาเปน็ ฐาน โดยใช้ปญั หาเป็นฐานบนสื่อ Comment สงั คมออนไลนร์ ว่ มกบั Facebook เทคนิคการสืบคน้ ข้อมลู เพื่อ Group Zap ส่งเสรมิ ความสามารถในการ Social คิดอยา่ งมวี ิจารณญาณของ Bookmark นิสติ ปรญิ ญาบณั ฑิต Beta Docs 6 2557 การพัฒนารูปแบบการเรยี น ธีระศาสตร์ อายเุ จริญ Facebook การเรยี นรเู้ ปน็ ทีม การสอนแบบผสมผสานดว้ ย การเรียนรู้เปน็ ทมี ตาม แนวคิดชมุ ชนนกั ปฏิบัตโิ ดย ใช้ส่อื สังคมออนไลน์เพื่อ ส่งเสรมิ ความใฝ่รู้ของนิสิต ปริญญาตรสี าขาวชิ า เทคโนโลยกี ารศึกษา 7 2558 ผลการสอนแบบบทบาท วนดิ า บญุ พเิ ชฐวงศ์ Facebook บทบาทสมมติ สมมตเิ สริมดว้ ยสอื่ สงั คม YouTube ออนไลนต์ อ่ ผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรียนวิชาการงาน อาชพี และเทคโนโลยีและ พฤติกรรมการแสดงออกมี่ เหมาะสมของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 8 2559 การพัฒนาความสามารถใน มนิ ตรา กนั คา Google การจัดการเรยี นรู้ การคิดวเิ คราะห์ ดว้ ยการจัด Classroom โดยใชร้ ปู แบบซปิ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ตาม Facebook ปา (CIPPA รปู แบบการสอนแบบซปิ ปา Model) ร่วมกบั สื่อสงั คมออนไลน์
10 ท่ี ปี ช่ืองานวจิ ัย/บทความ ผูว้ ิจัย/ผู้เขยี น เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ รูปแบบการเรยี น การสอน วชิ าเทคโนโลยี สารสนเทศ และการส่ือสาร ของ Facebook ปญั หาเป็นฐาน นักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี YouTube 5 โรงเรียนกาฬสนิ ธพุ์ ิทยา Line สรรพ์ Google 9 2559 การพัฒนากิจกรรมการ พิชิตทอง ครองพล เรยี นรู้ฟสิ กิ ส์โดยใชป้ ญั หา ขวา Google Sites จิก๊ ซอว์ เป็นฐานรว่ มกับสอ่ื สังคม Google ออนไลน์ทีส่ ง่ เสริม Documents ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น Google ความสามารถในการ Classroom แกป้ ัญหาทางวิทยาศาสตร์ Facebook และความใฝ่รใู้ ฝ่เรยี น ของ นกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 10 2560 การพฒั นาทกั ษะการทางาน ประภาภรณ์ พล เปน็ ทมี โดยใช้การจัดการ เยีย่ ม เรยี นร้แู บบจก๊ิ ซอว์ 2 ร่วมกับส่อื สังคมออนไลน์ สาหรับนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5
11 ตารางท่ี 3 การใช้ Social Media ในการเรียนการสอน Social Media ท่ี ลกั ษณะการเรยี นการ Facebook สอน YouTube Google Google Sites Google Docs Google Classroom Slide share Groups Social Bookmark Beta Docs Line 1 การสืบสอบแบบชน่ื ชม - - - - - - - - - - 2 การรว่ มมือกันเรยี นรู้ / - - - - - - การเรียนรูแบบมสี ว่ น ร่วม 3 ทฤษฎีการสร้าองค์ - - - - - - - - ความรดู้ ้วยตนเอง 4 ปัญหาเปน็ ฐาน - - - - 5 การเรยี นรเู้ ป็นทีม - - - - - - - - - - 6 บทบาทสมมติ - - - - - - - - - 7 การจดั การเรยี นร้โู ดย - - - - - - - - - ใช้รปู แบบซปิ ปา (CIPPA Model) 8 จิก๊ ซอว์ - - - - - - -
ตารางท่ี 4 สรุปการใช้ Social Media ในการเรียนการสอน 12 Social Media/จานวนเรื่อง คิดเปน็ ที่ ลักษณะการเรยี น Facebook รอ้ ยละ การสอน YouTube Google Google Sites Google Docs Google Classroom Slide share Groups Social Bookmark Beta Docs Line 1 การสืบสอบแบบชื่น 1 - - - - - - - --- 3.70 ชม 2 การรว่ มมอื กัน เรยี นรู้/ การเรยี นรู 2 1 1 1 1 - - - - - - 22.22 แบบมสี ว่ นร่วม 3 ทฤษฎีการสรา้ องค์ 1 1 - - - - 1 ---- 11.11 ความรดู้ ว้ ยตนเอง 4 ปัญหาเป็นฐาน 2 1 1 - - - - 1 1 1 1 29.63 5 การเรียนรเู้ ป็นทีม 1 - - - - - - - - - - 3.70 6 บทบาทสมมติ 1 1 - - - - - - - - - 7.41 7 การจัดการเรียนรู้ โดยใชร้ ูปแบบซปิ 1- --- 1 - - --- 7.41 ปา (CIPPA Model) 8 จิ๊กซอว์ 1 - - 1 1 1 - - - - - 14.82 จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับการนา Social Media มาใช้ในการจัดการเรียนการ สอนในประเทศจานวน 10 เร่อื ง พบว่า มลี ักษณะการเรียนการสอนท้ังหมด 8 แบบ ลักษณะการเรยี นการสอน แบบใช้ปัญหาเป็นฐานมีการนา Social Media มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนมากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 29.63 รองลงมาคอื ลักษณะการเรยี นการสอนแบบรว่ มมือกนั เรยี นรู้/ การเรียนรู้แบบมสี ่วนรว่ ม คดิ เป็นร้อยละ 22.22 รองลงมาคือลักษณะการเรียนการสอนแบบจ๊ิกซอว์ คิดเป็นร้อยละ 14.82 และลักษณะการเรียนการ สอนที่มีการนา Social Media มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนน้อยท่ีสุดคือการสืบสอบแบบช่ืนชมและการ เรียนรู้เป็นทมี คดิ เปน็ รอ้ ยละ 3.70 ซง่ึ Social Media ทใี่ ชใ้ นการจดั การเรียนการสอนมากท่ีสุดคอื Facebook
13 บรรณานกุ รม แสงเดือน ผ่องพุฒ. (2556). ส่ือสังคมออนไลน์ : แนวทางการนํามาประยุกต์ใช้ (Social media : How to application). [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : http://library.senate.go.th/document/Ext6685/668 5991_0004.PDF [13 กมุ ภาพันธ์ 2562] สื่อสังคมออนไลน์กับการเรียนการสอน. [ออนไลน์]. แหล่งท่ีมา : https://smforedu.blogspot.com/2014 /02/blog-post_802.html [14 กมุ ภาพันธ์ 2562] ญาณี นาแถมพลอย. (2555). ผลการจัดการเรียนรู้บนส่ือสังคมออนไลน์ด้วยการสืบสอบแบบช่ืนชมจาก กรณีตัวอย่างท่ีมีต่อการคิดขั้นสูงสําหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 : การวิเคราะห์เครือข่ายสังคม ออนไลน์. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ศศิธร สุดประโคน. (2555). ผลของบทเรียนบนเว็บท่ีมีการประยุกตใช้สื่อสังคมออนไลน เร่ือง ความรูพื้นฐาน เกี่ยวกับคอมพิวเตอร ตอผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปท่ี 5. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าเทคโนโลยีการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น. นางขนิษฐา ทวีศรี. (2557). ผลการเรียนด้วยเทคนิคการร่วมมือกันเรียนรู้แบบบูรณาการการอ่านและเขียน เรียงความผ่านสือสังคม ออนไลน์ท่ีีมีต่อความสามารถในการเขียนเรียงความของนักเรียนช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี 6. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร. สมพิศ วงษ์ประเทศ. (2557). ผลการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ส่ือสังคมออนไลน์ตามทฤษฎีการสร้างองค์ ความรู้ด้วยตนเอง เร่ือง การสร้างงานนําเสนอ สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบณั ฑิต สาขาวชิ าเทคโนโลยีการศึกษา มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง. สุรศักดิ์ สินประกอบ. (2557). การพัฒนารูปแบบการเรียนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานบนส่ือสังคมออนไลน์ร่วมกับ เทคนิคการสืบค้นข้อมูล เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนิสิตปริญญา บัณฑิต. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษา จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . ธีระศาสตร์ อายเุ จริญ. (2557). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานด้วยการเรียนรู้เปน็ ทีมตาม แนวคิดชุมชนนักปฏิบัติโดยใช้ส่ือสังคมออนไลน์เพื่อส่งเสริมความใฝ่รู้ของนิสิตปริญญาตรีสาขาวิชา เทคโนโลยีการศึกษา. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
14 วนิดา บุญพิเชฐวงศ์. (2558). ผลการสอนแบบบทบาทสมมติเสริมด้วยสื่อสังคมออนไลน์ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยีและพฤติกรรมการแสดงออกม่ีเหมาะสมของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัย ราชภัฏอดุ รธานี. มินตรา กันคา. (2559). การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตาม รูปแบบการสอนแบบซิปปา รว่ มกบั ส่ือสงั คมออนไลน์ วชิ าเทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสาร ของ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนกาฬสินธ์ุพิทยาสรรพ์. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าคอมพิวเตอรศ์ ึกษา มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม. พิชิตทอง ครองพลขวา. (2559). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ฟิสิกส์โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับส่ือสังคม ออนไลน์ทส่ี ง่ เสริมผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น ความสามารถในการ แก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ และความ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอน วิทยาศาสตร์และคณติ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. ประภาภรณ์ พลเยี่ยม. (2560). การพัฒนาทักษะการทํางานเป็นทีมโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบจ๊ิกซอว์ 2 ร่วมกับส่ือสังคมออนไลน์ สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าคอมพวิ เตอรศ์ ึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: